All Blog
ลิขิตฟ้าชะตาดิน ตอนที่ 18




ค่ำคืนนั้นดวงยิหวาพยายามโทรศัพท์หาฟ้ากระจ่างตลอดเวลาด้วยความร้อนใจ หน้าซีด ตกอยู่ในอาการหวาดหวั่น

“ปิดเครื่องค่ะพ่อ ไม่มีสัญญาณ..ติดต่อไม่ได้ในขณะนี้” ดวงยิหวาหันมาบอกนายเด่น
“เค้าไปไหนของเค้า” นายเด่นเองก็วิตกไม่แพ้ลูกสาว
“แบบนี้ผิดปกตินะคะ พ่อ..ดวงจะไปตาม” ดวงยิหวาเดินไปหยิบกุญแจ
“จะไปตามที่ไหน ดวง..ใจเย็นๆ..ดวงจะขับรถวนไปรอบๆ จังหวัดเหรอ” นายเด่นทักท้วง
“แต่พี่จ้างมีคนปองร้ายนะคะ” ดวงยิหวาทำท่าจะร้องไห้ออกมา
“แบบนั้น..พ่อยิ่งยอมให้ลูกออกไปไม่ได้ใหญ่”
ดวงยิหวาอึ้ง เผชิญหน้ากับพ่อ สีหน้านายเด่นดุดันและเอาจริง

ในเวลาเดียวกันฟ้ากระจ่างกับฟ้าใส ทั้งสองคนนั่งคุยกันอยู่ในรถที่เดิม ฟ้ากระจ่างเอ่ยขึ้นน้ำเสียงท้อแท้ สิ้นหวัง
“ผมไม่เอาแล้ว..ผมจะไปให้พ้น”
“ไปไหน” ฟ้าใสถาม
“กลับบ้านเรา”
“บ้านเรา?..จ้าง..ศาลเจ้าไม่ใช่บ้านเธอนะ!!” ฟ้าใสบอก
“ทำไมจะไม่ใช่” ฟ้ากระจ่างพูดด้วยหน้าตาถือทิฐิ
“ศาลเจ้าก็คือศาลเจ้า อาจจะเป็นแค่ที่ที่เค้าเลี้ยงดูให้เธอโตมา ก็เท่านั้น”
“ถ้าศาลเจ้าไม่นับเป็นบ้าน..ผมก็คือคนที่ไม่เคยมีบ้านเลย..ถ้างั้น...”
ฟ้าใสพูดสวนขึ้นมาทันที
“โอเค..ก็ได้..ที่นั่นคือบ้าน คนพวกนั้นคือคนที่ดีกับเธอ คนที่เธอคุ้นเคย คนที่มีบุญคุณกะเธอ เป็นที่ๆเธอรู้สึกว่าชัวร์ ปลอดภัย อบอุ่น..แต่เธอไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะจ้าง..ที่พอเจออะไรแย่ๆ ก็ร้องไห้..วิ่งหนีกลับบ้าน..กลับไปฟ้องพ่อแม่..เวลาเจอปัญหาอะไร เราจะต้องทนให้ได้ แล้วก็ต่อสู้ เอาชนะให้ได้”
“ผมไม่สู้ ผมยอมแพ้ ผมไม่ต้องการชนะใครหรืออะไรทั้งนั้น ใครอยากได้อยากมีอยากเป็นอะไรก็เชิญตามสบายเลย ผมขอบาย”
“แต่เธอ..จะขี้ขลาดอย่างนี้ไม่ได้” ฟ้าใสพูดเสียงจริงจัง
“ผมไม่ได้ขี้ขลาด ผมไม่ได้กลัวตาย แต่ถ้าผมจะตาย ผมก็ควรตายในเรื่องที่ผมเป็นต้นแหตุ ไม่ใช่มาเป็นตัวล่อเป้าให้กับเรื่องชั่วๆ ของคนอื่น”
“ทำไมคนพวกนี้มันใจร้ายใจดำกันจริงๆ สงสัยพวกคนรวยมันจะเป็นแบบนี้กันทุกคน”
“ใจร้ายใจดำเหรอ..เป็นคำที่ดีเกินไปนะเจ๊.. ผมไม่เคยทำอะไรให้เค้าเดือดร้อนเลย เค้าไปหลอกผมมา ให้มาเป็นเหมือนสายล่อฟ้าของเค้า ทำเป็นดี ทำเป็นรักเมตตา เอาความกตัญญู เอาทุกอย่างมาล่อ ทำไมเค้าต้องลงทุนซับซ้อนขนาดนี้ด้วย ไปหลอกเด็กคนนึงให้มาตาย..แล้วแม่ผมก็รู้เห็นเป็นใจด้วยเหรอ ผมมันโง่.. ที่ไปหลงเชื่อเรื่องทายาทคนโตเรื่องสวยงามสูงส่งที่เค้าเอามาอ้างกัน ผมมันปัญญาอ่อนชิบเป๋ง”
พูดจบฟ้ากระจ่างก็น้ำตาคลอด้วยความคับแค้นใจ
ฟ้าใสมองแล้วมองอีก เพราะไม่เคยเห็นอารมณ์นี้ของฟ้ากระจ่างมาก่อน แล้วอึ้งไป

เวลาเดียวกันเหตุการณ์ที่บ้านบัญชาทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า ขณะที่นายน้อมส่ายหัว ขณะรายงานดารากานต์กับบัญชา “ติดต่อไม่ได้เลยครับ”
ดารากานต์น้ำตาคลอเบ้า เอาผ้าเช็ดหน้าคอยซับไม่ให้ไหล
“เราไปแจ้งความกันดีไหมคะ จ้างอาจกำลังอยู่ในอันตราย”
“หายไปไม่กี่ชั่วโมง ไม่มีใครเค้ารับแจ้งความหรอก”
“นายเด่นกะยัยดวงอาจจะโกหกก็ได้ ป่านนี้คงกำลังพลอดรักกันอยู่มั้ง” ทรายทองหงุดหงิด ฉุนเฉียว
เกียรติบดินทร์อยู่ด้วยตวาดใส่ทันที
“หุบปากไว้ดีกว่าทราย ถ้าจะพูดอะไรที่ไม่ช่วยใคร ก็ขึ้นไปนอนได้แล้ว”
ป้าบัวหันมาปลอบดารากานต์ “นายหญิงพักผ่อนก่อนดีกว่าไหมคะ เดี๋ยวดึกๆ คุณจ้างก็คงกลับมาค่ะ ไม่มีอะไรร้ายๆ เกิดขึ้นหรอกค่ะ เชื่ออิฉันนะคะ”
“สวดมนตร์สิ อธิษฐาน..ขอเทพเจ้าที่เธอนับถือให้คุ้มครองลูกชายของเธอ..รับรอง ว่าได้ผล” บัญชาประชดแต่ดารากานต์ฟังไม่ออก ว่าเยาะหรือพูดจริง
เกียรติบดินทร์ปรายตามองพ่อ รู้สึกขัดหู

กลางดึกคืนนั้น ฟ้ากระจ่างขับรถมาถึงบริเวณหน้ารั้วบ้าน ปิดไฟหน้า แล้วค่อยๆ แล่นมาและจอดรถ ฟ้ากระจ่างเอนพิงพนัก กอดอก มองตรงไปเบื้องหน้า เพ่งมองตึกหลังใหญ่โตบ้านบัญชา ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงหน้า ท่ามกลางความมืด เปิดไฟทุกห้อง ทุกหน้าต่าง สว่างไสวสวยงาม อลังการ
สีหน้าจ้างที่มองตึกนั้นค่อยๆ นิ่ง สงบ และสุดท้าย กลายเป็นเย็นชา มีแววเยาะหยันแกมสมเพชเวทนา

รุ่งเช้าวันต่อมากู๋เหลียง กับอาหึ่งกำลังพยุงนักบวชตงลงจากรถเข็น ให้นั่งลงที่ตั่งนั่งเล่น สารภีวิ่งตามดู เห็นหน้าตาอาจารย์ตงซูบซีด เซียวๆ เหมือนแปลกตาไปในคืนเดียว
“จะตายไหม อาจารย์ตงจะตายหรือเปล่า” สารภีถาม
“นังปากเสีย ไปเอาน้ำมาให้อาจารย์ตงที นั่นน่ะ กาน้ำชา ยกมา ช่วยกันหน่อย” อาหึ่งว่า
ในอีกมุมหนึ่ง อาม่าสาลี่กำลังกดโทรศัพท์หาใครคนหนึ่ง เวลาเดียวกันโทรศัพท์มือถือจ่าง วางโต๊ะข้างเตียง ดังขึ้น
ฟ้ากระจ่างใส่เสื้อคลุม กำลังโกนหนวดหน้ากระจกในห้องน้ำ แววตาขรึมเศร้า ได้ยินเสียงโทรศัพท์ วางมือ หยิบผ้าขนหนูมาเช็ดมือ เดินออกไปรับ
ฟ้ากระจ่างหยิบมาดู แล้วกดรับทันที “อาม่าครับ”
“อาจ้าง..อาจารย์ตงหกคะล้มขาหัก ตะโพกร้าว” อาม่าบอก
“อะไรนะครับ เมื่อไหร่ ยังไงครับ”
“เหตุเกิดเมื่อคืนนี้ ฝนตก อาจารย์ลื่นล้มแรงพอควร พาไปโรงพยาบาล หมอเค้าเข้าเฝือก แล้วจะให้นอนพักโรงพยาบาล เพราะอาจารย์ดูอ่อนแรงมาก แต่อาจารย์ไม่ยอม พอเช้า ก็งอแงจะกลับศาลเจ้าท่าเดียว ตอนนี้..พวกเราก็เลยต้องเอากลับมาแล้ว”
ฟ้ากระจ่างนิ่งฟัง สีหน้าเครียดๆ “ขอผมพูดกับกู๋เหลียงหน่อย”
อาม่าสาลี่เดินเอาโทรศัพท์มาส่งให้กู๋เหลียง “อ่า..พูดกะอาจ้างหน่อย”
“กู๋หรือครับ สวัสดีครับ ทำไมกู๋ยอมตามใจอาจารย์ตงขนาดนั้นล่ะครับ เอากลับมาได้ยังไง ถ้าหมอเค้าอยากให้อยู่โรงบาล ก็แปลว่าหมอเค้าดูแล้ว ว่ามีอะไรที่น่าเป็นห่วง เราก็ควรจะเชื่อหมอสิครับ”
กู๋เหลียง ฟังแล้วถึงกับถอนหายใจ “ลื้อก็รู้ อาจ้าง ว่าคนเรา ยิ่งแก่มันก็ยิ่งดื้อ ใครขัดใจได้ที่ไหน”
“ทำไมจะไม่ได้ กู๋ต้องเด็ดขาดหน่อยสิครับ กู๋ใจอ่อนแบบนี้ ถ้าอาจารย์เป็นอะไรไป ใครจะเป็นคนรับผิดชอบล่ะครับ”
“อ้าว..ก็แก่ๆด้วยกันแล้ว ใครป่วย คนนั้นดื้อ คนนั้นก็ต้องรับผิดชอบตัวเองสิ” กู๋เหลียงบอก
“ไม่ได้นะครับ กู๋..คนป่วยจะรับผิดชอบตัวเองได้ยังไง คนดีๆสิครับ ที่ต้องรับผิดชอบ ถ้ากู๋ตามใจอาจารย์ จนเกิดผลเสีย อาจารย์เป็นอะไรขึ้นมา ผมจะโทษกู๋”
“อาจ้าง...” กู๋เหลียงเดินหนีห่างออกมาจากคนอื่น “เรื่องของเรื่อง..ลื้อต้องเข้าใจ..ว่าอาจารย์ตงแกขี้เหนียว..แล้วแกเสียดายเงินเก็บ..เวลาชาวบ้านเดือดร้อน แกไม่เคยหวง แต่สำหรับตัวเอง..แกประหยัดขนาดไหน ลื้อก็รู้ แกกลัวเงินหมดแค่นั้นแหละ”
ฟ้ากระจ่างฟังแล้วรู้สึกขัดใจ “ถ้าเป็นเรื่องเงิน กู๋เรียกรถพยาบาลมาเอาตัวแกกลับไปเลย เดี๋ยวอั๊วไปโอนเงินใส่บัญชีแกเดี๋ยวนี้เลย เท่าไหร่เท่ากัน บอกแก ว่าไม่ต้องสนใจเรื่องเงิน อั๊วจัดให้ ถ้าแกยังดื้อ กู๋ก็บอกไปเลย ว่าอาจ้างขอร้อง..ถ้าไม่ไป ถือว่าไม่รัก ไม่เชื่อฟังกัน”
กู๋เหลียงอึ้งๆ กับคำพูดเด็ดขาดของฟ้ากระจ่าง พอหันมาเห็นอาหึ่งมาเข้าคิวรอ จึงส่งโทรศัพท์ให้อาหึ่งคุยต่อ
“อาจ้าง..อาจ้างจะมาเยี่ยมอาจารย์เค้าหน่อยไหม ถ้าลื้อมา อาจารย์คงมีกำลังใจขึ้นเยอะ” อาหึ่งว่า
“ป๊า..ป๊าก็รู้..ว่าอั๊วเพิ่งกลับมาเองนะ แล้วตอนนี้งานใหม่อั๊วก็กำลังเริ่ม งานใหญ่มาก เพิ่งประมูลปาดหน้าคู่แข่งมาได้ งานสร้างถนนนะป๊า ราคาเป็นหลักร้อยล้าน อั๊วไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น แต่อั๊วจะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายให้อาจารย์ตงเอง..ไม่ต้องกลัว ถึงตัวไม่ถึง แต่เงินถึงก็แล้วกัน..ป๊าบอกอาจารย์แกด้วย..แล้วป๊าล่ะ ขาดเหลืออะไรก็บอกมานะ อั๊วจะได้โอนไปให้พร้อมกันเลย..” น้ำเสียงฟ้ากระจ่างฟังดูแข็งกระด้างและเด็ดขาด
อาหึ่งฟังแล้วทำหน้าแปลกใจ รู้สึกว่าฟ้ากระจ่างเปลี่ยนไปอย่างผิดสังเกต จังหวะนั้นจึงหันมาสบตากู๋เหลียง ซึ่งกู๋เหลียงเองก็รับรู้ ทำหน้าเฝื่อนๆ เหมือนกัน
ฟ้ากระจ่างวางสายแล้วเดินกลับมาโกนหนวดต่อ หน้าตาเย็นชา ไม่ยี่หระ

ฟ้ากระจ่างอยู่ในชุดเตรียมตัวไปทำงานข้างนอก และกำลังเดินลงบันไดมา ดารากานต์เห็น รีบเดินมารับ
“จ้าง..จ้างทำแบบนี้ได้ยังไง ทีหลังจะไปไหนมาไหนก็บอกกันหน่อยสิลูก แล้วห้ามปิดโทรศัพท์อีก เข้าใจไหม เมื่อคืนนี้ทำให้ทุกคนเป็นห่วงมากนะ”
ฟ้ากระจ่างมองหน้าแม่ มีแววหยันอยู่ในที “ทุกคนเป็นห่วงผม!” หัวเราะพรวดขึ้น “อ้า..น่าประทับใจจัง”
“ยังจะมาทำเป็นขำ แม่รู้ ว่าจ้างโตแล้ว จ้างไม่กลัวอะไร แต่ตอนนี้ลูกมีคนปองร้ายนะจ๊ะ ลูกต้องระวังตัว จะไปไหนมาไหน ต้องมีคนคุ้มกันสิ”
“คุ้มกัน..คุ้มกันไปทำไมครับ”
“คุ้มกันไม่ให้มีมือปืนที่ไหนโผล่มาถล่มลูกน่ะสิ ไม่เอานะ จ้าง..ดูแต่นายหัวสิ..เพราะเราเชื่อไง..ว่าเราจะไม่เป็นไร เราถึงโดนกันตลอดๆ ต่อไปนี้แม่ไม่ยอมให้ใครประมาทอีกแล้ว เมื่อตำรวจไม่เคยจับพวกคนร้ายได้ซะที พวกเราก็ต้องดูแลปกป้องครอบครัวของเราเอง”
“ดีครับ งั้นจัดคนไว้คุ้มกันครอบครัวนี้ให้ดีๆ เลยนะครับ ตามสบายเลย” พูดจบก็เดินผ่านไป
“อ้าว จ้าง จะไปไหน กินอาหารเช้าก่อนสิลูก”
“ไม่ล่ะครับ..ผมจะรีบไปทำงาน ธุระผมเยอะ”
“อะไรกันจ้าง..ไปทำงานอะไรอีก”
“อ้าว..ก็งานของบริษัทของเราไงครับ ผมไปก่อนนะครับ” ฟ้ากระจ่างไหว้ แล้วรีบออกไป
“เดี๋ยว จ้าง ทำไมไปคนเดียว”
ฟ้ากระจ้างไม่สนใจฟัง เดินลิ่วๆ ออกไป
“จ้าง..จ้าง อย่าเพิ่งไปสิลูก”
ดารากานต์จะเดินตาม พอดีกับที่ป้าบัวเดินสวนออกมา เข้ามาขัดไว้
“อะไรคะ นายหญิง”
“จ้างทำไมดื้อแบบนี้นะ” ดารากานต์หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา “ต้องคุยกับนายเด่นให้รู้เรื่อง งานอะไร ใช้ลูกชายชั้นจนไม่ได้กินข้าวเช้า”
“เดี๋ยวค่ะ นายหญิง อย่าไปยุ่งกะเค้าเลยค่ะ” ป้าบัวออกปากห้าม
“เอ๊ะ ป้าบัวว่าชั้นยุ่งเหรอ” น้ำเสียงดารากานต์ไม่พอใจ
“นายหญิงไม่เคยไปเกี่ยวข้องกับเรื่องงานของใครเลยนะคะ ของนายหัว ก็ไม่เคย”
“แต่นี่จ้าง..ลูกชั้นนะ” ดารากานต์กดเบอร์ รอฟัง สีหน้าออกอาการหงุดหงิดชัดเจน “นายเด่นไม่รับสาย บ้าชะมัด...เดี๋ยวจะเล่นงานให้น่าดู..งั้นโทร.หายัยลูกสาวดีกว่า” ดารากานต์กดโทร.หาดวงยิหวา
บ้าบัวมองตาม ด้วยความไม่สบายใจ

ช่วงเช้าเวลาเดียวกันนั้นดวงยิหวา ซึ่งแต่งตัวทะมัดทะแมง คล่องตัว และกำลังใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปการทำงานของช่างรังวัดที่บริเวณถนนดินลูกรัง ระหว่างทุ่งหญ้าแห่งนั้น ถึงกับสะดุ้ง เพราะโทรศัพท์นั้นเกิดดังขึ้นมา
ดวงยิหวาเอาโทรศัพท์มาดู ปล่อยให้ทีมช่างรังวัด 2 ทีม ที่กำลังส่องกล้อง วัดระดับพื้นที่กันอยู่ โดยแต่ละทีมมีคนส่องกล้องสำรวจ คนจดตัวเลข และคนถือที่วัดทำงานกันต่อไป
“สวัสดีค่ะ นายหญิง..” ดวงยิหวาฟังนิดนึง “..เปล่าค่ะ..”
นายเด่นกับวิศวกรและโฟร์แมนกำลังดูแบบกันอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
“อ๋อ พ่ออยู่ค่ะ แต่สงสัย..โทรศัพท์พ่อจะอยู่ในกระเป๋าในรถ เลยไม่ได้รับสายนายหญิงค่ะ เอ้อ..คือ..วันนี้พ่อไม่ได้นัดคุณจ้างให้มาที่นี่ค่ะ ..” ดวงยิหวาฟัง “คุณจ้างยังไม่ได้โทร.มาหาดวงค่ะ แค่แมสเสจมาเฉยๆ..เอ้อ..ก็...” ดวงยิหวานึกได้ถึงกับอึ้งไป ที่โดนถามเรื่องส่วนตัว ทำให้หน้าแดงขึ้นมา “..แมสเสจว่า..ก็เอ้อ..คือ..ทักทายกันเฉยๆ น่ะค่ะ..” ฟังต่อ “ไม่ทราบเลยค่ะ คุณจ้างไม่ได้บอกอะไรค่ะ ค่ะๆ ถ้าคุณจ้างมาที่นี่..ดวงจะเรียนนายหญิงทันทีค่ะ”
ดวงยิหวากดวางหู ทำหน้าไม่สบายใจขึ้นมา
นายเด่นมองมาดวงยิหวามองตอบ สีหน้านายเด่นเป็นเชิงถามคำถามเพราะห่วงลูกสาว ดวงยิหวายิ้มเจื่อนแทนคำตอบ

กู๋เหลียงกำลังประคองถ้วยยาให้นักบวชตงดื่ม นักบวชตงดื่มนิดเดียวก็มีอาการผะอืดผะอม ผลักถ้วยออก แล้วนอนลง
“อีกนิดไม่ได้เหรอ อาจารย์” กู๋เหลียงบอก
นักบวชตงเอาแต่ส่ายหน้าไปมา “เวียนหัว..ไม่ไหวแล้ว” จากนั้นก็นอนคลุมผ้า แล้วหันหลังให้
อาหึ่งมองดู แล้วเข้ามากระซิบกู๋เหลียง “ท่ามันไม่ดีแล้วนะ อากู๋เหลียง นี่ไง ที่เค้าว่าห้ามคนแก่ล้ม เพราะแค่ล้ม.. ก็อาจจะมีอย่างอื่นตามมาได้อีกบาน”
“เฮ้อ..พูดอะไรนะ อาหึ่ง” กู๋เหลียงเอ็ดเอา
ระหว่างนั้นอาม่าสาลี่ก็เดินหน้าตาตื่นเข้ามา พร้อมถุงของกิน ในมือข้างหนึ่งมีสมุดธนาคาร 2-3 เล่มชูขึ้น
“อากู๋เหลียง มีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นแล้ว” อาม่าสาลี่ร้องบอกทุกคน
สารภีได้ยินเสียงรีบวิ่งมา “อาม่า ซื้อขนมอะไรมามั่งๆ”
“เดี๋ยวก่อนน่า สารภี” อาม่าดุใส่ แล้วหันมาทางกู๋เหลียง “สมุดบัญชีกู๋..กับสมุดบัญชีอั๊ว...”
“ทำไม มีใครมาลับลอบโอนเงินออกไปทางเอทีเอ็มเรอะ” กู๋เหลียงสัพยอก
“ตรงข้ามน่ะสิ มีคนโอนมาให้..เป็นหมื่นๆ แสนๆ เลยน่ะสิ”
“ฮ้า..ใช่แก๊งจีน แก๊งไต้หวันมันเอาเลขบัญชีเราไปให้เหยื่อทางโทรศัพท์มารึป่าว ระวังนา เดี๋ยวได้โดนตำรวจจับกันหมดยกแก๊ง” อาหึ่งว่า
“แก๊งไต้หวันที่ไหนกัน แก๊งอาจ้างตะหากล่ะ” อาม่าบอก
“หา..ที่มันบอก..จะโอนเงินมาให้รักษาอาจารย์ตงน่ะเหรอ มันโอนมาแล้วเหรอ”
“ใช่ แต่..มันจำนวนมันสูงมาก..มากจนเหมือนมันไปโกงใครเขามารึเปล่า แล้วมันมาให้อั๊วด้วยทำไม..อั๊วไม่เข้าใจ”
สารภีหูผึ่ง ตาโต “หา..อาจ้างให้เงิน แต่ลื้อไม่อยากได้..งั้นเอามาให้อั๊วแทนเดี๋ยวนี้”
“อาหึ่ง..ลื้อก็มีบัญชีใช่ไหม ลองเอาไปอัพเดตดูซิ อั๊วสงสัย..ว่าอาจ้างมันกำลังผ่องถ่าย เอาเงินใครมาให้เรา หรือว่ามันกำลังทำสิ่งที่เค้าเรียกว่า..ฟอกเงิน..กับบัญชีออมทรัพย์ของพวกเราหรือเปล่าน่ะสิ” อาม่าเป็นกังวล
“เป็นไปไม่ได้ อาจ้างไม่มีทางทำอะไรไม่ดีหรอก เป็นไปไม่ได้”
อาหึ่งบอก แต่ทุกคนหน้าซีดไปตามๆ กัน

เวลาเดียวกันที่บริเวณไซด์งาน ในณะที่ดวงยิหวาทำงานอยู่กับนายเด่น ทีมงานรังวัด และคนงานรถกระบะของบริษัทคันหนึ่ง แล่นเข้ามาจอด ทุกคนหันไปมองด้วยความสนใจ เห็นฟ้ากระจ่างก้าวเดินลงมา ใส่แว่นดำ สวมหมวก แบบคนที่พร้อมจะลุยทำงานกลางแจ้งเต็มที่
นายเด่น กับดวงยิหวา ต่างมองอย่างงงๆ
“เป็นไง เดี๋ยวพักเที่ยงแล้วใช่ไหม สั่งอาหารไว้ให้ทุกคนแล้วนะ ที่ร้านเจ๊กุ้ง ตรงริมหาดน่ะ ขับย้อนไป 5 กิโลเมตร”
ช่างรังวัดหันมาไหว้ขอบคุณ “คุณจ้าง..มาเที่ยวชมไซด์งานเหรอครับ แดดร้อนนะครับ”
ฟ้ากระจ่างรับไหว้ “ครับ ร้อนจริงๆ ลำบากกันหน่อยนะ พวกเรา สู้ๆ” ยิ้มพร้อมกับไหว้ และรับไหว้ทุกคน
“คุณจ้าง..มีอะไรรึเปล่าครับ” นายเด่นทนเก็บความสงสัยไม่อยู่
“อะไร..หมายความว่าอะไรครับนายเด่น” ฟ้ากระจ่างย้อนถามกลับ
“ก็..คุณจ้างอุตส่าห์มาถึงนี่”
“อ้าว..ก็ผมคือเจ้าของโปรเจ็คท์นี้ไม่ใช่เหรอ ชื่อผมขึ้นหราอยู่ในเอกสาร แล้วเดี๋ยวเวลาทำป้ายมาปักตรงนี้ ชื่อผมมันก็จะอยู่เหนือทุกคน..ผมก็ต้องมาทำหน้าที่สิ”
นายเด่น กับดวงยิหวา หันไปสบตากัน
“คุณจ้างคะ นายหญิงบอกว่า ถ้าคุณจ้างมาที่นี่..ให้โทร.ไปหานายหญิงด้วย” ดวงยิหวาพูดเป็นทางการ
ฟ้ากระจ่างหัวเราะลั่น “ทำไมต้องโทร.ก็บอกแต่แรกแล้ว ว่าจะมาทำงาน”
“นายหญิงคงเป็นห่วงน่ะค่ะ”
“จะห่วงทำมั้ย..ไร้สาระ ไม่เนียน” ฟ้ากระจ่างเยาะแกมหยัน
“อะไรนะคะ” ดวงยิหวาประหลาดใจ
ฟ้ากระจ่างยิ้มเยาะ “สงสัยคงอยากแสดงให้ใครๆ เห็นไง ว่ารักลูกมาก..” ว่าพลางหัวเราะหึๆ แล้วเดินไปหาช่างรังวัด เข้าไปพูดคุย ซักถาม ยิ้มแย้มอย่างกันเองและเป็นมิตร
ดวงยิหวามอง อย่างห่วงใย และยิ่งสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่กับฟ้ากระจ่าง

เย็นนั้นที่บ้านบัญชา มีการนัดประชุมเรื่องงาน โดยมีฟ้ากระจ่าง บัญชา บุรี และผู้รับเหมารายย่อย อีก 4 คน ร่วมหารือกันอยู่ เวลานั้นเด็กรับใช้กำลังเสิร์ฟกาแฟ ของว่างให้แขก โดยมีป้าบัวคอยจัดการดูแลความเรียบร้อย ส่วนนายน้อมคอยดูแลบัญชาเหมือนเดิม
“ทางพี่คม สามารถระดมวัสดุทั้งหมดให้พวกเราได้ตามกำหนดการใช่ไหมพี่” บุรีเอ่ยขึ้น
“ได้ครับ ผมสต็อกเอาไว้ครบตามสเป็คแล้ว แต่มันมีบางตัวครับ ที่ขึ้นราคามากจริงๆ ผมอยากจะขอหารือ” ผู้รับเหมาชื่อคมบอก
จังหวะนั้นเกียรติบดินทร์เดินมาถึง นั่งลง ที่เก้าอี้ว่างตัวหนึ่ง แล้วเหยียดยิ้มเก๊กๆ ให้พวกผู้ใหญ่ทั้งหลาย ก่อนจะหันไปทางป้าบัว
“ป้าบัว ขอขนมผมที่นึง แต่ไม่เอากาแฟนะ เอาโกโก้เย็น”
ป้าบัวเหล่มอง “น้องดินจะรับของว่าง เชิญข้างใน ดีไหมคะ ป้ามีขนมให้เลือกอีกนะคะ”
“ผมไม่ได้เน้นเรื่องกิน ผมจะมาขอฟังด้วย”
“ฟังอะไร เรื่องงาน สร้างถนนหนทาง..ไม่มีอะไรสนุกหรอกน่า” บุรีพูดขัดคอ
“ผมไม่ได้อยากสนุกหนิ ถ้าอยากสนุก ผมก็ไปเล่นเกมสิ”
“น้องดิน ..อย่ากวนได้ไหม ผู้ใหญ่เค้าจะคุยกัน” บัญชาปราม
“อ้าว..จะเข้ามานั่งในวงประชุมนี้ มีตรวจบัตรประชาชนด้วยเหรอครับ..ว่าอายุถึงยัง” เกียรติบุรีโยกโย้ก่อการกวนตามถนัด
จู่ๆ เสียงฟ้ากระจ่าง ก็ดังแทรกขึ้น
“คุณเกียรติบดินทร์เชิญร่วมประชุมตามสบายเลยครับ..ผมอนุญาต”
ทุกคนหันไปมอง เห็นฟ้ากระจ่างก้าวเข้ามา ยืนไหว้ผู้ใหญ่ทุกคน ยิ้มให้อย่างสุภาพ
ฟ้ากระจ่างหันไปทางเด็กรับใช้ “ขอเก้าอี้ตัวนึงสิ เธอ” ก่อนจะหันมาทางป้าบัว “ป้าบัวครับ ขอขนมกับชาให้ผมนะครับ ขอบคุณ”
“จ้าง..ความจริง..เธอ..พักผ่อนก็ได้นะ ได้ข่าวว่าไปดูที่ไซด์งานมาทั้งวันแล้วนี่” บุรีบอก
“ไม่เป็นไรครับ คุณอาบุรี ผมก็อยากจะทราบรายละเอียดของงานในทุกๆ แง่มุมเหมือนกัน”
“ไม่จำเป็นหรอก จ้าง..เรามีมืออาชีพคอยสนับสนุนเธออยู่แล้ว ชั้นก็คอยดูอยู่ทั้งคน” บุรีว่า
ฟ้ากระจ่างหันมา ตีหน้าซื่อ
“ขอบคุณครับ นายหัว แต่ทุกคนว่าไหมครับ..คนที่ควรพักผ่อนจริงๆ คือนายหัวต่างหาก ดูสิ..อายุก็เยอะ..ร่างกายก็มีปัญหาแบบนี้ ยังอุตส่าห์ห่วงใย ดูแลคุ้มครองพวกเราไม่ยอมปล่อยมือเลย นี่ผมก็ตั้งใจจะมาช่วยผ่อนภาระนายหัว แต่นายหัวก็แค่ใส่ชื่อผมเป็นนอมินีไว้แค่นั้นเอง..บางทีผมก็น้อยใจเหมือนกันนะ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ นายหัวจะไว้วางใจให้ผมทำอะไรจริงๆ ซะที”
เกียรติบดินทร์ฟังแล้วมองหน้าฟ้ากระจ่าง ด้วยอาการช็อกนิดๆ
บัญชา กับบุรีถึงกับผงะ ส่วนคนอื่นยิ้มหัวชอบใจ ขณะที่นายน้อมแอบมองอย่างตกตะลึง

เวลาต่อมานายน้อมกำลังประคองบัญชาให้นั่งลงบนเตียง บัญชาหน้าเครียด เหมือนกำลังครุ่นคิด บุรีตามเข้ามา ปิดประตูตามหลังเสียงดังปึงปัง
“นายหัว..ไอ้จ้างมันแปลกๆ แล้วนะ นายหัวรู้สึกหรือเปล่า” บุรีรู้สึกฉุนขาด
“ใครไม่รู้สึกก็กระบือแล้วล่ะ” บัญชาประชดส่ง
“ผมนึกอยู่แล้ว ว่าไอ้นี่มันไม่ใช่ใสๆไร้พิษสง มันกำลังงอกเขี้ยวงอกเล็บงอกหูงอกหางแล้ว นายหัวจะทำไงก็รีบทำนะ หรือจะให้ผมทำ”
จังหวะหนึ่งบัญชามองมา เห็นนายน้อมมองจ้องตาโตอย่างสนใจ “นายน้อม”
“ครับผม”
“มายืนเบิ่งอะไรอยู่ไม่ทราบ ออกไปได้แล้ว” บัญชาหมั่นไส้
“ครับๆๆ”
นายน้อมรีบเดินออกไป

บัญชามองจนเห็นว่าประตูปิดสนิทจึงถามขึ้น
“บุรี ฝีมือแกหรือเปล่า..เหตุการณ์เมื่อคืนก่อนน่ะ”
“อะไรครับ”
“ก็ที่มีคนมายิงจ้าง”
“เปล่าครับ นายหัว ผมไม่เกี่ยว”
“แน่ใจนะ”
“โธ่..นี่นายหัวเห็นผมเป็นคนโกหก พกลมไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” บุรีโวยวาย
“อืม..ถ้าอย่างนั้น...”
บัญชานิ่งไป บุรีรอฟัง แต่รออยู่นานสองนาน บัญชาก็ไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักคำ
“ถ้าอย่างนั้น..อะไรครับ” บุรีอดรนทนไม่ไหว ถามขึ้น
“ปล่อยให้จ้างมันสำแดงฤทธิ์เดชอะไรให้ชัดกว่านี้ก่อน” บัญชาว่า
“แค่นี้ยังไม่ชัดพออีกเหรอครับ ใจเย็นไป มันจะไม่ทันการนะครับ นายหัว”
“เอาเถอะน่า ชั้นรับผิดชอบเอง..ไม่มีอะไรสายไปหรอก รอเดี๋ยว”
“นายหัวจะรออะไร” บุรีสงสัย
“เออน่า..แบบนี้..คงอีกไม่นาน”

สีหน้าบัญชาขณะพูดดูเหี้ยมเกรียมและดุดัน จนบุรีงง














Create Date : 11 มีนาคม 2555
Last Update : 11 มีนาคม 2555 21:31:40 น.
Counter : 284 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]