ดีแทคเดินหน้าทดสอบสัญญาณการใช้งาน 77 จังหวัด สร้างความมั่นใจ ประเดิมอีสานภาคแรก ในโครงการ 77/77 อินเทอร์เน็ต ฟอร์ ออล โรด ทริป ผลักดันความเท่าเทียมในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตทุกพื้นที่ เชื่อการใช้งานอีสานยังเติบโตได้อีกมาก...
นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า โครงการ 77/77 ดีแทค อินเทอร์เน็ต ฟอร์ ออล โรด ทริป (77/77 Internet For All Road Trip) เป็นหนึ่งในวิสัยทัศน์ของ Internet for all ที่เกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นของดีแทค ที่ต้องการให้คนไทยทุกคนทั่วประเทศสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ ภายใน 3 ปี เพื่อการรับรู้ข้อมูลข่าวสารและโอกาสต่างๆ ที่เท่าเทียมกัน และส่งผลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในที่สุดด้วยการครอบคลุมของสัญญาณคุณภาพ บนโครงข่าย TriNet หนึ่งเดียวของไทยที่มีคลื่นความถี่มากที่สุด และมีแบนด์วิธที่กว้างที่สุด
การใช้งานอินเทอร์เน็ตในภาคอีสานยังเติบโตได้อีกมาก เพราะที่ผ่านมาประสบปัญหาการเข้าถึงโครงข่ายอินเทอร์เน็ตแบบเดิมที่มาตามสาย ทำให้มีอุปสรรคในการเข้าถึงของแต่ละพื้นที่ แต่ปัจจุบันด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี 3G จะทำให้การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเป็นไปอย่างเท่าเทียม และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ถ้าเทียบกับทุกภาคแล้วอัตราการเข้าถึงบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile penetration rate) ของภาคอีสานยังต่ำกว่าภาคอื่นคือ 64.12% ของจำนวนประชากรในภูมิภาค ในขณะที่กรุงเทพฯ มีอัตราการเข้าถึงบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่สูงสุดอยู่ที่ 84% ของประชากรในภูมิภาค นอกจากนั้น ภาคอีสานยังมีอัตราการเข้าถึงอุปกรณ์เทคโนโลยีสื่อสารและมีการใช้งานเพียง 21.5% ต่ำกว่ากรุงเทพฯ ซึ่งสูงถึง 44.4% ของจำนวนประชากรในภูมิภาค แนวโน้มที่น่าสนใจคือภาคอีสานกลับมีอัตราการเติบโตการใช้ดาต้าสูงสุดกว่าทุกภูมิภาคในประเทศไทย คือ จาก 8% เป็น 13% ภายใน 6 เดือน ซีอีโอ ดีแทค กล่าว
นายจอน กล่าวต่อว่า ภาคอีสานมีประชากรคิดเป็น 1 ใน 3 ของประเทศ หรือกว่า 23 ล้านคน ดีแทคจึงให้ความสำคัญแก่ภาคอีสานไม่ต่างจากพื้นที่อื่นๆ ของประเทศไทย โดยเดินหน้าลงทุนพัฒนาโครงข่ายการใช้งานครอบคลุมทั้ง 850 MHz, 1800MHz และ 2100 MHz นั่นก็คือโครงข่ายอัจฉริยะ TriNet นั่นเอง และเร็วๆ นี้ดีแทคจะเปิดตัวมือถือโออีเอ็มที่ผลิตขึ้นมาสำหรับดีแทคโดยเฉพาะ เพื่อรองรับการใช้งานทั้ง 3 โครงข่ายในเครื่องเดียวทั้งแบบฟีเจอร์โฟน และสมาร์ทโฟนมาทำตลาดในราคาที่คุ้มค่าสำหรับลูกค้าดีแทค อีกทั้งยังมีแนวคิด More Choice เกิดจากกลยุทธ์การมุ่งให้ความสำคัญกับลูกค้า เพื่อนำมาสร้างสรรค์แพ็กเกจบริการที่หลากหลาย ในระดับราคาที่มีความเหมาะสม คุ้มค่าที่สุด ตอบสนองลูกค้าทุกกลุ่มทั่วประเทศ จึงเป็นครั้งแรกที่ลูกค้าจับคู่แพ็กเกจการใช้โทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตได้ตามการใช้งานจริงด้วยตัวเอง
ซีอีโอ ดีแทค กล่าวอีกว่า นอกจากนั้น ดีแทคยังได้ปรับเปลี่ยนศูนย์บริการดีแทค และลงทุนครั้งใหญ่เป็นการลงทุนกว่า 150 ล้านบาทในภาคอีสาน โดยนำความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมาเป็นโจทย์ในการออกแบบบริการต่างๆ ตามแนวคิด Customer Centricity แนวคิดใหม่ที่มีคุณภาพเป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยสุดท้ายดีแทคได้จัดรูปแบบร้านเป็น 3 รูปแบบคือ ดีแทคฮอลล์ ดีแทคเซ็นเตอร์ และดีแทคเอ็กซ์เพรส เพื่อตอบสนองการขายและบริการแบบครบวงจร (Sales & Service Integration) ซึ่งมีมุมที่ลูกค้าจะได้ทดลองใช้งานและเลือกซื้อสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ต่างๆ มีบริการแนะนำการใช้งานเครื่องและเลือกแพ็กเกจที่เหมาะสม
นายจอน กล่าวด้วยว่า จากผลการศึกษาการใช้งาน 3G ระบุว่า การเพิ่มขึ้นของบริการ 3G จะส่งผลที่เป็นประโยชน์ต่อระดับการพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ โดยตรง และการเพิ่มขึ้นทุก 10% ของการใช้งานจาก 2G เป็น 3G จะทำให้รายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปี (GDP per captita) สูงขึ้นประมาณ 0.15% และจะช่วยเร่งกระตุ้นภาคเศรษฐกิจให้เกิดการจ้างงานเพิ่มมากขึ้น ภายใต้วิสัยทัศน์ Internet for All ดีแทคกำลังผลักดันหลายโครงการให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมกับสังคมไทย อาทิ โครงการ Best Start ซึ่งสืบเนื่องมาจากผลการศึกษาที่พบว่า ในแต่ละปีมีเด็กทารกแรกเกิดกว่า 5 หมื่นคนไม่ได้จดทะเบียนเกิด นำมาซึ่งปัญหาการเข้าถึงบริการสาธารณสุขและการเข้ารับการรักษา ทำให้ไม่ได้รับการรักษาและดูแลสุขภาพและการพัฒนาการทางร่างกายอย่างเหมาะสม รวมไปถึงหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่ได้เข้ารับการดูแลฝากครรภ์กับแพทย์ ดีแทคจึงได้ร่วมมือกับกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือ UNICEF เปิดการบริการ Mother and Child Information Service Center ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับแม่และเด็ก เพื่อการพัฒนาอนาคตของชาติที่ยั่งยืน และทางด่วนข้อมูลการเกษตร ที่เปิดช่องทางให้เกษตรกรไทยสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ทางด้านการเกษตรและการทำตลาดผ่านโครงข่ายมือถือดีแทค.