All Blog
ฉันรักเธอรัก ตอนที่ 7 (ต่อ)



เป็นไทกับนับดาวเดินมาที่ห้องรับแขกก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นพ่อแม่นั่งอยู่กับไคคุงและแพรวไพลิน

“พี่ไท” แพรวไพลินวิ่งเข้ามาเกาะแขนเป็นไท “แพรวตามหาพี่ไทแทบแย่”
เป็นไทเบื่อ
“พี่ก็หนีแพรวแทบแย่เหมือนกัน”
“พี่ไทก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ ชอบพูดล้อเล่นกัน”
“ไคคุงซื้อทัตสึด้ง ของโปรดหนูมาฝากด้วย”
“ทัตสึอะไรนะ”
ทุกคนงงกับคำพูดนับดาว
“หมายถึงว่าชอบจังเลยค่ะ ขอกินเลยได้มั้ย แหะ แหะ”
“แล้วเป็นไง เรื่องแต่งงานได้คุยกับพ่อแม่รึยัง” พ่อถามไคคุง
“เกริ่นคร่าวๆแล้วครับ ท่านก็เห็นดีด้วย ก็เหลือแค่ว่าทางยูกิจะพร้อมเมื่อไหร่”
พ่อ แม่ ท่าทีสนิทกับไคคุง ดูเอ็นดูกันมาก เป็นไทเห็นก็รู้สึกทรมานใจอย่างบอกไม่ถูก
“ผมขอตัวนะครับ”
เป็นไทเดินออกไปจากห้อง
“อยากอยู่กันสองคนน่ะค่ะ”
แพรวไพลินรีบเดินตามเป็นไทไปติดๆ นับดาวได้แต่มองตามหงอยๆ

นับดาวเดินออกมาที่ริมระเบียง เหม่อคิดถึงเป็นไท ขณะที่ชมวิวอยู่ด้วยกัน แล้วบ่นขึ้นมาเศร้าๆ
“แฟนเขาก็มี เขาจะมาจริงจังอะไรกับเรา อย่าคิดถึง อย่าโง่ได้ไหมนับดาว”
เสียงไคคุงดังขึ้น
“นับดาว!!”
นับดาวสะดุ้งเฮือก หันกลับไป
“ไคคุง!!”
ไคคุงก้าวเข้ามาหา
“คุณพูดถึงใครฮึ ยูกิ นับดาวเป็นใคร”
นับดาวอึ้ง แล้วรีบแก้สถาการณ์
“เปล่าๆ ฉันไม่ได้พูดถึงใคร ฉันกำลังนับดาวบนฟ้าน่ะ”
นับดาวรีบหันไปทำเป็นชี้ดาวบนฟ้านับๆ
“1 2 3 4 5 เห็นมั้ย ดาวเต็มฟ้าไปหมดเลย...”
ไคคุงมองนับดาวด้วยแววตากรุ่มกริ่ม
“ผมช่วยนับนะ”
ไคคุงเข้าไปกอดนับดาวจากทางข้างหลัง นับดาวชะงักกึก หน้าเหวอ...
“ดาวดวงแรก แล้วก็เป็นดวงเดียวในใจผมมีชื่อว่า ยูกิ”
นับดาวจะอาเจียน คลื่นไส้ ไคคุงนึกว่านับดาวชอบ
“เขินใหญ่เลยหรือครับ...นานแล้วนะที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองแบบนี้”
ไคคุงย่ามใจ ก้มหน้าลงไปจะหอมแก้ม นับดาวหันขวับไป ตบหน้าไคคุงเข้าเต็มๆ ไคคุงหน้าหันกระเด็นหมุนเป็นลูกข่าง แล้วเอามือกุมแก้มข้างที่โดนตบไว้
“นี่มันอะไรกัน ยูกิ”
“เออ...ยุงอ่ะคะ ยุงมันเกาะหน้าคุณอยู่ ยูกิก็เลยตีให้คะ”
“อู้ยย ตีหรือครับ ผมนึกว่าตบบ้องหู”
นับดาวทำท่าหาวขึ้นมาแล้วรีบเผ่นออกไป
“ยูกิง่วงม้ากมาก ยูกิไปนอนก่อนนะคะ กู้ดไนท์ค่ะ”
“ยูกิ”
ไคคุงตามนับดาวไป พลางร้องเรียก
“ยูกิครับ เดี๋ยว...”
ประตูห้องหนึ่งเปิดผัวะออกมาปัง โดนหน้าไคคุงเต็มๆ ไคคุงร้องเจ็บปวด แพรวไพลินจับประตูค้างอยู่ ก้าวออกมา เหลียวซ้ายขวา มองงง
“แถวนี้มีหมาด้วยเหรอ ร้องยังกับโดนเหยียบหาง”
แพรวไพลินเดินออกไปอย่างไม่สนใจ
“พี่ไทคะ...พี่ไท รอแพรวด้วย”
ประตูสวิงกลับไปปิดสนิท ไคคุงที่ยืนอยู่หลังประตู หมดสภาพติดผนัง ทรุดลงไปร้องเจ็บปวด
“เอิ๊กก...ซวยจริงๆ”
แพรวไพลินเดินมาหน้าห้องเป็นไท พยายามเคาะประตูให้เป็นไทเปิดให้ แต่ข้างในไม่มีปฏิกริยาตอบรับเลย
“พี่ไท...พี่ไท เปิดประตูให้แพรวหน่อย พี่ไท พี่ไท”
เป็นไทไม่มีวี่แววเปิด แพรวไพลินหน้างอ

ที่ห้องนอนพ่อแม่...ทุกคนนอนกับพื้นบนเสื่อตาตามิ มีผ้าปู พ่อกับแม่หลับแล้ว นับดาวยังลืมตาคิดเกี่ยวกับเป็นไท คิดถึงตอนที่เขาจับมือเธอเดินเที่ยว ที่พาเธอไปจุดชมวิว นับดาวอมยิ้ม แต่เสียงยุกยิกของแพรวไพลินก็ดังมาทำลายบรรยากาศโรแมนติค แพรวไพลินนอนดิ้นไปมา ไม่สบายตัวที่ต้องนอนกับพื้นที่ทั้งชีวิตไม่เคย
“นอนกันไปได้ยังไง พื้นแข็งยังกับอะไร เนี่ยเหรอบ้านซุปตาร์ โอ๊ย....”
“อย่าเสียงดังได้มั้ย เดี๋ยวพ่อแม่ฉันก็ตื่นหรอก” นับดาวปราม
“ฮึ่ย ทำไมฉันต้องมาลำบากลำบนแบบนี้ด้วยเนี่ย”
“ก็กลับไปนอนโรงแรมสิ”
“ให้ฉันปล่อยพี่ไทไว้กับเธอน่ะเหรอ ฝันไปเถอะ...คนเค้ามีเจ้าของแล้วยังจะหน้าด้านอีก”
นับดาวฟังแล้วถึงกับพูดไม่ออก

เป็นไท กับไคคุง นอนเตียงเดียวกัน ทั้งคู่ต่างก็อึดอัด
“คุณชอบยูกิเหรอ” ไคคุงถามขึ้น
“ใครๆเค้าก็ชอบยูกิกันทั้งนั้น”
“คุณก็รู้ว่าผมหมายถึงอะไร”
“คุณกับยูกิคบกันได้ยังไง” เป็นไทย้อนถาม
ไคคุงมองไปบนเพดาน คิดย้อนเรื่องราวในอดีต…
…ยูกิเดินออกจากห้องเรียนในชุดมัธยมต้น เธอถือจดหมายรักฉบับสีชมพูจากยามาดะไว้ในมือ ยืนรอยามาดะออกมาจากห้องเรียน พอเธอเห็นยามาดะจะเดินออกมา เธอยิ้ม แต่แล้วไคคุงก็เดินมาหาเธอ
“ยืนรอใครอยู่เหรอยูกิ”
ยูกิตกใจ รีบยัดจดหมายใส่กระเป๋า
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร”
ไคคุงมองเห็นว่ายูกิยัดจดหมายใส่กระเป๋า
“วันนี้กลับบ้านด้วยกันนะ”
“แต่...”
“ผมหาข้อมูลมาแล้วนะ ว่ามีโรงเรียนสอนภาษาไทยที่ไหนดีๆบ้าง”
“จริงเหรอคะ”
ยูกิกันไปมองยามาดะที่มองอยู่ แล้วเดินหลบไปอย่างเศร้าๆ เพราะเข้าใจว่ายูกิชอบไคคุง
“เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ...งั้นขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
ไคคุงรีบบอก
“ฝากกระเป๋าไว้ที่ผมก่อนมา”
ยูกิยื่นกระเป๋าให้ไคคุง แล้วเดินไปห้องน้ำ พอเห็นยูกิไป ไคคุงค้นกระเป๋ายูกิทันที แล้วหยิบซองสีชมพูออกมาอ่าน
“ยามาดะ...ไอ้นักเรียน นักเลง กระจอกนั่นน่ะเหรอ”
ไคคุงเอาจดหมายของยามาดะใส่กระเป๋ากางเกงตัวเอง แล้วปิดกระเป๋ายูกิปกติ

ไคคุงเดินมาส่งยูกิที่หน้าประตูบ้าน พยายามชวนคุย
“ถ้ายูกิดูข้อมูลเรื่องเรียนภาษาไทยแล้วสนใจที่ไหนบอกผมนะ ผมจะให้พ่อจัดการให้”
“ขอบคุณมากเลยนะคะ”
ไคคุงจับมือยูกิ
“ยูกิ เราก็รู้จักกันมานานแล้วนะ ผมไม่อยากเป็นเพื่อนแล้วล่ะ”
ยามาดะที่เดินตามมาเห็นพอตอนจับมือพอดี แต่ไม่มีใครเห็น เขารีบหลบไปหลังกำแพง
ยูกิดึงมือออก
“ขอเวลาอีกหน่อยนะคะ ถ้าไคคุงรอไม่ไหวก็ไม่เป็นไร”
“ไหวสิ ยังไงผมก็จะรอ”
ยูกิโค้งตัวขอบคุณไคคุงก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้าน พอยูกิเข้าบ้าน ไคคุงก็หยิบจดหมายยามาดะขึ้นมา
“เพราะแกใช่มั้ย ไอ้ยามาดะ”
ไคคุงหยิบโทรศัพท์มือถือโทรหาพ่อทันที
“พ่อครับ ผมมีเรื่องให้พ่อช่วย....มันมีนักเลงคนนึงในโรงเรียน มันสร้างเรื่องให้ผมต้องเจ็บ พ่อช่วยไล่มันออกทีได้มั้ย ...ไม่ต้องห่วงครับพ่อ มันมีเรื่องกับคนเต็มไปหมด ไม่มีใครหาว่าเรื่องนี้ไร้เหตุผลหรอก...มันชื่อ ยามาดะ ครับ”
ไคคุงวางโทรศัพท์ด้วยสีหน้านิ่งๆแต่แอบร้ายกาจ เขาเอาจดหมายของยามาดะทิ้งลงถังขยะ แล้วเดินไป

เป็นไทผงะหลังจากฟังเรื่องที่ไคคุงเล่าให้ฟัง เขาเด้งลุกขึ้นจากที่นอน
“หมายความว่า คุณให้พ่อคุณซึ่งเป็นผอ.ไล่ยามาดะออกจากโรงเรียน แล้วคุณกับยูกิก็เลยได้คบกัน แบบนั้นเหรอ”
“ใช่”
“เฮ้ย ทำแบบนั้นได้ไง คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายูกิชอบยามาดะรึเปล่า”
“ผมรู้จักเธอมานาน ผมไม่เห็นเธอมองใครแบบนั้นมาก่อน”
“แต่มันไม่ใช่ ยูกิรู้เรื่องนี้รึเปล่า”
ไคคุงหัวเราะ
“คุณคิดว่าผมจะบอกให้โง่เหรอ”
“แล้วอย่าบอกนะว่าที่คุณมาเรียนมหา’ลัยประเทศไทยก็เพื่อเอาใจยูกิ”
ไคคุงยักคิ้ว
“แล้วยามาดะล่ะ ทำอะไรอยู่ที่ไหน”
“จะไปรู้มันเหรอ ผมไม่ได้สนใจอยู่แล้ว”
“คุณนี่...แล้วคุณมาเล่าให้ผมฟังทำไม”
“ผมก็แค่อยากเตือนคุณ ถ้าหากคุณกำลังคิดจะแย่งยูกิไปจากผมละก็ ผมสามารถทำทุกอย่างเพื่อกำจัดคุณได้ คุณคงไม่ได้คิดจะหาเรื่องใส่ตัวใช่มั้ย”
ไคคุงหน้านิ่งมาก เหมือนพูดประโยคบอกเล่าธรรมดา เป็นไทกลืนน้ำลายเอื๊อก
“แล้วคุณไม่ต้องคิดว่าจะไปเล่าให้ยูกิ หรือพ่อแม่เธอฟังหรอกนะ เพราะผมมั่นใจว่าไม่มีใครเชื่อคุณหรอก”
ไคคุงยิ้มอย่างไม่กังวลใดๆ เป็นไทยังตกใจกับไคคุงในแบบที่เขาเพิ่งเห็น เขาช่างเลือดเย็นนัก ไคคุงหลับตานอนอย่างไม่รู้สึกอะไร
“ราตรีสวัสดิ์”
ไคคุงหลับตาลง เป็นไทมองหน้าเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าร้ายกาจอย่างนี้

เช้าวันใหม่...ยามาดะนอนหลับอยู่บนเปลญวณ ยูกิเดินมามองยามาดะที่หลับอยู่ แล้วเธอก็ยิ้มออกมา
“ไม่คิดเลยนะ ว่าเราจะได้เจอกันอีกครั้ง”
ยูกิมองยามาดะที่หลับอยู่อย่างเอ็นดู ก่อนจะจัดการอะไรบางอย่าง แล้วตรงไปที่เรือ เพราะแอบขโมยกุญแจเรือมาได้แล้ว และขับเรือออกไป
“ยามาดะคุง ฉันเสียใจนะที่ต้องตัดสินใจแบบนั้น”
ระหว่างที่ขับเรือ ยูกินึกถึงค่ำคืนที่ผ่านมา...เธอเข้าไปในห้องเก็บของ แอบพิงประตูอมยิ้ม คิดถึงยามาดะ ว่าเป็นคนๆเดียวที่ปิ๊งกันตอนมัธยม
“ยามาดะ...นายนี่เอง ....”
ยูกิเหม่อคิดถึงอมยิ้ม แล้วส่ายหน้าอย่างเอียงอาย จนกระทั่ง มือไปปัด ชั้นเก็บของ
“บ้าๆ เลิกคิดถึงเขาได้แล้ว”
ข้าวของในชั้นหล่นลงมา กล่องใบหนึ่งฝาหลุดออกมา เห็นซองยาต่างๆ ที่อัดอยู่ข้างในกระจายเกลื่อนพื้น ยูกิวิ่งเข้าไปเก็บ แล้วหยิบซองยาคลายเครียดอันหนึ่งขึ้นมาดู อ่านที่ฉลากยา
“นี่มันยาคลายเครียดนี่ กินแล้วต้องง่วงแล้วก็หลับแน่ๆ...ฉัน ควรจะทำยังไงดี อยู่ที่นี่กับยามาดะหรือว่า กลับไปเพื่อแฟนเพลง”
ยูกิคิดหนัก แล้วตัดสินใจ วางซองยาทิ้งจะไม่เอา พอหันจะออกก็เปลี่ยนใจ เข้ามาหยิบซองยาใหม่
“ไม่ได้ ศิลปินที่ดีจะต้องรับผิดชอบต่อแฟนเพลง มากกว่าหัวใจตัวเอง”
ยูกิเอายาคลายเครียด ใส่ในแก้วน้ำส้ม คนให้เข้ากัน เสียงยามาดะดังเข้ามา เธอรีบหลบ
“ยูกิ ทานข้าวแล้วหรือยัง”
ยามาดะมองหายูกิไม่เจอ
“อ้าวไม่ได้อยู่ในนี้เหรอ”
ยามาดะมองไป เห็นแก้วน้ำส้มที่ยูกิวางไว้บนโต๊ะ ยามาดะหยิบกระดาษโน้ตเล็กๆ ที่ยูกิเขียนไว้
ว่า
“Just for you...My Yamada”
“just for you my yamada…ยูกิคั้นน้ำส้มให้เราไม่กินก็บ้าแล้ว...”
ยามาดะแอบอมยิ้มคนเดียว แล้ว ยกแก้วน้ำส้มขึ้นดื่ม แล้วเดินยิ้มดีๆ แล้วรู้สึกง่วงนอน แล้วเลยล้มลงไป ที่เปลญวน พลางหาว
“ทำไมง่วงอย่างนี้วะ...”
ยามาดะ ทนไม่ไหว หลับไปอย่างง่ายดายที่เปลญวน

ยูกิขับเรือไปนึกถึงอดีตแล้ว เหม่อเศร้า
“ฉันหวังว่านาย จะเข้าใจฉันนะ ยามาดะ ฉันต้องตัดสินใจแบบนี้เพราะฉันยังมีหน้าที่ของศิลปินที่ต้องรับผิดชอบต่อแฟนเพลง ... แต่ความรู้สึกดีๆ ของฉันยังอยู่กับเธอเสมอนะ...นายซิกแพ็กของฉัน”
ยูกิมองออกไป เบื้องหน้าอย่างเศร้าๆ ทางด้านยามาดะ เมื่อฟื้นขึ้นมาพบว่า ถูกลอกคราบ ใส่แต่บ๊อกเซอร์ตัวเดียว ถูกมัดมือมัดเท้าไว้ พยายามจะขยับตัวแก้มัด
“อ๊อยยย... ช่วย...ไม่ได้ เป็นยากูซ่า จะร้องให้คนช่วยไม่ได้ เสียลุ้กหมด ตนต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน ไฮ้!!”
ยามาดะพยายามดิ้นรน แก้มัดตัวเองอยู่ แต่ยังไม่เป็นผล แล้ว เท้ายามาดะพลาดไปเตะ ขาเก้าอี้ที่วาง
กาละมัง ที่แช่เสื้อผ้าของตัวเองไว้
กาละมังหล่นโครมลงมา ยามาดะเปียกปอน เสื้อผ้าหล่นกองใส่ตัวเอง สภาพเละเทะ ยามาดะอึ้งเซ็ง แล้ว ร้องตะโกนออกมาอย่างสุดจะอั้น
“อ๊ากกกกกก....ยูกิ ...เธอแซ่บมากกก”

วราพรรณถือถุงปาท่องโก๋ น้ำเต้าหู้เข้ามาในบ้านรจนา พลางร้องเรียก
“ย่าๆ กินข้าวหรือยัง ฉันซื้อปาท่องโก๋ น้ำเต้าหู้มาฝาก”
ทั้งบ้านยังเงียบไม่มีเสียงตอบรับ
“ฮึ ย่าไปไหน ทำไมถึงได้เงียบฉี่อย่างนี้”
วราพรรณเหลียวมองหา แล้วเสียงรจนาก็ดังเข้ามา ส่งเสียงอย่างน่าตกใจ
“อย่านะ!!! ไอ้บ้า อย่าเข้ามานะ!...”
วราพรรณตาโต ตกใจ
“ย่า!!”
“แกจะเอาอะไรก็เอาไป ...เอาไปเลย!”
วราพรรณอึ้ง ตาโตขึ้นไปอีก
“โจร!!”
“แกมันปล้นได้แต่ตัวของฉันเท่านั้นแหละ แต่แกไม่มีวันปล้นหัวใจของฉันไปได้ ...ได้ยินมั้ย...”
วราพรรณตะลึง
“โจรปล้นสวาท!!...ฮึยย แม้แต่คนแก่มันก็ไม่เว้น อุบาทว์เกินไปแล้ว!”
วราพรรณรีบฉวยไม้กวาดขึ้นมาเป็นอาวุธ แล้วถีบประตูผ่าง พุ่งเข้ามาจะเอาไม้กวาดตีไปที่รจนาที่นั่งหันหลังให้อยู่บนเตียง
“โจรโรคจิต แกตาย!”
“ว้ายยยยย อย่านะ”
วราพรรณชะงักมองอึ้ง
“ย่า!!”
“ก็ใช่นะสิ แกนึกว่าแมวที่ไหนเหรอ นังนุ้ย”
“ไอ้โจรปล้นสวาทมันอยู่ไหน ฉันจะตีมันให้หัวแบะไปเลย”
รจนาอายๆ เพราะที่จริงซ้อมบทละครอยู่ ทำไม่รู้ไม่ชี้
“โจรเจิน ที่ไหน ช้านอยู่คนเดียว”
“อ้าว แล้วย่าร้องซะยังกับโดนปล้ำทำไม”
รจนาแก้ตัวบิดเบือน
“บัดสีบัดเถลิง!! คนข้างบ้านเค้าเปิดละครวิทยุหรอก”
รจนาขยับหนีอย่างอาย ที่ตัวเองแอบเล่นละครเว่อร์อยู่คนเดียว ยกหนังสือปิดหน้าแล้วจะย่องออกไป วราพรรณมองจับพิรุธ แล้วฉวยสมุดที่ถือไปดู
“นั่นอะไร! เดี๋ยวก่อน”
ที่หน้าปกเขียนว่า บทละครเรื่อง “โจรปล้นหัวใจ” โดย นับดาว
“บทละครเรื่อง โจรปล้นหัวใจ โดย นับดาว” วราพรรณเปิดอ่าน แล้วล้อเลียน
“... แกมันปล้นได้แต่ตัวของฉันเท่านั้นแหละ แต่แกไม่มีวันปล้นหัวใจของฉันไปได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ขำว่ะ”
รจนาจะแย่งคืน
“บัดสีบัดเถลิง เอาคืนมานะ”
วราพรรณถือไว้ไม่ยอมให้เอาไป
“นี่ใช่มั้ย บทละครวิทยุของย่าน่ะ”
รจนา กระมิดกระเมี้ยนเอียงอาย วราพรรณถอนใจ
“โธ่ ไอ้เราก็ใจหายใจคว่ำหมด ...ที่แท้ย่าก็เอาบทละครที่นับดาวมันเขียนเก็บไว้มาอ่านนี่เอง”
รจนาคิดถึงนับดาวทำท่าจะร้องไห้
“ก็ฉันคิดถึงหลานฉันนี่ ...เพิ่งเห็นกันอยู่หลัดๆ ป่านนี้นับดาวจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
“โอ้ย ย่า นับดาวมันแค่ไปต่างจังหวัดนะ ไม่ได้ไปตาย”
“เออ ฉันรู้แล้ว”
เสียงสังวรณ์ดังมาจากหน้าบ้าน...
“ยู้ฮู้ มีคนอยู่มั้ยคับ”
วราพรรณกับรจนาหันมองตามเสียง
“ใครน่ะ”

สังวรณ์กำลังตะโกนเรียกอยู่หน้าบ้าน
“อันยอง ซังวอนสวัสดีคร๊าบบ”
วราพรรณกับรจนาออกจากบ้านมาเจอ
“หัวหน้า!!” วราพรรณแปลกใจ
“นี่เธอก็อยู่ด้วยเหรอ”
“หัวหน้ามาทำอะไรที่นี่อีก”
“ก็จะมาถามข่าวเรื่องนับดาวน่ะสิ เขากลับมาหรือยัง”
“ยังเลย”
รจนาพูดสวน
“แต่ถึงมา ฉันก็ไม่ให้หลานของฉันไปทำงานหลอกลวงประชาชนแบบนั้น”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะยายบ้า”
“อะไรนะ”
รจนาตวาดแว๊ด
“ขอโทษครับ ผมพูดผิด คือ ไม่ใช่อย่างนั้นครับคุณป้า...”
แต่ไม่ทันที่สังวรณ์จะพูดอะไรจบ รจนาก็หยิบถังขยะที่ตั้งอยู่หน้าบ้านขึ้นมาเทราด สังวรณ์จนเลอะเทอะเต็มศีรษะ เข้าปากไปเต็มๆ วราพรรณมองทึ่ง
“โฮ ย่า ...เข้มจริงอะไรจริง”
“งั้นสิ” รจนาค้อนขวับไป เอานิ้วจิ้มศีรษะสังวรณ์ “จำใส่กะโหลกหนาๆ ของนายด้วยนะนายสังวรณ์ ศิลปะคือเสียงสะท้อนของความจริง เพราะฉะนั้น ศิลปินที่ดีก็ไม่ควรทรยศผู้ฟังของเขา...เข้าใจมั้ย”
“ป้าแนวไหนกันแน่ สุนทรีย์ภรณ์ หรือ วงเพื่อชีวิต”
“ฉันจะเป็นอะไรก็ช่างฉัน แต่นาย ไสหัวกลับไปซะ แล้วอย่ามาที่นี่อีก ไม่งั้นอย่าหาว่าสาวแก่แต่สวยคนนี้ไม่เตือน”
รจนาเอาจริง สังวรณ์หงอไปเลย

เมื่อกลับมาที่ฝั่ง ยูกิเดินเล่นไปในตลาดอย่างตื่นตาตื่นใจ เธอเดินผ่านพวกนักเลงนั่งกินเหล้ากันอยู่ แล้วเป่าปากแซว
“สวยโว้ย”
ยูกิชะงักกึกหันมอง แล้วชี้มาที่ตัวเอง รีบชี้แจง
“ฉันชื่อยูกิ ไม่ใช่สวยโว้ย...” ยูกิโค้งให้ “ไฮ้! อาริกะโตะ”
พวกนักเลงยิ่งปิ๊ดปิ้วรับ ยูกิสะบัดเดินหนีไปทางหนึ่ง พวกนักเลงโห่ฮาชอบใจ แล้วรีบลุกตามไป
“ลาภปากมาแล้วเว้ย”
ยูกิเดินเข้ามาในตรอกเปลี่ยว เห็นว่าพวกนักเลงเดินตามหลังมา ยูกิเห็นท่าไม่ดี รีบเดินอย่างเร็ว เลี้ยวหลบเข้าไปอีกมุม
นักเลงพยักหน้าให้ลูกน้อง แยกออกไปอีกสาย เข้าไปอีกซอย เพื่อดักหน้ายูกิ

ยูกิ วิ่งหนีมาอีกตรอก เลี้ยวหลังไปเห็นพวกนักเลงตามมาอีก ยูกิเห็นท่าไม่ดีวิ่งหนี พวกนักเลงวิ่งตาม
“จะหนีไปไหนคนสวย”
“อย่าเข้ามานะ”
ยูกิรีบผลักเข่งผักที่อยู่แถวนั้น ไปใส่ พวกนักเลงหลบแล้ว กระโดดข้ามวิ่งตาม ยูกิวิ่งหนีสุดชีวิต แล้วมาเจอ ลูกน้องที่วิ่งออกจากซอยเล็กมาดักหน้า เธอกรี๊ดลั่น
นักเลงตามมาทันคว้าตัวยูกิไป
“จะร้องทำไมจ๊ะ คนสวย เดี๋ยวพี่ตบด้วยปากเลยนี่”
นักเลงทำท่าจะจูบ ยูกิตบหน้านักเลงทันที นักเลงเดือด ตบกลับยูกิ ซ้ายขวาสองทีซ้อน ยูกิกระเด็นไปล้มลง นักเลงกับพวกย่างสามขุมเข้าไปหมายจะข่มขืน
“อย่าเข้ามานะ ช่วยด้วยๆ”
“ใครจะมาช่วยแก เป็นเมียพี่ซะดีๆ”
นักเลงเข้าไปปล้ำ ยูกิดิ้นรน ร้องลั่นโวยวาย
“อย่า! ช่วยด้วย ยามาดะ ช่วยด้วยยย!”
นักเลงกำลังจะกระชากเสื้อยูกิ มีดสั้นลอยเข้ามาปักที่แขน นักเลงร้องจ๊ากกก ยามาดะอยู่ในชุด เสื้อกล้ามขาวกับโสร่งเท่ๆ ที่คอมีซองใส่มือถือห้อยคออยู่ ใส่รองเท้าสานเก๋ๆ กระโดดตัวลอยเข้ามาถีบนักเลงกระเด็น ยามาดะ ถือไม้พลองในมือ ตั้งท่าสู้อย่างเท่
“อย่ามายุ่งกับผู้หญิงของฉัน”
ยูกิมองยามาดะ ซึ้ง ประทับใจ
“ยามาดะ”
พวกนักเลงกรูเข้ามา ยามาดะต่อสู้ด้วยลีลาเข้มแข็ง หลบหลีกว่อกไว แล้วใช้ไม้พลองตีมือ ตีขา ข้อพับพวกนักเลง คุกเข่าล้มลงไป แล้วใช้ไม้ฟาดกระเด็นสลบ แล้วจัดการสมุนที่เหลือ ทั้งหมดล้มสลบไปได้หมด หัวหน้านักเลงเห็นท่าไม่ดี รีบกุมแขนวิ่งหนีไป ยูกิมองยามาดะด้วยความปลื้ม
“ยามาดะ...”

ยูกิวิ่งไปกอดยามาดะด้วยความปลาบปลื้ม ซึ้งใจ ยามาดะกอดตอบอย่างสุดรัก และปลื้มใจที่ได้ปกป้องคนรัก










Create Date : 12 มีนาคม 2555
Last Update : 12 มีนาคม 2555 1:09:08 น.
Counter : 232 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]