All Blog
ฉันรักเธอนะ ตอนที่ 11



ค่ำนั้น...ยามาดะค่อยๆรู้สึกตัวขึ้นที่โรงพยาบาล ด้วยการพ่นทรายออกจากปาก จนเขาลืมตาขึ้น ก็เห็นซีซีนั่งอ่านนิตยสารแฟชั่นไม่ได้สนใจ เขาเริ่มลำดับเหตุการณ์ย้อนหลังตอนที่ขับเรืออยู่กลับทะเลฝ่าพายุ คุยกับยูกิแล้วอยู่ๆก็วูบไป เขารู้ตัว รีบหันมองหายูกิทันที

“ยูกิล่ะ ยูกิอยู่ไหน”
“ตื่นขึ้นมาก็แหกปากเลยนะแก”
“ยูกิล่ะ”
“ไม่ต้องห่วงมันนักหรอก คนโง่ๆอย่างมันหนีไปไหนไม่รอดหรอก”
“แปลว่ายูกิยังไม่ตาย”
“ก็แน่สิ”
“แล้วนี่ผมเป็นอะไรเนี่ย”
“ฉันต้องถามแกมากกว่า ว่าไปทำอีท่าไหนหัวถึงไปฟาดกับเรือได้”
“แล้วยูกิอยู่ไหน”
“ถามถึงมันอยู่นั่น ทำไม กลัวมันหนีไปแล้วได้เงินไม่ครบรึไง ไม่ต้องห่วงหรอกยายนั่นน่ะโง่จะตาย ขนาดแกสลบไปแล้วยังไม่หนีไปไหน ขับเรือมาหาฉัน แล้วก็พามาโรงพยาบาลเนี่ย เป็นฉันนะ เอาแกโยนทิ้งน้ำแล้วก็เปิดไปแล้ว ไม่รู้จะห่วงอะไรนักหนาทั้งที่แกก็เป็นคนจับตัวมันมาแท้ๆ”
ยามาดะได้ยินสิ่งที่ซีซีพูดแล้วยิ่งซึ้งใจยูกิ เขาอยากจะเจอเธอให้ได้
“แล้วยูกิอยู่ไหนล่ะ”
“ฉันก็จับมันขังไว้น่ะสิ”
“ที่ไหนล่ะ”
“เอาตัวเองให้รอดก่อนมั้ยแล้วค่อยทำงาน”
“คุณไม่ได้ทำร้ายเธอใช่มั้ย”
“นี่...ฉันไม่ได้ซาดิสม์ขนาดนั้น นี่ฉันพาแกมาโรงพยาบาลเนี่ยจะขอบคุณซักคำก็ไม่มี”
ยามาดะค่อยโล่งอก เขาลุกจากเตียงเดินไป
“นั่นแกจะไปไหน”
“ห้องน้ำ จะมาดูมั้ย”
ซีซีเชิดใส่ ยามาดะผลักประตูห้องน้ำ พอเขาเข้าไปในห้องน้ำล็อคประตู เขาก็ต้องตกใจที่หันมาเห็นยูกิถูกล็อคกุญแจมือติดอยู่กับท่อน้ำ
“เฮ้ย”
ยูกิดีใจ
“คุณรู้สึกตัวแล้ว”
“มาทำอะไรในนี้เนี่ย”
ยูกิชูกุญแจมือที่ติดกับข้อมือเธอให้เขาดู
“แบบนี้มันจะมากเกินไปแล้วนะ”
ยามาดะเลือดขึ้นหน้าที่เห็นซีซีทำกับยูกิแบบนี้ เขาเปิดประตูออกไปทันที ซีซีมองเหยียด
“เจอกันแล้วละสิ นะ”
ยามาดะไม่พอใจ
“คุณทำแบบนี้ได้ยังไง”
“ทำอะไร”
“ก็เอายูกิไปขังในห้องน้ำได้ยังไง”
“ก็ทำไมละ แกป่วยอยู่นี่ ฉันต้องรอแกออกจากโรงพยาบาลสิ แล้วจะให้ฉันพามันไปไหนได้”
“งั้นผมหายแล้ว ปล่อยยูกิได้แล้ว”
“ห่วงกันจริง”
“จะให้ทำอะไรต่อ นี่มันนอกเหนือที่ตกลงแล้วนะ”
“ฉันรู้ เดี๋ยวฉันจ่ายเพิ่มน่า”
“เอากุญแจมา ผมจะปล่อยยูกิ”
ซีซีไม่เต็มใจนัก แต่ก็หยิบกุญแจให้
วราพรรณยืนแอบฟังอยู่หน้าห้องพักฟื้น กดเทปอัดเหมือนสายลับทำคดี
“มีผู้ชายญี่ปุ่นอีกคนร่วมมือด้วย กำลังจะย้ายยูกิไปไว้ซักที่หนึ่ง ต้องสะกดรอยตามต่อไป...ว่าแต่พวกมันทำไมต้องถ่อมาเข้าโรงพยาบาลถึงกรุงเทพด้วยเนี่ย”

ไคคุงนั่งเครียดกัดกรามอยู่ในรถ มองแสงไฟที่ลอดมาจากบ้านรจนา
“ยูกิหายไปตั้งแต่เมื่อวาน จนป่านนี้ยังไม่กลับ ถ้าไปกับแกนะไอ้เป็นไท ฉันจะถือว่าแกหยามกันเกินไปแล้ว คราวนี้จะไม่ใช่แค่เตือน”
ไคคุงพูดจบไม่ทันไร รถของเป็นไทก็ขับเข้ามา ไคคุงเห็นรถเป็นไท แค้นขึ้นมาทันที
“เป็นแกจริงๆด้วย”
ไคคุงเดินลงจากรถ มองรถเป็นไทตาขวาง...เป็นไทขับรถเข้ามาเห็นเหมือนมีรถใครจอดอยู่ เขาจอดรถทันที
“นั่นรถใครจอดอยู่หน้าบ้านคุณน่ะ”
นับดาวชะเง้อมอง
“ฉันไม่รู้หรอก มันมืด”
“ใครที่รู้จักบ้านคุณบ้าง”
“โอ๊ย ใครก็รู้จักบ้านฉันทั้งนั้นแหละ คนแถวนี้รู้จักหมดแหละ”
“ไคคุงล่ะ”
“ก็เคยมาส่ง”
“เขารู้รึเปล่าว่าคุณไม่ใช่...”
“ไม่รู้”
“นั่นไง”
เป็นไทจะกลับรถเพื่อหนี แต่ว่าเขาก็เจอไคคุงมายืนขวางหน้ารถพอดี
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ มีเรื่องอะไรกัน”
เสียงไคคุงตะโกนออกจากด้านนอกรถ
“ยูกิเข้าบ้านก่อนมั้ย เดี๋ยวผมกับคุณไทมีเรื่องต้องคุยกันยาวนิดนึง”
เป็นไทหันบอกนับดาว
“คุณกลับเข้าบ้านก่อนไป ตรงนี้ผมจัดการเอง”
เป็นไทท่าที่ระแววระวัง นับดาวสังเกตเขา รู้ว่ามีเรื่องไม่ดีแน่ๆ
นับดาวกับเป็นไทลงมาจากรถ ไคคุงพูดจากดีกับนับดาว
“เดี๋ยวยูกิเข้าไปรอข้างในก่อนนะ เดี๋ยวผมคุยกับคุณเป็นไทเสร็จเดี๋ยวผมตามเข้าไป”
นับดาวไม่ค่อยไว้ใจอาการของทั้งสอง รู้สึกว่าต้องมีอะไรปิดบังแน่ๆ
“ทำไมไม่เข้าไปคุยกันในบ้านละคะ ตรงนี้ยุงเยอะจะตาย”
“มันเป็นเรื่องประสาผู้ชายน่ะ ขอคุยแบบส่วนตัวดีกว่า”
นับดาวมองไคคุง สังเกตเห็นมีดพกที่ไคคุงเหน็บไว้ที่เอว นับดาวเป็นห่วงเป็นไทขึ้นมาทันที
“เข้าไปคุยในบ้านก็ได้ ไม่มีใครแอบฟังหรอก”
ไคคุงดุ
“ผมว่าคุยแบบส่วนตัวดีกว่า เชิญยูกิไปรอข้างในก่อนเลย”
นับดาวเห็นไคคุงไม่ทันตั้งตัว นับดาวรีบวิ่งผลักเขาล้มลงไป แล้ววิ่งไปหาเป็นไท จูงมือเขาวิ่งหนีทันที
“หนีเร็ว”
เป็นไทกับนับดาวจับมือกันวิ่งออกไป ไคคุงลุกขึ้นยืนมาได้
“ยูกิ คุณปกป้องมันเหรอ”
ไคคุงรีบวิ่งตามออกไป

นับดาวพาเป็นไทวิ่งมาตามซอยต่างๆ ไคคุงวิ่งตามมา
“ทางนี้ๆ”
นับดาวพาเป็นไทซอกแซกไปตามหลืบต่างๆ เข้ามาแอบอยู่ในซอกซอกนึง
“คุณจะหนีมาทำไม เค้าไม่ทำร้ายคุณ”
“ถ้ามีฉันเค้าคงไม่กล้าทำอะไรรุนแรง คุณกับไคคุงไปมีเรื่องอะไรกันมา”
“เขาแค่ไม่อยากให้ผมยุ่งกับคุณ”
“มารความสุขจริงๆ”
เสียงฝีเท้าของไคคุงดังเข้ามาพอดี เป็นไทส่งสัญญาณให้เงียบ
“ออกมาเถอะน่ายูกิ ผมไม่ได้จะทำร้ายใครซักหน่อย คุณก็รู้ว่าผมสุภาพจะตาย ยูกิออกมาเถอะ”
ไคคุงเดินผ่านบริเวณที่ทั้งคู่อยู่ไปอย่างลุ้นๆ ในมือมีไม้หน้าสามด้วย แต่สุดท้ายก็ไม่เห็น นับดาวกับเป็นไทโล่งใจ
“ฉันว่าคุณต้องมีอาวุธซักอย่างไว้ป้องกันตัวนะ”
มองหาแถวนั้น เห็นมีไม้จิ้มฟันร่วงอยู่
“นี่มั้ย เข้าเมื่อไหร่จิ้มฟันมันเลย”
“มันใช่เวลามาตลกเหรอ”
นับดาวจ๋อย โดนดุ
“แค่ไม่ขำก็เจ็บแล้วไม่เห็นจะต้องดุเลย”
“ไปเร็ว..ทางนี้”
เป็นไทให้นับดาววิ่งหนีนำไป เป็นไทยืนชะเง้อมองนับดาว แล้วเขาก็หันกลับไปทางด้านที่เพิ่งเดินมา เพื่อจัดการไคคุง
“นึกว่ากลัวเหรอ...”
นับดาวมองซ้ายมองขวาเห็นว่าปลอดภัย หันกลับไปไม่เห็นเป็นไทตามมา เธอเป็นห่วง วิ่งกลับไปหาเป็นไท

เป็นไทย่องๆดักไคคุง โดยที่ไม่รู้ว่าไคคุงเห็นเขาแล้วแอบอ้อมมาด้านหลังเป็นไท นับดาวเดินกลับมา เห็นไคคุงกำลังเตรียมไม้จะฟาดเป็นไทจากด้านหลัง เป็นไทยังไม่รู้ตัว นับดาวรีบเข้าไปช่วยเป็นไททันที
ไคคุงกำลังจะฟาดไม้ลงที่เป็นไท แต่นับดาวเอาตัวไปกอดเป็นไทขวางไว้ ไม้ฟาดลงที่หัวนับดาวอย่างจัง นับดาวลงไปนิ่งที่พื้น เลือดค่อยๆไหล เป็นไทและไคคุงต่างก็ตกใจ
“ยูกิ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
ชาวบ้านแถวนั้นเดินผ่านมาช่วยพอดี
“ทำอะไรกันน่ะ”
ไคคุงตกใจรีบวิ่งหนีไปทันที เหลือแต่เป็นไทที่ยังตกใจอยู่ เขาเข้าไปประคองนับดาวที่อยู่พื้นขึ้นมานอนบนตัก
“คุณเป็นอะไรรึเปล่า”
นับดาว ส่งยิ้มก่อนที่จะสลบไป ชาวบ้านเดินเข้ามาดู
“เป็นอะไรรึเปล่า”
ชาวบ้านตะโกนโหวกเหวกให้มาช่วยกัน เป็นไทกอดนับดาวไว้อย่างเป็นห่วง

ยามาดะ พายูกิออกมาจากห้องน้ำ เขาถือกุญแจมือที่ถอดออกมาด้วย
“ทำไมต้องรอเวลาให้มืดค่ำแบบนี้ด้วย”
“แกอยากแห่ออกไปกลางวันแสกๆแล้วมีคนเห็นเยอะๆรึไง” ซีซีมองยูกิ “ยายนี่มันใช่ คนธรรมดาซะที่ไหน เดี๋ยวนักข่าวก็ถ่ายรูปไปลงหน้าหนึ่งหรอก”
ยูกิหันไปถามยามาดะ
“คุณหายดีแล้วแน่เหรอ จะไปเป็นอะไรระหว่างทางรึเปล่า”
“นี่ห่วงหรือแช่งเนี่ย ห๊า”
“ฉันไม่ได้พูดกับเธอ”
“ชิ” ซีซีเบ้ปาก
“ไม่เป็นไรหรอก หนักกว่านี้ผมก็โดนมาแล้ว ตอนที่อยู่ยากูซ่าน่ะนะ”
“พอๆๆ ฉันไม่ฟังเรื่องยากูซ่าของแกแล้ว ฉันฟังจนเอียนจะแย่อยู่แล้ว” ซีซีมองยูกิ “แล้วนี่ถ้ามันหนีไปจะทำไง เดินไปตามท้องถนนแบบนี้เนี่ย”
“เดี๋ยวผมรับผิดชอบเอง”
“ฉันไม่เชื่อแกหรอก”
ซีซีคว้ากุญแจมือในมือของยามาดะ
“เอามานี่”
“จะทำอะไรน่ะ”
“เพื่อให้ทุกอย่างเรียบร้อย โดยไม่ต้องมาไล่คอยแก้ปัญหาทีหลัง”
ซีซีเอากุญแจมือ ล็อคยูกิข้างนึง ยามาดะข้างนึง ยามาดะตกใจ
“แต่แบบนี้จะยิ่งหนีลำบากใหญ่”
“แกสองคนลำบาก ฉันไม่ได้ลำบากนี่ ...จบมะ” ซีซีหันไปบอกยูกิ “แล้วก็อย่าลืมบังหน้าตัว เองไว้ด้วยล่ะ”
ยามาดะกับยูกิมองหน้ากันเซ็งๆ ซีซีเดินนำออกไปจากห้อง ยามาดะกับยูกิเดินตามหลังไป

ยามาดะ ยูกิ และซีซี เดินกันมาถึงโถงด้านหน้าของโรงพยาบาล ยูกิก้มหน้า กุญแจมือที่แขนมีผ้าบังไว้ ทั้งหมดรีบเดินเพื่อจะไปให้พ้นฝูงชน แต่แล้ววราพรรณที่ปลอมเป็นพยาบาลใส่แว่นคาดผ้าปิดปากก็ทักซีซีขึ้นมา
“คุณซีซีรึเปล่าคะ ติดตามผลงานตลอดเลย”
ซีซีดีใจ
“ก็เข้าใจนะคะคนมันดัง ต้องมีคนติดตามผลงานเป็นธรรมดา”
“นี่จะกลับกันแล้วเหรอคะ น่าจะอยู่ต่ออีกซักหน่อย”
ซีซีประชด
“ทักเป็นทำงานโรงแรมเลยนะคะ โรงพยาบาลมันควรจะชวนให้คนอยู่ต่อมั้ยเนี่ย”
“แหะ แหะ...คุณคนนี้ก็หน้าตาคุ้นๆนะคะ เป็นดาราด้วยรึเปล่า”
ยูกิพยายามเบนหน้าไปทางอื่น
“คุณนี่มนุษย์สัมพันธ์ยอดเยี่ยมมากเลยนะคะ ทักไปซะทุกคน”
“แน่นอนค่ะ”
“พอดีว่ารีบ โอเคมั้ย”
วราพรรณยิ้มให้
“ตามสบายค่ะ โอกาสหน้าแวะมาใช้บริการของเราอีกนะคะ”
ซีซีหงุดหงิดพยาบาลเดินนำยูกิกับยามาดะออกไป ตลอดทางวราพรรณเดินตามอยู่ห่างๆ ยามาดะ ยูกิ ซีซี เดินออกมาทางด้านหน้า รถของเป็นไทเข้ามาจอดทันที บุรุษพยาบาลเข้าไปล้อมรถเป็นไท เป็นไทอุ้มนับดาวที่สลบออกมาวางบนรถเข็น ซีซีกับยามาดะไม่เห็น แต่ยูกิเห็นใบหน้าของนับดาวเธอตกใจถึงกับชะงัก ยามาดะเดินต่อไปไม่ได้เช่นกันเมื่อยูกิหยุด
ยูกิจ้องหน้านับดาวที่สลบบนรถเข็นค่อยๆรู้สึกตัว ลืมตามามองเห็นยูกิเช่นกัน ยูกิจะเดินตามไป แต่ก็ชะงักเพราะข้อมือที่ติดกับยามาดะ ยามาดะหันมองตามยูกิแต่บุรษพยาบาลเข็นนับดาวเข้าไปแล้ว เป็นไทก็มองตามสายตานับดาวที่มองไปด้านนอก แต่ทั้งยามาดะและเป็นไทไม่เห็นกัน ยามาดะหันมาถามยูกิเบาๆ
“มีอะไรเหรอ”
“เปล่า”
ซีซีหันไปเร่ง
“มัวช้าอะไรกันอยู่ล่ะ เร็วสิ”
วราพรรณกำลังจะตามซีซีไป แต่เห็นเป็นไทเข้าพอดี
“อ้าว มาทำอะไรที่นี่เนี่ย” เธอหันไปเห็นนับดาวก็ตกใจ “เฮ้ย...”
วราพรรณเปิดผ้าคาดปากออก เป็นไทมองอย่างปวดหัวกับท่าทางของวราพรรณ

นับดาวถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉิน หมอพยาบาลมองวราพรรณที่อยู่ในชุดพยาบาล เธอยิ้มแก้เก้อ
“จะไปแฟนซีปาร์ตี้กะเพื่อนน่ะค่ะ”
หมอกันไม่ให้เป็นไทกับวราพรรณเข้า ทั้งคู่ต่างห่วงนับดาว แต่พอได้สติ วราพรรณก็มองเป็นไทตาขวาง
“รู้ว่าไม่พอใจ...แต่ไม่เห็นต้องทำอะไรรุนแรงแบบนี้เลย”
เป็นไทชะงัก
“เอ่อ...”
“เพื่อนฉันถึงมันจะหลอกคุณแต่มันก็ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร ทำไมต้องทำร้ายมันด้วย แค่คนธรรมดาที่อยากจะเป็นคนสำคัญบ้างมันผิดตรงไหนวะ”
“คือผม...”
“นี่ถ้ามันเป็นอะไรขึ้นมาจะทำไง ถึงเราจะจน ไม่มีชื่อเสียง แต่ก็เป็นคนเหมือนกันนะเว้ย”
เป็นไทถอนใจ
“มาเป็นชุดเลย...ดราม่าด้วย”
“ยังไม่สำนึกผิดอีก”
วราพรรณเดินเข้าไปต่อยหน้า เป็นไทล้มคว่ำ องอาจที่เพิ่งมาถึงรี่เข้ามากันไว้
“เฮ้ย...นี่มันอะไรเนี่ย...คุณไทไม่ต้องห่วง ผมเคลียร์เอง”
“เจ้านายคุณทำร้ายเพื่อนฉัน”
องอาจหันไปว่าเป็นไท
“มันต้องถึงขั้นนั้นเลยเหรอ”
“ผู้หญิงด้วย”
องอาจหันไปว่าเป็นไทอีก
“เมาป่ะเนี่ยเราน่ะ”
เป็นไทเซ็ง
“ผมทำที่ไหนเล่า เขาเข้าใจผิดไปเอง”
องอาจหันไปว่าวราพรรณ
“นั่นไง เธอน่ะฟังความข้างเดียว”
“ฟังความข้างเดียวอะไร เพื่อนฉันเลือดท่วมขนาดนั้น”
องอาจหันไปที่เป็นไท
“ถึงเลือดเลยเหรอ”
เป็นไทพยายามอธิบาย
“เขาโดนตีหัว ผมก็ช่วยเค้ามาส่งโรงพยาบาล”
องอาจหันไปว่าวราพรรณต่อ
“นี่ไงเราน่ะ มองโลกในแง่ร้าย เค้ามาช่วยวุ้ย”
วราพรรณไม่เชื่อ
“จะมาช่วยได้ไง เพื่อนฉันไปกับคุณ จะไปโดนใครที่ไหนตีหัวถ้าไม่ใช่คุณ”
องอาจหันต่อไปว่าเป็นไท
“หลักฐานชัดเลย คราวนี้แก้ตัวไม่ขึ้นแน่ ไปทำผู้หญิงแบบนั้น ได้ยังไง”
เป็นไทถอนหายใจ
“เฮ้อ...ผมพูดไปคุณก็ไม่เชื่อ”
“แน่นอนล่ะ ท่าทางยายทอมนี่จะเชื่อมั้ยล่ะ ดูหน้าก็รู้เป็นคนใจแคบจะตาย”
วราพรรณจ้องหน้าองอาจ โกรธๆ องอาจเกรงๆ
“แต่ถึงใจแคบ แต่ผมมั่นใจว่าคนไทยเกิน 1 ล้านคนไม่พอใจที่คุณเป็นไททำแบบนี้ พอเถียงไม่ออกก็ทำเปลี่ยนประเด็น ว่ามะ”
องอาจทำเออออกับวราพรรณ วราพรรณกับเป็นไทจ้องหน้าองอาจเขม็ง องอาจรีบชิ่ง
“เอ๊ะ นี่มีใครไปทำประวัติคนไข้รึยังนะ ดูจากลักษณะแล้วท่าจะยังนะ” องอาจทำเป็นว่าคนเรียก “ห๊า...ผมเหรอ...นั่นไง พยาบาลเรียกละ ไปก่อน”
องอาจรีบชิ่งไปทันที เป็นไทกับวราพรรณมองตามไปเซ็งๆแล้วก็หันหน้ามาเจอกันพอดีต่างคนก็ต่างหันไปทางอื่น
ทางด้าน ไคคุงกลับมาที่โรงแรมโกรธตัวสั่น
“ยูกิ คุณทรยศผมได้ยังไง คุณปกป้องมันได้ยังไง ไม่ได้...เรื่องมันจะเป็นแบบนี้ไม่ได้ ยูกิเป็นของฉัน”
ไคคุงแค้นกับทุกคนที่ทำให้เป็นแบบนี้

วราพรรณซื้อข้าวมากินที่โต๊ะ องอาจถือจานข้าวมานั่งด้วย วราพรรณไม่สบอารมณ์นักที่เขาเข้ามา
“ผมบอกแล้วว่าเจ้านายผมไม่ได้ทำ”
“หืม คุณนั่นแหละตัวดีเลย”
“ว่าแต่คุณกับคุณยูกิไปเป็นเพื่อนกันได้ยังไง ตั้งแต่เมื่อไหร่”
วราพรรณชะงักมีพิรุธเล็กน้อย
“เอ่อ...แล้วจะเป็นกันเมื่อไหร่มันเกี่ยวอะไรกับนายด้วยล่ะ”
“ผมกับคุณไทน่ะ รู้จักกันมาเป็นสิบปีละ...ตาคุณบอกมั่งละ”
“เรื่องอะไร ฉันไม่ได้ถาม”
“แต่คุณรู้เรื่องผมไปแล้วนี่”
“อย่ามาตุ๊ดใส่ฉันได้มะ”
“ผมไม่ใช่ตุ๊ดนะ แมนทั้งแท่ง”
“เรื่องของคุณ”
“ไม่ชอบผู้ชายเหรอ”
“ชอบผู้ชายทุกคน ยกเว้นคุณนั่นแหละ”
“ชอบจริงๆผู้หญิงจองหอง ดูไปดูมาก็น่ารักดีนะเนี่ย”
“นี่ ไม่ใช่เพื่อนเล่น”
วราพรรณกินข้าว ไม่อยากคุยกับเขา
“นี่คุณน่ะ...”
องอาจยังไม่ทันพูดเข้าเรื่อง ก็ถูกไม้ลูกชิ้นที่วราพรรณถือขึ้นมาจากจาน ยัดปาก
“กินซะ จะได้เงียบปากไป”
องอาจอยากพูดแต่ลูกชิ้นเต็มปาก

เป็นไทคุยรายละเอียดกับหมอ เขาถามอาการของนับดาว
“ไม่ต้องห่วง เท่าที่หมอเช็คดูแล้วเนี่ย ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง พรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว”
“แค่นี้ผมก็โล่งใจแล้วครับ กลัวพวกสมองจะกระทบกระเทือนมาก”
หมอเดินไป เป็นไทก็เปิดประตูเข้าไปในห้อง ยืนมองนับดาวที่นอนหลับอยู่ใกล้ๆ
“เหมือนกันเหลือเกิน เหมือนกันมาก”
เป็นไททิ้งตัวลงนั่งข้างๆนับดาว จ้องดูใบหน้าของเธอยามหลับ
“ทำไมต้องเอาตัวเองมาเสี่ยงช่วยผมด้วย...นี่ผมควรจะเอายังไงกับคุณดีเนี่ย คุณต้องการอะไรจากผมกันแน่”
เป็นไทถอนหายใจ นับดาวรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมาเห็นเขา เป็นไทเปลี่ยนท่าทีจากดูอ่อนโยนก็เก็กขึ้นมาทันที
“ฟื้นแล้วเหรอ”
“ยัง...ยังฝันอยู่เลย”
“ตื่นมาก็ปากดี”
“ฉันพูดจริงๆ การที่ตื่นมาเห็นคุณอยู่ข้างๆ ไม่เหมือนฝันรึไง”
เป็นไทรู้สึกดีแต่เก็บอาการ นับดาวเอามือกุมหัว
“ปวดหัวจัง”
“แล้วใครให้เอาหัวไปรองไม้คนอื่นแบบนั้นล่ะ”
“ก็ตอนนั้นฉันคิดอะไรไม่ออกนี่”
“ก็บอกให้หนีไป รู้จักมั้ย ไม่ฉลาดเอาซะเลย”
“ตอนนี้ฉันทำอะไรก็ผิดไปหมดสินะ แต่ฉันเข้าใจ ยังไงก็ขอบคุณนะที่พาฉันมาโรงพยาบาล”
เป็นไททำเฉย

องอาจกับวราพรรณ คุยกัน เรื่องนับดาวกับเป็นไท ในขณะที่กินข้าว
“นี่ ฉันถามหน่อยสิ ว่าเจ้านายคุณน่ะ เค้าคิดยังไงกับเพื่อนฉัน”
องอาจยังเคี้ยวเต็มปาก ตอบไม่ได้
“ตอบเร็วสิ ฉันอยากรู้”
องอาจรีบกลืน กินน้ำตาม
“โอ๊ย จะรีบไปไหน บทจะให้กินก็ยัดเข้ามา ไม่คำนึงถึงตอนอยากให้พูดเลย”
“อย่าบ่นนักเลยน่ะ ตอบมาว่าเจ้านายคุณคิดยังไงกับเพื่อนฉัน”
“ดีสิ คุณกำลังพูดถึงคุณยูกิอยู่นะครับ ใครก็ชอบคุณยูกิทั้งนั้น”
“ไม่ใช่ ฉันหมายถึงทีท่าที่มันมากกว่าแค่งานน่ะ”
“แล้วคุณยูกิล่ะ คิดยังไงกับเจ้านายผม”
“ทำไมฉันต้องบอกด้วย”
“งั้นทำไมผมต้องบอกด้วยล่ะ”
“คุณนี่มันกวนประสาทจริงๆ”
“ว่าแต่คุณกับคุณยูกิ...เป็นเพื่อนกันจริงๆเหรอ ไม่น่าเป็นไปได้”
วราพรรณมองหน้า
“ยังไม่จบใช่มั้ยเรื่องนี้น่ะ”
“เวลาเดินไปไหนด้วยกันรู้สึกเป็นปมด้อยบ้างมั้ย”
วราพรรณฉุนกึก
“ไอ้นี่ อยากให้ข้าวไปเละอยู่บนหัวละมั้งเนี่ย”
องอาจหยุดพูดเพราะรู้ดีว่าวราพรรณทำจริงแน่ๆ

นับดาวกับเป็นไทยังคุยกันอยู่ในห้องพัก
“แล้วนี่ไปมีเรื่องอะไรกับไคคุงเค้า ถึงต้องรุนแรงขนาดนี้”
“ทำไมไม่ไปถามไคคุงล่ะ เขาจะมีเรื่องกับผม ผมไม่ได้จะมีเรื่องกับเขา”
นับดาวครุ่นคิด
“แปลกนะ ปกติก็เห็นไคคุงเขาสุภาพจะตาย ดูไม่น่าจะมีเรื่องกับใครได้”
“พูดเหมือนรู้จักสนิทสนมกันมาจริงตั้งแต่เด็กยังงั้นแหละ อย่าลืมสิว่าคุณน่ะ...”
“ฉันรู้ ไม่ต้องย้ำ ฉันไม่เคยลืมตัวเองหรอก...ถ้าคุณเกลียดฉันนัก ฉันว่าคุณกลับไปเถอะ”
“อ๋อ ถือว่าเป็นคนป่วยเลยไล่แขกงี้ ไม่มีมารยาท”
“งั้นก็อยู่ต่อ นอนเฝ้าฉันซะที่นี่เลยแล้วกัน”
“เธอคิดว่าเธอสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ”
“เอ๊า...เอาใจไม่ถูกแล้วเนี่ย ฉันเริ่มอึดอัดแล้วนะ”
“ถ้าอึดอัดก็จะอยู่ จะมีวิธีไหนทรมานคนที่เกลียดได้ดีไปกว่าทำให้อึดอัด”
“ดี...งั้นอยู่ไปเลย ฉันรู้สึกดีที่มีคุณอยู่ใกล้ แม้จะรู้ว่าไม่ได้คิดอะไร แต่มันก็ทำให้ฉันคิดไปได้ว่าคุณก็ห่วงฉันเหมือนกัน”
เป็นไทจ้องหน้านับดาว ไม่รู้ว่าพูดจริงหรือพูดเล่น
“งั้นผมกลับ...”
“ตามใจ ยังไงฉันก็มีนุ้ยเฝ้าอยู่แล้ว”

เป็นไทออกอาการไม่พอใจที่นับดาวไม่แคร์เขาเลย เขาเดินออกไปจากห้อง นับดาวเสียใจที่เขาออกไปจริงๆ

วราพรรณเดินมาตามทางเดิน องอาจเดินตามต้อยๆ เธออึดอัดที่เขาเดินตาม
“เดินตามมาทำไม”
“ใครว่าเดินตาม ก็ทางไปหาคุณยูกิมันมีทางนี้ทางเดียว”
“งั้นก็รีบๆเดินไปสิ มาเดินอยู่ข้างหลังฉันทำไมล่ะ”
“ผมไม่รีบนี่ คุณรีบคุณก็เดินนำไปไกลๆสิ”
“เฮ้ย...อยากโดนใช่มั้ยเนี่ย”
ขณะเดียวกันนั้น เสียงโทรศัพท์วราพรรณดังขึ้น เธอมองเห็นชื่อ “สังวรณ์” ก็ตกใจแต่ก็รับสาย
“ฮัลโหล”
สังวรณ์คุยโทรศัพท์หน้าเข้ม
“นี่...หายหน้าหายตาไปเลยนะ เรื่องยายนับดาวที่ให้ปลอมตัวเป็นยูกิไปถึงไหนแล้ว”
“กำลังจัดการอยู่ค่ะ”
“นี่งาน met &greet ก็ใกล้เข้ามาถึงทุกทีแล้ว หวังว่ามันคงไม่ล่มหรอกนะ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะคุณซังวอน”
“แล้วนี่อยู่ไหน สองสามวันมานี่ไม่เคยเข้าออฟฟิศเลยนะ”
“ก็เก็บงานให้คุณซังวอนอยู่แหละค่ะ”
“นี่...ผมเป็นคนเลื่อนตำแหน่งให้คุณนะ ไม่ว่าจะทำอะไรยังไงก็ไว้หน้ากันด้วยอะไร พอได้ตำแหน่งก็ไม่เข้ามาทำงานเลย คนจะพูดว่ายังไง”
“เอ่อ...ขอโทษค่ะ”
“เข้ามาเลยตอนนี้ ผมอยากเห็นความคืบหน้า”
วราพรรณหน้าตื่น
“ห๊า...แต่นี่มันเลยเวลางานมาแล้ว”
“หรือจะให้ลดตำแหน่งไปทำงานเหมือนเดิม ผมสั่งอะไรก็ทำสิ”
“ค่ะ...เดี๋ยวเข้าไปค่ะ”
สังวรณ์วางโทรศัพท์จากวราพรรณ แพรวไพลินเดินเข้ามาหา
“หวังว่าคงเลือกใช้คนถูก ใช่มั้ยคะ”
“หัดเคาะประตูซะบ้างนะ”
สังวรหน้าไม่ค่อยเป็นมิตรกับแพรวไพลินนัก

พอวางโทรศัพท์จากสังวรณ์ วราพรรณหน้าไม่ดีนัก เป็นไทเดินมาเจอทั้งคู่พอดี องอาจหันไปเห็น
“อ้าว คุณไท กลับแล้วเหรอ”
“ใช่”
“ดีเลย...เดี๋ยวผมขอติดรถไปด้วย”
“เอาสิ” เป็นไทหันไปถามวราพรรณ “แล้วคุณล่ะ”
“ฉันต้องรีบไปทำธุระเหมือนกัน”
“อ้าว แล้วทำไมไม่อยู่เฝ้าเพื่อนเธอล่ะ”
“งานสำคัญ เดี๋ยวฉันอาจจะแว้บมาได้ตอนดึกละมั้ง”
องอาจ ทำหน้าหื่น
“ถ้างั้น เดี๋ยวผมอยู่เฝ้าคุณยูกิเอง”
“ไม่ต้องเลย ไปส่งคุณนักข่าวนี่ซะไป”
องอาจเซ็งๆ
“ไปส่งยังไง ผมไม่มีรถ”
“คุณไม่มีแต่ฉันมี” วราพรรณบอก
“เอาวะก็ยังดี ยังไงก็ได้ขึ้นรถฟรีกลับบ้าน”
วราพรรณหัวเราะในลำคอ
“หึ หึ”
เป็นไทหันไปบอกวราพรรณ
“งั้นฝากคุณนักข่าวนี่ด้วยแล้วกัน”
“ฉันว่าคุณฝากเพื่อนคุณกับฉันถึงจะถูก...ตกลงคุณจะเฝ้าเพื่อนฉันนะ”
“เออ แล้วคุณก็ทำธุระคุณไปเถอะ ไม่ต้องแวะมาก็ได้ ทางนี้ผมดูให้”
วราพรรณยิ้มดีใจแทนเพื่อน

แพรวไพลินทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ในห้องสังวรณ์
“มาทำไม”
“ฉันก็จะมาถามเรื่องความคืบหน้าของงานน่ะสิ”
“ผมสิต้องถามคุณ คุณเป็นแฟนเป็นไท ผมก็อยากรู้ว่ายายนั่นปลอมตัวไปเป็นยูกิได้ดีแค่ไหน”
“ฉันจะไปรู้ได้ไงล่ะ ฉันเพิ่งกลับจากการไปช็อปปิ้งที่ฝรั่งเศสมา กลับมาถึงก็แวะมาถามเนี่ย”
“ผมจะไปรู้ได้ไงล่ะ ผมเพิ่งไปถ่ายรายการสัมภาษณ์สาวเกาหลีมาเนี่ย”
“จะไปสัมภาษณ์คนอื่นทำไม ฉันก็เห็นว่ารายการมีแต่หน้าคุณนั่นแหละ”
“ก็มันรายการผม จะให้มีหน้าคนอื่นเยอะกว่าผมเองได้ไง”
“แล้วนี่ตกลงเราไม่มีใครตามงานกันเลยใช่มั้ยเนี่ย”
“คุณนั่นแหละต้องตาม เอาแต่ทำตัวไร้สาระไปวัน”
“นั่นไง ฉันเลยไม่ว่าง”
“เจริญละ นี่ฉันเอาเธอมาเป็นตัวถ่วงใช่มั้ยเนี่ย”
สังวรณ์เซ็งจัดกับแพรวไพลิน

เป็นไทเปิดประตูเข้ามาในห้องอีกครั้ง นับดาวนอนหันหลังให้ประตูอยู่ นึกว่าวรพรรณเข้ามา
“ตกลงเค้าเกลียดฉันจริงด้วยแก”
เป็นไทงงนิดหน่อย แต่เขาก็ค่อยๆเดินเข้ามาที่เตียง
“ฉันไม่อยากทำแล้ว ไม่ว่าฉันจะเปลี่ยนไปแค่ไหน สุดท้ายฉันก็เป็นไอ้ขี้แพ้คนเดิมอยู่ดี”
เป็นไทยืนฟังนับดาวอยู่นิ่งๆ เขาจะเอามือไปลูบหัวเธอ แต่เขาก็ไม่ทำ ชักมือกลับมา
“ฉันผิดตั้งแต่เกิดมาหน้าเหมือนยูกิแล้วล่ะ”
นับดาวยกมือขึ้นปาดน้ำตา เป็นไทแอบสงสารเธอ นับดาวหันหน้ามา
“แกพาฉันไปเข้าห้องน้ำหน่อย ฉันมึนหัวว่ะ”
นับดาวก็ต้องผงะเมื่อเห็นเป็นไทยืนอยู่ข้างๆเตียง
“คุณ...ไปแล้วนิ...ทำไม...เพื่อนฉัน”
“เพื่อนคุณเค้าต้องไปทำงานด่วน”
“แปลว่าเมื่อกี้...”
นับดาวอายมาก เธอรีบหันหลังให้เขาเอาผ้าห่มมาคลุมโปงทันที
“ไหนบอกจะไปห้องน้ำ”
นับดาวส่งสัญลักษณ์แค่มือไล่ให้เขาไป โดยไม่เอาตัวเองออกจากผ้าห่ม เป็นไทมองงงๆ
“แปลว่าอะไร เรียกให้มาหาเหรอ”
นับดาวยังอยู่ในผ้าห่ม มือกวักไปมาให้ไป
“บอกให้ออกไปก่อน”
เป็นไทแกล้งไม่ได้ยิน
“ว่าไงนะ”
“ออกไปก่อน”
“ให้ล็อคกลอนเหรอ...จะดีเหรอ ชายหญิงอยู่ในห้องสองคน”
นับดาวหงุดหงิด เปิดผ้าห่มหันหน้าออกมาพูด
“บอกให้ออกไปก่อน”
เป็นไทอมยิ้มที่นับดาวยอมออกมาสู้หน้าแล้ว เขายืนนิ่งไม่มีทีท่าว่าจะออก
“ได้...คุณไม่ออกฉันออกเอง”
นับดาวลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว พอลงมาก็เซเพราะร่างกายปรับตัวไม่ทัน เป็นไทรีบเข้ามาประคอง ทั้งคู่มองตากันหวานซึ้ง แต่แล้วนับดาวก็ผลักเขาออก
“เป็นไง เก่งดีนัก”
“ฉันไม่เป็นไร”
นับดาวมึนหัว ตาเบลอไปหมด
“ฉันจะออกไปข้างนอก ไม่ต้องตามมา”
นับดาวเดินไปทางหนึ่ง เป็นไทรีบบอก
“นั่นตู้เสื้อผ้า ไม่ใช่ประตู”
นับดาวรีบแก้ตัว
“ฉันกะจะเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนต่างหาก แต่ไม่เปลี่ยนละ”
เธอหันเดินไปอีกทาง
“นั่นหน้าต่างแล้ว รีบเหรอ จะกระโดดลงไปเลย”
“แค่จะดูว่านี่ฉันอะไร แต่ไปเลยดีกว่า”
นับดาวหันเดินไปอีกทางเดินไปถึงประตูห้องน้ำ แล้วหันมาพูดอย่างเด็ดขาดกับเขา
“ลาก่อน”

นับดาวเดินเข้าห้องน้ำ ปิดประตู เป็นไทเห็นก็งงๆ ตามไป
เป็นไทเปิดประตูห้องน้ำเข้ามา เห็นนับดาวยืนเอ๋อๆอยู่

“ข้างนอกวิวดีมั้ย”
นับดาวทำท่าสูดอากาศ
“อากาศสดชื่น”
เป็นไทมองๆ
“ไหวป่ะเนี่ย”
“ไม่ไหว ยาดมหน่อย”
นับดาวทรุดกับฟื้น เป็นไทเข้ามาประคอง

สายวันใหม่ เป็นไทเรียกนับดาวที่นั่งหลับอยู่เบาะข้างคนขับ
“นี่คุณ...คุณ”
นับดาวนิ่งไม่รู้สึกตัว เป็นไทเอาหน้าเข้าไปใกล้หูของเธอใกล้มากจนเขาอดที่จะมองความงามของเธอไม่ได้ นับดาวรู้สึกตัวตื่นขึ้นเอง หันมาเจอหน้าเขา ทั้งคู่ต่างสะดุ้ง ผละจากกัน เป็นไทอายๆ
“ผมเรียกแล้วคุณไม่ตื่น”
นับดาวก็อายๆเหมือนกัน
“ฉันหูไม่ดีน่ะ ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
“นี่...ถ้าไหว ก็อยากให้ไปซ้อมหน่อย พรุ่งนี้จะงานมีทแอนด์กรี๊ดแล้ว”
นับดาวพึมพำ
“มีทแอนด์กรี๊ด”

สังวรณ์เปิดเพลงเกาหลีแล้วเต้นตามท่าเป๊ะๆอยู่ในห้อง วราพรรณเปิดประตูเข้ามาท่าทางสลึมสลือ สังวรณ์ยังไม่รู้ตัวเต้นใหญ่
“ซอรี่ ซอรี่ นิกกี้ นิกกี้...” เขาหันมาเจอวราพรรณพอดีรีบเก็กทันที “เข้ามาทำไมไม่เคาะประตู”
“เคาะตั้งนานแล้วค่ะ แต่คุณซังวอนไม่ได้ยิน”
“มีอะไร”
“ต้นฉบับทั้งหมดค่ะ ตรวจดูหมดแล้ว” วราพรรณหาว “ดูท่าทางคุณซังวอนจะมีความสุขนะคะ”
“ก็แน่ละสิ พรุ่งนี้ก็วันมีทแอนด์กรี๊ด วันตายของไอ้เป็นไทมัน อยากจะดูน้ำหน้ามันตอนที่โดนแฉนัก”
สังวรณ์สะใจไปล่วงหน้าซะแล้ว

เป็นไทยังคุยกับนับดาว เธอเหม่อๆเมื่อได้ยินมีทแอนด์กรี๊ดจากปากเขา
“เป็นอะไร แค่บอกมีทแอนด์กรี๊ดถึงกับตาลอยเลยเหรอ”
“คุณนี่ประหลาดรึเปล่า คุณน่าจะไล่ฉันไปตั้งแต่รู้ความจริงว่าฉันเป็นตัวปลอมแล้ว แล้วก็ตามหายูกิตัวจริงให้เจอสิ”
เป็นไทส่ายหน้า
“ไม่ว่าใครจะใช้ให้คุณมาทำแบบนี้...ฝากไปบอกเขาด้วยละกัน ถ้าผมชนะ ผมขอยูกิตัวจริงคืนในคอนเสิร์ตใหญ่”
นับดาวน้อยใจ
“แล้วฉันล่ะ จะเอาไปไว้ที่ไหน”
“ผมก็จะทำให้คุณมาอยู่ข้างผมแทนที่จะไปช่วยฝั่งนั้น”
นับดาวน้อยใจ
“โอเค ฉันเป็นได้แค่หมากตัวนึง”
“ทุกคนคือหมากทั้งนั้นแหละ แม้กระทั่งผม”
“แต่ยูกิเขาเป็นขุน ส่วนฉันก็เป็นได้แค่เบี้ย แล้วฉันจะบอกให้ว่าคุณไม่ได้มีเวลาเยอะอย่างที่คุณคิดหรอก”
นับดาวน้อยใจเปิดประตูลงจากรถ เป็นไทมองตาม ครุ่นคิด

ซีซีมองซ้ายมองขวา พายามาดะกับยูกิเข้ามาในโกดังร้าง
“ทำไมต้องพามาไกลขนาดนี้ด้วย”
“แกอยากให้คนเห็น อยากให้มันหนีได้รึไง ฉันบอกไว้ก่อนนะ ถ้ามันหนีไป เงิน 40% งวดสุดท้าย ฉันไม่จ่ายแกแน่”
“แน่ใจนะว่าไม่มีใครตามมา”
“ใครตามมามันก็ท้อตั้งแต่พุทธมณฑลแล้ว ฉันยังท้อเลย”
“ให้ยูกิอยู่ที่นี่ แล้วอาหารการกินจะกินยังไง”
“หน้าที่ฉันเหรอ แกก็จัดการซะซิ”
“แต่แถวนี้ไม่มีตลาด”
“แล้วยังไง แกจะให้ฉันซื้อแฟนไชส์เซเว่นมาเปิดบริการแกรึไง”
“งั้นผมขอรถคันนึง ไว้ขับไปซื้อของ”
“ส่งชิงโชคสิ เดี๋ยวก็ได้”
ยามาดะโกรธ
“เฮ้ย...จะเอาไงวะ ขอรถก็ไม่ให้ จะให้เดินไปตลาดเองรึไง ไกลเป็นสิบกิโล”
ซีซีเกรงๆ
“นี่ฉันเจ้านายแกนะ”
“เจ้านายแล้วไง นี่ยากูซ่าเก่านะ ไม่ธรรมดานะ อย่าให้โมโห เข้าใจป่ะเดี๋ยวฆ่าหมกซะเลยนี่”
ซีซีหวาดๆ
“เออ เดี๋ยวหารถมาให้ ทำเป็นใจร้อนไปได้”
ยูกิมองทั้งคู่แล้วถอนหายใจ

แสงสีเสียงฉากบนเวทีเซ็ตไว้พร้อมหมดแล้ว ขาดแต่นับดาวที่ยังไม่มาซ้อม เป็นไทชะเง้อมองหา
“เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมยังไม่มารันทรูอีก”
องอาจวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“คุณไท คุณไท...มาแล้วครับ”
“ยูกิน่ะเหรอ”
“ไคคุง พาลูกน้องมาเต็มเลย จะมาถล่มเราแน่ๆเลย”
“อย่าเพิ่งกลัว เราก็มีคนของเราเหมือนกัน”
เป็นไทชูมือขึ้นตบสองที พวกเด็กพร็อพ เด็กไฟ หุ่นผอมบางตัวเล็กก็มายืนเรียงแถวกัน 5-6 คน บางคนใส่เสื้อกล้าม บางคนถอดเสื้อ กางเกงสามส่วน องอาจเห็นสภาพแล้วท้อ
“นี่รวมทีมยุวชนทหารเปิดเทอมไปรบเหรอเนี่ย ดูสภาพแต่ละคน”
ไคคุงเดินเข้ามาหน้าเวที พร้อมกับพวก 5-6 คน ใส่สูทพร้อมแว่นดำ ตัวใหญ่ ล่ำ สูง เท่ ทุกคน บอดี้การ์ดทั้ง 5-6 คนมาประชันหน้ากัน องอาจหันไปมอง
“จะเอาอะไรไปสู้กับเค้า จะต่อยหน้าเขาต้องเอาไม้มาสอยซะละมั้ง”
ไคคุงเดินมาประชันหน้าเป็นไท
“ยูกิอยู่ไหน”
“ไม่ได้อยู่ที่นี่”
“เรามาคุยกันอย่างลูกผู้ชายดีกว่าน่า”
องอาจที่ยืนฟังอยู่ด้วย พึมพำออกมา
“ตั้งใจมาคุย ต้องพาพวกมาเยอะขนาดนี้เลยเหรอ แล้วดูหน้าพวกมันแต่ละคน” องอาจมองไปที่บอดี้การ์ดไคคุงแต่ละคน “ถ้าพูดเก่งน่าจะเป็นมิตรกว่านี้”
ไคคุงและบอดี้การ์ดของเขาทั้งหมด หันควับมามอง องอาจหนาวๆร้อนๆ ยกวอขึ้นมากด
“เออ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
องอาจเฉไฉรีบชิ่งออกไป

ซีซีจับยูกิมัดกับเก้าอี้เธอเดินถอยออกมา ยามาดะที่มองอยู่ไม่เข้าใจการกระทำซีซี
“จะมัดทำไม จากตรงนี้หนีไปไหนได้ที่ไหน”
“ฉันจะสัมภาษณ์มัน ฉันไม่อยากให้มันเดินหนีไปไหนหรือไม่ตอบคำถาม”
“คุยกันดีๆก็ได้มั้ง”
“แล้วนี่ฉันคุยไม่ดี หรือพูดหยาบคายตรงไหนล่ะ” ซีซีหันไปมองยูกิ “เธอคือยูกิตัวจริงรึเปล่า”
ยูกิงง
“เธอเป็นอะไรของเธอ ทำไมต้องถามคำถามงี่เง่าแบบนี้ด้วย”
“ก็อยู่ๆยูกิก็โผล่มาสองคนจะไม่ให้ฉันถามได้ยังไง”
“คุณเพ้อไปเองรึเปล่า”
“ฉันไม่ได้บ้า” ซีซีหันไปหายูกิ “ตอบมา ตัวจริงรึเปล่า”
ยูกิไม่ค่อยพอใจ
“ถามแบบนี้จะได้อะไร ทำไมไม่เอาหลักฐานมายันกันล่ะ”
“ผมตอบได้...ว่านี่คือตัวจริง” ยามาดะยืนยัน
ซีซีมองหน้า
“แกชัวร์ได้ไง แกเคยเจอตัวปลอมแล้วเหรอ มันอาจจะจริงกว่ายายนี่ก็ได้”
“ผมรู้จักยูกิตั้งแต่เด็ก คอยแอบดูเธอ สังเกตเกี่ยวกับเธอมาตลอด ผมจะไม่รู้ได้ยังไงว่าใครตัวจริงใครตัวปลอม”
ยูกิหันไปมองยามาดะ อมยิ้ม ซีซีพอใจ
“ดี...ถ้าแกชัวร์ก็ดี พรุ่งนี้ฉันจะได้ไปแฉกับนักข่าวให้มันรู้กันไป ว่าทางค่ายเทปเอาตัวปลอมมาแทนยูกิเพื่อปิดข่าว”
ยูกิไม่เห็นด้วยกับการกระทำของซีซี
“ขนาดตัวปลอมของฉัน เธอยังต้องทำลายเค้าเหรอ เค้าไม่ได้เกี่ยวด้วยเลยนะ”
“อะไรที่เกี่ยวกับแก ก็ขวางทางฉันทั้งนั้นแหละ...ฉันไม่เหลือที่ไว้ให้แกเดินหรอก”
ยูกิระอากับซีซี ยามาดะก็เช่นกัน

ไคคุงจ้องหน้า เป็นไทยังกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ยูกิอยู่ไหน”
“ก็คุณเป็นคนตีเธอสลบไปไม่ใช่เหรอ แล้วเธอควรจะมาอยู่ที่นี่มั้ยล่ะ”
“ผมให้คนเช็คทุกโรงพยาบาลแล้ว ไม่มี โรงพยาบาลไหนมีชื่อเธอพักอยู่”
“งั้นผมก็ไม่รู้”
“คุณอย่ามาปากดี ยูกิเป็นของผม ใครจะพาไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
“ผมว่าคุณไม่ได้รักยูกิจริงๆหรอก เพราะถ้าคุณรักเธอจริง คุณน่าจะรู้ว่ายูกิคนนี้ไม่ใช่ของคุณ”
“พูดอะไร ไม่เห็นเข้าใจเลย”
นับดาวเดินเข้ามาในห้องโถงพอดี
“ไม่ว่าคุณจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ ผมจะบอกคุณว่ายูกิคนนี้เป็นของผมไม่ใช่ของคุณ”
นับดาวอึ้งที่ได้ยินสิ่งที่เป็นไทพูด ส่วนบอดี้การ์ดของไคคุง รีบบุกเข้าไปจะไปทำร้ายเป็นไท แต่บอดี้การ์ดเป็นไทมายืนกันไว้ บอดี้การ์ดไคคุงชนบอดี้การ์ดเป็นไทกระเด็นล้ม จะลุยต่อ นับดาวตะโกนห้ามสำเนียงญี่ปุ่น
“หยุดนะ”
นับดาวเดินมากลางวง
“นี่ฉันเจ็บคนเดียวยังไม่พออีกใช่มั้ย”
ทั้งวงเงียบกริบ ไม่มีใครกล้าทำอะไร ไคคุง ดีใจ
“ยูกิ คุณไม่เป็นอะไรมากใช่มั้ย คุณกลับญี่ปุ่นกับผมเถอะ ไม่ต้องจัดมันแล้วคอนเสิร์ตอะไรเนี่ย”
“ฉันว่าคุณกลับไปก่อนดีกว่า”
ไคคุงอื้ง
“ยูกิ...คุณไล่ผม”
“ฉันว่าคุยกันตอนนี้ก็ไม่รู้เรื่องหรอก คุณกลับไปก่อนเถอะ”
ไคคุงอายที่โดนปฏิเสธจากยูกิ เขารีบพาพวกออกไป นับดาวถอนหายใจโล่งอก องอาจวิ่งเข้ามาทำท่าเก๋าทันที
“โธ่เอ๊ย ไม่เจ๋งนี่หว่า แน่จริงเข้ามาดิ จะสอยให้ร่วงเลย”
เป็นไทหมั่นไส้
“ตามไปดิ ยังทัน”
องอาจจ๋อย
“ไม่อยากมีเรื่อง ม่าม๊าห้ามไว้”
เป็นไทมองหน้า
“ทำไม กลัวลูกแพ้เหรอ”
องอาจทำฮึดฮัด
“เฮ้ย...คุณไท พูดอย่างนี้...”
นับดาวมองยิ้มๆให้องอาจ แต่หลบตาเป็นไท เธอเดินเข้าไปหลังเวที เป็นไทได้แต่มองตาม

ซีซีเดินออกมาข้างนอก ยูกิเดินตามออกมาถามด้วยความไม่เข้าใจ
“ถ้าเธอทำอย่างนั้นเธอก็ไม่เหลืออะไรเหมือนกัน”
“พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความว่าถ้าเธอแฉเค้า ทุกคนก็ต้องรู้ว่าฉันหายตัวไป แล้วมันก็คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะตามหาตัวฉัน”
“แล้วคิดว่าฉันจะปล่อยให้เธอลอยนวลอย่างนั้นเหรอ”
“ถ้าเธอคิดจะทำอะไรฉันจริง ๆ เธอคงไม่ปล่อยฉันจนทุกวันนี้หรอกจริงมั้ย”
“อย่าท้านะ”
“ฉันไม่ได้ท้า ฉันแค่อยากเตือนสติเธอให้คิดให้ดี อย่าทำอะไรเอาแต่สะใจ แล้วไม่คิดถึงผลที่ตามมา ตอนนี้เธอยังมีโอกาสกลับตัวนะซีซี”
“เทศน์เป็นแม่ชีเชียวคิดว่าจะทำให้ตัวเองดูฉลาดขึ้นเหรอ”
“คนโง่มักจะคิดว่าตัวเองฉลาดกว่าคนอื่นเสมอ”
“แล้วถ้าฉันจะบอกว่า พรุ่งนี้หลังจากที่ฉันแฉเรื่องนังยูกิตัวปลอม ฉันจะปล่อยข่าวว่าตัวเองเป็นฮีโร่ช่วยเหลือซุปเปอร์สตาร์พลัดถิ่นอย่างเธอล่ะ คราวนี้ฉันจะได้กลับมาดังอีกครั้งแน่ๆ อย่างนี้ฉลาดพอมั้ย”
“แล้วไม่กลัวว่าฉันจะแฉเธอเหรอ”
“เธอคงไม่ฉลาดขนาดนั้นหรอก”
“ตำรวจคงตามสืบเรื่องนี้ไม่ยาก”
“ถ้าเธออยากให้กิ๊กเก่าเธอถูกจับก็เอาสิ”
“มันเป็นเรื่องระหว่างเราสองคนยามาดะไม่เกี่ยว”
“งั้นก็หุบปากซะแล้วฉันคงไม่ต้องสอนอีกนะว่าต้องทำยังไง”
ยูกิอึ้งไป
“คราวนี้เห็นหรือยังเธอกับฉันมันคนละฉัน ยังไงเธอก็ไม่มีวันตามฉันทันหรอก แล้วนี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมวันนี้เธอถึงมาอยู่ที่นี่”
ซีซียิ้มเหยียดด้วยความเหนือกว่า ก่อนจะเดินเชิดหน้าออกไป ยูกิอ่อนใจยามาดะเดินเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
“คุยอะไรกัน”
“เปล่า ถ้าเป็นสุภาษิตไทยคงพูดว่าสีซอให้ควายฟังมั้ง” ยูกิบอกเซ็งๆ

นับดาวถือชุดกำลังจะเข้าห้องแต่งตัว เป็นไทผลักประตูห้องแต่งตัวเข้ามาพร้อมกับดันนับดาวเข้าไปข้างในด้วย เขาปิดล็อคประตูเธอตกใจ เขาเอามือปิดปากเธอไว้ พร้อมเอานิ้วชี้แตะปากเป็นสัญลักษณ์ให้เงียบๆ ก่อนจะพูดกับเธอเบาๆ
“ผมดีใจที่คุณมา”
“ก็ไม่เห็นต้องทำแบบนี้นี่”
“ถ้าไม่ทำแบบนี้ เราคุยกันคนอื่นก็รู้เรื่องหมดสิ พวกช่างแต่งหน้าน่ะ ขี้เม้าธ์จะตาย”
“ถ้าจะเข้ามาพูดแค่นี้ก็ออกไปได้แล้ว”
“ตั้งใจซ้อมนะ”
“คุณไม่พูดฉันก็รู้หน้าที่อยู่แล้ว”
“นี่คุณโกรธอะไรผมเนี่ย คุณหลอกผม แล้วผมเดินไปตามเกมของคุณ ผมผิดตรงไหน ผมสิควรจะโกรธ”
นับดาวนึกถึงที่เป็นไทพูดกับไคคุงว่ายูกิคนนี้ของผมขึ้นมา เธอทำหน้าไม่ค่อยถูก
“ถ้าจะแค่เล่นเกม ก็ไม่จำเป็นต้องพูดจาแบบที่พูดกับไคคุงอีก มันไม่ได้ทำให้เกมสนุกขึ้นหรอก”
ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะ คอสตูมมาตามนับดาว เป็นไทกับนับดาวตกใจ
“ยูกิคุยกับใครอยู่เหรอคะ”
“เปล่าค่ะ แค่ซ้อมร้องเพลง”
“เหรอคะ แล้วเป็นไง ชุดใส่พอดีมั้ย”
“กำลังลองอยู่ค่ะ”
“เดี๋ยวพี่เข้าไปช่วยใส่มั้ย”
“ไม่เป็นไรค่ะ ใส่เสื้อผ้าเองมาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ”
“งั้นพี่รออยู่หน้าห้องนะคะ”
“รอทำไมค่ะ ไม่ต้องรอค่ะ”
“เดี๋ยวชุดมันต้องติดแอคเซสซารี่ด้วยน่ะค่ะคุณน้อง มันถึงจะฟูลออฟชั่น”
นับดาวจ้องหน้าเป็นไทอยากจะเอาเรื่องเขาใจจะขาด
“ได้เรื่องเลยเห็นมั้ย”
เป็นไทได้แต่ยิ้มแหยๆ

นับดาวจ้องหน้าเป็นไทเขม็ง โกรธที่เป็นไทหาเรื่องมาให้เธอ เพราะตอนนี้คอสตูมมายืนรอนับดาวอยู่หน้าห้องแต่งตัวแล้ว เธอไม่รู้จะทำยังไงกับเป็นไทดี เพราะถ้ามีใครเห็นว่าทั้งคู่มาอยู่ด้วยกันแบบนี้ ไม่ดีแน่ เป็นไทได้แต่ยิ้มแหยๆ
“เอาไงดีล่ะทีนี้”
“ก็ออกไปแบบนี้แหละ ไม่เห็นจะเป็นไรเลย”
“จะบ้าเหรอ ชื่อเสียงฉันเสียหายหมด”
“ชื่อเสียงยูกิ ไม่ใช่ของคุณซักหน่อย”
“แค่นี้ฉันยังไม่บาปพออีกรึไง จะต้องมีใครมาเสียหายเพราะฉันอีกใช่มั้ย”
เป็นไทมองนับดาวยิ้มๆที่เธอเป็นคนดี นับดาวหันไปเห็นกระสอบใสเสื้อผ้าที่กองอยู่กับพื้น เธอหันไปมองหน้าเป็นไทยิ้มเจ้าเล่ห์ เป็นไทเหมือนรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่
“ไม่นะ...”

คอสตูมยืนรอนับดาวอยู่หน้าห้องแต่งตัว หน้าเบื่อนิดหน่อยที่รอนาน ประตูห้องแต่งตัวเปิดออกมา นับดาวเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว ยิ้มให้
“ยูกิใส่ชุดนี้แล้วเพอร์เฟคมากๆ เติมแอคเซสซารี่อีกยิ่งเลิศค่ะ”
นับดาวได้แต่ยิ้มๆ ตาก็คอยมองกระสอบเสื้อผ้าอย่างระแวงๆ คอสตูมเอาสร้อย เข็มกลัด สารพัดแอคเซสเซอรี่มาใส่ให้นับดาว แล้วหางตาก็เหลือบไปเห็นกระสอบเสื้อผ้าในห้องแต่งตัวขยับ สงสัย
“นั่นถุงอะไรคะ”
“เอ่อ...คงเป็นถุงเสื้อผ้ามั้งคะ”
“ใครเอาไปวางไว้ในห้องแต่งตัวนี่ แย่ะจริง ห้องก็เล็กอยู่แล้วยังจะไปยัดไว้อีก”
คอสตูมเดินจะไปย้าย นับดาวห้ามไว้
“อย่าย้ายนะ”
“ทำไมละคะ เกะกะออก”
“ไม่เห็นจะเกะกะตรงไหนเลย เอาวางตรงนั้นแหละ”
“ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวคุณไทรู้ว่าฉันละเลยหน้าที่ละแย่เลย”
เป็นไทที่อยู่ในกระสอบสภาพแย่ เริ่มกังวลใจที่คอสตูมจะเดินมา คอสตูมจะเข้าไปเก็บ นับดาวคว้าแขนไว้ คอสตูมหันมามองหน้านับดาว สงสัยว่าทำไมต้องห้าม
“อย่าเลยค่ะ แต่งตัวตัวฉันให้เสร็จก่อนดีกว่า ข้างหน้าเขาพร้อมแล้ว เดี๋ยวเค้าวอมาเร่ง เดี๋ยวจะโดนกันหมดนะคะ”
“ก็จริงเนอะ”
นับดาวยิ้มที่พูดจูงใจคอสตูมได้ แต่ไม่ทันไร คอสตูมก็ส่งเสียงเรียกเพื่อนมาช่วย
“ป้าจิ๋ม...มานี่หน่อยเร้ว”
นับดาวหน้าเสียที่มีคนมาเพิ่มอีก แล้วคอสตูมอีกคนก็เดินมา
“ว่าไงจ้ะ”
“ช่วยยกถุงนั่นไปเก็บให้เป็นที่เป็นทางหน่อยได้มั้ย อะไร เอามาวางไว้ในห้องแต่งตัวได้ยังไง”
“แหม ทีงานหนักๆนี่โยนฉันตลอดเลยนะ”
ป้าจิ๋มเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวพยายามจะยกถุงออกมา แต่ยกไม่ขึ้น ลากออกมาจากห้องแต่งตัวได้นิดหน่อย
เป็นไทอยู่ในกระสอบหน้าเหยเก เกร็งตัวให้นิ่งที่สุด ป้าจิ๋มลากถุงแทบไม่ไป
“นี่ใส่อะไรไว้เนี่ย หนักยังกะศพ”
ป้าจิ๋มจะเปิด นับดาวหันไปเห็น รีบผลักป้าจิ๋มออกแล้วก็นั่งทับบนกระสอบทันที กระสอบที่ถูกนับดาวนั่งทับ ยวบลงมาทับคอเป็นไท เป็นไทอยากจะแหกปากร้องแต่ได้แต่ทำท่าโดยไม่ออกเสียง คอ หลังงอ เพราะถูกทับ
“ไม่ต้องยกไปไหนหรอกค่ะ เมื่อยอยู่พอดีเลย” นับดาวรีบบอก
คอสตูมทั้งสองมองนับดาวอย่างงงๆ
“มาแต่งต่อสิคะ ฉันแค่อยากหาที่นั่งสบายๆพักขาหน่อย เดี๋ยวขึ้นเวทีนี่ต้องยืนอีกนาน”
“แล้วนั่นมันสบายเหรอคะ ฉันไปเอาเก้าอี้มาให้ดีกว่ามั้ย”
นับดาวนั่งยักแย่ยักยันอยู่บนกระสอบที่เอียงไปเอียงมา เป็นไทที่อยู่ภายในหน้าเบ้ ตัวสั่นแทบรับน้ำหนักไม่ไหว
“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากเปล่าๆ” นับดาวพูดกับกระสอบ “อยู่เฉยๆสิ”
คอสตูมมองพฤติกรรมแปลกๆของนับดาว
“ดูอะไรคะ มาทำต่อสิคะ จะได้เสร็จ”
“เสร็จแล้วค่ะ”
“เสร็จแล้วดูอะไรอยู่คะ ก็ไปสิ”
“แล้วยังจะนั่งอยู่อีกเหรอ”
“ฉันขอพักแป๊บนึง จะไปทำอะไรก็ไปเถอะ”
นับดาวทำหน้าว่านั่งสบายมาก แต่จริงๆท่าทางไม่น่าสบายเลย คอสตูมทั้งสองเดินออกไปอย่างงงๆ นับดาวมองดูจนเห็นว่าทั้งคู่ไปแน่นอนแล้ว เธอจึงรีบลุกขึ้น รูดซิบเปิดให้เป็นไทโผล่ออกมา แต่เป็นไทกลับนิ่ง ไม่โผล่ออกมา นับดาวชะโงกหน้าไปดูในกระสอบ เห็นเขานั่งตัวงอ คอพับ นับดาว แหวกปากกระสอบเปิด
“ไม่เป็นไรใช่มั้ย”
เป็นไทลุกขึ้นยืนแต่คอยังเอียง
“ท่ามันเหมือนคนไม่เป็นไรตรงไหนเนี่ย”
“อุ่ย...ท่าเก๋เชียวนะ”
“เก๋อะไรล่ะ คุณนั่งทับหัวผม”
“ปัญหาแค่นี้ เรื่องเล็ก”
นับดาวเดินไปที่เป็นไท จับคอล็อคแล้วง้างมาในแนวตรง เป็นไทร้องเสียงดัง”
“โอ๊ย...จะบ้าเหรอ”
“ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย”
เป็นไทคอแข็ง หันซ้ายขวาไม่ได้ จะทำอะไรต้องหมุนเอาทั้งตัว
“นี่...อยากให้ผมคอหักตายรึไง”
“แล้วเป็นอะไรมั้ยล่ะ”
นับดาวเดินออกไป ทิ้งเป็นไทยืนคอแข็งอยู่คนเดียว
“เฮ้ย ไปไหนล่ะ ทำผมเป็นแบบนี้แล้วไม่คิดจะรับผิดชอบเลยรึไง”
นับดาวประชด
“ฉันมีงานต้องทำ ถ้าฉันหลอกคนได้ไม่เนียน เดี๋ยวฉันจะตกงานเปล่าๆ”
“เอาไงดีละเรา”

เป็นไทหมุนตัวทั้งตัวแบบคอแข็งๆ เดินออกไป












Create Date : 19 มีนาคม 2555
Last Update : 19 มีนาคม 2555 11:12:07 น.
Counter : 329 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]