All Blog
ฉันรักเธอนะ ตอนที่ 2



นับดาวคนที่เป็นผู้ไม่ถูกเลือกเสมอ เดินคอตกกลับมาบ้าน หน้าตาแบบเพชราที่ย่าแต่งให้ เธอล้างออกหมด รวมทั้งผมที่เธอก็ทำให้มันเป็นทรงยุ่งเหยิงทรงเดิม รจนาตั้งตารอหลานกลับบ้าน พอเห็นสภาพหลานเดินเข้ามาก็ตกใจ

“ไหนบอกทำงานในห้าง ไหงกลับมาสภาพยิ่งกว่าไปเป็นตัวแทนต่อยมวยชิงแชมป์โลกซะอีก”
นับดาวพยักหน้าเศร้าๆ
“เป็นไงทำงานวันแรก เข้ากับเพื่อนได้มั้ย”
“หนูไม่ได้ไปโรงเรียนแล้วนะย่า ยังถามแบบนี้อยู่อีก”
“แล้วได้มั้ยล่ะ”
นับดาวส่ายหน้า
“กะแล้วเชียว เข้ากับใครเค้าก็ไม่ค่อยได้ ธรรมดาซะที่ไหน”
“หนูน่ะธรรมดา คนอื่นสิที่แปลก”
รจนามองสภาพหลาน
“นี่เรายังกล้าเชื่อแบบนั้นอยู่อีกเหรอเนี่ย”
นับดาวไม่สบอารมณ์
“แล้วเป็นไง เจ้านายเค้าชอบเราทำงานมั้ย”
“หึ หึ”
“ไม่รู้ล่ะสิ เข้าหาเจ้านายบ้าง ย่าบอกกี่ครั้งแล้ว คนจะเจริญก้าวหน้าได้ มันไม่ได้อยู่ที่ผลงานอย่างเดียว มันต้องรู้จักปฏิสัมพันธ์ด้วย”
“ไม่ต้องปฏิสัมพันธ์แล้วล่ะย่า เค้าไล่หนูออกแล้ว”
นับดาวเดินเซ็งๆคอตกออกไป ย่าพยายามจะปลอบใจ
“ย่าว่าแกไปเรียนต่อดีมั้ย ไปสอบ mba เอามั้ย ย่าส่งแกเรียนไหวนะ”
ไม่มีเสียงตอบรับจากนับดาว เพราะเธอคิดถึงเรื่อราวในวัยเด็ก...

ที่โรงเรียนประถม...เพื่อนๆกำลังแบ่งข้างเล่นกระโดดหนังยางกัน นับดาววิ่งมาขอเล่นด้วย
“ขอเล่นด้วยคนสิ”
เพื่อนไล่
“ไปอยู่ข้างโน้นสิ”
“ไม่เอา ก็ให้อยู่ข้างเธอสิ”
“เราก็ไม่เอา”
“เราเป็นตัวแถมก็ได้” นับดาวรีบบอก
“เรามีไพลินเป็นตัวแถมที่เก่งกว่าเธอแล้ว”
“เราก็มีตัวแถมแล้วเหมือนกัน”
เพื่อนเถียงกันไปมา นับดาวงง
“ทำไมมีตัวแถม 2 ข้างล่ะเลยล่ะ แปลว่ายังไม่มีตัวแถมน่ะสิ”
เพื่อนหันมาตวาดแว๊ด
“ก็บอกว่าไม่เอา ไม่เข้าใจรึไง”
“มันหูหนวก มันไม่ได้ยินหรอก”
นับดาวฟังอย่างเสียใจ

ค่ำคืนนั้น...
นับดาวล้มตัวเอาหน้าซุกหมอนในสภาพเยินๆแบบที่กลับมา เธอบ่นอะไรไปตามประสา
“อะไรเอ่ย ไม่เข้าพวก” เธอยกมือขึ้นแล้ววางลง “นับดาวไง…ข้อใดต่อไปนี้ผิด” เธอยกมือขึ้นแล้ววางลง “นับดาวไง ข้อใดต่อไปนี้ถูกต้อง” เธอยกมือขึ้นแล้ววางลง “ถูกทุกข้อยกเว้นนับดาว”
พอสิ้นเสียงนับดาว ทุกอย่างในห้องก็เงียบ เธอนิ่งไปซักพัก แล้วเธอก็ลุกพรวดขึ้นมาเหมือนคิดอะไรออก
“เพราะตานั่นคนเดียวทำเราโดนไล่ออก ใช่เลย เหตุผลที่เราโดนไล่ออกเพราะตานั่นมันขับรถชนเรา ทำเราสกปรกมอมแมม เราเลยโดนไล่ออก จะมามัวซังกะตายไม่ได้นับดาว เธอจะต้องแก้แค้น...แก้แค้นให้สาสม หึ หึ ว่ะฮ่าๆๆๆ” นับดาวบอกตัวเองอย่างมุ่งมั่น

ซีซีโทรศัพท์หายามาดะ อย่างกังวลเพราะเขาไม่รับสาย
“ฮัลโหล ทำไมไม่ยอมรับโทรศัพท์เลยทั้งวัน”
ทางด้านยามาดะยังอยู่ในห้องน้ำสนามบินสุวรรณภูมิ เขาแง้มดูนอกห้องส้วม ผู้หญิงเข้ามาเติมแป้งกันเป็นระยะ เขาออกไม่ได้ซักที
“มันจะเติมแป้งกันไม่หยุดหย่อนเลยรึไง”
บ่นแล้วก็รับโทรศัพท์ด้วยอย่างเซ็งๆ เพราะซีซีแว๊ดมา
“ฉันหวังว่าที่แกหายไปไม่ส่งข่าวทั้งวัน คงมีข่าวดีมาแจ้งให้ทราบนะ”
“เอ่อ...”
“นังยูกิมันถูกจับไว้ที่เกาะแล้วใช่มั้ย”
ยามาดะถอนใจเฮือก
“ยัง มีเรื่องผิดพลาดนิดหน่อย”
“ห๊า...ยัง แกพูดง่ายๆแค่เนี๊ยะ”
“ใช่...แต่ไม่ต้องห่วง ภายในพรุ่งนี้ ไอ ยูกิไปอยู่ที่เกาะแน่”
“ฉันจ้างแก ไม่ใช่ให้แกมาต่อรองว่าเป็นพรุ่งนี้หรือมะรืน วางแผนไว้วันนี้ ทำไมไม่ได้”
“กับอีแค่วันเดียวมันจะอะไรนักหนา”
“วันเดียวคือ 24 ชั่วโมง คือ 1,440 นาที คือ 86,400 วินาที ที่ฉันจะมีมันขวางทางอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก แกเข้าใจมั้ย ถ้าพรุ่งนี้มันยังรอดไปได้ ฉันก็จะไปจ้างคนอื่น”
“ผมว่าคุณคิดเลขเร็วดีนะ”
“ไอ้บ้า ไปจัดการงานให้เสร็จเลยไป”
ซีซีวางโทรศัพท์กระแทกกระทั้น ยามาดะถอนหายใจกับสิ่งที่ตัวเองกำลังจะทำ

ค่ำคืนนั้น...เมื่อกลับไปที่โรงแรมที่พัก ยามาดะหยิบรูปรวมนักเรียนสมัยม.ต้น ที่มียูกิอยู่ในนั้นด้วยขึ้นมาดู แล้วคิดไปถึงเรื่องราวในอดีต
ที่โรงเรียนในญี่ปุ่น...ช่วงพักกลางวันในห้องเรียนไม่มีใคร ยูกิในชุดนักเรียนม.ต้นมานั่งที่โต๊ะ เธอเห็นจดหมายสีชมพู แปะรูปหัวใจอยู่ที่ใต้โต๊ะเธอ เธอหันมองหาไปทั้งห้องก็ไม่เห็นใคร เธอเปิดจดหมายอ่าน ยามาดะที่เอาจดหมายมาสอดไว้ แอบมองอยู่ที่ประตูจากนอกห้องเรียน เขาตื่นเต้น อมยิ้มกับการกระทำของตัวเอง
ยามาดะพยายามสลัดความหลังอันฝังใจในอดีต ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นมาจัดแจงสารพัดอาวุธบนโต๊ะ ขณะที่เขาลุกจากที่นอน เพื่อมาเช็ดปืนพกอย่างทะนุถนอม พอเสร็จเขาก็หยิบมีดพก ถอดมันออกจากฝัก เช็กความคม พร้อมกับเอาผ้าเช็ดให้เงา
“ถึงเวลาที่เราจะมารื้อฟื้นความหลังกันอีกครั้งแล้ว ยูกิ !”

ในห้องออกกำลังกายของโรงแรมหรู ยูกิวิ่งอยู่บนลู่วิ่งตามลำพัง เธอหยุดวิ่งยืนกินน้ำเช็ดเหงื่อ ดูเซ็กซี่ในสายตาของยามาดะ ที่เดินเข้ามาทำทีว่าคุยโทรศัพท์ด้วยภาษาญี่ปุ่น
“ผมอยู่เมืองไทย มาพักผ่อน อย่าโทรมาคุยตอนนี้ เรื่องธุรกิจผมจะคุยเมื่อผมกลับไปเท่านั้น”
ยามาดะทำทีวางสาย แล้วถอนหายใจอย่างเบื่อๆ ยูกิที่ยืนอยู่ตรงนั้น เห็นคนญี่ปุ่นด้วยกันเธอเลยเอ่ยปากทักเป็นภาษาญี่ปุ่น
“มาพักผ่อนเหรอคะ”
ยามาดะทำเป็นตื่นเต้น
“คุณก็คนญี่ปุ่นเหรอ ดีจัง ผมอยู่ที่นี่ไม่มีเพื่อนเลย”
พนักงานโรงแรมเดินเอาน้ำเปล่ามาให้ ยามาดะรับน้ำแล้วหันไปขอบคุณด้วยภาษาไทย
“ขอบคุณนะครับ”
“พูดไทยได้ด้วยเหรอครับ” ยูกิพูดไทยด้วย
“ผมเคยอยู่ที่เมืองไทยครับ”
“ดีจัง ฉันชอบเมืองไทยมากเลยค่ะ”
“ผมก็เหมือนกันครับ ว่าแต่คุณพูดภาษาไทยเก่งจัง”
ยูกิยิ้มแทนคำตอบ
“แล้วนี่คุณจะไปเที่ยวไหนเหรอครับ”
“ยังไม่รู้เลยค่ะ รอคนมารับอยู่”
“ถ้าอยากไปไหนแล้วไม่มีใครพาไป บอกผมนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
ยูกิยิ้มรับอย่างจริงใจ ยามาดะยิ้มที่ทุกอย่าง กำลังดำลังดำเนินไปตามแผน

ยามาดะกับยูกิขึ้นลิฟท์ไปพร้อมกันสองคน ยามาดะยืนอยู่ด้านหลัง หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่เขาซุกไว้ในกระเป๋า จะโปะยาสลบยูกิ แต่ยูกิก็หันหน้ามาคุยด้วยก่อน เขาเลยต้องเอาผ้าซุกไว้ในกระเป๋าเหมือนเคย
“ดีจังนะคะ เราอยู่ชั้นติดกันเลย”
ยามาดะยิ้มตอบ
“ดีครับ ขาดเหลืออะไรจะได้พึ่งพากันได้”
ยูกิหันไปเห็นว่ามีอะไรติดที่ผมของยามาดะ
“อุ๊ย...มีอะไรติดน่ะค่ะ”
ยามาดะพยายามเอามือปัดๆ แต่ก็ไม่โดน ยูกิเลยเข้าไปใกล้ เขย่งตัวเพื่อหยิบออกให้ ยามาดะหัวใจเต้นแรงเพราะยูกิเข้ามาใกล้เขามาก เขาอึ้งทำอะไรไม่ถูก
“ออกแล้วค่ะ...” ยูกิจ้องตายามาดะในระยะใกล้ “จริงๆฉันว่าฉันคุ้นหน้าคุณนะคะ”
เสียงลิฟท์ปิ๊ง...เปิดออกพอดี ยูกิส่งยิ้มให้ยามาดะที่ยังอึ้งอยู่ แล้วเดินออกจากลิฟท์ไป พอยูกิเดินออกจากลิฟท์ไป ยามาดะถอนหายใจออกมาทันที เขาเอามือจับหัวใจที่เต้นระรัวของเขา

วราพรรณขี่มอเตอร์ไซค์ใส่หมวกกันน็อก มาจอดที่บ้าน รจนาได้ยินเสียงรถเดินออกมาหาทันที
“มาก็ดีแล้ว ย่ากลัวนับดาวมันจะเป็นบ้า”
“มีเรื่องอะไรอีกเหรอย่า”
“ก็มันโดนไล่ออกจากงานอีกแล้ว”
“ไล่ออก เพิ่งไปทำได้วันเดียวเนี่ยนะ สงสัยเพราะการแต่งหน้าเพี้ยนๆของมันแน่เลย ก็บอกแล้วว่าให้ล้างออก เดี๋ยวคนเค้าจะหาว่าบ้า ก่อนจากบ้านทำไมย่าไม่เตือนมันมั่ง”
“ย่าแต่งให้มันเอง”
“อูย...” วราพรรณกลับลำทันที “แต่จะว่าไปมันมีสไตล์มาก ไม่ให้หาดูกันง่ายๆนะ ขนตาดกเป็นขนนกแบบเนี้ย”
“พอเถอะ”
“แหะ แหะ...เออ แล้วที่ย่าเรียกหนูมาเนี่ย มีอะไร”
“ขี้เกียจ ไปดูเองละกัน”
รจนาทำหน้าเซ็งจัด

นับดาวใส่แว่นหนาเตอะ หัวกระเซิง นั่งอยู่บนเตียง หยิบนามบัตรที่เป็นไทให้ไว้มาดูเห็นชื่อ “เป็นไท” วางนามบัตรของเป็นไทไว้ข้างๆ กับตุ๊กตาเยินๆอีก 1 ตัว แล้วเธอก็บีบคอตุ๊กตา จินตนาการว่าคือเป็นไท
“แก...ไอ้เป็นไท แกตาย แกอยู่ในกำมือฉันล่ะ หึหึ”
รจนากับวราพรรณแอบดูอยู่หน้าห้อง
“เป็นไง”
รจนาหันมาถามวราพรรณ
“หนัก”
“ฝากนุ้ยดูๆมันหน่อยก็แล้วกัน ย่าละเป็นห่วง”
“ได้จ้ะย่า ไม่ต้องห่วง”
รจนาโล่งใจอีกเปราะหนึ่งที่วราพรรณมาถึง แต่เธอก็ยังมองหลานอย่างกังวลอยู่ดี

นับดาวนั่งกินข้าวกับวราพรรณ กับข้าวบนโต๊ะเป็นกับข้าวพื้นๆ มีไม่กี่อย่าง นับดาวกินข้าวเหมือนคนอดอยาก กินไปคุยไป
“นี่แกมาได้ไง แล้วย่าฉันไปไหน”
“ย่าแกเค้าก็ไปเฝ้าร้านแล้วสิ”
“เออ ลืมไป”
วราพรรณมองเพื่อนนั่งกินอย่างงๆ
“แล้วนี่แกไปหิวมาจากไหนเนี่ย ห๊ะ”
“เมื่อวานเซ็งๆ เลยไม่ได้กินข้าว”
“เรื่องงานใช่มั้ย”
“นั่นก็เรื่องนึง”
“แล้วเรื่องอื่นคือ ?”
“แกจำได้ใช่มั้ย ไอ้คนที่ขับรถชนฉันน่ะ”
“อืม ที่ชนแล้วหนี แล้วมันก็เคยด่าเธอกับย่าด้วย”
“ใช่...เพราะมัน ทำให้ฉันโดนไล่ออก”
“พูดเป็นเล่น”
“แกมาก็ดีแล้ว ฉันน่ะคิดแผนทั้งคืนว่าจะล้างแค้นมันยังไงดี”
“แล้วแกรู้เหรอ ว่าเค้าอยู่ไหน”
นับดาวเอานามบัตรวางไว้บนโต๊ะ
“นี่ไง สิ่งที่มันทิ้งไว้ให้ฉัน”
“เอ๊า งี้ก็ดีดิ แกก็ไปเรียกค่าเสียหายซักสามสี่แสนเลย โทษฐานที่ทำให้แกโดน ไล่ออก”
นับดาวตะลึงกับคำพูด
“ป้าด...แกคิดได้ไง ฉันนั่งคิดวิธีมาทั้งคืนเลยนะเนี่ย”
วราพรรณส่ายหน้าเอือมระอา นับดาวรีบบอก
“งั้นฉันขอยืมรถแกหน่อยนะ”
นับดาวคว้านามบัตร และกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ของวราพรรณแล้ววิ่งออกไป ไม่ฟังใคร วราพรรณตกใจ
“เฮ้ย แก...”

นับดาววิ่งมาหน้าบ้านคร่อมมอเตอร์ไซค์ ใส่หมวกกันน็อกอันใหญ่ฉาบปรอท วรพรรณวิ่งตามมาติดๆ
“เฮ้ย นับดาว แกอย่าล็อกคางนะเว้ย มันเสียอยู่”
นับดาวเอาสายล็อกคางของหมวกกันน็อก ล็อกดังกรึ๊บทันทีที่วราพรรณพูดจบ แล้วเปิดกระจกพูด
“ฉันรู้แล้วว่าต้องล็อก เพื่อความปลอดภัย ขอบใจนะเพื่อนที่เตือน”
“ไม่ใช่เว้ย บอกว่าอย่า...”
นับดาวสตาร์ทรถขับออกไป วราพรรณได้แต่มองอย่างอ่อนใจ

การประชุมเพิ่งเลิก พนักงานทยอยกันออกจากห้องประชุม เหลือเป็นไทกับองอาจที่ยังนั่งอยู่
“เดี๋ยวฝากคุณดูแลเรื่องซับพลายเออร์ต่างๆด้วยละกันนะ”
“อ้าวแล้วคุณไทจะไปไหนครับเนี่ย”
“คุณก็รู้ผมมีหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่รออยู่”
เป็นไทยักคิ้วให้ องอาจนึกได้
“ดูแลยูกิจัง”
“แน่นอน”
“ตัวเองก็มีแฟนอยู่แล้วแท้ๆ”
“นี่ผมไปทำงานเพื่อบริษัทเรา”
“กล้าใช้คำว่า เรา นะ”
“ถ้าแพรวมา บอกว่าผมไปคุยงานสำคัญนะ”
“ระวังเถอะ คุณแพรวถอนทุน 20 ล้านขึ้นมา จะซวยกันทั้งบริษัท”
“นี่แหละ งานสำคัญที่ผมมอบหมายให้คุณดูแล อย่าให้แพรวรู้เรื่องนี้เด็ดขาด”
องอาจเซ็งเลย
“ไปล่ะ นัดยูกิจังไว้ เดี๋ยวจะสาย”
เป็นไทยิ้มแป้นออกไป องอาจมองอย่างหมั่นไส้

นับดาวจอดมอเตอร์ไซค์ที่หน้าออฟฟิศเป็นไท เธอเปิดกระจกหมวกกันน็อกมองชื่อออฟฟิศกับนามบัตร
“หึหึ...คราวนี้ล่ะ ทีฉันบ้างแล้ว”
นับดาวพยายามจะถอดหมวกกันน็อกออกแต่ก็ไม่ออก ถอดยังไงก็ไม่ออก เธอยืนพยายามอยู่ตรงนั้น แล้วเป็นไทก็เดินอย่างสบายใจออกมาจากออฟฟิศ นับดาวหันไปเห็น เธอรีบเดินไปทั้งหมวกกันน็อกขวางหน้าเป็นไทไว้ เป็นไทตกใจที่อยู่ๆก็มีคนใส่หมวกกันน็อกฉาบปรอทมาขวางหน้า
“ฉันมาทวงเงินของฉัน”
เป็นไทงงๆ
“เงินอะไรของคุณ ผมไม่ได้ทำธุรกิจขายอุปกรณ์แต่งรถนะ”
“ที่คุณขับรถชนฉันเมื่อวานนี้ไงล่ะ”
เป็นไทคิดๆ
“เมื่อวาน เมื่อวานผมไม่ได้ขับรถชนมอเตอร์ไซค์ที่ไหนนะ”
“ยังกล้าปฏิเสธอีกเหรอ รู้มั้ยคุณทำฉันถูกไล่ออก”
“ผมว่าคุณจำคนผิดแล้วล่ะ ผมไม่เคยไปยุ่งกับใครจนเขาโดนไล่ออก”
“ตกลงจะไม่รับผิดชอบใช่มั้ย”
“ผมไม่ได้ทำ ทำไมผมต้องรับด้วยเล่า”
นับดาวโมโห
“ไม่ได้ทำเหรอ นี่ไงแผล”
นับดาวชี้เข่าที่ถลอกนิดหน่อย แล้วเปิดกระจกหมวกกันน็อก ให้เป็นไทดูหน้า แต่เธอใส่แว่นตา
“ฉันไง จำได้มั้ย จ่ายมาเลยห้าแสนแล้วหายกัน ฉันจะไม่มายุ่งวุ่นวายกับชีวิตคุณอีก”
เป็นไทหัวเราะ
“นี่คุณ ผมไม่เคยเจอคุณมาก่อนนะ แต่ถึงผมจะไม่ได้เป็นคนทำคุณนะ ผมบอกให้เลย แผลถลอกแค่เนี้ยคุณเรียกห้าแสน ใครเค้าจะให้คุณ”
นับดาวอึกอัก
“สามแสนก็ได้ ฉันลดให้”
เป็นไทส่ายหน้าเดินไป นับดาวรีบต่อรอง
“แสนนึง ต่ำกว่านี้ไม่ได้แล้วนะ คุณทำฉันโดนไล่ออกจากงานด้วยนะ”
เป็นไทไม่สนใจเดินต่อไป นับดาวตัดสินใจ
“ห้าพันอ่ะ นี่ฉันไม่เหลืออะไรแล้วนะ”
เป็นไทไม่สนใจ พูดโดยไม่หันมามอง
“ขอให้ทวงเงินได้นะคุณ ผมไปล่ะ”
นับดาวหน้าเหวอ
“ตกลงคุณจะไม่จ่ายใช่มั้ย...ได้”
เป็นไทเดินหันหลังให้ไม่สนใจ เธอวิ่งหน้าตั้งเข้าไปโจมตีแล้วกระโดดบ้องหูอย่างเต็มแรงทั้ง 2 ข้างแล้วเอาหัวที่ใส่หมวกกันน็อกกระแทกไปที่เว้าดั้งของเขาอีกหนึ่งที เป็นไทวิ้งๆ เดินเซแซด นับดาวเห็นแล้วรีบขึ้นมอเตอร์ไซค์ขับหนีออกไปทันที
“เฮ้ย...จะหนีไปไหน”
เป็นไทจะวิ่งตาม แต่จากอาการมึนเซ ทำให้เดินขาขวิด เอียงไปเอียงมา ตามไม่ทัน

สังวรณ์นั่งดูภาพไอยูกิ จากนิตยสารเอเชี่ยนฮิตของเขา เลขาเดินเข้ามากระซิบข้างหู สังวรณ์หน้าตื่น
“ไอยูกิอยู่เมืองไทยแล้ว พูดเป็นเล่น ข่าวแบบนี้เราน่าจะรู้สิ”
“นี่เราก็กำลังรู้อยู่ไม่ใช่เหรอครับ”
“ฉันหมายถึงว่าเราน่าจะรู้ แล้วไปทำข่าวที่สนามบินเว้ย”
“นักสืบที่เราจ้างไปสืบบอกว่า เธอบินมาพักผ่อนเป็นการส่วนตัว ก่อนที่จะจัดคอนเสิร์ตครับ”
สังวรณ์คิดๆ
“พักผ่อนเป็นการส่วนตัวเหรอ งั้นก็ดีเลย โทรไปนัดสัมภาษณ์ไอยูกิให้ได้ เพราะมันจะเป็นสกู๊ปที่เอ็กคูสซีฟที่สุด เพราะไม่มีหนังสือเล่มไหนได้รู้เลย แล้วที่สำคัญ ฉันจะสัมภาษณ์เอง”
สังวรณ์ยิ้มหน้าหื่น มีความสุขสุดๆ เลขามองๆก่อนจะรับคำ
“ครับ”
“แล้วก็อย่าลืมส่งคนสะกดรอยตามทุกฝีก้าวด้วย ฉันอยากรู้ว่ายูกิจะมาทำอะไรบ้าง”
“ได้ครับ”
เลขาเดินสวนกับวราพรรณออกไป เธอเดินเข้ามาส่งสกู๊ปงานกับสังวร
“นี่สกู๊ปรวมข่าวฉาวดาราในรอบปีค่ะ”
สังวรหยิบมาเปิดดู
“ดี...พาดหัวแรงดี ผมชอบ คุณนี่เป็นนักข่าวมือหนึ่งของนิตยสารบันเทิงไทยใช่มั้ย”
วราพรรณยิ้มๆ
“เดี๋ยวคุณช่วยทำประวัติชีวิตผม แบบบทสัมภาษณ์ ลงทุกเล่มหน่อย ผมจะรวมเล่มขาย”
“บทสัมภาษณ์ตัวคุณซังวอนเอง ลงทุกเล่ม” วราพรรณหัวเราะแหยๆ “ดีค่ะ...น่าอ่านดี ว่าแต่จะให้ฉันเริ่มสัมภาษณ์คุณเมื่อไหร่ดีคะ”
“สัมภาษณ์อะไรกัน ผมอัดเทปสัมภาษณ์ตัวเองไว้หมดแล้ว คุณเอาไปถอดแล้วเรียบเรียงได้เลย”
สังวรณ์หยิบกล่องเทปสัมภาษณ์ตัวเองที่อยู่ในกล่องมาวางตั้งบนโต๊ะ มีราวๆ 20 ม้วนได้ วราพรรณตกใจ
“นี่ลงได้หลายปีเลยนะคะ”
สังวรณ์ยิ้มภูมิใจ วราพรรณมองไปเห็นปกเอเชี่ยนฮิตที่หน้าปกไอยูกิ เธอนึกขึ้นได้
“เอ่อ คุณซังวอนคะ คุณซังวอนชอบไอยูกิเหรอคะ”
“ใครๆก็ชอบไอยูกิทั้งนั้น เค้ากำลังดังมากเลยนะคุณ”
“ฉันมีเพื่อนคนนึง เค้าอยากเป็นดารา หน้าตาคล้ายๆไอยูกินี่แหละค่ะ”
“พูดเป็นเล่น ถ้าสวยขนาดนั้นก็น่าจะดังไปตั้งนานแล้วสิ”
“คืออาจจะต้องแต่งเพิ่มนิดๆหน่อยๆน่ะค่ะ คุณซังวอนสนใจอยากดูตัวมั้ยคะ”
“เอาสิ...ถ้าเหมือนไอยูกิจริงๆ ผมจะปั้นให้ดังระเบิดเลย”
วราพรรณยิ้มดีใจกับคำพูดของสังวร

เป็นไทเดินอยู่ที่สนามหลวงกับยูกิ เขาเดินเซไปเซมาไม่ค่อยตรงทาง ซึ่งเป็นผลจากการที่โดนนับดาวตบหูมา
“ผมว่าจะพายูกิจังทัวร์รอบเกาะรัตนโกสินทร์นะครับ”
ยูกิมองอย่างเป็นห่วง
“สภาพนี้ จะรอดมั้ยคะ”
“ไหวครับ...ผมไหว”
เป็นไทดูทุลักทุเลมาก ขณะเดียวกันนั้น กลุ่มวัยรุ่นเดินมามองยูกิ แล้วกรี๊ดกร๊าด
“ไอยูกิ...ไอยูกิจริงๆด้วย”
ยูกิรีบเอาแว่นดำมาใส่ ส่ายหน้าว่าไม่ใช่ วัยรุ่นพยายามจะพุ่งเข้าหา เป็นไทกันไว้
“เดี๋ยวผมจัดการตรงนี้เอง”
เป็นไทกันแบบเซไปเซมา ยูกิรีบเดินไป เป็นไทพยายามกันวัยรุ่นแต่เหมือนคนเมาหาเรื่องมากกว่า
“อย่าตามไปนะ...อย่า”
เป็นไทเซไปเซมา วัยรุ่นไม่พอใจ
“จะไปกินเหล้าที่ไหนก็ไปเลย อย่ามายุ่งเรื่องของเด็ก”
วัยรุ่นอีกคนมองเหยียด
“เมาจนแทบเอาตัวเองไม่รอด ยังจะมาขวางอีก”
เป็นไทยังโซซัดโซเซ ขวางทางเด็กวัยรุ่นไว้
“ตามไม่ได้ บอกว่าตามไม่ได้”
ตำรวจแถวนั้นเดินเข้ามาเคลียร์
“มีเรื่องอะไรกันน่ะ”
วัยรุ่นรีบฟ้อง
“คนเมามาอาละวาดค่ะ เราไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”
วัยรุ่นอีกสองคนรีบเสริม
“ใช่ค่ะ มาขวางทางไม่ให้ไป”
ตำรวจคว้าตัวเป็นไท
“อะไรน่ะเรา...ไปโรงพักเลยไป”
เป็นไทพยายามอธิบาย แต่ก็ยืนตัวเอียง
“ผมไม่ได้เมานะครับ ไม่ได้เมาจริงๆ”
“ยืนให้ตรงแล้วค่อยพูดดีมั้ย ไป...ไปโรงพัก”

ตำรวจล็อกแขนเป็นไทไว้ เป็นไทพยายามจะยื้อแต่ก็อ่อนปวกเปียก

เป็นไทถูกตำรวจจับมาที่สถานีตำรวจ และถูกคุมตัวอยู่ในห้องขัง ยูกิมาเยี่ยมยืนอยู่ด้านนอกลูกกรง เป็นไทพูดกับยูกิด้วยแววตาจริงจัง

“คุณไม่ต้องกลัวนะยูกิจัง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็จะปกป้องคุณเอง”
ยูกิมองยิ้มๆ
“ฉันว่าคุณเอาตัวเองให้รอดก่อนดีกว่า”
ยูกิหัวเราะ เป็นไทจ๋อยไป
“อย่าล้อสิ อายนะ”
ตำรวจเปิดห้องขังเรียกเป็นไทออกมา
“เอ้า...ออกมาได้แล้ว”
เป็นไทยังเดินออกมาเซๆ ตำรวจหันมาถามยูกิ
“แน่ใจนะว่าไม่ได้เมา...สภาพนี้น่ะ”
“ไม่สบายค่ะ”
ตำรวจหันไปถามเป็นไท
“นี่แฟนเหรอ”
ยูกิรีบปฏิเสธ
“เปล่าค่ะ”
เป็นไทมองเหลือบๆแบบอยากให้ตอบว่าแฟน แต่พอยูกิตอบว่าไม่ใช่แฟน ตำรวจก็เปลี่ยนน้ำเสียงเป็นพูดเพราะกับยูกิทันที
“พาไปหาหมอให้เรียบร้อยนะครับ อย่าปล่อยให้เดินเพ่นพ่าน ไปไหนมีสายจูงก็ดี เวลาอึนี่ก็ควรจะเก็บใส่ถุงไปทิ้งถังขยะ”
เป็นไทมองเคืองๆ
“คน ไม่ใช่หมา”
ตำรวจยิ้มหวานให้ยูกิ
“ตามสบายนะครับ ถ้ามีอะไรให้ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างเรารับใช้ก็เชิญได้ทุกเวลาครับ”
เป็นไทเบ้หน้าหมั่นไส้ตำรวจ ยูกิได้แต่ยิ้ม

ยูกิพาเป็นไทมาตรวจอาการที่โรงพยาบาล เพิ่งตรวจเสร็จรู้ผลจากหมอ เขาก็ถามหมออย่างสงสัย
“น้ำในหูไม่เท่ากัน”
“แรงกระแทกส่งผลให้ความดันภายในหูผิดปกติ มีผลต่อการทรงตัวน่ะครับ” หมออธิบาย
“แล้วผมต้องทำยังไงกับมันบ้างครับเนี่ย”
“พักผ่อนมากๆ ทานยาตามที่หมอสั่งก็พอ เดี๋ยวร่างกายก็จะค่อยๆปรับสมดุลไปเอง”
“แล้วผมไปไหนมาไหนได้มั้ยครับเนี่ย”
“แล้ววันนี้เป็นไงละครับ”
“หนัก...”
“ถ้างั้นพักผ่อนอยู่เฉยๆก็ดีกว่า”
เป็นไทมองหน้ายูกิเซ็งๆ จ๋อยๆ

เป็นไทนั่งอยู่บนรถเข็นโดยมียูกิเป็นคนเข็นให้
“แย่เลย นอกจากจะไม่ได้พายูกิจังเที่ยวแล้ว ยังพามาลำบากอีก”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“แต่ผมสัญญานะครับ ว่าถ้าผมดีขึ้นเมื่อไหร่ ยูกิจังอยากไปไหน ผมจะพาไปทุกที่”
“พักผ่อนก่อนเถอะค่ะ เรื่องเที่ยว ฉันไปเองก็ได้”
“ไม่ได้ครับ รอผมหน่อยนะครับ ผมสัญญาจริงๆ”
ยูกิพยักหน้ายิ้มๆรับคำ แล้วเข็นเป็นไทไปตามทางเดิน วราพรรณเดินมาจ่ายเงินค่ายาพอดีเห็นไอยูกิกำลังเข็นรถคุยกับเป็นไทผ่านไป เธอมองอย่างคุ้นๆ
“ใครวะ หน้าตาอย่างกับไอ้นับดาว...” วราพรรณนึกได้ “เฮ้ย ไอ ยูกิ นี่หว่า ตัวจริงโคตรสวยเลย มากับใครน่ะ” วราพรรณคิดบางอย่างออก หยิบกล้องออกมาจากกระเป๋า “คราวนี้ล่ะ ได้ข่าวใหญ่แน่”
วราพรรณ หาที่แอบถ่ายที่เหมาะเจาะ เห็นยูกิกำลังพยุงเป็นไทลุกขึ้น เป็นไทเซ ยูกิพยุงไว้ ทั้งคู่มองตากันเขินๆ โดยที่ไม่รู้ตัวว่าทุกกระบวนท่า วราพรรณได้ถ่ายไว้หมดแล้ว

เย็นนั้นวราพรรณรอนับดาวอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าแต่แค่ไม่กี่อึดใจนับดาวก็เดินมา
“กุญแจรถฉันล่ะ”
นับดาวยื่นกุญแจรถคืนให้
“แกรู้มั้ย ฉันเกือบต้องตัดหัวทิ้งเพราะหมวกกันน็อกบ้า ๆของแก”
“แล้วเป็นไง ได้เงินมามั้ย”
นับดาวส่ายหน้า
“กะแล้วเชียว ปล่อยแกทำอะไรคนเดียว ไม่ได้เรื่องซักที”
“เฮ้ย...จะโทษฉันก็ไม่ถูกนะ ไอ้บ้านั่นมันหน้าด้านจะตาย ทำเป็นจำฉันไม่ได้ซะงั้น ฉันละเจ็บใจนักเชียว แต่ก็ดีนะ ให้บ้องหูมันไปที ไม่งั้นฉันต้องอกแตกตายแน่ๆ”
“เออ...ก็ทำได้แค่เนี้ย ทั้งปีอ่ะ”
“แล้วนี่เร่งฉันให้มาเนี่ย มีธุระอะไรรึเปล่า”
“มีสิ สำคัญกับแกด้วย”
นับดาวยิ้มระรื่น
“เฮ้ย เรื่องอะไรอ่ะ แกหางานให้ฉันทำได้แล้วใช่เปล่า”
วราพรรณส่ายหน้า
“ไม่ใช่”
นับดาวถอนหายใจเซ็งๆ
“แล้วอะไร”
“เจ๋งกว่านั้นอีก เจ้านายฉันบอกว่าอยากจะเห็นตัวจริงแกเว้ย แล้วถ้าแกถูกใจเค้านะ เค้าจะดันแกให้เป็นซุปเปอร์สตาร์เลยเว้ย”
นับดาวกรี๊ดเลย ตื่นเต้นมาก
“พูดเป็นเล่น...แล้ว...แล้วฉันต้องทำยังไงจะถูกใจเค้าวะ แบบชัวร์ ไม่พลาดเลย เห็นปุ๊บ ถูกใจปั๊บ”
“นี่ไงประเด็น ฉันเลยพาแกมานี่...เค้าหาคิวยากมากนะ แต่เค้าก็ให้แกเข้าพบด้วย”
วราพรรณยักคิ้วให้เพื่อน บอกให้รู้ถึงความแน่ของตัวเอง

วราพรรณหยิบเสื้อผ้าสวยๆมาเป็นสิบชุด โยนให้นับดาวถือ นับดาวถืออย่างทุลักทุเล วราพรรณชี้ให้เดินไปเค้าน์เตอร์เพื่อจ่ายเงิน
หลังจากออกจากร้านเสื้อผ้า ทั้งสองก็ตรงมายังร้านเครื่องสำอางมาเลือกเครื่องสำอาง วราพรรณหยิบลิปสติกสีนู้ดสวยๆใส่ตะกร้าเต็มไปหมด อีกทั้งอายไลน์เนอร์ มาสคาร่า อายเชโดว์ บลัชออน สารพัด...นับดาวทาปากแดงแจ๋ มาหา วราพรรณพร้อมทำท่าเซ็กซี่ วราพรรณได้แต่ส่ายหัวเพราะมันไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
นับดาวถือถุงช้อปปิ้งพะรุงพะรังเดินตามวราพรรณ
“เฮ้ย นุ้ย...แกจ่ายตังค์ไปเยอะขนาดนี้ ฉันไม่มีใช้แกหรอกนะเว้ย”
“ไม่เป็นไร ฉันเลี้ยง”
“อยู่ๆแกจะมาเลี้ยงฉันได้ยังไง ไม่เอาหรอก”
“เอาน่า วันนี้ฉันได้งานใหญ่มา สกู๊ปที่ได้คงโบนัสให้ฉันมากกว่าที่ซื้อของให้แกเป็นไหนๆ”
นับดาวหน้าตื่นอยากรู้มาก
“เหรอ งานอะไร”
“ถ่ายรูปคนดังน่ะ แกไม่ต้องไปสนใจหรอก แกสนใจแค่ว่าคนดังคนนั้นทำให้ฉันคิดว่า ฉันจะปั้นแกเป็นซุปเปอร์สตาร์ได้ไม่ยาก”
นับดาว ดีใจ
“จริงเหรอ อย่าล้อฉันเล่นนะเว้ย ฉันฝันไปไกลแล้วนะ”
“ล้อเล่นรึเปล่า เดี๋ยวก็คอยดูกัน”
วราพรรณมองป้ายร้านทำผมไฮโซ แล้วพานับดาวเข้าไป

วราพรรณพานับดาวเข้ามาร้านทำผม ช่างทำผมตกใจกับสภาพผมนับดาว วราพรรณเลือกแบบทรงผม ทรงเดียวกับไอยูกิให้นับดาว แล้วบรีฟช่างทำผมต่างๆนานาก่อนจะไปนั่งรอ นับดาวถูกจับทำผม อบไอน้ำ ทำสี สารพัด ทำเอาเธอนั่งสัปหงก ช่างต้องคอยจับหัวเธอให้ตั้ง สุดท้ายช่างจับถอดแว่น แต่งหน้าแต่งตา
วราพรรณนั่งหลับหมดท่าอยู่ตรงเก้าอี้นั่งรอ ในมือถือนิตยสารหน้าปกไอยูกิคาอยู่ด้วย ทันใดนั้นมีมือหนึ่งมาสะกิดเธอให้ตื่น วราพรรณงัวเงียตื่นขึ้นมาเงยหน้าขึ้นมองก็ต้องตะลึงเมื่อเห็นนับดาวทั้งทำผมแต่งหน้า ใส่ชุดที่เธอซื้อให้ครบชุด สวยราวกับนางฟ้า วราพรรณตื่นเต้น ส่วนนับดาวยังขัดๆเขินๆกับลุคใหม่ของเธอ
“เป็นไง พอได้มั้ยแก”
วราพรรณยิ้มพอใจ
“เฮ้ย...ใครเอาซาตานหัวกระเซิงไปไว้ไหนแล้ววะ”
นับดาวเขินๆ
“แก...อย่าว่าดิ มันเขินนะเว้ย เอาจริงๆ สวยป่าว”
“ตรงๆเลยนะเว้ย ถ้าแกเป็นทำตัวแบบนี้ตั้งแต่แรก ป่านนี้นะ อั้มก็อั้มเถอะ”
นับดาวถูกใจเขินใหญ่
“เจ้านายแกเค้าจะถูกใจใช่มั้ย”
“ชัวร์...ไปฉลองกันหน่อยดีกว่าเพื่อน”
นับดาวยิ้มดีใจ ตื่นเต้น ที่ตัวเองจะได้ดัง

วราพรรณพานับดาวเข้ามานั่งในร้านอาหารญี่ปุ่น ยามาดะกำลังนั่งกินข้าวอยู่คนเดียว เค้าเห็นนับดาวก็เข้าใจว่าเป็นยูกิ เขายิ้มพึงใจ
“ร้านแบบนี้ฉันสั่งไม่เป็นหรอกแก”
“เออรู้...ว่าแกโตมาแบบชาตินิยม ถูกปลูกฝังให้รักวัฒนธรรมไทย แต่แกต้องเรียนรู้ไว้บ้าง เดี๋ยวพอเป็นดาราแล้วใครเค้าชวนมาจะสั่งไม่เป็น”
“เหรอๆ เอาสิ”
ยามาดะเดินเข้ามาทักนับดาวอย่างคนคุ้นเคย
“สวัสดีครับ”
นับดาวกับ วราพรรณ มองหน้ากันงงๆ
“ยามาดะที่เจอกันที่ฟิตเนสเมื่อเช้าไงครับ”
“ฟิตเนสอะไร ไม่เคยไป ฉันไม่รู้จักคุณหรอก”
“คุณยังบอกว่าคุ้นหน้าผมอยู่เลย”
นับดาวชักไม่พอใจ
“ไม่คุ้น... ไม่รู้จักจริงๆ จำคนผิดแล้ว”
ยามาดะเอามือทุบโต๊ะด้วยความโมโห
“ผมไม่เคยลืมคุณ ผมจะจำผิดได้ยังไง”
วราพรรณเห็นท่าไม่ดีรีบชวน
“ไปเถอะแก ท่าจะเมาว่ะ”
นับดาวกลัวยามาดะ จึงรีบพากันเดินออกไปกับวราพรรณ ยามาดะมองตามอย่างโมโห
“ไม่รู้จักงั้นเหรอ อายคนอื่นนักรึไงที่รู้จักผมน่ะ เพราะผมมันเลวใช่มั้ย...เราได้เห็นดีกันแน่”
คนในร้านตื่นตกใจกับพฤติกรรมของเขา ยามาดะโกรธมาก

ค่ำนั้น...เป็นไทนั่งพิงหัวเตียง สะโหลสะเหล
“โอ๊ย...บ้านหมุนๆ”
เขาหลับตาลงเพื่อลดอาการเบลอ แล้วภาพของผู้หญิงใส่หมวกกันน็อกวิ่งมาบ้องหูเขาก็แว้บเข้ามา มันหมุนกระจายไปทั่วในความคิด
“ไอ้เด็กแว้น ฉันเจอแกที่ไหน ฉันเอาแกตายแน่”
เป็นไทล้มตัวลงนอนก่อนที่เขาจะอาการหนักไปมากกว่านี้

ยามาดะมาหา ซีซีที่คอนโด เขายืนเคาะประตูห้องดังระรัว ซีซีเดินมาเปิดประตู
“โอ๊ย ใครมาดึกป่านนี้”
ซีซีเปิดประตูมาเห็นยามาดะเมาแอ๋อยู่หน้าห้อง
“นี่แกรู้จักบ้านฉันได้ไงเนี่ย”
ยามาดะเมามายพูดลิ้นรัว
“อย่าดูถูกนะ ผมน่ะยากูซ่า ยากูซ่าอยากรู้อะไร รู้หมด”
“แล้วนี่แกเมาขนาดนี้ แกจับยายไอยูกิเรียบร้อยแล้วรึยังเนี่ย”
“ไอ ยูกิ นางชั่ว หลอกให้อยากแล้วก็จากไป”
ซีซีงงๆ
“แกพูดอะไรของแกเนี่ย...สภาพแบบนี้ยังไม่ได้ทำงานให้ฉันใช่มั้ย ดีฉันจะได้ไปจ้างคนอื่น”
ยามาดะดึงมือซีซีไว้
“อย่าไป ยามาดะรับปากแล้ว คำไหนต้องคำนั้น ผมน่ะยามาดะ ยากูซ่าหมายเลข 2 เชียวนะ”
ซีซีเบ้หน้าเหยียดๆ
“อันดับสองแล้วไง อันดับสองแล้วทำงานพลาดจะมีประโยชน์อะไร”
“พลาดไม่ได้แล้ว รู้มั้ยการลงโทษคนทำงานพลาดของยากูซ่าเค้าทำกันยังไง”
“ทำยังไง”
“ตัดนิ้ว ผมน่ะพลาดไปแล้ว 2 ครั้งในชีวิต สัญญากับตัวเองว่าจะไม่พลาดครั้งที่ 3 ไม่งั้นผมจะต้องเสียนิ้วไปอีก”
“อะไรของแก นิ้วแกก็ยังอยู่ครบ”
“ผมลืมบอกไปว่าผมเกิดมามี 12 นิ้ว เหมือนพ่อรู้ว่าผมจะเป็นยากูซ่า เลยให้นิ้วมาเกิน”
ซีซีมองอย่างเซ็งๆ
“เมาแล้วแก”
“เหมือนพ่อคอยเตือนเสมอว่า อย่าพลาดอีกเป็นครั้งที่ 3”
“ดี...งั้นก็รีบๆลงมือสิ”
ซีซีหันไปอีกที ยามาดะหลับไม่ได้สติบนโซฟาของเธอไปซะแล้ว
“เอ๊า...อะไรเนี่ย งานก็ไม่ทำ เมาหัวราน้ำมาวุ่นวายถึงฉันอีก นี่มันคนไทยชัดๆ”
ซีซีมองอย่างระอา ที่ยามาดะเมาหลับสนิท ไม่รู้สึกตัว

ค่ำคืนนั้น...นับดาวล้มตัวลงนอน ไม่ล้างหน้า ไม่เปลี่ยนชุด
“เรื่องอะไรจะอาบน้ำ พรุ่งนี้ตื่นมาไม่ได้แบบนี้จะว่าไง”
นับดาวยิ้มหวาน ฝันไปไกล

สายๆของวันต่อมา...เป็นไทเอางานมานั่งทำที่บ้าน เขากำลังจดจ่ออยู่กับจอคอม องอาจเดินเข้ามาหา
“นี่ตัวเลขซัพพลายเออร์ทั้งหมดที่ผมเช็กมาครับ”
“ว่าไงนะ”
เป็นไทหันไปหาองอาจแต่ผิดด้าน องอาจชี้
“ทางนี้”
เป็นไทหันมาหาองอาจ
“โทษทีว่ะ หูมันอื้อๆ ก้องๆ มากเลย”
“คุณไทไปทำอะไรมาครับเนี่ย สภาพถึงได้เป็นแบบนี้”
“โดนตบหูน่ะสิ”
องอาจตกใจปนแปลกใจ
“ใครตบ...ยูกิจังเหรอ หรือคุณไทคิดจะทำอะไรเธอ เธอเลยตบหูเข้าให้”
เป็นไทเซ็งเลย
“อย่าเพิ่งคิดเองเออเองได้มั้ย แค่นี้ผมก็ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว”
องอาจยิ้มแหยๆ
“แหะ แหะ”
“โดนเด็กแว๊นส์ที่ไหนไม่รู้ อยู่ก็เดินมาตบหูซะงั้น”
“ดีมันไม่ขับมอเตอร์ไซค์ชน”
“ก็ลองดูซิ แค่มันทำแค่นี้นะ ผมก็เสียงานเสียการจะแย่ ถ้าขืนได้เจออีกที ผมเล่นมันตายแน่ คอยดู” แค่คิดแก้แค้น เป็นไทก็ปวดหูปี๊ดขึ้นมาทันที “โอ๊ย...”
“ณ จุดนี้ เอาตัวเองให้รอดก่อนดีกว่า แล้วนี่จะให้ผมบอกคุณแพรวว่ายังไงล่ะเนี่ย”
“ทำไงก็ได้ ให้แพรวอย่าเพิ่งมาเจอฉันสภาพนี้ ฉันขี้เกียจตอบคำถาม”
“แล้วไม่ต้องการคนดูแลเหรอ”
“ก็คุณไง”
องอาจเบ้หน้ารับ
“มีอยู่คนเดียว ใช้ทำทุกอย่าง ยกเว้นให้ไปดูแลผู้หญิง ดีจริง”
องอาจหน้าเซ็งๆ

นับดาวลงมาจากบนบ้าน มาที่โต๊ะอาหาร ในชุดเดิม หน้าเดิมจากเมื่อคืน
“มีอะไรกินมั่งเนี่ย”
รจนาหันไปเห็นก็ตกใจ
“นี่แกเป็นใคร เข้ามาในบ้านได้ยังไง”
“ย่า นี่หนูเอง จำไม่ได้เหรอ”
“หนูไหน...เดี๋ยวปั๊ดฟาดให้”
“นับดาว หลานย่าไง”
“อ๋อ นึกว่าใคร...ห๊า ว่าไงนะ นับดาวเหรอ”
นับดาว ยิ้มหวานให้ย่า
“จ้ะ ย่า”
“คิดยังไงทำตัวสวยขนาดนี้ สวยจนจำไม่ได้เชียว”
“หนูจะดังแล้วนะย่า หนูจะได้เป็นดาราแล้ว”
“ใครบอกแก”
“นุ้ยไง...นุ้ยบอกจะพาฉันไปเป็นดารา”
“ให้มันจริงเฮอะ”
ขณะเดียวกันนั้นเสียงมอเตอร์ไซค์ของวราพรรณส่งเสียงเข้ามา นับดาวดีใจ
“นั่นไง มันมารับแล้ว อวยพรหน่อยสิ”
“ขอให้ดังสมใจละกันนะลูกนะ”
“ย่าน่ารักที่สุดเลย...หนูไปก่อนล่ะ”
“อ้าว ไม่กินข้าวแล้วเหรอ”
“ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวพุงป่อง ไม่สวย”
ย่ามองหลานสาวที่เดินออกไปอย่างมีความสุขที่เห็นความฝันของหลานดูท่าจะเป็นจริงได้มากขึ้น

นับดาวออกมาหาวราพรรณที่หน้าบ้าน วราพรรณอึ้งไป
“นี่ใส่ชุดเดิมเลยเหรอเนี่ย”
“ก็อะไรที่เราชัวร์ว่าสวย ก็อย่าไปเปลี่ยน”
“นี่ไม่ได้ล้างหน้า อาบน้ำเลยใช่มั้ย”
“แกรู้ด้วยเหรอ”
นับดาวดมตัวเองว่าเหม็นมั้ย
“ก็ฉันเป็นเพื่อนแกนี่หว่า แต่ที่ฉันสงสัยคือแกจะไปกับฉันทำไมตั้งแต่เช้าวะ ฉันนัดหัวหน้าไว้ตั้งบ่าย”
“ก็ฉันตื่นเต้น อยู่คนเดียวก็ไม่เป็นอันทำอะไรหรอก”
“เออ แล้วแต่ละกัน แต่ฉันมีธุระหลายที่นะ”
“อืม”
วราพรรณยื่นหมวกกันน็อกใบเดิมให้ นับดาวมองแหยงๆ
“ให้ใส่ใบนี้อีกแล้วเหรอ เมื่อวานกว่าจะเอาออกได้”
“เอาน่า ฉันก็มีอยู่แค่สองใบนี้เท่านั้นแหละ อย่าเรื่องมากเลย ตอนนี้ยังไม่ได้เป็นดาราเว้ย”
“เออๆ”
“ก็อย่าไปเผลอล็อกหมวกอีกล่ะ”
“คิดว่าฉันโง่ขนาดจะทำซ้ำเลยรึไง บ้าน่า”
“เออ ยินดีด้วยที่ฉลาด งั้นไปกันเลยละกัน”

วราพรรณสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ นับดาวสวมหมวกกันน็อกปรอทใบเดิม ซ้อนท้ายไป วราพรรณขับมอเตอร์ไซค์ออกไป













Create Date : 29 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 29 กุมภาพันธ์ 2555 11:13:23 น.
Counter : 321 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]