ดีไซน์ของตระกูล Optimus หลังๆ มานี้ จะออกแนวสี่เหลี่ยมๆ ครับ มีขอบมนๆ นิดหน่อยเท่านั้น และแน่นอน LG Optimus L5II นี่ก็เช่นกัน

หนึ่งใน Android smartphone จากค่าย LG ที่มุ่งหวังเจาะตลาดลูกค้าระดับล่าง ที่พอจะมีกำลังซื้อมากหน่อยครับ ด้วยสนนราคา 6,990 บาท นั่นคือ LG Optimus L5II ซึ่งเป็นภาคต่อจาก LG Optimus L5 ที่ดูจะได้รับเสียงตอบรับจากผู้ใช้งานพอสมควร...

ด้านหน้าของ LG Optimus L5II เป็นจอแสดงผลแบบ IPS LCD ขนาด 4 นิ้ว ที่มีความละเอียด 800x480 พิกเซล มีความหนาแน่นของพิกเซล อยู่ที่ 233ppi และรองรับการสัมผัสได้พร้อมๆ กัน 5 จุด...นานๆ จะได้เห็น Android smartphone ที่ราคาระดับนี้ แต่ใช้จอแสดงผล IPS LCD นะเนี่ย

จุดเด่นด้านหน้าอีกอย่างก็คือ ไฟ LED ที่อยู่ตรงปุ่ม Home ครับ โดยส่วนตัวชอบที่เอามาไว้ตรงนี้เหมือนกัน มันดูเด่นชัดและสวยดี แต่สิ่งที่หายไปก็คือ กล้องหน้าครับ น่าแปลกใจมาก ที่สมาร์ทโฟน สนนราคาระดับนี้ไม่มีกล้องหน้า

ด้านหลังไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ก็มีกล้องดิจิตอลความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อม LED Flash และมีลำโพงของตัวเครื่อง

ด้านบนเป็นช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และรูเล็กๆ ที่น่าจะเอาไว้ทำ Noise cancellation ครับ (แต่ในสเปกไม่ได้บอกเอาไว้ แต่ที่ผมทดสอบดู มันไม่ได้เอาไว้อัดเสียงเวลาถ่ายวิดีโอแน่ๆ)

ด้านล่างเป็นพอร์ต Micro USB เอาไว้เชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ และมีรูไมโครโฟนเล็กๆ ไว้เวลาสนทนา และอัดเสียงเวลาถ่ายวิดีโอ

ด้านซ้ายมีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มเรียก Quick Memo ของ LG ออกมา

ด้านขวามีปุ่มเปิด-ปิดหน้าจอเฉยๆ

ดีไซน์ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากไปกว่า ไฟ LED ตรงด้านหน้าของหน้าจอนะครับ แต่มันก็เป็น Android smartphone ที่มีขนาดเหมาะมือ และแม้ว่าจะมีขนาดหน้าจอ 4 นิ้ว แต่น้ำหนักของเจ้านี่เบาเอามากๆ ครับ แค่ 103.3 กรัมเท่านั้นเอง

แล้วสเปกกับประสิทธิภาพของ LG Optimus L5II ล่ะ

มาดูกันครับว่า สเปกของ LG Optimus L5II เป็นยังไงบ้าง ต้องย้ำก่อนนะครับว่าเจ้านี่เป็น Android smartphone ที่สนนราคา 6,990 บาทเท่านั้น ดังนั้น สเปกก็จะมาแบบสมน้ำสมเนื้อครับ
•  CPU: MTK6575 Single-core 1GHz
•  GPU: PowerVR SGX531
•  Display: IPS LCD 4″ 800×480 พิกเซล (233ppi) แสดงผลสี 16 ล้านสี และรองรับการสัมผัสพร้อมๆ กัน 5 จุด
•  RAM: 512MB
•  Internal storage: 4GB (เหลือใช้จริง 1.4GB)
•  Connectivity
o  2G: 850/900/1800/1900MHz
o  3G: 900/2100MHz
o  WiFi: 802.11a/b/g/n Dual-band
o  Bluetooth: 3.0 + A2DP
•   Camera: กล้องหลัง 5 ล้านพิกเซล พร้อม LED Flash กล้องหน้าไม่มี
•   Battery: 1,700mAh
•   Dimensions: 117.5 มม. x 62.2 มม. x 9.2 มม.
•   Weight: 103.3 กรัม

ดูๆ ไปแล้ว สเปกก็เป็นแบบสมราคาค่าตัวครับ อย่างที่เห็น เป็นแค่ Single-core CPU/GPU เท่านั้นเอง ดังนั้น ไม่ต้องคิดมากเรื่องประสิทธิภาพของมันครับ แต่ลองวัดประสิทธิภาพของมันดูด้วยโปรแกรม Benchmark ต่างๆ ดู ได้ผลการทดสอบตามนี้เลยครับ
[รูป benchmark]
คะแนนที่ได้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเลย สำหรับ CPU และ GPU แบบ Single-core ครับ (เทียบกับ Android smartphone ระดับไฮเอนด์ที่เป็น Single-core CPU/GPU เมื่อสมัยก่อน) การเล่นเกม 3D ในยุคแรกๆ แต่กราฟิกสวยๆ ของ Android ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร … แต่คงต้องไปลองของจริงถึงจะฟันธงได้ครับ

ประสบการณ์ในการใช้งาน LG Optimus L5II
ด้วยความเป็นระบบปฏิบัติการ Android ดังนั้น User Interface ของ LG Optimus L5II ก็แบ่งออกเป็น 3 ส่วนตามมาตรฐาน ได้แก่ Lock screen, Home screen และ App tray ครับ
LG Optimus L5II ยอมให้เราปรับแต่ง Lock screen ได้ ว่าอยากให้หน้าตาออกมาเป็นแบบไหน โดยแสดงนาฬิกา วันเดือนปีปัจจุบัน และข้อมูลอื่นๆ ได้จะเล็กหรือใหญ่ก็ได้ตามที่เราเลือก ใครไม่อยากเพ่งมาก ก็สามารถเลือกให้มันดูใหญ่ๆ ก็ได้

อาจเป็นเพราะสเปกของ LG Optimus L5II ก็เป็นได้ แต่ผมพยายามเต็มที่แล้วก็พบว่า มีหน้า Home screen ได้แค่ 3 หน้าเท่านั้นเอง (แปลกใจมาก เพราะปกติแล้ว Android ควรจะมีได้ซัก 7 หน้า) แต่โดยส่วนตัว ผมก็ว่ามันเพียงพอนะ (ปัจจุบันผมก็ใช้ Home screen แค่หน้าจอเดียวเอง)​

ในส่วน App tray นั้น ก็ยังสดใสตามสไตล์ของ LG ที่มีเพิ่มเข้ามาจาก App tray ปกติของระบบปฏิบัติการ Android ก็คือ มีแท็บ Downloads และ Wallpapers เพิ่มขึ้นมา และมีไอคอนสำหรับเข้าถึง Settings อย่างรวดเร็วด้วย

ในแง่ประสบการณ์ในการใช้งาน ต้องบอกว่า LG ทำได้ดีครับ แอนิเมชั่นต่างๆ ของตัวระบบปฏิบัติการ ถือว่าไม่ส่ออาการกระตุกใดๆ ชัดเจนเวลาใช้งาน ทั้งๆ ที่สเปกของ LG Optimus L5II นี่จะไม่ได้สูงมากมายอะไร และ Notification bar ของ LG ทำออกมาได้แบบเต็มพิกัดมากครับ เปิดปิดฟังก์ชั่นการใช้งานได้หลากหลายดี

จุดขายของ LG ตัวนึง ที่ดูเหมือนจะมาพร้อมกับ Optimus ทุกรุ่นซะแล้ว ก็คือ Quick Memo ครับ เป็นฟังก์ชั่นการจดโน้ตที่จะ Capture ภาพหน้าจอ แล้วให้ผู้ใช้งานสามารถขีดๆ เขียนๆ แต่งเติมอะไรต่อมิอะไรเข้าไปได้ตามใจชอบ ทำเสร็จแล้ว จะแชร์ หรือ จะเซฟเก็บเอาไว้ก็ได้

และแม้ว่า LG จะเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนสัญชาติเดียวกับ Samsung แต่แนวทางเรื่อง Bundled apps นี่แตกต่างจาก Samsung โดยสิ้นเชิงนะครับ LG ไม่มีอะไร “เยอะ” มากจนเกินไป คนที่ชอบของแถมเยอะๆ อาจจะรู้สึกโหวงๆ แต่คนที่ไม่ค่อยอยากให้มีอะไร “เยอะ” ก็จะรู้สึกว่า OK แต่ว่า LG เขาก็มี App พื้นฐานสำหรับผู้ใช้งานของตนมาให้นะครับ เช่น
•  LG Smart World ที่เป็นเหมือน App Store สำหรับผู้ใช้งาน Android smartphone ของ LG
•   RemoteCall Service เอาไว้ให้ตัวแทนของ LG ล็อกอินเข้ามายัง LG Optimus L5II เพื่อช่วยแก้ไขปัญหา

•  Safety Care ที่ช่วยแจ้งสถานการณ์ฉุกเฉินของผู้ใช้งานให้คนอื่นได้ทราบโดยอัตโนมัติ เช่น กรณีที่เราโทรเบอร์ฉุกเฉิน ก็จะส่งข้อมูลพิกัดที่อยู่ปัจจุบันของเรา ไปยังเบอร์ติดต่อที่เรากำหนดไว้ด้วย, หากผ่านไประยะเวลาหนึ่งแล้วยังไม่มีการใช้งานโทรศัพท์ ก็จะมีการส่งพิกัดที่อยู่ไปยังที่อยู่ติดต่อที่กำหนดไว้ หรือหากมีเบอร์ติดต่อที่เรากำหนดไว้โทรมา ก็จะมีการส่งข้อมูลพิกัดที่อยู่กลับไปโดยอัตโนมัติ (อันนี้มีประโยชน์กรณีจะคอยเฝ้าระวังว่าลูกหลาน หรือปู่ย่า อยู่ที่ไหน)

และฟีเจอร์ที่ดูเหมือน LG จะไม่ขาดตกบกพร่อง นั่นคือ FM Radio ครับ แม้ว่าปัจจุบันนี้ใครๆ ส่วนใหญ่เขาจะฟังวิทยุออนไลน์กันแล้ว แต่การมี FM Radio แบบ Analog ก็ช่วยให้ประหยัดแบนด์วิธไปได้เยอะนะ โดยเฉพาะสำหรับคนที่สมัครแพ็กเกจ 3G แบบไม่แพงเอาไว้ ใช้ความเร็วสูงสุดได้แค่ 500MB–1GB อะไรทำนองนี้

ในการเปิดและแก้ไขเอกสาร Microsoft Office (โดยส่วนตัวผม การอ่านเอกสารบนสมาร์ทโฟนพอรับได้ แต่แก้ไขบนสมาร์ทโฟน ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ไม่น่าทำเลย เหอๆ) ก็สามารถทำได้ครับ เพราะมีการติดตั้ง Polaris Office มาให้ไว้แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นโปรแกรมจัดการเอกสาร Microsoft Office ที่ดีตัวนึงเลยล่ะ

ทั้งนี้ ในภาพรวม ผมค่อนข้างประทับใจกับความลื่นไหลในการใช้งาน LG Optimus L5II พอสมควรเลยครับ รวมถึงหน้าจอแสดงผลด้วย เรียกว่า เป็น Android smartphone ราคา 6.990 บาท ที่ดูดีทีเดียว และรองรับการใช้งานในฐานะสมาร์ทโฟนได้ค่อนข้างจะเต็มรูปแบบ จะติดก็เพียงแค่ว่าหน่วยความจำน้อยไปหน่อย แค่ 512MB และ Internal storage ก็น้อยไปหน่อยคือ 4GB ซึ่งเหลือมาให้ใช้แค่ 1.4GB นี่ขนาดไม่ค่อยมี Bundled app เท่าไหร่เลยนะ


การใช้งาน LG Optimus L5II ในด้านมัลติมีเดีย

ตัว Video player ของ LG Optimus L5II นั้น มีการเพิ่มลูกเล่น Gesture เข้าไปครับ ไม่จำเป็นต้องไปแตะที่ตัว Scroll ของวิดีโอเพื่อเลื่อนวิดีโอไปหน้า หรือถอยหลัง แต่ใช้ Gesture ลากนิ้วไป ซ้าย-ขวา เพื่อเลื่อนวิดีโอได้เลย หรือจะลาก บน-ล่าง เพื่อปรับความสว่างก็ได้

ผมคาดหวังว่าแม้จะเป็นแค่ Single-core CPU/GPU แต่ก็น่าจะเล่นไฟล์วิดีโอได้ซัก 720p นะ ซึ่งมันก็เปิดได้จริงๆ แต่ว่าสเปกมันไม่แรงพอที่จะเล่นได้อย่างลื่นไหลครับ ผลคือ กระตุกทั้งภาพและเสียงเลย...สรุปคือ เล่นไฟล์วิดีโอ 480p จะดีที่สุด

ก็พอรับได้ครับ ด้วยความละเอียดหน้าจอ 800×480 พิกเซล การดูวิดีโอความละเอียด 480p นี่ เลยดูเหมาะสมดีอยู่ครับ
คุณภาพเสียงนั้นต้องบอกว่าค่อนข้างธรรมดา ไม่ได้แสดงย่านเสียงใดเด่นเป็นพิเศษ แต่มีข้อดีเรื่องความชัดเจน ให้เสียงที่มีน้ำหนักค่อนข้างดี นุ่มนวล ไม่แข็งกระด้าง แม้จะลองเสียงหูฟัง ดูแล้ว ก็ยังโทรเสียงยังคงธรรมดา เหมือนกับเสียงจากลำโพง แต่ก็ยังมีมิติที่ดีเลยทีเดียว การแยกย่านเสียงก็ทำได้ดี ไม่ปนหรือทับกัน ระบบขยายเสียงก็ทำได้ดี ให้ลักษณะเสียงที่คงที่ และไม่แตกพร่าหรือเบลอตอนขยายเสียงดังๆ

ลองเอา LG Optimus L5II มาเล่นเกมดูบ้าง

หากคิดว่าจะซื้อ LG Optimus L5II มาเล่นเกม แนะนำว่าใส่ MicroSD card เข้าไปด้วยนะครับ เพราะแม้จะมี Internal storage มาให้ 4GB แต่ก็โดนทั้งระบบปฏิบัติการ และ App อื่นๆ ซัดไปพอสมควรเลย จนเหลือเนื้อที่ให้ใช้จริงๆ แค่ 1.4GB เท่านั้นเอง ทำให้ไม่สะดวกที่จะลงเกมอะไรที่มีขนาดใหญ่ๆ เว้นแต่จะใส่ MicroSD card เสริมเข้าไป

ลองเล่น Asphalt 7: Heat ดู ก็พบว่าเล่นได้ครับ ได้กราฟิกที่โอเคทีเดียวเลย แต่ว่าตอนเล่นเข้าจริงๆ ก็มีปัญหาเรื่องการตอบสนองกับพวก Accelerometer และ Touch screen ครับ รู้สึกได้เลยว่าบังคับรถไม่ได้ดั่งใจ และกดพวกไนโตรก็ไม่ค่อยติด ต้องกดย้ำๆ หน่อย (การตอบสนองนี้เป็นผลจากเกม ไม่เกี่ยวกับการใช้งานโดยทั่วไปแต่อย่างใด) และที่สำคัญที่สุดคือ Frame rate ต่ำพอสมควร เห็นอาการกระตุกชัดเจน … ถ้าจะเล่นจริงๆ ก็คงต้องหาเกมที่กราฟิกจัดหนักจัดเต็มน้อยกว่านี้

การถ่ายรูปและวิดีโอด้วย LG Optimus L5II

User Interface ของ LG นั้น มีความคล้ายคลึงกับคู่แข่งร่วมชาติเอามาก สงสัยเพราะมาจากประเทศเดียวกัน (ฮา) แต่แทนที่จะให้ผู้ใช้งานกำหนดเสียงสั่งชัตเตอร์ ก็มีการกำหนดเป็นคำมาตรฐานที่เขาใช้ๆ กัน ทั้งในเกาหลีและในต่างประเทศแทน ได้แก่ ชีส (Cheese), สไมล์ (Smile), วิสกี้ (Whisky), กิมจิ (Kimchi) และ แอลจี (LG)

ที่ LG ทำได้ดีกว่าคู่แข่งร่วมชาติก็คือ คุณสมบัติ Tap-to-Focus ที่สามารถปรับได้ทั้งโฟกัส และ Exposure ของภาพด้วย และเท่าที่ลองใช้งาน แม้ว่าจะเป็น Android smartphone ราคาประหยัด แต่ตัวซอฟต์แวร์ทำออกมาได้ดี Auto white balance ก็ฉลาดดี และสามารถทำสมดุลสีขาวได้ถูกต้องดีครับ

คุณภาพของภาพถ่ายนั้นต้องบอกว่า สีสัน โอเค เลยทีเดียว ไม่สดไป ไม่จืดเกินเหตุ ภาพที่ถ่ายออกมาไม่มืดมาก … แต่ผมตั้งข้อสังเกตว่า ชัตเตอร์แม้จะดูเหมือนเร็ว แต่มืออาจจะต้องนิ่งนิดหน่อย เพราะโอกาสโฟกัสเบลอสูงอยู่ แล้วเราอาจจะไม่รู้ตัว หากไม่เปิดรูปขึ้นมาดู แล้วขยายให้สุดๆ ผมลองถ่ายสามรูปแล้ว มารู้ตอนหลังว่าเบลอนิดๆ นี่แหละ

ในการถ่ายวิดีโอ ไม่ต้องคิดมากครับ เล่นไฟล์ 720p ไม่ได้ ก็ไม่ต้องคิดว่าจะถ่ายวิดีโอ 720p ได้นะครับ ความละเอียดที่ถ่ายได้สูงสุดคือ VGA (640×480 พิกเซล) หรือที่หลายๆ คนเรียก Standard Definition (SD) นั่นแหละ คุณภาพของวิดีโอที่ถ่ายถือว่าโอเคครับ แต่น่าเสียดายที่ในโหมดถ่ายวิดีโอนี้ Tap-to-Focus ใช้ไม่ได้ครับ ต้องพึ่ง Auto Focus และ Auto Exposure เอาสถานเดียว

บทสรุปของการรีวิว LG Optimus L5II

ถ้าคุณไม่ติดว่าจะต้องเอายี่ห้อยอดฮิตในปัจจุบัน ผมว่า LG Optimus L5II ก็ถือว่าน่าสนใจครับ จุดเด่นของมันจริงๆ ผมคงต้องบอกว่าเป็นเรื่องของหน้าจอแสดงผล ที่เลือกใช้ IPS LCD ครับ ปกติสนนราคาระดับนี้ ส่วนใหญ่จะใช้ TFT LCD ธรรมดา และมักจะคุณภาพไม่สูง มุมมองของภาพแคบ เวลาดูแล้วจะรู้สึกว่าหน้าจอเป็นเงาๆ

สเปก Single-core MTK6575 1GHz นี่ไม่ได้แรงเลิศ แต่ก็เพียงพอที่จะให้ประสบการณ์ในการใช้งานที่ไม่ขัดเขิน ส่วนหนึ่งก็ต้องยกความดีความชอบให้กับ LG ด้วย ที่ทำ User Interface (และรวมถึง Firmware) ออกมาได้ค่อนข้างโอเคครับ แต่นั่นก็ทำให้ผมแนะนำว่า หากจะซื้อมาเล่นเกมล่ะก็ อย่าไปเล่นพวก 3D เกม แบบกราฟิกจัดหนักจัดเต็มล่ะ เล่นเกม 2D ธรรมดาๆ แทน จะได้ประสบการณ์ในการใช้งานที่ดีกว่าครับ

คงเดช กี่สุขพันธ์

ข่าวคอมพิวเตอร์ | ข่าวไอที | เว็บไอที | ทิปคอมพิวเตอร์ | คอมพิวเตอร์ | ไอที