Group Blog
All Blog
### ดอกพะยอม ###

 

 

10922668_607577466043159_5225386098118682409_n

ดอกพะยอม

 หอมกลิ่นดอกไม้กินได้ เป็นไม้ไทยๆ

ที่ปลูกกันมาตั้งแต่ปูย่าตายาย

และก็ไม่ใช่เพราะว่าดอกหอมเท่านั้น

ประโยชน์ของต้นพะยอมด้านอื่นๆยังมีอีก

ไม่ว่าจะเนื้อไม้ที่แข็งพอๆ กับไม้เต็ง

สามารถเอามาสร้างบ้าน สร้างเรือนได้

หรือจะเอาไปทำเป็นไม้หมอน รองรถไฟ

ดอกอ่อนเป็นอาหาร ลวกจิ้มกับน้ำพริก

หรือเอาไปปรุงเป็น ยาลมยาหอม บำรุงหัวใจ

เปลือกดิบๆ เอามาฝนทา เป็นยาสมานแผล

และเป็นสารกันบูดธรรมชาติ

ที่ชาวสวนน้ำตาลมะพร้าว

เอาไว้ใช้ปนไปกับน้ำตาลสด

เพื่อไม่ให้น้ำตาลมะพร้าว ที่ไหลลงภาชนะเก็บ

บูดไปก่อนที่จะนำมาแปรรูปเป็นน้ำตาลปีบ

หรือเอาไปสับเป็นชิ้นเล็กๆ

ใส่ในภาชนะรองน้ำตาลมะพร้าวตามต้น

ชาวสวนที่ทำน้ำตาลมะพร้าวแถวๆ

สมุทรสงคราม สมุทรสาคร ราชบุรี เพชรบุรี

เขาจะใช้เปลือกไม้พะยอม

เป็นสารกันบูด แบบธรรมชาติ

ไม่ให้น้ำตาลมะพร้าวสด บูดเสียก่อน

ที่จะมาปลดลงจากต้นไปแปรรูปเป็นน้ำตาลปีป

พะยอม เป็นไม้ยืนต้นเนื้อแข็ง ขนาดกลาง

บางต้นสูงเกิน 30 ม. แผ่พุ่มกว้าง

10684_607576799376559_5788659692491323201_n

ให้ร่มเงากับตัวบ้านได้พุ่มใบจะแผ่กลมเป็นพุ่มสวย

กลิ่นหอมๆ ของดอก ถึงจะออกดอกแค่ปีละครั้ง

แต่ก็จะออกดอกพร้อมกันทั้งต้น

ช่วงที่ออกดอก ต้นพะยอมก็จะเต็มไปด้วย

ดอกสีขาวเต็มต้น สวยงามมาก

แต่สมัยนี้หาคนปลูกน้อยลง

เพราะว่าพะยอมเป็นไม้โตช้า

กว่าจะออกดอกให้เห็น

อย่างเร็วที่สุดก็ 4-5 ปีไม่ทันใจ

คนโบราณเชื่อว่า: บ้านใดปลูกต้นพะยอม

ไว้ประจำบ้าน จะทำให้มีอุปนิสัยที่อ่อนน้อม

เพราะพะยอม คือ การยินยอม ตกลง

ผ่อนผันประนีประนอม

นอกจากนี้ยังเชื่ออีกว่า จะไม่ขัดสน

เพราะบุคคลทั่วไปมีความเห็นใจ

และยอมให้สิ่งที่ดีงาม

และ ลักษณะของดอกยังเป็นสีขาว เหลือง

และมีกลิ่นหอมยวนใจ อีกด้วย

10427227_607577296043176_6115960353453232692_n

มีเรื่องเล่าของเมืองเชียงใหม่ ไม้พะยอม 3 ต้นว่า

เมื่อก่อนป่าไม้พะยอมแถว ๆ เชิงดอยสุเทพ

มีต้นพะยอมป่า ขึ้นเป็นจำนวนมาก

จากนั้นก็ป่าพะยอม ก็ถูกตัดโค่นไปเรื่อยๆ

จนถึงการตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ไม่นานก็เหลือต้นพะยอมเรียงรายอยู่ริมถนนสุเทพ

ตั้งแต่คันดินเวียงสวนดอกถึงเชิงดอยสุเทพไม่กี่ต้น

ที่น่าสนใจ ณ บริเวณใต้ต้นพะยอม 3 ต้น

ใกล้ทางเข้าสนามบิน คือจุดเริ่มต้นของ

“กาดพะยอม”

พะยอม จัดอยู่ในกลุ่มไม้เนื้อแข็ง

ชนิดเดียวกับต้นเต็ง ต้นรัง ต้นสาละ

เป็นต้นไม้ที่พบได้ทั่วไป

ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเรา

ไทย กัมพูชา ลาว มาเลเซีย พม่า เวียตนาม

ยาวไปถึงอินเดีย เฉพาะในบ้านเรา แต่ละภูมิภาค

ก็จะมีชื่อเรียกต้นพะยอมต่างกันไป

คนภาคกลางจะเรียกว่า พะยอม

แต่ถ้าเป็นคนเหนือก็จะเรียกว่า กะยอม

ยางหยวก ขะยอมดงพะยอมดง เชี่ยว

ส่วนคนภาคอิสาน จะเรียกว่า ต้นแคน

ส่วนคนภาคใต้จะเรียกว่า พะยอมทอง

1379531_607576826043223_5480312798644557409_n

ดอกพะยอม สีขาวนวลหรือเหลืองอ่อนๆ

ออกเป็นช่อตามซอกใบ และที่ปลายกิ่ง

ดอกย่อยจำนวนมาก เวลาออกดอกพร้อมๆกันทั้งช่อ

ดอกออกช่วงหน้าหนาว เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์

ดอกหอม กลิ่นจะชัดมากๆ ช่วงเย็นและเช้ามืด

คนที่ตื่นแต่เช้าก็จะได้สูดกลิ่นหอมของดอกพะยอม

ตั้งแต่เช้ามืดก่อนกลิ่นจะค่อยๆจางลงไปในระหว่างวัน

และกลับมาหอมอีกครั้งตอนเย็นๆ

คนสมัยก่อนจะนิยมเก็บดอก ไปประดับผม

หรือถือติดมือไปไหนมาไหนด้วยเสมอ

ช่วงต้นๆ เดือนธันวาคมของทุกปี

ต้นพะยอมจะเริ่มสลัดใบทิ้งเพื่อเตรียมออกดอก

จะเริ่มเห็นใบอ่อนแตกออกมาใหม่

หลังจากนั้นก็เตรียมต้อนรับดอกพะยอมได้เลย

เพราะดอกพะยอมจะออกตามมา

หลังจากที่ต้นแตกใบอ่อนแล้ว

ระหว่างนั้นให้งดน้ำ งดปุ๋ยไปเลย

เพื่อให้ต้นสลัดใบทิ้งให้หมด

เริ่มเห็นใบอ่อนเริ่มแตกใหม่

ค่อยให้น้ำ ให้ปุ๋ย บำรุงต้น

ดอกย่อยแต่ละดอกจะห้อยหัวลงบิดเป็นเกลียว

10931347_607576902709882_3799125829832676939_n

 

 

ขอบคุณที่มา  fb. Anna Jill
ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพ

คัดลอกมาจาก....ตังเก ศรีราชา




Create Date : 10 มกราคม 2558
Last Update : 10 มกราคม 2558 10:04:32 น.
Counter : 2660 Pageviews.

2 comment
### ดอกรำเพย ###

10906078_607105122757060_6078044226730092906_n

ดอกรำเพย

 ไม้ประดับสวนทรงพุ่มสวย

นุ่มนวล อ่อนช้อยพริ้วไหว

ดอกสวยงาม เดิม มีสีเหลือง เท่านั้น

ปัจจุบัน มีการพัฒนาสายพันธุ์

จนมีดอกสีใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก 2 สี

คือ ดอกสีส้มอ่อนหวานๆ และ ดอกสีขาว

10897130_607105046090401_1092903677511340823_n

ดอกรูปลำโพง มีกลีบดอก 5 กลีบ

ออกดอกเป็นช่อเล็กๆ ที่ปลายกิ่ง

ดอก จะทยอยบานทีละ 1-3 ดอก

ดูพริ้วไหวตามสายลม

ทยอยออกดอกได้เรื่อยๆ ตลอดทั้งปี

10928828_607105396090366_891283416499289354_n

มีถิ่นกำเนิดจากประเทศเปรู

ถูกนำเข้ามาปลูกในบ้านเรามานานมากแล้ว

มีชื่อเรียก ยี่โถดอกเหลือง ยี่โถฝรั่ง

กระบอก แซะศา ดอกศาลา

Be-Still Tree,

Yellow Oleander,

Lucky-nut Tree

มีเรื่องเล่าว่า เมื่อในสมัยรัชกาลที่ 3

พระภิกษุพระศรีสุทธิวงศ์

ได้เดินทางไปยัง ประเทศศรีลังกา

และในขากลับ ได้นำเอาต้นไม้ชนิดหนึ่ง

เข้าถวายแก่ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว

ใน ซึ่งพระองค์ทรงโปรดต้นไม้ชนิดนี้มาก

จึงได้พระราชทานชื่อต้นไม้ นี้ว่า “รำเพย”

ตามพระนามเดิมของ

สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี

พระอัครมเหสี ในพระบาทสมเด็จ

พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

จึงถือว่า รำเพย เป็นพรรณไม้มงคล

ซึ่งเป็น ดอกไม้สัญลักษณ์

ประจำโรงเรียนเทพศิรินทร์ อีกด้วย

“จงเป็นเหมือนดอกรำเพยที่เคยเห็น

สีเขียวเหลืองบานเด่นในทุกหน

บนกิ่งก้านบนลานดินในใจคน

รำเพยบานอย่างคงทนตลอดมา …..”

รำเพย เป็นไม้ต้นขนาดเล็ก

หรือเป็นไม้พุ่มทรงสวย

ต้นสูงประมาณ 4-5 เมตร

และไม่ผลัดใบ ใบเดี่ยวรูปแถบเรียวยาว

เรียงเวียนสลับกัน ผลของรำเพย

เป็นแบบเมล็ดเดียวแข็งมีหลายซีกติดกัน

รูปคล้ายสามเหลี่ยมกลับ แต่ละซีกมีเมล็ดเดียว

ส่วนเมล็ดของรำเพยเป็นเมล็ดแบน

มีปีกเล็กๆ ผลเป็นพิษ

และน้ำยางสีขาวจากทุกส่วนก็เป็นพิษด้วย

สารพิษ ชื่อ thevetin พิษเกิดจาก

การกินเมล็ดเข้าไป

ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน

ชีพจรเต้นไม่เป็นจังหวะ เพ้อฝัน

ชักกระดุก อาจหมดสติได้

“รำเพยใบด่าง” เป็นสายพันธุ์ที่นำเข้า

จากประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อ 3 ปีก่อน

เป็นพันธุ์ที่มีใบด่างโดยตรงไม่ใช่ไม้กลายพันธุ์

มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์เหมือนกับรำเพย

ชนิดที่มีใบเป็นสีเขียวทุกอย่าง

แตกต่างกันเพียงใบ เป็นใบด่างเท่านั้น

ขอบคุณที่มา  fb. Anna Jill
ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพ

คัดลอกจาก...ตังเก ศรีราชา




Create Date : 09 มกราคม 2558
Last Update : 9 มกราคม 2558 11:09:58 น.
Counter : 3857 Pageviews.

1 comment
### ดอกนางแย้ม ###

10310557_606387556162150_6254803845632736755_n

ดอกนางแย้ม

ดอกสีขาวบางดอกเจือสีม่วงอ่อนๆ เล็กน้อย

จะออกเป็นหลายๆ ดอกรวมกันเป็นกลุ่มก้อนแน่น

เหมือนกับ ดอกมะลิซ้อนหลายสิบดอก

มารวมกันเป็นก้อนแน่น ดอกจะออกที่ปลายกิ่ง

ในช่อดอกจะบาน ไม่พร้อมกัน

ดอกที่อยู่ด้านนอก จะบานก่อน

หลังจากนั้นดอกที่อยู่ใน ถึงจะบานออกมา

บานนานหลายวัน กลิ่นหอมเย็นๆ

ออกดอกตลอดทั้งปี กลิ่นจะหอมแรงขึ้น

ช่วงเช้ามืด กับตอนค่ำๆ ยิ่งคืนที่มีฝนตกลงมา

ตอนเช้าๆ จะได้กลิ่นดอกนางแย้ม

หอมเย็นโล่งๆ จมูก

ปฏิพัทธ์รัดแกร่วแกร้ว กรึงกรัง อยู่นา
ดูดอกนางแย้ม ดัง นุชยิ้ม
ดงจิตติดจังงัง งงเสน่ห์
แย้มพฤกษ์นึกไป่พริ้ม เช่นแก้มแย้มสรวล ฯ

เรื่องสามกรุง พระราชนิพนธ์กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์

“นางแย้ม” ได้รับความนิยม

ปลูกประดับกันแพร่หลายในยุคสมัยก่อน

เนื่องจากช่อดอกใหญ่สวยงาม

และส่งกลิ่นหอมได้ตลอดปี

10915286_606389979495241_8411085065250237805_n


ปัจจุบันคนรุ่นใหม่น้อยคน นักจะรู้จัก

เพราะค่านิยมในการปลูก “นางแย้ม”

ได้ลดน้อยลงตามกาลเวลา

คนโบราณเชื่อกันว่าต้นนางแย้มป่านั้น

เป็นต้นไม้ที่ไม่เหมาะที่จะนำมาปลูก

ในบ้านโดยเด็ดขาด เชื่อว่า

เป็นต้นไม้ที่มีภูตผีปีศาจสิ่งอยู่

หากนำไปปลูกไว้ภายในบ้านวันดีคืนดี

ต้นนางแย้มป่า ก็จะสำแดงอิทธิฤทธิ์

ทำร้ายรังแกผู้คนในบ้าน

ให้หวาดผวาเสียขวัญ หรือเจ็บไข้ได้ป่วยกัน

คนภาคเหนือจะเรียก ปิ้งชะมด ปิ้งซ้อน

หรือปิ้งสมุทร ชื่อภาษาอังกฤษคือ

Glory Bower หรือ

Burma Conehead

ถิ่นกำเนิด เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

อยู่ในกลุ่มของไม้พุ่ม ไม้ประดับ

ลำต้นแตกกิ่งก้านสาขาเป็นพุ่ม ค่อนข้างโปร่ง

ลำต้นไม่สูงมาก ประมาณ 1-3 เมตร

ตามลำต้น กิ่งก้านมีขนอ่อนขึ้น

ใบออกเป็นใบเดี่ยว ใบค่อนข้างใหญ่

แผ่นสีเขียวรูปหัวใจ ที่ขอบใบเป็นหยัก ผิวใบสาก

995068_606389589495280_980953558639192303_n

ขอบคุณที่มา  fb. Anna Jill
ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพ

คัดลอกมาจาก....ตังเก ศรีราชา




Create Date : 08 มกราคม 2558
Last Update : 8 มกราคม 2558 10:10:04 น.
Counter : 1994 Pageviews.

1 comment
### ดอกแก้วเจ้าจอม ###

10410520_605957402871832_3736136754656083205_n

ดอกแก้วเจ้าจอม

 พันธุ์ไม้ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์

มีอยู่ต้นเดียวในประเทศไทย

ต้น มีอายุมากกว่า 100 ปี และเป็นต้นไม้หายาก

ตามประวัติศาสตร์ระบุว่า ในสมัย

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5

ทรงได้พันธุ์มาเมื่อคราวเสด็จประพาส ประเทศอินเดีย

มาปลูกไว้ในวังสวนสุนันทา ปัจจุบันคือ

“มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา”

บริเวณ ‘เนินพระนาง’ หลังพระบรมราชานุสรณ์

สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี

ในมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา

มีต้นไม้สูงใหญ่เกินตึก 3 ชั้น… อายุกว่าร้อยปี

มีชื่อลาติน Lignum Vitae ที่แปลว่า

‘ต้นไม้แห่งชีวิต’ เพราะมีสรรพคุณ

ในการช่วยรักษาโรค มาแต่โบราณ

ซึ่งเมืองไทยรู้จักกันในชื่อ ‘แก้วเจ้าจอม’

‘ไม้แห่งชีวิต’ จึงเจริญงอกงามอยู่ใน

‘สวนสุนันทา’ นับแต่บัดนั้น

แก้วเจ้าจอม เป็นต้นไม้หายาก

จึงมีราคาค่อนข้างสูง โดยเฉพาะชนิด 4 ใบ

ซึ่งเป็นพันธุ์ที่มาจาก “สวนสุนันทา’”

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี

จึงรับสั่งให้ดำเนินโครงการขยายพันธุ์

ด้วยวิธีเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ แต่ก็ยังเผยแพร่ได้น้อย

อีกทั้งยังโตช้า ออกดอกยาก

บางทีปลูกไว้นาน แต่ก็ไม่ผลิดอกให้ชม

” แก้วเจ้าจอม” ต้นแรกของไทย

ในรั้ว สวนสุนันทาก็เช่นเดียวกัน

นักศึกษาบางปี เข้ามาเรียนจนจบไป

ก็ยังไม่มีโอกาสได้ชื่นชมความงาม

ต้นแก้วเจ้าจอม มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้

และหมู่เกาะเวสต์อินดิส มีชนิด 4 ใบ

ชนิด 6 ใบ และชนิด 8 ใบ

ถูกจัดลำดับเป็นพันธุ์พืชอนุรักษ์ ในบัญชี 2

ภายใต้พระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2525

กรมส่งเสริมการเกษตร ศาสตราจารย์เต็ม สมิตินันท์

ผู้เชียวชาญด้านพฤษศาสตร์ เป็นผู้ตั้งชื่อ

ต้นไม้ชนิดนี้ว่า “ แก้วเจ้าจอม ” หรือ “น้ำอบฝรั่ง “

นอกจากนี้ยังมีชนิดใบประกอบ 3 คู่

ซึ่งเป็นไม้พุ่มสวย มีลักษณะ ใบประกอบ 3 คู่

ปลูกไว้ ณ ฝ่ายปฏิบัติการวิจัย และเรือนปลูกพืชทดลอง

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน

ปัจจุบันต้นไม้ต้นนี้มีอายุ 26 ปี

10897959_605959382871634_2134212591606367983_n

แก้วเจ้าจอม เป็นไม้ยืนต้น สูงประมาณ 3 – 12 เมตร

มีลักษณะคดงอ เนื้อไม้แข็งมาก

กิ่งก้านมีปุ่มปม เปลือกของต้นสีเทาเข้ม

บางแห่งเปลือกแตก ต้นแตกใบเป็นพุ่มแผ่กว้าง

10422056_605957292871843_2495616474998183804_n

ทรงกลม เรือนยอดทึบ ใบประกอบแบบขนนก ปลายคู่

มีใบย่อย 2-3 คู่ และ 4 – 5 คู่ ใบ ดอก สีฟ้าอมม่วง

ดอกเดี่ยว ออกเป็นกระจุก ออกที่ปลายกิ่ง และซอกใบ

มีกลีบดอก 5 กลีบ เกสรตัวผู้สีเหลืองประมาณ 8 – 10 เส้น

ดอกแก่จะมีสีจางลงเมื่อใกล้โรยประมาณ 3 – 5 วัน มีกลิ่นหอม

ผล สีเหลือง รูปหัวใจกลับ มี 4 – 5 พู

แต่ละพูมี 1 – 2 พู เมล็ดมีลักษณะรูปร่างกลมรี

10390246_605957506205155_4522529961769136019_n

หรือรูปไข่ สีน้ำตาลเข้ม ออกดอก

เดือนสิงหาคม – ตุลาคม

และเดือนธันวาคม – เมษายน

994103_605957469538492_3399794358626382548_n

ขอบคุณที่มา  fb . Anna Jill
ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพ

คัดลอกมาจาก.....ตังเก ศรีราชา




Create Date : 07 มกราคม 2558
Last Update : 7 มกราคม 2558 10:16:35 น.
Counter : 2470 Pageviews.

0 comment
### ดอกอังกาบ ###

















ดอกอังกาบ...... ไม้ประดับบ้าน

สมัยก่อนนิยมปลูกเป็นรั้วเตี้ยๆ

 หรือปลูกตามแนวกำแพง อ

อกดอกให้ได้ชม แค่ปีละครั้งเท่านั้น

แต่ดอกเล็กๆ สีม่วงหวาน ที่บานสพรั่ง

 หรือสีเหลืองสดใส

ก็ทำให้หลายคนตกหลุมรัก

แต่ต้องระวังจะสับสนกับ ต้นต้อยติ่ง

ที่ดอกสีม่วงเหมือนกัน

 ผลของต้อยติ่งเมื่อถูกน้ำแล้วจะแตกออก

แต่ผลของอังกาบจะไม่แตก เมื่อถูกน้ำ

 แต่จะแตกหรืออ้าได้เองตามธรรมชาติ

สมัยก่อน จะนิยมปลูกอังกาบสีขาว

 กับอังกาบสีเหลืองประดับริมรั้วบ้าน

หรือปลูกเป็นไม้พุ่มประดับมุมบ้าน

ปลูกไว้เป็นกลุ่มริมทางเดิน

แต่เดี๋ยวนี้อังกาบสีขาว

และอังกาบเหลือง

 หายากไปแล้ว ที่ยังพอเห็น

จะเป็นอังกาบสีม่วง เท่านั้น


ลักษณะทั่วไป อังกาบเป็นไม้พุ่มเตี้ย

 สูงประมาณ 1-1.5 ม. ทรงพุ่มกลม

 กิ่งก้านจะแผ่ปกคลุมดิน

บริเวณโคนต้นเอาไว้ทั้งหมด

สีสันดอก รูปทรงความสูง

เหมาะที่จะเป็นไม้แต่งริมรั้ว

 ริมกำแพงเลยทีเดียว ดอกมีหลายสี

สีม่วงหวาน สีม่องอมชมพู

สีม่วงอ่อนปนม่วงแก่บ้าง สีขาว สีเหลือง

รูปร่างคล้ายแตร มีกลีบ 5 กลีบ

ตรงกลางมีขนเกสรยื่นออกมา

ดอกออกเป็นช่อ

 ช่อหนึ่งมีประมาณ 4-5 ดอก

แต่ดอกจะบานไม่ทน

ดอกออกประมาณกันยายน

ไปจนถึงตุลาคมทุกปี

ผลอังกาบ หรือ ฝักอังกาบ

ลักษณะเป็นฝักรูปยาวรี

ปลายและโคนฝักแหลม

 ส่วนปลายฝักจะกว้างกว่าส่วนโคนฝัก

 ในฝักอังกาบ มีเมล็ด 4 เมล็ด

เมล็ดแบนกลมมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง

ประมาณ 4 มิลลิเมตร

มีขนแบนราบ

อังกาบเป็นภาษาอินเดีย

หมายถึงการเริ่มต้นที่ดี

จากถิ่นกำเนิดจาก อินเดีย และจีน

ภาษาอังกฤษ Philippine violet,

 Bluebell barleria,

Crested Philippine violet

แต่ละท้องถิ่นก็จะมีชื่อเรียกต่างกันไป

ภาคเหนืออย่างเชียงใหม่ จะเรียกชื่อว่า

 ก้านชั่ง คันชั่ง หรือลืมเฒ่าใหญ่

ภาคกลางชื่อว่าทองระอา อังกาบระย้า

อังกาบกานพลู อังกาบเมือง

ขอบคุณที่มา  ....fb...Anna Jill

ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพ





















Create Date : 04 มกราคม 2558
Last Update : 4 มกราคม 2558 9:57:17 น.
Counter : 6266 Pageviews.

3 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ