All Blog
ฉันรักเธอนะ ตอนที่ 11 (ต่อ)



บนเวทีพร้อมแล้ว ทีมงานกำลังเทสต์ไฟจุดต่างๆ บนเวที เป็นไทนั่งคอแข็งดู มีองอาจนั่งอยู่ข้างๆ

“คุณไทดูไฟทางขวาเวทีหน่อยสิครับ โอเคมั้ย”
เป็นไทแค่เหลือบตา
“โอเค”
“โอเคได้ไง คุณไทยังไม่หันไปดูเลย”
“ผมไว้ใจคุณ”
“จะไว้ใจผมได้ไง ก็ผมอยากให้คุณไทแสดงความเห็น”
“เอ๊ะไอ้นี่ ไว้ใจก็ไม่ชอบ ต้องทำไงถึงจะพอใจ ต้องตอบว่าไม่ชอบ ไม่เวิร์คว่ะ แก้ใหม่หมดเลย”
“แก้ไม่ได้แล้วครับ งานมีพรุ่งนี้”
“นั่นไง มันยังงี้ไง แล้วคุณจะขอความเห็นผมเพื่อ?”
“แหะ แหะ”
องอาจเหลือบตาหันไปเห็นแพรวไพลินกำลังเดินเข้ามา
“คุณไท มาโน่นละ”
เป็นไทคอแข็งไม่ได้หันตาม
“ยูกิเหรอ”
เป็นไทยิ้ม จะหันไปหายูกิ แต่แพรวไพลินเข้ามาประชิดตัวพร้อมของเต็มมือ พร้อมกับหอมแก้มหนึ่งที เป็นไทตกใจ
“คิดถึงพี่ไทจังเลยค่ะ”
“คุณแพรวไพลิน มาเต็มไม้เต็มมือเลยนะครับวันนี้”
เป็นไทดุองอาจเบาๆ
“คราวหลังบอกล่วงหน้าด้วย”
“เมื่อกี้ก็บอกแล้วนะ”
แพรวไพลินมองสงสัย
“คุยอะไรกันคะ ท่าทางสนุกเชียว”
องอาจประชด
“เครียดจนคิ้วรวมร่างกันแล้ว บอกท่าทางสนุก”
แพรวไพลินส่งถุงของฝากให้เป็นไท
“แพรวไปปารีสกับที่บ้านมาค่ะ เลยซื้อของมาฝาก”
“หลายถุงแบบนี้...” องอาจหวังในใจว่าต้องได้บ้าง “มันต้องมีของเราซักถุงแหละ”
แพรวไพลินแบ่งของ เปิดดูในถุงว่าเป็นของใคร
“อ่ะนี่ของพี่ไท”
องอาจมีความหวัง อยากได้ของฝาก แพรวไพลินไม่สนใจองอาจ เธอเปิดอีกถุง
“อันนี้ก็...ของพี่ไทอีกนั่นแหละ”
องอาจจากที่ลุ้นว่าเป็นของตัวเองก็ไม่ใช่ เก้อ แต่พอเห็นแพรวค้นถุงใหม่ องอาจก็มีหวังอีก
“อันนี้ฝากคุณพ่อ คุณแม่ พี่ไทนะคะ แล้วอันนี้ก็ฝาก...”
องอาจจามที่ลุ้นแล้วท้อมาหลายอัน พอเห็นแพรวไพลินหันมามอง ความหวังก็ขึ้นเต็มปรี่ สบตาแพรวไพลินตาประกาย
“มองอะไร...”
“ก็ไม่รู้...คนมันมีหวัง”
“อันนี้อันสุดท้าย...ของแพรวเองค่ะ”
องอาจหมดหวังในที่สุด บ่น
“ของฝากตัวเองจะถือมาทำไมวะน่ะ”
เป็นไทคอแข็งไม่ได้สนใจของนัก แต่แพรวไพลินก็นั่งประชิดตัวเขามาก

นับดาวเดินขึ้นมาข้างเวที เปิดม่านไปเพื่อจะมองเป็นไท เพื่อเป็นกำลังใจให้ตัวเอง แต่กลับเห็นแพรวไพลินอยู่กับเป็นไท เธอมองจ๋อยๆ ค่อยๆปิดม่านลง
แพรวไพลินคุยกับเป็นไทที่นั่งคอแข็งอยู่ เป็นการคุยที่ไม่เป็นธรรมชาติเอาซะเลย เป็นไทมีน้ำแข็งคอยประคบที่คอด้วย
“แล้วนี่ยูกิไปไหนละคะ”
“ทำไมวันนี้ถึงถามถึงยูกิล่ะ ปกติไม่เห็นสนใจ”
“ก็แค่ถามไปทั่วๆน่ะค่ะ”
“ก็ดี”
“ก็ดีนี่หมายถึงอะไรคะ เหมือนเดิมมั้ย หรือแปลกๆไป ดูน่าสงสัย”
“ทำไมเขาต้องดูแปลก หรือน่าสงสัยด้วย”
แพรวไพลินพิรุธเล็กน้อย รีบแก้ตัว
“แหม ก็นางนั่นมันประหลาดจะตาย ก็นึกว่าก่อเรื่องอะไรอีกน่ะสิคะ”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องคนอื่นหรอก เอาตัวเองให้ดีก่อนเถอะ”
“พี่ไทอ่ะ”
องอาจวิ่งเข้ามาหาทั้งคู่ บอกเป็นไท
“มาแล้ว”
“ยูกิเหรอ”
ยังไม่ทันที่จะหันไป เสียงของคนที่มาก็โผล่มาทางด้านหลังของเป็นไทก็ดังขึ้น
“รันทรูสำหรับงานพรุ่งนี้อยู่เหรอ”
เป็นไทที่คอแข็งไม่หันไป ก็รู้ทันทีว่าใครมา
“มาทำไม วันนี้ไม่ได้เชิญนักข่าวมา วันจริงมันพรุ่งนี้โน่น”
สังวรณ์ทำเข้ม ถือว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่า
“ก็อยากดูน้ำหน้าคนที่พยายามจะทำงานใหญ่น่ะสิ”
“เสร็จแล้วก็ไปซะสิ ผมจะทำงานของผม”
“แกอย่ามาทำท่าจองหองกับฉันนะ”
“จองหองอะไร”
“ก็ท่าทางที่แกทำอยู่น่ะ หันหลังคุยกับฉัน ไม่เหลียวมามองหน้าด้วยซ้ำ นึกว่าเจ๋งนักเหรอ ห๊า”
“อะไรเนี่ย ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย คอผมมัน...”
“ดี งั้นฉันบอกใบ้ให้นะ ว่าแกจะทำจองหองได้วันนี้วันสุดท้าย ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปฉันจะคอยดูน้ำหน้าคนอย่างแก”
“หมายความว่าไง”
“แกคอยดูเอาเองก็แล้วกัน”
สังวรณ์โมโหเดินออกไป แพรวไพลินรีบวิ่งตามไป”
“เดี๋ยวแพรวเคลียร์ให้เองนะคะ มาทำแบบนี้กับพี่ไทได้ยังไง”
เป็นไทพึมพัมกับตัวเอง
“หมายความว่า...สังวรณ์อาจจะเป็นคนจ้างตัวปลอมงั้นเหรอ แล้วพรุ่งนี้คืออะไร”
เป็นไทสับสนไปหมด องอาจก็ยืนงงๆแถวนั้น ไม่รู้พูดเรื่องอะไรกัน

แพรวไพลินเดินตามสังวรณ์มาที่หน้างาน
“จะบ้ารึเปล่า พูดออกไปแบบนั้นได้ยังไง เดี๋ยวก็ไม่ได้ทำหรอกที่วางแผนไว้น่ะ”
สังวรณ์โวยกลับ
“ก็ดูมันทำท่าทางกับผม ดูถูกกันชัดๆ แม้แต่คุยยังไม่มองหน้าเลย”
“ไม่เห็นว่าจะเรื่องใหญ่ตรงไหน เค้าทำกับฉันยิ่งกว่านั้นก็มี”
“ก็คุณมันหน้าด้านนี่”
“เอ๊ะ นี่ จะเปิดศึกสองด้านรึไง”
“ไปตามนับดาวมา ผมจะคุยด้วย”
“เค้าจะรันทรูกันอยู่แล้ว”
“นั่นแหละไปตามมา ผมไม่สนใครทั้งนั้น ผมต้องการคำยืนยันว่าพรุ่งนี้จะไม่มีอะไรพลาด”
“นี่เห็นฉันเป็นอะไรเนี่ย”
แพรวไพลินเดินไปก็บ่นไป สังวรณ์ยังโกรธเป็นไทไม่หาย

ด้านใน...แพรวไพลินแง้มม่านเข้ามา กวักมือเรียกนับดาว นับดาวส่ายหน้าไม่ยอมไป ชี้ไม้ชี้มือเป็นสัญลักษณ์ว่าจะรันทรูแล้ว ทีมงานเตรียมพร้อมกันทุกคน พอทุกคนเผลอ แพรวไพลินก็เข้ามาฉุดกระชากนับดาวออกมาด้านนอก นับดาวโวยวาย
“จะบ้ารึไง เค้ากำลังจะซ้อมใหญ่กันอยู่แล้ว คุณทำแบบนี้ทำไม”
“ไปกับฉัน มีคนอยากจะคุยกับเธอ”
“ถ้าให้เค้ารอ ฉันไม่รู้ว่าย่าเธอจะยังมีงานจ้างรึเปล่า แล้วเพื่อนเธอจะถูกไล่ออกรึเปล่านะ”
“เอาแต่ใจจริงๆเลย”
นับดาวไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็จำต้องทำ

เป็นไทไม่ค่อยมีสมาธิกับการแสดงที่กำลังจะเริ่มตรงหน้านัก เขาครุ่นคิดสิ่งที่สังวรณ์พูด แสง สี พร้อม ดนตรีพร้อม ทุกอย่างเริ่ม แต่พอถึงคิวที่นับดาวต้องเดินออกมา กลับไม่มีเธอ ทีมงานงง องอาจกับเป็นไทที่นั่งดูอยู่ด้านล่างก็งง
“นี่เกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
“คุณยูกิหายครับ หายไปไหนไม่รู้” แบ็คสเตจบอก
“อ้าว หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่แน่ใจครับ แต่เมื่อกี้เธอยังอยู่เลย”
เป็นไทได้ยินก็ตกใจ รีบวิ่งออกไปด้านนอกหาเธอทันที เขาวิ่งตามหานับดาวไปทั่ว มุมนั้นมุมนี้ก็ไม่เห็น เมื่อวิ่งผ่านหลืบๆหนึ่ง แล้วเขาก็เดินย้อนกลับมา เข้าไปดู เห็นนับดาว สังวรณ์ แพรวไพลิน กำลังคุยกัน เป็นไทตกใจ ยืนแอบฟังทั้งหมดคุยกัน นับดาวก้มหน้าคุย ไม่กล้าสบตาใครนัก
“ไอ้เป็นไทมันจับเธอไม่ได้ใช่มั้ย” สังวรณ์ถาม
นับดาวหลบตา
“ค่ะ ไม่ได้...”
“งั้นก็ดี ตามแผนเดิม”
แพรวไพลินเสริม
“แล้วก็อย่าลืมก็แล้วกัน ทั้งสองคนนั่นแหละ ว่าถ้าเรื่องมันจบแล้ว อย่าบอกว่าฉันมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เข้าใจมั้ย”
เป็นไทที่แอบมองอยู่ รู้สึกผิดหวังมากที่คนใกล้ตัวเขาก็มีส่วนด้วย
“ฉันไปได้รึยัง เค้ากำลังจะซ้อมใหญ่กัน ป่านนี้คงหาฉันกันวุ่นแล้ว”
“เดี๋ยว...แล้วยูกิตัวจริงที่เธอเอาไปซ่อนน่ะ เป็นยังไง” สังวรณ์ถาม
“ก็ดี...สบายดี”
“จบเรื่องนี้แล้วส่งเธอคืนมาให้ฉัน ฉันจะจัดการต่อเอง”
“อืม ฉันขอตัว”
เป็นไทพอเห็นนับดาวแยกมา เขาก็หาที่ซ่อน นับดาวเดินออกไป
“เราไว้ใจมันได้แน่นะ” แพรวพินหันมาถามสังวรณ์
“เดี๋ยวเรื่องมันก็จบแล้ว มันไม่ได้ทันทำอะไรหรอก เพราะสิ่งที่ผมให้มันไปก็ไม่ใช่น้อย”
เป็นไทยืนมอง กำหมัดแน่น เจ็บใจมาก

ค่ำคืนนั้น...นับดาวเดินออกจากโรงแรม กำลังจะโบกแท็กซี่ ขณะที่นับดาวไม่ทันตั้งตัว เป็นไทก็คว้าแขนเธอแล้วลากเธอไปขึ้นรถ
“ทำอะไรน่ะ”
นับดาวพยายามขืนไม่ไป แต่สุดท้ายเป็นไทก็ลากเธอขึ้นรถจนได้
“คุณไทจะทำอะไรน่ะ ปล่อยนะ”
นับดาวไม่พอใจนักที่ถูกเป็นไทจับขึ้นรถแบบนี้ เป็นไทขับรถไปไม่สนใจ
“เป็นบ้าอะไรขึ้นมา”
“แน่ล่ะ”
“แค่ฉันทำคุณคอเคล็ดแค่นี้ ต้องทำกันขนาดนี้เลยเหรอ ฉันก็เห็นว่าคุณดีขึ้นแล้วนี่”
“ถ้าเป็นเรื่องแค่นั้นก็ดีสิ”
“แล้วอะไร”
“คุณเอายูกิตัวจริงไปไว้ไหน”
“ฉันไม่รู้ ฉันไม่เคยเจอยูกิตัวจริงด้วยซ้ำ”
“ผมรู้หมดแล้วว่าคุณทำงานให้ไอ้สังวรณ์ คุณก็รู้ว่าผมเกลียดมันขนาดไหน”
ด้วยความโมโห เป็นไทขับรถเร็วจี๋ ปาดไปปาดมา นับดาวกลัว
“ใจเย็นๆก่อนนะ ฉันว่าเราหาที่จอดรถคุยกันดีๆมั้ย”
“ไม่...ตอบมาว่าเอายูกิไปซ่อนไว้ที่ไหน”
“ฉันไม่รู้เรื่องยูกิตัวจริงเลย จริงๆนะ”
เป็นไทโมโหเหยียบคันเร่งมิดอีกรถพุ่งเร็วจี๋
“เออ...ฉันยอมแล้ว ที่ฉันรู้ก็แค่มีคนจับตัวเธอไว้ แต่ไม่รู้ว่าที่ไหน”
“อย่ามาโกหก ฉันได้ยินเธอพูดกับไอ้สังวรณ์หมดแล้ว”
เป็นไทเหยียบคันเร่งอีก นับดาวกลัว
“คุณจะรู้อะไร ก็แค่ฟังผ่านๆ ฉันนี่สิรู้ดีที่สุดเลย”
“แต่คุณน่ะหลอกทุกคนเพื่อจะมายืนตำแหน่งที่ยูกิอยู่ ต้องเป็นคุณนั่นแหละที่เอายูกิ ไปซ่อน”
“ถึงฉันขี้โกหก ขี้อิจฉา แต่ฉันก็ไม่เลวขนาดต้องทำร้ายใครหรอกนะ ถ้าคุณคิดว่าฉันเลวนัก ก็ฆ่าฉันให้ตายซะเลยสิ เอาเลย”
เป็นไทนิ่ง เขาไม่ได้เร่งเครื่องอีก แต่นับดาวเริ่มบ้า
“ทำไมไม่เร่งเครื่องอีกล่ะ จะได้ตายๆไปซะ ถ้าคุณไม่ทำ เดี๋ยวฉันทำเอง”
นับดาวเอามือไปหักพวงมาลัย เป็นไทตกใจยื้อๆเอาไว้ แล้วเขาก็รีบจอดรถเข้าข้างทาง
“จะบ้ารึไง ฉันไม่ได้อยากตายไปกับเธอด้วยหรอกนะ”
“ได้ ฉันไปตายคนเดียวก็ได้”
นับดาวเปิดประตูลงจากรถไป เป็นไทยังโกรธ
“ไปเลย อยากตายแบบไหนก็เลือกเอาเองเลย”
ไม่มีเสียงตอบกลับจากนับดาว เป็นไทนั่งเงียบอยู่ซักพักในรถ เริ่มเป็นห่วง เขาลงจากรถไปตามหานับดาว
เป็นไทลงจากรถ มองซ้าย มองขวาตลอดเส้น ก็ไม่เห็นเงาของนับดาวเลย เป็นไทเริ่มเป็นห่วง
นับดาวเดินขึ้นสะพานลอยมาปรากฏว่าส้นสูงหัก เธอหงุดหงิด ถอดรองเท้าเดินเท้าเปล่าขึ้นสะพานลอยไป เธอเดินเหม่อๆบนสะพานลอย หยุดที่กลางสะพานก้มลงไปมองด้านล่าง ขยาดๆ ทำไม่ลง นับดาวเดินเศร้าๆต่อไป โดยไม่ได้สังเกตว่ารถเป็นไทเพิ่งแล่นผ่านไป

เป็นไทเดินมาที่หน้าบ้านนับดาว เห็นบ้านมืด เหมือนไม่มีใครอยู่บ้าน เขานั่งรอที่หน้าบ้านในความมืด ยุงมารุมกัด เขาพยายามตบมันและรออย่างอดทน
นับดาวนั่งเท้าเปล่าเซ็งๆ มือข้างหนึ่งก็ถือรองเท้า แกว่งไปมา หน้าตาโทรม ครู่หนึ่งมอเตอร์ไซค์ของวราพรรณก็มาจอดที่ป้ายรถเมล์ เธอถอดหมวกกันน็อคออกแต่ยังนั่งอยู่บนรถ เห็นสภาพนับดาวเต็มๆ
“นี่เพิ่งกลับจากชายแดนเหรอ”
นับดาวลุกเดินมาหาเพื่อน พยักหน้ารับเนือยๆ ขึ้นรถตำแหน่งคนซ้อน
“เป็นอะไรมากมั้ยเนี่ย”
“มาก”
นับดาวซุกหน้าร้องไห้กับหลังวราพรรณ เธอปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใคร วราพรรณเห็นเพื่อนเป็นแบบนี้ก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน
“บอกแล้วว่าอย่าไปใส่มากส้นสูงน่ะ อยู่สูงๆเวลาตกมันก็เจ็บเหมือนกันหมดแหละ ...เกาะดีๆล่ะ เดี๋ยวจะตกลงไปอีก”
วราพรรณสตาร์ทรถออกไป โดยมีนับดาวซ้อนท้ายโดยซุกหน้ากับหลังเธอ

เป็นไทนั่งรออยู่หน้าบ้าน เห็นไฟของรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้านรจนา เขาดีใจคิดว่านับดาวกลับมาแล้ว ในความมืด มองไม่ค่อยชัดนักว่าใครเป็นใคร รจนาเมาเดินเซไปเซมา มาถึงบริเวณหน้าบ้าน ความหากุญแจในกระเป๋า
“รอตั้งนาน กว่าจะกลับมา...”
รจนาเมา เบลอๆหันมา เดินมาตามเสียง แต่เซถลา เป็นไทรีบเขามาพยุงไว้
“ไปทำอะไรมา เนื้อเหลวๆนะ ออกกำลังกายมั่งรึเปล่า กินพวกยาเสริมสร้างคอลลาเจนหน่อยก็ดีนะ เนื้อเริ่มไม่ติดกระดูกแล้ว”
รจนาเรอเอิ๊ก
“นี่คุณกินเหล้ามาเหรอเนี่ย ทำไมเรื่องแค่นี้ต้องกินเหล้าด้วย มันไม่ดีเลย”
รจนาสะอึก
“ผมขอโทษ...ทีหลังอย่าทำร้ายตัวเองแบบนี้ นี่ดื่มมาเยอะเลยใช่มั้ยเนี่ย”
รจนาพยายามจะพูดตอบโต้ แต่สุดท้ายความเมาก็ทำเธออ้วกใส่เป็นไทเต็มๆ แล้วเธอก็หลับนิ่งไปเลย เป็นไทพยายามหากุญแจบ้านในกระเป๋า พอเจอเขาก็ไขประตูแล้วเปิดไฟ แล้วก็ต้องตกใจ ที่เห็นรจนานอนไม่ได้สติอยู่กับพื้น
“เฮ้ย...คุณ เปิดไฟแค่นิดเดียว เหี่ยวขนาดนี้เลยเหรอ นี่แพ้แสงรึเปล่าเนี่ย”
รจนานอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่กับพื้น เป็นไทมองเสื้อตัวเองที่เปื้อนอ้วกรจนา เขาส่ายหัวเบาๆ

ที่ตลาดโต้รุ่งริมถนน นับดาวหน้าตาโทรม ตายังบวมตุ่ย กำลังซัดก๋วยเตี๋ยวชามโตอย่างไม่บันยะบันยัง วราพรรณนั่งดูเพื่อนที่หิวโซ
“นี่เหรอวะ ซุปเปอร์สตาร์”
“ไม่ต้องพูดมากน่า แกไม่กิน ฉันขอนะ”
นับดาวดึงชามของวราพรรณมากินต่อ
“เอาเข้าไป...นี่ แล้วจะเอาไงต่อ”
“เอาไง เรื่องอะไร”
“แกยังจะไปเจอหน้าคุณเป็นไทเค้าอีกมั้ยล่ะ”
นับดาวถอนหายใจ
“แกจะพูดเรื่องนี้ตอนนี้ทำไมเนี่ย หมดอร่อยเลย”
“ก็แกบอกเค้าเกลียดแก อยากให้แกตายไม่ใช่เหรอ”
“พอแล้ว ไม่ต้องย้ำ”
“ดี ไม่ไปตายจริงๆ”
“แค่คิด แต่ไม่กล้าทำหรอก”
“ดีแล้ว จะไปตายเพื่อคนที่กลียดเราได้ยังไง แล้วนี่จะทำยังไงต่อไป”
“ก็เคลียร์มันให้จบๆ พรุ่งนี้แค่วันเดียวนี่”
“นี่แกยังกล้าไปเจอเขาอีกเหรอ”
“แล้วจะให้ทำไง พรุ่งนี้ก็งานมีทแอนด์กรี๊ดแล้ว วันที่เจ้านายแกวางแผนไว้ แล้วก็เป็นวันที่เราจะตลบหลังเขาด้วยไม่ใช่เหรอ”
“แกไม่ต้องเอาเรื่องงานมาอ้างเลย...แกทำเพื่อเขาขนาดนี้ แกรักเขาจริงๆแล้วใช่มั้ยนับดาว”
นับดาวเงียบไม่ตอบอะไร
“นับดาว”
“ฉันต้องโทรบอกย่าหน่อยว่ากลับดึก”
นับดาวทำเปลี่ยนเรื่อง

เป็นไทแบกรจนาขึ้นหลังมาวางลงบนโซฟาหน้าทีวี รจนารู้สึกตัวเบลอๆ
“โทษที ปาร์ตี้หนักไปหน่อย นาน ๆ จะมีงานใหญ่จ้างซักที ...” รจนามองเป็นไท “นี่คุณไม่ใช่หลานฉันนี่”
“ก็ไม่ใช่น่ะสิ”
“งั้นตามสบายเลยนะ”
รจนาทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง เธอหลับปุ๋ยไม่รู้สึกตัว
“เดี๋ยวสิ ยาย...ยาย...ยาย... ตื่นมามาคุยกันก่อน”
เป็นไทเขย่าตัวรจา แต่ไม่มีเววขยับ เขากลุ้มใจ
“หลานก็หาย ยายก็เมา เจริญละครอบครัวนี้”
เสียงโทรศัพท์บ้านส่งเสียงดังขึ้น รจนาไม่มีทีท่าว่าจะตื่น เป็นไทจึงเดินไปยกหูรับแต่ไม่ได้พูดอะไร เสียงนับดาวดังขึ้น
“ย่าเหรอ หนูเองนะ จะบอกว่าวันนี้หนูกลับดึกหน่อยนะ อยู่กับนุ้ยไม่ต้องห่วง”
เป็นไทถอนหายใจโล่งอกที่นับดาวยังปลอดภัย
“เงียบๆ นี่หลับไปแล้วละเมอขึ้นมารับอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย ไปนอนต่อได้แล้วไป หนูรักย่านะ”
เป็นไทอมยิ้มกับสิ่งที่นับดาวพูด นับดาววางหู วราพรรณถามต่อ
“แกไม่ต้องทำเปลี่ยนเรื่อง”
“เปลี่ยนเรื่องอะไร”
“ฉันถามว่าแกรักคุณไทใช่มั้ย”
“ตอนนี้ฉันว่าฉันจะรักเค้ารึเปล่า มันไม่สำคัญหรอกแก ยังไงเค้าก็เกลียดฉันอยู่ดี อะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ เราอย่าไปพูดถึงมันดีกว่า แกเป็นคนบอกฉันเองนี่ว่าอย่าฝันสูง ตกมาจะเจ็บ ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ฉันกับเค้าก็เดินกันคนละโลกแล้ว”

วราพรรณเลิกซักไซร้ เปลี่ยนมาเห็นใจเพื่อนแทน
นับดาวยืนร้องเพลงญี่ปุ่นอยู่บนเวทีอย่างไพเราะ สะกดคนดูทั้งห้องให้เคลิ้มไปกับเสียงของเธอ ไคคุงยืนเคลิ้มกับเสียงนับดาว เพลงจบลงนับดาวหันไปสบตาเป็นไท ไคคุงหลุดจากภวังค์ทันที

“พอกันที”
ไคคุงกำลังจะเดินลุยเดี่ยวเข้าไป แต่เขาก็ถูกรั้งเอาไว้จากมือคู่หนึ่ง
“อย่าห้าม”ไคคุงไม่ได้หันไปมอง
มือคู่นั้นยังไม่ปล่อยจากไคคุงอีก
“เอ๊ะ ก็บอกว่าอย่าห้ามไง”ไคคุงหันไปมอง
เสียงทักทายจากเจ้าของมือดังขึ้น
“สวัสดี...ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลยนะคุณไคคุง” แพรวไพลินทัก
ไคคุงแปลกใจ
“คุณมาได้ไงเนี่ย”
“ลืมไปแล้วรึไง ฉันเป็นแฟนของคนจัดงานแล้ว คุณเถอะมายังไง”
“แล้วคุณลืมไปแล้วรึเปล่า ผมก็เป็นแฟนของศิลปินชื่อดังบนเวที”
“แต่คุณน่าจะสนใจงานส่งออกอาหารทะเลของคุณ มากกว่าแฟนที่คุณบอกว่าไว้ใจได้ไม่ใช่เหรอ”
ไคคุงเงียบ
“ตอนนี้ ไว้ใจไม่ได้แล้วล่ะสิ”
“แฟนผมน่ะไว้ใจได้ แฟนคุณต่างหากมายุ่งกับแฟนผมเอง”
“นี่ อย่ามาพูดแบบนี้นะ ถ้าแฟนคุณมันไม่ยั่ว ผู้ชายมีเหรอที่จะสนใจ”
“เออ จะอะไรก็ช่าง ผมไม่สนหรอก ผมมีวิธีจัดการของผม”
“ฉันก็มีวิธีจัดการของฉันเหมือนกัน ...เอ๊ะ คุณจะทำอะไร”
“ทำไมผมต้องบอกคุณด้วย”
“ไม่ได้นะ จะมาทำอะไรบุ่มบ่ามวันนี้ไม่ได้เด็ดขาด”
“ทำไม กลัวงานแฟนตัวเองจะพังรึไง จะบอกให้ว่าผมไม่สนหรอก”
“ไม่ได้ จะมาแซงคิวกันได้ยังไง ฉันวางแผนของฉันมาตั้งเป็นอาทิตย์”
“ห๊ะ หมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความว่าให้ต่อคิวยังไงล่ะ คิดจะทำอะไรน่ะ ก็ต้องให้พวกฉันทำเสร็จก่อนย่ะ”
แพรวไพลินเดินเชิดออกไป ไคคุงยังงงๆ ว่าแพรวไพลินคิดจะทำอะไร

ที่โกดังร้าง...ยูกินั่งหน้าเซ็งอยู่หน้าโกดังร้าง ยามาดะเดินตามออกมา ยูกิหันไปเห็นก็งอนๆ
“ตามออกมาทำไม จะจับฉันไปขังอีกรึไง”
“ผมไม่เข้าใจ...ที่คุณพูดหมายความว่าอะไร”
“พูดไปตั้งเยอะตั้งแยะ ฉันจำไม่ได้หรอก”
“ที่คุณบอกว่า ตอนเรียนที่ผมส่งจดหมายรักให้คุณ แล้วผมก็หายไป ผมให้ความหวังคุณทำไม”
“ฉันเพิ่งรู้ว่าการศึกษาสำคัญก็ตอนนี้นี่แหละ”
“ฮึ๊ นั่นคือคำตอบเหรอ ผมยิ่งไม่เข้าใจ”
“ฉันประชด”
“แปลว่าไม่ใช่คำตอบ แล้วคำตอบคืออะไร”
“โอ๊ย...ฉันชอบคนบื้อขนาดนี้ได้ยังไงเนี่ย”
ยามาดะยืนนิ่งๆ เหวอๆ พยายามคิด
“คุณ...ชอบผม”
“ตั้งแต่ตอนม.ต้นแล้ว ทีนี้เข้าใจรึยังล่ะ”
ยามาดะได้ยินก็ช็อค...หงายตึงไปทันที ยูกิรีบเข้าไปช่วย

ยามาดะรู้สึกตัวอีกที เขานอนอยู่บนตักของยูกิในโกดัง เขาตื่นมามองเห็นหน้ายูกิก็ช็อคไปเล็กน้อย แต่พอเห็นว่าเขานอนอยู่บนตักของยูกิ เขาก็เป็นลมไปอีก
ยูกิเขย่าตัว
“เฮ้ย เดี๋ยวสิ มัวแต่เป็นลมอยู่นั่น เดี๋ยวซีซีก็กลับมาก่อนจะได้หนีหรอก ฉันปรับนาฬิกาซีซีให้ช้าไปสองชั่วโมงเองนะ” ยูกิถอนใจ
ยามาดะยังไม่รู้สึกตัว ยูกินึกไปถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา...
ซีซีถอดนาฬิกาไว้หน้าห้องน้ำ เพื่อจะเข้าไปล้างมือ ล้างหน้า เธอเดินเข้าห้องน้ำไป ฮัมทำนองเพลง พร้อมใส่เนื้อลงไป
“สิบโมงพรุ่งนี้ฉันจะทำให้ยายตัวปลอมเผยโฉมหน้าออกมา แล้วฉันจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุด ลา ลา”
ยูกิเดินมาหน้าห้องน้ำ ได้ยินสิ่งที่ซีซีฮัมเป็นเพลง เธอมองเห็นนาฬิกา เธอปรับเวลาถอยหลังให้เดินช้าลง 2 ช.ม. ก่อนที่ซีซีจะออกมาจากห้องน้ำ
ยูกิมองยามาดะที่ยังนอนเป็นลมอยู่บนตัก
“ป่านนี้ไม่รู้ซีซีรู้รึยังเนี่ย ว่านาฬิกาไม่ตรง ขอให้ไปทำลายงานไม่ทันทีเถอะ” ยูกิก้มมองยามาดะ “นี่ก็ตื่นซักทีสิ โอ๊ย”
ยามาดะยังคงนอนนิ่ง
ทางด้านซีซีขับรถอย่างสบายใจ
“ฉันก็บอกให้ทุกคนรู้ให้หมดว่ายูกิที่ทุกคนเห็นเป็นตัวปลอม คราวนี้แกก็จะหายสาบสูญไปจริงๆซักที...” ซีซีดูนาฬิกาข้อมือ “อุ๊ย เพิ่งจะเก้าโมงงานยังไม่เริ่มเลย ฉันไปถึงก็พอดี”
ซีซีขับรถไปอย่างไม่รีบร้อน โดยไม่รู้ว่านาฬิกาเธอน่ะ ช้ากว่าเวลาไปสองชั่วโมง

พิธีกรขึ้นมาบนเวที เชิญนับดาวนั่งสัมภาษณ์ นับดาวยิ้มๆนั่งเก้าอี้ตามที่จัดไว้ แต่สายตาเธอชะเง้อหาวราพรรณอยู่ตลอด เธอยังไม่เห็นวราพรรณในงาน เธอเริ่มร้อนใจเล็กน้อย
“มัวไปอยู่ไหนนะ ยายวราพรรณ”
ขณะเดียวกัน สังวรณ์ก็ชะเง้อหาวราพรรณเช่นกัน มือก็โทรศัพท์หาวราพรรณไปด้วย
“ไอ้นุ้ย นี่แกจะเบี้ยวงานสำคัญรึไง โทรศัพท์ก็ไม่ยอมรับ” สังวรณ์ชะเง้อมองในงาน “โอเค ฉันลุยเดี่ยวก็ได้” สังวรณ์ถอนใจเซ็งๆ
บนเวที พิธีกรเริ่มสัมภาษณ์
“สำหรับตอนนี้ แฟนคลับคนไหนที่มีคำถามอยากจะถามยูกิ เตรียมตัวได้เลย เราจะให้ถามได้คนละคำถามนะครับ เดี๋ยวผมจะเลือกจากแฟนคลับที่โดดเด่นที่สุดเลยดีกว่า”
แฟนคลับกรี๊ดๆๆๆๆ ชูไม้ชูมือกันใหญ่ นับดาวสบตาสังวรณ์ที่ยืนอยู่แถวหน้า เธอหลบตา
“ผมเจอแล้วครับ แฟนคลับที่โดดเด่นที่สุด” พิธีกรชี้ไปที่สังวรณ์ “เชิญคุณแฟนคลับคนนั้นถามเลยครับ”
ทุกคนหันไปที่สังวรณ์ เป็นไทหันไปเห็นเป็นสังวรณ์ก็ตกใจ เริ่มจะเข้าใจแผนร้ายของเขาบ้างแล้ว ทีมงานเอาไมค์ยื่นให้ สังวรณ์หันไปมองหน้าเป็นไท ยิ้มเยาะ นับดาวเห็นแล้วก็ถอนหายใจ ชะเง้อหาวราพรรณ
“อันนี้ผมเข้าใจเรื่องความโดดเด่นของผม ที่มันเย้ายวนใจมากๆ” สังวรณ์บอกอย่างภูมิใจ
“คุณชื่ออะไรครับ” พิธีกรถาม
“ผมชื่อซังวอนครับ”
“ชื่อเกาหลีซะด้วย”
“แน่นอนครับ ผมไม่เคยตกเทรนด์อยู่แล้ว”
“คิดยังไงถึงเป็นแฟนคลับยูกิครับ ทั้งที่อายุปูนนี้แล้ว หันไปดูรอบๆตัวสิครับ มีแต่เด็กวัยรุ่นทั้งนั้น คุณแก่โดดเด่นมาก”
ทั้งห้องจัดงานหัวเราะกันครืน สังวรณ์หน้าเสีย
“ถึงผมจะแก่ ผมก็รู้อะไรที่คนในห้องนี้ไม่รู้ก็แล้วกัน”
“รู้อะไรครับ ไหนลองเล่าให้คนรุ่นเราฟังหน่อยสิครับ”
สังวรณ์หันไปมองยูกิ
“ใช่มั้ยครับคุณยูกิ”
“หมายความว่ายังไงครับ”
สังวรณ์เดินขึ้นบนเวที
“มีใครดูออกบ้างรึเปล่าว่ายูกิคนนี้แปลกไปจากเดิม”
คนในห้องส่งเริ่มซุบซิบกัน
“พูดไทยสำเนียงญี่ปุ่นเก่งเกินคาด ท่าทางการเดิน เนื้อเสียง ทำไมรู้มั้ยครับ...”
นับดาวก้มหน้า ไม่อยากจะเห็นภาพที่เกิดตรงหน้า เป็นไทเจ็บใจกับการกระทำของสังวรณ์ คนงงๆ องอาจวิ่งมาถามเป็นไท
“นี่มันเรื่องอะไรกันครับคุณไท”
เป็นไทนิ่ง หน้าเครียด
องอาจวอบอกคนคุมเสียง
“ปิดไมค์ตัวนั้นด่วนเลย”
บรรยากาศทีมงานโกลาหล คนในห้องจัดงานก็แซแซ่ด ไคคุงเริ่มสงสัยว่าสังวรณ์จะทำอะไร
คนคุมเสียงรีบเฟดไมค์ตัวที่สังวรณ์กำลังพูดลงทันที สังวรณ์กำลังพูดเข้าด้ายเข้าเข็ม พูดต่อเนื่อง นับดาวก้มหน้าไม่กล้าสบตาใคร
“ก็เพราะว่า...คนๆนี้” ไมค์ไม่ดัง “ไม่ใช่ยูกิตัวจริงยังไงล่ะ”
ไมค์เงียบ คนเริ่มฮือ ฟังไม่ได้ศัพท์ สังวรณ์เคาะไมค์
“กะแล้วเชียวว่าพวกแกต้องเล่นไม้นี้” สังวรณ์มองไปที่เป็นไท
“แค่นี้ก็หมดปัญหา” องอาจพูด
สังวรณ์หยิบไมค์อีกอันจากกระเป๋ากางเกงออกมา เปิดไมค์ขึ้น มีเสียงหวีดเล็กน้อย เสียงดังออกจากแอมป์ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง
“ฮัลโหลๆๆ เทส หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก จุ๊ๆๆ”
องอาจตกใจว่าเสียงดังมาจากไหน
“โชคดีนะที่ผมเป็นคนฉลาด ผมคาดไว้แล้วเชียวว่าต้องมีเหตุแบบนี้เกิดขึ้น ผมเลยเตรียมไมค์และเครื่องขยายเสียงมาเองจากบ้านด้วย” สังวรณ์ประกาศ
‘ องอาจเจ็บใจ
“เป็นแบบนี้ได้ไงเนี่ย”
สังวรณ์พูดต่อ
“เอาล่ะ เรามาต่อกันดีกว่า ผมจะบอกว่าผู้หญิงคนที่นั่งอยู่บนเวทีนี้ ไม่ใช่ยูกิตัวจริงครับ”
องอาจตกใจ ไคคุงก็ตกใจ คนเริ่มฮือฮากันใหญ่
“นี่มันอะไรกันเนี่ย”
“หมายความว่าไงครับคุณไท”
เป็นไทก้มหน้านิ่ง
“พวกมันเล่นไม้นี้...แน่จริงทำไมไม่แกล้งฉันแบบตัวต่อตัว”
สังวรณ์พูดต่อ
“หลายคนอาจสงสัยว่าผมมีหลักฐานอะไร... ผมอยากจะบอกว่าผมเฝ้าติดตามผู้หญิงคนนี้ ตั้งแต่เธอมาเมืองไทย สังเกตเห็นความผิดปกติของเธอ สัมภาษณ์อะไรเกี่ยวกับยูกิ เธอก็ตอบมั่วไปหมด แถมยังไปอาศัยอยู่บ้านเก่าๆหลังเล็กๆ แทนที่จะอยู่โรงแรมห้าดาว ผมไม่เคยได้ยินเธอพูดญี่ปุ่นเลยซักคำ”
เสียงในห้องยิ่งฮือฮากันหนักขึ้น บางส่วนแสดงการต่อต้านว่าไม่จริง ไม่เชื่อ แต่ส่วนใหญ่เอาแต่ซุบซิบไม่แสดงความคิดเห็น ไคคุงหน้าเสีย ลุ้นความจริง
“โอเค สำหรับคนที่ไม่เชื่อ ผมก็เข้าใจได้ คุณรักของคุณมา แต่ผมอยากให้ตาสว่างกันหน่อย ไม่เชื่อลองถามคำถามเกี่ยวกับยูกิกับเธอเลยครับ ผมรับประกันว่าเธอตอบไม่ได้”
ในห้องส่งฮือฮา มีแฟนคลับคนหนึ่งตะโกนถาม
“หนูหัดเรียนภาษาญี่ปุ่นเพื่อมาเจอยูกิวันนี้” แฟนคลับถามภาษาญี่ปุ่น “ทำไมถึงรักเมืองไทย”
นับดาวนิ่ง ฟังไม่รู้เรื่อง เธอมองแฟนๆด้านล่าง แฟนๆเริ่มยกมือประท้วงให้ยูกิตอบ นับดาวอึกอักตามองหาวราพรรณ แอบพึมพำ
“นุ้ย แกมาซักทีสิ”
บรรยากาศในห้องจัดงานตึงเครียด

ซีซีขับรถเข้าจอดในลานจอดรถโรงแรม เดินลงจากรถอย่างสบายใจ เธอมองดูนาฬิกา
“อุ๊ย ยังมีเวลาอีกตั้งเยอะกว่างานจะเริ่ม หาข้าวกินหน่อยดีกว่า”
ซีซีเรื่อยเปื่อยมาก หารู้ไม่ว่างานกำลังถึงตอนสำคัญแล้ว
บนเวที...นับดาวอึกอักบนเวที ตอบไม่ได้ สังวรณ์เริ่มจี้
“ทำไมเงียบไปล่ะ แฟนคลับถามคำถามง่ายๆแค่นี้ ถึงกับอึ้ง หรือว่าไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่น”
นับดาวอึกอัก เป็นไททนดูไม่ได้ เดินออกไป เจอแพรวไพลินพอดี
“พี่ไทจะไปไหนคะ ถึงกับทนฟังไม่ได้เลยรึไง”
เป็นไทไม่พูด มองแพรวไพลินตาขวาง แพรวกลัวปล่อยให้เป็นไทเดินออกไป แต่แล้วเสียงสวรรค์สำหรับนับดาวก็ดังขึ้น
“ฉันขอตอบคำถามทั้งหมดนี่ แทนยูกิละกันนะคะ”
นับดาวดีใจที่ได้ยินเสียงวราพรรณ สังวรณ์ก็เช่นกัน
“กว่าจะมาได้นะ ...” สังวรณ์บอกทุกคน “นี่คือผู้ช่วยผมเองครับ คุณบอกทุกคนไปสิ”
วราพรรณยิ้มๆ
“นี่ไง เด็กผม มือหนึ่งเลยนะเนี่ย” สังวรณ์โอ่
วราพรรณบอกเสียงดัง
“ฉันถูกบังคับให้ร่วมมือจ้างนับดาวตัวปลอม เพื่อทำลายชื่อเสียงของบริษัทอิสสยามของคุณเป็นไทค่ะ”
“นี่เธอ...”
“ถ้าฉันไม่ร่วมมือกับเขาเขาจะไล่ฉันออก แต่ถ้าร่วมมือจะเลื่อนตำแหน่งให้ ส่วนคนที่จะจ้างเป็นยูกิตัวปลอมก็มีผลประโชน์เกี่ยวกับย่าเธอด้วย”
สังวรณ์ไม่ใช้ไมค์
“นี่เธอจะเล่นไม้นี้กับฉันใช่มั้ย คอยดูว่าคนจะเชื่อใครมากกว่ากัน”สงวรณ์พูดใช้ไมค์ หน้างง “คุณพูดอะไร ผมไม่เข้าใจ นี่พวกเป็นไทจ้างคุณมาขัดขวางผม เพื่อไม่ให้เสียงานใช่มั้ย”
คนฮือฮากันใหญ่ สับสนว่าอะไรคือความจริงกันแน่
“ไม่มีใครจ้างมาทั้งนั้น ที่ฉันมา เพราะฉันไม่อยากให้มีคนเดือดร้อนเพราะการกระทำนี้อีก”
“เธอได้เงินจากไอ้เป็นไทมาเท่าไหร่ล่ะ ถึงได้ยอมหักหลังฉัน” สังวรณ์ หันบอกผู้ชม “ถ้าคนดีจริงเค้าไม่หักหลังคนอื่นหรอก จริงมั้ย ...ความจริงของเรื่องนี้ก็คือ นายเป็นไทจ้างยูกิตัวปลอมมาหลอกลวงทุกคน”
“ไม่จริง คนที่จ้างยูกิตัวปลอมคือนายสังวรณ์นี่ต่างหาก แถมยังลักพาตัวยูกิตัวจริงไปซ่อนด้วย”
“ไม่จริงนะ” สังวรณ์บอกผู้ชม “เราอย่าไปเชื่ออะไรที่มันไม่มีหลักฐาน”
“ฉันอัดเสียงไว้ทุกครั้งที่เราคุยกันเรื่องนี้ คุณอยากฟังสียงตัวเองมั้ยล่ะ ”วราพรรณหยิบเครื่องเล่น mp3 มาโชว์
สังวรณ์ตกใจ
“นี่เธอวางแผนไว้ตั้งแต่ต้น”
วราพรรณลอยหนาลอยตา
“ไม่งั้นฉันจะทำงานกับคนอย่างคุณได้เหรอ”
สังวรณ์บีบมือแน่น เจ็บใจ นับดาวก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตา ไคคุงร้อนรน ทนฟังไม่ได้

ในโกดังร้าง…ยามาดะนั่งอยู่มุมห้องอายๆ หันมาสบตายูกิที่มองเขาอยู่ เขาก็หันกลับไปที่มุมห้องอีก เอามือขีดเขียนผนังมั่วๆ แก้เขิน
“นี่มันจะมากไปแล้วนะ”
“อะไร”
“ก็มัวเขินอยู่ได้ …ตกลงจะไม่หนีไปกับฉันใช่มั้ย ฉันจะได้ไปคนเดียว”
“ไป”
“ไปก็รีบไปสิ เดี๋ยวซีซีก็กลับมาหรอก”
“แต่จะไปยังไง กว่าจะไปถึงถนนมันไกลมากเลยนะ”
“ถ้าคุณกลัวเหนื่อย ฉันไปคนเดียวก็ได้”
“ผมไม่ได้กลัวเหนื่อย ผมกลัวพาคุณไปลำบากมากกว่า”
“นี่คุณยังไม่เข้าใจใช่มั้ย ว่าฉันไม่ได้กลัวลำบาก จะต้องให้บอกอีกมั้ย”
“ไม่ต้องครับ ไม่ต้อง” ยามาดะอายขึ้นมาทันที “ผมขอเก็บของก่อนก็แล้วกัน”
ยามาดะยังไม่กล้าสบตายูกินัก เขาเดินเลี่ยงๆออกไป ยูกิมองตามถอนหายใจ

เหตุการณ์บนเวทีกำลังตึงเครียด สังวรณ์ถูกวราพรรณหักหน้าซะยับ
“คุณเป็นไท ไม่ได้เกี่ยวอะไรเรื่องนี้ เขาไม่ได้ตั้งใจหลอกลวงใคร มีแต่คนอื่นต่างหากที่จ้องจะทำลายเค้า”
ไคคุงที่ทนไม่ไหว เดินขึ้นเวที แย่งไมค์จากพิธีกรที่ยืนเหวออยู่มา
“ผมไม่สนใจว่าใครจะดีใครจะเลว”
ทุกคนหันตามเสียงไป องอาจที่ยืนดูอยู่ล่างเวทีถอนใจเฮือก
“นั่นไง มาอีกคนละ นี่นึกว่างานแซยิดกันรึไงเนี่ย หมดๆๆๆ งานที่ปั้นมาเป็นเดือนๆ ไม่เหลืออะไรแล้ว”
ไคคุงเดินมุ่งหน้ามาที่นับดาวที่นั่งก้มหน้าอยู่ เขาเชยคางเธอดูหน้าชัดๆ
“ตกลงว่านี่คือยูกิตัวจริงหรือตัวปลอมกันแน่”
คนในห้องจัดงานเริ่มเห็นด้วย เออออกับสิ่งที่ไคคุงสงสัย คนเริ่มกดดัน นับดาวยิ่งเครียด เธอค่อยๆรวบรวมความกล้า แล้วลุกขึ้นยืนประกาศต่อหน้าทุกคน
“ฉันไม่ใช่ยูกิ”
คนในห้องส่งเงียบกริบ ไคคุงช็อค
“ฉันไม่ใช่ยูกิ แล้วชีวิตฉันก็ไม่มีอะไรเหมือนยูกิเลยด้วย ฉันเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่มีใครสนใจ คนที่ไปต่อแถวที่ไหนก็ต้องโดนแซงคิว ไม่สิ...จริงๆแล้วฉันไม่ใช่คนธรรมดาด้วยซ้ำ หูฉันพิการไปข้างนึง ก่อนหน้านี้มันเคยมีผลทางการได้ยินค่อนข้างมาก แต่ตั้งแต่ฉันเป็นยูกิ...ความพิเศษของเธอทำให้ฉันรู้สึกว่ามันดีขึ้น”
ไคคุงรับไม่ได้
“ตั้งแต่มาอยู่เมืองไทย ผมไม่เคยเจอกับยูกิเลย...”
“ฉันขอโทษ”
“แล้วยูกิตัวจริงอยู่ที่ไหน”
คนทั้งห้องส่งเงียบกริบ รอฟังคำตอบ สังวรณ์รีบฉวยโอกาสนี้ชี้ไปที่วราพรรณ
“มัน มันเอาไปซ่อน”
“ฉันแค่ทำตามคำสั่งของคุณเท่านั้น”
นับดาวมองหน้าวราพรรณ
“แต่จริงๆคนที่เอายูกิไปซ่อนคือ...ซี...”
วราพรรณเอามือปิดปากนับดาวไว้ไม่ให้พูด แล้วกระซิบ
“อยากให้ซีซีพายูกิหนีไปที่อื่นอีกรึไง อย่าลืมสิ เราไม่มีหลักฐานอะไรที่จะมัดตัวมันได้เลยนะ”
ไคคุงมองพิรุธของทั้งคู่
“คุยอะไรกัน แน่จริงก็พูดออกไมค์สิ”
“ฉันจะบอกว่า ถ้าอยากรู้เรื่องยูกิจริงๆ ให้ถามจากคุณสังวรณ์ เขาเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด ฉันหมดหน้าที่ตรงนี้แล้ว”
วราพรรณมองหน้ากับนับดาว แล้วพากันเดินไปด้านหลังเวที เหลือสังวรณ์ที่ยืนอยู่บนเวที คนเริ่มโห่ แล้วพูดพร้อมๆกันว่าเอายูกิคืนมา
“ผมไม่รู้ ผมไม่เกี่ยว”

วราพรรณกับนับดาว ทำเดินนิ่งๆมาหลังเวที พอพ้นเวทีลงมาทั้งคู่ก็เลิ่กลั่ก
“รีบชิ่งเหอะตอนนี้ ก่อนที่เราจะโดนแฟนคลับรุมสกัม”
นับดาวพยักหน้ารับ ทั้งคู่จะพากันวิ่งหนี องอาจเข้ามา
“สนุกกันมากมั้ยเนี่ย”
วราพรรณกับนับดาวชะงัก
“คุณรู้มั้ยว่าผมกับคุณเป็นไททุ่มเทกับงานนี้เท่าไหร่ คิดจะพังก็พังกันง่ายๆแบบนี้เลยรึไง”
“ฉันขอโทษ” นับดาวมองหาเป็นไท “แล้วคุณไท”
“คิดว่าเค้าจะอยู่ดูสิ่งที่ตัวเองสร้างมาโดนทำลายรึไง”
นับดาวรู้สึกผิดมาก
“ฉันฝากบอกเค้าด้วยว่าฉันขอโทษ”
“เอาเป็นว่าฉันกับนับดาวจะพายูกิตัวจริงมาคืนคุณไทให้เร็วที่สุด” วราพรรณบอก
“มันคงไม่มีความหมายแล้วล่ะ”
วราพรรณกับนับดาวจะหนีออกไปต่อ ทั้งคู่มององอาจอย่างรู้สึกผิด
“แล้วจะวิ่งออกไปด้านหน้าแบบนั้น อยากตายรึไง ทางด้านหลังมีประตู” องอาจชี้ไปทางออกด้านหลัง
“ขอบคุณนะ”
“แค่ไม่อยากให้มีคนตายเพิ่ม แค่ผมก็พอแล้ว”
วราพรรณกับนับดาวมองอาจซาบซึ้ง วิ่งออกไป องอาจมองดูทั้งคู่จากไป
“ทำไมมันถึงมีคนที่หน้าตาเหมือนกันได้ขนาดนี้วะ ขนาดรู้ว่าไม่ใช่ ก็อดใจไม่ได้ที่จะคิดว่าเป็นยูกิ เฮ้อ...”
อีกมุมนึงที่ไม่มีใครสังเกต ไคคุงแอบยืนดูวราพรรณกับนับดาว แล้วเขาก็วิ่งตามออกไป

ซีซีเดินมาตามทางจะไปที่ห้องจัดงาน เธอเดินสวนกับพนักงานโรงแรม
“นี่ ห้องมีทแอนด์กรี๊ดไปทางไหน”
พนักงานหันหลัง ชี้ทางไป
“คุณจะไปทำไมตอนนี้ งานเค้าเลิกแล้ว”
ซีซีมองนาฬิกาตัวเอง
“พูดบ้าๆ นี่มันเพิ่งสิบโมง งานมันเริ่มสิบโมงไม่ใช่รึไง”
พนักงานมองดูนาฬิกาตัวเอง
“นี่เที่ยงแล้วครับ”
“จะเที่ยงได้ยังไง”
พนักงานชี้ไปที่นาฬิกาเรือนใหญ่ที่ติดผนังอยู่ ซีซีกรี๊ด
“เป็นแบบนี้ไปได้ไงเนี่ย”
พนักงานเดินจากไป นับดาวกับวราพรรณวิ่งชนเข้ากับซีซี ที่กำลังยืนไม่สบอารมณ์พอดี
“โอ๊ย อะไรเนี่ย วิ่งไม่ดูคนเลยรึไง”
แล้วทั้งสองฝ่ายก็เห็นหน้ากัน
“ซีซี”
“ยูกิ แกคือตัวปลอมใช่มั้ย ฉันรู้นะ ฉันจะแฉแกให้หมดเลย”
วราพรรณโวย
“ยังจะแฉอะไร คนเค้ารู้กันหมดแล้ว”
“ห๊ะ จะเป็นไปได้ไง ฉันเพิ่งมาถึง”
“ตื่นสายรึไง ตลาดเค้าวายหมดแล้ว”
“นี่แกเป็นใครเนี่ย มาว่าฉันฉอดๆ”
“คนที่รู้ว่าแกน่ะเอายูกิตัวจริงไปซ่อนนะสิ มาก็ดีเลย พาฉันไปหายูกิเดี๋ยวนี้”
ซีซีตกใจ
“เอาอะไรมาพูด ฉันไม่เห็นรู้เรื่อง”
“ฉันน่ะแฉทุกคนที่ทำเรื่องนี้มาแล้ว จะให้ฉันพูดเรื่องเธออีกคนมั้ย จะได้ให้ตำรวจลากคอไปทีเดียวเลยข้อหากักขังและหน่วงเหนี่ยว”
“อย่ามาขู่ ฉันไม่เชื่อหรอก”
เสียงคนในฮอลล์โห่ร้อง ตะโกนเอายูกิตัวจริงคืนมา ดังมาถึงจุดที่ซีซียืน ยังไม่ทันที่ใครจะพูดอะไรต่อ ไคคุงก็ถือปืนโผล่มา
“พาฉันไปเจอยูกิเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันเป่าสมองเรียงตัวแน่ๆ”
ทั้งสามคนตกใจที่ไคคุงโผล่มา

เสียงคนเรียกร้องให้เอายูกิกลับมาดังลั่น สังวรณ์เริ่มกระวนกระวายใจมองไปทั่ว หันหลังก็ไม่เห็นใครอยู่แล้ว สังวรณ์กำลังจะวิ่งหนี แต่แค่ลงจากเวทีมา องอาจก็พาตำรวจมาดักไว้ซะแล้ว
“จะไปไหนคุณสังวรณ์ อยู่คุยกันหน่อยสิ”
“ผมมีงานต่อ”
“งั้นไปต่อกันที่โรงพักก็ได้นี่”
ตำรวจยืนมองสังวรณ์เข้ม สังวรณ์กลืนน้ำลายเอื๊อก เสียงอ่อน
“ผมไม่ด้ทำอะไร”
“มาถึงขนาดนี้ยังบอกไม่ได้ทำอะไรอีกเหอ ห๊า”
ตำรวจลากสังวรณ์ออกไป

ไคคุงเอาปืนซ่อนต่ำ จี้ทั้งสามคนมาที่รถ แล้วไล่สมุนลงจากรถหมด
“พวกแกลงไปให้หมด เรื่องนี้ฉันจัดการได้”
สมุนทุกคนพยักหน้ารับ
“ขึ้นรถเร็ว ฉันไม่อยากเสียเวลา”
ซีซีรีบขึ้นไปขับรถ ไคคุงนั่งคู่คนขับ นับดาวกับวราพรรณก็ขึ้นรถไปเบาะหลังด้วย
“ถ้าใครตุกติก ฉันยิงตับแตกแน่” ไคคุงขู่
นับดาวกับวราพรรณหน้าเซ็ง
“เกือบจะรอดแล้วเชียว”
“ฉันยอมโดนจับกับยูกิตัวจริง ดีกว่ารอดไปคนเดียว”
ยูกิมงไปที่กระจกรถเศร้าๆ ไคคุงขู่ซีซี
“ยูกิอยู่กับเธอแน่ใช่มั้ย ถ้าไม่ใช่ก็ตายกันซะให้หมดนี่ล่ะ”
“อยู่สิ ก็ฉันเป็นคนจับตัวมันมาเองนี่” ซีซีรีบบอก

ไคคุงจะเอาด้ามปืนตบซีซี แต่เค้าก็ยั้งใจไว้ทัน

ยูกิกับยามาดะพากันวิ่งหนีออกมาจากโกดัง ท่ามกลางแดดร้อนเปรี้ยง ขณะที่วิ่งอยู่บนถนนลูกรัง เห็นรถอีแต๋นชาวบ้านขับผ่านมา ยูกิจะเข้าไปขอความช่วยเหลือ ยามาดะห้ามไว้
“แน่ใจได้ไงว่าไม่ใช่คนที่ซีซีส่งมาดูเรา”
ยูกิชะงัก
แล้วทั้งคู่ก็แอบอยู่ที่พุ่มไม้ข้างทางแทน ดูชาวบ้านที่ผ่านไป ซึ่งดูท่าทางใจดี ไม่ร้าย
“ฉันว่าเค้าดูใจดีออกนะ”
“ผมก็ว่างั้น”
“ถ้างั้นคราวหน้าถ้าเจอรถ เราติดรถพวกเค้าไปเถอะ เดินแบบนี้ได้มืดกลางทางแน่”
ยามาดะพยักหน้ารับ

แพรวไพลินเห็นสังวรณ์กำลังโดนตำรวจลากไปสอบสวน เธอมองนิ่งๆ สังวรณ์เห็นรีบร้องบอก
“คุณให้พ่อคุณช่วยผมด้วยนะ ไม่งั้นผมจะแฉให้หมดว่าคุณมีส่วนร่วมด้วย”
“ฉันต้องกลัวอะไร แฉก็แฉไปสิ พ่อช่วยฉันได้อยู่แล้ว ทำไมต้องให้ไปช่วยคุณด้วยล่ะ”
“อย่ามาพูดปัดความรับผิดชอบนะ เราลงเรือเดียวกันแล้ว”
“มันก็จริงนะ แต่ไม่ว่าใครจะผิดชอบชั่วดียังไง ฉันไม่สนหรอก เพราะยังไงงานนี้ก็ล่มไปแล้ว ยายยูกิก็หายไป ฉันสมหวังทุกด้าน”
“นี่คุณ...”
“เชิญคุณตำรวจเอาตัวไปได้เลยค่ะ”
สังวรณ์โมโหมาก ตะโกนแช่งแพรวไพลิน
“คุณไม่มีทางสมหวังเหมือนกัน คอยดู”
แพรวไพลินมองสังวรณ์ ที่โดนจับไปอย่างไม่สะทกสะท้านเท่าไหร่

ยูกิเดินมาอ่อนแรง ยามาดะพาเธอมานั่งพักที่ใต้ต้นไม้ ส่งขวดน้ำให้เธอ
“คุณคงยังไม่คุ้นกับแดดแรงๆของเมืองไทย พักตรงนี้ก่อนละกัน เดี๋ยวก็มีคนขับรถผ่านมา”
ยูกิพยักหน้ารับ ยามาดะมองอย่างสงสาร แล้วออกไปยืนชะเง้อมองรถที่กำลังแล่นเข้ามา แต่ยังไม่เห็น ยูกินั่งพักเหนื่อยใต้ต้นไม้ รถของไคคุงแล่นมาบนถนนฝุ่นตลบ ยามาดะก็เห็นฝุ่นตลบวิ่งมา ก็ยิ้มดีใจ
“เรารอดแล้วยูกิ มีรถมาแล้ว”
ยูกิยิ้ม ขณะเดียวกัน ซีซีเห็นคนยืนโบกรถข้างถนนไกลๆ
“ใครมายืนโบกรถแถวนี้เนี่ย จะจอดรับมั้ย” ซีซีถาม
“อยากให้มีคนตายเพิ่มรึไง”
“แต่ถนนแถวนี้มันไกลนะ”
“ขังคนไว้ทั้งคน ยังจะมามีน้ำใจอะไรตอนนี้ ขับไป ไม่ต้องไปสนใจมัน”
ซีซีพยักหน้าเซ็งๆ ส่วนวราพรรณกับนับดาวหลับอยู่หลังรถ
“สองคนนี้ก็อะไร โดนจับเป็นตัวประกันแท้ๆ ยังหลับลงอีก”
ไคคุงส่ายหน้าระอา รถแล่นผ่านยามาดะ กับยูกิฝุ่นตลบ ต่างแทบๆไม่เห็นว่าใครเป็นใคร นับดาวงัวเงียลืมตามองออกไปนอกหน้าต่าง เธอสบตายูกิที่นั่งอยู่ใต้ต้นแว้บๆ เธอก็รู้สึกตัวขึ้น หันมองไปทางหลังรถ ฝุ่นก็บังหมดแล้ว
ฝุ่นของถนนลูกรังตลบอบอวน ยามาดะไอค่อกแค่ก
“เออ ไอ้พวกไม่มีน้ำใจ”
ยูกิมองตามรถไปเพราะเธอเห็นเหมือนคนหน้าตาคล้ายเธออยู่บนนั้น แต่ฝุ่นตลบทำให้เธอไม่เห็นใคร
“เหมือนฉันเห็นตัวเองอยู่แว๊บๆ”
“อะไรนะ” ยามาดะไม่ได้ยิน
“คงตาลายน่ะ”
“รออีกแป๊บนะ เดี๋ยวก็มีคนมาอีก”
ยูกิตายังมองไปที่รถ
“ไม่เป็นไร เราเดินต่อเถอะ”
“แต่คุณไม่ไหว”
“ฉันไม่ยอมนั่งรอความหวังเฉยๆหรอกน่า”
ยูกิลุกขึ้นยืน แล้วเดินนำยามาดะไป ยามาดะเดินตาม

องอาจมองเห็นคนค่อยๆทยอยเดินออกจากงาน อย่างช้ำใจ
“เฮ้ย…หมด ไม่เหลืออะไรละ ต่อไปจะมีงานจ้างอีกมั้ยเนี่ย”
แพรวไพลินเดินเข้ามา
“พี่ไทไปไหนล่ะ”
“คุณยังกล้ามาถามอีกเหรอ ผมรู้นะว่าคุณร่วมมือกับพวกนั้นล้มงานนี้”
“บ้าเหรอ ฉันจะทำแบบนั้นทำไมล่ะ คุณก็พูดไปเรื่อย”
“ก็เพราะคุณไม่อยากให้คุณไทหาเงินมาใช้หนี้คุณได้ยังไงล่ะ คุณกับคุณไทจะได้ยังเป็นแฟนกันอยู่”
“รู้เรื่องนี้ได้ยังไง”
“คุณไทบอกผมทุกเรื่อง”
“งั้นก็ต้องบอกด้วยสิว่าตอนนี้เค้าอยู่ไหน”
“ให้ตายผมก็ไม่มีวันบอกคนหน้าไม่อายอย่างคุณหรอก”
“แก…ไม่บอกก็ไม่บอก ฉันหาเองก็ได้”
แพรวไพลินเดินออกไป องอาจถอนหายใจ
“น่าสงสารคุณไทจริงๆเลย ต้องมาเจอคนแบบนี้”

รถของไคคุงถูกจอดไว้หน้าโกดังร้าง ทุกคนลงจากรถ
“ที่เธอขังยูกิไว้ในที่แบบนี้เหรอ” ไคคุงเงื้อมมืออยากจะตบซีซี แต่ก็ยั้งไว้
“ตอนแรกฉันให้เธออยู่ที่ดีเลยนะ แต่ก็เพราะยายนี่” ซีซีหันหน้าไปทางนับดาว “ทำให้ฉันต้องพิสูจน์ว่าคนไหนยูกิตัวจริง”
“เพื่อนฉันไม่เกี่ยวนะ เธอคิดของเธอไปเองต่างหาก” วราพรรณโต้
“แล้วไหน ยูกิ”
“ด้านใน”
ซีซีเดินนำทุกคนไป คนอื่นๆเดินตามไปติดๆ ทั้งหมดเดินเข้ามาในโกดังร้าง ไม่เห็นใคร
“ไม่เห็นมีใครอยู่เลย” วรรณพรรณหันมองทั่วๆ
“มีสิ ...” ซีซีตะโกน “ยามาดะ ยามาดะ”
“ยามาดะ...ใครคือยามาดะ” ไคคุงถาม
“ก็ยากูซ่าที่ให้มาดูแลยูกินะสิ จะให้ฉันทำคนเดียวรึไงล่ะ ยัยนั่นร้ายจะตาย”
ไคคุงหันปืนไปทางซีซี
“ไหนพูดใหม่ซิ ใครร้าย”
“ฉันเอง”
“ถ้าไอ้ยากูซ่านั่นทำอะไรยูกิแม้แต่ปลายเล็บนะ ฉันจะฆ่าทั้งเธอและยากูซ่านั่นเลย คอยดู”
นับดาวยิ่งเห็นสถานที่ที่ยูกิอยู่ ยิ่งได้ยินว่ามียากูซ่าคุมด้วย เธอยิ่งรู้สึกแย่
“ไม่เห็นจะมีใครซักคน แหกตาเรารึเปล่าเนี่ย” วราพรรณถาม
“ณ จุดนี้แกคิดว่าฉันกล้ารึไง ปืนจ่ออยู่ขนาดนี้ แถมแกยังจะไปฟ้องนักข่าวอีก คิดว่าฉันจะเสี่ยงมั้ยล่ะ”
“แล้วไหนล่ะ”
“ใช่ ฉันไม่เห็นจะวี่แววใคร หรือจะต้องให้ใครเป็นอะไรซักคนถึงจะเลิกยึกยัก ฮึ??”
“ไม่ต้อง...” ซีซีร้อนรน เดินหา “ยามาดะ ยูกิ อยู่ไหนกันเนี่ย”
นับดาวเดินไปเจอโน้ตที่แปะไว้บนเก้าอี้
“มีโน้ตอยู่ทางนี้...ฉันว่าพวกเค้าไม่อยู่ที่นี่แล้วล่ะ”
ทุกคนวิ่งมายังจุดที่นับดาวอยู่ อ่านโน้ตที่แปะไว้ ว่า “ลาก่อน”
ซีซีตกใจ
“เอ้ย...”
ซีซีร้อนรนหาทุกที่ของโกดัง ไคคุงตวาด
“เอาไง เลือกมาว่าจะวิธีไหนดี”
“วิธีไหนคืออะไร”
“ก็จะตายแบบไหนน่ะสิ”
“ใจเย็นๆ ก่อนนะ ฉันว่ามันยังหนีไปได้ไม่ไกลหรอก รีบออกไปถามหาเถอะ”
ซีซีผลุนผลันออกไปทันที ทุกคนตามไปมองหาตามข้างทาง รวมทั้งซีซีด้วย
“จากนี่กว่าจะถึงปากทางน่ะไกลมาก เราก็ไม่เห็นรถสวนมาซักคัน มันต้องอยู่ไม่ไกลจากแถวนี้แน่”
“แล้วยามาดะคนของคุณล่ะ หายหัวไปไหน”
“มันอาจกำลังตามหายูกิอยู่ก็ได้”
“แต่เราก็ไม่ได้เห็นใครตลอดทางที่มานี่”
วราพรรณเริ่มสงสัย
“หรือว่าจะหนีไปด้วยกันรึเปล่า”
“หุบปากของเธอไปดีกว่า ก่อนที่ฉันจะหงุดหงิด”

ทั้งหมดมองหาตามข้างทางแต่ก็ไม่เห็นวี่แววของใคร












Create Date : 19 มีนาคม 2555
Last Update : 19 มีนาคม 2555 11:13:08 น.
Counter : 284 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]