"ดีแทค" เผยเตรียมงบประมาณกว่า 6,000 ล้านบาท พัฒนาโครงข่ายในระยะ 3 ปี หวังขยายการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือให้มากขึ้น พร้อมเปิดตัวคอลเซ็นเตอร์ 10 ภาษา รับเออีซี...
เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. นายจอน เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค เปิดเผยว่า ภาคเหนือของประเทศไทย ถือเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญและสามารถสร้างเม็ดเงินจากการค้าขายในพื้นที่ได้มากกว่า 100,000 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ เชียงใหม่ยังได้รับเลือกเป็น 1 ใน 5 ของไมซ์ ซิตี้ (Mice City) หรือศูนย์กลางการจัดการแสดงสินค้าภายในประเทศอีกด้วย โดยที่ผ่านมาบริษัทได้มีการหารือเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการสื่อสารโดยตลอด
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีแทค กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าในพื้นที่ภาคเหนือราว 4 ล้านราย โดยสัดส่วนกว่า 94% ของลูกค้าในพื้นที่ดังกล่าวใช้งานระบบพรีเพด (เติมเงิน) โดยจำนวนดังกล่าวมีผู้ใช้งานดีไวซ์ ที่สามารถรองรับบริการ 3จี บนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ เพียง 800,000 ราย ทั้งยังพบว่าค่าเฉลี่ยการใช้งานอินเทอร์เน็ตของลูกค้าในภาคเหนือนั้นต่ำกว่าในพื้นที่อื่น ซึ่งถือเป็นโอกาสที่บริษัทจะผลักดันการใช้งานอินเทอร์เน็ต ฟอร์ ออล ภายใต้วิสัยทัศน์ของบริษัทที่ต้องการสนับสนุนให้ประชากรไทยสามารถเข้าถึงบริการอินเทอร์เน็ตได้ทุกพื้นที่ ซึ่งบริษัทได้เตรียมงบประมาณกว่า 6,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนโครงข่ายบนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ ภายในระยะเวลา 3 ปี สำหรับพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันมีสถานีฐานกว่า 3,000 สถานี ครอบคลุมจำนวนประชากรกว่า 80% ของพื้นที่
นายจอน กล่าวอีกว่า นอกจากการลงทุนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในโครงการอินเทอร์เน็ต ฟอร์ ออล บริษัทยังมีโครงการ 100,000 ชั่วโมงทำดี ซึ่งเชิญชวนให้พนักงานใช้เวลาในการทำความดีต่อสังคม ขณะเดียวกัน ก็ยังมีโครงการ 1,000,000 ชั่วโมงอินเทอร์เน็ต เพื่อให้เยาวชนไทยที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลได้ใช้งานอินเทอร์เน็ตจากแอร์การ์ดของดีแทค ซึ่งสามารถให้ประโยชน์ได้ราว 1,700 ชั่วโมงต่อโรงเรียนต่อปี หรือคิดเป็นจำนวนโรงเรียนที่ได้รับประโยชน์จากโครงการดังกล่าวกว่า 100 แห่งต่อปี
นายชัยยศ จิรบวรกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มลูกค้าดีแทค กล่าวว่า ภาคเหนือเป็นพื้นที่สำคัญ เนื่องจากมีลูกค้าดีแทคมากเป็นอันดับ 3 รองจากกรุงเทพฯ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากจังหวัดหลักอย่างเชียงใหม่และพิษณุโลก ยังมีเชียงรายและตาก ซึ่งมีความสำคัญในการค้าขายระหว่างพื้นที่ชายแดน
รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มลูกค้า ดีแทค กล่าวอีกว่า นอกจากคุณภาพโครงข่ายและสินค้า บริษัทยังให้ความสำคัญกับบริการผ่านช่องทางต่างๆ อาทิ บริการคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งบริษัทมี 2 ศูนย์ที่กรุงเทพฯ และอีก 2 แห่งที่ต่างจังหวัด โดยแห่งหนึ่งอยู่ในเชียงใหม่ มีคอนแทคเข้ามากว่า 5 ล้านคอนแทคต่อเดือน โดยเฉพาะช่องทางโซเชียลมีเดียและออนไลน์ ซึ่งเพิ่มกว่า 200% ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้พัฒนาการให้บริการคอลเซ็นเตอร์ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและแรงงานต่างชาติ ซึ่งปัจจุบันสามารถให้บริการลูกค้าได้ถึง 10 ภาษา อาทิ อังกฤษ ญี่ปุ่น จีน พม่า ลาว กัมพูชา มาลายู อินโดนีเซีย เวียดนาม ยาวี.