All Blog
ฉันรักเธอนะ ตอนที่ 3 (ต่อ)



เป็นไทลงจากรถที่เพิ่งจอด เขาถือสูทมาด้วย เป็นไทเดินเข้ามาในร้านเช่าชุดราตรี นับดาวไม่ได้สังเกต เธอเอ่ยปากทักทายเหมือนเครื่องตอบรับอัตโนมัติ

“เชิญค่ะ ชอบชุดไหนลองได้เลยนะคะ”
นับดาวหันไปเห็นเป็นไทพอดี เธอรีบหมอบลงด้านล่างเคาน์เตอร์พูดกับตัวเองเบาๆ
“ทำไมต้องมาตอนนี้ด้วย เอาไงดีเนี่ย”
เป็นไทเดินมาชะโงกหาเจ้าของร้าน
“คุณครับ มีใครอยู่มั้ย เอาชุดมาคืนครับ”
นับดาวค่อยๆคลานกระดึ๊บ กระดึบ เพื่อจะหนี บ่นงึงงำกับตัวเอง
“ไปซะทีเถ๊อะ ไม่มีคนอยู่หรอก”
นับดาวค่อยๆคลานหนีไป แล้วเป็นไทก็มาจ๊ะเอ๋ตรงหน้า
“คุณครับ”
นับดาวลุกเด้งขึ้นยืนทันที
“เล่นอะไรตกใจหมด”
เป็นไทแปลกใจ
“ยูกิจัง มาทำอะไรที่นี่”
“เออ...มา...มาเช่าชุดค่ะ”
“ผมก็มาคืนชุดเหมือนกัน”
นับดาวยิ้มแหยๆ
“แหะ แหะ”
“จะเช่าไปไหนเหรอครับ”
“นั่นสิ...จริงเดินผ่าน ก็เข้ามาดูเล่นๆ”
เป็นไทสงสัย
“เสียงคุณ”
นับดาวรนราน
“ทำไม เสียงฉันทำไม”
“คุณพูดไทยชัดมาก”
นับดาวพูดไม่ชัดสำเนียงอินเดียทันที
“อีนี่พูดทายชัดแค่เป็นบางคำนะ”
เป็นไทถอนใจ
“ออกแขกซะละ”
นับดาวนึกได้ พูดไม่ชัดสำเนียงจีนทันที
“พูกชักได้แค่บางคำ ปกติอั๊วพูกไม่ค่อยชักหรอก”
เป็นไทส่ายหน้า
“เยาวราชเชียว”
นับดาวพูดไม่ชัดสำเนียงญี่ปุ่น
“ขอโทษทีค่ะ หลงชาตินิดหน่อย”
“ผมว่าจะโทรหายูกิให้เข้าไปรับเช็คค่าตัวงวดแรกอยู่พอดี หรือจะให้ผมส่งให้กับทางต้นสังกัดครับ”
นับดาวลืมตัวพูดชัดทันที
“เช็คเหรอ” เธอนึกได้รีบทำพูดไม่ชัด “เท่าไหร่คะ”
“สิบเปอร์เซ็นต์แรก ก็หนึ่งล้านได้มั้งครับ”
นับดาวตาโต
“หนึ่งล้าน”
นับดาวกลืนน้ำลายอยากได้ใจจะขาด

นับดาวเข้ามาในห้องน้ำพูดกับตัวเองหน้ากระจก
“หนึ่งล้าน แถมมันแค่ 10 เปอร์เซนต์เอง ถ้าร้อยเปอร์เซ็นต์ก็...” เธอเอามือปิดปาก ตาแทบถลนออกมา “หายใจลึกๆนับดาว ใจเย็นๆ” นับดาวหายใจลึกๆ “เงินนั่นไม่ใช่ของเรา เป็นของยูกิต่างหาก...แล้วยายยูกิมันหายหัวไปไหน ไม่มาปรากฎตัวแล้วรับเงินไปซะล่ะ...ยายยูกิเขาคงเบื่อจะเป็นซุปเปอร์สตาร์ อยากกลับไปเป็นคนธรรมดาที่ไหนซักแห่งละมั้ง...คงไม่อยากเป็นดารา คงมีเงินมากพอแล้ว...แต่ยังไงมันก็ไม่ใช่ของเธออยู่ดี...ถ้าเขาจับได้ ตามมาทวงขึ้นมาล่ะ จะเอาเงินที่ไหนไปใช้คืน...แต่มันก็น่าเสี่ยงไม่ใช่เหรอ ถ้ายูกิไม่กลับมาล่ะ...คิดสิๆ นับดาว จะเอายังไงก็ตัดสินใจซักอย่าง”
นับดาวสับสนเดินวนไปวนมาหน้ากระจก

เป็นไทนั่งรอนับดาวอยู่ สักครู่เธอก็เดินยิ้มแห้งๆออกมา
“ว่าไงครับ จะไปออฟฟิศกับผมเลยมั้ย”
นับดาวพูดสำเนียงญี่ปุ่น
“ฉันขอเวลาซักอาทิตย์นึงแล้วกันค่ะ ถ้าเช็คไม่มีคนไปรับ ฉันไปรับเอง”
เป็นไทงง
“อะไรนะครับ”
“ฉันหมายความว่าจะลองคุยกับต้นสังกัดดูก่อนน่ะค่ะ”
“ได้ครับ ว่าแต่พอมีเวลาไปทานข้าวกับผมซักมื้อมั้ยครับ”
“ไม่ได้ค่ะ ฉันมีธุระต้องทำเยอะ”
“ว๊า น่าเสียดายจัง...ให้ผมไปทำธุระเป็นเพื่อนมั้ยครับ”
“คุณไปเตรียมงานคอนเสิร์ตเถอะไป ไม่ต้องมาดูแลฉันหรอก”
“ก็ได้ครับ แต่ผมอยากได้คิวยูกิจังซักหนึ่งวัน เพื่อไปแชร์ไอเดียวเกี่ยวกับรูปแบบคอนเสิร์ตด้วยน่ะครับ”
“ค่ะ วันไหนก็บอกก่อนละกันนะ ฉันกลัวไม่พร้อม”
นับดาวกลุ้มใจ ไม่รู้สิ่งที่ตัวเองกำลังทำมันถูกมั้ย

ค่ำนั้น นับดาวกากบาทวันในปฏิทินทิ้งไปหนึ่งวัน
“เธอหมดไปหนึ่งวันแล้วนะยูกิ...อยากทำอะไรก็รีบทำนะ อีก 6 วันไม่มา ฉันจะยึดเงินแล้วนะ”
นับดาวพูดกับยูกิในปกนิตยสารเอเชี่ยนฮิต

ผ่านไปอีกหนึ่งวัน เย็นนั้น นับดาว อ่านหนังสือพิมพ์ข่าวยูกิแสดงคอนเสิร์ต
“ยังไง ยัง สองวันแล้วนะ ไม่มาคืออดจริงๆนะ จะบอกให้”
นับดาวพูดกับยูกิในข่าวนิตยสาร

บ่ายวันต่อมา นับดาวพารจนาไปโรงพยาบาล รจนายังเสียงหายพูดไม่ได้ หมอตรวจอาการแล้วถามขึ้น
“ทำไมปล่อยให้อาการหนักขนาดนี้แล้วถึงพามาหาหมอละครับ”
นับดาวยิ้มเศร้าๆ
“หมอเกรงว่าคุณย่าคุณจะต้องนอนโรงพยาบาล เพื่อตรวจให้ละเอียดอีกทีนะครับ”
นับดาวตกใจ
“เหรอคะ”
นับดาวหันไปมองรจนาอย่างห่วงๆ รจนาป่วย โทรมมาก

นับดาวมาเช็คยอดค่าใช้จ่าย พนักงานพิมพ์ใบเสร็จออกมาให้ดูคร่าวๆ ยอดค่าใช้จ่าย 6,200 บาท นับดาวนับเงินตัวเองที่มีอยู่ 4,000 เธอถอนหายใจ ทีวีโรงพยาบาลเป็นรายการญี่ปุ่นที่ยูกิไปแสดงคอนเสิร์ตในห้องส่ง นับดาวหันไปมอง
“สามวันแล้ว ไอยูกิ...ถ้าเธอไม่อยากกลับมา ไม่ต้องฝืนใจมาก็ได้นะ ทางนี้ฉันจัดการเอง”

นับดาวนั่งฟังหมอบอกอาการของรจนา
“คนไข้เป็นโรคเส้นเสียงอักเสบ อาจจะเพราะการใช้เสียงที่มากเกินไป คนไข้เขาร้องเพลงหรือทำงานที่ใช้เสียงเยอะๆบ้างมั้ยครับ”
“เป็นนักร้องค่ะ”
“มีทางเดียวต้องผ่าตัดให้เร็วที่สุด ไม่งั้นอาจจะใช้เสียงไม่ได้อีก”
“ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
นับดาวกลุ้มใจกับอาการของย่า และเงินที่กำลังจะหมด

นับดาวยืนอยู่หน้าตู้เอทีเอ็ม สลิปที่กดมาบอกว่าเงินเหลือ 3 บาท เธอถอนหายใจมองเงาสะท้อนตัวเองในกระจก
“สี่วัน เกินครึ่งทางมาแล้วนะ เธอไม่ต้องกลับมาหรอกยูกิ”
นับดาวเดินมาข้างตียงย่า รจนาขยับปากบอก
“ไม่ได้ร้องเพลงมาหลายวันแล้ว อยากร้องเพลง”
นับดาวยิ้มเศร้าๆ
“อยากร้องเพลงเหรอย่า เดี๋ยวหายก็ได้ร้องแล้ว รออีกแป๊บนึง”
นับดาวมองย่าอย่างเวทนา

สายของวันใหม่...นับดาวมองนิตยสารเอเชี่ยนฮิตหน้าปกยูกิ ด้วยความรู้สึกผิด
“ฉันรู้ว่าฉันให้เวลาเธอ 7วัน แต่นี่ก็ปาไปห้าวันแล้ว เธอก็ยังไม่มา ถ้าเธอจะมาตอนนี้ก็ถือว่าติดเสาร์อาทิตย์ละกันนะ เธอได้โอกาสมาเยอะแล้ว ขอฉันบ้างก็แล้วกันนะยูกิ ฉันจำเป็นจริงๆ”
นับดาวถอนหายใจรวบรวมความกล้า ก่อนจะเดินออกจากบ้านไป

เป็นไทเปิดดู พรีเซนเตชั่นคอนเสิร์ตของไอยูกิที่ถูกทำเป็น powerpoint อย่างตั้งใจ องอาจเดินเข้ามา
“ถ้ามีต้องแกจุดไหนก็บอกได้เลยนะครับ”
“ผมอยากจะดูไปพร้อมๆกับยูกิมากกว่า นี่คุณโทรนัดยูกิเข้ามารึยัง”
“เธอบอกว่าไม่ว่างตลอดเลยครับ ผมว่ามันแปลกๆนะครับ”
“แปลกๆยังไง คนไม่ว่าง ไม่เห็นจะแปลกเลย”
“ก็เขามาเมืองไทยเพื่อจัดคอนเสิร์ต นั่นคืองานหลัก แล้วที่มาก่อนก็เพราะต้องการพักผ่อน แล้วมันจะมีคำว่าไม่ว่างได้ยังไงครับ”
“ก็จริงของคุณ แต่เขาอาจกำลังทำอะไรที่สำคัญอยู่ก็ได้ อย่างเช่นแต่งเพลงพิเศษหรืออะไรพวกนั้น”
“ก็ขอให้เป็นอย่างนั้นก็แล้วกัน”
องอาจบอกอยางไม่คลายสงสัย

นับดาวเดินเข้ามาในออฟฟิศเป็นไท พนักงานต้อนรับยิ้มแย้มทักทาย
“สวัสดีค่ะคุณไอ ยูกิ เดี๋ยวดิฉันโทรแจ้งคุณเป็นไทให้นะคะ”
“ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้อง...คือฉันมารับเช็คค่าตัวน่ะค่ะ ไม่รู้มีใครไปรับรึยัง”
“สักครู่นะคะ”
พนักงาน หยิบซองเช็คที่เรียงกันหลายปึกมาเช็ค เมื่อเจอชื่อยูกิเธอก็ยื่นให้
“นี่ค่ะคุณไอยูกิ เป็นเช็คเงินสด ไม่ได้ขีดคร่อม ใครขึ้นเงินก็ได้ ระวังหายนะคะ”
นับดาวรีบรับมาเก็บใส่กระเป๋า
“ขอบคุณมาก ไปล่ะ”
นับดาวจะรีบเดินไป ท่าทางมีพิรุธ พนักงานต้อนรับเรียกไว้
“คุณไอยูกิช่วยเซ็นรับเช็คหน่อยค่ะ” พนักงานหยิบเอกสารมาให้เซ็น “เซ็นตรงนี้ค่ะ”
นับดาวท่าทางพิรุธมองซ้ายมองขวา เอาเอกสารมาเซ็น
“คุณไอยูกิพูดไทชัดจังเลยนะคะ”
นับดาวยิ้มเก้ๆกังๆ เพิ่งนึกได้ว่าเธอลืมแอ๊บเสียงญี่ปุ่น
“ไปละ”
พนักงานเอาเอกสารคืนมา เห็นว่าชื่อที่เซ็นรับเช็คเป็นชื่อนับดาว...นับดาวกำลังเร่งรีบจะออกไป พนักงานเรียกไว้เริ่มสงสัยท่าทางแปลกๆของเธอ
“เดี๋ยวก่อนค่ะคุณ มีเอกสารต้องเซ็นอีกหน่อย รอแป๊บนึงนะคะ”
พนักงานหยิบโทรศัพท์โทรภายในไปห้องเป็นไท นับดาวรออย่างร้อนรน

เป็นไทกำลังคุยงานกับองอาจ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นไทยกหูรับแล้วก็ต้องตกใจ
“ว่าไง...ห๊ะ เดี๋ยวออกไปเดี๋ยวนี้แหละ”
เป็นไทวางสาย องอาจถามอย่างสงสัย
“มีเรื่องอะไรครับคุณไท”
“มีคนบอกว่าตัวเองเป็นไอยูกิมารับเช็ค ท่าทางแปลกๆ แถมเซ็นชื่อผิดด้วย”
“บ๊ะ”

เป็นไทรีบออกจากห้องไป โดยมีองอาจตามไปติดๆ

ฉันรักเธอนะ ตอนที่ 7

พนักงานต้อนรับให้ยาม 2 คนมาล้อมนับดาวไว้ นับดาวเริ่มตกใจ คิดว่าคงถูกจับได้แน่
“นี่ฉันไอ ยูกินะ จะจับฉันทำไม”
“ค่ะๆ ใจเย็นๆนะคะคุณยูกิ ฉันแค่รักษาผลประโยชน์ให้บริษัท อย่าเพิ่งไปไหน นะคะ” พนักงานบอก
“แล้วทำไมต้องเอายามมาด้วย จะจับฉันส่งตำรวจใช่มั้ย ไม่ได้นะ ทำแบบนั้นไม่ได้ ฉันมีเรื่องจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ”
เป็นไทกับองอาจพรวดเข้ามาในห้อง ตกใจที่สถานการณ์ดูจะลุกลามใหญ่โต
“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย” เป็นไทถามเสียงเข้ม
“นี่ค่ะคุณไท”
พนักงานต้อนรับหยิบเอกสารที่นับดาวเซ็นรับเช็คยื่นให้เป็นไทดู เป็นไทถึงกับช็อค หันมองหน้านับดาว องอาจเอามาดูบ้างก็ตาค้างเหมือนกัน เขาจ้องหน้าเธออย่างสงสัย เป็นไทมองหน้าแล้วถามอย่างสงสัย
“คุณเป็นคนเซ็นว่านับดาวเหรอ”
นับดาวหน้าเสีย บ่นกับตัวเองเบาๆ
“ทำไมโง่แบบนี้นะเรา”
องอาจตาโต
“ถ้าอย่างงั้นก็หมายความว่า...”
นับดาวอึ้งพยายาจะแก้ตัว
“ฉันขอโทษ คือฉัน...”
เป็นไทแปลกใจ
“หมายความว่า...คุณเขียนภาษาไทยได้ด้วยเหรอ”
องอาจทึ่งๆ
“มายก็อด เก่งมาก นี่อ่านเป็นคำด้วยนะ”
นับดาวงงที่สถานการณ์พลิกเฉยเลย เธอรีบแอ๊บเสียงญี่ปุ่น
“ใช่ค่ะ พอดีเพิ่งหันเขียนมาน่ะค่ะ”
เป็นไทยิ้ม
“นี่คุณคงจะชอบประเทศไทยมากจริงๆสินะ”
องอาจ มองยามที่ยืนขวางประตูอยู่
“แล้วนี่มากันทำไมเนี่ย กลับไปทำงานสิ”
ยามทั้ง 2 คนพยักหน้ารับแล้วเดินออกไป องอาจหันไปดุพนักงานต้อนรับ
“แล้วนี่คุณอะไรเนี่ย เรื่องแค่นี้ทำตื่นตูมไปได้”
เป็นไทปรามๆ
“เอาน่าองอาจ เขาก็ทำหน้าที่ของเขา พยายามรักษาผลประโยชน์ให้บริษัท ยังไงก็ขอบคุณมาก”
“คิดได้ไงว่ามีคนปลอมตัวเป็นไอยูกิมารับเช็ค” องอาจยื่นหน้าไปใกล้นับดาว พินิจพิเคราะห์ “นี่มันยูกิชัดๆ จะเป็นคนอื่นไปได้ยังไง ตัวปลอมอะไรจะเหมือนขนาดนี้”
นับดาวได้แต่ยิ้มๆที่รอดตัวไปได้ เธอถอนหายใจโล่งอก

นับดาวเดินโล่งอกที่รอดมาได้
“ยายไอ ยูกินี่มันทำบุญด้วยอะไรมานะ ทำอะไรก็ถูกไปซะทุกอย่าง ลองเป็นนับดาวสิ ผิดตั้งแต่แรก”
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น เธอกดรับสาย
“ฮัลโหล...ค่ะ...ผ่าสิคะ...ค่ะฉันจะรีบเอาเงินเข้าไปให้เดี๋ยวนี้แหละค่ะ ถ้ามีเงินวางก็ผ่าได้เลยใช่มั้ยคะ...ค่ะ ถ้าไม่ได้วันนี้ ก็ต้องอีก 3 เดือนเลยเหรอ...ค่ะๆฉันกำลังจะรีบเข้าไปค่ะ” นับดาววางหูแล้วดูนาฬิกา “ช้าไม่ได้แล้ว กว่าจะไปธนาคารอีก”
ทันใดนั้นเสียงเป็นไทเรียกดังมา
“ยูกิ...ยูกิครับ”
นับดาวหยุดชะงักไม่แน่ใจนักว่าเรื่องอะไร
“เวลารีบก็ต้องมาขัดสิน่า” เธอหันไปหาเขาแอ๊บเสียงญี่ปุ่นทันที “ว่าไงคะ”
“ไหนๆคุณก็มาแล้ว ผมอยากจะรบกวนให้คุณ ไปดูพรีเซนเตชั่นคอนเสิร์ตหน่อยน่ะครับ ผมอยากจะได้ความเห็นจากยูกิด้วย”
“วันหลังไม่ได้เหรอคะ”
“ผมรบกวนเวลาคุณไม่นานหรอกครับ”
“ก็ได้ค่ะ”
นับดาวเซ็งมากบ่นงึมงำคนเดียว
‘แล้วนี่ถ้าฉันไปธนาคารไม่ทันบ่ายสามนะ ฮึ่ม’
เธอเดินตามเป็นเขาไปอย่างไม่เต็มใจนัก

นับดาวมานั่งดูที่คอมพิวเตอร์ที่ เป็นไทเปิดพรีเซนเตชั่นให้ดู เป็นภาพกราฟฟิกเวทีคอนเสิร์ตที่อลังการมาก ทั้งแสงสีเสียง แล้วก็เป็นภาพต่างๆที่ยูกิเคยร้องเพลงนั้น เพลงนี้เอามาแปะเป็นคิวเพลง นับดาวเห็นแล้วถึงกับตาค้าง
“เป็นไงครับ ยูกิเห็นว่ามีจุดไหนที่ต้องแก้รึเปล่า”
นับดาวยังค้างกับความยิ่งใหญ่ของคอนเสิร์ตอยู่
“ยูกิครับ”
“คะ”
“อยากแก้ตรงไหนครับ”
“แก้...มันควรจะแก้ด้วยเหรอคะ สมบูรณ์ขนาดนี้ต้องแก้ตรงไหน จริงๆมันมากเกินไปด้วยซ้ำ”
“แหม พูดแบบนี้ก็ชมกันเกินไป”
“ฉันไม่ได้ชมคุณ ฉันชมคอนเสิร์ตต่างหาก” นับดาวดูนาฬิกา “เรียบร้อยแล้วใช่มั้ยคะ”
“เออ แล้วผมมีเรื่องจะสอบถามอีกอย่างนึงครับ”
นับดาวบ่นในคอ
‘อะไรอีกล่ะ’
“เกี่ยวกับการถ่ายโปสเตอร์น่ะครับ”
นับดาวแปลกใจ
“โปสเตอร์”
“ก็โปสเตอร์คอนเสิร์ตไงครับ ยูกิอยากให้ออกมารูปแบบไหน อินดอร์หรือเอ้าท์ดอร์ดี”
“ข้างนอกสิ คนจะได้มุงกันเยอะๆ ฉันจะได้เป็นจุดสนใจ”
“จะดีเหรอครับ มันจะทำงานยากนะ”
“โอ๊ย ไม่ยากหรอก ไม่มีอะไรยากกว่างานที่ฉันเคยทำมาอีกแล้ว”
“เอายังงั้นก็ได้ครับ ดีเหมือนกัน จะได้ดูใกล้ชิดกับคนไทย ภาพจะได้ออกมาดู เฟรนด์ลี่ เป็นกันเอง”
“ขอเน้นนะคะ เอาที่ที่คนเยอะๆ ยิ่งเยอะยิ่งดี กลางตลาด กลางถนน อะไรก็ว่าไปเพราะจะทำให้ฉันสบายใจมาก”
นับดาวยิ้มมีความสุขแววตาฝันไปไกล

แพรวไพลินเดินดุ่มๆจะเดินเข้าห้องเป็นไท องอาจรีบมาขวางไว้
“เข้าไม่ได้ครับคุณแพรว”
“ทำไมจะเข้าไม่ได้”
“คุณไทคุยธุระสำคัญอยู่”
“กับใคร”
“เอ่อ...กับลูกค้าครับ”
“ลูกค้าไหน...ยายไอยูกิใช่มั้ย เผลอไม่ได้เลยนะ ยายนี่นี่มันร้ายนัก”
แพรวไพลินจะเข้าไป องอาจเข้าขวาง
“คุยเรื่องงานคอนเสิร์ตครับ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น”
“แล้วคุณรู้ได้ไง คุณไม่ได้อยู่ข้างในด้วยซะหน่อย หลบไป”
แพรวไพลินพยายามจะเข้า องอาจดึงเสื้อด้านหลังของเธอไว้แน่น แพรวไพลินโวยวาย
“นี่จะทำอะไร รู้มั้ยเสื้อนี่ตัวเท่าไหร่ มันของดิออร์เชียวนะ”
“ผมไม่รู้ว่าเสื้อราคาตัวเท่าไหร่ แต่ถ้าคุณแพรวดิ้น มันขาดแน่”
แพรวไพลินมองมือที่องอาจกำเสื้อแสนแพงของเธอไว้แน่น เธอพยายามเอื้อมมือจะปลดมือของเขาที่ด้านหลัง แต่ก็ไม่ถึง เธอจึงไม่กล้าขยับมาก เพราะเสื้อก็ผ้าบางเหลือเกิน

นับดาวยังคุยกับเป็นไทอยู่ในห้อง เธอเหลือบมองนาฬิกาบนโต๊ะมันบ่ายโมงแล้ว
“แล้วนี่เสร็จแล้วยูกิจังมีธุระที่ไหนต่อรึเปล่าครับเนี่ย พักนี้เราไม่ค่อยได้ไปไหน ด้วยกันเลย”
“มีค่ะ สำคัญด้วย”
“งั้นให้ผมพาไปนะครับ”
“อย่าดีกว่าค่ะ ไม่สะดวก”
เป็นไทผิดหวัง
“เสียดายจัง”
“ฉันดูแลตัวเองได้ค่ะ”
เป็นไทพยายามตื้อ
“แต่ยูกิเคยสัญญากับผมไว้ ว่าจะอนุญาตให้ผมรู้จักตัวตนจริงๆของคุณ”
นับดาวถอนหายใจปฏิเสธไม่ออก
“วันหลังละกันนะคะ”
“อย่าเบี้ยวล่ะ”
นับดาวทำหน้าเซ็งมาก เป็นไทเดินนำออกไป เธอบ่นพึมพำคนเดียว
‘ไอ ยูกิ เธอนี่เที่ยวไปสัญญาอะไรกับใครพร่ำเพรื่อนะเนี่ย ลำบากฉันมั้ยเนี่ย ห๊า’
นับดาวเดินตามเป็นไทออกไป

เป็นไทกับนับดาวเดินออกมาจากห้องเห็นแพรวไพลินยืนตัวแข็งอยู่ โดยมีองอาจรั้งเสื้อไว้ เป็นไทมองอย่างสงสัย
“เล่นอะไรกันอยู่น่ะ”
องอาจยิ้ม
“แปะแข็ง”
แพรวไพลินไม่พอใจ
“แปะแข็งอะไรเล่า ปล่อย”
องอาจปล่อยเสื้อ แพรวไพลินวิ่งถลาไปหาเป็นไทแทรกกลางระหว่างเป็นไทกับนับดาว
“พี่ไท ไปกินข้าวกันนะ”
“ไม่ได้หรอก พี่ติดงาน”
“งานที่ว่าคือไอ ยูกินี่รึเปล่าคะ”
“พี่ขอไม่ตอบนะคำถามไร้สาระนะ”
เป็นไทเดินหน้านิ่งกลับเข้าไปในห้อง แพรวไพลินเดินตามเข้าไปติดๆ นับดาวบ่นคนเดียว
‘เอาละ เรื่องใหญ่ละทีนี้’
นับดาวดูนาฬิกา รีบเดินออกไป แต่องอาจก็เรียกไว้
“เดี๋ยวครับคุณยูกิ”
นับดาวถอนหายใจ
“อะไรอีกคะ”
“คือเรื่องโรงแรมห้าดาวที่ทางเราจองไว้ตั้งแต่แรก ผมเห็นว่ายูกิจังไม่ไปพักแล้ว”
“แล้วยังไงคะ”
“ผมเลยจัดการเช็คเอ้าท์เรียบร้อยแล้ว”
“ค่ะก็ดีค่ะ”
“แล้วผมก็เก็บของยูกิจังมาไว้หมดแล้วน่ะครับ”
“ค่ะ แล้วไงคะ”
“เชิญคุณยูกิไปเอาของที่ห้องผมเลยดีมั้ยครับ เผื่อมีของจำเป็นต้องใช้”
นับดาวชะงัก
“คือ...”
“คงไม่ลำบากไปใช่มั้ยครับ”
“ก็ได้ค่ะ แต่ฉันแค่เอาของเสร็จ ฉันจะได้ไปเลยใช่มั้ยคะ”
“ครับ”
นับดาวเดินไปเอาของห้ององอาจอย่างไม่เต็มใจนัก

ในห้องทำงาน เป็นไทยกหูโทรศัพท์คุยงาน
“เดี๋ยวคุณหาโลเคชั่นกลางใจเมือง คนเยอะๆ เอาแบบที่เป็นไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายด้วยนะ...โอเค ตามนั้น ขอบคุณครับ”
เป็นไทวางสาย แพรวไพลินยืนกอดอกมองอยู่
“พี่ไท”
เป็นไทเบื่อๆ
“แพรว...ถ้าแพรวอยากอยู่ในห้องนี้ แพรวต้องอยู่เฉยๆ”
“แต่พี่ไท”
เป็นไทง่วนอยู่กับเอกสารบนโต๊ะ
“พี่ไทจะมาสั่งแพรวแบบนี้ไม่ได้นะคะ แพรวเป็นแฟนพี่ไท ต้องให้เกียรติแพรว บ้าง”
“แพรวคงลืมไปว่าเราเป็นแฟนกันด้วยเงื่อนไขอะไร”
ในอดีตนั้น...เป็นไทต้องการเงินมาประมูลจัดคอนเสิร์ตนักร้องญี่ปุ่นชื่อ ไอ ยูกิ แต่บริษัทเขาเป็นบริษัทเล็กๆจึงไม่มีหลักทรัพย์เพียงพอที่จะไปประมูลเขาจึง ปรึกษากับแพรวไพลิน เพื่อขอร้องให้เธอสนับสนุนเงินในการประมูลครั้งนี้ ค่ำนั้น เป็นไทนัดดินเนอร์กับที่ร้านอาหารหรู
แพรวไพลินนั่งมองเป็นไทด้วยแววตาหยาดเยิ้ม
“คุณไทมีธุระอะไรจะคุยกับแพรวเหรอคะ”
“เรื่องงานน่ะครับ ผมมีเรื่องที่จะต้องให้คุณแพรวช่วย”
“เรื่องอะไรละคะ ถ้าแพรวช่วยได้ก็อยากจะช่วยเต็มที่”
“คือเดือนหน้า จะมีการประมูลคอนเสิร์ตนักร้องชื่อดังจากญี่ปุ่น ผมคิดว่าโอกาสนี้เป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้บริษัทผมได้เป็นที่รู้จัก แต่ด้วยความที่บริษัทเราเพิ่งตั้งมาไม่นาน เราไม่มีหลักทรัพย์เพียงพอที่จะไปประมูลน่ะครับ”
“แล้วคุณไทอยากให้แพรวช่วยยังไงละคะ”
“ผมอยากจะขอกู้เงินคุณแพรวมาใช้ในการประมูลครั้งนี้น่ะครับ”
แพรวไพลินหัวเราะ
“คุณไทนี่ก็กล้าดีนะคะ”
“ผมเชื่อว่าถ้าผมชนะการประมูล และได้จัดคอนเสิร์ต ผมจะสามารถเอาเงินมาใช้คืนคุณแพรวพร้อมดอกได้ในไม่นาน”
“ที่คุณไม่กู้ในระบบเพราะกลัวตัวเลขจะรั่วไหลสินะคะ นั่นแปลว่าคุณไว้ใจฉันทั้งที่เราก็เคยคุยกันจริงๆไม่กี่ครั้ง”
“คุณแพรวเห็นว่ายังไงครับ”
“ฉันชอบคนอย่างคุณค่ะ...ดังนั้นฉันจะให้คุณกู้ แต่ฉันก็มีเงื่อนไขของฉัน”
“ถ้าเป็นเรื่องดอกเบี้ย บอกตัวเลขที่คุณพอใจมาได้เลยครับ”
“เรื่องตัวเลขพวกนั้น ฉันไม่สนใจหรอกค่ะ ฉันสนใจตัวคุณมากกว่า”
แพรวไพลินส่งสายตาหวานเยิ้มให้เขา เป็นไทงงๆ
“หมายความว่าไงครับ”
“เราลองมาคบกันหน่อยเป็นไงคะ”
เป็นไทตะลึง
“คบกัน...หมายถึงเป็นคนรักอะไรแบบนั้นน่ะเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ”
“แต่ผมไม่เคยคิดเรื่องพวกนั้น”
“ก็ถ้าคุณอยากได้เงินไปประมูล ก็คิดซะตอนนี้เลยสิคะ เราก็แค่ลองคบกัน ไปด้วยดีก็ถือว่าดีไป แต่ถ้าไม่ได้ พอคุณคืนเงินฉันเมื่อไหร่ เราก็จบกันไปเท่านั้น”
เป็นไทคิดหนัก แพรวไพลินรุกหนักขึ้น
“การจะไปกู้เงินใคร มันก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะหาคนไว้ใจให้กู้เงินตัวเลขสูงขนาดนั้น คิดให้ดีก่อนตัดสินใจละกันค่ะ”
แพรวไพลินมองเป็นไทด้วยสายตาเป็นต่อ แต่ในเวลานี้ สถานการณ์ของเธอไม่ได้เป็นต่อสักนิด
แพรวไพลินมองหน้าเป็นไท
“แพรวรู้ แพรวไม่ลืมหรอก แต่พี่ไทก็อย่าลืมก็แล้วกันว่าถ้าพี่ไทคิดจะเลิกกับแพรวเมื่อไหร่ เงินก็ต้องมากองตรงหน้าแพรวเหมือนกัน”

แพรวไพลินโกรธเดินออกไปจากห้อง
องอาจยิ้มออกมาด้วยความสบายใจ มองนับดาวที่ถือกระเป๋าเข็นใบใหญ่ พร้อมกับสัมภาระจุกจิกอีกมากมาย

“แค่นี้ ยูกิจังก็กลับไปได้ตามสบายเลยครับ”
“มันดูสบายตรงไหนคะเนี่ย”
“ผมก็อยากจะช่วยถือ แต่ผมติดงานจริงๆ”
“หึ หึ ขอบคุณค่ะ ไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวนะคะ”
“เดินทางปลอดภัยนะครับ”
“จะไม่ปลอดภัยเพราะของพวกนี้เนี่ยแหละ”
นับดาวเซ็งๆ ดูนาฬิกา แล้วก็รีบขนของพะรุงพะรังออกไปจากบริษัท เธอบ่นอุบ
“ของเธอจะเยอะไปไหนเนี่ยยูกิ กะย้ายมาตั้งรกรากเลยรึไง โอ๊ย...ยิ่งรีบก็ยิ่งช้า นี่กลัวฉันจะวิ่งเร็วมั้งเนี่ย เอาของมาพ่วงอีก โอ๊ย...”
นับดาวถือของพะรุงพะรังไปโบกแท็กซี่ แพรวไพลินนั่งอยู่ในรถอารมณ์ไม่ดี กำลังจะขับออกไปเห็นนับดาวขนของพะรุงพะรังขึ้นแท็กซี่ เธอก็มองแค้นๆ
"ยายตัวปัญหา ตั้งแต่มีแกเข้ามาเนี่ย พี่ไทยิ่งห่างเหินกับฉันออกไปทุกที”
แพรวไพลินขับตามแท็กซี่ของนับดาวไป

นับดาวลงจากแท็กซี่ ถือเช็คไว้ในมือมองธนาคาร
“เกือบไม่ทันแล้วมั้ยล่ะ คงไม่มีเรื่องอะไรมาขวางอีกนะ”
นับดาวรีบเดินเข้าไปในธนาคาร ทันใดนั้นเสียงแพรวไพลินก็ปรี๊ดเข้ามาขัดทันที
“เดี๋ยว”
“นั่นไง...กลัวจะมีความสุขมั้งเนี่ย”
นับดาวหันไป แพรวไพลินจ้องหน้าเอาเรื่อง
“ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเธอ”
“เอาไว้คุยวันหลังละกันนะคะ วันนี้ฉันมีธุระต้องทำอีกมาก”
“ฉันจะคุยเดี๋ยวนี้”
“งั้นก็คุยไปคนเดียวแล้วกันค่ะ ฉันไม่ว่าง”
นับดาวหันหลังจะเดินเข้าธนาคาร แพรวไพลินกระชากไหล่
“นี่เธอจะมาหันหลังให้ฉันแบบนี้ไม่ได้นะ”
“ก็ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ว่าง จะมาวางอำนาจอะไรแถวนี้เนี่ย”
“ทำไมฉันจะทำไมได้ รู้มั้ยที่เธอได้มาเมืองไทยเพราะใคร”
“เพราะฉันดัง”
“อย่าหลงตัวเองหน่อยเลย เพราะเงินของฉันต่างหาก รู้ไว้ซะด้วยที่เธอได้มาเสนอหน้าอยู่ตรงนี้เพราะฉัน ดังนั้นเธอไม่มีสิทธิ์จะในตัวพี่ไท”
“นี่ธุระคุณแค่จะมาอวดรวย มาแสดงความเป็นเจ้าของแค่นี้น่ะเหรอ ฉันฟังไม่ถึงนาทียังรู้สึกว่าเสียเวลาเลย”
นับดาวเดินไปไม่สนใจ แพรวไพลินโกรธ
“นี่...ไอยูกิ ถ้าเธอคิดจะร้ายกับฉัน ฉันก็จะร้ายกับเธอเหมือนกัน”
แพรวไพลินจ้องนับดาวด้วยความโกรธ แล้วตามไปผลัก ข้าวของนับดาวร่วงกระจัดกระจายเต็มไปหมด
“นี่แค่เตือนนะ อยู่ให้ห่างจากพี่ไทของฉัน”
แพรวไพลินเดินเชิดไป นับดาวอ่อนใจข้าวของกระจัดกระจายอยู่บนพื้น พนักงานธนาคารจากภายในเดินมาบอกยาม
“เดี๋ยวปิดประตูได้เลยนะ”
นับดาวตกใจอ้อนวอนยาม
“อย่าเพิ่งปิดนะคะ ฉันจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ”
“ผมทำตามหน้าที่ครับ”
“ให้ฉันเอาเช็คเข้า แป๊บเดียวเอง นะนะ”
“ผมทำตามหน้าที่ครับ”
นับดาวไม่ฟัง เดินไปเปิดประตูธนาคาร เอาของที่ร่วงกราวอยู่บนพื้นโยนเข้าด้านในพรวดๆ ทั้งยามและพนักงานตกใจ
“คุณปิดไม่ได้นะ ของฉันอยู่ในนั้น”
นับดาวรีบวิ่งเข้าไปในธนาคาร เตะของตัวเองที่เกลื่อนกลาดเอาเช็คไปขึ้นเงินทันที

รจนาถูกบุรุษพยาบาลเข็นเตียงเข้าห้องผ่าตัด นับดาวจับมือย่าไว้เป็นกำลังใจ จนถึงประตูหน้าห้องผ่านตัด พยาบาลกันไม่ให้นับดาวเข้าไป เธอยืนพนมมือมองย่าอย่างเป็นห่วง
“ไอ ยูกิ ฉันขอบคุณเธอนะ ผลบุญนี้ขอให้เธอได้รับแต่สิ่งดีๆ ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ เธอไม่ต้องห่วงเงินของเธอนะ ฉันใช้เท่าที่จำเป็น เหลือเท่าไหร่ฉันคืนให้เธอหมดเลย แต่ขอให้ย่าฉันหายนะ กลับมาร้องเพลงได้เหมือนเดิมแล้วฉันก็จะทำหน้าที่เป็นเธอให้สมบทบาทที่สุด”
นับดาวมองเข้าไปภายในห้องผ่าตัดอย่างห่วงใย

เย็นนั้น ยามาดะเปิดประเข้ามาในห้องเห็นยูกิไม่ยอมกินข้าวอีกแล้ว
“บอกให้กินข้าวไง”
ยูกิไม่โต้ตอบอะไร ยามาดะเดินเข้าไปที่เตียง
“คิดจะนอนทั้งวันเลยรึไง ห๊ะ”
ยามาดะจับตัวยูกิจะปลุกให้ตื่น แต่เขาก็พบว่ายูกิไข้ขึ้นสูงมาก
“ยูกิ...ยูกิ...อย่าเป็นอะไรนะ”
ยามาดะรีบวิ่งหายออกไป...แล้วเขาก็เข้ามาพร้อมกะละมังกับผ้าชุบน้ำ เขาเช็ดตัวให้เธออย่างทะนุถนอม พร้อมกับค่อยๆบดยาแก้ไข้ละลายน้ำแล้วป้อนยาให้ขณะที่เธอหลับ

ค่ำนั้น...นับดาวมองตัวเองในกระจก หน้าตาจริงจัง
“ต่อไปนี้จะไม่มีเธออีกแล้วนับดาว เธอคือไอยูกิ ซุปเปอร์สตาร์ที่ใครๆก็ชื่นชม”
นับดาวเก็บของที่เป็นเอกสารต่างๆของตัวเองลงกล่อง รวมทั้งอัลบั้มรูปวัยเด็กต่างๆ รูปในกรอบรูปกับรจนา เธอเอาลงกล่องทุกอย่างแล้วเปิดกระเป๋าเดินทางยูกิที่เธอได้มา
“ไหนดูซิ มีอะไรบ้าง”
พอเธอเปิดกระเป๋าเธอก็พบเสื้อผ้าสวยๆ กับเครื่องประดับมากมาย นับดาวตื่นเต้น
“โห...สวยๆทั้งนั้นเลยอ่ะ เครื่องสำอางก็แพงๆทั้งนั้นเลย”
นับดาวตื่นเต้นเอาของชิ้นนั้นชิ้นนี้ มาทาบมาลองใหญ่ แล้วเอาไอพ็อดของยูกิมาเปิดฟังเพลงของยูกิ เธอกางเนื้อร้อง พยายามร้องตามไปด้วยแต่สิ่งที่เธอออกเสียงมามันฟังไม่เข้าท่า ไม่เป็นภาษาญี่ปุ่นเอาซะเลย
“เพลงก็เพราะดีนะ แต่ร้องยากชะมัดเลย เฮ้อ...”
นับดาวมอง ดวงดาวที่อยู่รายรอบตัวเธอ ครั้งนี้เหมือนจะต่างไปจากทุกครั้ง

สายๆของวันใหม่...รจนารู้สึกตัวอยู่บนเตียง มีนับดาวนั่งอยู่ข้างๆ หมอกำลังบอกอาการของรจนา
“ผลการผ่าตัด เท่าที่ดูไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ถ้าแข็งแรงแบบนี้ อีกไม่กี่วันก็กลับบ้านได้แล้ว แต่ข้อสำคัญเลยคือการพักฟื้น คนไข้ต้องงดใช้เสียงประมาณ 2 เดือน”
นับดาวตกใจ
“สองเดือนเนี่ยนะ ห้ามไม่ให้พูดเลย”
“ไม่ใช่แค่พูดครับ หัวเราะก็ห้ามมีเสียง ไอก็ห้ามมีเสียง นอนก็ห้ามกรน ห้ามใช้เสียงไม่ว่าจะกรณีใดๆ”
“ใครจะไปห้ามได้ล่ะหมอ”
“ก็ต้องพยายามนะครับ ไม่งั้นผมไม่รับประกันว่าคุณจะกลับมาร้องเพลงได้อีกรึเปล่า”
นับดาวเซ็งหันไปมองย่า รจนาพยักหน้าทำใจ

นับดาวเข็นรจนาที่นั่งอยู่บนรถเข็นมาเดินเล่น
“คนกินข้าวอิ่มๆจะเรอไม่ให้มีเสียง คนจะไอจะจามก็ห้ามมีเสียง บ้าป่าว อยากจะให้หมอมาทำให้ดูเหลือเกิน ไอไม่มีเสียงทำยังไง” นับดาวทำท่าไอไม่มีเสียงเหมือนคนหอบมากกว่า “แบบนี้เขาไม่ได้เรียกไอ เขาเรียกหอบหรืออย่างเวลาตกใจเงี้ย จะให้นั่งทำหน้า” นับดาวทำหน้าแบบพ่อใหญ่จิ๋ว “แบบนี้ตลอดเวลาเขาจะเรียกว่าตกใจได้ไง แบบนี้เขาเรียกว่าหน้าพ่อใหญ่จิ๋ว หมอเข้าใจอะไรผิดรึเปล่าเนี่ย”
นับดาวบ่นได้ไม่ทันไร เธอก็เห็นเป็นไทเดินมาทางเธอแต่เขายังไม่เห็น นับดาวตกใจรีบผลักรถเข็นย่าออก แล้วเธอก็วิ่งไปหลบข้างเสาทันที
“เฮ้ย แย่แล้ว”
รถเข็นรจนาไหลไปตามแรงผลัก ผ่านเป็นไทไป เป็นไทมองรถเข็นที่ไหลไปอย่างไม่มีคนเข็นงงๆ แล้วรถเข็นรจนาก็ไหลลงไปในทางลาด ไหลไปเรื่อยๆ นับดาวเห็นรีบหาทางช่วย เธอเห็นรถเข็นอุปกรณ์แพทย์จอดอยู่ มีผ้าปิดปากอยู่ในนั้น เธอหยิบมาใส่ แล้ววิ่งตามรจนาไป เป็นไทจำไม่ได้มองไปเห็นคนกำลังเดือดร้อนจึงพยายามวิ่งตามมาช่วย
“ขอทางหน่อยค่า ขอทางหน่อย”
“มาคุณ เดี๋ยวผมช่วย”
เป็นไทวิ่งตามรถเข็ญไปอีกคน
นับดาวหันมอง
“ไป๊...ไม่ต้องช่วย...ไป๊”
แต่เป็นไทก็ยังตามไปช่วยอยู่ดี...รถเข็นรจนาไหลไปอย่างน่าหวาดเสียว สวนทางกับคนมือก็ไขว่คว้าพยายามจะหยุด รจนาเกี่ยวแว่นคนที่สวนไปติดมือมา เธอได้แต่ทำหน้าพ่อใหญ่เพราะไม่กล้าออกเสียง นับดาววิ่งจี๋ตามไป รถเข็นเกือบชนเสาอันใหญ่ แต่นับดาวคว้ารถเข็นไว้ได้ทัน เป็นไทส่งเสียงตามมาด้านหลัง
“คุณ เป็นไรมั้ย ให้ผมช่วย”
นับดาวหันไปเห็นเขาวิ่งตามจึงตวาดกลับไป
“ไม่ต้องช่วย ไป๊...ไปทำอะไรก็ไป”
เป็นไทยังวิ่งตามมาติดๆ นับดาวตัดสินใจหักรถเข็นไปอีกทาง หนีต่อ เป็นไทวิ่งมาหยุดหอบ มองนับดาวที่วิ่งหนีหายไปตามไม่ทัน
“เขาเป็นอะไรของเขานะ คนก็หวังดีอุตส่าห์จะช่วย”
เป็นไทไม่เข้าใจว่าทำไมนับดาวถึงต้องหนีเขาด้วย

นับดาวหันซ้ายหันขวา เห็นเป็นไทไม่ตามมาแล้วก็โล่งอก
“เฮ้อ...เกือบไปแล้วมั้ยเรา ถ้าเห็นขึ้นมาไม่รู้จะอธิบายว่ายังไงเลย”
รจนาเอาแว่นที่เกี่ยวได้มาใส่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เธอยังช็อคทำหน้าพ่อใหญ่ค้าง ไม่ส่งเสียงแม้แต่คำเดียว แถมแว่นที่เธอเอามาใส่ก็เป็นแว่นทรงพ่อใหญ่ด้วย
“ย่าเป็นอะไรรึเปล่า” นับดาวหันไปเห็นหน้ารจนา “หวัดดีค่ะพ่อใหญ่ เย้ย...” นับดาวเขย่าตัวย่าที่ช็อคอยู่ “ย่า...ย่า”
นับดาวเป็นห่วงย่าส่วนรจนาก็ช็อคค้างหน้าพ่อใหญ่

นับดาวมาเดินหาซื้อเพลงไอ ยูกิอยู่ในห้างสรรพสินค้า เธอเดินหาแผ่นช่องโน้น ช่องนี้ ยังไงก็ไม่เห็นสิ่งที่เธอต้องการ ขณะเดียวกันนั้น ซีซีก็กำลังหาซื้อซีดีอยู่เหมือนกัน แต่พอนับดาวเดินผ่านหน้า ซีซีก็ทำซีดีหล่น แล้วก้มเก็บเลยไม่เห็นกัน ซีซีเดินออกไปสวนกับวรพรรณ ที่เดินเข้ามาหานับดาว
“แก...ฉันเจอซีซีอีกแล้วว่ะ”
“ซีซี ยายซีซีคนที่เคยมาด่าฉันตอนทำงานที่นี่ต่อหน้าเจ้านายจนฉันโดนไล่ออกน่ะเหรอ...ไหนมันอยู่ไหน อยากจะต่อยหน้าซักเปรี้ยง”
“ใจเย็นๆเว้ย เขาไปแล้ว”
“อย่าให้เจอนะ เจอเมื่อไหร่นะ ฮึ่ม”
“แล้วนี่แกหาอะไรของแกน่ะ ฉันเห็นแกเดินไปเดินมาตั้งนานแล้ว”
“เพลงไอ ยูกิ”
“นึกไงจะฟังเพลงญี่ปุ่นขึ้นมาวะ เห็นปกติฟังแต่เพลงไทยเดิม”
“เออน่า...”
วราพรรณพาไปช่องเพลงต่างประเทศ ก็เห็นซีดีของไอยูกิวางเกลื่อน
“นี่ไง ไอ ยูกิ มีทุกชุดเลย”
“อันนี้ฉันก็มีแล้ว”
“อ้าว แล้วแกหาอะไร”
“แผ่นเสียงของไอ ยูกิ ไม่เห็นจะมีขายเลย”
“หืม แม่คุณ ยุคนี้ใครเขาทำแผ่นเสียงขายกันล่ะ แกไปซื้อเพลงของย่าแกอัลบั้มแรกโน่นถึงจะมี”
“เขาไม่ทำขายแล้วเหรอ เฮ้ย...แล้วฉันจะซ้อมร้องซ้อมเต้นยังไงอ่ะ บ้านมีแต่เครื่องเล่นแผ่นเสียง”
วราพรรณมองเพื่อนอย่างไม่เชื่อหูตนเอง
“เดี๋ยวนะ ซ้อมร้องซ้อมเต้นเพลงไอ ยูกิเนี่ยนะ แกจะทำไปทำไม ฉันไม่เคยเห็นแกสนใจเรื่องแบบนี้”
“โอ๊ะ...คือ คือ...ฉันจะไปคอนเสิร์ตไอ ยูกิน่ะ เห็นในข่าว”
“พูดเป็นเล่น แล้วแกหาบัตรได้แล้วเหรอ บัตรเขาขายหมดตั้งแต่ 20 นาทีแรกแล้ว”
นับดาวตาโต
“จริงเหรอ”
“เออดิ...ขนาดคนวงในยังหายากเลย ขนาดจัดในฮอลล์ที่จุดได้เกือบหมื่นคนนะ”
นับดาวช็อคกว่าเดิม
“นี่คนจะมาดู...เป็นหมื่นเลยเหรอ”
นับดาวกลืนน้ำลายเอื๊อก วราพรรณมองอย่างสงสัย
“แล้วนี่แกเป็นอะไร”
“ตื่นเต้น ฉัน...ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะแก”
นับดาวรีบปลีกตัวออกไป วราพรรณไม่เข้าใจว่าเพื่อนตื่นเต้นอะไร มองตามงงๆ

นับดาวเดินเข้ามาในห้องน้ำ สงบสติอารมณ์อยู่หน้ากระจก
“คนเป็นหมื่น โอ้ว...ฉันทำไม่ได้หรอก มันยิ่งใหญ่เกินไป”
คนที่เพิ่งเดินออกจากห้องน้ำ มองเธอแปลกๆที่เห็นเธอพูดคนเดียวกับกระจก นับดาวเขินๆ เดินเข้าห้องน้ำไป ล็อคประตู ซีซีเดินเข้ามา คุยโทรศัพท์ไปด้วย เธอยืนตรวจดูความสวยหน้ากระจก
“เป็นไง...งานฉันน่ะ ไปถึงไหนแล้ว...นี่แกจะมัวรออะไรอยู่ห๊ะ ฉันอุตส่าห์วางแผนจับยายไอ ยูกิไป ตอนนี้มันคือโอกาสที่ดีที่สุดเลยนะ”
นับดาวได้ยินชื่อไอยูกิก็หูผึ่ง เอาหูแนบประตูทันที
“ไอ ยูกิถูกจับตัวไปเหรอ”
นับดาวพยายามจะมองลอดช่องด้านล่างห้องน้ำ แต่ก็มองไม่เห็นอยู่ดี เธออยากรู้เหลือเกินว่าใครพูดที่หน้ากระจก ซีซีเติมปากสีชมพู ให้ดูเข้ม และแรงสมคาแรคเตอร์
“เม้าท์มากกว่า มันถูกจับตัวไป แล้วใครที่ไหนจะมาแถลงข่าว ฉันว่าเป็นพวกข่าวแจก ข่าวพีอาร์ที่เซ็ตที่เขียนขึ้นมามากกว่า แกก็รู้วงการบันเทิงน่ะมันจอมปลอมจะตายไป จริงๆคงกำลังบ้าหาตัวยายไอ ยูกิให้วุ่น”
ซีซีหัวเราะมีความสุข นับดาวแอบฟังในห้องน้ำทนไม่ไหว
“ยายคนจับตัวยูกิไปมันเป็นใครเนี่ย ฉันต้องรู้ให้ได้”
นับดาวจะเปิดประตูออกไปแอบดูหน้าแต่กลอนก็ดันติด เปิดไม่ออกซะงั้น
“เฮ้ย...มาติดอะไรตอนนี้นะ”
ขณะที่เธอกำลังพยายามเปิดออกไปให้ได้ ซีซีก็เดินคุยโทรศัพท์ออกไป
“โอกาสนี้แหละดีที่สุด พี่ต้องหางานให้ฉันให้ได้ เข้าใจมั้ย”
ซีซีเดินออกจากห้องน้ำ นับดาวเพิ่งเปิดประตูออกมาได้ เธอไม่เห็นใครจึงวิ่งตามออกไปดูนอกห้องน้ำ

นับดาววิ่งพรวดออกมาที่หน้าห้องน้ำ หวังจะได้เห็นว่าใครจับตัวไอ ยูกิไป แต่เธอก็คลาดกับซีซีไปซะแล้ว นับดาวเจ็บใจที่เธอไม่รู้ว่าใครทำ
ซีซีเดินเฉิดฉายอยู่ แพรวไพลินเดินมาเห็นซีซีมาคนเดียวเลยเข้าไปทัก
“สวัสดีจ้ะ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะซีซี”
“แพรวไพลิน”
“ไง มาคนเดียวเหรอจ้ะ”
ซีซีมองรอบตัวแพรวไพลินไม่เห็นใคร
“ก็เหมือนเธอนั่นแหละ นี่ยังไม่มีแฟนอีกเหรอ”
แพรวไพลินเชิด
“มีแล้ว”
“แล้วไปไหนซะล่ะ”
“ก็มัวแต่ไปดูแลยาย...ช่างเถอะ มันเรื่องของฉัน”
“แล้วไงล่ะ เดี๋ยวนี้ยังเอาเงินฟาดหัวผู้ชายให้มาเป็นแฟนด้วยอยู่มั้ย”
แพรวไพลินเจ็บจี๊ดที่โดนแทงใจดำ
“นี่เธอ พูดดีๆนะ ฉันไม่เคยเอาเงินฟาดหัวใคร แล้วเธอล่ะ ยังติดนิสัยขี้ขโมย ชอบเอาของคนอื่นไปซ่อนอยู่รึเปล่า”
คำพูดแพรวไพลินแทงใจดำซีซี เหมือนกัน
“ถ้าสิ่งของน่ะ ฉันเลิกทำไปนานแล้วย่ะ”
“แล้วนี่มีเงินพอมาช้อปในห้างหรูๆเหรอ ได้ข่าวว่าเป็นดาราตกกระป๋องไปแล้วนิ หรือแค่มาเดินดูของแท้ แล้วไปสั่งก็อปเกรดเอเอา”
ซีซีชักฉุน
“นี่...อย่าดูถูกฉันให้มันมากนัก ตอนนี้ฉันกำลังจะกลับมาดังอีกครั้งแล้วย่ะ”
แพรวไพลินมองหยัน
“อย่างเธอ จะกลับมาดังได้ก็คงต้องหันไปเอาดีทางถ่ายโป๊แล้วละมั้ง”
ซีซีโกรธจี๊ด
“นี่มันจะเกินไปแล้วนะ คอยดูวันที่ฉันกลับมาดังก็แล้วกัน”
แพรวไพลินและซีซีต่างก็มองกันแบบเชิดๆ ซีซีเดินหนีไปโดยไม่รู้ว่าจริงๆแล้วศัตรูของพวกเธอคืนคนเดียวกัน

นับดาวเดินมากับวราพรรณ เธอกำลังเหม่อๆ คิดว่าใครเป็นคนลักพาตัวยูกิไป แล้วเธอก็ชนกับแพรวไพลินที่ถือถุงช็อปปิ้งเต็มไม้เต็มมือพอดี ของหล่นกระจัดกระจาย
“โอ๊ย...เดินยังไงเนี่ย ห๊า”
แพรวไพลินเก็บถุงต่างๆ วราพรรณกับนับดาวต่างหันไปเห็นแพรวไพลิน นับดาวสะดุ้ง
“เฮ้ย”
แพรวไพลินจ้องหน้า
“นี่เธออีกแล้วเหรอ อ๋อ...คิดจะแก้แค้นฉันที่ชนแกเมื่อวันก่อนใช่มั้ย”
“เอ่อ...ไม่มีอะไร ไม่ต้องพูดอะไรแล้วนะ”
นับดาวกลัวแพรวไพลินพูดอะไรโพล่งมาเกี่ยวกับยูกิ เธอกลัวว่าวราพรรณจะรู้ วราพรรณก็มองงงๆ
“มันเรื่องอะไรน่ะ”
นับดาวรีบเข้าแทรกระหว่างวราพรรณกับแพรวไพลิน
“ไม่มีอะไร เรารีบไปกันเถอะ”
แพรวไพลินมองเหยียด
“ถ้าไม่ควงผู้ชายก็ควงทอมสินะ”
“ปากเหรอที่พูดน่ะ”
วราพรรณจะเข้าไปต่อย นับดาวห้ามไว้
“เฮ้ย...อย่าไปยุ่งกับเขา”
“อยู่ต่อหน้าคนอื่นทำเป็นคนดี แต่ที่ไร้มารยาทกับฉันไว้ ฉันไม่ลืมหรอกนะ”
นับดาวไม่อยากให้เรื่องมันบานปลาย เธอรีบชวนเพื่อน
“ ไปกันเถอะ”
วราพรรณไม่ยอม
“เฮ้ย...นี่แกจะปล่อยให้มันด่าแล้วเดินหนีไปง่ายๆแบบนี้เหรอ” วราพรรณหันมาหาแพรวไพลิน “คุณน่ะ หน้าตาก็ดี ท่าทางก็ไฮโซ แต่ทำตัวปากคลองตลาดมาก ยังจะกล้ามาว่าคนอื่นเขาอีกเหรอ”
นับดาวพยายามลากเพื่อนออกมาจากตรงนั้น
“ไปเถอะ อย่าไปสนใจ อย่าไปฟังไม่ว่าเขาจะพูดว่าอะไร”
แพรวไพลินตะโกนด่าไล่หลัง
“นี่เธอจะเดินหนีฉันไปแบบนี้อีกแล้วเหรอ จำไว้นะ ฉันไม่ได้อยากจะอะไรกับเธอ แต่เธอต่างหากทำตัวเอง ไอ ยูกิ”
เสียงชื่อเรียกสุดท้ายว่าไอยูกิ สะท้านไปถึงในใจนับดาวและแน่นอนมันทำให้วราพรรณถึงกับชะงัก
“ไอ ยูกิ ทำไมเขาเรียกเธอว่าไอยูกิล่ะ”
นับดาวลำบากใจที่จะพูดอะไรออกมา

นับดาวเดินหนี วราพรรณเดินไล่ตามตื้อ
“ทำไมเขาเรียกแกว่าไอ ยูกิ แกไปทำอะไรมา ไปรู้จักเขาได้ยังไง แล้วทำไมเขาเรียกแกแบบนั้น”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันเคยรู้จักเขาซักที่ไหนเล่า ฉันว่าเขาทักคนผิดมากกว่า”
“แกแน่ใจนะ แกไม่ได้ปิดบังอะไรฉันอยู่”
“โอ๊ย...แกจะบ้าเหรอ คนอย่างเราจะไปรู้จักคนท่าทางไฮโซแบบนั้นได้ยังไง แกลืมไปแล้วรึไง”
“เออว่ะ ฉันก็ลืมไปว่าแกน่ะมันก็แค่เด็กซ๊กม๊กที่ไม่มีคนคบ ฉันก็คิดว่าแกจะทำอะไรบ้าๆน่ะสิ เช่นปลอมตัวเป็นไอ ยูกิอะไรแบบนั้น”
“บ้าดิ ฉันจะไปทำแบบนั้นทำไม”
“ก็แกมันเป็นคนบ้าไง ฉันก็คิดไปเรื่อย ก็แกยังจำวันที่เรารู้จักกันวันแรกได้ป่ะ”
“เออ”
“ที่ฉันย้ายเข้ามาใหม่ แล้วแกก็ไม่มีเพื่อนคบซักคน”
“ไม่ต้องย้ำเรื่องไม่มีคนคบได้มั้ย”
“ก็ได้...ที่อยู่ๆแกก็มาชวนฉันไปบ้านแก พอฉันบอกไม่ยอมไปแกก็บอกว่าบ้านแกมีสวนใหญ่มาก ฉันยังไม่ไปอีก แกก็บอกว่าบ้านแกมีสระว่ายน้ำ พอฉันบอกไม่แกบอกหลังบ้านแกมีสวนสนุกให้เล่นฟรีด้วย ฉันเลยต้องไป”
“แล้วเป็นไงพอมาบ้านฉัน”
“ก็บ้านหลังโทรมๆของย่าแกหลังเดิม ไม่มีสวน ไม่มีสระว่ายน้ำ อย่าว่าแต่สวนสนุกเลย ที่ฉันงงคือแกทำหน้าตาปกติ เหมือนไม่เคยโกหกมาก่อน ตอนนั้นฉันงงมากเว้ย แล้วก็คิดว่าไอ้คนนี้มันบ้าดี”
นับดาวยิ้ม
“ใครจะโกหกเรื่องที่มีหลักฐานเห็นจะๆแบบนี้วะ มีแต่คนไม่ปกติเท่านั้นแหละ”
นับดาวยิ้มแหยๆ
“ก็ตอนนั้นฉันอยากให้แกมาบ้านฉันนี่หว่า ฉันก็พยายามทำทุกอย่างให้แกมาให้ได้”
“แต่มันก็ทำให้เราเป็นเพื่อนกันมาจนถึงวันนี้ได้เนอะ...ว่าแต่แน่ใจนะ ว่าตอนนี้แกไม่ได้กำลังไปโกหกใครว่าบ้านมีสระว่ายน้ำน่ะ”
นับดาวนิ่ง เศร้าๆ
“ฉันโตแล้วนะเว้ย ฉันจะเที่ยวหลอกคนอื่นทำไมว่าฉันมีในสิ่งที่ไม่มี”
นับดาวตอบไม่เต็มปากนัก เพราะละอายใจตัวเอง แต่วราพรรณก็ยังไม่รู้อะไร

ค่ำนั้น นับดาวเดินเข้ามานั่งข้างๆย่าเศร้าๆ รจนาหน้าหายเป็นพ่อใหญ่ กลับมาเป็นปกติแล้ว
“ย่าอยากไปเดินเล่นข้างนอกมั้ย เดี๋ยวหนูพาไป”
รจนาจับหัวใจตัวเอง ทำท่าตกใจ ส่ายหน้ายิกๆ ยังเข็ดอยู่กับคราวที่แล้ว
“ย่า ตอนเด็กๆที่ย่าชอบว่าหนูเวลาหนูไปโกหกคนอื่น เพื่อให้มีคนสนใจน่ะ แล้วหนูบอกหนูไม่ได้ตั้งใจ แค่อยากมีเพื่อน มีคนมาสนใจเยอะๆ แล้วย่าบอกว่าระวังมันจะติดเป็นนิสัย หนูคิดว่าหนูคงทำบ่อยเกินไป จนเลิกไม่ได้แล้วล่ะแล้วหนูก็อยากจะสารภาพกับย่าด้วย ว่าที่หนูบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ จริงๆหนูโกหก”
นับดาวนั่งละอายตัวเอง รจนาลูบหัวหลานสาวอย่างห่วงใย

ยูกิค่อยๆรู้สึกตัวขึ้น ไข้ลดลงแล้ว เธอตื่นขึ้นมาพบว่า ยามาดะ นอนฟุบหลับอยู่ข้างๆเตียงเธอ มือนึงจับมือเธอไว้ รอบข้างเขามีทั้งยากะละมังที่มีน้ำกับผ้าเช็ดตัวเปียกอยู่ ในมืออีกข้างเขากำรูปไว้แน่น ยูกิเห็นก็รู้สึกดีไม่น้อย เธอมองเขาที่หลับอยู่
“ฉันคุ้นหน้าคุณจริงๆ”
เธอหันไปเห็นรูปในมือของเขา พยายามจะดึงมันออกจากมือให้เบาที่สุด เธออยากรู้ว่ามันคือรูปอะไร ยูกิค่อยๆดึงออกมา ยามาดะก็ขยับตัวปัดแมลงวันที่หน้า เธอสะดุ้ง แต่พอเห็นเขาหลับต่อก็ค่อยๆดึงมันต่อ ทันใดนั้น ยามาดะละเมอขึ้นมาอีก
“เดี๋ยวยิงหัวเลย”
ยูกิสะดุ้ง แต่พอรู้ว่าเขาละเมอเธอก็ค่อยๆดึงรูปออกมาอีกแต่คราวนี้ยามาดะรู้สึกตัวสะดุ้งโหยงขึ้นมา
“คุณจะทำอะไรน่ะ”
ยามาดะรีบเอารูปใส่ไว้ในกระเป๋า ยูกิอึกอัก
“ฉันเห็นคุณหลับ ฉันก็แค่จะลุกไปเข้าห้องน้ำ”
“ก็ไปสิ แต่อย่าคิดหนีนะ”
ยูกิมองหน้าเขา
“ขอบคุณนะที่ช่วยดูแล”
“เอากองไว้ตรงนั้นแหละ ถ้าไข้ขึ้นอีกก็ดูแลตัวเองละกัน คนอื่นเขาไม่ได้ว่างขนาดนั้น”

ยามาดะทำท่าทีเหมือนไม่พอใจ แต่แท้ที่จริงเขาอายรีบเดินออกไปจากห้องแล้วล็อคประตู ในขณะที่ยูกิไม่ค่อยเข้าใจการกระทำของยามาดะเลย











Create Date : 29 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 29 กุมภาพันธ์ 2555 11:39:08 น.
Counter : 421 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]