บอร์ด กทค.ยังคลำหาทางออกรองรับสัญญาสัมปทานสิ้นสุดไม่เจอ ไม่มีทางออกที่ชัดเจนสำหรับลูกค้า 17 ล้านราย เหตุคลื่นความถี่ 1800MHz ไร้ข้อสรุปใครจะเป็นเจ้าของ...
เมื่อวันที่ 10 ก.ค.นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) รับทราบข้อเสนอการขอเยียวยาผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 17 ล้านเลขหมาย ภายหลังสัญญาสัมปทานของบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) กับบริษัท ทรูมูฟ จำกัด และบริษัท ดิจิตอลโฟน จำกัด (ดีพีซี) ที่ใช้คลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิตรซ์ (MHz) จะสิ้นสุดในวันที่ 16 กันยายนนี้ และให้นำข้อเสนอดังกล่าวส่งต่อไปยังคณะกรรมการกำหนดมาตรการเยียวยาดูแลผู้ใช้บริการเป็นผู้พิจารณาต่อไป
รองเลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า ทั้งนี้สำนักงาน กสทช. จะต้องทำหนังสือแจ้งไปยังทรูมูฟและดีพีซี แจ้งให้ลูกค้ารับทราบ ด้วยวิธีการส่งข้อความสั้น (เอสเอ็มเอส) เกี่ยวกับสัญญาสัมปทานสิ้นสุดแต่ยังสามารถใช้บริการต่อไปจนกว่าจะมีผู้รับใบอนุญาตรายใหม่ ทั้งนี้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี และให้ส่งซ้ำ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยคาดว่าจะเริ่มส่งเอสเอ็มเอสได้ตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งก่อนสัญญาสัมปทานจะสิ้นสุด 2 เดือน ซึ่งลูกค้าที่ใช้บริการทรูมูฟและดีพีซี มีประมาณ 17 ล้านเลขหมาย
นายก่อกิจ กล่าวอีกว่า สำหรับข้อเสนอ ทรูมูฟ และดีพีซี มีแนวทางใกล้เคียงกัน โดยเสนอเป็นผู้ดูแลลูกค้าที่มีอยู่เดิมเองทั้งหมด โดยเช่าโครงข่ายจาก กสท หรือสร้างโครงข่ายของตัวเอง ซึ่งทรูมูฟมีลูกค้าประมาณ 16.2 ล้านเลขหมาย ดีพีซีประมาณ 80,000 เลขหมาย รวมถึงจะอำนวยความสะดวกในการย้ายค่ายแต่เลขหมายคงเดิม หรือการคงสิทธิเลขหมาย ขณะที่ กสท ในฐานะเจ้าของสัญญาสัมปทานที่คู่สัญญาสัมปทานต้องโอนทรัพย์สินทั้งหมดให้ กสท นั้น ก็จะทำหน้าที่ดูแลโครงข่ายเองและดูแลลูกค้าเอง ซึ่งอาจจะจ้างบริษัทอื่นๆ หรืออาจเป็นคู่สัญญาสัมปทานเป็นผู้ให้บริการต่อไป จนกว่าประเด็นเรื่องคลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิรตซ์ จะมีความชัดเจน
รองเลขาธิการ กสทช. กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบการแก้ไขประกาศมาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมโทรคมนาคมและอุตสาหกรรมต่อเนื่องในกิจการโทรคมนาคม จากเดิมระบุว่าจะต้องรับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) แก้ไข เป็นต้องได้ผ่านการรับรองจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์ (สมอ.) แทน เนื่องจากมีหลายผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ แต่ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก สมอ. ดังนั้นเพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์โทรคมนาคมที่ผลิตในประเทศไทย จึงต้องแก้ไขประกาศฉบับดังกล่าว เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม
ขณะที่นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า ประเด็นคลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิรตซ์ ยังไม่มีข้อยุติ เนื่องจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ได้ยื่นเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอสิทธิในการใช้คลื่นความถี่ดังกล่าวต่อไปจนกว่าใบอนุญาตประกอบกิจการของ กสท จะสิ้นสุดในปี 2565 ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองเพื่อนำเรื่องเสนอ ครม. ขณะที่ กสทช.ก็ได้ยืนยันว่า คลื่นดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดสัญญาสัมปทานนับตั้งแต่วันที่ 15 กันยายนนี้ เป็นต้นไป กสท จะต้องคืนคลื่นดังกล่าวมายัง กสทช.เพื่อนำไปจัดสรรและเปิดประมูลต่อไป.