All Blog
ลิขิตฟ้าชะตาดิน ตอนที่ 5



อาจารย์พิทักษ์แวะมาที่ศาลเจ้าตั้งแต่เช้า และเวลานี้กำลังวางจดหมายราชการลงกลางวงสนทนา ซึ่งมี อาจารย์สมบัติ นักบวชตง และกู๋เหลียง ร่วมหารือกันอยู่

ฟ้ากระจ่างวางมือจากการทำความสะอาดแท่นบูชา รีบมามุงดู ถามขึ้นอย่างตื่นเต้น
“สำเร็จแล้วหรือครับ อาจารย์”
“ใช่..บริษัทหลอดไฟฟ้ายินดีจะเป็นสปอนเซอร์ให้เรา” อาจารย์พิทักษ์หันมามองฟ้ากระจ่างแล้วพูดขึ้นกลางวง
“แหล่มเลย!” ฟ้ากระจ่างยิ้มแต้
“เท่านั้นยังไม่พอนะ พวกเราจะดังกันใหญ่แล้ว” อาจารย์สมบัติพูดแบบขำๆ
“ดังยังไงครับ อาจารย์” นักบวชตงถาม
“เพื่อนผม...ที่สอนที่ม.สุโขทัย นอกจากจะช่วยเราเรื่องวิ่งขอสปอนเซอร์แล้ว เค้ายังจะเอาการปฏิบัติงานของมูลนิธิเราไปทำเป็นรายการสารคดีทางสถานีโทรทัศน์ฝึกหัดของนักศึกษา” อาจารย์พิทักษ์ตอบแทน
“จะมีเด็กนักศึกษาคณะนิเทศฯมาถ่ายทำรายการเวลาพวกเราไปทำกิจกรรมเปลี่ยนหลอดไฟลดโลกร้อนกันจริงๆ” อาจารย์สมบัติเสริม
“นิเทศฯหรือครับ” ฟ้ากระจ่างดูจะกระตือรือร้นเป็นพิเศษ และหน้าตาสดใสขณะถาม
กู๋เหลียงเหมือนจะสัมผัสถึงสัญญาณผิดปกติบางอย่างได้ หันมามองฟ้ากระจ่างอย่างจับสังเกต
“นิเทศฯ แล้วเป็นไง”
ฟ้ากระจ่างสีหน้าเจื่อน ออกอาการเก้อๆ “เอ่อ...คือ...เปล่าครับ ก็...มันก็..เป็นวิชาที่ดี...ไม่ใช่เหรอครับ”
กู๋เหลียงมองจับผิดอยู่อย่างนั้น ฟ้ากระจ่างเกาหัว หลบตาวูบ

บ้านนายเด่น เป็นบ้านของคนฐานะปานกลาง อยู่อย่างสบายพอควรตามอัตภาพ ไม่ใหญ่หรือตกแต่งอย่างหรูหรามากมาย
ตอนเช้าของวันต่อมา ดวงยิหวานั่งออนไลน์อยู่หน้าคอมพ์ที่บ้าน ขณะที่นายเด่นผู้เป็นพ่อแต่งตัวเรียบร้อยเดินลงมาจากชั้นบน เตรียมจะออกข้างนอก
ดวงยิหวาหันไปเห็นพ่อ แล้วรีบลุก “พ่อเอากาแฟหรือเปล่าจ๊ะ”
“ไม่หรอกดวง พ่อรีบไป..มีประชุมที่บ้านนายหัว คงต้องกินกาแฟทั้งวันล่ะ วันนี้” เด่นบอก
“คุณดินเป็นไงมั่งไม่รู้” ดวงยิหวาถาม
“ค่อยยังชั่วขึ้นมาก ถ้าไม่จำเป็น...พ่อว่าดวงอย่าไปเจอเค้าอีกดีกว่า เค้าเป็นใคร เราเป็นใคร...พ่อคิดว่านายหัวคงตั้งใจจะดองคุณดิน กะคุณทราย...ลูกสาวนายบุรีให้แต่งงานกันแน่ๆ เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน พ่อว่า...ดวงน่าจะไปเรียนกรุงเทพฯซะให้รู้แล้วรู้รอด จะได้ห่างๆ กันไปซะเป็นการถาวร เข้าใจไหม” เด่นสอนลูกสาวอย่างคนเข้าใจชีวิตและเจียมตน
“จ้ะ” ดวงยิหวายิ้มว่าง่าย
เด่นตบหัวลูกสาวเบาๆ เดินไปนั่ง ใส่รองเท้า ดวงยิหวาหันกลับไปนั่งหน้าจอต่อ
“เย้...” ดวงยิหวาร้องขึ้นอย่างดีใจ
“อะไร” เด่นหันมาถาม
ดวงยิหวาบอกพ่อด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“พ่อ...พ่อจ๋า...ถ้าดวงขออนุญาตไปทำงานของมหาวิทยาลัยที่ต่างจังหวัดในช่วงนี้...พ่อจะให้ดวงไปหรือเปล่า”
“งานของมหาวิทยาลัย..งานอะไร”
“ถ่ายทำรายการสารคดีจ้ะ พ่อ อาจารย์อีเมล์มาว่า..อาจารย์ชอบเรียงความที่ดวงเขียนตอนสอบมาก เลยอยากให้ดวงมาเป็นคนทำบทสารคดีของสถานีโทรทัศน์ของมหาวิทยาลัยจ้าสุดยอด...ดวงจะได้เป็นคนทำรายการสารคดี แบกกล้องไป ถ่ายชีวิตคน...ทั่วประเทศ เลย”
เห็นอาการลูกสาวที่ดีใจ เด่นพลอยหัวเราะไปด้วย

ในเวลาเดียวกัน เกียรติบดินทร์ที่เข้าเฝือกเกือบทั้งตัว หน้าช้ำยังบวมปูด ขณะที่แผลเริ่มตกสะเก็ด หลังเหตุการณ์ที่สนามบิน ผ่านมาได้สัก 10 กว่า วัน กินอาหารเช้าเป็นข้าวต้มอย่างลำบากยากเย็น โดยมีป้าบัวคอยเอาใจ
“ทานปลาด้วยสิคะ น้องดิน โปรตีนจะได้ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ” บัวบอกไม่ทันคิด
“พูดเพื่ออะไรเนี่ย” เกียรติบดินทร์วางช้อน อย่างอารมณ์เสีย แล้วฉวยไม้ค้ำยันมาดึงร่างตัวเองขึ้นยืน เดินหนีไป
“คุณดิน ป้าขอโทษนะคะ ป้าไม่ตั้งใจ”
ดินไม่สน เดินจะขึ้นบ้าน
ดารากานต์มาเจอ เห็นสภาพก็สงสารลูก รีบเข้ามาประคอง “ดิน..จะไปไหน..มา..แม่พาไป”
แต่เกียรติบดินทร์สะบัด “ไม่ต้องมายุ่ง!!”
เกียรติบดินทร์เสียหลัก ล้มลง
“ว้าย..” ดารากานต์ตกใจ รีบเข้าไปพยุง
“ผมบอกว่าไม่ต้องมายุ่งไง มีอะไรทำก็ไปทำกันสิครับ” เกียรติบดินทร์เหวี่ยงใส่แม่
บัญชาเดินมาเห็นพอดี ถึงกับอึ้งไป
พอดารากานต์เห็นบัญชารีบลุกมา ระบายอารมณ์ใส่อย่างเหลืออด
“นายหัว..คุณเห็นหรือยัง..ว่าลูกเป็นยังไง ลูกต้องเจ็บแบบนี้เพราะคุณ ชั้นไม่ยอมให้คุณเอาลูกไปทำงานอีกแล้ว ลูกยังเด็ก ไม่มีความยับยั้งชั่งใจ คุณก็รู้อยู่แล้ว ว่าน้องดินใจร้อน ไม่เหมาะจะทำธุรกิจแบบนี้”
เกียรติบดินทร์พยายามจะลุก แต่ไม่สำเร็จ จนน้อมที่ตามเข้ามารีบเข้ามาพยุง
“แม่ไม่รู้อะไรก็อย่ามาโทษผมดีกว่า คนพวกนั้นต่างหาก ที่มันเลว” เกียรติบดินทร์โมโหไม่หาย
“หยุดเลยดิน แม่ไม่ยอมให้ลูกทำงานกับพ่ออีกแล้ว ลูกต้องกลับไปเรียน ไปให้ไกลๆ จากที่นี่เท่าไหร่ยิ่งดี” ดารากานต์ว่า
“ไม่เอา ผมอยากทำงาน ทำงานไปเรียนไปก็ได้ ใครๆ เค้าก็ทำกัน”
“แม่กับนายหัวตามใจดินมามากพอแล้ว พอกันที
“ลูกต้องไปเรียน...คราวนี้พ่อจะพาลูกไปอเมริกาเอง แล้วถ้าไม่เชื่อฟัง พ่อแม่จะตัดค่าใช้จ่ายของลูกทั้งหมด รถก็จะไม่ให้ใช้ ถ้าดินไม่ฟัง...ก็ลองดื้อดู แล้วดินจะรู้ ว่าเวลาพ่อแม่เอาจริง...มันแปลว่าอะไร”
บัญชาพูดเสียงเย็นใส่ เกียรติบดินทร์มองหน้าพ่อ กับแม่ เห็นว่าทั้งสองเอาจริง ก็อึ้งๆ ไป

วันต่อมาน้อมขับรถที่มีเกียรติบดินทร์นั่งข้างๆ ในสภาพที่ยังเข้าเฝือก ผ่านหน้าร้านวัสดุก่อสร้างใหญ่ที่มีขายพวกอิฐหิน ปูน ทราย นั้นไป เกียรติบดินทร์มองผ่านๆ แล้วเห็นรถตู้ของบ้านตัวเองจอดอยู่ ก็เอะอะขึ้นมา
“เฮ่ย นายน้อม นั่นรถตู้บริษัทนี่หว่า”
“อ๋อ ครับ ก็...นายบุรีคงมาซื้อของที่นี่ตามเคยครับ เถ้าแก่ร้านนี้กับทางบ้านเราเป็นขาประจำกันมานาน” น้อมบอก
เกียรติบดินทร์มองๆ ไป แล้วเบิกตากว้าง เห็นบุรีกำลังสอนทรายทอง ที่แต่งตัวทะมัดทะแมงใส่แว่นดำ ให้ดูวัสดุนู่นนี่นั่นอยู่ พร้อมกับมีเถ้าแก่ร้านขายของคอยชี้ชวนชม ให้ความรู้
“เฮ้ย..อะไรอ่ะ นายน้อมๆๆ จอดฝั่งนี้ แอบๆหน่อย อย่าให้อาบุรีเห็นล่ะ” เกียรติบดินทร์สั่ง
“ทำไมละครับ ไม่รีบไปกินปูแล้วเหรอครับ” น้อมชะลอรถลง จอดแอบข้างรถบรรทุกที่จอดเต็มแถว
นั้น
“อาบุรีคิดจะทำอะไร..จะปั้นลูกสาวตัวเองให้มาทำงานในบริษัทงั้นเหรอ” เกียรติบดินทร์แคลงใจ
“ก็...ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นครับ” น้อมว่า
“เอายัยทรายมาฝากให้แม่เราเลี้ยง...แล้วยังแอบสอนงานให้มันด้วยเหรอ...” เกียรติบดินทร์แสยะยิ้ม พร้อมกับส่ายหัว “อาบุรีคงคิดว่าชั้นด้อยสมรรถภาพกว่ายัยทรายงั้นสิ หึๆ เดี๋ยวสวยๆ คอยดู!”

กลางดึกวันเดียวกัน นายน้อมขับรถพาเกียรติบดินทร์มาจอดที่ไซด์งานสร้างเขื่อนกั้นการกัดเซาะฝั่งทะเล ที่การก่อสร้างก้าวหน้าไปเยอะ
บริเวณหน้าตู้คอนเทนเน่อร์ที่พักโฟร์แมน และที่พักชั่วคราวของคนงานบางกลุ่ม มีพวกคนงานชาย นั่งกินข้าวและตั้งวงเหล้า เสียงดังวะโว้ย หัวเราะแบบหยาบดิบ
“คุณดินอยากเจอทำไม ไอ้พวกคนงานเหลือเดนพวกนี้คุณจะใช้อะไรได้ มันเป็นพวกหัวไม้ทั้งนั้น เป็นพวกต่างด้าวพูดไทยไม่ได้เลยก็มี บัตรประชาชน เอกสารอะไรก็ไม่มี ไม่ได้ความหรอกครับ ต้องไปที่ฝั่งที่นายเด่น น้องดวงคุม ทางฟากคะโน้น ถึงจะเป็นพวกแรงงานมีฝีมือ ไอ้พวกนี้มันแรงงานราคาถูก ไม่มีที่ไป ที่มาทำงานตรงนี้ ก็ดีกว่าไปตายในเรือตังเก”
เกียรติบดินทร์ลงจากรถ ก้าวกระเผลกๆ ไป
อู๊ด หัวหน้าคนงานหน้าเหี้ยม ที่นั่งปิ้งปลาอยู่ เงยหน้าขึ้นมามองผ่านกองไฟ เห็นดินเดินกระเผลกๆ ใช้ไม้ค้ำยันเข้ามา มองอย่างงงงัน ยืนขึ้นรับ ยกมือไหว้ดิน
พวกคนงานต่างซุบซิบกัน ประมาณว่า “ลูกนายหัวๆๆมา” น้อมเดินตามมาห่างๆ อย่างห่วงๆ
“คุณหนู” อู๊ดทักทาย
“ใครเป็นคนคุมไอ้พวกนี้”
“ผมครับคุณหนู”
เกียรติบดินทร์มองรูปร่างหน้าตาประเมินความสามารถอู๊ด “คุณชื่ออะไร
“อู๊ดครับ”
“นายอู๊ด”
“ครับผม”
“ผมอยากได้มือดีๆ ซักคน...เข้าใจที่พูดไหม...ไม่ได้หมายถึง...ก่อสร้างเก่งนะ”
อู๊ดอยู่ในอาการงงๆ “คุณหนูจะใช้ให้ทำอะไรหรือครับ”
เกียรติบดินทร์อึ้งไปนิดหนึ่ง ฝืนใจพูด “ผมว่า..คุณน่าจะรู้ใช่ไหม ที่สภาพผมเป็นแบบนี้ เพราะ..ไปโดนอะไรมา”
อู๊ดมองสำรวจอย่างละเอียดทั่วตัว แล้วเงยมา สบตา เข้าใจกัน “รู้ครับ”
เกียรติบดินทร์สบตาตอบ แววตากร้าว ไม่พูดอะไรอีกเลย

เช้าวันนี้ที่หน้าศาลเจ้าปาเก๊งเต๊งคึกคักเป็นพิเศษ ดวงยิหวามาถึงก็เริ่มถ่ายเก็บทุกบรรยากาศ เธอเล็งภาพจากชายคาศาลเจ้า แล้วแพนลงมาที่รถที่เพื่อนๆ กำลังยกของลง แล้วจึงวิ่งไปดักถ่ายเพื่อนๆ ด้วยกล้องวิดีโอขนาดเล็กแต่โปรฯ
พวกเพื่อนๆนักศึกษา ช่วยกันขนกล่องใส่หลอดไฟ และอุปกรณ์ทั้งชุด ในการเปลี่ยนหลอดไฟใหม่ ลงจากท้ายรถกระบะคันใหญ่ทะเบียนรถกทม. ชาวศาลเจ้าและกลุ่มอาจารย์ ยืนมองลุ้นอยู่อีกด้านหนึ่ง
ดวงยิหวาถ่ายได้แป๊บเดียว ก็ชะงัก ลดกล้องในมือลง ส่งเสียงเอะอะ “หยุดก่อน ทุกคน หยุดๆๆ”
ทุกคนหยุด หันมางงๆ
“พวกเราหยุดขนของได้ ดวงอยากได้ภาพพี่ๆ มูลนิธิเค้ายกของเองด้วย” ดวงยิหวาหันไปหาอาจารย์ เดินเข้าไปอย่างมุ่งมั่น และสีหน้าจริงจัง “อาจารย์คะ ระหว่างที่พี่ๆ มูลนิธิยังไม่มา หนูขอสัมภาษณ์” มองมาทางนักบวชตง และชาวศาลเจ้าคนอื่นๆ “ท่านอาจารย์..คุณลุง..ที่ศาลเจ้าก่อนได้ไหมคะ”
“อ่า นั่งรถมาตั้งนาน เพิ่งมาถึงก็จะทำงานกันเลยเหรอครับ อย่าเพิ่งสัมภาษณ์อย่าเพิ่งถ่ายทำอะไรกันเลย ท่านครูบาอาจารย์ทุกท่านครับ ขอเชิญพวกน้องๆหนูๆนี่ เข้าไปพักกินน้ำกินท่ากินขนมกันก่อนไหม เชิญๆ” กู๋เหลียงว่า
“จะรอพวกมูลนิธิ คงต้องค่ำๆนะ ดูเหมือนจะมีอุบัติเหตุที่แม่น้ำด้านโน้น สงสัยจะยาว” นักบวชตงเอ่ยขึ้น
ดวงยิหวาฟังแล้วตาโต “อุบัติเหตุที่แม่น้ำ คืออะไรคะ” น้ำเสียงและอากาศตื่นเต้น อยากไปถ่ายทำด้วย
ทันใดนั้นเอง ก็มีโทรศัพท์เข้ามาที่มือถือของนักบวชตง
นักบวชตงดูที่หน้าจอ “อ้าว พวกนั้นโทมาแล้ว...” กดรับสาย “ฮาโหลๆ ว่าไป..อาเป้า อือ อือ งั้นหรือ โธ่เอ๊ย..กรรมเวรๆๆ”
ทุกคนรอฟัง อย่างสนใจใคร่รู้

ที่บริเวณแม่น้ำ พ่อแม่ชาวบ้านคู่หนึ่ง ฝ่ายแม่เป็นลมอยู่ โดยมีพ่อช่วยประคอง มีสมหมาย ช่วยปฐมพยาบาลอยู่
“คุณพี่ผู้ชายครับ ตั้งสติไว้ ทำใจดีๆ ครับ” สมหมายพูดปลอบใจ
“จะทำใจได้ไง ลูกผมจมน้ำตายแล้ว ลูก..ลูก..ทำไมๆๆ”
ที่บริเวณจุดเกิดเหตุ มีรถทีมกู้ชีพของมูลนิธิจอดอยู่ โดยมีตำรวจ และพวกไทยมุงจำนวนหนึ่งยืนลุ้นอยู่
เวลาเดียวกันปักเป้า ที่ชุดฟอร์มมูลนิธิเนื้อตัวเปียกโชก ยืนรอ โบกรับรถตู้ของมหา’ลัย ที่แล่นมาจอดริมแม่น้ำ
พอรถจอดนิ่งดวงยิหวารีบวิ่งนำลงมาพร้อมกล้องในมือ
นักบวชตงตามลงมา และปักเป้า วิ่งมารับ “ตงเซียนเซิง..ทางนี้ครับ ทางนี้”
“ยังไม่พบกี่คน” นักบวชตงถาม
“คนเดียวครับ นอกนั้นช่วยได้หมด” ปักเป้าบอก
ดวงยิหวารีบเดินมาดักหน้าไว้ กดกล้อง ถ่ายปักเป้า กับนักบวชตง ที่รีบวิ่งไปณ ตรงจุดเกิดเหตุ
เด็ก 3-4 คน อยู่ในสภาพมอมแมม เสื้อผ้าเปียกปอน ยืน และนั่ง ร้องไห้บ้าง ซึมช็อกอยู่บ้าง ตรงนั้น
ส่วนในน้ำ ฟ้ากระจ่างและหมีใหญ่ ผลัดกันดำผุดดำว่าย งมหาเด็กที่จม
นักบวชตงจุดธูป เริ่มทำพิธี ปักเป้าทำหน้าที่ผู้ช่วย ดวงยิหวาถ่ายบรรยากาศ และเข้าไปเจาะถ่ายกลุ่มนั้นกลุ่มนี้
ในขณะที่นักบวชตงนั่งลง แล้วตั้งสมาธิ เริ่มสวด ดวงยิหวาเข้ามาถ่ายภาพการทำพิธีของนักบวชตงตามตารางการทำงาน
ดวงยิหวาถ่ายพิธีไปสักพัก แล้วหันไปทางคนที่ดำน้ำอยู่ เห็นหมีใหญ่โผล่มาฮุบอากาศ ก่อนจะดำต่อ ดวงยิหวามองอย่างทึ่ง กระซิบถามปักเป้า
“พวกพี่ดำน้ำกันตัวเปล่า ไม่มีอุปกรณ์ดำน้ำเลยเหรอคะ”
“ยังไม่มีหรอกครับ มันแพง…” ปักเป้าบอก
“แต่แบบนี้มันอันตรายมากเลยนะคะ”
พูดจบดวงยิหวาก็หันกล้องไปดักรอที่ในผิวน้ำ เป็นจังหวะที่ฟ้ากระจ่างโผล่มาพอดี
และในกล้องของดวงยิหวาก็เห็นเป็นภาพฟ้ากระจ่างชัดเจนเต็มตา
ดวงยิหวาชะงัก เอากล้องลง “เอ๊ะ”
ส่วนฟ้ากระจ่างไม่ได้สนใจคนบนฝั่ง หันไปตะโกนพูดกับหมีใหญ่ ด้วยน้ำเสียงจริงจัง และแน่วแน่
“น้ำแรงแบบนี้ สงสัยจะไม่อยู่ตรงนี้แล้ว”
“เออ นั่นสิ เป็นชั่วโมงแล้ว ยังไม่เจอ” หมีใหญ่ว่า
ทั้งสองคนผุดขึ้นทำท่าฮุบเอาอากาศ แล้วดำหาต่อ
สักพัก ฟ้ากระจ่าง พร้อมหมีใหญ่โผล่พรวดมา แล้วขึ้นมานั่งหอบอยู่ริมฝั่ง
“สงสัยจะไปไกลแล้วล่ะ อาจ้าง” ตำรวจเข้ามาคุย ดวงยิหวาก็เข้ามาแอบถ่าย
“ผมว่าน่าจะไปลองดูที่แถวตอหม้อสะพานดีกว่า ไปไหม หมีใหญ่” ฟ้ากระจ่างบอก
“ตรงสะพานน้ำมันลึกมากนา..จ้าง หรือว่าจะรอ..ให้ลอยขึ้นมา..พรุ่งนี้” หมีใหญ่ว่า
แม่เด็กฟื้นมาได้ยินพอดี ร้องไห้ต่อ
“ไอ้แดง..ไอ้แดงไม่น่าเลย โฮๆๆๆ แม่บอกแล้ว ว่าอย่ามาเล่นน้ำ น้ำมันแรง ฮือๆๆ” แม่เด็กเข้ามาหาพวกฟ้ากระจ่าง จับแขนฟ้ากระจ่างเขย่าๆๆ “อย่าหยุดหาลูกชั้นนะ อย่าหยุด..ฮือๆๆ ไอ้แดงๆๆ ของแม่”
“ครับๆ พวกเราไม่หยุดหรอกครับ ถ้าไม่เจอน้อง พวกเราไม่มีทางเลิกหาครับน้า ไป..หมีใหญ่...” ฟ้ากระจ่างกับเพื่อนๆ จะพากันไปต่อ
ทันใดนั้น นักบวชตงลืมตาขึ้นมา ด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ในขณะที่ลุกยืน เรียกไว้ “เดี๋ยวก่อน อาจ้าง…”
ปักเป้าท่าทางตื่นเต้น “อยู่ไหนครับ ตงเซียนเซิง”
นักบวชตงเดินมุ่งไปริมน้ำ ทุกคนสนใจ เข้าไปรอฟังอย่างลุ้นระทึก
ฟ้ากระจ่าง และหมีใหญ่รีบลุกมาหา ตำรวจตามมา ดวงยิหวาตามติด ถ่ายเก็บทุกช็อตตลอดเวลา
นักบวชตงมองไปที่แม่น้ำ แล้วชี้ไปที่กอสวะใต้ต้นไม่ใหญ่ริมตลิ่งฝั่งตรงข้ามที่ไกลจากฝั่งนี้ไม่น้อย
“อยู่ใต้กอสวะ ตรงใต้ต้นไทร”
ทุกคนอึ้ง แม่เด็กร้องโฮๆๆ

ทุกคนบนฝั่งต่างทยอยตามมาดูอย่างลุ้นๆ และเอาใจช่วย
ฟ้ากระจ่างคุกเข่าพนมมือตรงหน้า นักบวชตงเสกคาถา แล้วตบหลังตบไหล่ฟ้ากระจ่าง
บรรดาพ่อแม่เด็กมองด้วยความศรัทธาเต็มที่
ดวงยิหวายืนถ่ายอยู่ที่มุมหนึ่ง แล้วเอากล้องลง สีหน้าไม่เชื่อ ขยับมากระซิบเพื่อนนักศึกษาชาย
“อะไรกันเนี่ย พวกพี่ๆเค้าเชื่อจริงๆเหรอ ว่าจะพบศพได้ด้วยวิธีนี้”
“จุ๊ๆๆ มันก็เป็นแค่เรียกขวัญและกำลังใจเท่านั้นแหละ ไม่มีทางเจอหรอก” อาจารย์ชายเป็นคนตอบ
“โห..งั้นพี่คนนั้นก็แย่สิ ตาซินแสแกชี้ที่ไหน พี่แกก็ต้องลงดำทุกที พอดีตะคริวกินตาย” ดวงยิหวาแย้งอย่างไม่เชื่อ
ฟ้ากระจ่างค่อยๆ จุ่มตัว แล้วดำลงไปในสายน้ำ ทุกคนลุ้นๆ แม่เด็กสะอื้น
ดวงถ่าย แพนรับหน้าหมู่มวล ที่ลุ้นๆกัน แล้วหันไป จับตาดูที่ในน้ำ
สายน้ำไหลเชี่ยวๆๆจ้างดำผุด ดำว่าย 2-3รอบ สักพักจ้างโผล่ขึ้นมา พร้อมร่างเด็กวัยราว10ขวบในอ้อมกอด สีหน้าจริงจัง
ดวงลดกล้องลง ซีดๆ จะเป็นลม กลัว สยอง
พ่อแม่เด็กผวาเข้ามารอรับ ร้องไห้กันระงม
ดวงสูดลมหายใจ ควักยาดมมาซื้ด แล้วรวบรวมความเข้มแข็ง เอากล้องมาถ่ายวิดีโอต่อ
พ่อของเด็กมารับเด็กไป ฟ้ากระจ่างตามติดไปลูบผม ลูบหน้า จับมือจับเท้าเด็ก เศร้าเหมือนเป็นญาติตัวเอง ดวงยิหวาหามุมถ่ายได้ภาพที่ทั้งดูสวยและน่าสะเทือนใจ จังหวะนั้นตำรวจก็รีบเข้าไปดูแล
นักบวชตงพนมมือ สาธุ สวดงึมงำๆ เหมือนกำลังทำพิธีกรรมบางอย่าง ฟ้ากระจ่างเข้าไปร่วมพิธีนั้น ไหว้และสวดมนตร์ตามไป ทั้งที่อยู่ในอาการหนาวสั่น สมหมายเข้ามาดึงให้ถอยมานั่งอีกมุมหนึ่ง ปักเป้าตามเข้ามาเอาผ้าห่มมาคลุมให้ฟ้ากระจ่าง พลางตบหลังตบไหล่ให้กำลังใจ
ดวงยิหวาตามมาถ่ายต่อ ฟ้ากระจ่างเงยหน้าขึ้นมาเห็นงงๆ พอจังหวะที่ดวงยิหวาลดกล้องลง
ฟ้ากระจ่างมองอีก ทีแรกงงเพราะยังจำดวงยิหวาไม่ได้ แล้วพอนึกออก ถึงกับลุกพรวดขึ้นอย่างลืมตัว
“น้อง…”
ดวงยิหวาส่งยิ้มไปให้ พวกเพื่อนๆ ของฟ้ากระจ่างมองสองคนสลับกันไปมาอย่างงงๆ และต่างคาใจว่าทั้งคู่รู้จักกันยังไง

ตอนกลางคืนวันเดียวกันนั้น บริเวณหน้าร้านอาหารจีน มีผู้คนเดินเข้าออกไม่ขาดสาย ครอบครัวมาดามพิณเพิ่งกินอาหารเสร็จ เดินคุยกันสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสออกมาจากร้าน และพากันเดินไปยังลานจอดรถ สามคน แม่พ่อลูก มาดามพิณเดินเคียงกันมากับนพชัย หัวเราะเอิ๊กอ๊ากกับชิงชัยอย่างมีความสุข
ระหว่างนั้น มีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง ด้านหลังมีคนซ้อนท้าย ขับแล่นวนไปมาระหว่างแถวรถยนต์ที่อยู่แบบเงียบๆ ในลานจอดรถ
ครอบครัวมาดามพิณเดินมาถึงรถ นพชัยกดรีโมทกุญแจเปิดรถ ชิงชัยเปิดประตูด้านหลัง จะเข้าไปนั่ง
มาดามพิณเดินไปด้านที่นั่งข้างคนขับเปิดประตู ส่วนนพชัยเปิดประตูเตรียมจะขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ
ทันใดนั้น มอเตอร์ไซค์คันหนึ่งจอดชะลอลงตรงมุมหนึ่งไม่ไกลนัก อู๊ดที่ซ้อนมอเตอร์ไซค์ สวมกันน็อค พรางหน้าเล็งปืนในมือตรงมา แล้วยิงเปรี้ยง เข้าที่ศีรษะนพชัยด้านหลัง นพชัยล้มคว่ำลงข้างรถ
มาดามพิณกรี๊ดด้วยความตกใจ ชิงชัยกระโดดออกมา
คนขับรถมอเตอร์ไซค์ไม่มีป้ายทะเบียนพาอู๊ด วิ่งทะยานหายเข้าไปในความมืดของค่ำคืน
มาดามพิณได้สติก้าวลงจางรถ เข้ามาประคองสามี ร้องกรี๊ดๆๆ ชิงชัยยืนตัวแข็งทื่อ มองพ่อ ที่เห็นได้ชัดว่าตายแล้ว เนื้อตัวกระตุกๆ อยู่ในอาการช็อก!

กลางดึกคืนเดียวกันนั้นที่บ้านบัญชา ขณะที่น้อมเดินตรวจดูความเรียบร้อย ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงเอะอะมาจากหน้าประตู
“หน้าอย่างเอ็งเนี่ยนะ มีธุระกะคุณดิน” เสียงยามหน้าประตูใหญ่ว่า
“คุณดินให้ผมมาหาจริงๆ ลุงต้องให้ผมเข้าไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้น ลุงเองนั่นแหละ จะโดน!!” ชายที่บอกว่าตัวเองชื่ออู๊ดเอ่ยเสียงดัง
“ถุย! ไอ้ซี้ซั้ว ไม่ต้องมาขู่กูหรอก กูกลัวตายล่ะ”
น้อมรีบเดินเข้าไปที่บริเวณนนั้น “ใคร อะไร ลุงยาม”
น้อมโผล่ออกไป อู๊ดก็เสนอหน้ามาในแสงไฟเหนือประตู
“น้าๆ ผมเองน้า ที่น้าพาคุณดินไปเจอผมวันนั้นไง” อู๊ด
“เอ้อ ลุงยาม...ขอโทษทีนะ” น้อมเข้าไปลากอู๊ดเข้ามาในบ้าน “นายอู๊ด แกมาที่นี่ทำไม”
“ผมทำงานให้คุณดินสำเร็จแล้ว คุณดินบอกว่า...จะให้เงินผม”
“แกทำงานอะไรให้คุณดิน” น้อมฉุกคิดสีหน้าซีด
“คุณดินบอกว่า..ให้สั่งสอนผัวเจ๊พิณให้สาสมไง ผมสั่งสอนเรียบร้อยแล้ว ป่านนี้ มันไปสำนึกเสียใจในนรกแล้วมั้ง” อู๊ดพูดเยาะๆ น้ำเสียงภูมิใจ
มีเสียงบัญชาดังแทรกขึ้นมา “อะไรนะ”
อู๊ด กับน้อม ตกใจหันไปตามเสียง เห็นบัญชายืนหน้าตาตื่น ช็อกคาที่อยู่
“นายหัว...” อู๊ดรีบเข้าไปประจบ นั่งลงไหว้ปลกๆ ยกมือท่วมหัว “นายหัวครับ ผมแก้แค้นไอ้คนที่มันรังแกลูกชายนายหัวแล้วครับ คนที่มันทำกับคุณดิน มันต้องโดนมากกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่า”

บัญชาตกใจ หน้าซีดเผือด









Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2555 10:47:39 น.
Counter : 301 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]