All Blog
ลิขิตฟ้าชะตาดิน ตอนที่ 20 จบบริบูรณ์




บัญชาสวมชุดปลอดเชื้อ นั่งทอดสายตาอย่างเลื่อนลอยอยู่ข้างเตียงในห้องไอซียู มือข้างหนึ่ง จับมือดารากานต์มากอบกุมไว้

บนร่างของดารากานต์มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตเต็มไปหมด ทั้งให้เลือด สายน้ำเกลือ ยาบำรุงต่างๆ มากมาย
สัญญาณชีพดารากานต์อ่อนแรงลงทุกทีๆ สีหน้าดารากานต์ซีดขาว เกือบไม่หายใจอีกแล้ว

เวลาเดียวกันนั้นบริเวณทางเดินระเบียงของโรงพยาบาล บุรี กับทรายทองยืนหน้าเครียด ซุบซิบกันอยู่สองคน
“มันถึงเวลาของเราแล้ว ทราย ทรายไม่ต้องกลัวหรอก พวกศัตรูมันทำอะไรเราไม่ได้แน่ๆ พวกไอ้ปีเตอร์ ไอ้ชิงชัยมันต้องถูกลากคอเข้าคุกกันหมด ใครๆก็เห็น ว่าพวกมันชอบความรุนแรงกันขนาดไหน มันจะไม่เหลือมาทำอะไรลูกแน่ๆ”
“แต่พี่จ้าง..พี่ดิน..ตายแล้ว..แล้วทรายจะอยู่กับใคร” ทรายทองยังนอยด์ไม่เลิก
“ก็อยู่กับพ่อ ทรายจะไม่ใช่แค่เด็กในบ้านที่ไม่มีความหมายอีกแล้ว ทรายจะเป็นนายหญิง..ทรายจะยิ่งใหญ่กว่าใครๆ เข้าใจไหม” บุรีกำชับ
“ทรายนึกไม่ออก ว่ามันจะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง”
“อย่าทำตัวแบบนี้สิ ทราย มันน่ารำคาญ เข้มแข็งหน่อย แล้วก็ต้องใจแข็งด้วย”
ทรายทองหันไปมองทางด้านหลังพ่อ แล้วต้องสะดุ้ง ช็อก ผงะ ถอยหลังกรูด
“พี่จ้าง..พี่ดิน” ทรายทองอุทานออกมา
“ทำไม ..ผีมันมาหลอกลูกงั้นเหรอ”
บุรีหันไปมอง แล้วต้องผงะ เมื่อเห็นเกียรติบดินทร์ ดวงยิหวา และฟ้ากระจ่าง ยืนเรียงกันเป็นแผง

“อะไรกัน..ทำไม..พวกแก”
เกียรติบดินทร์สวนขึ้นมาทันที “ยังไม่ตายครับ..อาบุรี หลานชายสุดที่รักของอา..รอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์..เหลือเชื่อจริงๆ ว่ามั้ยครับ
“น้องดิน..อา..อา..ไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้เจตนา ไม่ได้วางแผนเอาไว้ก่อน..งั้นหรือครับ” ฟ้ากระจ่างว่า
“หรือคุณบุรีจะบอกว่า..ที่พวกเราลงไปอยู่ในน้ำกัน มันเป็นอุบัติเหตุคะ” ดวงยิหวาเยาะ
บุรีมองซ้าย แลขวา เห็นทรายทองยืนอึ้งๆ จึงควักปืนจ่อลูกสาว ทรายร้องกรี๊ดสุดเสียง
“เอาสิ พวกแกเข้ามาชั้นฆ่ายายทรายตายแน่”
ทรายทองช็อก “อ๊าย...คุณพ่อ”
ดวงยิหวาอึ้ง “คุณบุรีคะ นั่น..ลูกคุณเองนะคะ”
บุรีเลือดหลังชนฝาแล้ว “บอกว่าอย่าเข้ามา มานี่ ยายทราย อย่าร้องนะ” ล็อกคอทรายทอง ลาก วิ่งลงบันไดไป
“คุณบุรี อย่าทำแบบนั้นเลยครับ..ไม่มีประโยชน์”
บุรีไม่ฟัง ลากทรายลงมา แล้วต้องช็อก เมื่อเห็นว่าบริเวณบันไดข้างล่าง ตำรวจ 4 นาย เดินขึ้นมา
บุรีถอยกลับ ลากทรายทองขึ้นมาใหม่
ฟ้ากระจ่างซุ่มซึ่งอยู่ข้างบันได โผล่เข้ามาใช้มวยจีนโจมตีที่มือบุรีที่ถือปืนแบบมืออาชีพมากๆ ปืนกระเด็น ดวงรีบเข้าไปเก็บมาถือไว้ บุรีช็อก ยังไม่ยอม เข้ากระชากจิกผมทรายทอง
“ยัยทราย..จะหนีไปไหน”
“ขอซะทีเถอะคุณอา”
เกียรติบดินทร์โดดเข้ามาขวาง แล้วชกหน้าบุรีหนึ่งหมัด ร่างบุรีร่วงลงไปกองคาพื้น ฟ้ากระจ่าง และเกียรติบดินทร์ หันมาแปะมือกัน โดยไม่ตั้งใจ แล้วต่างทำหน้าอึ้งๆ เขินๆ กันนิดหน่อย

จังหวะนั้นตำรวจพากันแหวกวงเข้ามา ขณะที่บุรีได้สติหายเมาหมัด สะบัดหน้าลุกขึ้น แต่ถูกตำรวจ เข้ามารวบไว้พอดี

ฟ้ากระจ่าง กับเกียรติบดินทร์ เดินเข้ามาภายในห้องไอซียู บัญชาหันไปเห็น ถึงกับตะลึงงัน ดีใจ กระพริบตาถี่ อย่างไม่เชื่อสายตา
“น้องดิน..ฟ้ากระจ่าง...” บัญชามองแบบเงียบงัน นึกไม่ถึงว่าลูกยังมีชีวิตอยู่
“เราปลอดภัยดีครับ” ฟ้ากระจ่างบอก
“น้องดิน..ลูกพ่อ..” บัญชาครวญคร่ำพลางยื่นมือออกไป
เกียรติบดินทร์เดินเข้าไปหา จับมือพ่อ แล้วคุกเข่าลง
บัญชาลูบหัว ลูบผมลูกชายอย่างรักใคร่ “น้องดิน..ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์”
ฟ้ากระจ่างยืนดูภาพนั้น แล้วอึ้งไป บัญชาทำเหมือนฟ้ากระจ่างไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้น
“อาบุรีตังหากคือคนที่พยายามจะฆ่าเรา..ไม่ใช่มิสเตอร์ปีเตอร์” เกียรติบดินทร์บอกพ่อ
“อะไรนะ”
เกียรติบดินทร์เล่าต่อ “อาบุรี ยายทราย..สมรู้ร่วมคิดกัน..จะฮุบกิจการของเรา ผมแจ้งตำรวจจับไปหมดแล้ว พ่อครับ..ศัตรูของเราไม่ใช่คนอื่นนะครับ..คนที่อยู่ในครอบครัวของเราเองตังหาก อาบุรีจับเรามัดมือเท้า โยนลงทะเล โชคดี ที่พวกของจ้าง..เค้ามาช่วยเราไว้ทัน”
“แล้ว..พวกแกไม่ได้ฉุดลูกสาวไอ้ปีเตอร์ เป็นเหตุให้พวกแกถูกพวกมันไล่ล่า” บัญชาถาม
“ผิดแล้ว..นายหัว เราไม่ได้ฉุดเทเรซ่า เค้าเต็มใจมาปกป้องจ้างด้วยความรักตังหาก คนที่รักจ้างทั้งนั้น ที่ทำให้ผมรอดชีวิตมาได้” เกียรติบดินทร์ว่า
คราวนี้บัญชาหันไปมองฟ้ากระจ่าง แล้วเมินหน้าหนี “ก็ดีแล้วนี่”
“พ่อครับ” เกียรติบดินทร์ทำท่าจะพูดเรื่องพี่ชาย
บัญชารู้ทันชิงบอกก่อน “ไปดูแม่แกก่อนดีกว่า..น้องดิน”
เกียรติบดินทร์รีบผลักประตูอีกชั้นเข้าไป ฟ้ากระจ่างร้อนใจ รีบตามติด
บัญชามองตาม อย่างปวดใจ
เกียรติบดินทร์มองเห็นสภาพแม่ รู้สึกตกใจ “อะไรกัน..ไหนว่า..พวกที่บ้าน..บอกว่า..แม่..ถูกลูกหลง..บาดเจ็บนิดหน่อย..แต่นี่..มันไม่ใช่นิดหน่อยนี่...”
จังหวะนั้นฟ้ากระจ่างเดินไปดูแม่ที่บริเวณปลายเตียง มองอย่างเศร้าใจ เอื้อมมือไปจับเท้า ดวงตามองจ้องหน้าดารากานต์ ทั้งเศร้าใจน้อยใจและปล่อยปลง สักพักฟ้ากระจ่างสูดลมหายใจลึกหลับตา แล้วสวดมนตร์บางอย่างเสียงพึมพำ
บัญชาพาตัวเองบนวีลแชร์เข้ามาช้าๆ
ทั้งเกียรติบดินทร์ บัญชา ต่างมองฟ้ากระจ่าง แล้วหันมามองหน้ากัน อย่างแปลกใจ
สักพัก พอสวดสร็จ ฟ้ากระจ่างพนมมือไหว้แม่ แล้วถอยออกมา
เกียรติบดินทร์ถามด้วยความสงสัย “นาย..ท่องคาถาอะไร”
“สวดมนตร์..บูชาเจ้าแม่กวนอิม..ขอพรท่าน..ให้มาคุ้มครองแม่” ฟ้ากระจ่างบอก
จังหวะนั้นบัญชาตัดสินโพล่งออกมาแบบลอยๆ “ปีเตอร์..คือพ่อของเธอ จ้าง!
เกียรติบดินทร์ผงะ
ฟ้ากระจ่างมึนตึ๊บถามขึ้นทันที “ปีเตอร์..ทำไมนะครับ”
บัญชาบอกย้ำ “ปีเตอร์..เป็นพ่อของเธอ”
ทั้งฟ้ากระจ่าง และเกียรติบดินทร์มองหน้ากันไปมา ซีดสุดๆ
บัญชาเชิดหน้า พูดอย่างเยือกเย็น เหมือนคนสิ้นหวัง
“แผนของชั้น..ไม่ได้เอาแกมาเป็นเป้าแทนน้องดินเท่านั้นหรอกนะ..นั่นมันความจริงแค่ครึ่งเดียว..แต่ความจริงทั้งหมด..ก็คือ ชั้นทำทุกอย่าง..เพื่อให้พ่อ กับลูก..มันฆ่ากันเอง”
“นายหัว” ฟ้ากระจ่างช็อก
“แล้วผลของมัน..คืออะไรล่ะ..นี่ไง..สิ่งที่ชั้นได้รับ..ปีเตอร์..ยังสุขสบายดี..มีลูกชาย ลูกสาวครบ..แต่ชั้นสิ..ครอบครัวแตกสลาย..น้องชายคนเดียว..คิดคดทรยศ แล้วเวลานี้..เมียสุดที่รัก..ที่ชั้น..คิดมาตลอด..ว่าเขานี่ช่างรักชั้นน้อย..รักน้อยเกินไป ..จนเหมือนกับไม่รักเลย..กำลังจะตาย..ตาย..เพราะพยายามที่จะปกป้องชีวิตของชั้นเอง”
เกียรติบดินทร์มองหน้าพ่อ ช็อกสุดๆ บนเตียงเวลานั้นดารากานต์นอนนิ่งใบหน้าสงบ ดูผ่อนคลายลง ในขณะที่นายหัวบัญชาร้องไห้ อย่างปวดร้าวใจ
ฟ้ากระจ่างอึ้งไป

ครู่ต่อมาฟ้ากระจ่างนั่งดื่มกาแฟตรงทางเดินของโรงพยาบาล มึน สับสน เครียด คิดทบทวนสิ่งที่บัญชาพูด ไปไม่เป็น เกียรติบดินทร์ถือแก้วกาแฟ เกียรติบดินทร์เดินเข้ามานั่งข้างๆ
“จ้าง..นายว่า..แม่..จะรอดไหม”
ฟ้ากระจ่างพูดไม่ออก น้ำตาไหล รีบใช้มือป้ายปาด พยายามจะไม่ร้องให้ใครเห็น
“นายรู้ใช่ไหม..ว่า..แม่..คงไม่ฟื้นอีก”
“ผม..ไม่รู้”
“นายต้องรู้สิ นายทำงานกู้ชีพมามาก นายต้องดูออกแล้ว..ใช่ไหม”
“บางที..ก็อาจจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น”
“แปลว่า..นี่เราต้องรอปาฏิหาริย์เท่านั้นเหรอ”
ฟ้ากระจ่างเงียบ
“นายรักแม่ไหม..จ้าง”
คราวนี้ฟ้ากระจ่างอึ้ง
“ชั้นรักแม่นะ..แต่..ชั้นไม่เคยพูดกะเค้าดีๆ ซักคำเลยว่ะ”
“แม่เป็นคนที่น่าสงสารมาก เป็นผู้หญิงที่ต้องต่อสู้กับโลกทั้งโลกตามลำพัง..หาคนเข้าใจซักคนก็ไม่มี แม่เป็นแม่ที่ดีที่สุด แม่พยายามแล้ว..ที่จะทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับทุกคน..แต่แม่ทำดีแค่ไหน..ผมก็ไม่เคยมองเห็น” ฟ้ากระจ่างเอ่ยขึ้น
“จริง..ชั้นก็เหมือนกัน ชั้นโกรธแม่ไปหมด แม่ทำอะไร..ก็ไม่เคยถูกใจซักอย่าง” เกียรติบดินทร์ระบายความในใจ
“ผมน่าจะคุยกับแม่บ่อยๆ..ผมอุตส่าห์ได้มีโอกาสมาอยู่กะเค้าแล้ว..แต่ผมก็กลับไม่ฉวยโอกาสนี้เลย..ทำไมผมโง่อย่างนี้..ทำไมผมทำตัวเหินห่างจากเค้าขนาดนี้..ทั้งๆที่ตอนเล็กๆ..ผมก็แอบอยากมีแม่กะเค้ามาตลอด..แต่พอมีแม่ขึ้นมาจริงๆ..ผมกลับไม่เห็นค่าเลย”
“ถ้าแม่ฟื้นมา..ชั้นสัญญา..ว่าชั้นจะทำตัวใหม่..ชั้นจะไม่ดื้อกะแม่อีก..ชั้นจะเป็นเด็กดี..จะรักแม่ จะกอดแม่..จะพูดเพราะๆ กะแม่” เกียรติบดินทร์บอก
“ถ้าแม่ฟื้น..ผมจะบอกแม่..ว่าผมรักแม่แค่ไหน” ฟ้ากระจ่างว่า
ฟ้ากระจ่างยังพยายามเช็ดน้ำตา ไม่ร้อง เกียรติบดินทร์มองๆ แล้วกอดคอปลอบใจกัน
ในที่สุดสองคนร้องไห้ออกมาพร้อมกัน
พยาบาลประจำห้องแซียูเดินออกมา หน้าเครียด มองหาพอเห็นทั้งสองหนุ่ม ก็เดินตรงเข้ามา
ขณะที่ทั้ง 2 คนพอเห็นพยาบาล ก็รีบลุกขึ้น
“ขอเชิญญาติคุณดารากานต์เข้าไป..เดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
ทั้งสองรีบไป

สองพี่น้องสวมชุดปลอดเชื้อแบบรีบๆ ก้าวเข้ามา แล้วอึ้ง เมื่อเห็นดารากานต์เหมือนคนนอนหลับสนิท หายใจค่อยๆ ห่าง และเบาลงๆ บัญชานั่งจับมือ มองหน้าอยู่อย่างนั้น
หมอเจ้าของไข้กำลังยืนดูอยู่อีกด้านหนึง ส่วนพยาบาลกำลังปลดอุปกรณ์ช่วยชีวิตทุกอย่างออกทีละอย่างๆ
บัญชาหันมาเห็นทั้งสอง สีหน้านิ่ง สงบ ท่าทีเปลี่ยนไป “ฟ้ากระจ่าง..เกียรติบดินทร์..มากราบลาแม่สิลูก”
ทั้งสองควบคุมอาการสงบ เข้ามากราบเท้าแม่กัน แล้วนั่ง จับเท้าแม่อยู่เช่นนั้น
ดารากานต์เหมือนยิ้มนิดๆ แล้วหายใจห่าง ๆ แล้วนิ่งไปในที่สุด
หมอมอง แล้วเข้ามาตรวจชีพจร
บัญชามองลุ้น เกียรติบดินทร์ ฟ้ากระจ่างด้วย
หมอถอนใจ พร้อมกับพยักหน้าให้บัญชา “สิ้นลมแล้วครับ”
ทั้งสามชายเงียบงัน ใบหน้าดารากานต์ ยิ้มสวย หลับพริ้ม เหมือนหมดสิ้นทุกข์ขมทั้งปวงที่กัดกินมาชั่วชีวิต

ช่วงกลางวันในวันต่อมาชิงชัยแต่งตัวอย่างชุดรัดกุม ถือกระเป๋าเดินทาง มีมาดามพิณมารอส่งที่ท่าเรือแห่งนั้น ไม่นานนักก็มีเรือเร็วขับเข้ามาเทียบ ทั้งสองเตรียมตัวลงเรือ
ทันใดนั้น รถตำรวจก็แล่นมาจอด ทั้งสองหันมาตกใจ
ตำรวจเข้ามา ทำการจับกุมโดยละม่อม ชิงชัยหน้าซีดรู้ชะตากรรม ในขณะที่มาดามพิณร้องไห้โฮๆ ออกมา

เช้าวันใหม่อาหึ่งกำลังสาละวนกับการหั่นผักอยู่ในครัว
สารภีกำลังวิ่งเล่นกับหมาแมว เอาขนมล่อหมาแมว แต่ที่สุดก็เอามากินซะเอง
อาม่าสาลี่กำลังปัดกวาด จัดสถานที่ไหว้เจ้าอยู่ ฟ้าใสเดินเข้ามา พร้อมถาดผลไม้
มีความเคลื่อนไหวข้างหน้า ทั้งสองหันไปดู เป็นฟ้ากระจ่าง นั่นเองกำลังพานักบวชตงเดินเล่น ไปช้าๆ บริเวณศาลเจ้า
“ดูสิ อาจารย์ตงเดินเก่งแล้ว..อีกหน่อยก็วิ่งได้” ฟ้าใสยิ้ม
“จ้างมา..อาจารย์แกกำลังใจดี..เวลาไม่มีจ้างแล้วแกขี้เกียจเดิน” อาม่าว่า
เวลานั้นกู๋เหลียงขี่จักรยานมาจอด พร้อมถุงขนม
“อาจ้าง..มาแล้วๆๆ ของโปรดที่ลื้อบ่นถึง”
ฟ้ากระจ่างพานักบวชตงเดินมา “อะไรครับกู๋”
“หนมครก”
“ไปเสียตังค์ซื้อทำไม หนมครก..ของง่ายๆ เดี๋ยวอั๊วทำเอง อร่อยกว่าเยอะ” อาหึ่งว่า
“โห..ใจคอป๊าจะไม่ให้เงินกระเด็นเลยเหรอ..ขอผมกระจายรายได้ให้แม่ค้าหนมครกบ้างเถอะครับ”
“แหมๆๆ ถือว่ารวยแล้ว ใช้เงินฟุ่มเฟือยเหรอ อาจ้าง..รู้ไหม ว่าหนมครกเนี่ย ต้นทุนมันกี่บาท มีแป้ง กะทิ น้ำตาล น้ำมัน หอมซอยนิดนึง..กระทงนึง..ขายตั้ง 20 แพงมากเลย”
กู๋เหลียงรีบบอก “ใครบอก 20 กะทงนี้ 30”
“น่าน..เห็นไหม แพง”
“อาจ้างมันอยากกินก็ให้มันกินสิ..มันไม่ได้กินตั้งนาน..มา 30 บาท อั๊วออกให้เอง” นักบวชตงบอก
กู๋เหลียงรีบขัดขึ้นมา “อั๊วออกให้ก็ได้ เพื่ออาจ้าง..30บาท..อั๊วเลี้ยงได้
“แหม ใจป้ำจริงๆเลย จะอวดรวยข่มกันไปถึงไหน”
ระหว่างที่ทุกคนถกเถียงกัน สารภีแอบย่องมา กินขนมครกคนเดียวอย่างสบายใจเฉิบ
ฟ้ากระจ่างหันมาเห็น “อ้าว..แม่ ทำไมทำแบบนี้ล่ะ ขนมของผม แม่กินหมดเลย ไม่ยอมๆ จริงๆ ด้วย”
ฟ้าใส กับอาม่าสาลี่มองดู แล้วขำกัน
“อาจ้าง..ก็ยังคงเป็นอาจ้างคนเดิมตลอดๆนะ มันไม่เปี่ยนเล้ย เด็กคนนี้”
“นั่นสิ ไม่ว่าอะไรๆจะเปลี่ยนไป อาจ้างก็คือน้องชายคนเดิมจริงๆ..เค้าไม่เคยเห็นฟ้าใสเป็นอะไรเลย นอกจากเจ๊ของเค้า” ฟ้าใสว่า
พวกอาหึ่ง ฟ้ากระจ่าง นักบวชตง กู๋เหลียง ต่างรุมกัน ดุด่าว่าสารภี จนสารภีน้อยใจร้องไห้งอแง
อาม่าสาลี่เอ่ยขึ้น “อาม่าไม่เคยต้องการอะไร จะรวยหรือจนก็ช่าง จะมีตังค์มาให้ม่ารึป่าวก็ช่าง..แต่ขอให้อาจ้างมีความสุข..พวกเราก็มีความสุขที่สุดแล้วล่ะเนอะ”
ฟ้าใสยิ้มให้ เป็นรอยยิ้มที่สวยงาม และดูเป็นสุขมากกว่าครั้งไหนๆ ในชีวิตของเธอ

ดอกไม้สวย ถูกวางลง หน้าฮวงซุ้ยที่มีรูปดารากานต์ บัญชานั่งมอง ด้วยแววตาอันอ่อนโยน รูปดารากานต์ที่มองตอบมา ดูสวยงามและสดใส
ทรายทองกำลังเก็บกวาดดอกไม้เก่าๆ ของบูชาเหี่ยวๆ เก็บลงถุงกระดาษ แล้วจัดวางของใหม่ๆ ด้วยความตั้งอกตั้งใจ มีขนม ผลไม้ จากนั้น ก็จุดธูปใหม่ นั่งไหว้
บัญชายังมองนิ่งอยู่อย่างนั้น
เกียรติบดินทร์เดินมาจากด้านนอกเพื่อมารับพ่อ ผ่านมาเห็นปีเตอร์กับเทเรซ่ายืนรออยู่ เกียรติบดินทร์ไหว้ปีเตอร์ ยิ้มให้เทเรซ่า แล้วเดินเข้าไป
เกียรติบดินทร์มองพ่อ แต่บัญชาดูจะไม่รับรู้สิ่งรอบตัว นิ่ง ยิ้มๆ อยู่เช่นนั้น เกียรติบดินทร์เข้าไป ไหว้เคารพแม่ สักพัก เมื่อรู้สึกพอใจ บัญชาหันมา
“น้องดิน..น้องทราย กลับหรือยัง”
“ค่ะ..คุณลุง..เย็นแล้ว กลับดีกว่า”
เกียรติบดินทร์รีบเอาใจ มาเข็นรถ “เดี๋ยววันนี้..พ่ออยากแวะกินอะไรครับ”
“ไม่หิว กลับไปกินข้าวบ้านเถอะ”
เกียรติบดินทร์ และทรายทอง เข็นรถบัญชา ผ่านปีเตอร์และเทเรซ่า จังหวะนั้นนายหัวบัญชามองผ่านปีเตอร์ โจ ไป เหมือนอากาศธาตุ
เกียรติบดินทร์ไหว้ปีเตอร์ แล้วยิ้มให้เทเรซ่า ทรายก็ทำตาม แต่แบบเชิดๆ ปั้นปึ่งตามนิสัย
เทเรซ่าไหว้บัญชา แต่บัญชายังทำไม่เห็นต่อไป
เกียรติบดินทร์แอบถอนใจ เข็นรถพ่อเคลื่อนออกไป
เทเรซ่ามองตามแล้วเอ่ยขึ้น “นายหัวจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานไหมคะ แดดดี้”
“ก็ยังดี..ที่เค้าไม่ว่า. เวลาเรามาเยี่ยมคุณดารากานต์บ้าง”
“เหมือนพวกเราไม่มีตัวตน ในโลกของเค้า”
“เค้าคงยอมรับโลกจริงๆ อย่างที่มันเป็นไม่ได้ ก็เลยต้องหลอกตัวเอง เพื่อหนีความเจ็บปวดไปชั่วครั้งชั่วคราว..ไม่เป็นไร..เมื่อไหร่..ที่เค้าทำใจได้ เค้าก็คงสามารถกลับมาอยู่ร่วมกับความเป็นจริง..ซักวัน”
ปีเตอร์เดินเข้าไป เอาดอกไม้ไปวางตรงหน้ารูปดารากานต์
ทางด้านเกียรติบดินทร์กับทรายทอง ประคองพ่อขึ้นนั่งรถที่ข้างคนขับ แล้วทรายทองพับเก้าอี้วีลแชร์เก็บท้าย แล้วไปนั่งที่นั่งด้านหลัง
บัญชายังนั่งเหม่อ ยิ้มไปเรื่อยๆ เหมือนนึกถึงอะไรที่รื่นรมย์ แต่น้ำตากลับไหลออกมา จนกระทั่งเกียรติบดินทร์ขับรถออกไป

วันเวลาผ่านไป...
แฟ้มงานวางปิดทับเอาไว้ ด้วยคอมพ์ฯโน้ตบุ้ค ถัดมาคือกระติกกาแฟ ขวดน้ำดื่ม วางบนผ้าปู เกียรติบดินทร์สวมแว่นดำ นอนหลับเหยียดยาวอยู่บนผ้าปู มองออกไปเห็นรถ ล้อใหญ่พร้อมลุยถนนอันสมบุกสมบันจอดอยู่
เทเรซ่าเดินมา มีสมุดบันทึกเล่มใหญ่สำหรับจดโน้ต และบันทึกตารางงาน โดนลมพัดกลิ้งมา ปลิวกางแผ่หราอยู่บนพื้น
เทเรซ่าย่อตัวนั่งลง เก็บสมุดเล่มนั้น รวมทั้งเก็บปากการาคาแพง ที่กระเด็นตกข้างๆ คิดในใจว่าเจ้าของคงได้สอดปากกาแทรกทิ้งไว้ในสมุดนั้นมาก่อน เทเรซ่าเอาปากกามาแทรกไว้ในสมุดนั้นตามเดิม แล้วเดินมา แต่กลับมีอีกแฟ้มที่โดนลมตีกลิ้งปลิวมาแบอยู่ เทเรซ่าก็เก็บมาอีก แล้วเดินมาดูที่ตัวคน
เทเรซ่าถอนใจ อนาถปนเอ็นดู แล้วทรุดนั่งลง จัดการเก็บวางของพวกนั้นรวมกัน วางให้ดี แล้วเอาคอมพ์ฯวางทับ
ทันใด มือเกียรติบดินทร์เอื้อมมาจับหมับ ที่แขนเทเรซ่า
เทเรซ่าสะดุ้งร้องอย่างตกใจ “ว้าย..”
เกียรติบดินทร์พลิกตัว แต่ยังนอนอยู่ ขู่ขึ้นมา “ไรเนี่ย..ผู้บุกรุก ไม่รู้รึไง ว่าเล่นอยู่กับใคร..ไม่กลัวตายรึไง”
เทเรซ่าหันมาหา หัวเราะใส่หน้า “ใครกันแน่จะตายก่อน.. มานอนหลับกลิ้งอยู่ในที่เปลี่ยว เดี๋ยวก็โดนปล้นชิงทรัพย์จนได้ คุณดิน”
เกียรติบดินทร์ถอดแว่นดำออก ขยี้ตานิดๆ “เอาสิ ใครอยากจะทำอะไรก็ทำ จะเอาอะไรก็เอา ผมไม่สู้หรอก ยอม..” พลางลุกนั่ง “ผมไม่มีแรงจะไปสู้รบตบมือกะใครแล้ว เทเรซ่า งานก็หนัก แล้วเนี่ย..ต้องทำรีพอร์ทส่งทางมหาวิทยาลัยอีก เดตไลน์สิ้นเดือน จะไหวไหมเนี่ย”
“ถ้าเป็นภาษาอังกฤษ..เทเรซ่าช่วยได้นะ เทเรซ่าเคยเรียนการตลาดนะ ตอนอยู่คอลเลจ
เกียรติบดินทร์ ดี..งั้น..เอาไปหมดนี่เลย” ผลักทั้งคอมพ์ฯและแฟ้มส่งคืนให้
เทเรซ่าหัวเราะ “อะไรกันเนี่ย..ไม่เกรงใจกันเลย”
เกียรติบดินทร์แซวขำๆ “เกรงทำไมอะ คุณเป็นน้องสาวพี่ชายผม”
เทเรซ่านิ่ง อึ้งไปนิดหนึ่ง “พี่ชายของเรา”
เกียรติบดินทร์ “พี่ชายสุดที่รักของคุณ..บอกเค้าด้วยนะ ว่าต้องกลับมาทำงานของเค้าให้เสร็จ จะมาโบ้ยผมคนเดียวได้ไง ไม่ไหวนะ”
“เค้าก็ต้องช่วยคุณจนจบงานแหละค่ะ ไม่ต้องกลัว” เทเรซ่าว่า
“แน่ล่ะ เค้ามันคนดี คนรับผิดชอบ ใครๆ ก็เชื่อมั่นในตัวเค้า” เกียรติบดินทร์บอก
“แต่เค้าเชื่อมั่นในตัวคุณนะ คุณดิน..ไม่งั้น..เค้าจะคืนตำแหน่งหน้าที่ทุกอย่างให้คุณเหรอคะ ทุกๆคน..เชื่อมั่นใจตัวคุณ”
เกียรติบดินทร์มองจ้องหน้าเทเรซ่า “ตลกดีนะ”
“อะไรคะ”
“คุณไง..ทำไม..วันนึง คุณกลายมาเป็นคนที่มานั่งให้กำลังใจผมอยู่ตรงนี้”
“นั่นสิ” เทเรซ่ามองหน้า “ถ้าตอนนี้เทเรซ่าต้องไปจากเมืองไทย..คุณ..ก็คงเป็นคนเดียว..ที่..เทเรซ่าเป็นห่วง”
เกียรติบดินทร์งง “เป็นห่วง..เรื่องอะไร”
“ก็..คุณ..น่าสงสาร” เทเรซ่าว่า
เกียรติบดินทร์ฟังแล้วปรี๊ด “อะไรนะ”
เทเรซ่าจับมือเกียรติบดินทร์ไปกุม “เทเรซ่ารู้ค่ะ ว่าคุณไม่อยากเป็นคนน่าสงสาร..แต่..คุณน่าสงสารจริงๆ คุณเศร้ามาก..คุณดิน..อย่าเศร้านานนักนะคะ ..อย่ากลัว พระเจ้ามีเหตุผลเสมอ..ขอเพียงเราอดทน..และไม่ยอมแพ้ พระองค์จะนำทางให้คุณ พระองค์จะดูแล และอยู่ข้างๆ..พระองค์จะไม่ทอดทิ้ง”
เกียรติบดินทร์เอามืออีกข้างของตน มาวางทาบบนมือเทเรซ่า “แล้วคนล่ะ”
เทเรซ่าแปลกใจ “อะไรนะ”
เกียรติบดินทร์พูดชวนซึ้ง “ผมเชื่อ..ว่าพระเจ้าจะดูแล อยู่ข้างๆ..และไม่ทอดทิ้ง..แล้วคนล่ะ..เทเรซ่า..คนด้วยกันนี่แหละ..จะดูแล อยู่ข้างๆ และไม่ทอดทิ้งผม..หรือเปล่า”
ทั้งสองต่างมองกัน แววตาอ่อนโยน และซาบซึ้งใจ

บริเวณริมลำธารแห่งนั้น ฟ้ากระจ่างกำลังปรุงอาหารในหม้อ บนเตาที่ก่อไฟบนก้อนหินสามเส้า ข้างหลังคือเต๊นท์ใหญ่ ที่กางอยู่ มองเห็นสัมภาระต่างๆ
อีกด้านหนึ่ง ดวงยิหวากำลังตากผ้า ที่เป็นเสื้อจ้าง เสื้อตัวเอง ที่ซักมาประมาณจากลำธารข้างๆ
ฟ้ากระจ่างแหกปากร้องเพลงเพื่อชีวิตวงคาราบาวเสียงดังลั่น
“เบื้องบน เป็นแผ่นฟ้ากว้าง เบื้องล่าง เป็นทางน้ำไหล ตัวฉันมีกาน้ำหนึ่งใบ กับกองฟืน ที่วางอยู่เรียงราย”
ดวงยิหวาส่งเสียงมากลบท่อนจบของเพลง “พอน้ำเดือดเราก็แบ่งกันกิน..พอฟืนหมด..เราช่วย..กันเก็บฟืน”
ฟ้ากระจ่างหัวเราะชอบใจ “โห..ไรเนี่ย..พอขึ้นมา ก็จบเลย”
“ดวงทนเสียงพี่จ้างไม่ได้หนิ” ดวงยิหวาหัวเราะ เดินเข้ามาทำจมูกฟุดฟิด “อะไรคะเนี่ย..หอมจัง”
ฟ้ากระจ่างปล่อยมุก “กลิ่นธรรมชาติ..พี่ไม่ได้ใส่น้ำหอมอะไร”
ดวงยิหวาหัวเราะก๊าก “ดวงหมายถึง..อาหาร..ไม่ได้หมายถึงตัวพี่”
“อ้อ..นี่คือ..ต้มข่าปลาทูน่ากระป๋อง เริดป่ะล่ะ”
“ว้าว..เก๋สุดๆ เมนูฟิวชั่นมากมาย”
ฟ้ากระจ่างตบอกติดๆ กัน “นี่ใครๆ”
“ใคร” ดวงยิหวาไม่เก็ต
“ฟ้ากระจ่าง ศิษย์เชฟหึ่ง”
“เจ๋งเท่สรวด” ดวงยิหวายิ้มร่า
ทั้งสองคนหัวเราะ พร้อมกับกอดคอกัน
“พรุ่งนี้ก็หมดเวลาพักผ่อนแล้วนะ ต้องกลับไปสู่ชีวิตจริงกันซะที”
“ไม่อยากกลับเลยค่ะ”
“ทำไงได้ โลกนี้ไม่ได้มีเพียงเราสองคน”
“ช่าย..ยังมีพ่อแม่พี่น้องญาติมิตรการงานมากมายนัก”
“พี่ก็คงอยู่ช่วยน้องดินซักพักนะดวง แล้วพอเค้าแข็งแรงแล้ว พี่คงกลับมาอยู่นี่ถาวร”
“น้องดิน..” ดวงยิหวาหัวเราะอย่างขำๆ “หึๆ แปลกๆ ดีนะ..พี่จ้างเรียกคุณดิน..ว่าน้องดิน”
“ไม่ได้สิ ต้องเรียกน้องไว้ก่อน ดวงก็เหมือนกัน..ต่อไปนี้ ต้องเรียกน้องดินว่าน้องดิน..เพราะดวงเป็นพี่สะใภ้เค้า..ห้ามมีการปีนเกลียวกันอีก”
“แน่ะๆๆ..ยังไม่จบๆๆ” ดวงยิหวาเย้า
“ไม่ได้หรอก..เรื่องนี้..พี่ขอ”
ทั้งสองหัวเราะ ค้อนกันไปมาอย่างเป็นสุข
ดวงยิหวานิ่งคิดไปสักพักหนึ่ง “พี่จ้างกลับมานี่..แล้วดวงล่ะ”
“ดวงจะมาอยู่กะพี่ไหมล่ะ แต่พี่จนนะ” ฟ้ากระจ่างว่า
“โอ๊ย..จนตายล่ะ ลูกชายคุณปีเตอร์ โจเนี่ยนะ..จน” ดวงยิหวาสัพยอกพลางค้อนให้
“ฮื้อ..มันของๆ เค้า ไม่ใช่ของๆ เรา แล้วเราก็ไม่ได้ต้องการอะไรๆแบบนั้นนี่นา..(คิดๆ) ฟ้าลิขิตให้ชีวิตพี่เกิดมา..มีอะไรแปลกๆเยอะแยะไปหมด แต่พี่ก็ทำได้แค่นี้แหละดวง..เท่าที่มนุษย์คนนึงจะทำได้ พี่อยากจะตอบแทนบุญคุณคนทุกคนที่ให้อะไรดีๆกับพี่ เสียดาย..ที่ยังไม่ได้ตอบแทนแม่ให้เพียงพอ แต่ไม่เป็นไร พี่จะดูแลน้องดินแทน..เท่าที่เค้าต้องการ”
“ฟ้าหรือดินจะลิขิตอะไรมายังไง ก็ไม่เป็นไรนะคะ แต่เราทำสิ่งที่เรากำหนดเองได้ให้ดีที่สุดก็พอ... พี่จ้างจะรวยจะจน หรือจะเป็นยังไง จะอยู่ยังไง พี่จ้างก็รู้.. ว่าดวงต้องอยู่กะพี่อยู่แล้ว”
“ปากหวานจัง” ฟ้ากระจ่างยิ้มยั่ว
“แต่พี่จ้างก็รู้..ว่าดวงพูดจริง”
“ใช่..พี่รู้ แล้วก็ขอบคุณ..ที่ฟ้าส่งดวงมาให้พี่”
“ดวงก็ขอบคุณพี่..ที่พี่รักดวง”

ทั้งสองหนุ่มสาวมองหน้า สบตากันอย่างหวานชื่น ตระกองกอดกันและกันแนบแน่นอย่างแสนสุขใจ

จบบริบูรณ์
ขอบพระคุณที่ติดตามอ่านมาโดยตลอด และโปรดติดตามอ่าน "ดอกโศก" เร็วๆ นี้














Create Date : 19 มีนาคม 2555
Last Update : 19 มีนาคม 2555 10:29:50 น.
Counter : 523 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]