All Blog
ลิขิตฟ้าชะตาดิน ตอนที่ 9



นายเด่นขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ ตามรถมอเตอร์ไซค์ของลูกน้องมาตามถนนบนเขา เลาะเลี้ยวตามขอบโค้ง แล้วจังหวะหนึ่งลูกน้องก็พามาจอดตรงจุดชมวิว

นายเด่นจอดรถรีบลงไปหาทันที “ไหน..ตรงไหน”
ลูกน้องส่องกล้องส่องทางไกลมองพลางชี้ให้ดู
“นั่นไงครับ นายเด่น กำนันพาพวกนี้มาแต่เช้า จนป่านนี้ ยังชี้ที่ดินกันไม่เสร็จ นายเด่นว่ามันจะซื้อที่ หรือทำอะไร”
นายเด่นมองตามไปยังจุดหนึ่งไกลออกไปแต่ไม่ถึงกับไกลลิบตา ที่บริเวณถนนดินจะพังมิพังแหล่ เลียบชายฝั่งทะเล เห็นกลุ่มคนชายหญิง แต่งตัวเป็นชาวพื้นเมือง ยืนชี้ ชวน พูดคุย และกำลังปรึกษากันอยู่
ลูกน้องส่งกล้องให้ นายเด่นมองผ่านกล้อง กวาดสายตาดูไล่ไปทีละคน เห็นเป็นมาดามพิณ ชิงชัย ปีเตอร์ เทเรซ่า โดยมาดามพิณและเทเรซ่ากางร่มคนละคัน นายเด่นไล่มองไปที่สมุน 4 คนของปีเตอร์ แล้วกราดสายตากลับมาเน้นที่ปีเตอร์
จังหวะนั้นนายเด่นขยับซูมขยายดูปีเตอร์จนเห็นใกล้ๆ ว่ากำลังเอากล้องถ่ายรูปออกมา ถ่ายมุมนั้นมุมนี้ไปมา นายเด่นเอากล้องลง สีหน้าครุ่นคิด

ทางด้านปีเตอร์ยังใช้กล้องเล็กๆ ในมือถ่ายรูปมุมต่างๆ เทเรซ่าถือร่มเดินมา กระโปรงปลิวไปตามแรงลม และแสงแดดก็แรงมาก
สักพักหนึ่งเทเรซ่าก็ปล่อยร่ม ร่มปลิวไปตามแรงลม เทเรซ่าทรุดฮวบ เป็นลมหมดสติไป
“เทเรซ่า” ทุกคนอุทานพร้อมกัน
ปีเตอร์มัวแต่ถ่ายรูป หันมาเห็น ตกใจ รีบเข้ามา ชิงชัยเข้าอุ้มได้ก่อน เพราะอยู่ใกล้กว่า
“รีบพาไปบ้านกำนันเร็ว ไป ไปๆๆ คุณเทเรซ่าเป็นลมแล้ว..บอกแล้ว ว่ามันร้อนมาก อย่ามาๆ ก็ไม่เชื่อ” มาดามพิณบ่น
ชิงชัยรีบอุ้มร่างเทเรซ่าไปที่รถ ปีเตอร์รีบตาม

เวลาเดียวกันนั้น นายน้อมพาฟ้ากระจ่างมาจัดการธุระที่นายหัวบัญชาสั่ง ทั้งคู่อยู่ภายในโชว์รูมร้ายขายรถหรูของจังหวัด รถยนต์ป้ายแดงคันงามหรู ยี่ห้อยุโรป จอดเคียงกันอยู่ 2 คัน ต่างสี ต่างรุ่น
ฟ้ากระจ่างกำลังยืนมองอย่างมึนๆ งงๆ
“นายหัวให้คุณจ้างมาดูเอง เลือกเอง ลองขับดูก่อนครับ” นายน้อมบอก
“สวยทั้งสองคันเลยนะคะ แล้วแต่ชอบค่ะ ถ้าชอบปราดเปรียว โฉบเฉี่ยว สมวัยก็คันนี้ แต่ถ้าชอบความสง่า หรู อย่างผู้บริหาร ก็คันนี้ค่ะ” พนักงานขายอธิบายแต่ละรุ่น
ฟ้ากระจ่างมองแล้วถอนหายใจ “คันไหนแพงกว่าครับ”
“แหม..ฉลาดจัง..เลือกคันที่แพง..ก็ต้องคันนี้สิคะ แพงกว่าล้านนึงพอดีค่ะ” คนขายว่า
“งั้น..ผมเอาคันนี้” ฟ้ากระจ่างชี้คันที่ถูกกว่า “ไม่ต้องลอง โอเคเลย จบ!”
คนขายตกใจเล็กๆ
นายน้อมขำแบบประชดแดกดัน “แหม..สมถะ ไม่โลภ..ดีจังเลยนะครับ”
ฟ้ากระจ่างยิ้มพลางว่า “มันแน่อยู่แล้ว เอ้า นายน้อมขึ้นไปนั่ง”
“ห๊ะ คุณต้องขับนะครับ” นายน้อมงง
“ก็ใช่ไง ไม่ได้บอกให้ขับ ให้นั่ง ขอกุญแจครับ”
คนขายส่งกุญแจให้ ฟ้ากระจ่างบอกคนขาย
“ช่วยให้ใครขับคันของนายน้อมกลับบ้านนายหัวด้วยนะครับ ผมจะพานายน้อมไปขับรถเล่นหน่อย”
“จะดีเหรอครับ”
“นี่คือคำสั่ง..ของทายาทคนโตของนายหัว...” ฟ้ากระจ่างมองยิ้มๆ
นายน้อมคอย่น ส่งกุญแจรถคันเก่าให้คนขายรถ แล้วเปิดขึ้นไปนั่งโดยดี
“ผมไปได้เลย ใช่ไหมครับ” ฟ้ากระจ่างหันไปทางพนักขาย
“ค่ะ”
ฟ้ากระจ่างขึ้นรถ มองๆ จับๆ แตะ นั่น นี่ ทำความรู้จักสักพัก แล้วสตาร์ทเครื่องยนต์ ขับออกไปอย่างนุ่มนวล
พนักขายมองตามไป ดูเหมือนจะติดใจ เสน่ห์ของทายาทคนโตของนายหัวบัญชาเข้าให้แล้ว

ฟ้ากระจ่างขับมาในโรงพยาบาล แล้วถอยจอดเสียบแบบเซียนมาก
“เย้ย..คุณจะมาทำอะไรที่นี่ครับ คุณจ้าง ไม่สบาย เป็นไข้ยังไม่หายเหรอครับ” นายน้อมสงสัย
“ขอมือขวาซิ” ฟ้ากระจ่างเอ่ยขึ้นขณะจอดรถ
“ผมไม่ใช่หมานะ”
“ขอดูมือขวาครับ” ฟ้ากระจ่างย้ำเสียงสุภาพ
นายน้อมยกขึ้นมา มือบริเวณที่พันกริปป์ไว้ ดูบวมเป่ง และช้ำมากขึ้น
“ผมบอกแล้วใช่ไหม ว่าถ้าบวม..แปลว่า..เป็นเรื่อง ต้องหาหมอ ลงไป”
“แต่ว่า...”
“ผมสั่ง!”
นายน้อมอึ้ง ค้อนๆ แต่ก็รีบลง ทั้งคู่เดินเข้าไปในโรงพยาบาล

นางพยาบาล เดินนำนายน้อมในชุดเสื้อผู้ป่วยสำหรับการเอ็กซเรย์ นายน้อมเดินงอนๆ มา ฟ้ากระจ่างตามมามองอย่างขำๆ
“ห้องเอ็กซเรย์ ทางนี้ค่ะ นั่งรอก่อนนะคะ” พยาบาลหันมาหาฟ้ากระจ่าง “ญาติ..เชิญรอข้างนอกนะคะ”
“อ้อ ครับ ขอโทษครับ”
ฟ้ากระจ่างเดินออกไป
เป็นจังหวะเดียวกันที่รุ่นพี่นักกู้ชีพที่เคยไปเที่ยวทะเลด้วยกันกับฟ้ากระจ่าง ใส่เครื่องแบบมูลนิธิ เดินมาพอดี
“อ้าว อาจ้าง” รุ่นพี่ร้องทักอย่างดีใจ
ฟ้ากระจ่างรีบไหว้ทักทายกลับ “หวัดดี พี่ พาคนมาห้องฉุกเฉินเหรอครับ”
“เออ มีคนโดนงูพิษกัด ตอนนี้ฉีดเซรุ่มแล้ว แต่หมอให้พักดูอาการก่อน”
“โห..เสียวจัง” ฟ้ากระจ่างทำหน้าเสียวไส้
“แล้วจ้างมาทำไม”
“อ๋อ คนที่บ้านประสบอุบัติเหตุนิดหน่อยครับ”
“แล้วลื้อต้องเป็นคนพามาด้วยเหรอ ดูสิ แต่งตัวออกจะหรู ยังติดนิสัยเดิมๆ ไม่หายนะ ชอบพาคนไปโรงบาล”
รุ่นพี่พูดแซวจบทั้งคู่ก็หัวเราะกันสนุกสนาน

ปีเตอร์ กับชิงชัย เดินเลี้ยวมาตรงนั้นพอดี

ฟ้าลิขิตให้พ่อกับลูกร่วมสายเลือด ที่ต่างก็ไม่รู้ว่ามีกันและกัน เจอหน้ากันอีกครั้งแล้ว!!

ฟ้ากระจ่างหันไปพอดี ต่างคนต่างเห็นกัน และชะงัก ฟ้ากระจ่างรีบไหว้ปีเตอร์ รุ่นพี่ไว้ตาม
“คุณจ้าง..พาคนมาโรงพยาบาลหรือครับ” ปีเตอร์ยิ้มทักทาย
ฟ้ากระจ่างหันไปมองหน้ารุ่นพี่นิดหนึ่ง ตอบแบบย่นย่อ ขี้เกียจอธิบายยาว “ครับ…”
ปีเตอร์มองศีรษะฟ้ากระจ่าง ตรงที่เคยหัวแตก “แผลคุณ..หายแล้วนะครับ”
ฟ้ากระจ่างเผลอจับนิดๆ “อ๋อ ครับ”
ชิงชัยมองอย่างดูหมิ่น ดูแคลน กวาดตามองหัวจรดเท้า แล้วเมินไป
“ปีเตอร์ครับ..ไปหาอะไรดื่มเย็นๆ กันเถอะครับ อีกนานเลย..กว่าจะเสร็จ”
“เชิญคุณเถอะ” ปีเตอร์มองฟ้ากระจ่างเหมือนติดใจอะไรบางอย่าง “ผมจะคุยกะคุณจ้างหน่อย ดีใจ ที่ได้เจอ”
น้ำเสียงชิงชัยไม่ค่อยไว้ใจ “คุย..ก็คุยด้วยกันสิครับ
ฟ้ากระจ่างนึกขึ้นได้ “มีใครไม่สบายหรือเปล่าครับ”
“เทเรซ่าเป็นลมครับ เพราะความร้อน แล้วก็ร่างกายขาดแร่ธาตุบางอย่าง หมอเลยต้องให้น้ำเกลือหน่อย” ปีเตอร์บอก พร้อมเล่าอาการลูกสาว
“แล้วฟื้นแล้ว ใช่ไหมครับ”
“ฟื้นแล้วครับ”
“ไม่มีปัญหาเรื่องความดัน..หรืออย่างอื่น..ใช่ไหมครับ”
“ไม่มีครับ” ปีเตอร์งงที่ฟ้ากระจ่าง ถามอย่างรู้ละเอียด
“หึ อยากรู้ไปทุกเรื่องเลยนะ คุณน่ะ” ชิงชัยแขวะด้วยความหมั่นไส้
รุ่นพี่แอบเหล่อาการชิงชัยแล้วสะกิด ฟ้ากระจ่างหันมาขยิบตาให้ แล้วหันไปทางชิงชัย มองนิดหนึ่ง
“เป็นห่วงน่ะครับ เห็นคุณเทเรซ่าร่างกายอ่อนแอบอบบาง”
“หึ!” ชิงชัยเมินไป
“คุณไปเยี่ยมเทเรซ่าสิ ถ้าลูกผมเห็นคุณ น่าจะดีใจ เทเรซ่ายังอยากจะมีโอกาสตอบแทนบุญคุณคุณนะครับ”
“ผมไปเยี่ยมได้หรือครับ ดีจัง ผมก็อยากพบคุณเทเรซ่าอีกครับ”
ฟ้ากระจ่างพูดแล้ว แอบสะกิดตอบรุ่นพี่ ปีเตอร์ยิ้มกว้างอย่างดีใจ ชิงชัยหันมา ไม่อยากเชื่อ
ในขณะที่ฟ้ากระจ่างกับรุ่นพี่มูลนิธิแอบขำกัน ที่ได้กวนตีนคนเล่น

เทเรซ่าอยู่ในชุดผู้ป่วย นอนพักอยู่ในห้องพิเศษสุดสำหรับลูกค้าวีไอพี กำลังให้น้ำเกลือ หันมาอย่างแปลกใจ เมื่อได้ยินเสียงคนเดินตรงประตู
ปีเตอร์ยืนคาประตูทางเข้าอยู่ พูดด้วยสีหน้าดีใจ “เทเรซ่า ดูสิ ว่าแด็ดดี้ไปเจอใคร แล้วเขาอยากมาเยี่ยมลูกด้วย”
เทเรซ่ายิ้มงงๆ “ใครหรือคะ แด๊ดดี้ เพื่อนเทเรซ่าจากสิงคโปร์หรือคะ..เจนนี่?”
“ไม่ใช่จ้ะ”
ปีเตอร์เบี่ยงตัว เห็นฟ้ากระจ่างก้าวเข้ามา
เทเรซ่าดีใจออกนอกหน้า “คุณจ้าง!”
ฟ้ากระจ่างยิ้มให้เป็นรอยยิ้มสดใสประจำตัว “อากาศร้อนแบบนี้ คุณเทเรซ่าต้องระวังตัวหน่อยนะครับ
“คุณมาได้ยังไงคะ”
“คุณจ้างกับเพื่อน..พาคนเจ็บมาส่งโรงพยาบาลน่ะลูก” ปีเตอร์ตอบแทน
ชิงชัยเดินเบียดปาดชนจนฟ้ากระจ่างกระเด็นไปนิดๆ รีบก้าวเข้ามา บังหน้าฟ้ากระจ่าง
“ก็เป็นธรรมดาฮะ ที่คนทำงานเก็บศพ..เอ๊ย..หน่วยกู้ภัยพวกนี้ เค้าต้องวิ่งเข้าวิ่งออกโรงพยาบาลกันทุกวัน ได้ข่าวว่าแต่ละมูลนิธิแย่งงานกันน่าดู เพราะอะไรนะครับ คุณจ้าง” ชิงชัยหยัน
“เอ..มีด้วยหรือครับ ผมไม่ทราบ เพราะไม่เคยแข่งขันกับใคร นอกจากแข่งกับเวลา อยากให้คนเจ็บปลอดภัยเร็วที่สุด ก็แค่นั้น” ฟ้ากระจ่างตอกกลับ...นิ่มนิ่ง
“เป็นการบำเพ็ญประโยชน์ที่น่าชื่นชมมากครับ” ปีเตอร์ว่า
“เพราะคุณจ้างชอบช่วยชีวิตคนอยู่แล้วนี่เอง..ถึงได้มาช่วยเทเรซ่า” เทเรซ่ายิ้มแย้ม
“ใครๆ ก็ต้องช่วยคุณเทเรซ่าครับ ถ้าต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนั้น” ฟ้ากระจ่างบอก
“ไม่เสมอไปหรอกครับ คุณถึงกับต้องเจ็บตัว เราอยากพบคุณอีกจริงๆ แต่เราไม่ทราบจะติดต่อคุณได้ที่ไหน ถ้าจะขอเบอร์ติดต่อ จะรังเกียจไหมครับ”
ฟ้ากระจ่างหยิบโทรศัพท์แพงหรูรุ่นล่าสุดที่เพิ่งได้มาออกมา ส่งให้ปีเตอร์ “คุณปีเตอร์กดเบอร์คุณปีเตอร์เลยดีกว่าครับ”
“ดีครับ” ปีเตอร์รับมา กดเบอร์ตัวเอง
ชิงชัยมองจ้อง “ว้าว..รุ่นล่าสุดเลย ซื้อเอง หรือว่า..เก็บได้จากตามอุบัติเหตุอ่ะครับ”
ฟ้ากระจ่างหันไป งงกับความคิดชิงชัย “อะไรนะครับ”
“ผมล้อเล่นนะครับ..” ชิงชัยหัวเราะ
“ชิงชัยเป็นคนอารมณ์ขันแปลกๆ นิดหน่อยครับ” ปีเตอร์กดโทร.ออก รออีกนิดหนึ่ง มือถือปีเตอร์ดัง ปีเตอร์ล้วงหยิบมือถือขึ้นมา “เอาล่ะ ตอนนี้ เบอร์คุณก็จะมาอยู่ในเครื่องผมล่ะ” แล้วกดโทร.ทิ้ง ก่อนส่งคืนให้ฟ้ากระจ่าง
ฟ้ากระจ่างรับมาดู แล้วกดเม็มพลาง เงยหน้าขึ้นมายิ้มสลับ
“ผมก็ว่างั้น..เพราะคุณชิงชัยท่าทางจะนิสัยดีออก” หันไปหาเทเรซ่า แบบจงใจมองผ่านเลยไป “คุณเทเรซ่าพักผ่อนมากๆ นะครับ แล้วจะทำอะไร ไปไหน หรือคบกับใคร..ก็ให้ระวังตัว อย่าประมาท..มีอะไรก็โทร.หาผมได้ รับรอง ว่าผมเป็นเพื่อนที่คุณจะไว้ใจได้แน่”
เทเรซ่ายิ้ม ชิงชัยข่มอารมณ์ไว้ มองหน้าปีเตอร์ เทเรซ่า และฟ้ากระจ่างที่ยิ้มกันไปมา แล้วเมินไปทางอื่น อย่างแค้นเคืองใจ

นายเด่นเล่าเรื่องที่เห็น พร้อมกับประเมินอย่างมั่นใจให้นายหัวบัญชาฟัง
“พวกนั้นจะเข้าประกวดราคาสร้างถนนเลียบหาดที่ตำบลหนองหญ้าปล้องแน่ๆ ครับ”
“หูตากว้างขวางดีมาก นายเด่น” บัญชาชม
“งั้น..ผมจะรีบเข้าไปหากำนันนวลก่อนเลย” บุรีอาสา
“วันเสาร์วันเกิดกำนันนวลพอดีครับ..นายหัวส่งกระเช้าไปก่อนก็ดี ผมจะยกไปเอง” นายเด่นว่า
“ชั้นไปเองดีกว่า นายเด่น เอาหน้าชั้นไปเสนอหน้า กำนันก็ต้องนึกถึงนายหัวแล้ว”
ดวงตาของบัญชาฉายแวววาววับเหมือนมีแผนบางอย่าง “บุรีไม่ต้อง..งานนี้ ให้จ้างไป”
“อีกแล้วหรือครับ..แล้วใครจะไปรู้จักมัน ว่าเป็นใคร” บุรีหงุดหงิด
“นายเด่นพาจ้างไป..กำนันนวลเป็นคนมีอิทธิพลไม่น้อย คนสำคัญต้องไปกันเพียบ ทั้งเสือสิงห์กระทิงแรด นี่แหละ จะเป็นงานเปิดตัวจ้าง..ที่คู่ควรและเนียนๆ ที่สุด”
บุรีอึ้งกับแผนของพี่ชาย

เกียรติบดินทร์เดินงุ่นง่าน เป็นเสือติดจั่น เดินวนไปมา ในท่าทีร้อนรน
“ไม่ได้นะ อาบุรี มันชักจะมากเกินไปแล้ว” เกียรติบดินทร์โวยวาย
“มันมาแรงจริงๆ แล้วนะ ไอ้จ้างคนนี้ อย่าว่าแต่น้องดินเลย อาก็ตกกระป๋อง” บุรีเยาะ
“นายหัวหน้ามืดตามัวอะไร ผมไม่เข้าใจเลย”
“นายหัวเค้ารักหลงแม่น้องดินมาก แม่น้องดินรักใคร เค้าก็อยากจะเอาใจน่ะสิ จะมีอะไร” บุรีว่า
“เราต้องร่วมมือกันสิ อาบุรี เราสองคนต้องช่วยกัน ถ้าผมเอาความไว้วางใจคืนมาจากนายหัวได้ ผมรับรอง..ว่าต่อไปนี้ ผมจะอยู่ข้างอาบุรีทุกเรื่อง” เกียรติบดินทร์บอก
“น้องดิน..” บุรีคิดอะไรได้ “เอางี้..เรามาลองใช้ไม้อ่อนดู น้องดินชอบดื้อ ชอบก่อเรื่องให้นายหัวเค้าปวดหัวบ่อยๆ ถ้าน้องดินทำตัวใหม่ เราอาจมีความหวังนะ”
“ทำตัวใหม่ ก็คือทำเป็นคนดี เชื่องๆ เซื่องๆ ก็คือยอมไปเรียนเมืองนอก..มันมีแค่ทางเดียวเองนะ อาบุรี”
“เราต้องลอง..ขอให้น้องดินอย่าเยอะ..หัดนิ่งๆ เงียบๆ ยอมๆ คนบ้าง น้องดินจะทำได้ไหมล่ะ”
เกียรติบดินทร์อึ้ง

ฟ้ากระจ่างขับรถมา โดยนายน้อมนั่งเคียงและจ้องดูมือตัวเองที่ได้รับการพันใหม่
ฟ้ากระจ่างเหลือบตาดู “ค่อยยังชั่ว เอ็นอักเสบ..นึกว่าอะไรหักซะแล้ว แต่นายน้อมต้องหมั่นกินยา ทายา แล้วก็เลิกใช้มือข้างนี้ไปสักพักล่ะ ถ้าอยากหายเร็วๆ น่ะ”
นายน้อมมองอย่างซึ้งใจ “คุณเป็นคนมีน้ำใจมาก”
“นายน้อม..ก็เหมือน..ป๊า เหมือนกู๋ เหมือนอาจารย์ผม..ที่ศาลเจ้านั่นแหละ” ฟ้ากระจ่างยิ้ม สีหน้าฉายแววอ่อนโยนนิดหนึ่ง “เป็นคนวัยเดียวกัน”
นายน้อมมองจ้อง “คุณคงคิดถึงบ้านมากสิครับ”
ฟ้ากระจ่างยิ้มให้ “ไม่เท่าไหร่หรอก” จอดรถลงที่หน้าบ้าน “ผมส่งนายน้อมตรงนี้นะ นายน้อมเข้าบ้านไปก่อน”
“แล้วคุณจะไปไหน” นายน้อมสงสัย
“ผม..จะไปขับรถเล่นหน่อยนึง”
“จะดีเหรอ”
“อ้าว..ก็ดีสิ คนเพิ่งได้รถใหม่ ก็อยากจะลองรถบ้างอะไรบ้าง”
“คุณจะไปซิ่งเหรอ”
“ผมขับรถกู้ชีพมาก่อนนะ เรื่องซิ่งนะ ชัวร์”
“เย้ย..อย่านะ” นายน้อมตกใจ
“ผมพูดเล่น น่า ผมอยากลองรถนิดนึง..นะครับ จะรีบกลับมา..ให้ทันรับประทานอาหารเย็น โอเค้?”
ฟ้ากระจ่างยิ้มให้ นายน้อมอึ้งๆ

เย็นเกือบค่ำแล้ว ฟ้ากระจ่างขับรถมา แล้วจอดซุ่มที่ใต้ต้นไม้ข้างไซด์งาน ห่างออกมาจากคอนเทนเน่อร์ที่เป็นที่ทำงานดวงยิหวาพอสมควร
ฟ้ากระจ่างนั่งอยู่ในรถมองไปที่ช่องหน้าต่าง และประตูตู้คอนเทนเน่อร์ เห็นยังเปิดไฟสว่าง ฟ้ากระจ่างนั่งเกาะพวงมาลัย มองอยู่ คิดหนัก ว่าจะเอายังไงดี และไม่แน่ใจ ว่าดวงยิหวายังอยู่หรือเปล่า
สักพักหนึ่ง ประตูเปิดออก มีคนงาน 4-5 คน เดินออกมา พูดคุย หัวเราะๆ กัน
ฟ้ากระจ่างมองไม่วางตา อาการลุ้นๆ
สักครู่ต่อมา ประตูเปิดออกมาอีก มีเงาใครคนหนึ่งเดินออกมาที่ประตู ยืนขวางทางแสงไฟ จึงมองไม่เห็นหน้าตา ใครคนนั้นปิดไฟ แสงที่ประตู หน้าต่างดับมืดลง แล้วเดินออกมา พ้นกรอบประตู มาสู่แสงไฟจากด้านนอก จึงเห็นหน้าว่าเป็นดวงยิหวา
ฟ้ากระจ่างอึ้ง ตะลึงนิ่งไป
ดวงยิหวาปิดประตูคอนเทนเน่อร์ ล็อคกุญแจอีกชั้น จากนั้นหันเดินมาทางถนน
ดวงยิหวาเดินมาพลางเขย่าพวกกุญแจแกว่งไปมาอย่างไม่มีความหมายอะไร ดูเลื่อนลอย เหมือนตกในภวังค์ ใกล้เข้ามาที่บริเวณฟ้ากระจ่างจอดรถทุกทีๆ
ฟ้ากระจ่างตัดสินใจ เปิดประตู ก้าวลงไปหา ดวงยิหวาเห็นว่าเป็นใคร สะดุ้ง ถึงกับยืนอึ้ง ฟ้ากระจ่างเองก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน
“ดวงยิหวา..” ฟ้ากระจ่างเรียกเต็มยศ
“พี่..เอ๊ย..คุณ..จ้าง” ดวงยิหวาพูดตะกุกตะกัก
“ผม..นึกไม่ถึงเลย ว่าจะได้เจอดวง..วันนั้น..แบบนั้น” ฟ้ากระจ่างว่า
ดวงยิหวาพยายามรวบรวมสติ ตั้งตัว ยิ้ม “ดวงก็นึกไม่ถึงเหมือนกัน..ว่า ที่แท้พี่จ้าง จะเป็น..คุณจ้าง แบบนี้”
ดวงยิหวาจดสายตามองฟ้ากระจ่างในรูปโฉมใหม่ แล้วมองไปที่รถ
ฟ้ากระจ่างมองตามสายตาดวงยิหวาแล้วเอ่ยขึ้น
“ผม..พยายามโทหาดวง อยากคุยกะดวง อยากบอกเรื่องทุกอย่างกับดวง..แต่ก็..ดวงไม่รับสายนี่ครับ”
“ดวงพยายามโทกลับพี่หลายครั้งมาก..แต่ติดต่อไม่ได้”
“มันมีเหตุขัดข้อง..นิดหน่อย” ฟ้ากระจ่างไม่พูดอธิบายอะไรมาก
“นั่นสิคะ จากอาจ้าง มาเป็น..คุณฟ้ากระจ่าง..ลูกคนโตของบ้านนี้ พี่จ้างคงต้องเปลี่ยนทุกอย่างใหม่หมด..จะได้เป็นคนใหม่จริงๆ”

“ผมไม่ได้เป็นคนใหม่” ฟ้ากระจ่างบอกเสียงจริงจัง
ดวงยิหวามองหัวจรดเท้า น้ำเสียงเยาะ “เหรอ..คะ?”
“ดวงสิ ไม่เห็นเคยเล่าให้พี่ฟังเลย..เรื่อง คุณเกียรติบดินทร์”
ดวงยิหวาอึ้งไป “มันไม่มีอะไร..ที่ต้องเล่าแม้แต่น้อยนี่คะ”
ฟ้ากระจ่างหน้าเยาะๆ “งั้นเหรอ?”
“ใช่” ดวงยิหวาเชิดตอบบ้าง “ทำไมดวงต้องเล่า ให้..พี่..คุณจ้างฟังด้วยล่ะ”
ฟ้ากระจ่างเริ่มกวนใส่ “ต้องสิ อย่างน้อย เวลานี้ ผมก็อุตส่าห์มาตามตัวเค้าถึงที่นี่..แต่ถ้าเค้าไม่อยู่ ก็ฝากให้คุณช่วย..ไปบอกให้เค้ากลับบ้านซะที ทุกคนเป็นห่วง”
ดวงยิหวามองจ้องหน้า แววตาตัดพ้อ “คุณดินเค้าจะกลับหรือไม่กลับ ก็ช่างเค้าสิ”
ฟ้ากระจ่างยิ้มเยือกเย็นประชดอยู่ในที “ก็คนรักกัน..สนิทกัน ก็ควรชักนำกันไปในทางที่ถูกที่ควร”
“ดวงกับคุณเกียรติบดินทร์จะอะไรยังไง..ก็ไม่ใช่กิจของชาวบ้าน”
“ผมไม่ใช่ชาวบ้าน ผมเป็นพี่ชายเค้า”
ดวงยิหวามองหน้าฟ้ากระจ่าง สักพักหนึ่ง หัวเราะแค่นๆออกมา
“ปรับตัวเร็วจัง..ไม่รู้เลย ว่าคุณจะเป็นคนที่แสดงบทบาทต่างๆ ได้ดีขนาดนี้ เคยนึกว่า..คุณเป็นคนตลกๆ..ขี้อายๆ บ้านๆ เสียอีก”
“ผมก็เป็นผม ผมไม่ได้แสดงบทบาท รู้สึกอะไร ก็ทำไปตามที่รู้สึก” ฟ้ากระจ่างบอกย้ำ
ดวงยิหวาส่ายหน้าไม่ยอมรับรู้ “การที่โลกกลม มันไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป เพราะบางที มันทำให้เราได้เข้าใจ..ว่าคนบางคน..ที่เรานึกว่าเรารู้จักเค้าแล้ว..ที่แท้..เราไม่เคยได้รู้จักเค้าซะหน่อย”
ฟ้ากระจ่างได้ฟัง ทั้งเสียใจ และรู้สึกผิดหวัง
“นั่นสิ บางที ภาพแรกๆที่เราเห็น มันไม่ใช่ภาพจริงเลย..เราเห็นแค่นิดๆ หน่อยๆ แล้วเราก็ไปต่อเติม เสริมแต่ง ปะติดปะต่อเอาเอง ให้เป็นภาพที่เราชอบ แต่ที่จริง..ความจริงมันไม่ใช่”
“นี่..คุณมาที่นี่เพื่อมาตามคุณดินเท่านั้นใช่ไหม” ดวงยิหวาถามขึ้น
“จริงๆ ผมก็มาเพื่อ..ธุระอื่นด้วย แต่ว่า..ช่างมันเถอะ..ไม่เป็นไร มันไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว”
“ดีค่ะ ถ้า..คุณไม่มีธุระอะไร.. ดิฉันก็ขอตัว..” ดวงยิหวาไหว้แบบจงใจ ด้วยท่าทีนอบน้อมเกินเหตุ แล้วเดินข้ามถนนไปที่ขึ้นรถกระบะ ขับออกไปอย่างเร็ว
ฟ้ากระจ่างมองตาม อึ้ง ใบหน้านิ่งงัน คนงานเดินผ่านไปมา มองอย่างสนใจ ฟ้ากระจ่างรีบเปิดประตูก้าวขึ้นรถ นั่งลงมองไปที่นั่งข้างๆ คนขับ หนังสือการ์ตูนโดราเอม่อนเล่มใหม่ๆ เป็นตั้งใหญ่ วางกองอยู่

ฟ้ากระจ่างหันมามอง แล้วจับโยนไปข้างหลัง แล้วนั่งนิ่ง ผิดหวังกับตัวเอง ที่ไม่รู้ว่าทำถูกทำผิด หรือควรทำอะไรกันแน่

นายเด่นกำลังจัดวางกับข้าวมือค่ำ บนโต๊ะอาหาร ดวงยิหวาล้างมือที่อ่างล้างจานในห้องเตรียมอาหาร แล้วหยิบผ้ามาเช็ดๆ มือ สีหน้าขรึมเศร้า แล้วหันไป หยิบจาน ช้อนส้อม 2 ที่ เดินมาช่วยตั้งโต๊ะ
นายเด่นถามลูกสาวขึ้นมาลอยๆ
“ดวงคงได้ยินเรื่อง..ลูกชายคนโตของนายหัว ที่จะมาช่วยนายหัวดูแลกิจการแล้วใช่ไหม”
ดวงยิหวาสะดุ้ง จนจานหลุดมือ กระแทกกับโต๊ะ ตรงที่จะวางพอดี
“คะ?..ค่ะ ได้ยินแล้วค่ะ พ่อ”
“นี่แหละ สาเหตุที่คุณดินมาอาละวาดๆอยู่ทุกวันนี้ไง...” นายเด่นส่ายหัว “ตัวเองมีแต่ก่อเรื่อง สร้างศัตรู จนทำให้พ่อตัวเองเป็นแบบนี้ แล้วพอพ่อเค้าหาคนมาช่วย ก็ยังจะสร้างปัญหาอีก”
“ก็.. มันก็แปลกนะคะ พ่อ ที่อยู่ๆ คุณ..พี่ชายคนโตนี่ก็โผล่มา..จากไหนก็ไม่รู้”
“ดวงคิดว่าไง ดวงไม่เชื่อเหรอ”
“ดวง..ไม่ทราบ”
“นายหัวตามสืบเรื่อง..เด็กคนนี้มาพักนึงแล้ว ที่นายหัวพยายามบอกใครๆ ว่า รู้เรื่องเด็กคนนี้มาตลอด แล้วตัวเองก็ช่วยส่งเสียน่ะ ไม่ใช่นะ นายหัวเพิ่งรู้เรื่องนี้มาไม่กี่เดือน แล้วก็จ้างคนไปตามดู สุดท้าย..ตัวเองก็แอบไปหาเด็กเอง แล้วยังไงก็ไม่รู้..พอดี ก็มาโดนยิงซะ” นายเด่นเล่า
“จริงเหรอคะ” ดวงยิหวาประหลาดใจ
“อย่าไปบอกใครนะ เรื่องส่วนตัวของนาย..เราเป็นลูกน้อง นี่พ่อเล่า เพราะเห็นดวงไว้ใจได้ นายหัวปิดเรื่องนี้เป็นความลับ นายบุรีก็ไม่รู้ นายหญิงก็คงเพิ่งรู้ แต่พ่อรู้เพราะพ่อเห็นหลักฐานที่นายหัวโอนเงินให้นักสืบ แล้วก็..ที่นายหัวเคยหายไปหลายวัน..ไม่บอกใคร พ่อก็เห็นบิลค่าใช้จ่าย..บัตรเครดิต ที่จังหวัดลำพูน..มันจังหวัดเดียวกับที่..เด็กคนนั้นอยู่ พ่อก็เดาๆ เอา แต่ไม่พลาดแน่” นายเด่นเล่ารายละเอียดที่รู้มาเสริม
“เค้า..เป็นลูกใคร..จริงๆ หรือคะ”
“นายหัวบอกว่าเป็นลูกนายหัวนี่”
“พ่อเคย..เจอเค้าหรือยังคะ”
“ยัง แต่พ่อต้องพาเค้าไปงานกำนันนวลวันเสาร์ ดวงก็ต้องไปด้วยนะ”
ดวงยิหวาฟังแล้วสะดุ้ง “ไม่นะคะ”
“อะไรนะ” นายเด่นสงสัยในท่าทีของลูกสาว “ทำไม”
“ไม่..ไม่มีอะไรค่ะ ดวง..ขี้เกียจไปงาน กะว่า..วันเสาร์..อยากนัดเพื่อนไปเที่ยวเกาะ”
“ไปเที่ยวเกาะ..ไปเมื่อไหร่ก็ได้ มาธุระกะพ่อก่อน งานนี้งานสำคัญ..เท่ากับเป็นการเปิดตัวคุณจ้างให้ทุกคนรู้จัก ดวงต้องไปช่วยพ่อ..แล้วก็ช่วยแนะนำคุณจ้างให้คนที่ดวงมีคอนเน็คชั่นทั้งหลายได้รู้จักด้วย ทำให้ทุกคนเชื่อให้ได้ ว่านี่คือลูกชายคนโตของนายหัวจริงๆ”

ได้ยินว่าตัวเองต้องไปช่วยสร้างภาพให้ ฟ้ากระจ่าง...อาจ้าง...พี่จ้าง จากพ่อ ดวงยิหวาอึ้ง เหวอไปในทันที
รุ่งเช้าวันต่อมา เกียรติบดินทร์ซึ่งอยู่ในเสื้อผ้าชุดเดิม ในวันที่ขับรถจนเกือบชนฟ้ากระจ่าง กำลังกราบที่เท้าบัญชา ที่ยังนั่งกึ่งนอนเอนๆ อยู่บนเตียงในห้อง เกียรติบดินทร์เงยหน้าขึ้นมาในสภาพน้ำตาคลอหน่วย พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังมากกว่าครั้งไหนๆ ในชีวิต

“ดินไม่เคยกราบขอโทษนายหัวสักครั้ง กับความผิดรุนแรงที่สุด ที่ดินทำลงไป...ความใจ
ร้อนที่ดินให้คนไปทำร้ายศัตรูถึงตาย คือต้นเหตุ ที่ทำให้นายหัวต้องมาเป็นแบบนี้”
“เกียรติบดินทร์” น้ำเสียงในท่าทีอึ้งของบัญชาแฝงด้วยความสะเทือนใจ
“ถ้ามันจะทำให้นายหัวโกรธเกลียดดิน ถึงขั้นจะเนรเทศดินไปให้พ้นๆ ดินก็เข้าใจครับ”
บุรีเองก็อึ้ง มองอย่างทึ่งสุดขีดในแอ็คติ้งมารยาของเกียรติบดินทร์
บัญชา อึ้งอยู่นาน แล้วจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“ถ้าความสำนึกผิดทำให้ดินต้องเป็นทุกข์มาก พ่อก็อยากจะบอกดินว่า ทั้งหมด คนผิดที่
แท้จริง..ไม่ใช่ลูก..แต่เป็น..พวกมัน” บัญชาเน้นเสียงตรงคำว่า..พวกมัน อย่างจงใจ “และพวกมัน จะต้องชดใช้
“นายหัวจะทำอะไรครับ” เกียรติบดินทร์สงสัย
“พ่อกำลังเตรียมการณ์ทั้งหมดอยู่แล้ว ขอให้ดินอย่าเก็บไปคิดอีก รีบไปเรียน ทำทุกอย่าง
ตามที่พ่อวางแผนไว้ให้”
“แล้วดินจะทิ้งนายหัวไปได้ไงครับ เกิดนายหัวเป็นอะไรไป เกิดมีปัญหาขึ้นมา ดินต้องการ
ที่จะอยู่เคียงข้างนายหัวในเวลานั้น” เกียรติบดินทร์ครวญคร่ำ
“ไม่ได้ ดิน..ดินต้องไป ไปเรียน..ให้จบ อยู่ให้สบาย ปลอดภัยที่สุด” บัญชายืนยัน
“ขอดินเรียนอยู่ที่นี่ไม่ได้หรือครับ” เกียรติบดินทร์ยังขอต่อรอง
“ไม่ได้” บัญชาเสียงกร้าว
“นายหัวจะไว้ใจคนอื่นมากกว่าลูกตัวเองได้ไง ว่าเค้าจะซื่อสัตย์ต่อนายหัวจริงๆ ถ้ามีอะไร
คับขัน ไม่มีใครตายแทนนายหัวได้ แต่ดินตายแทนได้” เกียรติบดินทร์เล่นบทลูกแสนดีต่อ
“พ่อ..ไม่อยากให้ดินต้องมาเสี่ยง”
เกียรติบดินทร์งัดไม้ตาย ยกมือพนมไหว้บัญชา
“ดินขอสัญญา ว่าจะทำทุกอย่าง ตามคำสั่งนายหัว จะอยู่ในโอวาทย์นายหัวจริงๆ ดินจะไม่
ดื้อ จะไม่หาเรื่องใส่ตัว ขอให้ดินได้อยู่บ้านนี้ ใกล้ๆนายหัว สงสารดินนะครับ ดินไปจากนายหัวไม่ได้จริงๆครับ”
เกียรติบดินทร์จัดเต็ม เสริมด้วยออพชั่นบีบน้ำตาไหลหยดอาบใบหน้า
บัญชาอึ้ง ในขณะที่บุรีลุ้นตัวโก่ง

เวลาเดียวกันฟ้ากระจ่าง อาบน้ำเรียบร้อย อยู่ในชุดลำลองที่ดูดี เปิดประตูออกมาจากห้องนอน เกียรติบดินทร์ เดินขึ้นบันไดมาจ๊ะเอ๋กันพอดี ต่างคนต่างมองหยั่งเชิงกัน
เกียรติบดินทร์ยิ้มหยัน มองหัวจรดเท้า
“นายนี่มัน..เหมาะกับบ้านหลังนี้มากขึ้นทุกวัน ปรับตัวเก่งจริงๆ”
จ้าง “คุณไปค้างที่ไหนมา นายหญิงเป็นห่วงมาก”
เกียรติบดินทร์หัวเราะเยาะ “เป็นห่วง! แหม..ขอบใจนะ ได้ยินแล้วรู้สึกดีขึ้นเยอะ”
“ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะครับ นายหญิงจะโทร.ตามคุณ..ก็ไม่กล้า กลัวว่าคุณจะยิ่งหงุดหงิด”
“นายนี่เป็นคนดีจริงนะ กับคนอื่นน่ะ ทำดีไปเถอะ ไม่ต้องมาดีกะชั้น เหนื่อยเปล่า”
“คุณดิน ถ้าคุณเกลียดผมมากนัก ก็มีทางเดียว ที่คุณต้องทำ”
“อะไร” เกียรติบดินทร์ถาม
“รีบไปเรียน แล้วก็รีบๆจบ รับรองว่า คุณเรียนสำเร็จกลับมา ผมไปแน่”
คราวนี้เกียรติบดินทร์ระเบิดเสียงหัวเราะใส่หน้า
“เสียใจด้วยนะ ความหวังนายพังซะแล้ว ฮ่าๆๆๆ” ว่าแล้วเดินลอยชายไปหน้าห้องดารากานต์ แล้วหันมาทำหน้าบอกให้ฟ้ากระจ่างคอยดู ว่าตนสามารถทำได้ขนาดไหน แล้วทำเสียงเรียกอ้อนๆ เจื้อยแจ้ว “นายหญิงคร้าบ..นายหญิง..แม่คร้าบ น้องดินกลับมาแล้วคร้าบ” หันมายักคิ้วยั่วฟ้ากระจ่างงง

ดารากานต์กับป้าบัว เปิดห้องออกมา
“น้องดิน..น้องดินไปไหนมา หายไปตั้งหลายวัน..หือ..ลูก”
เกียรติบดินทร์ไม่ตอบเข้าไปกราบอกแม่ “แม่ครับ..น้องดินขอโทษ” กอดแม่ แล้วหอมฟอดซ้ายขวาแบบฝรั่งๆ “น้องดินผิดไปแล้ว ต่อไปนี้ น้องดินจะไม่ทำอีกแล้วครับ”
ฟ้ากระจ่างยืนมองอยู่อีกมุมหนึ่ง ทำตาปริบๆ
ดารากานต์งงไปหมด จับตัวเกียรติบดินทร์ออกห่าง เพื่อมองหน้าตาให้ถนัด ลูบหน้า ลูบผม
“น้องดิน น้องดินเป็นอะไรหรือเปล่า ไม่สบายหรือลูก”
“ดินสำนึกผิดแล้วครับ..ดินคิดได้แล้ว ว่าที่ผ่านมา..ดินมันแย่มากๆ อ่ะครับ”
ฟ้ากระจ่างถอนหายใจเฮือกใหญ่ งุนงงกับการกระทำแปลกๆ ของคนบ้านนี้
“ดินได้ไปอยู่เงียบๆคนเดียวมาพักนึง..อยู่กับตัวเอง..แล้วก็พยายามคิดทบทวน ตั้งสติ ดินถึงเข้าใจ ว่าดินคือคนผิดจริงๆ”
ดารากานต์ดีใจ รู้สึกตื้นตันขึ้นมา
“น้องดิน..น้องดินไม่ได้ผิดหรอกนะลูก..น้องดินเป็นเด็ก รู้เท่าไม่ถึงการณ์ตังหาก”
“น้องดินเอาแต่ใจตัวเอง น้องดินไม่เคยฟังใครเลย ผมรู้ตัวเองดีนะครับ”
“โถๆๆ น้องดิน..ป้าบัวได้ยินน้องดินพูดแบบนี้ ป้าบัวก็ดีใจที่สุดแล้วล่ะค่ะ ไม่เป็นไรนะคะ ที่แล้วมาก็ให้มันแล้วไป เรามาตั้งต้นกันใหม่นะคะ” ป้าบัวช่วยปลอบ
จังหวะนั้นเกียรติบดินทร์แอบทำหน้าแหวะ กับคำพูดป้าบัว โดยจงใจ ให้ฟ้ากระจ่างเห็นหน้าตน แล้วก็หันไปตอบแบบดัดจริตสุดๆ
“ขอบคุณครับ ป้าบัว ป้าบัวใจดีแล้วก็รักน้องดิน เข้าใจน้องดินตลอดเลย”
ป้าบัวซาบซึ้งน้ำตาเล็ดด้วยความตื้นตันใจ
“โธ่ ทำไมป้าบัวจะไม่เข้าใจน้องดิน..ก็ป้าบัวเลี้ยงมากะมือตัวเองนี่คะ”
“แล้วน้องดินไปค้างที่ไหนมา ทำไมดูผอมดำจังเลย แล้วนี่กินอะไรมาหรือยัง หิวไหม อยาก
กินอะไรครับ” ดารากานต์ถามเป็นชุด
“อะไรก็ได้ครับ ที่แม่ทำ..ดินไปค้างบ้านเพื่อน กินอะไรไม่ลงเลย อะไรก็ไม่อร่อยเหมือนข้าว
บ้านเราครับ” เกียรติบดินทร์หวานสุดลิ่ม
“งั้น..ป้าบัวรีบไปทำของโปรดคุณดินดีกว่า คุณดินรีบอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้านะคะ
จะได้กินข้าวให้อร่อยๆเลย นะคะ” ป้าบัวเข้ามาหยิกแก้ม แล้วรีบแจ้นไป
ดารากานต์ดึงเกียรติบดินทร์เข้ามากอด ลูบหัวเบาๆ
“ผมก็ชักยาวๆแล้วนะลูก..แล้วไปหานายหัวหรือยัง นายหัวว่าอะไรหรือเปล่า อย่า
ดื้ออย่าเถียงพ่อนะลูกนะ..ทุกคนรักดิน หวังดีกะดินกันทั้งนั้นนะลูก”

“ดินทราบค้าบบ...” จับมือแม่มา หอมฟอดๆ แล้วแอบปรายตา ทำหน้าเยาะหยัน
ทุกสิ่ง
ฟ้ากระจ่างถดตัวถอยห่าง แล้วแอบออกมาให้พ้นสายตาเกียรติบดินทร์ รู้สึกอนาถใจปนฉงน

บ้านกำนันนวล เป็นตึกหรูหรา เหมือนบ้านคนรวยชนบททั่วไป ช่วงเที่ยงวันนั้นคณะจัดงานเลี้ยงแบบโต๊ะจีน กำลังลงโต๊ะ เก้าอี้ จัดแต่งประดับบริเวณงานอย่างคึกคัก พรึ่บพรั่บ แข่งกับเวลาเพื่อให้ทันงานตอนค่ำ บนเวทีกลางลาน มีตัวหนังสือเขียนกำกับหราว่า
“HAPPY BIRTHDAY กำนันนวล 53 ปี พี่มีแต่ให้”
ชิงชัยกำลังชี้สั่งคนที่กำลังปีนประดับไฟกระพริบบนต้นไม้ต่างๆ
มาดามพิณ ชิงชัย เดินมากับกำนันนวลและภรรยา
“แหม มาดามครับ ไม่น่ายุ่งยากเลย น้องชิงชัยถึงกับลงมาจัดสถานที่ให้ด้วยตัวเองเลย
เกรงใจจริงๆ” กำนันว่า
“นั่นสิคะ ปีก่อนๆเราก็จัดแบบบ้านๆกัน โอ้โห นี่มาดามสั่งโต๊ะจีนอย่างหรูมาเลย”
“โต๊ะจีนนี่..เป็นอภินันทนาการจากมิสเตอร์ปีเตอร์น่ะครับ ปีเตอร์เค้าซาบซึ้งในน้ำใจของ
กำนันม้ากมาก..เค้าก็เลยอยากจะตอบแทนบ้าง” มาดามพิณชงให้ปีเตอร์
“แหม..ผมก็ไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย” กำนันบอก
ชิงชัยเดินเข้ามา
“เรารักกำนันนี่ครับ วันเกิดกำนันทั้งที เราก็อยากจะแสดงออกถึงความในใจของพวกเรา
นิดนึงอ่ะครับ”
ลูกสาวกำนัน 2 คน ยกน้ำ กับขนมออกมา
“มาดามขา พี่ชิงขา..คุณพ่อคุณแม่ขา..ดื่มน้ำหวานแก้ร้อนกันก่อนนะคะ” อีกคนเสริมทันที
“พี่ชิงขา เห็นพี่ชิงบ่นอยากรับประทานผลไม้ นี่ค่ะ เงาะ..น้องคว้านเองเลยนะคะ พักเหนื่อย รับทานก่อนนะคะ จะได้ชื่นใจค่ะ”
“อ้ะ เชิญๆๆ มานั่งพัก ทานอะไรกันก่อน” กำนันนวลว่า
ทันใดนั้น ก็มีรถบรรทุกอีกคันหนึ่งเข้ามาจอด มีคนงาน 4-5 คน ขนอาหารทะเลเป็นเข่งๆๆ ชุดเตาปิ้งย่างขนกันลงมาต่อหน้า
“อุ๊ย อะไรกันอีกคะเนี่ย โต๊ะจีนก็แล้ว ยังมีอาหารทะเลอะไรอีกคะ” เมียกำนันพูดยิ้มๆ
หัวหน้าคณะปิ้ง ย่าง เดินเข้ามา ไหว้ทุกคน
หัวหน้า “กำนันครับ คุณนายครับ ..สวัสดีครับทุกคน จะให้พวกผมอยู่ตรงไหนดีครับ”
มาดาม “พวกเธอ..มาจากไหน ใครส่งมาหรือจ๊ะ” มาดามพิณถามยิ้มหวาน
หัวหน้า “อ๋อ..ผมร้านใหญ่ทุกอย่างทะเลเผาครับ นายหัวบัญชาจัดมาครับผม..อ่อ มีครัวโต๊ะจีนอยู่
ตรงนั้น งั้น..ผมตั้งมุมทะเลเผาตรงนี้..ดีไหมครับ จะได้แยกเป็นสัดส่วน”
“นายหัวบัญชาเหรอ!!..โอ้โห..อะไรกันนี่ นายหัวบัญชาไม่สบาย ท่านยังอุตส่าห์นึกถึงเรา..น่ารักจริงๆๆ เอ้อ เชิญทางนี้ๆ..มีที่ตั้งเตาตั้งอะไรได้ มาๆๆ” กำนันเดินนำ
“นายหัวบัญชา...” ชิงชัยมองหน้าแม่
มาดามพิณหน้าตาซีดๆ “มันท้าชนกับเราแล้ว..ชิงชัย”
สองแม่ลูกมองหน้ากัน เครียด

ช่วงหัวค่ำนั้นเอง บัญชาอึ้งไป เมื่อเห็นเกียรติบดินทร์ใส่สูทเท่เฟี้ยวยืนอยู่ตรงหน้า
“ดินเอาความคิดอะไร..มาทำให้อยากจะไปงานนี้นัก” บัญชาถามขึ้นน้ำเสียงไม่พอใจนัก
“พ่อครับ ดินไม่ได้จะไปหาเรื่องใครนะครับ ดินรับรอง ว่าดินจะสงบปาก สงบคำที่สุด จะเดินตามพี่จ้างไปเงียบๆ ความคิดของดินก็คือ..ดินจะไปงานนี้..เพื่อเสริมบารมีพี่จ้างไงครับ ไม่อย่างนั้น พ่อนึกหรือครับ ว่าคนจะเชื่อว่า..พี่จ้าง..เป็นลูกคนโตของพ่อจริงๆ” เกียรติบดินทร์ว่า
บุรีรีบเสริมขึ้นมาทันทีนายหัว
“ผมว่า..น้องดินคิดถูกนะครับ ดูสิครับ ว่าน้องดินฉลาดออกจะตาย น้องดินเข้าใจแผนของนายหัวทุกอย่าง”
บัญชา ผงะรู้สึกประหลาดใจ “เข้าใจ เข้าใจว่ายังไง
“ก็เข้าใจว่า..นายหัวอยากปกป้องดิน..จากคดีเก่าๆ ทั้งหมด และจะพยายามปั้นพี่จ้าง..ให้มาทำงานแทนนายหัว..เพราะนายหัวคิดว่า..พี่จ้างเก่งพอที่จะรับมือกะไอ้พวกนั้นได้ ไม่เหมือนดิน ..ที่อ่อนหัด”
“พ่อไม่ได้ว่าดินอ่อนหัด”
“ดินก็อ่อนหัดจริงๆนั่นแหละครับ พี่จ้างเค้าดูสุขุมเยือกเย็นกว่าดิน ดินเข้าใจ ดินจะปรับปรุงตัว ดินจะยืนอยู่ข้างหลัง..คอยทำหน้าที่เป็นน้องชายที่ดีของพี่จ้างไงครับ”
ดารากานต์เดินเข้ามา ทันได้ยินประโยคหลังพอดี ก็รู้สึกดีใจ
“แต่บุรี..ไม่ควรไปนะ งานนี้” บัญชาเอ่ยขึ้น
“ผมเข้าใจน่า นายหัว ปล่อยให้นายเด่นเค้าเล่นบทบาทประสานสิบทิศไปน่ะ ถูกแล้ว ผมรู้
ว่าถ้าพวกนั้นเห็นหน้าผม มันอาจระวังตัวเกร็งเครียดกันขึ้นมาก็ได้”
ดารากานต์อยากรู้ขึ้นมาทันที “พวกนั้น..พวกไหนคะ”
“ก็..พวกคู่แข่งเราน่ะจ้ะ ดารากานต์ ไม่มีอะไร เอ้า ออกไปกันได้แล้ว พ่อขอเอนหลังซัก
หน่อย” บัญชาบอก
บุรี กับเกียรติบดินทร์ สบตากัน แล้วเดินออกไปจากห้อง
ดารากานต์มองตามไปสักพัก ยิ้มดี๊ด๊า อย่างดีใจ
“คุณว่าไหมคะ จ้างอาจจะเป็นส่วนนึง ที่ทำให้น้องดินมีความพยายามที่จะปรับปรุงตัว
ใหม่ขึ้นมาบ้างก็ได้”
ในหัวบัญชาครุ่นคิดบางอย่าง “ผมก็หวังอย่างนั้น”

“ขอให้น้องดินเป็นเด็กดีจริงๆซะทีเถอะ ฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว ขอแค่ให้เรามี
ครอบครัวที่พร้อมหน้าพร้อมตา พี่น้องรักกัน แล้วก็...” ดารากานต์จับข้อเท้าบัญชาบีบขยำ นวด
เบาๆ “แล้วก็ขอให้นายหัวหายวันหายคืน ขอให้เกิดปาฏิหาริย์ ให้นายหัวกลับมาเหมือนเดิม..ฉัน
สวดมนตร์แบบนี้ทุกวันๆ ขอแค่นี้ แล้วจะไม่ขออะไรอีกแล้วจริงๆ ค่ะ”
ดารากานต์ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้บัญชา ลูบขาบีบนวดเบาๆ
บัญชากลับรู้สึกเศร้า เสเมินก้มหน้า “..อือ คอแห้งจัง ขอชาหน่อยซิ”
“ได้ค่ะ สักครู่นะคะ” ดารากานต์มีสีหน้าระรื่น กระตือรือร้น รีบหันไป กุลีกุจอรินชาให้สามี
อย่างเป็นสุข บัญชามองตาม เพ่งมองจ้องดูดารากานต์ ที่กำลังรินชา แววตาช้ำใจผุดขึ้นมา

เวลาต่อมากำนันนวลยืนรับกระเช้ากล้วยไม้ไฮโซที่ดูหรูสุดจากมือปีเตอร์อย่างปลาบปลื้ม ปีเตอร์ ครอบครัวกำนันนวล พร้อมกับเทเรซ่า ยืนยิ้มในท่ารับ-ส่งกระเช้าค้างให้ทีมงาน 2-3 รายถ่ายไว้ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ
“ขอให้มีความสุขมากๆ นะครับ กำนัน” ปีเตอร์อวยพร
“ขอบคุณคุณปีเตอร์มากครับ” กำนันยิ้มๆ
ลูกน้องกำนันมารับกระเช้าไปวางที่โต๊ะของขวัญ
“แฮปปี้เบิร์ธเดย์ค่ะ กำนัน” เทเรซ่าร่วมอวยพร
“เป็นเกียรติมากครับ คุณหนูเทเรซ่า”
วันนี้เทเรซ่าดูสวยสง่ามาก สวยราวกับดาราระดับนางเอก
“คุณหนูเป็นไงบ้างคะ ได้ข่าวว่า ทนอากาศร้อนไม่ค่อยจะได้” เมียกำนันนวลถามยิ้มแย้ม
ลูกสาวสองคนแอบหลังพ่อแม่ มองเทเรซ่าอย่างอิจฉา ต่อหน้ายิ้มหวานใส่ แต่ลับหลังซุบซิบนินทาทันที
“ดัดจริตล่ะไม่ว่า” แต่พอลูกสาวหันมาสบตาเทเรซ่า ยิ้มฉีกถึงหู “ตุ้มหูคุณเทเรซ่าสวยจังค่ะ”
ลูกคนที่สองอวยต่อ “ผมก็สวยค่ะ อยากทำทรงคุณหนูเทเรซ่ามั่งจังเลย” แอบกระซิบลับหลัง “ดูแต่งตัวเข้าสิ นึกว่าเป็นนางฟ้ารึไง”
มาดามพิณ กับชิงชัย เดินมาจากในงาน ทำตัวดุจเจ้าภาพร่วม
“เทเรซ่า สวยจังเลยครับ..ยังกับนางฟ้าแน่ะ” ชิงชัยหลีใส่ทันที
ลูกสาวกำนันสะดุ้ง มองหน้าชิงชัย แล้วมองหน้ากัน อยากจะกรี๊ด นอกจากนั้นชิงชัยเข้ามาดูแลเทเรซ่าใกล้ชิด “หิวหรือยังครับ”
“ยังค่ะ” เทเรซ่าบอก
“ระวังจะเป็นลมไปอีกนะครับ ทีหลังมีอะไรแล้วต้องรีบบอกพี่นะครับ อย่าทน..อย่าเกรงใจ”
“คุณปีเตอร์คะ เชิญทางนี้ค่ะ”
ปีเตอร์ เทเรซ่า ตามมาดามพิณและชิงชัย ไปที่โต๊ะกลุ่มไฮโซ ผู้หลักผู้ใหญ่ประจำจังหวัด
“ท่านผู้ว่าฯขา มาแล้วค่ะ มิสเตอร์ปีเตอร์ กับมิสเทเรซ่าลูกสาว คุณปีเตอร์คะ หนูเทเรซ่า ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดค่ะ” มาดามพิณแนะนำน้ำเสียงระรื่น
ทั้ง สองฝ่ายไหว้กันไปมา ผู้ว่าฯ รับไหว้ ทำท่าภูมิฐานหน่อย มองอย่างทึ่งในมาดเนี้ยบและการแต่งตัวที่ดูหรูไฮของปีเตอร์กับลูกสาว
“นี่..ท่านนายอำเภอค่ะ ท่านนายอำเภอคะ มิสเตอร์ปีเตอร์ คุณเทเรซ่าค่ะ” มาดามพิณเอาหน้าต่อ
สองฝ่ายต่างไหว้กันไปตามฟอร์ม นายอำเภอมองเทเรซ่าแววตาชื่นชมสุดๆ
“ท่านนายกอ.บ.ต.ครับ..คุณปีเตอร์ ท่านนายกฯ ครับ คุณปีเตอร์ กับลูกสาวครับ คุณเทเรซ่า”
ชิงชัยเป็นคนแนะนำแทนมารดา นายกอ.บ.ต. ลุกขึ้น ยื่นมือให้ปีเต้อร์จับ เขย่ามือแบบฝรั่ง
และจับมือกับเทเรซ่าด้วย
แขกพิเศษในโตะวีไอพีนี้ ยังมีฟ้าใส สกาย หรือ เสี้ยวท้อ ซึ่งเดินถือจานที่ใส่อาหารทะเล ปิ้งย่าง พร้อมน้ำจิ้ม อีก 2 ที่ ยิ้มหวานทำตัวร่าเริง ป๊อปสุดๆ เข้ามา
“ท่านนายกขา..ท่านผู้ว่าขา..มาแล้วค่า ทะเลเผา..กับน้ำจิ้มซีฟู้ดสุดแซบ (วางตรงหน้า มีใครอยากได้อีกไหมคะ เดี๋ยวฟ้าใสบริการเองค่า” หันไปเห็นหน้าปีเตอร์ ชะงัก “อุ๊ย..” รีบไหว้ “สวัสดีค่ะ ไม่ทราบ..ท่านผู้มีเกียรติท่านนี้…”
นายกอบต.รีบดึงแขนฟ้าใส แล้วโอบเอวโชว์ “คุณปีเตอร์กับลูกสาวจ้ะ” เน้นๆ เสียง “ลูกสาวคงมาคุมคุณพ่อแทนคุณแม่ไงล่ะ”
ฟ้าใสไหว้ชดช้อย อ่อนหวานจิกตาใส่ “สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” ฟ้าใสนั่งลง คลอเคลียกับนายกอบต. “ท่านนายกฯ ขา เดี๋ยวฟ้าใสแกะปูให้ดีกว่านะคะ ดูสิคะ ก้ามใย้ใหญ่ น่ากิ๊น น่ากิน ท่านผู้ว่าฯขา จะให้ฟ้าใสแกะให้หรือเปล่าคะ จะได้มือไม่เปื้อน รอสักครู่นะคะ ฟ้าใสจะแกะให้รอบวงเลย” ฟ้าใสใส่จริต ดูร่าเริง คล้ายๆ นกกระเต็นน้อย
เทเรซ่ามองอย่างทึ่งๆ หันมา ยิ้มให้กับผู้เป็นพ่อ ชิงชัยจับตามองดูฟ้าใส รู้สึกตื่นตาตื่นใจ
มาก มาดามพิณเห็นแอบหยิกลูก ฟ้าใสระริกระรี้ ทำตัวเด่นอยู่ในโต๊ะวีไอพี

เวลาเดียวกัน ฟ้ากระจ่างอยู่ในชุดสูทโก้ สีสะอาดตา เนี้ยบลุคตรงข้ามกับเกียรติบดินทร์ เดินลงมาจากชั้นบน หน้าตาครุ่นคิด หนักใจ เสียงเกียรติบดินทร์ดังขึ้น
“โอ้ว้าว..จุ๊ๆๆๆ ไม่ใช่ย่อยๆ”
ฟ้ากระจ่างหันไปเห็น เกียรติบดินทร์เดินมา เข้ามาดูรอบตัวจ้าง มองรอบๆ แล้วหัวเราะเบาๆ กวนๆ นายน้อมตามลงมาพอดี
เกียรติบดินทร์หันไปหานายน้อม
“นี่ฝีมือนายน้อมแต่งตัวให้พี่ชายผมหรือนี่..รู้สึกจะเลือกข้าวของก๊อปปี้นายหัวมาทุกอย่างเลยนะ ทั้งแบบ สี ยี่ห้อ เป็นแบบที่นายหัวใช้ประจำทั้งนั้น นี่คิดจะโคลนนิ่งพ่อผมบนสังขารของนายคนนี้ให้ได้เลยเหรอ”
“นายหัวเป็นคนสั่งครับผม ผมก็ทำตาม” นายน้อมบอก
“ไม่เลว ทำได้ดี ดูไปดูมาแล้ว น่าเชื่อเหมือนกัน..ว่าเค้าเป็นลูกชายนายหัวจริงๆ ดูท่าจะเหมือนนายหัวมากกว่าผมซะอีก” เกียรติบดินทร์ยักไหล่ “อย่างว่า..ผมมันลูกแม่ เค้ามันลูกพ่อ” เกียรติบดินทร์หัวเราะก๊าก หัวร่องอหาย
ฟ้ากระจ่าง อึ้ง พูดไม่ออก พอดี ดารากานต์เดินเข้ามา ยิ้มเยื้อนอย่างมีความสุข
“คุยอะไรกันจ๊ะ พี่น้อง ขำอะไรใหญ่เชียว น้องดิน จ้าง..” มองลูกทั้งสอง แล้วเกิดไอเดีย “โอ้
โห ไม่อยากเชื่อเลย นี่แม่มีลูกชายโตเป็นหนุ่มหล่อมากๆ ตั้ง 2 คนเลยเหรอเนี่ย..น่ารักมากๆ เลยลูก” ดารากานต์หยิบมือถือออกมา หันมา “เอ้า นายน้อม ถ่ายรูปให้ชั้นที” ดารากานต์รีบเข้าไปยืนตรงกลาง ควงแขนทั้งสองคน
เกียรติบดินทร์ทำท่ายิ้มเว่อร์ ขณะที่ฟ้ากระจ่างมองความเฟคของน้องชาย แล้วก็ถอนใจ แต่ก็พยายามยิ้มไป พอถ่ายเสร็จ จ้างถอยออกมา ดารากานต์เอามือถือจากนายน้อมมาดู
“โอเคจ้ะ นายน้อม ขอบใจนะ” หันมาเล็งลูกชาย “โอ้..ไม่ได้ๆๆ ลูกๆ เข้ามายืนใกล้ๆ กันหน่อยจ้ะ”
ฟ้ากระจ่างอึ้งนิดๆ แต่ก็ทำตาม ว่าง่าย หันมามองหน้าเกียรติบดินทร์
“ใกล้ๆ กันหรือครับ..นายหญิง ไม่พอมั้ง..พี่น้อง..รักกันๆ มันต้องแบบนี้”
เกียรติบดินทร์กอดคอฟ้ากระจ่าง ข่มลงนิดๆ ฉีกยิ้มแฮปปี้แฝงความรุนแรง
จังหวะนั้นฟ้ากระจ่างแอบลอบดูมือที่จงใจกดบ่าตนนิดๆ แล้วไม่อยากใส่ใจ เงยมา มองกล้อง แล้วยิ้มสดใสให้ ดารากานต์รัวกล้องมือถือไม่ยั้ง
“ดีจังเลย หล่อจังเลย เท่มากๆ หล่อกว่านายแบบหรือดาราอีกลูก...”
บุรีเดินออกมาจากห้องบัญชา มองขวางๆ แล้วกระแอมเบาๆ เรียกเสียงจิกๆ
“คุณชายฟ้ากระจ่างครับ..นายหัวขอพบ..ด่วน”
ฟ้ากระจ่างอึ้งๆ แล้วรีบไป เกียรติบดินทร์สบตาบุรีเป็นเชิงถาม ว่าอะไร บุรีแอบยักไหล่ เป็น
เชิงตอบ ว่าไม่รู้ ดารากานต์มัวกดดูรูปในกล้อง ดี๊ด๊าร่าเริง
ในขณะที่นายน้อม มองเกียรติบดินทร์กับบุรี ด้วยความรู้สึกทะแม่งๆ

บัญชามองฟ้ากระจ่าง ที่เข้ามายืนสงบเสงี่ยม เอี้ยมเฟี้ยมอยู่หน้าเตียง มองอย่างเพ่งพินิจ
แล้วยิ้ม
“งานวันนี้สำคัญมาก..ฉันมีภารกิจให้จ้างทำ..2 อย่าง พยายามทำให้สำเร็จด้วย”
“ครับผม”
“อย่างแรก..พยายามตีสนิท สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับกำนันนวลให้มากที่สุด ให้นายเด่น
เป็นตัวเชื่อม นายเด่นเค้ารู้แล้ว แต่จ้าง..ก็ทำตัวให้มันลื่นไหล ไปตามเกมของนายเด่นก็แล้วกัน”
“ครับผม”
“อย่างที่สอง..มาดามพิณ กับปีเตอร์..ต้องมางานนี้แน่ๆ..อยู่ห่างพวกมันไว้ ไม่ต้องไปผูกมิตรอะไร คนพวกนี้ หน้าเนื้อใจเสือ เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม อย่าไปไว้ใจเด็ดขาด อย่าลืม ว่าที่ชั้นกลายเป็นแบบนี้ เพราะพวกมัน ถ้าจำเป็น ก็แค่ทักทายตามมารยาทสังคมก็พอ”
ข้อนี้ฟ้ากระจ่างอึ้งไปนิด แอบหลบตาขณะรับคำ “ครับผม”
“อ้อ..ลืมไป..พอดี..มันมีสิ่งที่นอกเหนือจากแผนการเดิมเกิดขึ้น คือ..เกียรติบดินทร์”
ฟ้ากระจ่างรีบถาม “นั่นสิครับ นายหัวครับ..แล้ว..ตกลงคุณดิน..ไม่ไปเรียน…”
บัญชาถอนใจ
“ก็..คงเป็นอย่างนั้น..ชั้นคิดว่า..เค้าคงคิดอะไรของเค้าอยู่ แต่เด็กคนนี้..ชั้นก็ไม่รู้จะบังคับยังไงเหมือนกัน เอาเป็นว่า..สำหรับงานนี้ ชั้นขอให้จ้างดูน้องดินไว้ อย่าให้คลาดสายตาด้วย พยายามให้เค้าอยู่ติดตัวเธอตลอดเวลา เด็กคนนี้เหมือนม้าพยศ ชั้นก็ไม่ไว้ใจเค้าเท่าไหร่ ว่าจะ..อยู่ในกรอบ..ไปได้ซักกี่น้ำ เพราะฉะนั้น เธอต้องดูแลความปลอดภัยให้น้องดินด้วย แต่ชั้นคิดว่า ตอนนี้เค้าพยายามจะทำความดีประกวดกับเธอ คิดซะว่าเค้าเป็นน้องชายแท้ๆ ของเธอ..” บัญชาหัวเราะ “ที่จริง..เค้าก็เป็นน้องชายของเธอจริงๆ นั่นแหละ ดูแลเค้าด้วย”
ข้อนี้ฟ้ากระจ่าง รู้สึกหนักใจเป็นที่สุด

ฟ้ากระจ่างเดินออกมาหน้าตึก มีนายน้อมตามควบคุมความเรียบร้อย ปกเสื้อ กระดุมคอ ไทด์ กระดุมเสื้อ กระดุมข้อมือ แล้วดูกระทั่งรองเท้า
“พอแล้ว นายน้อม ไม่มีอะไรผิดที่ผิดทางหรอกน่า”
“ทำไมจะไม่มี” นายน้อมว่าพลางนั่งลง ผูกเชือกรองเท้าที่หลวมไป
“เจ๊ย..ผมทำเองได้” ฟ้ากระจ่างตกใจ ก้มลงไป จะแย่งทำ
แต่ถูกนายน้อมหันมาดุใส่ “ยืนตรงๆ นิ่งๆ อย่าเสียบุคลิก!!”
“อ้าว..”
ฟ้ากระจ่างจ๋อย พอเงยขึ้นหน้ามา ต้องชะงัก เมื่อเห็นดวงยิหวากับนายเด่นยืนอยู่ และเกียรติบดินทร์ด้วย ดวงยิหวาใส่ชุดกระโปรงแสคสั้น เรียบๆ แขนกุดสีเรียบนวลๆ รวบผม ดูแปลกตาเป็นคนละคน
ฟ้ากระจ่างมองอย่างอึ้งๆ ไม่รู้ว่าควรทำตัวยังไงดี ดวงยิหวามองฟ้ากระจ่าง ที่ยืนตัวตรงขึ้น ให้นายน้อมผูกรองเท้าให้ แล้วหมั่นไส้ จนต้องเมินหน้าหนี ส่วนนายเด่นมองอย่างสนใจ แล้วเดินเข้าไปหา ฟ้ากระจ่างรีบไหว้ทันที
“สวัสดีครับ..เอ้อ มารอกันนานแล้วหรือครับ”
“เพิ่งมาถึงครับ ผม เด่นนะครับ..คุณจ้าง(หันมามองลูก แล้วรีบเรียก)ดวงๆๆ มานี่สิ มารู้จักคุณจ้างเร็ว”
ดวงยิหวาตั้งสตินิดหนึ่ง แล้วเดินเข้ามา ไหว้จ้างด้วยท่านอบน้อม สีหน้าสงบเสงี่ยม “สวัสดีค่ะ คุณจ้าง”
ฟ้ากระจ่างอึ้งไป กับท่าทีเหมือนคนไม่เคยรู้จักของดวงยิหวา อดไม่ไหว กวนกลับไป
“สวัสดีครับ..ชื่อดวงหรือครับ..ดวงอะไรครับ..ดวงจันทร์..หรือว่า..ดวงดี”
นายน้อมลุกขึ้นมาพอดี ยิ้ม “ดวงยิหวาครับ”
“ดวงยิหวา..ชื่อจำยากจัง เดี๋ยวถ้าผมเกิดลืม..อย่าโกรธนะครับ ช่วยเตือนด้วย ผมความจำสั้น”
เกียรติบดินทร์มองเหล่ฟ้ากระจ่าง รู้สึกขัดหู เดินกร่างเข้ามา
“นายเด่น เดี๋ยวนายเด่นนั่งไป..กับ..พี่ฟ้ากระจ่าง แล้วให้ดวงยิหวานั่งรถผม”
ฟ้ากระจ่างพูดขึ้นน้ำเสียงเรียบๆ
“ให้นายเด่นกับลูกสาวเค้าไปคันของเค้าน่ะ ดีแล้ว..น้องดินต้องนั่งกับพี่..เพราะนายหัวสั่งมา” เน้นเสียง “ว่า..ให้พี่กับน้องดินอยู่ด้วยกันอย่างใกล้ชิด ตลอดเวลา..ห้ามคลาดสายตา ถ้าน้องดินไปรถคนละคัน พี่คงไม่สบายใจแน่”
เกียรติบดินทร์ผงะ “อะไรนะ..ไม่!”
ทรายทองแต่งตัวสวยใส เครื่องประดับแพรวพราวระย้าระยิบระยับ เดินสวยลงมา
“จริงด้วยค่ะ นายหัวถึงสั่งให้ทรายไปด้วยอีกคน ให้มาช่วยกัน..ควบคุมพี่ดิน”
“โกหก” เกียรติบดินทร์
“ถ้านายหัวไม่สั่ง ทรายจะกล้าสะเออะตามไปด้วยหรือคะ ไม่เชื่อ..พี่ดินก็ไปถามนายหัวเองสิคะ นายหัวบอกว่า ให้เรา 3 คนพี่น้อง พี่จ้าง พี่ดิน กับทราย..อยู่ด้วยกันตลอดเวลา ให้คนทุกคนเห็นว่า..เรา3คน..เป็นพี่น้องที่รักและใกล้ชิดสนิทสนมกันมากๆ..แล้วให้ทรายทำยังไงก็ได้ ให้พี่จ้างได้ถ่ายรูปคู่กับกำนันนวล..ให้คนของกำนันนวล เอารูปคู่กะพี่จ้างลงหนังสือพิมพ์ข่าวท้องถิ่นพรุ่งนี้ให้ได้ ถ้าไม่ได้..นายหัวจะไม่พอใจในตัวทรายมากค่ะ”
ทรายทองอวดความสำคัญของตนอย่างภาคภูมิใจสุดๆ เกียรติบดินทร์อึ้ง เซ็งเป็ดแต่ทำอะไรไม่ได้

นายเด่นแอบจับแขนดวงยิหวาบีบเบาๆ ดวงยิหวาหันมาสบตา ทั้งสองคิดเหมือนรู้กันทำนองว่า เห็นไหมว่านายหัวทำอะไรแปลกๆ อีกแล้ว?












Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2555 13:32:49 น.
Counter : 295 Pageviews.

0 comment
ลิขิตฟ้าชะตาดิน ตอนที่ 8 (ต่อ)



ทรายทองเพ่งมองทั้งฝ่าย เห็นฟ้ากระจ่างกับดวงยิหวา ต่างมองกันด้วยสีหน้าท่าทางแปลกๆ จึงรีบเข้ามาดึงแขนฟ้ากระจ่างไปกอดไว้

“พี่จ้างคะ..นี่ดวงยิหวา ลูกสาวนายเด่น คนสนิทของพ่อของทรายเองล่ะค่ะ ดวงยิหวาจ๊ะ นี่..พี่จ้าง..คุณฟ้ากระจ่าง พี่ชายคนโตของพวกเราเองจ้ะ เค้าเป็นลูกของนายหัว ก่อนที่นายหัวจะมาแต่งงานกะนายหญิง...เพิ่งมาจากต่างจังหวัด..เพราะนายหัว..ไม่สบายมากไง ท่านเลย..ให้ลูกชายลับๆของท่าน ออกมาปรากฏตัวซะที จะได้ช่วยกันทำงาน..ใช่ไหม พี่ดิน”
ทรายทองแนะให้ทั้งคู่รู้จักกัน แล้วหันมาพยักเพยิดกับเกียรติบดินทร์ แต่อีกฝ่ายกลับด่าบอกให้หุบปาก
“หุบปากไปเลย ยายทราย” เกียรติบดินทร์แถเข้าไปหาฟ้ากระจ่างอย่างเอาเรื่อง
“นายมาทำอะไรที่นี่ นี่มันเป็นเวลาส่วนตัวของชั้น นายต้องการอะไร”
ฟ้ากระจ่างไม่ตอบในทันที แต่หันไปพูดกับดวงยิหวา “ขอโทษนะครับ คุณ...ดวงยิหวา” แล้วหันมา
หาเกียรติบดินทร์ “คุณดิน เชิญออกไปพูดกันข้างนอกดีกว่า ผมต้องการพูดกับคุณ..โดยเฉพาะ”
เกียรติบดินทร์กวนใส่ “ไปก็กลัวดิ”
“นี่..คุณล้อเล่นหรือเปล่า คุณดิน อย่าทำตัวเป็นเด็กๆ หน่อยเลยน่ะ” ฟ้ากระจ่างบอกน้ำเสียงจริงจัง
เกียรติบดินทร์โดนจี้จุดอ่อนก็ของขึ้น “เฮ้ย มึง..แก...นาย...ถือดียังไง กล้าพูดแบบนี้กับชั้นได้ไง” เปลี่ยนสรรพนามดินใหม่เพราะรู้ตัวว่าอยู่ต่อหน้าดวงยิหวา

จังหวะนั้นฟ้ากระจ่างปรายตาไปมองหน้าดวงยิหวาอีกครั้ง แล้วเอ่ยขึ้น
“ถ้าผมเป็นผู้หญิง..ผมคงอาย..ที่จะคบกับผู้ชายป๊อดๆ”
“กู..ชั้น..ไม่ได้ป๊อดเว้ย..แต่นายจะมาสั่งชั้นไม่ได้” เกียรติบดินทร์โวยวายตามนิสัยเอาแต่ใจ
“ผมไม่ได้สั่ง ผมเชิญ..หรือคุณจะให้ผมพูดเรื่องในบ้าน..ต่อหน้า..คุณดวงยิหวา”
คำพูดของฟ้ากระจ่าง ทำให้เกียรติบดินทร์เดินฮึดฮัด เชิด และหยิ่ง นำหน้าออกไป

เกียรติบดินทร์เดินออกมา ก้าวไปยืนรอกลางลานแบบพร้อมลุย ฟ้ากระจ่างตามออกมา
ส่วนทรายทองกับดวงยิหวาตามมา แต่ยืนอยู่แค่ประตู ในอาการลุ้นๆ กลัวเกิดเรื่อง
ฟ้ากระจ่างเดินเข้าไปใกล้เกียรติบดินทร์ พูดอย่างไม่อยากให้คนอื่นได้ยิน
“ที่ผมต้องมาพูดกับคุณให้ได้ในตอนนี้ เพราะสิ่งที่คุณทำกับคนอื่น..มันเป็นเรื่องที่คนปกติเค้าไม่ทำ
กัน”
“มึงพูดเรื่องอะไร” เกียรติบดินทร์ทั้งฉุนและโกรธ ทั้งคู่เปิดฉากปะทะคารมกันเดือด
“คุณขับรถพุ่งชนคนอื่น..ซึ่งอาจเป็นเหตุให้ทุกคนบาดเจ็บ หรืออาจรุนแรงกว่านั้นก็ได้ คุณเจอข้อหา
พยายามฆ่าได้เลย”
“มึงจะแจ้งความกูเหรอ กูก็จะบอกตำรวจ ว่ามึงบุกรุกบ้านกู”
“คุณเกียรติบดินทร์..คุณไม่ได้ป่วยแบบนี้อยู่คนเดียวหรอก คนสมัยนี้ป่วยอย่างคุณมากจริงๆ สังคม
เรา บ้านเมืองเรา จนถึงสังคมโลกเรา ถึงได้มีแต่เหตุรุนแรงเหลือเชื่อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไง” ฟ้ากระจ่างประชดอยู่ในที
“อะไรของมึงเนี่ย...จะจัดรายการทอล์คโชว์เหรอ”
“คุณทำนายน้อมแขนเจ็บ..ทรายทองเข่าแตก” ฟ้ากระจ่างขยับไปกระซิบใกล้ๆ “แต่ผม..ไม่เป็นอะไรเลย นับว่าพลาดเป้าหมายไปมากนะครับ..จำไว้ ว่าทีหลัง หมั่นไส้ใคร ก็ทำคนนั้นคนเดียว อย่าเที่ยวอาละวาดกราดไปหมดแบบนี้ ชาวบ้านที่ไม่เกี่ยวข้องเค้าจะเดือดร้อน”
“ไอ้จ้าง!” เกียรติบดินทร์บันดาลโทสะ
“โทสะรุนแรงแบบนี้...เสียบุคลิกหมด สาวๆ เขาไม่ปลื้มหรอกนะ..น้องชาย” ฟ้ากระจ่างพูดเตือนสติพลางยิ้มกวนใส่ แล้วหันไปหาทรายทอง “น้องทรายทองครับ..กลับ”
ฟ้ากระจ่างถอยๆ จะออก แต่มองเกียรติบดินทร์ ไม่หลบตา จ้องไว้ เผื่อมันโดดใส่ ทรายทองรีบวิ่งตามฟ้ากระจ่างไป
ครั้นพอฟ้ากระจ่างหันหลังให้ปุ๊บ เกียรติบดินทร์ขยับตัวทำท่าเหมือนจะพุ่งเข้าหา ดวงยิหวารีบมาดึงรั้งไว้
ฟ้ากระจ่างก้าวขึ้นรถอีแก่ คันเก่าๆ ของนายน้อม โดยมีทรายทองรีบวิ่งตามขึ้นไปนั่งข้างๆ ฟ้ากระจ่างหันกลับไปดูอีกที เห็นดวงยิหวากำลังจับตัวเกียรติบดินทร์ ท่าทางดูเหมือนกอดไว้ ไม่ให้ตามไป ฟ้ากระจ่างทำสีหน้าอ้ำอึ้ง ก่อนออกรถไป แต่ยังไม่วายเหลือบดูจากกระจกมองข้าง เห็นดวงยิหวาดึงรั้ง จับตัวเกียรติบดินทร์แบบใกล้ชิดสนิทสนม

ฟ้ากระจ่าง ขับรถมาด้วยความมึนชา งงๆ เศร้าๆ ทรายมองเห็นใบหน้าฟ้ากระจ่างดูหมองลงมาก
ทรายทองเอื้อมมือมาจับแขนฟ้ากระจ่าง บีบเบาๆ เหมือนให้กำลังใจ ฟ้ากระจ่างนั่งนิ่งๆ ไม่หันมามอง จนทรายทองชักเขินๆ ต้องปล่อยมือเอง

ฟ้ากระจ่างขับรถที่ยืมนายน้อมเข้ามาจอด แล้วนั่งพิงเบาะ คิดอะไรครู่หนึ่ง แล้วเปิดประตูก้าวลง
ทรายทองมองจับจ้องสังเกตอารมณ์ฟ้ากระจ่างตลอด แต่ชายหนุ่มทำหน้านิ่งมาก พอฟ้ากระจ่างลง ทรายรีบวิ่งตามติด
“พี่จ้างคะ”.
วินาทีนั้นฟ้ากระจ่างเหมือนไม่อยากรับรู้ในความมีตัวตนอยู่ของทรายทอง เดินดุ่มๆ ไปที่ตึกไม่ชะลอฝีเท้า
ทรายทองวิ่งมาจนทันแล้วดึงรั้งแขนไว้ “พี่จ้าง..พี่ดินเค้าว่าอะไรพี่เหรอคะ..ทำไมพี่ต้องหนีเค้าด้วย”
ฟ้ากระจ่างงงๆ เพราะใจเขาไม่ได้คิดอยู่ในเรื่องเกียรติบดินทร์ แต่ก็หันกลับมา “อะไรนะครับ”
“พี่จ้างพูดอะไรกะพี่ดินคะ แล้วพี่ดิน..เค้าขู่อะไรพี่จ้างเหรอ ทำไม..พี่จ้างดูขรึมๆ ไป”
ฟ้ากระจ่างฝืนยิ้มบางๆ “ไม่มีอะไร..ผมแค่ เตือนอะไรเค้านิดหน่อย เค้าก็..โกรธนิดหน่อย”
“เราไปรายงานนายหัวดีไหมคะ” ทรายทองว่า
“อย่าเลยครับ” ฟ้ากระจ่างห้ามไว้
“ทรายไม่นึกเลยนะ ว่าพี่ดินเค้าจะสนิทกับดวงยิหวาขนาดนี้ หรือว่า ยัยคนนั้น จะเป็นคนคอยยุยง ไม่ให้พี่ดินไปเรียนเมืองนอก เผื่อพี่ดินได้รับตำแหน่งนายหัวต่อ ตัวเองจะได้พลอยใหญ่โตเป็นนายหญิงไปด้วย นายเด่นเค้ายิ่งเป็นคนที่นายหัวไว้ใจมากด้วย ถ้าพี่จ้างไม่มา พวกเค้าร่วมมือกับพี่ดินทำปู้ยี่ปู้ยำอะไรในบริษัทเราได้หมดเลยนะคะ พี่จ้าง”
ทรายทองพูดเรื่อยเจื้อยอย่างที่คิดจริงๆ จากสิ่งที่เห็น ไม่ได้ใส่ร้ายดวงยิหวาแต่อย่างใด
ทว่าฟ้ากระจ่างฟังแล้วกลับยิ่งอึ้ง เครียดหนัก “งั้นหรือครับ”
“ค่ะ..จริงๆ ค่ะ เออ..นายเด่นนี่ก็ดูซื่อๆ ดี แต่จริงๆ เค้าก็แผนสูงเหมือนกันนะคะเนี่ย..ต๊ายตาย ดีแล้ว ที่เราได้เห็นความจริง”
ฟ้ากระจ่างหันหน้าเดินหนีทรายทองไปฉับพลัน
“พี่จ้าง”
ฟ้ากระจ่างไม่สนใจเสียงเรียกของทรายทอง เดินลิ่วๆ ไป
“เป็นไรอ่ะ คนกำลังพูด เดินหนีเฉยเลย ท้องเสียจะรีบไปเข้าส้วมรึไง..พี่จ้างบ้า!”
ยามเย็นจวนค่ำ พระอาทิตย์เคลื่อนคล้อย กำลังจะลับเหลี่ยมเขาเบื้องหน้า ดวงยิหวามองเหม่อ หน้าตายุ่ง เหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก มือถือส้อมเขี่ยอาหารในจานไปเรื่อยเปื่อย เกียรติบดินทร์ก็เหม่อมองไปอีกทาง หน้าตาหงุดหงิด
เกียรติบดินทร์พูดลอยๆ ขึ้นมา “มันจงใจ..ที่จะมายั่วให้ชั้นตบะแตกชัดๆ มันไม่ได้ดีเด่ซื่อใสอย่างที่คนอื่นคิดหรอกนะ”
ดวงยิหวาหมกมุ่นอยู่กับความคิดสับสนภายในใจเช่นกัน ตีความหมายไปอีกอย่าง เป็นคนละทางกับเกียรติบดินทร์
“แล้วเค้าจะคิดยังไง เค้าต้องไม่เข้าใจชั้นหรอก”
“เพราะชั้นมันไม่ดีพอ ทำอะไรก็ผิดพลาดไปหมด นายหัวถึงเห็นชั้นเป็นตัวปัญหา แล้วไปจ้างคนแบบนี้มา”
“ทำไมโลกมันกลมอย่างนี้ ทั้งกลม ทั้งแคบ” ดวงยิหวาว่า
“มันจับจุดชั้นได้ ใช่แล้ว..มันต้องเห็นจุดอ่อนชั้นแล้วแน่ๆ มันก็เลยพยายามจะทำให้ชั้นหลุด..ให้ฉันเสียลุค นายหัวกับคนอื่นๆ จะได้เห็นว่าชั้นงี่เง่า มันก็จะยิ่งดูดีมากขึ้นๆ” เกียรติบดินทร์บ่นไปเรื่อยเปื่อย
จังหวะหนึ่งดวงยิหวาคิดไม่ตกเอามือกุมหัวตัวเอง “อยากจะบ้าตาย...”
“แต่มันเองก็ต้องมีจุดอ่อนเหมือนกัน คนทุกคน ย่อมมีจุดอ่อน ชั้นต้องหาให้เจอ..ชั้นก็ต้องทำให้มันหลุด ให้มันเสียอาการ แสดงความงี่เง่าออกมาได้เหมือนกัน”
เกียรติบดินทร์คิดอย่างนั้น แล้วสีหน้าดูมีความหวัง ในขณะดวงยิหวาครุ่นคิดอย่างกลุ้มใจ ทั้งคู่คิดไปคนละทาง

ดารากานต์เดินขรึม เครียด มาชะเง้อหน้าบันได พอดีนายน้อมเดินลงมา ที่ข้อมือมีผ้าพันไว้ด้วย
“จ้างล่ะ” ดารากานต์เพิ่งเห็นข้อมือนายน้อม “อ้าว..แล้วนั่นนายน้อมไปโดนอะไรมา”
“ไม่มีอะไรครับ แค่..คุณดินหยอกเล่น”
“อะไรนะ” ดารากานต์งง
ป้าบัวรีบเข้ามาขัดจังหวะ “เจ้าข้าเอ๊ย..มีปากก็เก็บไว้พูดแต่สิ่งที่ก่อประโยชน์จะดีกว่ามั้ย
นายน้อมหันไป “อ้าว ป้า...”
“คนเรา..ให้มันมีความจงรักภักดีกันบ้าง ไม่ใช่เจอนายใหม่ ลืมนายเก่า นายเราดีๆ ชั่วๆ ก็รับใช้กันมาเป็นสิบๆ ปี ขี้ใหม่ หมาหอม แรกๆ ดูเหมือนจะดี ไปๆ ทำให้ผิดหวังแล้วจะพูดไม่ออก”
ดารากานต์รู้ทัน ถอนใจยาวออกมา “ป้าบัว..ขอร้องล่ะ ทำไมจงเกลียดจงชังจ้างนัก ฮะ?”
บัวเมิน ค้อนใส่
“อ๋อ เอ่อ นายหญิงครับ..คือ ไม่มีอะไรครับ ส่วนคุณจ้าง..บอกว่าไม่ค่อยสบายน่ะครับ ขออนุญาตไม่ลงมารับประทานอาหารเย็น จะนอนเลย”
ดารากานต์ตกใจ “อะไรนะ ไม่สบายเป็นอะไร”
“เหมือนจะมีไข้น่ะครับ” น้อมบอก
“อ้าว ตายล่ะ” ดารากานต์ไม่สนอะไรอีก รีบขึ้นไปทันที
บัวมองหน้าน้อม “จะเปลี่ยนนายเหรอ ใครมาเป็นรัฐบาลใหม่ก็พร้อมเลียใช่ไหม”
น้อมอึ้ง เหวอ “เอ๊อ..” ไม่ต่อปากต่อคำเดินหนีไป
บัวค้อนให้อีกวง
ฟ้ากระจ่างในเสื้อทีเชิร์ตขาว กางเกงนอนลายทางป่านมัสลิน ราคาแพง นอนมองเพดาน ขมวดคิ้ว เปิดแค่โคมข้างเตียงแสงสลัว มีเสียงเคาะประตูเบาๆ แล้วเปิดเข้ามา
ฟ้ากระจ่างลุกนั่ง กดปุ่มข้างที่นอน เปิดไฟใหญ่กลางห้องสว่างพรึ่บ
“จ้าง..เป็นไข้หรือลูก”
ฟ้ากระจ่างรีบยิ้ม ลุกขึ้น ทำกระฉับกระเฉง “เปล่าครับ แค่..รู้สึกเพลีย อยากนอนเลย”
ดารากานต์เข้ามาจับหัว เอามืออังที่คอ “ตัวเย็นออก..แล้วไม่หิวเหรอ ไม่กินข้าวเย็น”
“ไม่ครับ นายน้อมให้ผมดื่มชา แล้วกินยาแก้แพ้แล้ว ผมเริ่มง่วงๆ แล้วด้วย”
ดารากานต์สีหน้าเศร้า “จ้าง..จ้างคงไม่สนุกเลยใช่ไหม อยู่ที่นี่..จ้างคิดถึงบ้าน..ที่ศาลเจ้าใช่ไหม”
“แม่..ผมอยู่ได้ครับ ผมอยู่ไหนก็อยู่ได้” ฟ้ากระจ่างบอก
“จ้างอยากทำอะไร อยากได้อะไร อยากไปไหน บอกแม่มาเลยนะลูก อยากไปเที่ยวไหม ที่นี่ก็มีที่ดูหนัง ฟังเพลง ซื้อของ หรือเล่นกีฬาไม่น้อยนะ ที่ๆ พวกหนุ่มๆ เค้าไปกัน” ดารากานพยายามเอาใจลูกชาย
“แม่ครับ..เอาไว้วันหลัง ผมคิดได้ แล้วผมจะบอกนะครับ”
“หรือว่า” ดารากานต์ตาโต “จ้าง..คิดถึง..แฟน..จ้างมีแฟนแล้วหรือเปล่า ที่โน่น”
ฟ้ากระจ่างอึ้ง “ไม่มีครับ ผมไม่มี…”
“จริงๆ เหรอ แม่ไม่เชื่อหรอก ถ้ามี..ก็บอกมานะ แม่จะได้จัดการให้...” ดารากานต์
ฟ้ากระจ่างฟังแม่พูดก็อดหัวเราะไม่ได้ “แม่จะจัดการยังไงครับ..ไปตีหัวลากเข้าถ้ำเหรอ”
ดารากานต์มองหน้า จ้องจับผิด “เอ๊ะ พูดแบบนี้ แปลว่าคดีมีมูล หรือลูกไปแอบรักใคร..จ้าง”
“แม่ครับ..ผิดครับ..ไม่มีอะไรทั้งนั้นครับ ผมจะนอนแล้ว ฝากเรียนนายหัวด้วย ว่าผมไม่สบาย..นะครับๆๆ”
ดารากานต์พยายามมองหน้า จ้องตา ฟ้ากระจ่างหลบ แล้วกลับไปนอน
ดารากานต์แอบทำหน้าสงสัย ก่อนจะกดปิดไฟกลางห้องให้ แล้วออกไป
ใบหน้าฟ้ากระจ่าง ที่ยิ้มหัวกับแม่ เปลี่ยนเป็นหงุดหงิด ถอนหายใจเฮือกใหญ่ อย่างเซ็งเป็ด

สองพ่อลูกอยู่ที่ห้องพัก เทเรซ่าฟังที่พ่อบอกจะให้กลับสิงคโปร์ ก็ร้องเสียงดังอย่างตกใจ
“ไม่นะคะ แด๊ดดี้ เทเรซ่าไม่กลับสิงคโปร์ เทเรซ่าไม่ไปอยู่กับแกรนด์มอม” เทเรซ่าบอก
“หรือจะไปอยู่กะมามี้ที่มาเก๊า” ปีเตอร์เสนอ
“ยิ่งไม่เอาใหญ่ แด๊ดดี้ก็รู้ ว่าเอ๊ดเวิร์ด..กับลูกๆ ของเค้า ไม่ชอบเทเรซ่า แล้วมามี้ก็รักเด็กพวกนั้นมากกว่าเทเรซ่า”
“มามี้ไม่ได้รักมากกว่า แต่พวกน้องๆ ยังเป็นเด็ก เทเรซ่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว อะไรกัน เทเรซ่าอิจฉาน้องๆหรือนี่” ปีเตอร์ว่า
“แด๊ดดี้อย่าทะเลาะกับเทเรซ่าเลยค่ะ ยังไงๆ เทเรซ่าก็ไม่ทิ้งแด๊ดดี้ ถ้าแด๊ดดี้จะอยู่ที่นี่ เทเรซ่าก็จะอยู่ด้วย เรื่องอะไรเทเรซ่าจะปล่อยให้แด๊ดดี้ต้องลำบากคนเดียว เราสบายด้วยกัน เราก็ต้องลำบากด้วยกัน”
“พ่อไม่อยากให้เทเรซ่าต้องตกเป็นเหยื่อ..ของพวกโรคจิต พวกคนชั่ว”
“เทเรซ่าจะระวังตัว ยิ่งรู้ว่าแด๊ดดี้ต้องสู้กะพวกมัน เทเรซ่าก็ยิ่งไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น ถ้าแด๊ดดี้ต้องเสี่ยงอันตราย เทเรซ่าก็จะขอเสี่ยงด้วย”
“แด๊ดดี้ไม่เล่นแล้วนะ เทเรซ่า ดูนี่” ปีเตอร์เดินไปเปิดม่าน
เทเรซ่ารีบไปดู ที่สระว่ายน้ำใหญ่ ต่ำลงไปในสวน ชาย 4 คน ผิวขาวซีด ดูเหมือนนักธุรกิจ หรือพวกนักท่องเที่ยวจีนจืดๆ ว่ายน้ำ นั่งเล่น ถ่ายรูปกันอยู่ บางคนใส่กางเกงว่ายน้ำ บางคนใส่เสื้อลายดอก แว่นดำ
“บินมาจากมาเก๊าเมื่อคืน.. ไอ้พวกนักเลงบ้านนอกพวกนายหัว มันจะเก่งกว่าพวกนี้ได้ไง” ปีเตอร์เสียงขรึม
“คนจากบ่อนของแกรนด์ปา!! พวกนี้มัน..เป็นคนที่แกรนด์ปาช่วยให้พ้นคดี..มาจากแผ่นดินใหญ่ไม่ใช่เหรอคะ” เทเรซ่าจำได้
“แต่แรก เราประมาทเกินไป นึกว่าคนไทย จะใจดีกับเรา ที่ไหนได้ มาแรงก่อน เราก็ต้องแรงตอบเทเรซ่า..ไม่ตำหนิแด๊ดดี้ใช่ไหม
เทเรซ่ามองไปที่ ชายทั้ง 4 คนนั้น ซึ่งกำลังถ่ายรูปเล่นกัน สนุกร่าเริง สบายๆ เทเรซ่าหันมามองพ่อ ปีเตอร์ดูเยือกเย็นผิดปกติ

บัญชานั่งอยู่บนรถเข็น มีบุรีเป็นคนเข็น ทั้งคู่คุยกันไป บุรีมีน้ำเสียงหงุดหงิดระหว่างคุย
“อาคารอเนกประสงค์ของโรงเรียนชายประจำจังหวัดนี่มันไม่ใช่งานของบริษัทด้วยซ้ำ มันเป็นงานส่วนตัวของผม แล้วผมก็ทำของผมมาจนจะเสร็จ ใกล้กำหนดส่งมอบแล้วนะครับ นายหัว”
“งานของบุรี กับงานของพี่..มันต่างกันตรงไหน ทุนที่ลงไปก็ของพี่ แต่ผลกำไรทั้งหมด เป็นของบุรี40% ก็เหมือนพี่จ้าง..เอาบุรีมาเป็นซัพพลายเอ้อร์ของพี่..ชื่อประธานโครงการณ์..ก็ชื่อพี่”
“ก็..ถ้านายหัวอยากแก้ชื่อประธานโครงการณ์..ก็ควรใส่ชื่อผม”
“ชื่อบุรี เป็นผู้รับเหมาโครงการอยู่แล้ว ยังไม่พออีกเหรอ” บัญชาบอกชัด
“แต่นี่..นายหัวจะให้ใส่ชื่อไอ้..เอ้อ..นายฟ้ากระจ่าง!! ลงไปแทนชื่อนายหัวเนี่ยนะ”
บัญชาถอนใจอย่างระอา “ไม่ได้ให้ใส่แทน..แต่ให้ใส่ร่วม เป็นบัญชา จิระวิศวการ และฟ้ากระจ่าง จิระวิศวการ”
“แต่มันทำอะไรบ้างล่ะ ในงานนี้ ผมทั้งนั้น”
บัญชาตำหนิ
“พูดจาเป็นน้องดินไปได้ ชั้นไม่ได้คิดจะขโมยผลงานจากนายซะเมื่อไหร่ แค่ฝากให้นายแปะชื่อ.. “ลูกชายคนโต” ของชั้น เพื่อช่วยโปรโมทชื่อเค้า..ให้คนเริ่มได้ยินกันซักนิดแค่นี้เอง..ไม่ได้เหรอ”
“ถ้าเป็นชื่อน้องดิน..ผมจะไม่ว่าซักคำ เพราะน้องดิน..คือหลานผมจริงๆ”
“บอกแล้วใช่ไหม..ว่าอย่าให้ข้อมูลในลักษณะนี้ ออกจากปากพวกเรา..เด็ดขาด”
เจอบัญชาพูดเสียงดุ บุรีถึงกับอึ้งไป
“นี่คือคำสั่งของพี่ บุรีแค่ทำตาม เรื่องเงินทอง ผลประโยชน์ ความรับผิดชอบ ยังอยู่ที่บุรีเหมือนเดิมทุกอย่าง พี่ไม่เข้าใจ ว่าปัญหามันจะคืออะไร ก็แค่ใส่ชื่อจ้างลงไปคู่กะชื่อพี่ จบ!”
บุรีเซ็ง

ทรายทองกับป้าบัวกำลังจัดโต๊ะน้ำชาอยู่ บุรีเข็นบัญชามา นั่งลง ทรายทองรีบบริการบัญชา บุรีดูแลของตัวเอง
ฟ้ากระจ่างเดินตรงมา มีกระเป๋าเอกสาร แต่งตัวอย่างกลับมาจากธุระข้างนอก มีดารากานต์ นายน้อม ถือถุงของกินที่ซื้อมามากมายตาม
“มาแล้ว คุณชายฟ้ากระจ่างของนายหัว ไปไหนมาไหนที มีขบวนแห่ตามเป็นโขยง” บุรีเยาะ
ฟ้ากระจ่างเข้ามา ไหว้บุรีอย่างอ่อนน้อม
ทรายทองทำหน้าแป้นแล้นเรียกทันที “พี่จ้าง..นั่งข้างๆ ทรายสิคะ”
“เอกสารทุกอย่าง ได้มาครบแล้วครับ นายหัว คุณอาบุรีครับ ถ้าจะให้ผมเริ่มงานอะไร เมื่อไหร่ ผมพร้อมแล้วครับ” ฟ้ากระจ่างนั่งลง
“แหม..รวดเร็วทันใจดีจริงนะ” คราวนี้บุรีประชด
“ต้องขอบคุณนายน้อมครับ เป็นธุระพาผมไปทุกที่เรียบร้อยในวันเดียว” ฟ้ากระจ่างบอกซื่อๆ
ดารากานต์วางถุงขนมต่างๆ ลง “ป้าบัวจ๋า เอาขนมพวกนี้ไปใส่จานมาด้วย หิวแล้ว จ้างหิวไหมลูก..” นั่งลงด้วยก่อนจะนึกได้ “อ้าว น้องดินล่ะ ไม่เห็นหน้าเลยวันนี้”
ทรายทองได้โอกาส รีบเสนอหน้า “พี่ดินไม่ได้กลับบ้านตั้งแต่เมื่อคืนแล้วค่า..ไปค้างนอกบ้าน เอ๊ะ ไปค้างกะใครที่ไหนนะ ผู้หญิงหรือเปล่าก็ไม่รู้ อาจจะเป็นคนนั้นก็ได้นะคะ พี่จ้าง”
ฟ้ากระจ่างอึ้ง หน้าซีด
“อะไรกัน ผู้หญิงอะไรที่ไหน” ดารากานต์ถาม
“อุ๊ย ไม่มีอะไรค่ะ น้องทรายล้อเล่นน...” ทรายทองหัวเราะเบาๆ ทำหน้าทำตารู้กันกับฟ้ากระจ่าง
บัวกำลังรวบพวกถุงอาหาร “น้องทราย อย่าเหลวไหล..คุณดินไม่มีวันทำอะไรเลอะเทอะแบบนั้นหรอกค่ะ”
“จ้า..ขวัญใจของป้าบัวน่ะ วิเศษที่สุดเสมอแหละ” ทรายทองแซว
บุรีหันมาดุลูกสาว “น้องทราย เกียรติบดินทร์ไม่ใช่คนอย่างนั้น ลูกอย่าเข้าใจพี่เขาผิด แล้วก็อย่าพูดถึงพี่เขาอย่างนั้นอีก พ่อไม่ชอบ”
“ค่าๆๆ” ทรายทองค้อนพ่อ “พ่ออ่ะ”
ดารากานต์หยิบมือถือขึ้นมา “สงสัยต้องโทร.ตาม”
“ไม่ต้องโทครับ นายหญิง ปล่อยแกไปซักพัก ไปตามจิกมาก..เดี๋ยวจะไปกันใหญ่” บุรีห้ามทันที
“เฮ้อ ชั้นเป็นห่วงน้องดินนะคะ แต่เค้าชอบคิดว่าชั้นไม่สนใจ” ดารากานต์ว่า
“นายน้อม..แล้วเรื่องนั้นล่ะ..เรียบร้อยนะ” บัญชาพูดตัดบท
“พรุ่งนี้ครับ” น้อมบอก
“อะไรหรือครับ” บุรีถามทันที
น้อมสบตาบัญชา ว่าจะให้ตอบไหม
“ก็เรื่องของใช้ส่วนตัวของจ้างเค้าน่ะ..ไม่มีอะไร”
ทุกคนมองมาที่ฟ้ากระจ่าง
ฟ้ากระจ่างกลับไม่สนใจอะไร ปรุงชาไป ขรึมๆ
ใจอยู่กับเรื่อง ‘ผู้หญิงคนนั้น’ กับเกียรติบดินทร์

บุรีเดินเข้าบ้าน เกียรติบดินทร์นั่งเล่นเกมอยู่หน้าคอมพ์ฯ สีหน้าท่าทางเอาจริงเอาจัง
บุรีหัวเราะขึ้นก่อน “ไม่มีใครสนใจเลยนะ น้องดิน ว่าน้องดินหายไป นายหญิงก็เอาแต่ตามติด เอาใจไอ้จ้าง ไม่ถามถึงน้องดินซักคำ”
เกียรติบดินทร์ฉุนกึก แทบจะโยนเม้าส์ ลุกพรวด
“หึๆ ผมรู้อยู่แล้วครับ อาบุรี นายหญิงไม่เห็นผมอยู่ในสายตามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
“มันไม่ใช่เล่นๆ แล้วนะ เรื่องนี้ ขนาดโปรเจ็คสร้างตึกอเนกประสงค์โรงเรียนชายประจำจังหวัด..งานไซด์ไลน์ของอาแท้ๆ..นายหัวยังยกผลงาน ยกความดีความชอบให้ไอ้จ้างไปซะแล้ว”
เกียรติบดินทร์ตกใจโพล่งขึ้น “อะไร จริงหรือครับ ทำงี้ได้ไง”
“ก็ทำไปแล้ว ใครจะกล้าไปขัดใจนายหัว ท่านยิ่งเป็นแบบนี้อยู่ด้วย เราก็มีหน้าที่แต่ทำตามสั่ง” บุรี
ว่า
“อาบุรี แล้วแบบนี้ผมจะไปเรียนได้ไงครับ คิดดูสิ มันมาไม่ถึงอาทิตย์ อะไรๆ ยังเปลี่ยนไปซะขนาดนี้
ถ้าผมไปซักเทอม..หายไป 3 เดือน 6 เดือน กลับมา ที่บ้านมิเป็นของมันไปหมดเหรอครับ” เกียรติบดินทร์อ้อนวอนผู้เป็นอา
“สงสัย” บุรีเห็นด้วย
“ที่ผมห่วงกว่านั้น ก็คือห่วงนายหัวแหละ ไอ้จ้างมันจะมารักภักดีอะไรพ่อผมจริง ไอ้พวกนั้น มันคง
ไม่อยู่เฉยแน่ ครั้งล่าสุดนี่ผมก็...” เกียรติบดินทร์ชะงักกึก นึกขึ้นได้จึงหยุดอยู่แค่นั้น
“อะไร” บุรีถามทันที
“เปล่าครับ” เกียรติบดินทร์ปฏิเสธ
บุรีไม่เชื่อเดินมาจ้องหน้า ถามอย่างคาดคั้น “น้องดิน..ไปทำอะไรมา”
“เปล่าครับ เปล่าๆๆ อาบุรี...อาต้องช่วยผมนะ ทำไงดี ที่ผมจะไม่ต้องไปเมืองนอก ผมไม่ไป ยังไงๆ
ผมก็ไม่ยอมไปแน่ๆ แต่ทำไง นายหัวถึงจะยอมอ่ะครับ” เกียรติบดินทร์ปฏิเสธเสไปพูดเรื่องจะไม่ยอมไปเรียนต่อเมืองนอก

สองอาหลานมองหน้ากัน ใช้ความคิดอย่างหนัก











Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2555 13:30:10 น.
Counter : 272 Pageviews.

0 comment
ลิขิตฟ้าชะตาดิน ตอนที่ 8



คลื่นทะเลโถมตัวขึ้นฝั่งซัดสาดบนฝั่งชายหาดเบื้องล่างลูกแล้วลูกเล่าอย่างไม่รู้เหนื่อย ในขณะที่ปีเตอร์เดินสำรวจดูบริเวณรอบๆ สวนภายในโรงแรมทั้งทางเข้าและทางออก เหมือนจะหาร่องรอยคนร้าย ตรงบริเวณทางเข้าออกของโรงแรมด้านที่ขึ้นมาจากทะเล มีรปภ. เดินไปมาตรวจตราอยู่ เทเรซ่ามามองพ่อด้วยความสงสัย ตัดสินใจเดินเข้าไปถาม

“แดดดี้..ทำอะไร”
“คนๆนั้น..ที่มาทำร้ายเทเรซ่า..เขาปะปนอยู่ในหมู่แขกโรงแรมใช่ไหม” ปีเตอร์ไม่ตอบแต่ถามข้อมูลลูกสาว
“ถ้าเทเรซ่าบอกแดดดี้ แล้วแดดดี้สัญญาได้ไหมคะ ว่าจะไม่บอกมาดามพิณกับคุณชิงชัย” เทเรซ่าตัดสินใจเอ่ยขึ้น
“หมายความว่ายังไง” ปีเตอร์ชะงัก จ้องหน้าลูกสาว
“เทเรซ่ารู้จักเค้า ทุกคนรู้จักเค้า”
“ฮะ..แล้วมันยังกล้า..มันเป็นใคร” ปีเตอร์ตาดคั้น
“ลูกชายนายหัวบัญชา” เทเรซ่าหมายถึงเกียรติบดินทร์
“โอ...” ปีเตอร์ตกตะลึง
“พ่อเค้าถูกยิง..หลังจาก..คุณพ่อของคุณชิงชัยถูกยิง” เทเรซ่าอธิบายเพิ่ม
“มันกล้ามาเอง..มันจะทำอะไรลูก” ปีเตอร์ถามต่อ
“แดดดี้ นี่มันคือเรื่องแก้แค้นของคน 2 พวกนี้ แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน” เทเรซ่าว่า
“แล้วลูกของพ่อไปเกี่ยวอะไรดัวย มันมีปัญหากัน ทำไมมันไม่ดวลกันให้ตายไปข้างนึงเลย มาแตะเทเรซ่าทำไม” น้ำเสียงปีเตอร์โกรธแค้นมาก
“เขาน่ากลัวมาก เขาเหมือนคนเสียสติ ถ้าคุณจ้างไม่เข้ามา..เทเรซ่าคง...” เทเรซ่าสยองเมื่อถึงใบหน้าเกียรติบดินทร์
“นายหัวบัญชา...คุณยังได้รับบทเรียนไม่พอใช่ไหม…”
ปีเตอร์สบถออกมา น้ำเสียงซีเรียส
“แดดดี้คะ..เราอย่าเข้าไปยุ่งกับเขาเลย” เทเรซ่าขอร้อง
ทว่าปีเตอร์ของขึ้นอย่างแรงเสียแล้ว
“แต่เขามายุ่งกะลูกของพ่อทำไม มันมากเกินไปแล้ว คนๆ นี้..คนครอบครัวนี้..เขานึกว่าพวกเขาเป็นใคร..แล้วเขานึกว่าพวกเราเป็นอะไร ทำไมลูกไม่บอกแดดดี้ตั้งแต่วันนั้น ว่ามันคือลูกนายหัวบัญชา..หา เทเรซ่า จริงๆ เราน่าจะทำตามคำแนะนำของเด็กคนนั้น..จ้าง..เราควรจะแจ้งความ..ถ้าติดต่อเค้าได้ก็ดี จะได้ให้เขามาเป็นพยาน เล่นงานลูกชายนายหัวบัญชาให้เข็ด”
สีหน้าแววตาของปีเตอร์บอกให้รู้ว่าเอาจริง จนเทเรซ่ารู้สึกเป็นกังวล

ฟ้ากระจ่างอยู่ในห้องนอนที่บ้านบัญชา ยืนงงๆ มือจับที่แผล พลางใช้ความคิด มองเหม่อออกไปทางหน้าต่างห้องนอน ซึ่งเป็นห้องบัญชาเดิม
น้อมเดินเข้ามา ยืนมองข้างๆ ถือรองเท้าที่ใส่ตอนอยู่ในบ้านมาด้วย มองดูเท้าในถุงเท้ากีฬา ที่ใส่มากับรองเท้าผ้าใบราคาถูก และเก่าของฟ้ากระจ่างอย่างอนาถใจ
“นี่..รองเท้าสำหรับใส่เดินในบ้านครับ..เอ่อ..ที่นี่เค้าไม่ใส่ถุงเท้า หรือว่า เดินเท้าเปล่าในบ้านกัน” น้อมอธิบาย
“อ้อ..ครับ ขอบคุณครับ คุณพี่” ฟ้ากระจ่างไหว้ พลางรับรองเท้ามา ยิ้มให้อย่างจริงใจ
“เอ่อ..คือ..อย่าหาว่ายังงั้นยังงี้เลย..คุณไม่ควรเรียกผมว่า..คุณพี่..ใครได้ยินเข้า จะหาว่าผมลามปาม ทำตัวสูงส่งกับคุณ” น้อมว่า
“อ้าว..งั้น..ขอโทษครับ..เฮีย” ฟ้ากระจ่างเปลี่ยนสรรพนามใหม่
น้อมสะดุ้งโหยงรีบอธิบายต่อ
“เย้ย..เรียกแบบนั้นก็ไม่ได้ มันเหมือน..ผมไปตีสนิทคุณเกินไป คุณคือคุณชายคนโตของบ้านนี้ ผม..เป็นแค่พ่อบ้าน..ของนายหัว คุณเรียกผมว่านายน้อม..พอ”
“นายน้อม..แต่คุณพี่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่..ผมต้องให้ความเคารพนับถือคนที่อาวุโสกว่าเรา เรียกแบบนั้น..มันเหมือน..ผมเป็นคนที่ไม่มีสัมมาคารวะ” ฟ้ากระจ่างแย้ง
“มันคือตำแหน่งหน้าที่ครับ..ไม่เกี่ยวกับวัย..เรียกผมว่านายน้อม..จบ โอเค้?” น้อมว่า
“ครับๆ ขอโทษครับ” ฟ้ากระจ่าง ไหว้อีก
“เย้ย..ไม่ต้องไหว้”
“อ้อ..ครับๆ” ฟ้ากระจ่างพยักหน้า
“แล้วพูดกับผม..ไม่ต้องพูดครับ” น้อมว่าขึ้นอีก
“อ้าว...” ฟ้ากระจ่างอึ้ง
น้อมมองฟ้ากระจ่าง อย่างสมเพชเวทนา ก่อนจะเริ่มอบรมหลักสูตรคุณชายคนโตของ ‘บ้านเกียรติถลาง’
“แล้วดูสิ ยืนขากาง หลังก็ก้มๆ ตัวออกสูงใหญ่..ยืนให้สง่าๆ หน่อย คุณคงต้องออกงานแทนนายหัว..ต่อจากนี้ไป..คุณจะมาทำงอๆ หงอๆแบบนี้ไม่ได้ แบบนี้คุณดินข่มตาย”
ฟ้ากระจ่างมองหน้าน้อม อย่างสนใจ
น้อมฉุกคิดขึ้นมาได้
“นี่ๆๆ..อย่าได้ไปเอ่ยให้ใครได้ยินเชียวนะ ว่าผมพูดว่าอะไรคุณดิน ผมไม่เคยเห็นใครมาดีกว่าคุณดินอยู่แล้ว..แต่ว่า..คุณมาอยู่ในฐานะพี่ชายของเค้า คุณต้องทำตัวให้สมฐานะตัวเองสิ พูดง่ายๆ ว่า..ทำตัวให้สมบทบาทหน่อย อย่าให้คนเขามาตำหนินายหัวได้ ว่าไปเอาใครที่ไหนไม่รู้ มาทำงาน”
“ครับ..เอ่อ..ได้..ผมจะ..พยายาม” ฟ้ากระจ่างรับคำ
นายน้อม ยืดตัวขึ้น “ดีมาก..แต่ผมก็ไม่ได้หมายความว่า..ให้คุณไปปีนเกลียวกับคุณดินนะ ถ้าเป็นไปได้ก็..ต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องไปยุ่งกะแกมาก..เดี๋ยวคุณดินก็คงต้องไปเรียนเมืองนอกแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
ฟ้ากระจ่างมองด้วยแววตาขอบคุณ “ขอบ..ขอบใจ..ใช่ไหม ไม่ควรใช้..ขอบคุณ”
“ถูก..เรียนรู้เร็วดี..คุณมีธรรมชาติเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนน่ะดีแล้ว แต่ต้องรู้จักการวางตัวให้สมฐานะด้วย..แล้วคุณจะดูดี..อย่างที่ทุกคนคาดไม่ถึงเลยล่ะ”
น้อมมองอย่างหมายมาด ที่จะปั้นดินให้เป็นดาว

เวลาเดียวกันดวงยิหวาอยู่ที่บ้าน นั่งมองโทรศัพท์มือถือตัวเอง แล้วก็เอามากดเบอร์ฟ้ากระจ่างที่เม็มไว้แล้ว จ้าง
แต่เสียงที่ดังกลับมา ยังคงบอกว่า ไม่มีสัญญาณตอบรับเหมือนเดิม ดวงยิหวาเซ็ง วางโทรศัพท์ลง จะเดินออกไปอีกห้อง
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา ดวงยิหวาดีใจมากมาย
“โทร.มาได้ซะทีนะ..คุณพี่จ้าง...”
แต่พอวิ่งมาถึงโทรศัพท์ หยิบขึ้นมาดู แล้วทำหน้าผิดหวัง
“คุณดิน...” ถอนหายใจ ก่อนจะกดรับสาย
“ดวง..ชั้นจะอ้วกอยู่แล้วนะ” เกียรติบดินทร์โทร.จากในห้องนอน และนอนพูดบนเตียง
“ทำไมล่ะคะ”
“ก็ไอ้เด็กจากถังขยะอ่ะสิ มันมาเล่นละครน้ำเน่าอยู่ได้ เห็นหน้ามันแล้วอยากถีบให้หงาย” เกียรติบดินทร์ดูหงุดหงิดเอามากๆ
“แล้วคุณทำอะไรไม่ดีใส่เค้าไปล่ะ” ดวงยิหวาถามอย่างรู้ทัน
“ก็ไม่มีอะไรมาก..ก็แค่..ไม่ยอมรับมันเป็นพี่” เกียรติบดินทร์ว่า
“ดี ออกฤทธิ์ออกเดชเข้าไป” น้ำเสียงดวงยิหวาประชด “ใครๆ จะได้เห็นเค้าเป็นพระเอก..แล้วคุณก็จะได้ดูเป็นผู้ร้าย..เป็นเด็กไม่รู้จักโตยิ่งขึ้นๆๆอีก อยากมีภาพแบบนี้ไปตลอด..ก็ตามใจ”
“งั้น..เธอมาหาชั้นหน่อยสิ วันนี้..ชั้นว่าจะต้องมีการเลี้ยงดูปูเสื่อ ต้อนรับไอ้บ้านั่นแหงๆ เธอมาร่วมโต๊ะ เป็นเพื่อนคุยของชั้น ชั้นจะได้ไม่ต้องมองหน้ามันไง”
“คุณดิน..ตลกแล้ว..จะชั้นไปนั่งกินเลี้ยงกะครอบครัวคุณเนี่ยนะ ไปในฐานะอะไรไม่ทราบ” ดวงยิหวาทำท่าจะขอบาย
“ฐานะแขกของผม..ที่บ้านผมก็รู้จักคุณทุกคน ไม่เห็นต้องคิดมากเลย..หรือจะให้บอกว่า..เราเป็นแฟนกัน”
“พอเลย..คุณดิน..จบเลย..ชั้นไม่ไปหรอก..ถ้าคุณคิดเองไม่ได้ ว่าควรทำตัวยังไง ชั้นก็เห็นสมควรแล้ว..ที่นายหัวตัดสินใจแบบนี้”
“โห..ใจร้ายอ่า ไม่ยอมๆๆ” เกียรติบดินทร์งอแง ทำท่างุงิต่อไป “ทำไมอ่า มานะๆๆ นะๆๆๆ”
ดวงยิหวาไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร ขำก็ขำ เบื่อก็เบื่อ

ตั้งใจจะอาบน้ำ แต่พอเห็นที่วางผ้าเช็ดตัวและราวในห้องน้ำ ที่มีทั้งผ้าคลุม ขนหนูแบบมีฮู้ด ผ้าผืนใหญ่แบบนุ่งได้ ผ้ากลาง ผืนเล็ก ฟ้ากระจ่างยืนงงเป็นไก่ตาแตก พอหันมาที่อ่างล้างหน้า ก็ยังมีผ้าขนหนูผืนเล็กๆ วางอีก
“โห..มันต้องใช้ผ้าเช็ดตัวกันกี่ผืนวะ ใช้เช็ดผืนละส่วนรึไงเนี่ย” อาจ้างของชาวศาลเจ้าบ่นงึมงำ
จากนั้นฟ้ากระจ่างหยิบดูของใช้หน้ากระจก ที่เรียงรายเป็นแถว
“นี่มันโรงแรมห้าดาวชัดๆ”
ฟ้ากระจ่างหยิบดู ดม เปิดดูทีละขวดๆ
“ต้องใช้ทุกอย่างเลยไหมปะเนี่ย”
ฟ้ากระจ่างเดินสำรวจมาจนถึงโถส้วมชักโครก มองรอบๆ เป็นโถที่ดีไซน์เก๋ๆ ที่ไม่มีที่กดชักโครกแบบทั่วๆไปในเมืองไทย
ฟ้ากระจ่างมองรอบๆ สงสัย หาไปหามา แล้วในที่สุด เดินออกไปโผล่หน้า
“นายน้อมครับ..นายน้อม” ฟ้ากระจ่าง
“ไม่ต้องครับ..มีอะไรครับ” น้อมขานรับ
“คือ..เชิญในนี้หน่อย..สักครู่”
นายน้อม ทำสีหน้าไม่วางใจ แต่ก็รีบมา “อะไร อย่าบอกนะ ว่าจะให้ผมถูหลังให้”
ฟ้ากระจ่าง “ชักโครกอ่ะครับ..เอ๊ย..ชักโครกเนี่ย..ที่กดน้ำมันไปไหน” ฟ้ากระจ่างถามพาซื่อ
“อ้อ..นี่ครับ” น้อมชี้ให้ดู ว่าอยู่ตรงผนังห้องน้ำ
“เอ๋อ..อ่อ”
นายน้อม มองรอบๆ “มีอะไรสงสัยอีกไหมครับ..อ้อ” น้อมเดินมาที่อ่าง “จะให้ผมเปิดน้ำให้ไหมครับ..นี่เป็นน้ำร้อน นี่น้ำเย็น มันเป็นจากุชชี่นะครับ..ทำเองไหม หรือว่า..จะให้ผมสอน”
“เอ่อ..คือ..”
น้อมกำลังจะเดินออก
“นายน้อมสอนก่อนดีกว่า..อธิบายไปทีละอย่างเลย พวกของที่บ้านคนบ้านนอกธรรมดาๆค่อนข้างจะไม่รวย..เค้าไม่มีใช้กันน่ะ”
น้อมยิ้ม ถูมือตัวเองไปมา กระตือรือร้นที่จะสอนฟ้ากระจ่าง...ปั้นดินให้เป็นดาวต่อ
“ได้เลยครับ..เริ่มจาก..กลาสบ็อกซ์ ห้องอาบน้ำฝักบัวก่อนเลยนะครับ” น้อมเดินนำไป เปิดประตูกลาสบ็อกซ์ “ไม่ว่าอ่างล้างหน้า อ่างจากุชชี่ และรวมทั้งกลาสบอกซ์นี้ เรามีก๊อกน้ำเย็น และน้ำร้อน ให้คุณเลือกผสมอุณหภูมิได้ แบบนี้นะครับ...”
ฟ้ากระจ่างตาดู หูฟัง ตั้งใจเรียนรู้เรื่องห้องน้ำระดับห้าดาวเอามากๆ

อาหึ่งอยู่ที่ศาลเจ้า กำลังออกอาการแทบจะกรี๊ด เงยหน้าจากโทรศัพท์มือถือมาอวดชาวศาลเจ้าทุกคน
“อาจ้าง..อาจ้างโทมา”
ทุกคนที่กำลังกินข้าว วางชามลง ส่วนอาม่าสาลี่ที่กำลังตักกับข้าวอยู่ที่หน้าเตา ถึงกับวางตะหลิว วิ่งมา
อาม่า “หาๆๆ อาจ้างโทมาจากไหน จากคฤหาสน์ร้อยล้านหรอ”
ฟ้ากระจ่างอยู่ในเสื้อคลุมผ้าขนหนูตัวใหญ่ มีฮู้ดขาว หัวยังมีผ้ากลอสปิดแผลอยู่ เดินมาคุยสายที่มุมหนึ่ง น้อมกำลังจัดเสื้อผ้าชุดใหม่ เลือกจากเสื้อผ้าในตู้
ฟ้ากระจ่างถามอาหึ่งน้ำเสียงกระตือรือร้น “ป๊า..เป็นยังไงบ้าง”
“เป็นยังไงล่ะ ก็คิดถึงลื้ออ่าสิ แล้วลื้อล่ะ สงสัยจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะคิดถึงอั๊วใช่ม้า” อาหึ่งยิ้มเผล่
“ถูกเผงเลย ป๊า..แม่ล่ะ แม่สารภี ปวดขา ปวดหลังอีกหรือเปล่า”
“โอ๊ย..อีบ้าติงต๊องนั่นน่ะเหรอ ไม่ต้องไปสนใจมันเลย”
สารภีได้ยินรีบวิ่งมาแย่ง ร้องกรี๊ด “ลูกถามถึงอั๊วะ ลูกถามถึงแม่” สารภีมาแย่งโทรศัพท์ไป “อาจ้างๆๆ นี่ลื้อฟังให้ดีนะ ตั้งใจฟังดีๆ” สารภีร้องเพลงค่น้ำนม “แม่นี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง..ที่เฝ้าหวงห่วงลูกแต่หลังเมื่อยังนอนเปล..แม่เราเฝ้าโอละเห่..กล่อมลูกน้อยนอนเปล มิห่างหันเหไปจนไกล”
ฟ้ากระจ่างหัวเราะอวยแม่สุดฤทธิ์ “โอ๊ย..แม่ แม่ร้องเพลงโคตรๆๆ จะเพราะเลยครับ”
นายน้อมมองเหล่ๆ แต่สนใจ อยากรู้อยากเห็น
“นั่นล่ะ ลื้อจำไว้ ว่าลื้อกินนมอั๊วมาแต่เด็ก นมจากเต้าเลย..เพราะฉะนั้น..ลื้อต้องไม่ลืมค่าน้ำนม พรุ่งนี้..ลื้อต้องส่งมาให้อั๊วเลย ห้าร้อยห้าสิบบาท เข้าใจ๋” สารภีว่า
ฟ้ากระจ่างหัวเราะร่า “อะไรอ่า แม่ ปกติอั๊วให้แม่ 500 นะ จะเอาอะไรอีก 50”
“เดี๋ยวนี้ลื้อรวยแล้วนี่นา ลื้อเป็นคุณชายแล้ว..ต้องขึ้นเงินเดือนให้แม่ 50บาทซี่
ฟ้ากระจ่างหัวเราะขำ “เอาเป็น 600 เลยละกัน”
อาหึ่งแย่งโทรศัพท์คืนมา พร้อมกับด่าตามเคย “พอแล้วๆๆ อ้าปากมาก็ไถเงินลูกเลย ลื้อเป็นแมงดารึไง”
กู๋เหลียงส่ายหน้าแย่งโทรศัพท์มาพูดบ้าง
“สองคนนี้นี่มันไร้สาระสิ้นดี เปลืองค่าโทรศัพท์อาจ้างมันแท้ๆ เอ๊ย..จ้างเอ๊ย..เป็นไงบ้าง ทำตัวดีหรือเปล่า”
“กู๋ครับ..สบายดีหรือเปล่าครับ”
“สบายดี ลื้อล่ะ” กู๋เหลียงถามอ่อนโยน
“ครับ..ดีครับ”
“แล้วคุณบัญชาล่ะ เค้าเป็นอะไรมากไหม ไม่มีทางรักษาหายจริงๆ เหรอ แล้วลื้อให้เจ้าแม่กวนอิมเค้าป่าว ให้เค้าเลิกกินเนื้อวัวซะนะ เข้าใจไหม” กู๋เหลียงถามเป็นชุด
“ครับๆ คุณบัญชา เค้าฝากขอบคุณกู๋กับอาจารย์ตงมากๆ ครับ”
“อ่ะๆๆ บอกอาจารย์เค้าเองเลย อ่ะ” กู๋เหลียงส่งโทรศัพท์ให้นักบวชตงต่อ
นักบวชตงรีบรับไป “อาจ้าง ว่ายังไง”
“อ๋อ คือ..คุณบัญชา..เขาขอบคุณอาจารย์มากครับ..เขาดีใจมาครับ”
“ลื้อก็ดูแลเค้าดีๆ นะ ตอบแทนบุญคุณของเค้าและของคุณนายแม่ลื้ออย่างเต็มที่นะ อย่าคิดเล็กคิดน้อย เราลูกผู้ชาย ต้องใจกว้าง การให้อภัย และความกตัญญูกตเวทีคือสิ่งที่มีความหมายมาก ที่ลื้อต้องยึดถือ เข้าใจไหม” นักบวชตงสอนสั่ง
ฟ้ากระจ่างรับคำเสียงจริงจัง “ครับผม อาจารย์”
น้อมฟังอยู่มองแล้วพึมพำ “นี่คุยกะคนทั้งหมู่บ้านเลยหรือเปล่าเนี่ย”
อาม่าสาลี่ เข้ามารีรอคิวต่อ “เอ่อ..ตงเซียนเซิง ขออั๊วคุยบ้าง”
นักบวชตง ส่งโทรศัพท์ให้
“อาจ้าง นี่อั๊วะนะ”
ฟ้ากระจ่างมีสีหน้าดีใจเหมือนเดิม “อาม่า..อาม่าอยากมาเที่ยวทะเลหรือเปล่า ทะเลที่นี่สวยมากนะครับ ไว้เหมารถมากันนะ ผมจะพาอาม่าทัวร์เอง”
“อะไร อาจ้าง ไปถึงยังไม่ทันทำงาน ชวนอาม่าเที่ยวซะแล้ว”
ไม่มีใครหันไปดู ที่ประตูครัว เสี้ยวท้อในชุดแต่งตัวหรูหรา เครื่องประดับแพรวพราว โผล่มา ค่อยๆ แย้มหน้าโผล่ออกมา อาม่าสาลี่พูดต่อ
“อาจ้างอย่ากังวลถึงคนที่นี่นะ คนที่นี่ทุกคนสบายดี แล้วก็ไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องห่วงเลย”
กู๋เหลียงแย่งมาพูด
“อาจ้างต้องอย่าห่วงหน้าพะวงหลัง ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ต้องทำให้ทุกคนเห็น พวกเรา เลี้ยงดูสั่งสอนลื้อมาอย่างดี มีคุณภาพ เข้าใจไหม”
เสี้ยวท้อ ได้ฟังจับเรื่องราวได้ตาลุกวาว ดีใจสุดๆ
“ครับผม ครับผม ได้ครับ ครับ ขอบคุณครับ..สวัสดีครับ ครับ”
ฟ้ากระจ่างวางสาย แล้วนิ่งไปพักใหญ่ แววตาเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด
น้อมแอบมองจากในกระจกเงา แล้วสายตาอ่อนโยนลง มีแววสงสารฟ้ากระจ่างจับใจ
เสี้ยวท้อหรือ ฟ้าใสในวันนี้ มีผลไม้นอกกระเช้าใหญ่ พร้อมขนมนอก เช่น ช็อกโกแลต ท็อฟฟี่ในถุงดิวตี้ฟรี และอีกถุง เป็นพวกอาหารแห้งจากเมืองจีน เครื่องปรุง เครื่องเทศ เครื่องยาจีน วางลงมากลางโต๊ะนั่งเล่นประจำของชาวศาลเจ้า
“นี่..ลื้อตั้งใจจะเอาของพวกนี้มาให้อาจ้างมันคนเดียวเลยเหรอ อาเสี้ยวท้อ” อาม้าถาม
“ม่า..เลิกเรียกอั๊วว่าเสี้ยวท้อได้แล้ว ฟ้าใสๆๆๆ แล้วของพวกนี้ก็มาให้ทุกคนที่นี่นั่นแหละ แต่..อั๊วะได้ยินว่า..อาจ้างไม่อยู่ที่นี่แล้วเหรอ เกิดอะไรขึ้น เรื่องราวมันเป็นไงมาไง เล่ามาเดี๋ยวนี้เลย” ฟ้าใสมองหน้าทุกคน
“ลื้อนะ เลิกฝันที่จะมาเป็นสะใภ้อั๊วได้เลย จ้างมันเป็นคุณชายไปแล้ว มันเป็นลูกคนรวย รวยมาก...พ่อแม่มันมารับไปแล้ว..ไกลพู้น...ลื้อตามไม่เจอแน่นอน” สารภีคุยโอ้อวด
“จริงเหรอ อ๊าย..ว่าแล้ว..อั๊วว่าแล้ว ว่าอาจ้างต้องไม่ใช่คนธรรมดา หน้าอย่างป้า ไม่มีทางจะมาแอบอ้างเป็นแม่เค้าได้หรอก ใครจะไปเชื่อ ว่าจ้างมีพ่อแม่เป็นป้าสารภีกะอาหึ่ง ว่าแล้ว พ่อแม่เค้าต้องเป็นผู้ดี มีชาติตระกูล” ฟ้าใสเยาะเย้ย
“อ้าว อินี่..กูก็มีชาติมีตระกูลนะเว้ย ชาติไทย ตระกูลแซ่หลี่” อาหึ่งบอก
“เช้อ ขี้เกียจกับพวกพูดจาไม่รู้ภาษา” ฟ้าใสว่า
“แล้วลื้อล่ะ..อาเสี้ยวท้อ ไปทำอะไรมา ทำไมล่ำซำจัง หายไปไม่กี่เดือน กลับมา ยังกะคนละคน” กู๋เหลียงประหลาดใจไม่แพ้คนอื่นๆ
ฟ้าใสหัวเราะเบาๆ พูดสั้นๆ “ก็..ได้งานดี เงินดีก็แล้วกันล่ะ” แต่เปลี่ยนเรื่องกลางอากาศ “พ่อแม่จ้างเค้าเป็นใคร อยู่ที่ไหน กรุงเทพฯ เหรอคะ กู๋ อยู่แถวไหนอ่ะ”
“ลื้อคิดจะไปหาอาจ้างหรือไง หา อาเสี้ยวท้อ อย่าแม้แต่คิด อย่าแม้แต่ฝัน” อาหึ่งบอก
“อาม่าๆๆ” ฟ้าใสหันมาเขย่าอาม่าสาลี่ “อาม่า บอกมานะ อาจ้างไปอยู่ที่ไหน บอกมาๆๆๆ”
“ลื้อก็เอาที่อยู่ ที่ทำงาน เบอร์โทลื้อมาสิ ถ้าอาจ้างมันติดต่อมาอีกที อั๊วจะได้ให้มันติดต่อกลับเอง เป็นผู้หญิง ไปไล่ตามหาผู้ชาย คงไม่ดี ให้มันไล่ตามหาลื้อเองจะดีกว่า” นักบวชตงเตือนสติ
ฟ้าใสมองนักบวชตง ไม่เข้าใจว่าพูดอย่างจริงใจ หรือแดกดัน แล้วสะบัดหน้า เชิดนิ่ง ไม่ตอบ

ฟ้ากระจ่างยังใส่เสื้อคลุม เดินรอบเตียงก้มๆ เงยๆ น้อมหยิบทั้งเสื้อผ้าและชั้นในมาครบ
“ของๆ ผม...เป้กับกระเป๋า” ฟ้ากระจ่างถามถึงกระเป๋าเสื้อผ้าตัวเอง
“ผมเก็บไปหมดแล้ว” น้อมบอก
“เก็บไปไหน”
“คุณไม่ต้องใช้ของพวกนั้นแล้ว”
“อะไรนะ แล้วผมจะใส่อะไร”
“คุณจะใส่ของพวกนี้แทน” วางเสื้อผ้า เครื่องแต่งตัวที่เลือกมาลงบนเตียง “ของพวกนั้น..ผมจะเอาไป..ให้คนอื่นก็แล้วกัน” น้อมว่า
“หา..ได้ไง..แล้วพวก...”
“คุณจะไม่ใช้อะไรพวกนั้นอีกแล้ว นี่..ของส่วนตัว เงิน..บัตร..เอกสารต่างๆ..อยู่นี่..แต่” เปิดลิ้นชัก หยิบกล่องกระเป๋าสตางค์ใหม่ที่ยังไม่ได้แกะมาวาง 2-3 กล่อง “กระเป๋าสตางค์.. นี่คือของที่คนให้ของขวัญนายหัวมา แต่นายหัวไม่ใช้ คุณเลือกเอาไปได้เลยใบนึง”
“แต่..นั่นมันเป้ผม…” ฟ้ากระจ่างแย้ง
“ทั้งเป้ ทั้งกระเป๋า เสื้อผ้า ของใช้ของคุณ..มันเป็นระดับ..เท่ากับพวกคนงานที่นี่ใช้กัน ซึ่ง..ไม่ใช่ของสำหรับลูกชายนายหัว คุณต้องใช้ของที่ผมจัดให้เท่านั้น” น้อมบอกตรงๆ
“จริงเหรอ” ฟ้ากระจ่างมีสีหน้าไม่พอใจ
“จริง...” นายน้อมบอกเสียงกร้าว
สองคนมองจ้องกันแบบ ว่าใครจะแน่กว่ากัน

เหตุการณ์ที่ศาลเจ้า อาม่าสาลี่มองแบงก์พันเป็นปึกในมือตัวเอง สลับกับมองหน้าฟ้าใสอย่างมึนงง
“ทำไมมันเยอะแยะอย่างนี้ล่ะ อาเสี้ยวท้อ นี่ลื้อไปค้ายาเสพติด..หรือว่าไปเป็นแก๊ง 18 มงกุฎ ที่โทร.หลอกให้ชาวบ้านโอนเงินให้”
“อาม่า ช่วยมองโลกในแง่ดีหน่อยได้ไหม” ฟ้าใสว่า
“ไม่ก็..ขายตัว” อาม่าสาลี่ดักคอ
“พอแล้ว..ไม่ต้องทายแล้ว..เอ้า..เก็บเงินไว้ให้ดี อั๊วก็ไม่รู้เหมือนกันนะ ว่าจะมีเวลามาเยี่ยมม่าได้อีกเมื่อไหร่ แต่ยังไง..จะพยายามส่งให้ไม่ขาดก็แล้วกัน” ฟ้าใสตัดบท
“แล้วตกลง..ลื้อจะเก็บเป็นความลับ ไม่ยอมบอกที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์อะไรให้อั๊วรู้ซะอย่างเลยเหรอ แล้วถ้าเกิดอั๊วตายลงไปวันนี้พรุ่งนี้..ลื้อจะให้ชาวบ้านเค้าตามตัวลื้อได้ที่ไหนล่ะ” อาม่าสาลี่บ่น
“เอายังงี้..งั้นเรามาแลกกัน..ม่าให้ที่อยู่อาจ้างมา..แล้วอั๊วจะให้เบอร์อั๊วกะม่า..ถ้าอั๊วไม่รู้ ว่าอาจ้างไปอยู่ไหน พ่อแม่เป็นใคร..ม่าก็ไม่ต้องรู้อะไรทั้งนั้น เกี่ยวกะอินังฟ้าใสคนนี้..โอเค้??”
เจอข้อแลกเปลี่ยนนี้เข้า อาม่าสาลี่งง

ส.ส. ชื่อดัง พร้อมคนสนิท และบอดี้การ์ด เดินมา มีชาวบ้านล้อมหน้าล้อมหลัง คนสนิทกระซิบกับส.ส. และส.ส.กระซิบตอบ แล้วอำลาพวกชาวบ้าน ขึ้นลิฟท์ไปกับบอดี้การ์ดไป คนสนิทกวาดสายมองเหมือนกำลังหาใครสักคน
ครู่หนึ่งก็แล้วยิ้มออกมา เห็นฟ้าใส สวมแว่นดำ นั่งดื่มน้ำส้ม ที่มุมหนึ่งของล้อบบี้โรงแรมต่างจังหวัดแห่งนั้น
คนสนิทส.ส.เดินฝ่าชาวบ้าน ตรงมาหาฟ้าใส ที่นั่งสวยๆเชิดเริ่ดอยู่
“ไงครับ คุณสกาย..ไปเดินเล่นชมเมือง..มีอะไรให้ดูบ้าง” คนสนิทเอ่นทักฟ้าใส
ฟ้าใสหัวเราะพูดเสียงแผ่วๆ “เมืองนี้เล็กและสงบดีมากค่ะ สกายไปทานข้าวที่ร้านเล็กๆ ริมแม่น้ำ บรรยากาศดีจริงๆ ลมเย็นดี ไม่มีมลภาวะ เหมือนกรุงเทพฯของเรา”
“คุณสกายนี่..ช่างอนุรักษ์นิยม และชื่นชมธรรมชาติจริงๆ เดี๋ยวเชิญคุณตามท่านส.ส.ขึ้นไปได้เลยครับ..ท่านอยู่ห้อง 608”
ฟ้าใสลุกขึ้นยืนยันหมายเลขห้องพักห้องกับคนสนิท “ขอบคุณค่ะ ห้อง 608 นะคะ”
ฟ้าใส เดินเยื้องกรายไปกดลิฟท์ยืนรอ พอดีลิฟท์มา ฟ้าใสเข้าไปลิฟท์ปิดลง
คนสนิทมองตาม แล้วเอามือถือมากดโทร.ออก
“คุณสกายขึ้นไปแล้ว เดี๋ยวพวกนายก็รีบออกมา อย่าอยู่เป็นกอขอคอล่ะ แล้วไม่ต้องไปจ้องมองคุณสกายมากนัก..เดี๋ยวท่านจะเตะเอา..อีหนูคนล่าสุดคนนี้ท่านหวงมากๆ ระวังกิริยากันด้วย เออๆๆๆ”
คนสนิทหัวเราะกิ๊กกั๊ก
ที่แท้ เสี้ยวท้อ หรือฟ้าใส รับจ๊อบเป็นสาวเอสคอร์ต และออกแขกกับส.ส.ดังในชื่อ สกาย

บัวและสาวใช้ ลูกมือสองคน ช่วยกันจัดโต๊ะอาหาร โดยมีดารากานต์ คอยกำกับดูแล
“ป้าบัวจ๊ะ..ให้จ้างนั่งตรงไหนดีจ๊ะ”
บุรีเดินเข้ามา พร้อมกับทรายทอง ที่เข็นรถบัญชาเข้ามา พาไปยังตำแหน่งประธานที่หัวโต๊ะ
บัญชามาทันได้ยินดารากานต์ถามบัวพอดี
“ให้จ้างนั่งข้างๆผมเลยสิ น้องทรายไม่ต้องมาคอยทำอะไรให้ลุงหรอก ลุงดูแลตัวเองได้”
“จะดีหรือครับ นายหัว ปกติ..ก่อนนายหัวจะ..ป่วย..ข้างขวานายหัว จะต้องเป็นนายหญิงนี่ครับ ซ้ายก็คือผม” บุรีแย้ง
“ให้ดินนั่งซ้าย จ้างนั่งขวา” บัญชาสั่ง
“แต่ว่า...”
บุรีอ้าปากจะแย้งอีก แต่ดารากานต์ตัดบทเสียก่อน
“เรานั่งถัดมาก็ได้นี่คะ คุณบุรี ให้เด็กๆได้ใกล้ชิดนายหัวดีกว่า
ดารากานต์เข้ามาจัดจานชาม แก้ว ตะเกียบ ให้นายหัว ทรายทองถอยออกไป
ในขณะที่บัญชาหยิบจับอะไร จะเหมือนออกแรงเยอะมาก แต่ก็พยายามทำด้วยตัวเองอย่างคนไม่ยอมแพ้
บุรียืนอึ้งๆ อยู่ บัญชายื่นมือมาจับแขนน้องชาย
“บุรี..เธอ..คือคนที่ต้องช่วยพี่เทรนไอ้เจ้าจ้างมัน..พี่ต้องฝากมันกับเธอนะ”
ดารากานต์ ยิ้มเอาใจบุรีอีกคน “คุณบุรีเมตตาจ้างด้วยนะคะ
บุรีอึ้งไปอีก แล้วฝืนหน้าปั้นยิ้มให้ “นายหญิง..เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง”
เกียรติบดินทร์เดินเข้ามา อยู่ในเสื้อหรูออกโทนดำ ดารากานต์หันไปเห็นสีหน้าดีใจฉายชัด
“น้องดิน..แม่ดีใจจัง..ที่น้องดินไม่ออกไปทานข้าวข้างนอก”
เกียรติบดินทร์ลดเสียงเบา กระซิบข้างหูแม่
“ผมจำเป็นต้องอยู่ครับ..ขืนออกไปวันนี้.. ‘คนอื่น’ อาจจะ..ถือโอกาสมาประจบประแจง..เอาหน้า..ก็เป็นไปได้”
ดารากานต์หน้าซีด “น้องดิน..ไม่มีใครเขาทำอะไรแบบนั้นหรอกลูก”
ทรายทองรีบเสนอหน้า เลื่อนเก้าอี้ด้านซ้ายให้ “พี่ดินคะ..พี่ดินมานั่งตรงนี้ค่ะ”
เกียรติบดินทร์พอใจ เพราะเห็นว่าได้นั่งใกล้ๆ พ่อ “ขอบใจ” แล้วหันไปยิ้มกับบัญชา
บัญชายิ้มบางๆ ตอบ
ทุกคนเริ่มทยอยกันนั่ง เกียรติบดินทร์จึงเห็นว่าที่นั่งด้านขวาของบัญชาฝั่งตรงข้ามกับตัวเองพอดี ว่างอยู่
“อ้าว..นายหญิง..ทำไมไม่นั่งตรง…
“นั่นที่พี่จ้างค่ะ..” ทรายทองบอก
“อะไรนะ” เกียรติบดินทร์ฉุน
น้อมเดินนำฟ้ากระจ่างเข้ามาพอดี น้อมภูมิใจนำเสนอผลงานปั้นดินให้เป็นดาวเอามากทีเดียว
“คุณจ้างมาแล้วครับ”
ทุกคนหันไป แล้วต่างก็อึ้งๆไม่น้อยกับรูปลักษณ์ใหม่ของฟ้ากระจ่างที่เห็น
ฟ้ากระจ่างแต่งตัวในชุดลำลอง ด้วยเสื้อโปโลสีขาว กางเกงสีเบจ หวีผมเรียบ ทำแผลมาใหม่ แปะพลาสเตอร์ที่เล็กลงและดูดีขึ้น ดูราวกับเป็นคนละคน
ดารากานต์มองอย่างอยากจะกรี๊ด เอ็นดูแกมปลื้มลูกชายสุดขีด บัญชาก็ถึงกับอึ้ง ในความดูดีผิดคาด
ทรายทองตาลุกโพลง รีบเอาปิดปาก กลัวหวีดออกมา กับความหล่อและเท่ของฟ้ากระจ่าง
มีเกียรติบดินทร์คนเดียว ที่ทำหน้ามองหมิ่นและดูแคลน ไม่สนใจใยดี
ฟ้ากระจ่างมองทุกคนในอาการประหม่า เก้ๆ กังๆ ดูขัดเขินเล็กน้อย
“จ้าง..มานี่สิ..มานั่งตรงนี้” บัญชาเรียก
ฟ้ากระจ่างอึ้ง มองที่นั่งข้างบัญชา ตรงข้ามเกียรติบดินทร์ แล้วเกิดความลังเล

“มาสิลูก..จ้าง” ดารากานต์เรียกยิ้มหน้าบาน
ฟ้ากระจ่างเดินมาในอาการเกร็งนิดๆ น้อมรีบมาเลื่อนเก้าอี้ให้ เกียรติบดินทร์มองด้วยหางตา
ฟ้ากระจ่างลงนั่ง น้อมเลื่อนเก้าอี้ให้ แต่พอนายน้อมถอย เก้าอี้ยังไม่ค่อยพอดี ฟ้ากระจ่างจึงขยับเองอีกที ทำให้เกิดเสียงดังขึ้นนิดหนึ่ง ทุกคนทำหน้าเฉยๆ เหมือนไม่อะไรเกิดขึ้น
ทว่าเกียรติบดินทร์หัวเราะออกมา “ฮะๆ ตลก!”
ฟ้ากระจ่างเหลือบตามองนิดหนึ่ง เกียรติบดินทร์ไม่มองตอบ หันเลยไปยิ้มกับพ่อและทุกคน
“ทุกคน ลงมือกันเถอะครับ..ป้าบัว ขอข้าวเลยครับ..” เกียรติบดินทร์มองบนโต๊ะอาหาร “อ้าว..มีเป๋าฮื้อด้วย ของโปรดนายหัวเลย” คีบใส่จานให้บัญชาเสร็จ หันมายิ้มให้ดารากานต์ “นายหญิงด้วย นี่ครับ”
เป็นเกียรติบดินทร์ที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ผิดไปจากที่ทุกคนเคยเห็นในวันก่อนๆ เอามากๆ
“น้องดิน..คีบให้พี่จ้างด้วยสิลูก” ดารากานต์บอกยิ้มๆ
เกียรติบดินทร์มองหน้าฟ้ากระจ่าง แล้วมองแม่ ก่อนจะวางตะเกียบลง...เอ่ยขึ้น
“ไม่ดีกว่าครับ”
ฟ้ากระจ่างอึ้ง ทุกคนต่างตะลึง
เกียรติบดินทร์ยิ้มกวนๆให้ฟ้ากระจ่าง “ผมใช้ตะเกียบไม่เก่ง นั่งไกลขนาดนั้น ผมอาจทำหล่นเลอะเทอะ แล้วท่าทาง” มองหน้าฟ้ากระจ่างแวบหนึ่ง “น่าจะใช้ตะเกียบถนัดกว่าผมมั้ง ได้ข่าวว่า..มาจากศาลเจ้า”
จังหวะนั้นป้าบัวตักข้าวให้บัญชา ถัดมาที่จานของฟ้ากระจ่าง
“ป้าบัวก็ตักให้...เยอะๆ หน่อยสิ เดี๋ยวเค้ากินไม่อิ่มหรอก” เกียรติบดินทร์หัวเราะอีก ท่าทีกวนนิดๆ
ฟ้ากระจ่างอึ้งๆ แต่ก็ยิ้มให้เกียรติบดินทร์ แล้วหันไปยิ้มให้บัว
“ขอบพระคุณครับ..คุณป้าครับ..พอแค่นี้ก่อนครับ เดี๋ยวถ้าผมไม่อิ่มจริง..ผมค่อยกราบเรียนขอความกรุณาคุณป้าใหม่” ฟ้ากระจ่างว่า
น้อมทำหน้าเหนื่อยใจ เกียรติบดินทร์สวนขึ้นมาอีก
“กราบเรียน..ขอความกรุณาเติมข้าว..งั้นเหรอ” หัวเราะอย่างขำ แล้วทำเป็นพยายามกลั้นและหยุด กระแอม “เอ่อ ขอโทษครับ..ทุกคน”

บุรีหัวเราะตามเบาๆ ทุกคนเงียบงันไปทั้งโต๊ะ บัญชามองหน้าเกียรติบดินทร์อย่างเหนื่อยใจ ในขณะที่สีหน้าดารากานต์ซีดลงๆ
ค่ำวันนั้นปีเตอร์ยืนอยู่บริเวณหน้าที่ทำการของมูลนิธิกู้ภัยประจำจังหวัด ตรวจดูเอกสารในมือ พลางมองดูที่ป้ายชื่อมูลนิธิ พอดีมีเจ้าหน้าที่เดินสวนออกมา

“มาพบใครครับ” เจ้าหน้าที่ถาม
“ผมมาหา..คนชื่อจ้าง…” ปีเตอร์บอก
“จ้าง..จ้างไหน...มีธุระอะไรครับ”
ระหว่างนั้นชิงชัยที่ซ้อนมอเตอร์ไซค์ตามปีเตอร์มา เห็นปีเตอร์จึงรีบสะกิดให้มอเตอร์ไซค์จอด แล้ววิ่งลงไปดึงแขนออกมา

ชิงชัยหันไปพูดกับเจ้าหน้าที่ที่มูลนิธิคนนั้น “ขอโทษนะครับๆ” ชิงชัยรีบดึงร่างปีเตอร์ให้ห่างออกมา “ปีเตอร์ คุณมาที่นี่ทำไม”
“ผมจะมาหาตัวคุณจ้าง” ปีเตอร์บอกเสียงจริงจัง
“หามันทำไม..คุณต้องการอะไร” ชิงชัยรู้สึกประหลาดใจ
“ผมอยากจะจัดการกับไอ้คนที่มันจะทำร้ายลูกสาวผม ก่อนที่พวกมันจะทำอะไรมากกว่านี้ คุณจ้างน่าจะเป็นพยานให้ผมได้” ปีเตอร์เอ่ยขึ้น
“ไม่ได้นะ เรื่องนี้ เราจะให้คนนอกมารู้มากไม่ได้ เราต้องจัดการกันเอง ผมจะใช้คนของผมลากมันมาสั่งสอนเอง” ชิงชัยบอกเหมือนรู้ตัวคนร้าย
“คุณรู้..ว่ามันเป็นใคร” ปีเตอร์อึ้ง
“ใครจะโง่อย่างไอ้ลูกชายนายหัวบัญชาอีกล่ะครับ หน้ามันเต็มจอซีซีทีวีขนาดนั้น มันเดินเข้ามาในโรงแรม ตามหาเราไปทั่ว เค้าบันทึกไว้ได้หมด ไม่ต้องไปเอาใครมาเป็นพยานทั้งนั้น ผมจะเคลียร์เอง” ชิงชัยรับอาสา
“คุณจะไม่ให้กฎหมายจัดการเหรอ ชิงชัย”ปีเตอร์แปลกใจระคนสงสัย
“กฎหมาย..กว่ากฎหมายจะทำอะไรได้..มันก็สายเกินไปทุกที” ชิงชัยว่าเสียงกร้าว
“ต้องเอามือปืน...มายิงมันให้ตาย...ฆ่าล้างตระกูลมันให้หมด อย่างนั้นเหรอ”
น้ำเสียงของปีเตอร์ที่ยกเหตุการณ์ยิงถล่มรถบัญชามาพูด ชิงชัยรู้ว่าตัวเองถูกประชด ชิงชัยเสียงอ่อนลง
“ปีเตอร์ครับ..ผมเสียใจ ที่คราวที่แล้วผมพลาดไปหน่อย...ไอ้บัญชามันมีพระดี...เราก็เลยเหมือนไปตีงูให้หลังหักเข้า..แต่คราวนี้..ผมจะไม่ให้พลาดอีก”
ปีเตอร์อึ้งไป

อาหารมื้อค่ำที่บ้านบัญชา ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า บัวกำลังจัดจานขนมบะจ่างซึ่งอุ่นมาเรียบร้อย และแกะเรียงดูน่ารับประทาน วางลงบนโต๊ะอาหาร 2 ที่
“ลืมไปค่ะ...ขนมบะจ่างที่คุณจ้างนำมา..เผื่อใครจะอยากชิม”
“จ้าง...ให้นายหัวชิมสิ” ดารากานต์บอกใบหน้ายิ้มแย้ม
ฟ้ากระจ่างทำตาม หยิบจานขนม แล้วนำมาส่งให้บัญชา “ลองสิครับ ป๊าผมทำเอง”
เกียรติบดินทร์ชะงัก “ป๊าเหรอ..ป๊า?” หันมามองหน้าดารากานต์เป็นเชิงถาม “อ้าว..ไหนว่า..เป็นกำพร้า ถูกใครเอาไปทิ้งถังขยะ หรือว่า...เป็นนิทานที่แต่งขึ้นมา”
บุรีหัวเราะหึๆ อยู่ในลำคอ “สงสัยว่าต่อไปนี้ เราคงต้องฟังนิทานกันจนเพลิน” น้ำเสียงเยาะหยัน
เกียรติบดินทร์หัวเราะรับ
บัญชาไม่ใส่ใจคำพูดและอาการของสองคนแม้แต่น้อย พูดเสียงเข้มขึ้น “ฝีมืออาหึ่ง...” บัญชาจิ้มขนมไป แต่เป็นการจิ้มตักที่ทุกคนต้องลุ้นไปด้วย เพราะมือบัญชาจะแกว่งๆ เหมือนของชิ้นนั้นหนักมาก “ชั้นจำได้เสมอ ขนาดทำแกงจืด..ยังอร่อยที่สุด” นายหัวหันมาทางเกียรติบดินทร์ และน้องชาย “บุรี.. น้องดิน ชิมฝีมือป๊ะของจ้างเค้าสิ อาหึ่ง คือคนที่ดูแลจ้างมา..ชั้นรู้จักดี”
สองอาหลานที่คิดว่าตัวเองจะฉีกหน้าฟ้ากระจ่างได้ อึ้งไป ฟ้ากระจ่างมองบัญชา ด้วยแววตาขอบคุณ
ดารากานต์ยิ้มเยื้อนตักผัดผักส่งให้ฟ้ากระจ่าง “แต่จ้างคงกินฝีมืออาหึ่งจนชินแล้วล่ะ มา..ชิมฝีมือแม่บ้าง”
“ขอบคุณครับ” ฟ้ากระจ่างไหว้ดารากานต์
บัญชามองฟ้ากระจ่างพลางเอ่ยขึ้น “จ้างไม่ได้กินเจไม่ใช่เหรอ”
“อ๋อ เปล่าครับ ตอนนี้ก็..รับประทานปกติครับ..แต่ไม่รับเนื้อวัวครับ” ฟ้ากระจ่างบอก
เกียรติบดินทร์มองด้วยสีหน้าหมั่นไส้ถามประชด “แล้วควาย..ล่ะ”
ฟ้ากระจ่างทำหน้ายิ้มๆ “ก็ไม่..เหมือนกันครับ”
เกียรติบดินทร์ยังไม่ยอมจบ “แล้วหมาล่ะ..เนื้อหมา..กินไหม”
ฟ้ากระจ่างมองหน้าเป็นเชิงถาม ว่าถามจริง หรือกวนกันแน่?
ดารากานต์เห็นท่าไม่ค่อยดี จึงรีบพูดตัดบท “จ้างเค้าจะกินเจเฉพาะตอนเดือน 10 น่ะค่ะ ก็เหมือนใครๆหลายๆ คน”
“ดีจัง..งั้น...พอถึงเดือน10 ทรายจะกินเจเป็นเพื่อนพี่จ้างดีกว่า” ทรายทองรีบผสมโรง
“เดือน 10 หรือ..อีกตั้งนานนี่” เกียรติบดินทร์มองจ้องหน้าฟ้ากระจ่าง “คิดว่า..จะอยู่ที่นี่ถึงเดือนอะไรหรือครับ”
“น้องดิน.. ไม่เห็นค่อยกินอะไรเลย เอาแต่คุย..ยิ่งผอมๆอยู่ น้องดินต้องแข็งแรงกว่านี้นะ เดี๋ยวไปเรียนเมืองนอกแล้วจะป่วย..พ่อเป็นห่วง” บัญชาพูดน้ำเสียงแข็งกร้าว
เกียรติบดินทร์เงียบ สายตาขุ่นเคือง แต่ต้องพยายามข่มใจ

หลังบรรยากาศอันแสนมาคุบนโต๊ะอาหารมื้อนั้น เกียรติบดินทร์เดินหงุดหงิดออกมา ในมือถือโทรศัพท์ กดแล้วยกหูรอสาย แต่รอๆๆ แล้วไม่มีคนรับสาย พอกดใหม่รอสายอีกสักพัก แต่ก็เป็นเหมือนเดิม ไม่มีคนรับสาย เกียรติบดินทร์ออกอาการหงุดหงิดหนักกว่าเดิม ทรายทองเดินออกมาเห็นพอดี
“ไม่มีใครเขาอยากคุยกะพี่ดินหรอก” ทรายทองเยาะ
เกียรติบดินทร์หันขวับมา จ้องหน้าทรายทอง มองหัวจรดเท้า “แส่!”
“คนนิสัยไม่ดี แม้แต่นายหัวยังรำคาญ” คราวนี้ทรายทองหยัน
“ยัยทราย” เกียรติบดินทร์เข้าไปกระชาก “หาเรื่องอยากเจ็บตัวใช่ไหม หา..ถ้าไม่โดนซักตุ้บสองตุ้บจะนอนไม่หลับใช่ไหม” เกียรติบดินทร์เสียงกร้าวตาดุ
“ว้ายๆๆ” ทรายทองร้องโวยวายลั่น แต่ต้องชะงัก เมื่อมองเห็นแผลเหมือนโดนอะไรตีอย่างแรงจนช้ำเป็นปื้นที่ต้นแขนเกียรติบดินทร์ “เย้ย..พี่ดิน ไปโดนอะไรมาน่ะ” ทรายทองเอานิ้วจิ้มแผลอย่างแรง
“อ๊าก...” เกียรติบดินทร์สะดุ้ง รีบปล่อยทรายทอง “...เจ็บนะ นังเด็กบ้า จะไปไหนก็ไปไกลๆ เลย ไป๊!”
“ไปซ้อมบาสมาแน่..เหรอ..ยังกะไปต่อยไปตีกะใครมา..พี่ดิน..พ่อทุกสถาบัน..เก่งตายละ” ทรายทองไม่อยากจะเชื่อ
ฟ้ากระจ่างเดินออกมาพอดี ทั้งสามคนมองกันไปมา
ทรายทองออกอาการดี๊ด๊ารีบเข้าไปหาฟ้ากระจ่าง “พี่จ้าง..ไปเดินเล่นกันไหมคะ ทรายพาพี่จ้างชมบ้านดีกว่า”
“ขอบคุณครับ ผมไม่รบกวนดีกว่า” ฟ้ากระจ่างบอกเสียงสุภาพ
“พี่จ้างอ่ะ..ทำไมต้องพูดเป็นทางการจังเลย เราเป็นพี่น้องกันนะคะ” ทรายทองออดอ้อน
เกียรติบดินทร์เหล่มองตาม ด้วยความหมั่นไส้
ทรายทองจงใจทำตัวอี๋อ๋อฟ้ากระจ่าง ต่อหน้าเกียรติบดินทร์ จับแขนฟ้ากระจ่างมาควง แต่แล้วต้องชะงักอีก เมื่อเห็นรอยช้ำหนัก และรอยขีดขูดเป็นทางยาว ที่แขนฟ้ากระจ่าง
“อุ๊ย..แขนพี่จ้าง..มีแผลเหมือนแขนพี่ดินเลย ยังกะไปสู้รบตบมือกะใครมาแน่ะค่ะ” ทรายทองเอามือลูบๆ อย่างสนิทสนม
ฟ้ากระจ่างแกะมือทรายทองออก ถดตัวถอยออกมาอย่างนุ่มนวล
“อ๋อ..เปล่าครับ..ผมไปทะเลกับเพื่อนๆ ดำน้ำ พอดีคลื่นแรง..เลยกระแทกหินเกือบสลบนะครับ
ทราย” ฟ้ากระจ่างพาทรายทองเดินไป
“แบบพวกที่โดนคลื่นสึนามิพัดไปชนหินเหรอคะ ต๊าย โชคดี ไม่แรงมาก ใช่ไหมคะ”
เกียรติบดินทร์เมียงๆ มองๆ ฟังที่ฟ้ากระจ่างเล่าแล้วตงิดๆ ในใจ เกียรติบดินทร์ มองฟ้ากระจ่างกับทรายทอง ที่เดินผ่านเงามืดในสนามห่างออกไปๆ แต่ได้ยินน้ำเสียงที่พูดคุยกัน ทรายทองหัวเราะอย่างเบิกบาน
ขณะเพ่งมองในเงามืดในสนาม จู่ๆ ภาพฟ้ากระจ่างในแสงสลัวตอนที่ไล่ล่า ต่อสู้กันที่ป่าใกล้โรงแรมก็แว่บเข้ามาในความคิด เกียรติบดินทร์เพ่งมอง ครุ่นคิดหนัก แต่ไม่อยากจะเชื่อ และคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ ที่ชายคนนั้นคือ...ฟ้ากระจ่าง

เช้าวันต่อมา ปีเตอร์กับชิงชัยยืนเผชิญหน้ากันอยู่ ในห้องพักที่โรงแรมริมหน้าผาแห่งนั้น
“เพราะสิ่งที่คุณทำลงไป..มันก็คืออาชญากรรม คุณถึงกลัวตำรวจจะมาเกี่ยวข้อง” ปีเตอร์พูดใส่หน้าชิงชัย
“ใช่..แต่ไอ้บัญชามันทำผมก่อน พ่อผมตาย พ่อผมถูกฆ่า..อย่างเลือดเย็น ถ้าคุณไม่เจอเอง คุณไม่เข้าใจหรอก เค้าทำเรา..รังแกเราทุกรูปแบบ ทั้งๆที่เราไปขอร่วมหุ้นกับเค้าก่อนดีๆแท้ๆ..คุณก็รู้” ชิงชัยว่า
“ผมไม่เข้าใจ ทำไมนายหัวบัญชาถึงเกลียดเรา ทำเรื่องโหดร้ายกับเราอย่างไร้เหตุผลทุกเรื่อง”
“ก็ไม่ต้องไปเข้าใจมัน ผมจะอัดพวกมันให้จมดิน ใหญ่มากนักใช่ใหม่ ดี ยิ่งใหญ่ยิ่งล้มดัง คุณปีเตอร์ ผมเข้าใจถ้าคุณกลัว คุณต้องห่วงเทเรซ่าเป็นธรรมดา ผมก็คงต้องต่อสู้กับแม่..ตามลำพัง ถ้าคุณหนีไป...”
ชิงชัยพูดไม่ทันจบปีเตอร์ก็สวนขึ้นมาเสียงกร้าว “หนี..ผมหรือหนี ผมเกลียดความรุนแรง เกลียดการฆ่าฟัน แต่ไม่ใช่ผมจะวิ่งหนีพวกคนชั่วหางจุกตูดหรอกนะ ชิงชัย”
“คุณปีเตอร์จะสู้กับเรา..ใช่ไหมครับ” ชิงชัยดีใจสุดขีด
“นายหัวบัญชา..เขาไม่ได้ใหญ่ที่สุดในโลกนี้หรอกครับ” ปีเตอร์พูดเสียงกร้าว แววตามุ่งมั่นฉายชัด

เช้าวันเดียวกันบัญชานั่งกึ่งนอนบนเตียง โดยมีน้อม ทำหน้าที่บีบนวดอยู่
“ก่อนจ้าง...จะออกไปทำงานกับเรา ทุกๆ คน ต้องรับรู้ในข้อมูลเดียวกัน และพูดให้ตรงกัน หากมีข่าวที่แตกต่างไปจากนี้ หลุดออกไปถึงคนนอก แล้วชั้นสืบได้ ว่าหลุดออกไปจากใคร อย่าหาว่าชั้นไม่เตือน”
บัญชาพูดเสียงกร้าวจริงจัง ฟ้ากระจ่าง บุรี ทรายทอง บัว และน้อม ต่างตั้งใจฟัง บัญชาพูดต่อ
“ชั้นไปคิดมาดีแล้ว...เรื่องที่...จ้างเป็นลูกของดารากานต์กับผู้ชายอื่น...ขอให้จบลงที่ตรงนี้ เพราะมันจะทำให้ดารากานต์หมดความน่านับถือ เพราะเราจะไปแก้ไขความเชื่อ..หรือความคิดเก่าๆ ของชาวบ้านไม่ได้”
“เอ๊ะ...” ฟ้ากระจ่างงง มีคำถามในใจ บัญชาอธิบายอย่างมีเหตุผล
“เดี๋ยวก่อน จ้าง เธอเองไม่ใช่เด็กๆ ขอให้ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ ผู้หญิง...กับผู้ชาย...จะถูกตัดสินต่างกัน..ในการกระทำเดียวกัน เพราะฉะนั้น เพื่อเห็นแก่หน้าชั้น และหน้าแม่เธอ..” บัญชากวาดสายตามองทุกคน “จ้าง...จะต้องไปเปลี่ยนนามสกุล เป็นนามสกุลของชั้น และทุกคน ต้องเล่าเรื่องจ้างว่า..จ้าง...คือลูกของชั้น ไม่ใช่ลูกของดารากานต์”
“นายหัว..นายหัวคิดอะไรอยู่ แบบนี้มันไม่ถูกต้อง” บุรีไม่เข้าใจเหตุผลและคำพูดของพี่ชาย
“บุรี..แต่ผลลัพท์มันไม่ได้มีอะไรต่างกันไม่ใช่เหรอ จ้างจะอยู่ที่นี่ในนามของลูกชายคนโตของเราสองคน ลูกดารากานต์ ก็เหมือนลูกชั้น ในเมื่อจ้างเป็นผู้ใหญ่กว่า เรียนจบแล้ว ก็ต้องช่วยพ่อทำงาน แต่น้องดิน ยังเด็ก ยังเรียนไปจบ ก็ต้องไปเรียนต่อ แล้วในที่สุด...ทรัพย์สินทุกอย่างของเรา ก็ต้องเป็นของเด็กทั้งสองนี้อยู่แล้ว” บัญชาอธิบาย
“เดี๋ยวครับ..ผมขอคัดค้าน” ฟ้ากระจ่างขัดจังหวะขึ้น น้ำเสียงจริงจัง
ทุกคนมองเป็นตาเดียวกันด้วยความแปลกใจ
“ในเมื่อเรื่องนี้เป็นเรื่องของตัวผม..ผมก็มีเงื่อนไขของผมเหมือนกัน”
“ว่ามา” บัญชาบอก
“ผมยินดี..ให้นายหัวไปบอกใครก็ได้ ว่าผมเป็นลูกใคร รวมทั้งการเปลี่ยนนามสกุล..เพื่อความสะดวกในเรื่องเอกสาร..หรืออะไรก็ตาม แต่สำหรับการทำงาน ผมขอยืนยันและจะไม่ขอเปลี่ยนแปลงเด็ดขาด และขอให้คุณบุรี และทุกคน..รับรู้ให้หมด ว่า..ยังไงๆ ผมก็จะอยู่ในฐานะลูกจ้างคนหนึ่งของนายหัว รับค่าแรงเป็นงานๆ ไป แล้วแต่ตัวงาน ส่วนเรื่องทรัพย์สิน หรือหุ้นส่วนใดๆ ผมไม่ขอรับรู้ทั้งสิ้น ถ้าผมทำงานไม่ดี ไม่บรรลุเป้าหมาย ก็ขอให้ท่านพิจารณาตามเกณฑ์มาตรฐานทั่วไป..หรือจะไล่ผมออกก็แล้วแต่กรณีที่ท่านเห็นสมควร แล้วพอคุณเกียรติบดินทร์เรียนจบกลับมา มีความพร้อม..อย่างที่นายหัวตั้งใจ..ผมก็จะขอลาออก..และกลับบ้านผม ถ้าไม่ตกลงตามนี้..ผมก็คงรับงานไม่ได้ครับ”
คำอธิบายยาวเหยียดของฟ้ากระจ่าง เล่นเอาทุกคนอึ้ง ไม่เว้นแม้กระทั่งนายหัวประมุขของบ้าน ที่เพ่งมองหน้าฟ้ากระจ่าง ครุ่นคิด และกังขาในใจ

ไม่นานหลังการประชุมลับจบลง ดารากานต์รู้เรื่องราว กำลังจิบชาอยู่ในสวน มือไม้สั่น วางถ้วยชา ลงน้ำตาหยดลงอาบแก้ม บัวยืนใจคอไม่ดีอยู่ใกล้ๆ
บัญชานั่งอยู่บนรถวีลแชร์ มือกุมกันวางนิ่งสงบอยู่บนโต๊ะ
“การกระทำของฉัน..มันชั่วร้ายเลวทรามขนาดนั้นเลยหรือคะ ชั้นต้องโกหก ต้องซุกซ่อน..ไปตลอดกาลอย่างนั้นเหรอ คุณบัญชา” ดารากานต์ เอ่ยขึ้นเสียงสะอื้น
แววตาบัญชาฉายแววเยือกเย็นแวบหนึ่ง โดยที่ใครไม่ทันเห็น แล้วพยายามยิ้มอบอุ่น “คุณต้องเห็นใจจ้างบ้าง...ว่าเขาจะถูกคนตั้งคำถามในใจมากมายแค่ไหน ว่า พ่อของเค้า...เป็นใคร”
“คุณก็ด้วย..ใช่ไหม” ดารากานต์ย้อนถาม
“ผมถามเหรอ ผมไม่มีวันถาม แต่ผมจะยอมให้จ้างถูกสงสัย หรือตัวคุณเอง ถูกสงสัย..ได้ยังไง ดารากานต์ ผมทำทุกอย่าง..เพื่อคุณ...กับจ้างนะ...ผมยังเข้าใจคุณ..คุณก็น่าจะเข้าใจกันบ้าง” บัญชายกเหตุผลขึ้นมาอ้าง
“จ้าง..จะไม่ใช่ลูกฉัน แต่จะกลายเป็น..ลูกคุณ..กับ..ใครก็ไม่รู้” ดารากานต์พิลาปรำพัน
“นายหญิงคะ..เอ่อ แต่วิธีของนายหัว..เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วนะคะ” บัวสนับสนุน
“มันง่ายขึ้นตั้งเยอะ..สำหรับคนอื่น ที่จะยอมรับ แล้วจ้างก็จะเป็นที่ยินดีต้อนรับ..ในทุกวงสังคมของเรา..มากกว่าอย่างแน่นอนที่สุด” บัญชาสรุป
จังหวะนั้นมีเสียงเกียรติบดินทร์ดังขึ้น “เว้นผม”
ทั้งสองคนหันไป เกียรติบดินทร์เดินเกรี้ยวกราดเข้ามาอย่างเอาเรื่อง
“มันอะไรกันนักหนาหรือครับ..ถึงต้องโกหกแล้ว โกหกอีก บ้านนี้เต็มไปด้วยเรื่องโกหกหลอกลวง..ตั้งแต่ไอ้นั่นมันเหยียบเข้ามา”
บัญชาทำใจเย็น พยายามข่มความรู้สึก ค่อยๆ ประคองถ้วยชามาจิบช้าๆ
“ผิดแล้ว น้องดิน..บ้านเรา..มันเต็มไปด้วยเรื่องโกหกหลอกลวง...มานานมากแล้ว”
ดารากานต์อึ้ง นึกว่าบัญชาหมายถึงตัวเอง “นายหัว..ที่แท้..นายหัวก็คิดแบบนี้”
“นายหญิง..นายหัวไม่ได้หมายความอย่างนั้นหรอกค่ะ” บัวรีบปลอบ
“อย่างน้อย..ตอนนี้ ในบ้าน ความจริงทุกอย่างก็เปิดเผยหมดแล้ว เราจะโกหกคนข้างนอก..เพื่อความอยู่รอด เพื่อภาพที่ดูดี น่าชื่นชม..ก็ไม่เห็นจะเป็นไรนี่นา ดารากานต์” บัญชาว่า
“ผมไม่แคร์ ไม่แคร์อะไรทั้งนั้น แต่ขอให้ไอ้เด็กศาลเจ้ามันไปซะให้พ้น ไปจากที่นี่ กลับไปที่ของมัน มาทางไหน ไปทางนั้นเลย” เกียรติบดินทร์แค้นใจจนแทบจะร้องไห้อยู่แล้ว
“น้องดิน..น้องดินอย่าทำให้อะไรมันยุ่งยากอีกเลยนะ พ่อขอร้อง” บัญชาพูดเสียงเย็น
เกียรติบดินทร์มีหรือจะยอมอะไรง่ายๆ
“ถ้าแม่รักมันมากนัก..แม่ก็ให้เงินมันไปสิ ไม่ต้องเอามันมาเกี่ยวกะพวกเรา เงินทองข้าวของ จะเท่าไหร่ ผมไม่ว่า..มันอยากได้อะไร ให้มันเอาไปให้หมด..มันอยากเป็นอะไร ก็จัดให้ไป..แต่อย่าให้มันมาอยู่ในบ้าน ในครอบครัว ให้เรามีกันแค่ 3 คนพ่อ แม่ลูก..เหมือนเดิม แค่นี้ไม่ได้เหรอครับ”
“น้องดิน..พ่อ...มีความจำเป็น ที่ต้องให้..พี่ชายของลูก..มาทำหน้าที่นี้จริงๆ มันจำเป็นจริงๆ ลูก” บัญชาบอกความจริง แต่ไม่มีใครคิดว่ามันจะมีนัยซ่อนซุกอยู่
“แต่ผมทำได้ นายหัวจะให้ผมทำอะไร ผมก็ทำได้ทุกอย่าง ผมอาจจะเคยทำอะไรพลาดไปบ้าง..แต่ต่อไปนี้ ผมสัญญาว่า..ผมจะขอเปลี่ยนแปลงตัวเอง นายหัวให้โอกาสผมด้วยสิครับ” เกียรติบดินทร์อ้อนวอนผู้เป็นพ่อเสียงสั่น
“ไม่ได้น้องดิน โอกาสของน้องดิน ไม่ใช่ตอนนี้ เวลานี้น้องดินต้องทำตามที่พ่อบอก น้องดินก็มีหน้าที่ของตัวเอง น้องดินต้องไปทำ น้องดินต้องเชื่อพ่อ ว่าพ่อทำทุกอย่างเพื่อลูก...เพื่อลูกจริงๆ”
“ไม่ ผมไม่ไปเรียน ผมจะอยู่กะนายหัว..ผมทำได้ดีกว่าไอ้เด็กศาลเจ้าแน่ๆ ไม่เชื่อนายหัวคอยดู!!” เกียรติบดินทร์ผลุนผลันไป
“น้องดิน” บัวร้องเรียกไว้
“น้องดิน” ดารากานต์ร่ำไห้ออกมา
“เกียรติบดินทร์ กลับมาพูดกันให้รู้เรื่อง” บัญชาตะโกนสั่ง แต่ไม่มีผลตอบรับ เกียรติบดินทร์เดินไปยอมเหลียวหลังกลับมา

เวลาเดียวกัน น้อมยืนอยู่ที่หน้าตึกใหญ่ กำลังส่งมอบโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ให้ฟ้ากระจ่าง โดยมีทรายทองยืนขวางกลางอยู่ในอาการตื่นเต้น อยากรู้อยากเห็น
“โหย..พี่จ้างได้รุ่นนี่เลยเหรอ ว่างๆ ให้ทรายยืมใช้บ้างนะ” ทรายทองเนื้อเต้น เพราะเป็นโทรศัพท์รุ่นล่าสุด
“นี่ให้ผมยืมหรือครับ” ฟ้ากระจ่างสงสัย
“ไม่ใช่ให้ยืมครับ ของคุณเลย คุณจะไปเปิดเบอร์ใหม่ หรือยังไงก็ตามใจ” น้อมบอก
ทันใดนั้น เสียงสตาร์ทรถดังขึ้น พร้อมๆ กับรถสปอร์ตพุ่งออกมาจากทางโรงรถ เกียรติบดินทร์ที่ขับมา มองเห็นฟ้ากระจ่าง ทรายทอง และนายน้อม ยืนอยู่กลางถนน ทำหน้าสะใจ กดคันเร่ง เจตนาพุ่งใส่ฟ้ากระจ่างเต็มที่
ทรายทองหันไปเห็นตกใจ ร้องกรี๊ดดังลั่น
ฟ้ากระจ่างได้สติก่อนใคร โอบทั้งทรายทองและน้อม กวาดพากระโดดหนีออกไปจากทางรถ ล้มกันไม่เป็นท่า
เกียรติบดินทร์เบรกเอี๊ยด หันมาดูผลงานอย่างสะใจ ฟ้ากระจ่างพลิกตัวกำลังจะลุกหันไปดู เห็นเกียรติบดินทร์หัวเราะเยาะ แสยะยิ้มใส่หน้าฟ้าตัวเอง แล้วขับออกไป
ฟ้ากระจ่างแค้น รีบกระโดดลุกขึ้น เสียงน้อมร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น
“โอยๆ”
ฟ้ากระจ่างตกใจ รีบหันไปดู แล้วเข้าไปประคอง “นายน้อม เป็นอะไรครับ”
“แขน..แขน..ดูเหมือนจะซ้น” น้อมว่า
ทรายทองลุกขึ้น ลูบเข่าตัวเองไปมาป้อยๆ “ทรายเข่าถลอกเลยค่ะ พี่จ้าง”
“นายน้อม ไหนดูหน่อยครับ” ฟ้ากระจ่างจับแขนน้อมมาดู ลองพลิก แล้วงอเข้าออก “ทำแบบนี้เจ็บไหมครับ” พยายามสังเกตอาการ
“ไม่ครับ..บอกแล้วไง คุณไม่ต้องมาพูดครับกับโผม…” เจ็บขนาดนั้นน้อมก็ยังสอนสั่งเด็กปั้นตัวเอง
“โอเค ถ้าไม่เจ็บ ก็คือไม่หัก แต่เดี๋ยวต้องดูอาการข้อมือ ถ้าบวม..ก็อาจมีปัญหา” ฟ้ากระจ่างคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับอาการบาดเจ็บเหล่านี้ สมัยทำงานในหน่วยกู้ชีพกู้ภัยของมูลนิธินั่นเอง
“ผมไม่เป็นไรหรอก” น้อมว่า
“พี่ดินนี่เลวจริงๆ ถ้าพวกเราบาดเจ็บมากกว่านี้ จะว่าไง พี่จ้าง แล้วโทรศัพท์พี่ล่ะ พังป่าว” ทรายทองทั้งเจ็บใจและโมโห
ฟ้ากระจ่างมองหาจนเจอ หยิบขึ้นมาจากพื้นสนามใกล้ๆ “ไม่เป็นไร ไม่กระทบกระเทือนครับ”
“ทำไมคุณดินถึงได้โหดร้ายขึ้นทุกวันก็ไม่รู้ จะมีใครสั่งสอนคุณดินให้กลับตัวกลับใจได้ไหม ชาตินี้.. นายหัวกะนายหญิงหมดปัญญาจะทำอะไรได้แล้ว” น้อมเหนื่อยหน่ายใจ
ฟ้ากระจ่างถามอย่างจริงจัง “นี่เค้าไปไหนหรือครับ”
“คนอย่างพี่ดิน จะมีที่ไปซักกี่ที่กันเชียว ยังกับมีคนอยากคบเยอะนักหนิ” ทรายทองว่า
“นายน้อม มีรถคันไหน ให้ผมใช้ได้บ้าง” ฟ้ากระจ่างถามอย่างร้อนใจ
“ใช้ตอนนี้เลยเหรอครับ” น้อมงงๆ
“คุณทราย..ช่วยไปกับผมหน่อย..พาผมไปที่ๆ คุณดินไปที ผมจะต้องพูดกับเค้า ให้รู้เรื่อง..เดี๋ยวนี้”
ฟ้ากระจ่างพูดเสียงซีเรียส ทรายทองกับน้อมหน้าตื่นๆ

ที่ห้องทำงานภายในตู้คอนเทนเนอร์ บริเวณไซด์งาน ดวงยิหวาละสายตาเงยหน้าขึ้นจากการตรวจเช็คงานในคอมพ์ฯ เมื่อได้ยินเสียงเกียรติบดินทร์เปิดประตูเดินปึงปังเข้ามา
“คุณดิน”
“ดวงยิหวา ชั้นพยายามทำดีที่สุดแล้ว แต่เธอไม่มีวันเข้าใจหรอก ว่ามันเป็นยังไง ถ้าเธอไม่ได้เป็นชั้น” เกียรติบดินทร์โวยวายทันที
“ใจเย็นๆ นะคะ คุณดิน นั่งลงก่อนไหม” ดวงยิหวาเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
เกียรติบดินทร์นั่งลง ท่าทางเหมือนคนหมดแรง
“ทุกคนเป็นบ้ากันไปหมดแล้ว ไม่มีใครมีเหตุผล หรือมีสำนึกผิดชอบชั่วดีอะไรกันเลย ตั้งแต่ไอ้บ้านั่นมันมา ทุกคนทำเหมือนมันคือซูเปอร์ฮีโร่ ที่จะมากอบกู้โลก.. ส่วนชั้นเป็นไอ้โง่ ปัญญาอ่อนอยู่คนเดียว ไม่มีใครอยู่ข้างชั้นเลย” เกียรติบดินทร์ระบายอย่างอัดอั้น
“คุณดิน...” ดวงยิหวาสงสาร ลุกมานั่งข้างๆ ตบที่เข่าเบาๆ “ดวงไง นั่งอยู่ข้างๆ คุณอยู่เนี่ย...ไม่เอาน่า คุณดิน คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ จะเป็นไปได้ยังไงกัน ที่ครอบครัวคุณ จะไปเห็นคนที่เพิ่งมาได้วันสองวันดีกว่าคุณได้” ดวงยิหวาปลอบ
“จริงๆ นะ ดวงยิหวา นานมาแล้วล่ะ ที่มันแย่งแม่ผมไปจากผม ตอนนี้มันมาแย่งนายหัวไป..นอกนั้น คนในบ้านทั้งหมด ทั้งหมด ทุกคนเลย..ก็โดนมันเอาไปเป็นของมันหมด แม้แต่นายน้อม..หรือยายทราย..มันแย่งคนของผมไปทุกคน” เกียรติบดินทร์โวยวาย
พูดไม่ทันขาดคำ ประตูก็เปิดเข้ามา ทรายทองเดินนำเข้ามา
“ยัยทราย…” เกียรติบดินทร์อึ้ง ประหลาดใจ
“ว่าแล้ว...พี่ดินต้องมาที่นี่” ทรายทองพูดน้ำเสียงเยาะหยัน ประมาณว่าเกียรติบดินทร์ไม่มีที่อื่นจะไป
เกียรติบดินทร์รีบโอบไหล่ดวงยิหวาเข้ามาชิด ทำหน้าเหยียดหยาม
“อะไร แกมาทำอะไร นายหัวนายหญิงใช้มาตื๊อให้ชั้นกลับไปเหรอไง ชั้นจะอยู่กะแฟนชั้น แกนึกว่าตัวเองเป็นใคร ที่จะมาลากชั้นกลับไปได้ อย่าหวังเลย”
“มาเลยค่ะ พี่จ้าง” ทรายทองไม่ใส่ใจ หันไปเรียกฟ้ากระจ่างที่รออยู่ข้างนอก
เกียรติบดินทร์อึ้ง ดวงยิหวางงๆ
ฟ้ากระจ่างเดินเข้ามา แล้วพอเห็นคนในห้องนี้ถนัด ก็ผงะ งง ยิ่งเมื่อเห็นเกียรติบดินทร์นั่งโอบดวงยิหวาอยู่ พอเกียรติบดินทร์เห็นฟ้ากระจ่าง ก็ทำหน้ากวน ท้าทายใส่ ในขณะที่ดวงยิหวาเห็นหน้าฟ้ากระจ่างถนัด ก็ได้สติ รีบลุกพรวดขึ้นออกจากการโอบของเกียรติบดินทร์ทันที

นาทีนั้นฟ้ากระจ่างกับดวงยิหวามองหน้ากัน ทั้งคู่มีคำถามมากมายมาเข้าคิวรอที่ริมฝีปาก แต่พอนึกถึงว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย จึงได้แต่มอง แล้วต่างนิ่งงัน อึ้ง พูดไม่ออก











Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2555 2:18:15 น.
Counter : 418 Pageviews.

0 comment
ลิขิตฟ้าชะตาดิน ตอนที่ 7 (ต่อ)



ร่วมพูดคุย ถก เถียง แสดงความคิดเห็นเรื่องละครอย่างสร้างสรรค์ หรือจะด่าทอ ต่อว่า...ทีมงานได้ที่ แฟนเพจละครออนไลน์ facebook.com/ละครออนไลน์ เอเอสทีวี ได้แล้วจร้า...

ลิขิตฟ้าชะตาดิน ตอนที่ 7 (ต่อ)

มื้อเย็นตอนค่ำวันเดียวกันนั้น อาหารชั้นดีเลิศรสจากภัตตาคารดัง วางเรียงรายเต็มโต๊ะอาหาร แต่กลับยังไม่มีใครแตะต้องกิน บัญชานั่งอยู่ที่ประจำตรงหัวโต๊ะ กินอาหารเฉพาะที่ทรายทองจัดให้ บัญชากินตามหน้าที่ และเวลานี้กำลังจะอิ่ม โดยไม่ยอมแตะสำรับนั้น

ใกล้ๆ โต๊ะอาหาร ดารากานต์เดินไปเดินมาอย่างวุ่นวายใจ กดโทรศัพท์โทร.ออก แล้วรอฟัง กดปิด แล้วกดใหม่ เหมือนคนประสาทเสีย
น้อม และบัว ยืนคุมเชิงอยู่คนละมุม สบตากันอย่างระอา แล้วต่างหลบตากัน ไม่อยากให้อีกคนรู้ความคิดของตน
จังหวะนั้นดารากานต์ทนไม่ไหว หันมาหาบัญชาเอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจ
“โทรศัพท์ของจ้างติดต่อไม่ได้เลยค่ะ เหมือนอยู่ในที่ที่ไม่มีสัญญาณ หรือปิดเครื่อง ทำไมล่ะค่ะ เกิดอะไรขึ้นกับเค้าหรือเปล่า เค้าควรจะมาถึงตั้งแต่สายๆ ด้วยซ้ำ แต่นี่..มันจะดึกแล้วนะคะ”
บัญชาพยายามข่มอารมณ์ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ คล้ายปลอบโยน
“เค้าอาจจะ..ไปแวะที่ไหนมั้ง วันนี้ยังมาไม่ถึง เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็มาถึงเองนั่นแหละ”
“ทำไมลูกเหลวไหลแบบนี้ บอกผู้ใหญ่ว่าจะมาหาแม่ แต่กลับไปเถลไถลที่ไหนก็ไม่ทราบ” ดารากานต์บ่น แต่ในใจเป็นห่วงนัก
“ที่จริง..เขาก็ยังไม่ได้บอกมาทางเรา เขาอาจจะวางแผนที่จะไปที่อื่นก่อนอยู่แล้ว” บัญชาว่า
“แล้วถ้าเค้ามีอันตรายอะไรล่ะค่ะ อาจจะเกิดอุบัติเหตุ หรือว่า..ถูกใครทำอะไร”
บัญชาชักเอือมกับความเยอะ จึงเลิกสนใจ หันมาหาทรายทอง “ของลุง..มีของหวานอะไรไหม น้องทราย”
“มีค่ะ..คุณลุงรับประทานเงาะหรือ มะม่วงสุกดีคะ” ทรายทองถาม
“นายหัว..จะไม่รอจ้างอีกซักหน่อย” ดารากานต์พูดแทรกขึ้น
“ไม่ต้องรอแล้วดารากานต์ เธอเองที่คิดเหมาเป็นตุเป็นตะไปคนเดียว ว่าเค้าจะมาวันนี้ เธอเองก็กินอะไรได้แล้ว นี่มันกี่ทุ่มแล้ว เดี๋ยวก็ไม่สบายไปจนได้” บัญชาพูดปราม
ดารากานต์อึ้งไป แต่ก็ไม่วาย ลองกดโทร.เบอร์ฟ้ากระจ่างอีกครั้งจนได้ พวกบ่าวสบตากัน มองของบนโต๊ะ ที่เหลือบานเบอะ

จังหวะนั้นรถสปอร์ตสุดหรูพุ่งเข้ามาจอดหน้าตึกใหญ่ เกียรติบดินทร์เดินลงมา สภาพดูออกว่าผ่านการต่อสู้มาเห็นได้ชัด มีร่องรอยฟกช้ำดำเขียว เลือดออกซิบๆ เสื้อผ้า รองเท้าเลอะเทอะน้อมโผล่มาดู แล้วตกใจ เกียรติบดินทร์เห็นสายตานายน้อม รีบเอามือมาบังๆหน้า แต่นายน้อมกลับยิ่งอยากรู้ เข้ามาเพ่งดูแล้วถามขึ้น
“คุณดินไปทำอะไรมาครับ”
“ก็..ไป..ซ้อมบาส” เกียรติบดินทร์โกหก
“แล้วทำไม”
“ทำไม ทำไมอะไร สงสัยอะไร ก็แค่..ปะทะกันหนักไปหน่อย” เกียรติบดินทร์ขยับจะขึ้นบ้าน แต่แล้วชะงัก เหมือนนึกบางอย่างได้ “ไอ้นั่น..มันมารึยัง”
น้อมเข้าใจตอบไปทันที “ยังครับ”
เกียรติบดินทร์มองหน้าเป็นเชิงถาม รู้ด้วยเหรอว่าหมายถึงใคร แล้วเมิน รีบเดินขึ้นบ้าน
“เดี๋ยวครับ” น้อมเรียกไว้
เกียรติบดินทร์ชะงัก หันมา
“รองเท้าคุณ...เปื้อนดินโคลนเป็นปึกๆ เลย อย่าย่ำขึ้นบ้าน จะดีกว่าไหมครับ” น้อมแนะนำ
เกียรติบดินทร์มองอย่างโมโห ที่โดนจับผิด ถอดรองเท้าแบบสะบัดๆ พอให้พ้นๆ ตัวแล้วรีบเข้าบ้านไป
น้อมมาหยิบรองเท้าดูด้วยความสงสัย เห็นชัดว่ารองเท้าเลอะโคลนมากจริงๆ

พอเกียรติบดินทร์เดินเข้ามาในบ้าน แล้วชะงัก เพราะเห็นทรายกำลังเข็นรถพาบัญชาเลี้ยวจะเข้าห้องนอน ไวเท่าความคิดเกียรติบดินทร์รีบกระโดด แอบหลบ กลัวคนเห็นสภาพ
ดารากานต์เดินตามเข้าไปในห้องนายหัว พลางบ่น
“จะโทร.ไปถามที่ศาลเจ้า ก็กลัวเค้าจะหาว่าวุ่นวาย”
“เค้าต้องว่าเธอวุ่นวายแน่ ดึกป่านนี้” บัญชาพูดเสียงดุๆ
“จ้างไปไหน ทำไมไม่มา..แล้วถ้าจ้างมาถึงที่นี่แล้ว แต่ไม่มาบ้านเรา แล้วเค้าไปนอนที่ไหน โธ่..ทำไมต้องทำให้เป็นห่วงด้วย” ดารากานต์รำพัน
เกียรติบดินทร์ทำหน้าขยะแขยง แล้วจะรีบเดินขึ้นบันไดชั้นบน จนเกือบชนกับบัว
“เฮ้ย!”
“ว้าย..เอ๋า คุณดิน โผล่มายังกะผี” บัวมองหน้า เห็นสภาพก็ตกใจ “แล้วนั่นคุณดินไป...”
“ไปซ้อมบาสมา บาสแพ้ คนไม่แพ้..มันก็เป็นแบบนี้แหละ อย่าไปบอกนายหัวกับแม่ล่ะ”
ทรายทองวิ่งหน้าตื่นออกมาจากห้องนายหัว
“ป้าบัวๆ..งานเข้าแล้วๆ นายหัวจะยกห้องนอนนายหัวให้...”
พอเห็นเกียรติบดินทร์ ทรายทองชะงัก หยุดพูด
“นายหัวจะยกห้องนอนให้ใคร”
เกียรติบดินทร์ถามคาดคั้น ทรายทองอึกอัก
“ก็..ถึงยังไง นายหัวก็ไม่ใช้ห้องนอนอยู่แล้วนี่คะ นายหัวย้ายมานอนข้างล่างแล้ว”
“ชั้นไม่ยอม..ชั้นต้องพูดกะนายหัวให้รู้เรื่อง
“จะพูดรู้เรื่องเหรอคะ หน้าพี่ดินยังกะไปฟัดกะใครมาเดี๋ยวนายหัวถาม แล้วพี่ดินจะตอบว่าอะไร”
เกียรติบดินทร์ ชะงัก หันมาด่า “แส่!”
“ไม่เชื่อ..พี่ดินก็ลองดูซี้ กล้าหรือเปล่า..แล้วจริงๆ พี่ดินไปทำอะไรมาคะ หวังว่าคงไม่ไปทำอะไร ที่จะชักนำความร้อนอกร้อนใจมาเพิ่มให้พ่อแม่ของตัวเองหรอกนะคะ”
เกียรติบดินทร์โดนพูดแทงใจดำ อึ้งไปครู่หนึ่ง “ยัยเด็กบ้า”
เกียรติบดินทร์หันกลับ เดินจ้ำอ้าว กระแทกเท้าตึงๆๆขึ้นบ้านไป ทรายทองมองตามอย่าง หมั่นไส้ บัวมองตามด้วยความเป็นห่วง

ที่คลินิคขนาดกลางแห่งหนึ่ง หมอเย็บแผลที่หน้าผากจ้างเสร็จแล้ว โดยมีพยาบาลคอยช่วยอยู่ข้างๆ เทเรซ่ากับปีเตอร์ยืนรอหน้าม่าน อยู่ในอาการลุ้น สีหน้าวิตกกังวลทั้งคู่
ถัดออกมาคือมาดามพิณ ชิงชัย และบอดี้การ์ดที่เฝ้าหน้าคลินิคแบบจริงจัง แข็งขัน ฟ้ากระจ่างเดินออกมา พยาบาลเข็นรถตามมา
“นั่งที่รถเข็นสิคะ..คุณ” พยาบาลบอก
“ไม่เป็นไรครับ ผมเดินไหว”
“คุณเป็นยังไงบ้างคะ เจ็บมากมั้ย” เทเรซ่ารีบถาม
“คุณนั่งพักดูอาการก่อน ดีไหมครับ” ปีเตอร์แนะ
“ผมไม่เป็นอะไรมากหรอก แต่ผมว่า..เราควรรีบไปแจ้งความนะ คุณจำหน้าคนร้ายได้หรือเปล่า เป็นคนรู้จักหรือเปล่า แล้วทำไมทางโรงแรมไม่เห็นทำอะไรซักอย่าง คุณจะแจ้งหรือไม่แจ้ง ถ้าคุณไม่แจ้ง..ผมแจ้งเอง..เพราะผมถูกทำร้ายร่างกาย แต่ถ้าคุณจะกรุณายอมมาเป็นพยานก็โอเค”
มาดามพิณกับชิงชัยฟังอยู่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก จู่ๆ มาดามพิณรีบปรี่มา
“เอ่อ เอาอย่างนี้นะจ๊ะคุณ..ฉันขอให้ค่าเสียเวลา กับค่าทำขวัญคุณ...” รีบหยิบแบงก์พันออกมา แทบไม่นับ “อ่ะ..6 พันนะ..พอไหม หรือจะเอามากกว่านี้ แต่ขออย่างเดียว อย่าแจ้งความ”
“ทำไมล่ะครับ” ฟ้ากระจ่างสงสัย
“เพราะ..นี่คือคุณปีเตอร์ โจว มิสเตอร์โจว..กับคุณเทเรซ่า ที่เป็นแขกวีไอพีของชั้นน่ะสิ พวกเราเป็นนักธุรกิจ เป็นไฮโซ..มีชื่อเสียง พวกเราไม่อยากอื้อฉาว เป็นข่าว ไม่อยากให้ตำรวจมาซักไซ้อะไร” ชิงชัยอธิบาย
“มีแต่ผู้ร้าย ที่ไม่อยากเจอตำรวจ” ฟ้ากระจ่างพูดพาซื่อๆ
“อ้าว..ไอ้นี่..เอ๊ย..คุณ..พูดแบบนี้ก็สวยสิ” ชังชัยพาล
“เอาล่ะๆ รับไปนะคะ..อ่ะ 6 พันคงน้อยไป เอาไป 8 พันเลย อย่าให้มีปัญหาเลย คุณคงเป็นนักท่องเที่ยวล่ะสิ แต่คงไม่ใช่แขกของโรงแรมหรอก พักที่ไหนล่ะคะ จะได้พาไปส่ง ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะคะ..หรือว่า 8 พันก็ไม่พอ จะเอาเป็นหมื่น ว่างั้น...” มาดามพิณว่า
“มาดามคะ คุณชิงชัยคะ.. เทเรซ่าไม่อยากรบกวน..คือ..คุณคนนี้..เป็นคนที่มีบุญคุณกับเทเรซ่า เทเรซ่า..กับแดดดี้..จะเทคแคร์เค้าเอง แล้วก็จะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้เค้าเข้าใจ ใช่ไหมคะ แดดดี้”
“นั่นสิ ผมรับผิดชอบเรื่องของคุณคนนี้เอง พวกคุณอย่าลำบากดีกว่า คุณครับ..ผมขอเชิญคุณเป็นแขกของผมก่อน..ไม่ทราบว่าคุณรับประทานอาหารเย็นหรือยังครับ” ปีเตอร์ว่า
ชิงชัยชักสีหน้าไม่พอใจ

ที่หน้าคลินิก มีรถของโรงแรม สองคันจอดรออยู่ ชิงชัยดึงแม่ออกมากระซิบ
“แม่ ไม่ได้นะ เดี๋ยวพวกนั้นเกิดงุบงิบกัน บ้าจี้ไปแจ้งความ เดี๋ยวก็บานปลาย สอบสวนขยายผลไปกันใหญ่ ย้อนกลับมาโดนเราจนได้หรอก”
“ทีอย่างนี้ละ กลัว ที่จ้างมือปืนไปถล่มเค้าล่ะ ไม่กลัว” มาดามพิณด่า
“ก็มันฆ่าพ่อนี่แม่”
“ไอ้พวกชั่วนี่มันชั่วบริสุทธิ์จริงๆ นี่ไอ้นายหัวคงส่งใครให้มาจัดการกับหนูเทเรซ่าแก้แค้นแน่ๆ” มาดามพิณคำราม
“ไอ้แก่หนังเหนียว มันห้อยพระอะไรนะ ไอ้นายหัวบัญชาเอ๊ย” ชิงชัยสบถ
ปีเตอร์แทบจะประคองฟ้ากระจ่างไปที่รถ พร้อมกับจ้องมองใบหน้า
สายใยสายสัมพันธ์พ่อลูก ทำให้ปีเตอร์เกิดความห่วงใยฟ้ากระจ่างมากเป็นพิเศษ!
“ผมว่า..ดูหน้าคุณซีดมาก เอาอย่างนี้นะ ผมจะไปส่งคุณที่ที่พักก่อน..คืนนี่คุณน่าจะรีบนอน แล้วพรุ่งนี้ ผมกับเทเรซ่าจะไปเยี่ยม คุณพักที่ไหนครับ โปรดบอกมา อย่าได้เกรงใจเลย”
“ขอบคุณครับ แต่ว่า..ไม่…”
ฟ้ากระจ่างพูดไม่ทันขาดคำ รถมูลนิธิวิ่งมาจอด เพื่อนๆ พี่ๆ กรูกันลงมา ชิงชัย และพวกบอดี้การ์ด ตื่นตัว เตรียมควักปืน
“นั่นไง อาจ้างๆ ลื้อเป็นไรมากไหมวะ” รุ่นพี่ร้องถามทันที
พวกพี่ๆ ปราดมาถึงตัวก่อน
“หัวแตกเย็บกี่เข็ม ตกลงคนร้ายมันหนีไปได้ใช่ไหม” รุ่นพี่อีกคนซัก ท่าทีร้อนใจ
ฟ้ากระจ่างสงสัย “นี่ ตามมาได้ไง แล้วรู้เรื่องได้ไง”
“ทำไมจะไม่รู้ ก็แอบฟังมาจากว.ของการ์ดโรงแรมนั่นแหละ ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเป็นลื้อ” สมหมายว่า
“ทางโรงแรมมีให้ปิดเรื่องนี้เป็นความลับด้วย กลัวแขกวีไอพีจะเสียหาย แล้วไหนวะ แขกวีไอพี” หมีใหญ่กวาดตามองไปมา
ทุกคนหันมาเห็นเทเรซ่า แล้วต่างชะงัก อึ้ง ตะลึง เก้อเขินกันไปในความสวยสง่า และดูสูงค่า
“อุย” สมหมาย หมีใหญ่ ปักเป้าละเมอพร้อมกัน
จากนั้น เพื่อน 3 คนรวมทั้งพวกพี่ๆ พากันบีบเนื้อบีบตัว ทำตัวสุภาพขึ้นมาทันที
“เอ้อ..คุณปีเตอร์ครับ..ถ้าอย่างนั้น..ผมกลับไปกับเพื่อนๆ ก็ได้ เรื่องอื่นๆ..ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมไม่เป็นอะไร”
เพื่อนๆสะกิด ให้ฟ้ากระจ่างรีบแนะนำ
“อ้อ..คุณปีเตอร์ครับ..คุณเทเรซ่า นี่..เพื่อนๆผมเองครับ อ่ะ..ทุกคน นี่คุณปีเตอร์ กับคุณเทเรซ่า ..ลูกสาว ที่เป็นผู้เสียหาย..ที่อั๊ว..เอ๊ย..ชั้นปีนขึ้นมาเจอเหตุการณ์พอดี แล้วก็เลยพยายามจะจับผู้ร้าย แต่จับไม่ได้..เสียท่ามันซะก่อน”
ชิงชัยรีบเข้ามาโชว์พาว ยืนเคียงเทเรซ่า ทำท่าเหมือนพูดกะคนที่ต่ำกว่า แต่ต้องเอาใจ ทำท่าเหมือนพวกสส.เวลาพูดกะชาวบ้าน
“เราต้องขอบคุณเพื่อนของพวกคุณมาก..เขาเป็นพลเมืองดีจริงๆ และหวังว่า เขาคงจะเข้าใจ ว่าเรื่องทั้งหมด..เป็นเรื่องของความขัดแย้งทางธุรกิจของเรา..ที่เราไม่อยากให้เป็นข่าวออกไป..เพราะอาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของบริษัทได้”
“ใช่จ้ะ..สำหรับความเดือดร้อน การบาดเจ็บ ต้องเสียเวลา เรายินดีจ่ายค่าทำขวัญและค่าตอบแทนน้ำใจทุกอย่างให้คุณจ้าง..เพื่อนของพวกคุณ..(ควักนามบัตร)เอาอย่างนี้นะคะ คุณจ้าง..หากคุณคิดได้..ว่าอยากจะเรียกเท่าไหร่ โทติดต่อดิฉันมาได้เลย ทุกอย่าง..เราตกลงกันได้เสมอ” มาดามพิณบอก
ทุกคนมองสองแม่ลูก ด้วยความรู้สึกงงๆ
“คุณนายเก็บนามบัตรไว้เถอะครับ..ผมไม่ต้องการอะไร..พวกเราไปกันเถอะ”
“อ้าว..แล้วตกลง” พี่นักกู้ชีพบอกถาม
“เราตกลงกันเรียบร้อยแล้วครับ” ฟ้ากระจ่างหันมาหาปีเตอร์ เทเรซ่า “เป็นอันว่า..ผมจะไม่แจ้งความก็แล้วกัน พวกคุณสบายใจได้..ไป พวกเรา”
“แต่ว่า...” หมีใหญ่อิดออด
“ไปๆๆ อั๊วเหนื่อยแล้ว เพลียมากๆ..อยากนอน เข้าใจ๋” ฟ้ากระจ่างบอก
“เข้าใจๆๆ” เพื่อนๆ พูดประสานเสียง
ฟ้ากระจ่างหันมา ไหว้กราด “ไปล่ะครับ โชคดีนะครับ..ทุกคน” แล้วเดินหนีนำเพื่อนๆลิ่วๆไป
“แต่ว่า..คุณจ้างคะ..คุณ...” เทเรซ่าหันมามองหน้าพ่ออย่างขอความเห็น
ปีเตอร์พูดไม่ออก จับมือลูกสาวไว้ มองตามฟ้ากระจ่างไป
บรรดาเพื่อนๆ รีบตาม หันมามองเทเรซ่าด้วยความเสียดายกัน ส่วนฟ้ากระจ่างไม่เหลียวหลังกลับมา เบื่อสองแม่ลูกจนอยากจะไปให้พ้นๆ จากตรงนั้น

กลางดึกคืนนั้น ดารากานต์อยู่บนเตียงข้างๆ สำหรับคนเฝ้าไข้ยังไม่ยอมหลับ นอนลืมตาโพลงในแสงสลัวส่วนที่เตียงคนไข้ บัญชานอนตาโพลงเช่นกันแต่หันไปอีกทาง
ดารากานต์แอบถอนใจเบาๆ ในที่สุดลุกขึ้น แล้วเดินไปดูเตียงคนไข้ บัญชารีบหลับตา แกล้งหลับ ดารากานต์ค่อยๆ ย่อง เดินออกไปข้างนอก บัญชาลืมตาขึ้นมา มองตามไป สีหน้าหมั่นไส้จัดพูดเข่นเขี้ยว
“นอนไม่หลับล่ะสิ นังหญิงแพศยา”

พระอาทิตย์ขึ้น โผล่พ้นโค้งขอบทะเลในยามเช้าของวันใหม่ ฟ้ากระจ่างนั่งที่บันไดบังกะโล ให้สมหมายทำแผลให้ด้วยอุปกรณ์จากกระเป๋าการปฐมพยาบาลที่มีของครบของมูลนิธิ
“อูย..ซี้ด..ไอ้นี่..บอกว่าไม่ต้องใส่ไฮโดรเจ้นเปอร์ออกไซด์..โคตรจะแสบ”
“ไอ้บ้า มันต้องล้างแผลก่อนสิวะ ฆ่าเชื้อโรคด้วย” สมหมายบอก
“ใส่แค่เบตาดินก็พอ อูย..พอแล้วๆๆๆ เจ็บๆๆๆ” ฟ้ากระจ่างร้อง
สมหมายแปะผ้าก๊อสปิดแบบฝีมือเนี้ยบมาก
“เดี๋ยวกันข้าวแล้วกินยาแก้อักเสบด้วย ชั้นว่ามันบวมๆ เขียวๆ แล้วนะ ท่าจะเน่า ดูสิ หน้ามันเบี้ยวไปข้างนึงแระ” ปักเป้าแซว
“ปักเป้า แกเคยเดินๆแล้วหน้าทิ่มดินโดยไม่ทราบสาเหตุไหม”
“ไม่เคยคร้าบ..พี่จ้าง..แหม..พี่คนเก่ง..พี่นักเลง พี่พลเมืองดี พี่รูปหล่อ..พี่พระเอก..ในที่สุดนายก็เจอนางเอกตัวจริงเข้าแล้ว เสียอย่างเดียว..มีไม้กันหมาดุ้นใหญ่คอยกั๊ก”
ฟ้ากระจ่างทำหน้าสมเพชนิดๆ “หึๆ คนพวกนี้มันชอบดูถูกคนอื่น การกระทำแบบนี้กู๋เหลียงเรียกว่า..ยกตนข่มท่าน กู๋สอนไม่ให้พวกเราทำ..คนพวกนี้น่าสงสารมาก เพราะไม่มีใครสั่งสอน”
“อย่าไปยอมมัน อาจ้าง ตอนนี้ลื้อไม่ใช่คนธรรมดาแล้ว ลื้อคือคุณชาย..ทายาทนักธุรกิจใหญ่ เผลอๆ..ใหญ่กว่าคนพวกนั้นอีกนา..ลื้อจีบคุณเทเรซ่าแข่งกะมันเลย ชั้นว่า..สายตาคุณเทเรซ่าออกจะปลื้มลื้อซะ” หมีใหญ่เสริม
“อย่าไปบอกพวกศาลเจ้านะ ว่าอั๊วเจ็บตัว..ใครปากบอน..โดน” ฟ้ากระจ่างกำชับเพื่อนๆ
สมหมายเก็บอุปกรณ์ปฐมพยาบาลพลาง “ใครจะไปบอก เดี๋ยวพวกคนแก่พวกนั้นห่วงลื้อตาย”
ฟ้ากระจ่างสีหน้าอ่อนลงรู้สึกเป็นกังวล
“ไม่รู้พวกคนบ้าน..คุณนายดารากานต์..จะเป็นยังไง จะดีหรือร้าย”
“อย่างน้อย..คุณบัญชาเขาก็เป็นคนดีนะ เขาออกจะรักลื้อออก..เชื่อดิ ว่าลื้อต้องติดใจชีวิตใหม่ๆ..จนอาจจะไม่ยอมกลับบ้านเราไปเลยก็ได้” ปักเป้าว่า

ฟ้ากระจ่างอึ้ง แววตาหวาดหวั่น เพราะลึกๆ ภายในใจเป็นกังวลเอามากๆ

เช้าวันต่อมา ดวงยิหวาอยู่ที่บ้าน และอยู่ในชุดกางเกงขาสั้น เสื้อยืดตัดแขน กำลังพยายามโทร.หาฟ้ากระจ่าง แต่ก็ไม่สำเร็จ สีหน้าแววตาขัดเคืองใจ ในขณะที่บ่นออกมา

“อะไรของเค้านะ..ทำไมเหมือนโทรศัพท์ปิดเครื่องอยู่ตลอดเวลา แล้วโทร.มาเรื่องอะไรก็ไม่รู้ พี่จ้างนพี่จ้าง..”
จังหวะนั้นเด่นถือแก้วกาแฟดื่มเดินเข้ามาทันได้ยินเสียงบ่นของดวงยิหวา “อะไรนะ..ลูกว่าอะไรนะ”
“อ๋อ เปล่าค่ะพ่อ”
“อ้าว นึกว่าบ่นอะไรพ่อจ้างๆๆๆ พ่อควรจะจ้างใครหรือไง” เด่นแซวขึ้น
ดวงยิหวาหัวเราะ เขินๆ “ไม่ใช่ค่า..หนูพูดคนเดียว”
“เดี๋ยวเราไปจ่ายกับข้าวกันดีกว่า” เด่นบอกลูกสาว
“ค่ะ..งั้นเดี๋ยวหนูไปเปลี่ยนเสื้อ”
ดวงยิหวาพูดยังไม่ทันขาดคำ รถสปอร์ตของเกียรติบดินทร์แล่นมาจอดเอี๊ยด สองพ่อลูกหันไปดู แล้วมองสบตากัน ทั้งอึ้ง และแปลกใจ
เกียรติบดินทร์เดินลงมา เห็นนายเด่นก็ไหว้
“วันนี้วันหยุด..เราไปเที่ยวกันเถอะ ดวงยิหวา ผมขออนุญาตนะครับ..นายเด่น”
“เอ่อ..คุยกันเองก็แล้วกันครับ ตามสบายๆ” เด่นเดินเลี่ยงออกไป
“ไป...”
“ไปไหนคะ” ดวงยิหวางง
“ไปไหนก็ได้ ให้พ้นๆ ขี้เกียจอยู่บ้าน เบื่อ”
“คุณควรรีบจัดการเรื่องกลับไปเรียน จะได้มีอะไรทำ ไม่ใช่ว่างไปวันๆ มันจะทำให้คุณยิ่งฟุ้งซ่าน”
“ถ้าเธอไม่อยากให้ชั้นว่าง..ก็สอนงานให้ชั้นสิ ดวงยิหวา..มาสอนชั้น..ให้รู้งานเท่าๆ กับเธอก็ยังดี..พ่อจะได้เห็น..ว่าชั้นรู้งาน เป็นงานไม่แพ้คนอื่น”
ดวงยิหวาถอนหายใจ
“ทำไมคุณดื้อดึงนักนะ คุณดิน ถ้าคุณอยากให้นายหัวสบายใจ หมดห่วง..คุณก็แค่ทำตามที่ท่านต้องการ..อยากให้พ่อแม่รัก..ทำได้ง่ายนิดเดียวเองนะคะ”
เกียรติบดินทร์เริ่มหงุดหงิด เดินปังๆ เข้าไปในบ้านดวงยิหวา แล้วนั่งลงที่โต๊ะอาหาร หยิบขนมที่เป็นอาหารเช้าบ้านๆ บนโต๊ะ ขนมครกจิ้มน้ำตาล มากินแบบไม่สนอะไร
ดวงยิหวาตามมา ทำหน้าขำปนหนักใจ

ในเวลาเดียวกัน ทรายทองเข็นรถบัญชาออกมาชมสวนในบ้าน ดารากานต์ตามมา แต่ยังคงหมกมุ่นกับการโทรศัพท์หาลูกชาย
“จ้างต้องมีปัญหาอะไรแน่ๆ ทำไมไม่เปิดโทรศัพท์ซะที..ที่ศาลเจ้าอาจจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” ดารากานต์ เมื่อติดต่อไม่ได้
“อย่าวุ่นวายนักเลย ดารากานต์..ถ้ามีปัญหาอะไร ทางศาลเจ้าเค้าต้องรีบติดต่อมาเองล่ะ คนพวกนั้น..น่าจะตื่นเต้น..ที่เด็กจ้างจะได้มาอยู่กับเธอ..พอๆกับที่เธอตื่นเต้นอยู่เนี่ย” บัญชาเอ่ยขึ้น
“มันน่าจะมีอะไรนะคะ ไม่งั้น..เค้าก็ต้องโทมาถามฉันบ้างสิ ว่าจ้างมาถึงรึยัง เป็นยังไงบ้าง..ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม”
ทันใดนั้น รถมูลนิธิแล่นมาจอดหน้าประตูรั้วบ้าน ทุกคนชะโงกหน้าไปดู
“ใครมาคะนั่น” ทรายทองถาม
“รถอะไรแปลกๆ ยังกะพวกเก็บศพ” น้อมบอก แล้วรีบเอามือปิดปากตัวเอง
“พูดจาอะไร..นายน้อม”
ยามหน้าประตูวิ่งเข้ามาพอดี พร้อมกับเอ่ยขึ้น
“มีพวกมูลนิธิกู้ชีพมาพบคุณนายครับ”
“จะมาเรี่ยไรให้ทำบุญอะไรอีกล่ะสิ ไปบอกเค้าไป..ว่าบ้านนี้ทำบุญมากมายอยู่แล้ว” บุรีแขวะใครบางคน
“เอ้อ..ไม่ใช่ครับ..คือ...” ยามอึกอัก
“รถมูลนิธิเปาเก๊งเต๊งใช่ไหม” น้ำเสียงบัญชาตื่นเต้น
ดารากานต์นึกได้รู้สึกดีใจ “จริงด้วย..หรือว่า...”
“ทำไม..มีอะไร..เกี่ยวกะไอ้พวกมูลนิธิพวกนี้เหรอ” บุรีถาม
ดารากานต์ไม่รีรออะไร รีบวิ่งถลาแซงหน้ายาม ตรงไปที่ประตู ในอาการตื่นเต้นสุดๆ

ดารากานต์วิ่งมาเปิดประตูใหญ่ออกมา พอดีกับที่รถมูลนิธิขับออกไป เหลือแต่ฟ้ากระจ่างที่กำลังยกพวกกระเป๋า เป้ ถุงอะไรพะรุงพะรังขึ้นมาสะพาย หิ้ว หอบ ยามวิ่งตามมา
ดารากานต์มองฟ้ากระจ่างอย่างดีใจ ทั้งตื้นตัน และตื่นเต้น “จ้าง...”
ฟ้ากระจ่างหันมาพอเห็นดารากานต์ จึงต้องวางของในมือลงใหม่ แล้วไหว้ก้มหัวอย่างนอบน้อมสวยงาม
“คุณนายครับ”
ดารากานต์อยากจะวิ่งเข้าไปกอด แต่ก็ต้องชะงัก เพราะสรรพนามในการทักทายของฟ้ากระจ่าง
“จ้าง..ทำไมเพิ่งมาถึง..แม่เป็นห่วงมาก..รู้ไหม แม่โทหาลูกเท่าไหร่ๆ ก็ติดต่อไม่ได้”
“อ๋อ” ฟ้ากระจ่างก้มเอาของมาถือต่อ “พอดี..โทรศัพท์เสียน่ะครับ”
ดารากานต์มองแผลที่มีผ้าก็อสปิดตรงหน้าผาก “นั่น..ศีรษะจ้าง..ไปโดนอะไรมา”
ฟ้ากระจ่างคลำแผล พูดยิ้มๆ “อ่อ..ไม่มีอะไรครับ ผมไปเล่นน้ำทะเล แล้วโดดไปโดนหิน...”
ฟ้ากระจ่างมองที่แม่ ด้วยสีหน้าห่วงใย และปรารถนาดี
จังหวะนั้นบัญชานั่งในรถเข็น โดยมีทรายทองกำลังเข็นใกล้เข้ามา ฟ้ากระจ่างหันไปเห็น
“คุณบัญชา...” ฟ้ากระจ่างรีบเข้าไปหา ไหว้แล้วทรุดตัวลงใกล้ๆ อย่างคนที่คุ้นเคยชอบพอกันดี “คุณนายบอกว่า..ท่าน...ไม่สบายมาก พวกที่ศาลเจ้าทุกคนตกใจกันมากครับ ทุกคนฝากให้ผมมาบอกคุณว่า..พวกเราห่วงท่านมาก แล้วหวังจะให้ท่านหายเป็นปกติให้เร็วที่สุด”
ทรายทองมองฟ้ากระจ่างอย่างตื่นตา แต่บุรีกลับมองด้วยสายตา ระแวง และหมั่นไส้
บัญชามองหน้าฟ้ากระจ่าง เกลียดสุดขีด แต่ฝืนปั้นหน้ายิ้ม ทำเป็นดีใจ
“งั้นหรือ..บอกทุกคน ว่าฉันขอบคุณมาก”
ฟ้ากระจ่างก้มลง กุลีกุจอล้วงกระเป๋าสตางค์ใบเยินๆ ออกมา ทุกคนมองอย่าง งงๆ
ฟ้ากระจ่างเปิดช่องที่เก็บของสำคัญที่สุด ล้วงหยิบหยกรูปเจ้าแม่กวนอิมเล็กๆ ที่ห้อยด้วยไหมสีแดง สำหรับพกติดตัวออกมา
“อาจารย์ตงฝากมาให้ท่านครับผม..ปลุกเสกเรียบร้อยแล้วครับ เจ้าแม่มีปาฏิหาริย์มากนะครับ แต่ว่า..เราก็ต้องเชื่อในปาฏิหาริย์ด้วย คือ..ถ้าท่านสมัครใจ ปวารณาตัวเป็นศิษย์เจ้าแม่ แล้วเลิกกินเนื้อวัว..ด้วย..ความเป็นไปได้ก็จะมากขึ้น” ฟ้ากระจ่างเงยหน้าขึ้น เห็นทุกคนมองมา ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ยิ้มให้ทุกคนอย่างเป็นมิตร แล้วไหว้คนที่ดูเป็นผู้ใหญ่ทุกคนพร้อมกับแนะนำตัว
“สวัสดีครับ..ผมชื่อฟ้ากระจ่างครับ..เรียกว่าอาจ้างก็ได้ครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”
ทุกคนอึ้งไปหมด กับบุคลิกท่าทีที่ไม่คาดว่าฟ้ากระจ่างจะเป็นคนนอบน้อมแบบนี้
บัวกับน้อมยืนมองอยู่ด้านหลัง ฟ้ากระจ่างเห็นบัว ก็ยิ้มอย่างดีใจ รีบเดินเข้าไปหา พลางล้วงถุงออกมาจากกระเป๋าเป้
“คุณป้าครับ..ผมมีของฝากจากที่ศาลเจ้าด้วยครับ ปาป๊าผมทำขนมบะจ่าง...ฝากมาให้ทุกคน..เมื่อเช้าผมอุ่นมาแล้ว ถ้าจะรับประทานเลยก็ได้นะครับ หรือไม่ก็แช่ตู้เย็นไว้ ปาป๊าผมทำสูตรพิเศษ เก็บได้นานหลายวัน แช่ตู้เย็นแล้วข้าวเหนียวก็ยังนุ่มหอมตลอดๆ ครับ”
บัวอึ้ง ยิ้มทำหน้าปุเลี่ยนๆ แบ่งรับแบ่งสู้ น้อมมอง ด้วยสีหน้าแปลกใจเป็นที่สุด
บัญชาลูบคลำหยกกวนอิมในมือ ด้วยจิตใจวุ่นวายสับสน ในขณะที่ดารากานต์เป็นปลื้ม น้ำตาคลอ ยิ้มหน้าบานอย่างภาคภูมิใจ

ส่วนเกียรติบดินทร์ซึ่งอยู่ที่บ้านดวงยิหวา เดินมาเปิดอ่านข้อมูลต่างๆ ในคอมพ์ฯของดวงยิหวา
“คุณดิน..มันไม่เวิร์คหรอกค่ะ คุณจะมาเรียนงานจากการอ่านเอกสารของบริษัทได้ยังไง” ดวงยิหวาว่า
“เธอก็อธิบายชั้นมาทีละขั้นตอนสิ ตามลำดับ 1-2-3-4-5” เกียรติบดินทร์บอก
“ก็แฟ้มนี้ล่ะค่ะ คือลำดับที่ 1 แต่คุณไม่มีทางเข้าใจหรอก”
“อย่ามาดูถูกชั้นนะ ดวงยิหวา ก็นายหัวยังคิดจะเอาไอ้บื้อที่ไหนมาเป็นผู้บริหารงานแทนในไม่กี่วัน มันก็คงต้องมาเรียนงานแบบเร่งรัดอย่างนี้เหมือนกัน ก็ให้มันมาชนกะชั้นกันตัว-ตัวไปเลย ว่าใครจะแน่กว่าใคร”
“คุณดิน..ดวงว่า..นายหัวเอาคนอื่นมาทำงานในตำแหน่งนี้ ก็เพราะหวังดีกะคุณต่างหาก”
“แล้วนายหัวเคยถามชั้นซักคำไหม ว่าชั้นอยากทำอะไร อยากเป็นอะไร”
ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์เกียรติบดินทร์ดังขึ้น เกียรติบดินทร์หยิบมาดู ทำหน้าแปลกใจ
“นายหญิง...” เกียรติบดินทร์ รู้สึกเสียวๆ “โทร.มาทำไม หวังว่าคงไม่มีเรื่องอะไรร้ายแรงนะ” รีบกดรับสาย “ครับแม่”
“ดิน..ดินอยู่ที่ไหนลูก” ดารากานต์โทร.มาจากที่บ้าน
“ก็..แถวๆ นี้ละครับ มีอะไรหรือครับ”
“กลับมาที่บ้านแป๊บนึงสิจ๊ะ มาทานข้าวกลางวันกันดีไหม วันนี้ จะได้พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัวยังไงจ๊ะลูก” ดารากานต์ พูดด้วยน้ำเสียงยินดีเป็นอย่างมาก
“พร้อมหน้าพร้อมตา..ทั้งครอบครัว..ยังไงหรือครับ” เกียรติบดินทร์งง
“พี่ชายของดินมาถึงแล้วลูก..มารู้จักกันหน่อยนะจ๊ะ” ดารากานต์เสียงระรื่น
พอได้ยิน เกียรติบดินทร์กดวางสายทันที ดารากานต์ผงะ
เกียรติบดินทร์เดินวุ่นวายไปมา หงุดหงิดจี๊ดในใจสุดๆ ดวงยิหวามองอย่างแปลกใจ
“มีอะไรคะ..นายหัวไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม”
เกียรติบดินทร์พยายามระงับอารมณ์ หันมาฝืนแค่นยิ้ม “นายหัวสบายดี...” เดินวนไปมาอีกครู่หนึ่ง แล้วอยู่ๆ ก็เดินไป ปิดคอมพ์ฯ “พอดีกว่า ไม่มีอารมณ์แล้ว เราไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันดีกว่า”
“ดวงมีธุระกะพ่อแล้ว” ดวงยิหวาบอก
“งั้นเหรอ..นายเด่นครับ นายเด่น” เกียรติบดินทร์เรียกเสียงดัง
เด่นโผล่มา “ว่าไงครับคุณดิน”
“นายเด่นกับดวง..มีธุระอะไร ถ้าไม่รังเกียจ..ขอผมไปด้วยคนได้ไหมครับ...” เกียรติบดินทร์ทำหน้าร้าวรานใจ “นึกว่าสงสารผมเถอะ..ผมไม่มีที่ไปอีกแล้วจริงๆ”
สองพ่อลูกเจอมุกนี้ ถึงกับใบ้กิน มองหน้ากันไปมา

เหตุการณ์ที่บ้านบัญชา บุรีเข็นรถบัญชานำเข้ามาในบ้าน แล้วหันมาพยักให้ฟ้ากระจ่างเดินตามเข้ามาในห้องทำงานบัญชา
ฟ้ากระจ่างมองไปรอบๆ ห้องด้วยความตื่นตาตื่นใจ มองทุกอย่างในห้องอย่างสังเกต
“ปิดประตูด้วย” บัญชาสั่ง
ฟ้ากระจ่างหันไป เห็นทรายทองตามมามองอยู่ที่หน้าห้อง ในอาการอยากรู้อยากเห็น ฟ้ากระจ่างยิ้มให้ ทรายทองสะดุ้ง รีบยิ้มตอบเขินๆ
“ปิดประตูด้วย..จ้าง!” บัญชาสำทับ
“ครับผม”
ฟ้ากระจ่างมองจ้องหน้าทรายทอง เป็นทำนองว่าขอโทษทีนะ ก่อนจะปิดลง ทรายทองทำหน้าผิดหวัง
“มานั่งนี่สิ” บัญชาเรียก
“เชิญ” บุรีเอ่ยขึ้น
“ครับผม” ฟ้ากระจ่างเดินอย่างสำรวม มานั่งตรงข้ามบัญชา
บัญชามองบุรี “อ้อ..บุรี..เธอก็ออกไปรอข้างนอกก่อนนะ”
บุรีผงะ ไม่เชื่อหู “อะไรนะครับ”
“พี่อยากจะคุยกับจ้าง..ตามลำพัง..ตามประสา..พ่อ-ลูก” บัญชาบอก
บุรีขยับจะอ้าปากค้าน แต่บัญชามองมาด้วยแววตาแข็งกร้าว
“ขอโทษ..ครับ” บุรีอารมณ์เสีย เดินออกไปแล้วปิดประตู
บัญชา กับ ฟ้ากระจ่าง เผชิญหน้ากัน ฟ้ากระจ่างท่าทางสำรวม เจียมตัว แต่จริงจัง
บัญชา มองอย่างตรวจตรา เหมือนจะประเมินความสามารถของฟ้ากระจ่าง

ออกมาจากห้อง บุรีลากแขนทรายทองมาที่มุมหนึ่ง
“นายหัวหลงไว้วางใจไอ้เด็กนั่นได้ไง รู้จักกับมันดีขนาดไหนกันเชียว”
“เค้าเป็นลูกนายหญิง..ไม่ใช่เหรอคะ”
“ถุย..แบบนี้ก็ยิ่งน่ารังเกียจ น่าขยะแขยงเข้าไปใหญ่ ถ้ามันเป็นเรื่องจริง นายหญิงก็ควรจะโดนเฉดหัวไปให้พ้นๆแล้วสิ..พ่อรู้จักพี่ชายตัวเองดี..แต่นี่..มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ” บุรีไม่เชื่อใจสิ่งที่พี่ชายทำว่า ไม่มีอะไรแอบแฝง
“ยังไงคะ” ทรายทองสงสัย
“มันต้องไม่ใช่เรื่องจริง”
“แต่ทรายว่าใช่” น้ำเสียงทรายทองจริงจัง
“งั้นแกก็ประกบมันให้ติด สืบความจริงทั้งหมดมาให้ได้ ว่ามันเป็นใคร เป็นมือดีมาจากที่ไหน หรือมันเอายาดีอะไรให้นายหัวกินจนหลงใหลได้ปลื้มขนาดนี้..ไอ้นี่มันไม่ธรรมดาแน่ๆ ท่าทางมันเล่นละครเก่ง ขี้ประจบ โกหกตอแหลไม่ใช่เล่นๆ”
ทรายทองมองพ่ออย่างเอือมระอา ไม่เชื่อถือ แต่ขี้เกียจเถียง

บัญชายังคงมองหน้าฟ้ากระจ่าง อย่างเพ่งพินิจ
“เธอกับพ่อเธอ..มีอะไรคล้ายๆ กันไม่น้อย”
ฟ้ากระจ่างตกใจ เพิ่งได้ยืนเรื่องพ่อ “คุณบัญชา..เอ้อ..นายหัว..รู้จักพ่อผมด้วยหรือครับ”
บัญชายิ้มอ่อนโยน ราวกับพ่อพระสุดประเสริฐ “ฉัน..กับแม่เธอ..เราไว้วางใจกันทุกอย่าง ไม่มีอะไรเป็นความลับต่อกัน ที่จริง..ฉันบอกให้เขาไปรับเธอมาตั้งแต่เธอยังเล็กๆ แล้วนะ แต่แม่เธอเค้าไม่กล้าเอง”
“ทำไม..ถึงไม่กล้าล่ะครับ” ฟ้ากระจ่างสงสัย
“เค้ากลัว..ว่าชั้นจะเสียหน้า กลัวว่า..ตัวเองจะเสียชื่อเสียง กลัวว่าครอบครัวจะมัวหมองน่ะสิ แต่เธอก็ควรจะเห็นใจเค้านะ เพราะเราอยู่ในจังหวัดเล็กๆ แล้วเรื่องแบบนี้..มันก็เป็นเรื่องที่ชาวบ้านชอบนัก”
บัญชาเริ่มให้ข้อมูลเท็จกับฟ้ากระจ่าง
“แล้วตอนนี้..นายหญิง..เค้าไม่กลัวแล้วหรือครับ”
“อาจเป็นเพราะ..สภาพของชั้นมันน่าสมเพช..จนแม่เธอเค้าอาจจะเห็นว่า..เวลานี้ชาวบ้านอาจจะกำลังสงสารชั้นเหลือเกิน..จนขี้เกียจจะนินทาแล้วก็ได้ เค้าถึงยอม..ทำตามที่ฉันบอกเสียที” บัญชาหัวเราะเหมือนทีเล่นทีจริง
“ที่จริง..ผมจะว่าท่านผมทอดทิ้งผมโดยสิ้นเชิงไปเลยก็ไม่ได้ เพราะที่ผมโตขึ้นมา เรียนจนจบมาได้นี่..ทั้งหมด ก็เพราะทุนทรัพย์ของท่านกับคุณนายแท้ๆเลยครับ ผมต้องขอบพระคุณมากครับ..ที่ท่านกับคุณนาย..อุปถัมภ์ผมมาโดยตลอด”
“ไม่เป็นไรๆ ไม่ต้องขอบคุณ..เราก็แค่..ทำหน้าที่ของเรา แล้วเราก็ทำได้ไม่สมบูรณ์นักหรอกนะ ที่จริง..เธอควรจะมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้มากนัก”
“ผมมีความเป็นอยู่ที่ดีมากๆ แล้วนะครับ..ท่านก็ไปเห็นมาแล้วไม่ใช่หรือครับ ว่าพ่อแม่..แล้วก็ทุกคนที่ศาลเจ้า..ดีกับผมมาก”
“ยังไงๆ มันก็ไม่ยุติธรรมเลย..ที่เธอต้องโตมาแบบนั้น หากจะเทียบกับ...เกียรติบดินทร์ ลูกของเรา...”
ฟ้ากระจ่างพูดสวนออกมาเสียงสุภาพ “อย่าเทียบผมกับลูกของท่านเลยครับ เราคงเปรียบกันไม่ได้..เพราะพ่อผม..เอ้อ..คุณนายบอกว่า..ท่านแต่งงานไปกับคนอื่น”
“ใช่..เค้าก็มีครอบครัวของเค้า เค้าไม่รับรู้เรื่องเธอด้วยซ้ำ”
“ดีแล้วล่ะครับ..เพราะ..ครอบครัวของคุณพ่อท่าน..ถ้าพวกเค้าทราบเรื่องผม..อาจจะทำให้ครอบครัวต้องมีปัญหาก็ได้ครับ”
บัญชาฟังแล้วอึ้งไป และทึ่งจริงๆ ว่าทำไมฟ้ากระจ่างช่างเป็นคนดีเหลือเชื่อ

ดวงยิหวาอยู่ในห้างโลตัส และกำลังหยิบข้าวของพวกกาแฟ และชา ชะงัก
“นั่นคุณทำอะไรน่ะ”
เกียรติบดินทร์หยิบพวกขนมล้วนๆ ทั้งช็อกโกแลตต่างๆ เต็มไปหมด มันฝรั่งทอดเป็นโหลๆๆ
“อ้าว..นี่ไม่ใช่ของคุณ ของผม”
“คุณกินแต่ของพวกนี้เนี่ยนะ”
“นี่มันเสบียง ผมว่าจะ..ไปค้างที่อื่นซักระยะนึง” เกียรติบดินทร์บอก
“แปลว่าอะไร คุณจะไปไหนงั้นเหรอ”
“ดวงห่วงผมเหรอ...” เกียรติบดินทร์ยิ้มกริ่ม
ดวงยิหวาถอนหายใจ ในที่สุดก็ตัดสินใจถาม “คุณดิน..ชั้นอยากให้คุณกับพ่อแม่เข้าใจกัน บอกมาซิ คุณมีปัญหาอะไรอีก..เมื่อกี๊..นายหญิงบอกอะไรคุณ”
“ไม่มี..ไม่ได้บอกอะไร” เกียรติบดินทร์เมินหน้าไม่ยอมสบตา “หรือผมจะไปเที่ยวกรุงเทพฯ สักพัก ไปหาพวกเพื่อนๆ ทีมบาสเก่า..ดวงว่าดีไหม”
“คุณดิน..ถ้าคุณอยากให้คนเห็นว่าคุณเป็นผู้ใหญ่..คุณก็ต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่ก่อน”
เกียรติบดินทร์หันมา เผชิญหน้า ท่าทีจริงจัง “เช่น..ยังไงล่ะ ว่ามา”
“เช่น..เผชิญกับทุกปัญหา ด้วยความมีวุฒิภาวะมากกว่านี้” ดวงยิหวาเอ่ยขึ้นน้ำเสียงซีเรียส
“ถ้าอย่างนั้น..ต่อไปนี้ ดวงต้องเป็นที่ปรึกษาให้ผม คอยช่วยผมให้เอาชนะพี่ชายกำมะลอบ้าบออะไรนั่นให้ได้ ดวงจะทำได้ไหม” เกียรติบดินทร์อ้อน
“คุณดิน..ดวงจะไปรู้อะไรคะ”
“ดวงไม่ต้องรู้อะไรมากหรอก..แต่เป็นกำลังใจให้ผม อยู่ข้างผม คอยบอก..ว่าตอนไหนผมควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไร..แค่นี้เอง..นะ..นะๆๆ” สีหน้าเกียรติบดินทร์อ้อนหนักกว่าเมื่อครู่
ดวงยิหวามองอย่างอ่อนอกอ่อนใจ

ทางด้านบัญชายังจ้องหน้าพิจารณาฟ้ากระจ่าง เหมือนวัดความจริงใจ ฟ้ากระจ่างมองตอบตาแป๋วใสซื่อ จริงจัง
“เธอนี่..เป็นคนเข้าใจอะไรง่ายดีนะ” บัญชาออกปากชม
ฟ้ากระจ่างยิ้มรับ “ขอบคุณครับ”
“ชั้นรู้อยู่แล้ว..ว่าเธอเป็นคนแบบนี้ ฉันถึงกล้าให้เธอมาทำงาน..ในหน้าที่เจ้านายคนใหม่ของบริษัทเรา..แทนชั้นยังไงล่ะ ความขัดแย้งกับคู่แข่งทางธุรกิจของฉัน..มันรุนแรงมาก..ฉันต้องการคนที่มีความประนีประนอมสูงอย่างเธอ..มาแก้ปัญหา ขืนใช้คนอย่างบุรี หรือเกียรติบดินทร์ ก็คงจะมีแต่ความรุนแรง ที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ..เธอคิดว่า..จะช่วยฉันได้..ใช่ไหม”
“ผมจะพยายามครับ..ท่านคงต้องสอนผมหนักมาก..เพราะผม..ยังไม่ทราบเลย ว่าต้องทำอะไรบ้าง”
บัญชา “ดี..งั้นเธอจำกฎข้อแรกไว้...ว่า..เรื่องทุกเรื่องที่เราพูดกันวันนี้ ไม่ต้องออกไปพูดต่อ โดยเฉพาะ กับแม่เธอ..อย่าบอกเขาเด็ดขาด” บัญชาตั้งข้อแม้ เพื่อป้องกันแผนของตัวเอง
“ครับผม”
“รวมทั้ง..เรื่องงาน บริษัทคู่แข่ง ใครเป็นใคร ชื่ออะไร อะไร ยังไง ไม่ต้องเล่าให้แม่เธอฟังทั้งสิ้น เพราะ..หากเค้ารู้ปัญหาเรื่องงานของฉันมากไปกว่านี้...เขาอาจจะเสียขวัญ หรือประสาทเสียไปเลย”
“ครับผม”
บัญชายิ้มออกมา มองจ้องหน้าฟ้ากระจ่าง
“เธอจะไม่ถาม..ถึงพ่อที่แท้จริงของเธอ..ซักคำเลยหรือ”
ฟ้ากระจ่างทำหน้าเสงี่ยม พอใจแล้ว “ไม่เป็นไรครับ..ผมคิดว่า..เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย..ผมไม่ทราบเลยจะดีกว่า..ไหนๆ..ผมกับท่านก็คงไม่มีอะไรจะไปเดียวข้องกันอีกแล้ว..จริงไหมครับ”
บัญชามองอย่างฉงน ในความง่าย อะไรยังไงก็ได้ไปทุกเรื่องของฟ้ากระจ่าง คิดในใจว่าเด็กคนนี้มันดีเกินจริงไปหรือเปล่า?

ดารากานต์เดินเข้ามาเปิดม่าน ให้ความสว่างสาดเข้ามาเต็มห้อง เป็นห้องเก่าของบัญชาก่อนจะประสบเหตุการณ์ร้าย ทรายทองตามเข้ามา
ดารากานต์หันมา เอ่ยขึ้น “ทราย..ดูสิ ป้าเปลี่ยนพวกผ้าปู ผ้าคลุมให้มันดูวัยรุ่นขึ้น ไม่เรียบร้อยดูเป็นผู้ใหญ่เกินไปแบบตอนที่นายหัวนอน แล้วก็ติดรูปเขียนนี้” ชี้ที่รูปถ่ายแนวเท่ๆ แมนๆ “ทรายว่า..ห้องนี้ดูสบายๆ น่าอยู่ขึ้นไหม”
“ค่ะ..ดูเบาๆขึ้นมากค่ะ นายหญิงจะให้ทรายช่วยอะไรไหมคะ เดี๋ยวทรายไปดูในห้องน้ำให้นะคะ ว่าพวกผ้าเช็ดตัว ผืนเล็ก ผืนใหญ่ ผ้าคลุม อะไรต่ออะไร สบู่ แปรงสีฟัน แชมพู พร้อมหรือเปล่า”
น้อมเดินถือพวกกระเป๋า เป้ของฟ้ากระจ่างเข้ามาวาง ได้ยินพอดี
“คุณทรายอย่าลำบากเลยครับ ทั้งหมดเป็นหน้าที่ของผม และผมก็จัดการเรียบร้อยแล้ว”
“งั้นเหรอ..นายน้อม..นายน้อมต้องรู้นะ ว่าคุณฟ้ากระจ่างเค้าจะมาเป็นคุณชายคนโตของบ้านนี้” ทรายทองพูดสำทับ “นายน้อมจะมาใช้ของที่ไม่ได้มาตรฐานไม่ได้นะ ของคุณดินใช้ยังไง ของคุณจ้าง..ก็ต้องใช้เหมือนกัน”
“ครับผม...” น้อมแอบบ่นพึมพำอย่างดูแคลน “แต่จะใช้เป็นหรือเปล่า นั่นอีกเรื่องนึง”
“นายน้อม..ว่าอะไรนะ” ดารากานต์ได้ยินพอดี
“เปล่าครับ” น้อมจ๋อยไป
ดารากานต์ยิ้ม อย่างอารมณ์ดี
“ที่นายน้อมว่า..ก็มีเหตุผล..เพราะจ้างเขาอาจจะใช้ของใช้พวกนี้ไม่เป็นจริงๆ เพราะฉะนั้น ฉันขอนะจ๊ะ..ขอร้องให้นายน้อมช่วยลูกชายคนโตของฉันด้วย ขอให้สงสารเมตตาเค้า เพราะที่เค้าต้องไปตกระกำลำบาก ก็เพราะความผิดของชั้นคนเดียว มีอะไรก็บอก ก็สอนเค้า จ้างเค้าเป็นคนว่านอนสอนง่าย นายน้อมคงไม่เหนื่อยมากหรอกจ้ะ”
“ได้ครับๆ” น้อมยิ่งหน้าซีดหนักกว่าเก่า
ทรายทองแอบมอง ขำๆ เยาะๆ สมน้ำหน้าน้อม

บัวเดินนำฟ้ากระจ่างขึ้นมาข้างบน มาหยุดที่หน้าห้อง “เชิญค่ะ คุณจ้าง..ทางนี้..นั่น..ห้องของคุณ”
ทรายทองปรี่ออกมายืนรับ ยิ้มประจบ “มาค่ะ พี่จ้าง..ทรายจะพาพี่ไปชมห้องนอนของพี่เอง”
ดารากานต์ กระแอม “ทรายจ๊ะ ให้พี่เค้าไปชมกับนายน้อมจะดีกว่าไหม ทรายลงไปเตรียมอาหารกลางวันกับป้าดีกว่า ให้พี่เค้าอาบน้ำอาบท่า พักผ่อนให้สบายก่อน”
ฟ้ากระจ่างมายืนหยุด มองรอบตัว อยู่ในอาการงงๆ “ไหนครับ..ห้องผม”
“นั่นไงจ๊ะ” ดารากานต์ชี้ชวนให้ดู
ฟ้ากระจ่าง ผงะ อึ้ง “หือ..อะไรนะครับ..ห้อง..ตรงกลางนั่นน่ะเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ ดีไม่พอหรือคะ คุณจ้าง นั่นห้องนายหัวเชียวนะคะคุณ” บัวแอบกัด
ฟ้ากระจ่างทำท่าเหมือนจะถอย “จะดีหรือครับ..คุณนาย”
ดารากานต์พูดสวนออกมา
“จ้าง..แม่ขอร้อง..เลิกเรียกแม่ว่าคุณนายซะที..แม่นึกว่า..จ้างจะ..ยอมรับแม่แล้วเสียอีก.. แต่แล้ว จ้างก็..ยังมองแม่เป็นคนอื่นอยู่ดี”
ทุกคน มองลุ้นๆ
“คือ..ผม..ผมไม่อยากลามปาม ขอผมไปอยู่ห้องข้างล่าง..อยู่ห้องหลังบ้าน ที่ไหนก็ได้ คือผม..ผมไม่สะดวกจริงๆ ที่จะ..อยู่แบบนี้ครับ คุณนาย!!” ฟ้ากระจ่างพูดเสียงจริงจัง
“จ้าง!! ยังไม่หยุดเรียกแม่แบบนั้นอีก!! ในเมื่อจ้างตัดสินใจมา ก็แปลว่าจ้างยอมรับแล้ว ว่าจ้างคือลูกชายแม่ ไม่งั้นจ้างจะมาทำไม จ้างทำแบบนี้ แม่เสียใจมาก รู้ไหม”
พูดจบดารากานต์ร้องไห้ออกมา ทุกคนตกตะลึง บรรยากาศเงียบกริบ
“คุณนายครับ..คือ..ผมขอโทษๆ” ฟ้ากระจ่างเดินเข้ามา ทำตัวไม่ถูกรีบไหว้ขอโทษตามนิสัย “คือ..ผมไม่ตั้งใจจะทำให้คุณนายเสียใจ แต่ผม..ผม…”
“แค่เรียกแม่ว่าแม่..แค่นี้จ้างทำไม่ได้เหรอ มันลำบากใจอะไรขนาดนั้นเลยเหรอ ที่แท้ จ้างก็ไม่ให้อภัยแม่ จ้างอยากจะลงโทษแม่ใช่ไหม บอกมาสิ แม่ต้องทำยังไงเหรอ แม่ต้องทำยังไง จ้างถึงจะหายโกรธแม่ บอกมาสิ บอกมา แม่ยินดีที่จะทำตามลูกทุกอย่าง” ดารากานต์ระเบิดอารมณ์ใส่ลูกชายอีก
น้อมอยู่ในห้อง ได้ยินเสียงเอ็ดตะโร ก็ตกใจ โผล่ออกมาดูด้วยท่าทีอกสั่นขวัญหาย
“คุณนายครับ”
บัวไม่พอใจ พูดออกมาอย่างเจ็บแค้นแทนดารากานต์
“...แค่เรียกคุณนายว่าแม่ แค่เนี้ย มันจะตายเลยเหรอ หา..คุณจ้าง! เด็กอกตัญญู..ทำให้พ่อแม่น้ำตาตก ตายไปต้องตกนรก”
“อย่าไปว่าจ้างเค้าเลย..ป้าบัว..จ้างไม่ผิด ชั้นเองที่ผิด” ดารากานต์ปราม
ฟ้ากระจ่างยืนบื้อ แต่จะให้เรียกว่าแม่ออกมาตรงนั้น ก็ทำไม่ได้ ในที่สุด ทรุดนั่งลงพนมมือ
“ผมขอโทษๆ..ผม..ผม..”
เป็นจังหวะเดียวกับที่ เกียรติบดินทร์เดินขึ้นมาแบบชิลล์ๆ มองภาพตรงหน้า เหมือนว่ากำลังดูละครน้ำเน่า พูดแดกดันไปทั่วทุกตัวคน
“ลำบากนัก..ก็อย่าพูดเลย คำว่าแม่น่ะ เรียกแบบคนบ้านนี้เค้าเรียกกันก็ได้ นายหัว กับนายหญิง”
ทุกคนหันไปมองตามเสียง ฟ้ากระจ่างหันไปเห็นเกียรติบดินทร์ ชะงัก รู้สึกเหมือนเคยเห็นมาก่อน แต่ไม่แน่ใจ
เกียรติบดินทร์พอเห็นฟ้ากระจ่าง ก็ผงะไปเช่นกัน ถอดแว่นดำออกมอง ไม่แน่ใจเช่นกัน
ทั้งสองต่างมองจ้องกันไปมา ในขณะที่ฟ้ากระจ่างยังนั่งอยู่ ดารากานต์รีบเข้ามาประคองให้ลุกยืนขึ้น แนะนำให้ลูกชายต่างพ่อให้รู้จักกัน อย่างเป็นทางการ
“จ้าง..นี่..น้องดิน ดิน..นี่..พี่จ้าง พี่ชายของลูก..ลูกชายคนโตของแม่”
“ถ้าเค้าไม่นับแม่เป็นแม่ จะมานับผมเป็นน้องได้ยังไง” เกียรติบดินทร์มองเท้าจรดหัว “นั่น..หัวไปโดนอะไรมาล่ะ”
ฟ้ากระจ่างมองหน้าเกียรติบดินทร์อย่างพินิจ รู้สึกสงสัยตะหงิดๆ “โดนหิน..ผม..เล่นน้ำทะเลมา” เลยตัดสินใจบอกไปแบบนั้น
“น้องดิน ไหว้พี่เข้าสิลูก” ดารากานต์เอ่ยขึ้น
“ไม่!” เกียรติบดินทร์จ้องหน้าฟ้ากระจ่างอย่างหยามเหยียด “ผมไม่มีพี่..ผมเป็นลูกคนเดียว”
เกียรติบดินทร์มองฟ้ากระจ่างอย่างดูแคลนอีกครั้ง แล้วหันหน้าเดินเชิดเข้าห้องตัวเองไป พร้อมกับปิดประตูดังโครม
“น้องดิน..น้องดิน..ทำไมพูดกะพี่เค้าแบบนั้น น้องดิน น้องดิน ออกมาขอโทษพี่เค้าเดี๋ยวนี้นะ น้องดิน!!”
ดารากานต์พูดพร้อมกับถลันจะไปเคาะห้อง ฟ้ากระจ่างเข้าไปขวาง จับแขนรั้งไว้
“ช่างน้องเค้าเถอะครับ แม่!”
ทุกคนชะงัก กับสรรพนามที่ฟ้ากระจ่างเรียกดารากานต์ว่า “แม่” เต็มปาก ต่างมองตาค้าง ตะลึงกันไปหมด ดารากานต์นิ่งงัน มองฟ้ากระจ่างเขม็ง ทว่าฟ้ากระจ่างเหมือนไม่ใส่ใจ พูดไปโดยไม่รู้สึกตัว
“ห้องผมห้องนี้ใช่ไหม ได้ครับ..ผมอยู่ได้..ให้ผมอยู่ที่ไหน ยังไง ผมก็อยู่ได้หมดล่ะครับ ทุกคน..ไม่ต้องห่วงนะครับ..ผมขอโทษนะครับ ที่ทำให้วุ่นวายกัน”
ว่าพลางไหว้ทุกคน และค้อมหัวให้ทรายทอง
“งั้น..เชิญครับ..เชิญ” น้อมเดินนำไป

ฟ้ากระจ่างหันกลับมาค้อมหัวให้ทุกคนอีกครั้ง แล้วเดินตามน้อมไป ดารากานต์น้ำตาไหล ด้วยความตื้นตัน บัวเข้ามาบีบมือให้กำลังใจ ทรายทองก็เข้ามาโอบกอดดารากานต์อีกคน












Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2555 13:48:16 น.
Counter : 377 Pageviews.

0 comment
ลิขิตฟ้าชะตาดิน ตอนที่ 7



เทเรซ่าเดินนำหน้า แล้วหันไปเห็นสองบอดี้การ์ดตามมาอย่างเปิดเผย จังหวะหนึ่งเทเรซ่ามองเห็นต้นไม้ที่ตัดเป็นพุ่มยาว เหมือนที่บังตา มีป้ายบอกทางไปห้องน้ำหญิงที่ด้านหลังพุ่มไม้นั้น เทเรซ่าทำหน้าแก่นๆ รีบเดินเข้าไปหลังแนวพุ่มไม้บังตานั้น โดยไม่ได้เข้าห้องน้ำ

สองบอดี้การ์ดมองหน้ากัน แล้วหยุดรออยู่แถวๆ นั้น เทเรซ่าโผล่แอบดูจากหลังพุ่มไม้ สองบอดี้การ์ดยืนคุม มองรอบๆ อย่างระแวดระวัง ขณะที่เทเรซ่ามองไปมา เพื่อหาทางหนีทีไล่
แล้วเห็นช่องข้างๆพุ่มไม้ ที่เหมือนรั้วด้านข้างห้องน้ำ เทเรซ่าหันไปดูบอดี้การ์ดอีกครั้ง ทั้งสองยืนรอ แล้วมองมาทางห้องน้ำ
เทเรซ่านึกสนุกถอยหลัง ย่อตัวลงผลุบมุดลอดออกมาทางช่องว่างเล็กพอดีตัวนั้น สองบอดี้การ์ดยังจ้องรอตรงทางเดิมที่เทเรซ่าเข้าไป
เทเรซ่าโผล่ออกมาข้างๆ แล้วค่อยๆย่อง อย่างซนๆ ย้อนตลบหลังสองบอดี้การ์ด แล้วรีบวิ่งจู๊ดหนีไปทางเก่า เดินทำตัวให้เป็นปกติ กลมกลืนกับผู้คน กลับมาที่โต๊ะอาหารวางบุฟเฟ่ต์
อีกด้านหนึ่งไม่ไกลนัก เกียรติบดินทร์ตามมา มองดูแล้วยิ้มอย่างสมใจ
เทเรซ่าเดินมาดูขนมชิ้นเล็กๆ แล้วเลือกหยิบขึ้นมาชิมตามชอบใจ หน้าตาท่าทางค่อยดูอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย จังหวะหนึ่งเทเรซ่าหยิบขนมน่าทานในถ้วยแก้วเล็กๆ เดินแยกออกมา โดยไม่รู้ตัวว่าเกียรติบดินทร์ตามไปห่างๆ
ด้านสองบอดี้การ์ดยังยืนชะเง้อไม่รู้เรื่องราวอยู่ที่เดิม

ชิงชัยกินอิ่ม ดื่มน้ำพร้อมกับเช็ดปาก แล้วหันไปชะเง้อรอ มาดามพิณมองตามอย่างกระสับกระส่าย
“อย่าห่วงเลยครับ เทเรซ่าคงไปเดินเล่นน่ะ เวลาอิ่ม ลูกสาวผมจะต้องลุกเดินเล่นย่อยอาหารสักพัก จะให้นั่งคุยติดอยู่กับโต๊ะ..เค้าจะอึดอัด ทนไม่ได้” ปีเตอร์เอ่ยขึ้นพลางยิ้ม
แต่ชิงชัยทนรอไม่ไหว ลุกขึ้น
“ผมว่า..ผมไปดูหน่อยดีกว่า..พอดี ผมอยากไปล้างหน้าล้างมือซักหน่อย ขอตัวครับผม”
ชิงชัยรีบเดินออกไป

เทเรซ่าตักขนมในถ้วยเล็กๆ เดินกินมา จนถึงบริเวณริมเทอเรส ซึ่งหากมองลงไปจะเห็นทะเลสวยเบื้องล่าง เทเรซ่าวางถ้วยขนมลงที่โขดหิน แล้วเดินมาชะโงกดูทะเล มีผู้คนประปรายร่วมยืนชมดูแนวไฟบนถนน และวิวบริเวณอ่าวในแสงสวยยามค่ำคืนจากเสาไฟที่เรียงรายกันอยู่เป็นระยะ
จังหวะนั้นเกียรติบดินทร์ก้าวเข้ามายืนประกบข้าง เอ่ยทักเทเรซ่า
“สวัสดีครับ เทเรซ่า”
เทเรซ่าหันมา เห็นเกียรติบดินทร์ มองอย่างงงๆ
“ผม...เกียรติบดินทร์”
เทเรซ่ายิ่งงงเข้าไปใหญ่ “เรา...รู้จักกันหรือคะ”
“คุณจำผมไม่ได้หรือเราพบกัน...ที่งานศพ” เกียรติบดินทร์บอก
เทเรซ่ามองหน้าเกียรติบดินทร์อย่างพินิจ แล้วนึกขึ้นได้ หญิงสาวเบิกตากว้าง
เทเรซ่านึกถึงเหตุการณ์ที่เกียรติบดินทร์อาละวาด ในงานศพของนพชัย แล้วนึกได้ มีสีหน้าตกใจ
“โอ..คุณคือลูกชายของนายหัวบัญชา”
“ใช่” เกียรติบดินทร์บอก
เทเรซ่าถดตัวหนีโดยอัตโนมัติ “คุณ...” เทเรซ่ามองไปรอบๆ รู้สึกไม่ปลอดภัย แล้วถอยหนีออกไปอีก

ชิงชัยมายืนรออยู่พร้อมสองบอดี้การ์ด ในอาการกระวนกระวาย
“เข้าห้องน้ำหรือเข้าไปหลับ อะไรกันวะ จนผิดสังเกตขนาดนี้ ยังซื่อบื้อกันอยู่ได้” ชิงชัยเอะใจ พูดอย่างโมโห
พนักงานหญิงในเครื่องแบบที่ชิงชัยวานให้ไปดูเดินออกมา
“เอ่อ ไม่มีนะคะ แขกสุภาพสตรีชื่อเทเรซ่า ไม่ได้อยู่ในห้องน้ำค่ะ” พนักงานบอกเสียงสุภาพ
ชิงชัยหน้าซีด พวกบอดี้การ์ดเหงื่อแตก

มองจากมุมเงยพวกเพื่อนๆ พี่ๆ เห็นจ้างปีนสูงขึ้นไปจนลิบๆ
“เย้ย..นั่นมันคนหรือลิงวะ ไอ้จ้าง พอแล้วๆๆ เชื่อแล้ว” รุ่นพี่อึ้ง
“ลงมาได้แล้วเว้ย ไอ้จ้าง เพื่อนๆ ให้อภัยแล้ว..กลับมาๆ” รุ่นพี่นักกู้ภัยที่บอกจะให้สองพันตะโกนบอก
เพื่อนๆ ต่างพากันขำกลิ้ง โบกไม้โบกมือ ป้องปากร้อง
“วู้ๆๆๆ”
ฟ้ากระจ่างมองจากข้างบยลงมา โบกมือตอบ แล้วบุ้ยใบ้ ชี้ไปที่โคมไฟสวยอันที่พนันกันไว้ที่อยู่เหนือขึ้นไปอีกนิดเดียว ไม่ถึง 5 เมตร แล้วทำท่ามือชู 2 นิ้ว แล้วกำมือทำเป็นเลขศูนย์อีก 3 ตัว
“มันจะเอา 2 พันของพี่นั่นแหละ” สมหมายบอกความหมายสัญลักษณ์มือ
“เฮ้ย ลงมา ให้แล้วๆ ไม่ต้องขึ้นไปถึงนั่นหรอก” รุ่นพี่เรียกให้ลงมา
ฟ้ากระจ่างไม่สน ปีนต่อ

เทเรซ่าเร่งฝีเท้าเดินหนี เกียรติบดินทร์สาวเท้าพรวดๆ มาดักหน้า ขวางไว้
“ทำไมหนีผมล่ะ เทเรซ่า เราน่าจะเป็นเพื่อนกันได้ ไม่ใช่เหรอ” เกียรติบดินทร์เยาะๆ
“ชั้นไม่ได้หนีคุณ..ชั้นจะไปหาแดดดี้” เทเรซ่ามองหาคนช่วย “คุณคงไม่ทราบ..ว่า..เราหลายคน..อยู่ที่นี่ ถ้าคุณอยากจะพบแดดดี้ มาดามพิณ หรือคุณชิงชัย”
“ผมอยากพบคุณนั่นแหละ อยากคุยกับคุณ...คนเดียวเท่านั้น”
เกียรติบดินทรพูดแล้วก้าวเข้าประชิด จับมือเทเรซ่า แล้วยิ้มๆ ส่งสายตา ทำท่าทางให้คนที่มองอยู่แถวๆนั้น นึกว่าเป็นคู่รักมีปัญหากัน
เทเรซ่าพยายามสะบัดหนี “อย่านะ คุณจะทำอะไร Let me go! Stay away from me! Help!” เทเรซ่าพยายามมองเพื่อจะให้คนอื่นช่วย
“Please, darling my love honey come on..อย่างอนสิจ๊ะ ที่รัก..”
เกียรติบดินทร์เงยขึ้นมา มองคนแถวนั้น ยิ้มๆ แบบเขินอาย และเกรงใจ เกียรติบดินทร์ ฉุดรั้ง กอดเทเรซ่า ทำท่าอ่อนหวาน ง้องอนต่างๆ นานา
ผู้คนบริเวณนั้นมองมา แล้วยิ้มๆ ขำๆ อย่างเอ็นดู และพากันเดินหนีไป ไม่อยู่เป็นก้างขวางคอ
เทเรซ่ากลัวมาก พยายามดิ้นรน เกียรติบดินทร์รวบตัว เอามือปิดปาก แล้วลากไปทางบันไดหินที่ลัดเลาะสวนริมหน้าผา ที่สามารถเดินเล่นลงสู่ชายหาดได้
เทเรซ่าดิ้นรนสุดชีวิต แต่ไม่สามารถสู้แรงของเกียรติบดินทร์ได้

ปีเตอร์ยิ้มๆ ส่ายหัว
“เทเรซ่าแค่ไปเดินเล่นเท่านั้นแหละครับ..อย่าตื่นตูมกันจนเกินไปเลย”
“แต่...พวกเราจับตาดูเธออย่างใกล้ชิด แล้วเธอก็หายไป มันไม่ใช่เรื่องปกตินะครับ คุณปีเตอร์” ชิงชัยว่า
“ก็เพราะถูกจับตาอย่างใกล้ชิดไงครับ เธอถึงทำแบบนี้..เทเรซ่าไม่ชอบให้คนมาวุ่นวายกับเธอมากเกินไป..อย่าห่วงเลยครับ เดี๋ยวลูกสาวผมก็มา” ปีเตอร์บอก
“คุณปีเตอร์!! แต่เวลานี้ เรามีศัตรูนะคะ พวกนั้นต้องจ้องที่จะแก้แค้นเราอยู่” มาดามพิณเอ่ยขึ้น
“แต่เทเรซ่าไม่เกี่ยวกับเรื่องพวกนั้นนี่ครับ” ปีเตอร์มองโลกในแง่ดี

เกียรติบดินทร์เอามืออุดปาก กอดรัด ฉุดกระชากลากถูเทเรซ่ามาสู่บริเวณที่ทั้งมืดและเปลี่ยวของสวน ลากลงไปทางบันไดเลียบเชิงผา
จังหวะหนึ่ง เทเรซ่าสะบัดตัวหลุดได้ จึงตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ พร้อมกับวิ่งหนีย้อนขึ้นมา
“Help! ช่วยด้วย...ช่วยด้วยค่ะ..ช่วยด้วย..อ๊าย...” เทเรซ่ากรีดร้องสุดเสียง

ปีเตอร์ มาดามพิณ และชิงชัย สะดุ้ง หันขวับ ได้ยินเสียงเทเรซ่าดังเข้ามา
“เทเรซ่า!!” ปีเตอร์ตกใจ เป็นห่วงลูกสาวจับใจ
“เห็นไหม ผมว่าแล้ว” ชิงชัยว่า
เสียงกรี๊ดๆๆๆดังมาอีกระลอก ผู้คนที่นั่นตกใจ
“เทเรซ่า” ปีเตอร์รีบวิ่งตรงไปทางที่เสียงดังมา
“ตายแล้ว” มาดามพิณตามไปอีกคน
พวกปีเตอร์วิ่งตัดไปทางเดินสู่สวน ฝ่าแขกและพนักงานโรงแรม ที่เห็นต่างก็ตกใจ

ฟ้ากระจ่างเบียดตัวกับหินผา เสียงร้องกรี๊ดดังอยู่ไม่ไกล
“เอาแล้ว”
ฟ้ากระจ่างเหวี่ยงตัว โดดขึ้นมาเตรียมพร้อมบนโขดหิน เงี่ยหูตั้งใจฟัง
“อ๊าย...” เสียงร้องกรี๊ดๆๆๆ ยังคงดังต่อเนื่อง
ฟ้ากระจ่างหันไปตามทิศสูงขึ้นไปอีกไม่มาก แล้วรีบพุ่งตัวไปตามทางนั้น
พวกเพื่อนๆ ชะเง้อตาม งงๆ
“อ้าว..แล้วนั่นมันไปไหนแล้ว..จ้างๆ”
ปักเป้าเรียกไว้ ในขณะที่ฟ้ากระจ่างวิ่งเข้าพงไม้หายตัวไป

ปีเตอร์วิ่งนำมาสุดฝีเท้า ทุกคนตามมาข้างหลัง
เสียงเทเรซ่าดังขึ้น “ช่วยด้วยๆๆ”
ปีเตอร์ผงะไปนิดหนึ่ง พอจับทางเสียงได้ชัด ก็วิ่งกระโดดข้ามช่วงหัวเลี้ยววนไปมาของบันไดหิน ที่ไต่เลียบข้างหน้าผาลงสู่สวนต่ำลงไปทันที

เทเรซ่าวิ่งหนีร้องกรี๊ดๆๆ “ช่วยด้วยๆๆ”
จังหวะนั้นเกียรติบดินทร์ตามมาจนทัน กระโดดล็อกตัวไว้ แต่เสียหลักล้มกลิ้งลงไปด้วยกัน
“แดดดี๊ๆ” เทเรซ่าตกใจร้องลั่น
ฟ้ากระจ่าง ป่ายปีนพรวดๆ ไปอย่างเร็ว ด้วยหน้าตาร้อนใจ เวลาเดียวกันเกียรติบดินทร์ปล้ำจับกบ และเอามือปิดปากเทเรซ่าไว้ได้ ตัวเองหอบแฮ่กๆ
ฟ้ากระจ่างปีนมา แล้วชะงัก เงี่ยหูฟังอีกครั้ง ทว่าเสียงเงียบไปแล้ว แต่ฟ้ากระจ่างตัดสินใจโหนตัวไปต่อ
เกียรติบดินทร์ตัดสินใจ ควักปืนออกมาจี้ตัวเทเรซ่าและพูดข่มขู่
“ชัทอัพ! ไม่งั้นตาย”!
เทเรซ่ากลัวมาก จนหน้าซีด ตัวสั่น
เกียรติบดินทร์กระชากตัวเทเรซ่าให้ลุกขึ้น แล้วฉุดลากกลับไปสู่บันไดทางลง
“บิท! พ่อแกนั่นแหละ ที่บงการทุกอย่าง..เป็นต้นเหตุให้พ่อชั้นต้องเป็นแบบนี้ มันต้องชดใช้” เกียรติบดินทร์ตะคอกใส่เทเรซ่า

ฟ้ากระจ่างโผล่มาใบหน้าเสมอพื้นหินช่วงนั้น เท้าของทั้งสองคนที่ลากกันอยู่ผ่านหน้าเขาไปพอดี
ฟ้ากระจ่างตั้งสติ นิ่งสงบ จนสองคนนั้นผ่านไป จึงเหนี่ยวตัวเองขึ้นมา รีบย่องวิ่งตามไปแบบเงียบกริบ
พ้นพุ่มไม้ใหญ่ไป ฟ้ากระจ่างเห็นเกียรติบดินทร์กำลังปิดปาก จี้ตัวเทเรซ่า พาวิ่งไปอย่างเร็ว โดยไม่สนว่าเทเรซ่าจะล้มลุกคลุกคลานยังไง ออกไปจากเขตสวนที่มีไฟโคมเป็นระยะๆ สู่บริเวณรกเรื้อและมืดมิด
เกียรติบดินทร์หน้าตาเหี้ยมโหดเหมือนถูกปีศาจครอบงำ กึ่งจูงกึ่งลากเทเรซ่าไปแบบไม่ปรานี เทเรซ่าโดนทั้งมือปิดปาก ปืนจี้ตัว และเอาตัวประกบติดพาไป และไม่มีแรงสู้ กลัวจนน้ำตาไหล
เกียรติบดินทร์พาตัวเทเรซ่า หนีออกสู่แนวป่ามาเจอรั้วไม้ระแนงผุๆ เอนๆ บอกเขตโรงแรม เกียรติบดินทร์ถีบรั้วจนพัง แล้วพาตัวเทเรซ่าออกไป
ฟ้ากระจ่างซุ่มตามมา จับตามองไม่เลิก แล้วรีบตามไปติดๆ และรอจังหวะไปพลางๆ แบบระแวดระวังไม่ให้เกียรติบดินทร์รู้ตัว เหมือนการไล่ล่าเหยื่อของสัตว์ป่า
เกียรติบดินทร์พาตัวเทเรซ่ามายังบริเวณที่แสงช่วงนั้นค่อนข้างมืด หยุดยืนหอบๆ พักหายใจ ทันใด เมื่อเห็นเป็นจังหวะเหมาะ ร่างของฟ้ากระจ่าง ก็กระโจนมาโจมตีเกียรติบดินทร์ทันที อย่างคนที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี
เพราะฟ้ากระจ่างกระโดดถีบเฉพาะตัวเกียรติบดินทร์ได้อย่างแม่นยำ จนอีกฝ่ายซึ่งไม่ทันระวังตัว กระเด็นฉีกแยกไปจากเทเรซ่าที่ล้มลงไปอีกด้านหนึ่ง
เกียรติบดินทร์เซแซ่ดๆ ตามแรงถีบ จนล้มลง แล้วพยายามพลิกตัว หันมาดูคนโจมตี ปืนยังอยู่ในมือเกียรติบดินทร์
ฟ้ากระจ่างลุกตามมา แล้วหมุนตัวเตะสวนทางปืนในมือของเกียรติบดินทร์ที่กำลังจะเล็งมา จนปืนกระบอกนั้นลอยหลุดมือไป ฟ้ากระจ่างได้ที ถลันจะเข้าไปซ้ำ
แต่เกียรติบดินทร์พลิกตัวหลบทัน ฟ้ากระจ่างจึงพลาดเป้าเสียหลักนิดหนึ่ง แต่ยังสามารถฟุตเวิร์คทรงตัวไว้ พร้อมกับสลับจุดยืนเพื่อเปลี่ยนสมดุลย์ของร่างกายใหม่แบบนักคอมแบ็ตมืออาชีพ แล้วเข้าไปเตะด้วยศิลปะต่อสู้แบบมวยจีนไทเก๊กผสมเทควันโด้
เกียรติบดินทร์เป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ สู้พลาง ถอยพลาง เน้นป้องกันตัว จากความสลัวของแสงบริเวณนั้น ทำให้ต่างไม่เห็นหน้ากันถนัด แต่เกียรติบดินทร์เริ่มรู้ตัวแล้วว่าคู่ต่อสู้มีฝีมือเหนือกว่า
เกียรติบดินทร์ใช้แรงที่เยอะและไวแบบนักกีฬา พยายามตอบโต้ไปบ้าง แล้วในจังหวะหนึ่งก็หันไปเห็นว่าปืนอยู่ไม่ไกล จึงพยายามจะขยับเข้าไปเอา
ฟ้ากระจ่างรู้ทัน จึงเตะปืนให้กระเด็นห่างออกไปอีก
เทเรซ่ามองการต่อสู้ตรงหน้าในอาการตกตะลึง ทำอะไรไม่ถูกอยู่พักหนึ่ง แล้วพอเห็นปืนถูกเตะมาใกล้ๆ ก็ตาโต มองเขม็งไปที่ปืน สีหน้าครุ่นคิดนิดหนึ่ง เทเรซ่าหยิบปืนมาถือ แล้วหันไปทางสองคน ที่ต่อสู้พันตูกันอยู่อย่างไม่มีใครยอมใคร
เทเรซ่าเล็งอยู่อย่างนั้น แต่ก็ทำไม่ลง ในที่สุดก็ตัดสินใจ ยิงปืนขึ้นฟ้า
เกียรติบดินทร์ชะงัก เห็นท่าไม่ดี อาการละล้าละลัง แล้วในที่สุดจึงตัดสินใจเผ่นหนี
ฟ้ากระจ่างรีบตามไป
“เฮ้ย..จะไปไหน”

เวลาเดียวกันนั้น ปีเตอร์ที่วิ่งนำมาถึงรั้วที่พังพอดี หันขวับเมื่อได้ยินเสียงปืน
“ใครยิง” ปีเตอร์ถามในอาการตกใจ
ชิงชัยตามมาติดๆ ฉุกคิด “เทเรซ่า”
“ไม่นะ” ไวเท่าความคิดปีเตอร์รีบวิ่งสุดแรงไปตามทางที่ได้ยินเสียงนั้น
ทุกคนตาม

ปีเตอร์วิ่งนำมา ปากตะโกนเรียกลูกสาว “เทเรซ่าๆ”
“เทเรซ่า” ชิงชัยตะโกน
มาดามพิณหันไปตะโกนเรียก “เทเรซ่าๆๆ เป็นอะไรหรือเปล่า”
เทเรซ่าที่ยืนงงๆ ได้ยินเสียงเรียก ชะเง้อมองหาพ่อ สีหน้าดีใจ ตะโกนขึ้นสุดเสียง “แดดดี้ๆ”
ทางด้านฟ้ากระจ่างไล่ล่าเกียรติบดินทร์มาตามทางในป่าที่รกเรื้อยิ่งขึ้น เกียรติบดินทร์วิ่งหนี จวนจะหมดแรงอยู่แล้ว และหกล้มลงไป
ฟ้ากระจ่างตามมาจนทัน กระโจนเข้าจับประชิดตัว ทั้งสองกอดปล้ำกัน ฟ้ากระจ่างพยายามจะหยุดเกียรติบดินทร์ให้ได้
เวลาเดียวกัน เทเรซ่าวิ่งถือปืนไปทางเสียงพ่อ “แดดดี้”
ปีเตอร์ โผล่มา เจอเทเรซ่าพอดี “เทเรซ่า
สองพ่อลูกกอดกันกลม เทเรซ่ายื่นปืนส่งให้พ่อ ทุกคนวิ่งมามุง
“ปืน! ใคร เทเรซ่า ปืนของใคร..ใครทำกับคุณ” ชิงชัยถามอย่างร้อนใจ
เทเรซ่าจะตอบ แต่นึกขึ้นมาได้ จึงหยุดปากไว้ แล้วหันมาหาพ่อ
“แดดดี้ คนที่มาช่วยเทเรซ่า เค้าตามคนร้ายไปทางนั้นค่ะ”
ปีเตอร์รีบตามไป พร้อมด้วยชิงชัยและบอดี้การ์ด เทเรซ่ามองตามอย่างลุ้นๆ

ส่วนในป่าเกียรติบดินทร์สู้สุดชีวิตเพื่อจะพาตัวเองหนีไปให้ได้ จึงกวาดตามองไปรอบๆ เพื่อหาตัวช่วย ในที่สุดก็หันไปเจอหินขนาดเหมาะมือบนพื้นใกล้ๆ เขารีบพุ่งไปคว้าไว้ในมือ
แล้วพอจังหวะที่ฟ้ากระจ่างถลันเข้ามา เกียรติบดินทร์ก็พลิกตัวหันกลับ ทุบหินในมือใส่หัวฟ้ากระจ่าง โดนหน้าผากไปเต็มๆ ฟ้ากระจ่างหงายหลังไป
อาศัยจังหวะนั้นเกียรติบดินทร์เผ่นหนีสุดชีวิต วิ่งเข้าป่าไป
ฟ้ากระจ่างกุมหัว พยายามยันตัวลุกขึ้น พอดีกับที่พวกปีเตอร์มาถึง
“หยุด...หยุดนะ” ปีเตอร์ตะโกนพร้อมกับเล็งปืนในมือขึ้น
ฟ้ากระจ่างหันหน้ากลับมา
ปีเตอร์ยังเล็งปืน เอ่ยขึ้น “ลุกขึ้นๆ ช้าๆ”
ฟ้ากระจ่าง อยู่ในอาการงงๆ ลุก ชูมือที่กุมหัวขึ้น
จ้าง “เปล่าครับ ผมเปล่า” ฟ้ากระจ่างร้องบอก
จังหวะนั้นชิงชัยตามมาถึง พร้อมสองบอดี้การ์ด
“ไอ้ชั่ว มึงเป็นใคร หา” ชิงชัยโมโห พุ่งเข้าไปชกฟ้ากระจ่างที่ไม่ทันตั้งตัว “ทำคุณเทเรซ่าทำไม นี่แน่ะๆๆ”
ปีเตอร์ตะลึง สองบอดี้การ์ดตามเข้าไปช่วยรุม
“เฮ้ย อะไรกันวะเนี่ย” ฟ้ากระจ่างงง ต่อสู้แบบปัดป้อง แต่เพราะฝ่ายโน้นมากกว่าทำท่าจะเสียเปรียบๆ
เทเรซ่าวิ่งมาถึง พร้อมมาดามพิณ เห็นคนที่ช่วยตัวเองถูกรุม เทเรซ่าตกใจร้องห้ามเสียงหลง
“สต็อป หยุดๆๆ หยุดเดี๋ยวนี้นะ” เทเรซ่าวิ่งเข้าไปผลักชิงชัย แล้วเข้าไปดึงแขนฟ้ากระจ่าง เอาตัวบังไว้ “พวกคุณบ้าไปแล้วเหรอ คนนี้เค้าเป็นคนที่มาช่วยชั้นนะ” เทเรซ่าขึ้นเสียงอย่างไม่พอใจ
ทุกคนชะงัก หยุดกึก ปีเตอร์ลดปืนลง
“แล้วใครที่มาทำร้ายหนู แล้วมันไปไหน” มาดามพิณถาม
“มันก็หนีไปไกลแล้วสิครับ” ฟ้ากระจ่างบอก
ทุกคนอึ้งไปกันหมด
ระหว่างนั้นเลือดจากแผลที่ถูกตีที่หน้าผากฟ้ากระจ่างหยดติ๋งๆๆ ฟ้ากระจ่างเอามือจับดู เห็นเลือด ถึงกับหน้าซีดเผือด เทเรซ่าเห็นก็ยิ่งตกใจ
“เลือด...คุณบาดเจ็บมากด้วย แดดดี้ๆ ช่วยคนนี้ด้วย อย่าให้คนอื่นทำอะไรเค้า เค้าช่วยชีวิตเทเรซ่าไว้นะคะ”
เทเรซ่าพร่ำบอกผู้เป็นพ่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง แล้วรีบเข้ามาจับตัว ดูแผลให้ฟ้ากระจ่างอย่างใกล้ชิด
ฟ้ากระจ่างงงๆ เจ็บแผล มึน และเซ็งสุดๆ ส่วนชิงชัยหน้าซีด

มาดามพิณพูดไม่ออก ในขณะที่ปีเตอร์งงงันกับเหตุการณ์ร้ายที่เกิดกับลูกสาว












Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2555 20:23:25 น.
Counter : 610 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]