"ทรู มันนี่" เปิดตัวแอพพลิเคชั่นกระเป๋าเงินยุคใหม่ ทรู มันนี่ วอลเล็ต ตั้งเป้าผู้ใช้เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากเดิม หวังเป็นทางเลือกการใช้จ่ายยุคดิจิตอล...
เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทรู มันนี่ ถือเป็นอีกบริการที่ทำให้ภาพลักษณ์คอนเวอร์เจนซ์ ไลฟ์สไตล์ของบริษัทชัดเจนขึ้น และรองรับการเติบโตของบริการอี-มันนี่ (e-Money) ที่เติบโตตามตลาดอี-คอมเมิร์ซ (e-Commerce) และดิจิตอลคอนเทนต์ทั่วโลก ซึ่งทรู มันนี่ จะตอบโจทย์ในแนวคิดสมาร์ททุกการใช้จ่าย รองรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่และในพื้นที่ห่างไกล ที่มีพฤติกรรมการซื้อสินค้าและบริการออนไลน์มากขึ้น
นายปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา กรรมการผู้จัการ บริษัท ทรู มันนี่ จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้ทรูมันนี่ได้ปรับรูปลักษณ์การให้บริการใหม่ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์และการใช้จ่ายเงินในยุคดิจิตอลของคนในปัจจุบัน โดยล่าสุด ได้เปิดตัวนวัตกรรมแอพพลิเคชั่นทรูมันนี่ วอลเล็ต (TrueMoney Wallet) ให้ผู้ใช้สามารถจัดการเรื่องการเงินได้ด้วยตนเอง ภายใต้รูปแบบกระเป๋าเงินอัจฉริยะ โดยปัจจุบันมีจำนวนเงินที่ทำธุรกรรมบนทรู มันนี่ ประมาณ 30,000 ล้านบาทต่อปี และคิดเป็นอัตราการทำธุรกรรมเฉลี่ย 300 บาทต่อคน ต่อเดือน
กรรมการผู้จัดการ ทรู มันนี่ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีบัญชีกระเป๋าเงินบนทรู มันนี่ 6 ล้านราย โดยมีบัญชีที่มีความเคลื่อนไหว ราว 5 แสนรายต่อเดือน จากการเปิดตัวแอพพลิเคชั่นในครั้งนี้ ซึ่งมีจุดเด่นที่ความสะดวกและความง่ายในการใช้งานบริษัทตั้งเป้าเพิ่มยอดผู้ใช้งานต่อเดือนอีก 1 เท่าตัว หรือเป็น 1 ล้านรายต่อเดือน และตั้งเป้ามีรายได้เพิ่มขึ้น 15% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,900 ล้านบาท ตามกระแสการเติบโตของตลาดอี-มันนี่ และการชำระเงินทั่วโลก อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการลงทุนเพื่อพัฒนาบริการทรู มันนี่ อย่างต่อเนื่องราว 100 ล้านบาทต่อปี โดยหลังจากเปิดตัวแอพพลิเคชั่นในครั้งนี้ บริษัทจะพัฒนาฟังก์ชั่นการใช้งานต่อเนื่อง โดยจะเปิดตัวเฟสต่อไปในอีก 6 เดือนข้างหน้า
สำหรับแอพพลิเคชั่นทรู มันนี่ วอลเล็ต ประกอบด้วย 3 บริการ คือ เติมเงิน โอนเงิน และบริการชำระบิล ทั้งยังมีฟังก์ชั่นสแกนแอนด์เพลย์ (Scan&Play) ให้ผู้ใช้สามารถชำระค่าบริการต่างๆ ด้วยตนเองได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยในช่วงแรกผู้ใช้อุปกรณ์ในระบบปฏิบัติการไอโอเอส จะสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นดังกล่าวได้ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.เป็นต้นไป ส่วนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ คาดว่าจะพร้อมให้ดาวน์โหลดได้ภายในเดือน ต.ค. ส่วนระบบปฏิบัติการวินโดวส์โฟนนั้น บริษัทมองว่าตลาดยังค่อนข้างเล็กจึงยังไม่ได้พัฒนาแอพพลิเคชั่นในระบบดังกล่าว
นายปุณณมาศ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ บริษัทยังมองโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ เช่น อินโดนีเซียและเวียดนาม ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ที่บริษัทให้ความสนใจ เนื่องจากมีพาทเนอร์ ซึ่งเป็นบริษัทเกมได้เข้าไปทำธุรกิจโดยเปิดตลาดในประเทศดังกล่าวแล้ว บริษัทจึงตั้งเป้าเข้าสู่ตลาดในประเทศดังกล่าวภายในสิ้นปีหน้า.