All Blog
ฉันรักเธอนะ ตอนที่ 1 (ต่อ)



แพรวไพลินยืนอยู่หน้าร้านเสื้อผ้า ที่นับดาวเคยมายืนมองอยู่ เธอมองชุดเดียวกับที่นับดาวมอง

“พี่ไทดูสิคะ ชุดนี้สวยจังเลย”
“อืม แพรวใส่อะไรก็สวยหมดแหละ”
ขณะที่ทั้งคู่กำลังคุยเรื่องชุด นับดาวในชุดตุ๊กตาแมสค็อตที่เฝ้าดูทั้งคู่ ก็ค่อยๆจู่โจม วิ่งเข้ามาประชิดตัว ทั้งคู่หันมาเห็นก็ตกใจ เพราะสิ่งที่จู่โจมเข้ามาคือตุ๊กตาแมสค็อตน่ารัก
“อุ้ย...สวัสดีค่ะ”
แพรวไพลินยิ้มให้ นับดาวในชุดตุ๊กตาแมสค็อตทำโบกมือทักทายแพรวไพลิน แต่มือก็พัดไปโดนหัว โดนหน้าของเป็นไทด้วย เป็นไทงงๆพยายามหลบ แต่ก็โดนตลอด
“น่ารักจังเลย แพรวขอให้อาหารมันได้มั้ยคะพี่ไท”
“ตุ๊กตานะครับ ไม่ใช่หมีแพนด้าจะได้ให้อาหารได้”
นับดาวในตุ๊กตาทำท่าหัวเราะ แต่ก็เอามือป้ายไปโดนเป็นไท กดหัวบ้าง ตบหน้าบ้าง เข้าไปโอบแล้วศอก เข้าไปกอดแล้วเขาบ้าง แต่ก็ทำเป็นขอโทษเหมือนไม่ได้ตั้งใจ
“ผมว่า เราไปกันเถอะแพรว ผมว่าผมเริ่มมึนแล้ว”
เป็นไทกับแพรวไพลินเดินแยกออกไป นับดาวในตุ๊กตาทำท่าบ๊ายบาย แต่พอทั้งคู่ไปตุ๊กตาก็ทำท่าหัวเราะคิกคัก ระหว่างที่นับดาวในตุ๊กตาหัวเราะอยู่นั้นเด็กๆวิ่งกรูเข้ามา นับดาวเห็นรีบวิ่งหนีเด็กๆอยางตกใจ แล้วรีบไปเปลี่ยนชุด เดินออกมาหน้าห้างอย่างเหนื่อยๆ
“ไอ้เด็กพวกนี้นี่ เล่นซะฉันขาแทบไม่มีแรงเลย แต่ก็ดี ได้แก้เผ็ดไอ้บ้านั่นซะบ้าง”
นับดาวเดินออกจากห้างไปอย่างมีความสุข

ประเทศญี่ปุ่น...ยูกิอยู่บ้าน กับแม่ และพ่อ เล่นใบ้คำภาษาไทยกันอยู่ พ่อเป็นคนใบ้ ยูกิเป็นคนทาย แม่เป็นคนจับเวลา
“โอ้ว...” พ่อทำท่าเอามือพัดว่าร้อน
“พัด...สะบัด” ยูกิทาย
“ไม่ใช่” ส่ายหน้า
“เฮ้อ...” พ่อทำท่าเพลียๆ
“เหนื่อย...” ยูกิทายอีก
“ไม่ใช่”
แม่ส่ายหน้าอีกครั้ง พ่อจึงทำท่าปาดเหงื่อ
“ร้อน...”
“ถูกต้อง ร้อน หมดเวลา” แม่ตบมือให้
พ่อถอนใจเฮือก
“กว่าจะทายถูกได้ ภาษาไทยนี่ยากจริงๆนะ”
แม่ถามยูกิ
“เราเรียนกันธรรมดาดีกว่ามั้ย”
“อย่างนั้นมันไม่จำ อย่างงี้จำดีกว่า” ยูกิทำท่าต่างๆ “พัด ร้อน เหนื่อย” ทำท่าลิ้ห้อย “จำได้ดี”
แม่อ่อนใจ พูดกับพ่อ
“ไหนรวมคะแนนซิ ใครชนะ”
พ่อมองแผ่นกระดาษ นับคำ
“แม่ได้ 5 ยูกิได้ 7”
“หนูชนะอีกแล้ว” ยูกิพูดญี่ปุ่น
ยูกิยกมือขึ้นมาทำท่าเฮ ดีใจที่ชนะแม่ได้
“พ่อก็เห็นลูกชนะแม่ตลอด”
แม่มองเขม่นพ่อที่รู้ทัน ยูกิหน้ายิ้มแป้นมีความสุข

บ้านที่นับดาวอยู่ เมื่อเทียบกับบ้านยูกินั้น ช่างแตกต่างราวฟ้ากับเหว...นับดาวเดินเข้ามาในบ้าน เห็นรจนา นอนหลับอยู่บนโซฟาเก่าๆของเธอ พร้อมกับเพลงลูกกรุงที่ดังจากแผ่นเสียงที่เปิดอยู่ นับดาวถอนใจ เดินไปหยิบผ้าห่มมาห่มให้ แล้วก็เดินไปปิดเครื่องเล่นแผ่นเสียงเหงาๆ
“ถ้าแม่กับพ่อไม่ทิ้งหนูไป ย่าก็คงไม่ต้องเหนื่อยแบบนี้...หนูสัญญานะว่าสักวันหนูจะต้องดัง จะต้องรวย ย่าจะได้ไม่ต้องลำบากอีก ย่าจะได้ไม่ต้องอายใครที่มีหลานแบบหนู”
นับดาวถอนหายใจ เดินเข้าบ้านไป รจนาลืมตาขึ้นมาเศร้าๆ อย่างไม่รู้ว่าเธอกำลังเวทนาหลานหรือเวทนาตัวเองกันแน่

ยูกิ แม้เธอจะอยู่บ้านไม่ได้แต่งหน้า ก็ยังดูสวยสง่า... เธอนั่งมองดาวบนท้องฟ้า แต่แล้วเธอก็เหมือนเห็นคนแอบมองเธอจากหน้าบ้าน เธอตะโกน
“นั่นใครน่ะ”
ไม่มีเสียงตอบรับจากตรงนั้น มีแต่การผลุบไหวในความมืด เธอมองไม่เห็นใครที่จุดเดิม แม่ได้ยินเสียงเดินเข้ามาถาม
“มีอะไรหรือยูกิจัง”
“ไม่มีอะไรค่ะ”
“นอนได้แล้วนะลูก ดึกแล้ว เดี๋ยวต้องเตรียมตัวไปคอนเสิร์ตที่เมืองไทยอีก”
“เสียดายไปเมืองไทยครั้งนี้ แม่กับพ่อน่าจะได้ไปด้วยกัน”
“เอาน่า ลูกเก่งจนดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว”
ยูกิยิ้มกับแม่ที่เดินออกไปแล้ว เธอยังแอบสงสัยอยู่นิดๆว่าที่เห็นผลุบๆโผล่ๆเมื่อกี๊มันคืออะไร

ก่อนนอน...นับดาวกราบพระสามครั้งก่อนจะตั้งอธิษฐาน
“วันนี้หนูก็มาขอพรเหมือนเดิมค่ะ ขอให้หนูดัง ขอให้หนูได้เป็นซูเปอร์สตาร์ ขอให้หนูได้มีโอกาสได้เป็นที่รักของคนอื่นเค้าบ้าง หนูรู้ว่าหนูมาขอบ่อย ท่านคงเบื่อ ถ้าท่านเบื่อ ท่านก็ตัดปัญหาโดยการให้หนูสมหวังสิคะ หนูจะได้ไม่ต้องมาขออีก ...ขอบคุณนะคะที่รับฟัง สาธุ”
นับดาวเดินออกจากห้องไปเซ็งๆ รจนาเข้ามาในห้องพระ มองนับดาวที่เดินออกไปส่ายหัวระอาใจ
“ดูซิ มันมาขอพรพระ จะซื้อพวงมาลัยมาไหว้หน่อยละก็ไม่มี ไม่รู้จักลงทุนเลย”
รจนาเก็บพวงมาลัยที่เหี่ยวแล้วเดินออกไปทิ้ง

กลางดึกอันเงียบสงัดของบ้านยูกิ เธอนอนหลับแล้ว แต่มีเสียงกุกกักที่หน้าต่าง จนเธอสะดุ้งตื่นขึ้นมา เธอรวบรวมความกล้าไปดูที่หน้าต่าง ถือหนังสือเล่มหนาเล่มใหญ่ติดมือไว้ป้องกันตัวด้วย เปิดหน้าต่างออก แล้วก็ต้องตกใจ เพราะมีคนโผล่มา ยูกิหลับตาปี๋เอาหนังสือฟาดเข้าไปที่หน้าด้วยสัญชาตญาณอย่างเต็มแรง ชายที่โผล่มาร่วงหายไป ยูกิค่อยๆชะโงกหน้าไปดู ชายคนนั้นก็โผล่ขึ้นมาอีก ยูกิเอาหนังสือฟาดอีก ปั้กๆๆ คราวนี้ไม่ยั้งมือ ชายที่โผล่มาหน้าเซ็ง เลือดออกปากออกจมูก
“ยูกิ นี่พี่เอง”
ด้วยเสียงคุ้นๆ จากที่หลับตาปี๋ ยูกิลืมตามองดูหน้าชายที่โผล่มาทางหน้าต่างก็คือ ไคคุง นักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อ แฟนของเธอนั่นเอง
ยูกิงอนที่ไคคุงพูดญี่ปุ่นด้วย
“ยูกิหัดพูดไทยอยู่”
“ไคคุง แฟนยูกิไง” ไคคุงพูดไทยแนะนำตัวเอง
ยูกิยิ้ม ไคคุงยิ้ม เลือดกบปาก ดูตลกมากกว่าน่ากลัว
“พี่ได้กลิ่นคาวเลือดที่ไหนก็ไม่รู้”
ยูกิยิ้ม เอาผ้าซับเลือดที่มุมปากให้
“อุปทาน...คนไทยเขาเรียกอุปทาน เลือดอะไรที่ไหน”
“ฟันหักมั้ยเนี่ย”
ไคคุงบ่น กระปอดกระแปด ยื่นดอกลิลลี่สีขาวให้ ยูกิรับมาเขินๆที่ทำรุนแรงไป
“อุ๊ย มีของให้ด้วย เนื่องในโอกาสอะไรเนี่ย”
“ก็ขอให้ยูกิเดินทางไปเมืองไทยโดยสวัสดิภาพไง”
“ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลย ตกลงไปตายจะว่ายังไง”
“ที่พี่โดน มันหนักกว่าตายอีกนะ พี่ว่า”
“แหะ แหะ ขอโทษค่ะ”
“ขอให้เดินทางไปเมืองไทยปลอดภัยนะ พี่คงไม่ได้ไปส่ง”
“ติดงานใช่มั้ยคะ”
“นอนโรงพยาบาล เพราะสภาพนี้แหละ”
ยูกิส่งยิ้มให้ไคคุงอย่างละอายใจที่ทำรุนแรง พยายามจะจับตัวไคคุงปลอบๆ เป็นห่วง โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาอำมหิตจองยามาดะ แอบจ้องพวกเขามาจากนอกบ้าน
มุมมืด...ยามาดะจ้องไปที่หน้าต่าง ยิ่งเห็นยูกิกับไคคุงกำลังมีความสุข แววตาเขาก็ยิ่งแฝงความเคียดแค้น เขาจ้องทั้งคู่อย่างไม่ลดละ ในมือเขาถือรูปยูกิ ในชุดมัธยมต้น เขาขยำมันด้วยความโมโห ขณะเดียวกัน ไคคุงปีนลงจากหน้าต่างกลับไปแล้ว ยามาดะมองอย่างไม่พอใจ
ยูกิล้มตัวลงนอนอย่างสบายใจ บนโต๊ะข้างหัวเตียงของยูกิ มีรูปรวมสมัยมัธยมต้นของเธอ ใส่กรอบวางไว้ หนึ่งในนั้นมียามาดะ ยืนเรียงแถวอยู่ในรูปถ่ายรวมกับเธอด้วย และบนโต๊ะก็มีตั๋วเครื่องบินและพาสสปอร์ต วางอยู่กับดอกลิลลี่สีขาวช่อโตจากไคคุง

ในคอนโดเป็นไท...องอาจที่หน้าเขียวทั้งหน้า เพราะพอกหน้าตัวเองแล้ว กำลังทาครีมพอกหน้าให้เป็นไทอยู่ ครีมสีเขียวปี๋ องอาจบรรจงเอาพายป้ายไปที่หน้าเป็นไทอย่างตั้งใจ
“ไม่เห็นจะต้องทำขนาดนี้เลย” เป็นไทบ่น
องอาจส่ายหน้า
“ไม่ได้หรอกครับคุณไท เฟิร์สอิมเพรสชั่นน่ะ รู้จักมั้ย”
“เออ”
“ถ้าหน้าคุณไทใสกิ๊กไปรับคุณไอ ยูกิ ที่สนามบินพรุ่งนี้นะ เธอจะได้ตะลึง แล้วการทำงานของเราก็จะได้ง่ายขึ้น”
“แล้วคุณล่ะเกี่ยวอะไร ไม่เห็นต้องพอกเลย”
“เธอเห็นเราทั้งคู่จะได้รู้ว่าคนบริษัทนี้หน้าใส ไกลสิว”
“ไง แล้วจะขายครีมหน้าเด้งให้เธอรึไง”
องอาจค้อน
“คุณเป็นไทก็”
“แล้วคุณไปรู้สูตรพอกหน้าพวกนี้มาจากไหน”
“นิตยสารผู้หญิงมีเยอะแยะไปครับคุณไท”
“คุณอ่านนิตยสารผู้หญิงด้วยเหรอ”
“อ่านสิ สนุกจะตาย มีอะไรให้ลองทำเต็มไปหมดเลยนะครับ”
“นี่คุณเป็นเกย์รึเปล่าเนี่ย”
“ก็แล้วแต่คุณไทจะคิด” องอาจแกล้งเดินเข้าหา ทำตาเยิ้ม “คุณไทจะลองดูรึเปล่าล่ะ”
เป็นไทหวาดเมื่อถูกองอาจทำตาหวานต้อนจนจนมุม
“เฮ้ย...อย่าเล่นอะไรบ้าๆนะ”
องอาจยื่นมือไป เอาพายปาดครีมพอกหน้าที่ย้อยออกมา
“นี่คิดอะไรครับเนี่ย ผมเห็นครีมมันจะย้อยจะเข้ามาเช็ดให้”
“เออ ก็ดี”
แพรวไพลินเดินเข้ามาในห้องเป็นไทพอดี ก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็นจากด้านหลัง ทั้งคู่อยู่ใกล้กันมาก เหมือนกำลังทำอะไรอยู่ เธอร้องถามอย่างตกใจ
“นั่นทำอะไรกันน่ะ”
ทั้งเป็นไท องอาจก็ตกใจ

เป็นไท องอาจ หน้าเขียว แห้งเป็นแผ่นแข็ง นั่งนิ่ง แพรวไพลินซักไซ้ทั้งคู่
“นี่พี่สองคนทำอะไรกัน ใครคิดจะอธิบายให้แพรวฟังบ้าง นั่งนิ่งเป็นสากกะเบือทั้งคู่เลย”
องอาจพยายามจะพูด แต่ที่พอกไว้มันแห้งตึงมาก พูดลำบาก อ้าปากได้นิดหน่อย
“จะดีมาก ถ้าคุณแพรวให้เราไปล้างหน้าก่อน”
“พูดให้มันฟังรู้เรื่องหน่อยได้มั้ยคะ”
เป็นไทกัดฟันพูดเหมือนกัน
“พี่กับองอาจไม่ได้มีอะไรอย่างที่แพรวคิด”
“ถ้าไม่มีอะไร ทำไมไม่พูดจาให้ฉะฉานสมกับเป็นลูกผู้ชายล่ะคะ พูดจาในคอ แบบนี้เหมือนตั้งใจจะปิดบังอะไรชัดๆ”
องอาจกัดฟันพูด
“หน้าตึงขนาดนี้จะพูดได้ไง”
แพรวไพลินโมโห
“นี่พี่องอาจกล้าว่าแพรวหูตึงได้ยังไง”
“ไม่ใช่ นี่แพรวเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว”
“เข้าใจผิดอะไร ผู้ชายสองคนทำอะไรกันลับๆล่อๆ แถมมาพอกหน้าบำรุงผิวยังกับผู้หญิง จะไม่ให้แพรวคิดได้ยังไง แต่แพรวบอกไว้ก่อนเลยนะคะว่าถ้าพี่ไทเป็นเกย์ ก็คืนเงิน 20 ล้านแพรวมาเลย ไม่ต้องให้มันมาแล้วยายไอ ยูกิอะไรนั่น”
องอาจทนไม่ไหว เอาน้ำในแก้วของแพรวไพลินมาล้างหน้าตัวเองตรงนั้นเลย แพรวไพลินตกใจว่าองอาจทำบ้าอะไร หน้าองอาจเลอะเป็นปื้น แต่ก็สามารถพูดได้ปกติ
“ไม่ได้นะครับ คุณไทกับผมไม่ใช่เกย์นะครับ ผมแค่ช่วยพอกหน้าให้คุณไท ไม่ได้มีอะไรเกินเลย เราสองคนก็แค่อยากบำรุงผิวเพื่อไปรับไอ ยูกิที่สนามบินพรุ่งนี้ก็แค่นั้น คุณแพรวอย่าเอาเงิน 20 ล้านมาเกี่ยวเลยครับ”
“ก็แค่นี้ นั่งเงียบกันอยู่ได้” แพรวไพลินค้อนขวับ

แพรวไพลินนั่งซบเป็นไทอย่างมีความสุขที่ระเบียง พลางออดอ้อน...
“ทีมาเจอแพรว พี่ไทไม่เห็นจะพอกหน้า ดูแลตัวเอง เพื่อให้แพรวประทับใจบ้างเลย แต่แพรวก็เข้าใจค่ะว่ามันเป็นเรื่องของงาน แต่พี่ไทอย่าคิดอะไรเกินเลยก็แล้วกัน ไม่งั้นแพรวเอาตายแน่”
เป็นไทที่ยังคงพอกสาหร่ายหน้าเขียวอื๋อ ยังไม่ได้ล้าง กัดฟันพูด
“นี่แพรวจะไม่ให้พี่ไปล้างหน้าหน่อยเลยเหรอ”
“ล้างทำไมคะ แบบนี้ดีออก ให้ความรู้สึกเหมือนแพรวอยู่อเมริกาเลย มีมงกุฎหน่อยก็เทพีเสรีภาพเลยนะเนี่ย”
“หึ หึ ตลก”
แพรวไพลินยิ้มที่ได้แกล้งเป็นไทได้

เช้าวันใหม่ นับดาวอาบน้ำเสร็จ มานั่งหน้ากระจก เธอหยิบตลับคอนแทคเลนส์ขึ้นมา เอาเลนส์วางไว้บนมือ แล้วถอดแว่นออก พยายามใส่มันอย่างทุลักทุเลจนสำเร็จ แล้ว เดินหน้าเกลี้ยงไม่สวมแว่นลงไปหารจนาที่กำลังกวาดบ้านอยู่
“ย่าจ๋า วันนี้หนูจะไปทำงานวันแรก ย่าแต่งหน้าให้หน่อยสิ”
รจนาดีใจ
“แกได้งานแล้วเหรอ ทำอะไร”
“ว่าอะไรนะ ขออีกทีซิย่า”
ย่าเดินมาพูดข้างซ้ายของนับดาว
“งานที่ทำน่ะ ทำอะไร”
“ทำงานในห้างน่ะย่า เค้าบอกให้แต่งหน้าสวยๆ”
“ได้เลย เดี๋ยวย่าจะแต่งให้สุดฝีมือเลย”
“เอาสวยๆน่ะย่า ไม่เอาแบบไปเล่นลิเกนะ”
“สวยสิ สวยแบบนางเอกเลยล่ะ”
รจนาส่งยิ้มอย่างมั่นใจไปให้หลาน

รจนาแต่งหน้านับดาวจนเสร็จ นับดาวหันไปเห็นกระจกก็ช็อก เพราะหน้าเธอเป็นแบบนางเอกจริงๆ แต่เป็นการแต่งหน้าย้อนยุคแบบเพชรา เชาวราษฎร์ นางเอกเมื่อ 30 ปีก่อน พร้อมทั้งทรงผมก็เกล้าแล้วตีโป่ง ขอบตาดำขลับ ขนตายาวเป็นแผง เป็นการแต่งเต็มที่เชยมาก
“เป็นไง สวยมั้ย ย่าไม่ได้แต่งสวยให้ใครแบบนี้มานานแล้วนะ”
นับดาวไม่มั่นใจ
“ย่า เราไม่ได้แต่งหน้าจัดเกินไปใช่มั้ย”
รจนาพูดข้างหูซ้าย
“โอ๊ย นี่ธรรมดานะลูกนะ สมัยสาวๆ ย่าเคยแต่งเยอะกว่านี้อีก”
“หนักตาแทบจะลืมตาไม่ขึ้นเนี่ยเหรอธรรมดา นี่ย่าใส่ขนตาไปกี่แผงเนี่ย”
รจนายิ้มภูมิใจ
“เอาเถอะ จะแก้จะอะไรก็คงไม่ทันแล้วล่ะ อวยพรให้หนูหน่อยละกันย่า”
“ขอให้หลานย่าเป็นที่รัก ที่เอ็นดู ได้เลื่อนขั้น เป็นเจ้าคนนายคน”
“ลืมอะไรรึเปล่า”
“ขอให้โด่งดังอย่างที่ตั้งใจ”
“ขอบคุณจ้ะย่า แค่นี้ก็สบายใจละ”
นับดาวกอดย่าเป็นกำลังใจ ก่อนที่เธอจะเดินถือกระเป๋าออกไป

เป็นไทเดินวุ่นอยู่ในออฟฟิศ เพราะต้องเตรียมตัวต้อนรับยูกิ ที่จะเดินทางมาถึงเมืองไทยวันนี้
“การมาของ ไอ ยูกิ วันนี้คุณไม่ได้แจ้งนักข่าวที่ไหนไปใช่มั้ย” เป็นไทหันไปถามประชาสัมพันธ์
“ไม่ได้แจ้งเลยค่ะ ตามที่คุณเป็นไทบอกว่าคุณไอยูกิอยากมาพักผ่อนแบบส่วนตัวก่อน”
“ดี เราจะแจ้งข่าวว่าไอยูกิมาถึงก็เมื่อ 3 วันก่อนแถลงข่าวคอนเสิร์ต”
“ค่ะ”
องอาจเดินเข้ามาหา เป็นไทหันไปถามทันที
“รถลิมูซีนที่ให้เตรียมไว้ เป็นยังไงบ้างแล้วเนี่ย”
“จอดอยู่หน้าออฟฟิศ เรียบร้อยแล้วครับ”
องอาจเพ่งมองที่หน้าของเป็นไท
“แล้วนี่มองหาอะไรบนหน้าผม”
“ดูว่าหน้าตาคุณไทพร้อมรึยัง”
“พร้อมกับแกน่ะสิ แพรวบังคับให้ฉันพอกอยู่ค่อนคืน จนเป็นตะคริวไปหมดทั้งหน้าแล้ว นึกว่าจะน้ำลายย้อยพูดไม่ได้แล้ว”
“คุณไทก็พูดเกินไป”
“วันหลังไม่เอาแล้วนะ หมักสาหร่ายอะไรของแกเนี่ย”
“เป็นโยเกิร์ตแทนแล้วกันนะครับ”
เป็นไทไม่เล่นด้วย เดินหนี
“ฮั่นแน่ อยากลองอะดิ...”

องอาจยิ้มล้อๆ













Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2555 19:50:16 น.
Counter : 430 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]