'หัวใจ๋ข้า หัวใจ๋เจ้า ห้อยอยู่เก๊าเดียวกั๋น' *
*คลิกเพื่ออ่านคำแปลเจ้า :)
เรื่องของ "พ่อ" (๗)

ตอน...เมื่อเอื้องสามปอยบานบนลานดิน

สำหรับพ่อ แม่มีตัวตนในสายตาพ่อมาเนิ่นนานแล้ว...หากในฐานะเพื่อนบ้านสาวรุ่นพี่ที่สวย สูง และห่างไกล...จนพ่อไม่เคยแม้แต่จะคิดเอื้อมมือคว้า...
ด้วย 'แม่' ในสายตาพ่อนั้น เปรียบได้กับดอกเอื้องสามปอยหลวงนั่นทีเดียว...เบ่งบานชูช่ออยู่แต่บนคบไม้ใหญ่...ในดงดอย...รอคอยผู้กล้าเท่านั้นจะไปเอื้อมสอย

หลังจากที่ได้มาร่วมวงสังสรรค์บันเทิงกับอาวครั้งหนึ่งแล้วพ่อก็ชักติดใจ...พ่อรู้สึกปลดปล่อย ผ่อนคลายจากอะไรก็ตามที่มันรึงรัดพ่ออยู่ในห้วงเวลานั้น...ทั้งความรักความปรารถนาอันไม่สมหวัง...ทั้งภาระหน้าที่อันหนักหน่วง
เมื่อได้มาพูดคุย ร้องรำทำเพลงกับเพื่อน ๆ พ่อก็รู้สึกได้ว่า...สิ่งต่าง ๆ ที่มันหนักอึ้งอยู่ในใจมันเบาลงไป...แม้จะยังไม่หมดเลยทีเดียวแต่พ่อก็รู้สึกก็โล่งและสบายใจขึ้นเยอะ

และจากการได้พูดคุยกับอาวหลายครั้งเข้า พ่อก็เริ่มมีทัศนคติต่ออาวในทางที่ดีขึ้น พ่อบอกว่า พ่อได้เรียนรู้ ได้เห็นสาระบางอย่างภายใต้ท่าทีที่ดูเหมือนจะเหลวไหลไร้สาระของอาว
พ่อเริ่มวางใจในตัวอาวมากขึ้น จนกล้าพอที่จะปรารภเชิงปรึกษาปัญหาหัวใจของพ่อกับอาว...พ่อบอกว่าพ่อจริงจังและจริงใจในความสัมพันธ์ที่พ่อได้สร้างขึ้นกับสมศรีมาก...ประมาณว่า...รักจริงหวังแต่ง

แต่...เมื่อพ่อพูดถึงความคิดและความมุ่งหวังที่พ่อมีต่อคนที่จะมาเป็นแม่ของลูกของพ่อในอนาคต...อาวก็ตบเข่าตัวเองฉาด...แล้วบอกว่า..."กูว่าแล้ว"
อาวบอกพ่อว่า...พ่อไม่จำเป็นต้องรีบร้อนมีชีวิตครอบครัวหรอก ให้ดู ๆ กันไปก่อน คนเราหากคู่กันแล้วก็ไม่แคล้วกันไปไหนหรอก...สมศรีเองก็อายุยังน้อย ความคิดความอ่านอะไรก็คงยังเยาว์ตามอายุ
พ่อรู้สึกแปลกใจตัวเองที่พ่อเห็นคล้อยตามอาวอย่างง่ายดาย...

พ่อคิดถึงสมศรีอยู่บ้าง ในช่วงที่ต้องห่างกันไป แต่เมื่อพ่อได้มานั่งปล่อยอารมณ์อยู่ที่บ้านอาว พ่อก็ดูเหมือนจะเลือน ๆ ความคิดถึงนั้นลงไป...ด้วยมีสิ่งอื่นให้พ่อได้เพลิดเพลินจำเริญใจมากกว่า...
ฉันลืมเล่าไปอย่างหนึ่งว่าพ่อมีหัวทางดนตรีด้วย...พ่อเล่นเครื่องดนตรีพื้นเมืองได้เกือบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นสะล้อ ซอ ซึง...แต่ที่พ่อถนัดที่สุดก็คือระนาด...
เมื่อพ่อมาคลุกคลีอยู่กับอาว พ่อไม่ดื่มเหล้า แต่พ่อจะอาสาเล่นดนตรีให้กับพวกขี้เหล้าฟัง นานวันเข้าก็มีคนอื่นมาร่วมวงเล่นดนตรีกับพ่อ บางคนที่ยังเล่นไม่เป็นก็ค่อยมาหัด มาเรียนเอา...ซึ่งแต่ละคนก็สามารถเล่นได้ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ


(ฉันคิดว่าคนสมัยโบราณ(หรือที่บ้านฉันเรียกว่า 'คนบ่ะเก่า') เขาคงมีวิถีชีวิตและจิตวิญญาณที่ไม่ซับซ้อนเหมือนผู้คนในยุคปัจจุบัน เพราะจะสังเกตได้ว่าพวกเขาสามารถรังสรรค์งานศิลปะออกมาได้ง่าย ๆ แต่งดงามและเป็นธรรมชาติกว่าบรรดาศิลปินในยุคปัจจุบันมากมายนัก ไม่ว่าจะเป็นบทเพลง บทกวี รวมถึงงานศิลปะแขนงอื่น ๆ )

ในไม่ช้า...พ่อก็สามารถตั้งวงดนตรีพื้นเมืองขึ้นมาเป็นวงแรกของหมู่บ้าน...รับเล่นตามงานต่าง ๆ ในหมู่บ้านและละแวกใกล้เคียง...โดยเฉพาะอย่างยิ่งรับ "แห่" ในงานศพ...บางงานเจ้าภาพก็มีเงินใส่ซองให้ บางงานที่เจ้าภาพจนหน่อยก็เล่นกันฟรี ๆ ถือเป็นการกุศลไป...ซึ่งพ่อก็รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจนักหนากับบุญที่ได้รับ

วันหนึ่งในต้นฤดูหนาว...ต้นข้าวในท้องทุ่งกำลังออกรวง... พ่อก็ได้ข่าวสมศรีรับผูกข้อมือ...เข้าพิธีวิวาห์กับชายหนุ่มข้างบ้านแล้วเรียบร้อย
ในตอนนั้นพ่อยังไม่รู้จักคำว่าอกหัก...แต่พ่อก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่กดทับจนทึบตื้อ ตีบตัน แน่นอยู่ในหัวอก...
พ่อบอกว่าพ่อบรรยายไม่ถูกหรอกว่าพ่อรู้สึกยังไง จะว่าเสียใจ เสียดายก็ไม่เชิงนัก...มันงง ๆ มากกว่า
พ่อรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักมวยที่แค่เดินขึ้นไปบนสนาม ยังไม่ทันได้ไหว้ครู ก็ถูกคู่ต่อสู้ไล่ถลุงจนไม่มีโอกาสตั้งตัว...ทำให้พ่อต้องกระโดดลงจากเวทีไปอย่างมึน ๆ

อาวเป็นคนนำข่าวนี้มาบอกพ่อ เมื่อจบการรายงานข่าวอาวก็สรุปสั้น ๆ ว่า..."กูว่าแล้ว..."
ปฏิกิริยาของพ่อต่อข่าวนี้ดูจะเกินความคาดหมายของอาว...แต่อาวก็เข้าใจและเห็นใจพ่อ เพราะนั่นเป็นรักครั้งแรกของหนุ่มน้อยที่เพิ่งพ้นออกมาจากเขตรั้วพัทธสีมา...

อาวสงสารพ่อจนเอาไปปรารภกับแม่...ซึ่งในระยะหลังนี้แม่จะรับฟังเรื่องราวของพ่อด้วยความใส่ใจมากขึ้น แม่ซักถามอาการของพ่ออย่างสนใจ จนอาวชักเอะใจ...เมื่อเกิดเอะใจขึ้นมาอาวก็ไม่ปล่อยให้ความรู้สึกนั้นค้างคาอยู่...

อาวเฝ้าจับตาดูความสัมพันธ์ของแม่กับคนรักหนุ่มคุณครูอย่างใกล้ชิดแล้วอาวก็ได้เห็นรอยแยกของความสัมพันธ์นั้น ๆ... และดูเหมือนว่ารอยแยกนั้นกำลังจะปริแตกออกมากขึ้น ๆ เมื่อคุณครูคนนั้นเริ่มหายหน้าไปทีละหลาย ๆ วัน และบางวันที่มาช่วงเวลาของการพูดคุยก็สั้นลง...แม่บอกว่า...ก็ไม่รู้จะคุยอะไรนี่...แล้วอาวก็จับได้ถึงความไม่แยแสในน้ำเสียงของแม่...

อาวจึงไม่รู้สึกผิดเลยที่...วันหนึ่ง...อาวคิดจะจับคู่ให้พ่อกับแม่...คนหนึ่งเป็นเพื่อนที่อาวชื่นชม อีกคนก็เป็นพี่สาวที่แสนรักแสนสนิท...จะดีแค่ไหนถ้าคนทั้งสอง จะได้มาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอให้กันและกัน...

อาวเริ่มปฏิบัติการด้วยการยุบ้างแหย่บ้างทางโน้นที ทางนี้ที ซึ่งดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผลนักในตอนแรก เพราะพ่อยังไม่ค่อยกล้าเท่าไหร่ ส่วนแม่ในตอนนั้นแม้จะสงสารอยู่บ้าง แต่ก็ยังคงมองพ่อในฐานะเพื่อนน้องชาย...

หากคงเป็นด้วยบุพเพสันนิวาส...แท้เชียวที่ส่งใครอีกคนหนึ่งก้าวเข้ามาในแวดวงชีวิตของแม่...เบี่ยงเบนความสนใจของคุณครูหนุ่มที่เคยมีต่อแม่ให้หันไปทางเธอผู้นั้น...ซึ่งเป็นคุณครูเช่นเดียวกับเขา

เมื่อคนรักเริ่มห่างหายไป...แม่บอกว่าแม่ไม่รู้สึกเสียดายเสียใจเลยแม้แต่น้อย แต่คงเป็นด้วยอารมณ์อยากเอาชนะตามประสาหญิง ที่ทำให้แม่หันมาพิจารณา 'คนใกล้ตัว' ตามถ้อยคำยุแหย่ของอาวอย่างสนอกสนใจ โดยประกอบกับแรงสนับสนุนจากพี่สาวอีกคนของแม่ที่เพิ่งออกเรือนไปกับคนในอาชีพครูแล้วไม่มีความสุขในชีวิตคู่นัก...

และแล้ว...ดอกเอื้องสามปอยหลวงก็ร่วงลงมาเบ่งบานบนลานพื้นดินให้ไอ้หนุ่มผู้แสนจะเจียมตัวอย่างพ่อได้คว้าเด็ดมาเชยชม...

พ่อกับแม่เข้าสู่พิธีผูกข้อมือ กินแขกกันในช่วงต้นฤดูฝนของปีถัดมา...หลังงานวิวาห์ของครูหนุ่ม-สาวคู่นั้นเพียงสองสัปดาห์
















Create Date : 05 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 7 ธันวาคม 2550 20:04:16 น. 5 comments
Counter : 646 Pageviews.

 
สวัสดีตอนบ่ายแก่ๆค่ะแม่ไก่


โดย: ดอกคูณริมฝั่งโขง วันที่: 8 พฤศจิกายน 2550 เวลา:15:05:04 น.  

 
^
^

สวัสดีตอนบ่ายต้น ๆ ค่าคุณดอกคูณ...เล่นเกมอะไรอยู่คะ ขอเล่นด้วยคนดิ...



โดย: แม่ไก่ วันที่: 9 พฤศจิกายน 2550 เวลา:14:40:21 น.  

 
ฝากความคิดถึงไปยังแม่ดอกเอื้องสามปอยหลวงของคุณแม่ไก่ ปีนี้แม่ดอกเอื้องสามปอยหลวงอายุเท่าไหร่แล้วน้อ


โดย: dalanda วันที่: 9 พฤศจิกายน 2550 เวลา:19:51:41 น.  

 
แล้วคุณแม่ไก่เป็นลูกคนที่เท่าไหร่ของแม่ดอกเอื้องสามปอยหลวงหล่ะคะ หรือยังเล่าไม่ถึงค่ะ


โดย: dalanda วันที่: 9 พฤศจิกายน 2550 เวลา:19:53:36 น.  

 
^
^
55 จะมาล้วงความลับแม่ไก่อ่ะดิ หนูดา...

พรุ่งนี้จะมาอั๊พตอนต่อไปละนะ...แล้วอย่าลืมมาอ่านล่ะ


โดย: แม่ไก่ วันที่: 12 พฤศจิกายน 2550 เวลา:20:15:05 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

แม่ไก่
Location :
ลำปาง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 184 คน [?]




**หลังไมค์เจ้า**





Cute Clock Click!



เออสิ,มาอยู่ใยในโลกกว้าง
เฉกชลคว้างมาเมื่อไรไม่นึกฝัน
ยามจากไปก็เหมือนลมรำพัน
โบกกระชั้นสู่หนไหนไม่รู้เลย


รุไบยาต ~ โอมาร์ คัยยัม
สุริยฉัตร ชัยมงคล : แปล




Latest Blogs

~ท่านหญิงในกระจก/แสงเพลิง ~

~เพชรรากษส/อลินา ~

~มนตร์ทศทิศ/ราตรี อธิษฐาน ~

~เมื่อหอยทากมีรัก 1-2/"ติงโม่"เขียน/พันมัย แปล ~

~ให้รักระบายใจ/"ณกันต์"เขียน ~

~ผมกลายเป็นแมว/Abandoned/Paul Gallico เขียน(ภูธนิน แปล) ~

~พ่อค้าซ่อนกลรัก & หมอปีศาจแสนรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~อาจารย์ยอดรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~จอมโจรพยศรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~


สารบัญหนังสือ: รวมลิงก์หนังสือที่รีวิวในบล็อก # ๑ + ๒



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่ไก่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.