Chapter 25

ตอนที่ 25
"ทำไมบ้านเงียบจัง น้องไปไหนกันหมดครับ?" เจอร์รี่ที่กลับมาจากทำงานเอ่ยถามพ่อกับแม่ที่นั่งดูโทรทัศน์กันอยู่เงียบๆ
"เสี้ยวเทียนกับไจ่ไจ๋ตามแวนเนสไปห้องอัดน่ะลูก" แม่ตอบลูกชายยิ้มๆ
"แล้วไจ่ไจ๋ขามันยังเจ็บอยู่แบบนั้นน่ะนะ? ทำไมแม่ปล่อยให้น้องไปหละ?" เจอร์รี่ย้อนถาม
"ก็น้องมันงอแงน่ะสิ พ่อกับแม่ห้ามแล้วแต่น้องไม่ยอม แวนเนสก็เลยยอมพาไปด้วย" พ่อเป็นคนให้เหตุผลแทน เจอร์รี่ได้ยินก็ส่ายหน้ากับความดื้อรั้นของน้องชาย
"เดี๋ยวแผลอักเสบแล้วจะสมน้ำหน้าให้ดู" พ่อกับแม่ได้ยินก็หันไปสบตากันยิ้มๆ
"เออ....เจอร์รี่จ๊ะ พรุ่งนี้พ่อแม่จะกลับกันแล้วนะ" แม่เกริ่นนำขึ้นมาก่อน
"กลับพรุ่งนี้แล้วหรอ? เร็วจัง" เจอร์รี่ทวนคำพร้อมกับพึมพำต่อเบาๆ
"ลูกคงไม่งอแงเหมือนน้องนะจ๊ะ เมื่อคืนแม่ต้องปลอบไจ่ไจ๋อยู่ตั้งนานกว่าจะเลิกงอแงได้" แม่พูดหยอกลูกชายคนโต
"ผมไม่ทำแบบนั้นหรอกครับ" เจอร์รี่ปฏิเสธแล้วหยิบหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาอ่าน ทำให้เกิดความเงียบขึ้นมาชั่วขณะ
"เอ่อ.....เจอร์รี่.....พ่อกับแม่มีเรื่องอยากปรึกษาลูกซักหน่อยน่ะ" แล้วพ่อก็เอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา
"มีเรื่องอะไรหรอครับ?" เจอร์รี่ตอบรับแล้วลดหนังสือพิมพ์ในมือลงต่ำ
"เรื่องที่เสี้ยวเทียนจะขายบ้านอาเจียงน่ะลูก" ได้ยินเช่นนี้เจอร์รี่จึงพับหนังสือพิมพ์เก็บแล้ววางลงบนโต๊ะตามเดิม
"พ่อกับแม่ไม่เห็นด้วยกับน้องหรอครับ?" ถามพ่อแม่ด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน
"ไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วยหรอกนะ แต่เราเป็นห่วงความรู้สึกของเสี้ยวเทียนมากกว่าเพราะแม่เชื่อว่าต่อให้น้องบอกว่าตัดใจได้แล้วจริงๆแต่มันก็ต้องมีความรู้สึกเสียดายอยู่บ้างแหละ แม่ไม่อยากให้น้องต้องมานั่งเสียใจทีหลัง" เจอร์รี่ได้ยินก็พยักหน้าเล็กน้อย
"พ่อแม่ครับ ผมขอพูดตรงๆเลยนะ แต่พ่อแม่อย่าคิดมากนะครับ" เจอร์รี่ว่าพร้อมกับมองหน้าพ่อกับแม่สลับกันไปมา
"พูดมาเถอะลูก" พ่อว่าแล้วรอฟังในสิ่งที่ลูกชายจะพูด
"ผมรู้สึกว่าการที่น้องบอกจะขายบ้านอาเจียงก็เพราะต้องการทำให้พ่อแม่สบายใจ เหมือนน้องไม่อยากให้พ่อแม่ต้องกังวลว่าน้องจะรู้สึกตะขิดตะขวงใจกับเรื่องในอดีตอีก" พ่อกับแม่ได้ยินก็มีสีหน้าขรึมลง
"ถ้าจะให้ผมมอง.....ผมรู้สึกว่าน้องยังรักและก็ผูกพันกับบ้านหลังนั้นอยู่มาก แต่ในขณะเดียวกันน้องก็คงอยากจะตัดใจจากมันเหมือนกัน ตอนนี้เหมือนน้องยืนอยู่ตรงกลาง อยากกลับไปหาอดีตแต่ก็ห่วงปัจจุบันอยู่เหมือนกัน ฉะนั้นน้องเลยเลือกที่จะตัดอดีตทิ้งเพื่อทำปัจจุบันให้ดีที่สุด" เจอร์รี่พูดวิเคราะห์น้องชายให้พ่อแม่ฟังอย่างละเอียด
"แม่จะไม่ตำหนิเสี้ยวเทียนเลยหากว่าเสี้ยวเทียนบอกว่าเขารักอาเจียงมากกว่าแม่" แม่พูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
"แม่ครับ แม่อย่าพูดแบบนี้สิ ผมเชื่อว่าสำหรับน้องแล้วพ่อกับแม่เป็นที่หนึ่งเสมอ ผมรู้จักน้องดีครับแม่" เจอร์รี่พูดปลอบพร้อมกับยืนกรานเสียงหนักแน่น
"พ่อกับแม่ต้องขอบใจลูกมากเลยนะเจอร์รี่ เพราะตั้งแต่อาเจียงเสีย ลูกเองก็ต้องรับภาระดูแลเสี้ยวเทียนอยู่คนเดียวเพราะน้องไม่เอาพ่อกับแม่เลย ตอนนี้คนที่เข้าใจน้องมากที่สุดก็คือลูก เราถึงอยากจะปรึกษาเรื่องนี้กับลูกงัย" แม่พูดกับลูกชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เจอร์รี่ยิ้มแล้วกุมมือแม่ไว้รอคอยให้แม่พูดต่อไป
"พ่อกับแม่คิดจะซื้อบ้านอาเจียงขึ้นมาน่ะจ๊ะ แต่ก็กลัวน้องจะไม่พอใจ ลูกเห็นว่ายังงัย?" แม่พูดต่อพร้อมกับถามความเห็นลูกชาย เจอร์รี่นิ่งไปพักหนึ่ง
"ถ้าถามผม.....ผมว่าน้องคงไม่ยอม" เจอร์รี่ตอบไปตามความคิดของตัวเอง
"พ่อกับแม่ก็ไม่ได้คิดจะบอกกับเสี้ยวเทียนตรงๆหรอก แต่พ่อจะให้ลูกน้องคนสนิทของพ่อเป็นคนติดต่อขอซื้อแล้วค่อยมาโอนต่อให้พ่อทีหลัง" พ่ออธิบายให้ลูกชายฟัง
"แล้วต่อจากนั้นพ่อจะโอนต่อให้เป็นชื่อของลูกทั้งสี่คน แบบนี้ลูกเห็นว่างัย?" อธิบายจบก็ถามความเห็นลูกชาย
"ที่พ่อแม่อยากจะซื้อขึ้นมาก็เผื่อว่าวันนึงน้องอาจอยากจะกลับไปที่นั่นใช่มั๊ยครับ?" เจอร์รี่ไม่ตอบแต่กลับย้อนถามพ่อแม่อย่างพอจะเดาความรู้สึกของบุพการีออก
"ใช่แล้วลูก อย่างน้อยถ้าน้องคิดถึงก็ยังมีที่ให้ไป ดีกว่าที่จะปล่อยให้น้องต้องนั่งจมอยู่กับความทรงจำ" พ่อตอบพลางพยักหน้ารับ
"ถ้าพ่อแม่คิดแบบนี้ก็ทำไปเถอะครับ แต่ผมเสนอว่าเราอย่าเพิ่งบอกอะไรเสี้ยวเทียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ รอให้เวลาผ่านไปซักระยะหนึ่งก่อน ให้น้องเข้มแข็งกว่านี้อีกซักนิดแล้วเราค่อยว่ากันอีกที" เจอร์รี่เสนอความเห็นคิดเห็น ซึ่งพ่อแม่ก็เห็นด้วย
"พ่อ....แม่ว่าเราสองคนโชคดีมากเลยนะที่มีลูกชายเป็นเด็กดีกันทุกคน" เงียบกันไปซักพักแม่ก็หันไปพูดกับพ่อด้วยความภาคภูมิใจ
"พ่อก็ว่าอย่างนั้นแหละ" พ่อพยักหน้ารับคำแม่อย่างเห็นด้วย
"โดยเฉพาะลูกนะจ๊ะเจอร์รี่ แม่ขอบใจลูกที่สุดที่ทำหน้าที่แทนพ่อกับแม่ได้อย่างไม่มีข้อบกพร่อง" แม่ว่าพร้อมกับเอามือโอบไหล่ลูกชาย
"ไม่ขนาดนั้นหรอกครับแม่ ผมทำได้ไม่ดีเท่ากับพ่อแม่หรอกเพราะเวลาใครดื้อพ่อแม่ไม่เคยโมโหใส่ไม่เคยดุด่าหรือเฆี่ยนตีเลยซักครั้ง แต่ผมทำแบบพ่อกับแม่ไม่ได้ ลองน้องมันมาดื้อด้านงอแงกับผมสิ โดนตีก้นลายแน่ๆ" เจอร์รี่แย้งขึ้นยิ้มๆ
"ลูกพ่อโหดแบบนี้นี่เองถึงได้คุมน้องอยู่ ขนาดเสี้ยวเทียนที่ว่าดื้อแพ่งที่สุดลูกยังเอาอยู่เลย" พ่อว่าพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
"บางทีเสี้ยวเทียนก็ทำผมฉุนขาดเหมือนกันนะครับ เกือบจะตีมันตายหลายครั้งแล้ว" เจอร์รี่บ่นเจ้าน้องชายตัวแสบให้พ่อแม่ฟัง
"เอาหน่าลูก น้องน่าสงสารออก อะไรยอมให้น้องได้ก็ยอมเถอะลูก" แม่พูดไกล่เกลี่ยแต่ดูเหมือนจะเข้าข้างเคนมากกว่า
"แม่ต้องมาดูว่าเวลามันเอาแต่ใจน่ะฤทธิ์มากขนาดไหน? ขนาดไจ่ไจ๋ที่ว่างี่เง่างอแงมากๆแล้วยังเทียบเสี้ยวเทียนไม่ติดฝุ่นเลย" เจอร์รี่นินทาน้องชายต่อ
"พ่อแม่ก็มัวแต่ให้ท้ายมันจนผมแทบจะแตะต้องมันไม่ได้แล้วเนี่ย" บ่นอุบต่อเบาๆพร้อมกับทำหน้ามุ่ย
"หึๆๆๆ" พ่อแม่หัวเราะออกมาเบาๆ
"ไหนรายงานแม่มาหน่อยซิลูกว่าระหว่างที่พ่อกับแม่ไม่อยู่ใครก่อวีรกรรมอะไรบ้าง?" แม่ถามความเป็นไปของบรรดาลูกชาย
"เยอะแยะมากเลยครับ ผมพูดวันนี้คงไม่จบหรอก" เจอร์รี่ตอบพร้อมกับทำหน้าเมื่อย
"เริ่มจากเจ้าแวนเนสก่อนเลยนะครับ เจ้านี่น่ะไปมีเพื่อนใหม่ที่ไหนก็ไม่รู้ แต่ละคนนะผมเห็นแล้วส่ายหน้าเลย" เจอร์รี่เล่าให้พ่อกับแม่ฟัง
"ทำไมหละลูก? เขานิสัยไม่ดีหรอ?" พ่อถามต่ออย่างเป็นการเป็นงาน
"มันก็ไม่เชิงหรอกครับพ่อแต่พวกเขาเป็นคนชอบเที่ยวแล้วก็ไม่มีการงานทำเป็นหลักแหล่ง แถมยังเคยพาน้องไปแข่งมอเตอร์ไซด์ด้วย" ได้ยินดังนั้นแม่ก็ทำหน้าตกใจ
"ตายแล้ว! แล้วแวนเนสก็ไปกับเขาหรอ?" ถามซักไซร้ลูกชายต่อ
"อย่างมันน่ะปฏิเสธเขาเป็นหรือเปล่าหละครับ? เรื่องนี้ผมรู้เพราะถามเอากับพวกกลุ่มเพื่อนน้องนั่นแหละ ตอนแรกน้องโกหกผมว่าไม่เคยไปแข่งมอเตอร์ไซด์แต่พอโดนจับได้ก็เลยยอมสารภาพ" พ่อกับแม่ฟังจบก็ได้แต่ถอดถอนใจ
"แล้วตอนนี้น้องยังไปไหนมาไหนกับเพื่อนกลุ่มนี้อยู่หรือเปล่า?" พ่อถามขึ้นมาบ้าง
"เท่าที่รู้ก็ไม่เห็นน้องไปไหนกับเพื่อนกลุ่มนี้แล้วนะครับ ผมเองก็มีบอกเสี่ยวจือให้ช่วยดูให้อีกแรงเพราะปกติแล้วแวนเนสเขาจะให้เสี่ยวจือเป็นคนไปส่งเวลาไปไหนมาไหน" คำตอบของเจอร์รี่ทำให้พ่อแม่ค่อยคลายกังวลไปได้เล็กน้อย
"ลูกคนนี้เหลวไหลจริงๆ กลับมาต้องเรียกมาคุยด้วยซะแล้ว" แม่บ่นลูกชายคนรองพลางส่ายหน้าไปมา
"แม่ครับ ผมว่าแม่อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลยนะครับ ตอนที่ผมรู้ผมเองก็อบรมน้องไปแล้ว และน้องก็สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรแบบนั้นอีก" เจอร์รี่ออกหน้าแทนน้อง
"นั่นสิแม่ ลูกคงไม่กล้าทำอะไรแบบนั้นแล้วหละ ขืนเราพูดไปก็เหมือนกับไปตอกย้ำความผิดของลูกนะ" พ่อเห็นด้วยกับคำพูดของเจอร์รี่
"ก็ได้ แม่จะไม่พูดถึงเรื่องนี้ให้แวนเนสได้ยิน ว่าแต่เสี้ยวเทียนกับไจ่ไจ๋คงไม่ได้ก่อเรื่องปวดหัวให้ลูกแบบแวนเนสใช่มั๊ย?" แม่ถามถึงลูกชายอีกสองคนบ้าง
"เสี้ยวเทียนไม่ทำให้ผมปวดหัวขนาดแวนเนสแต่ก็ไม่น้อยไปกว่ากันเท่าไหร่หรอกครับ" เจอร์รี่พูดยิ้มๆแล้วสังเกตท่าทีของแม่เมื่อพูดถึงเคน
"ทำไม? น้องทำอะไร?" พ่อถามแทรกขึ้นมาด้วยเช่นกัน
"ไม่เชิงว่าทำอะไรหรอกครับ แต่เสี้ยวเทียนน่ะมันเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจเลยแหละ ผมขัดใจอะไรทีนะอาละวาดจนบ้านแทบพัง แถมยังขี้งอนขี้น้อยใจมากกว่าแต่ก่อนอีกด้วย ซ้ำยังชอบหาเรื่องทะเลาะกับผมอยู่บ่อยๆ" เจอร์รี่เอ่ยปากฟ้องแต่พ่อกับแม่ไม่มีทีท่าว่าจะตำหนิอะไรเคนเลย
"เรื่องแค่นี้เอง แม่ว่าเราก็ใช่ย่อยเหมือนกันโตแล้วยังไปนั่งทะเลาะกับน้องอีก" แม่ว่าพร้อมกับต่อว่าลูกชายด้วย เจอร์รี่เบ้ปากเมื่อเห็นพ่อแม่ดูจะมีท่าทางเข้าข้างเคนจนออกนอกหน้า
"ผมไม่นั่งทะเลาะกับมันหรอกครับ หมั่นไส้มากๆก็ให้กินไม้เรียวแทนข้าวเท่านั้นเอง" ได้ยินดังนั้นแม่ก็ทำหน้าเข้มใส่ลูกชายทันที
"ทำไมลูกต้องตีน้องด้วย รู้ก็รู้ว่าน้องเป็นโรคประจำตัว เวลาน้องร้องไห้มากๆจะพาลหายใจไม่ออก แล้วตอนนั้นที่ไฟไหม้ร่างกายของน้องก็ได้รับผลกระทบรุนแรงมีแผลเป็นตั้งหลายที่ ลูกยังจะใจร้ายตีน้องได้ลงคออีกหรอ?" แม่ต่อว่าลูกชายชุดใหญ่ เจอร์รี่เลยได้แต่ทำตาปริบๆ
"แม่ครับ ใจเย็นก่อน ผมพูดเล่นเอง" เจอร์รี่รีบเบรกก่อนที่จะโดนแม่ต่อว่าอีก
"แล้วพูดเล่นอะไรแบบนี้? ลูกคนนี้หนิ!" แม่บีบจมูกลูกชายแล้วโยกไปมาอย่างหมั่นไส้ ในขณะที่พ่อได้แต่หัวเราะ
"แตะต้องไม่ได้เลยนะครับเจ้าเสี้ยวเทียนเนี่ย แม่สบายใจได้เลยเพราะไม่ว่าผมทะเลาะกับใครผมก็ต้องเป็นฝ่ายง้อไอ้พวกทะโมนทุกครั้งนั่นแหละ" เจอร์รี่พูดด้วยน้ำเสียงงอนๆ
"น่ารักมากจ๊ะลูกแม่ นอกจากลูกจะเป็นลูกชายที่น่ารักของแม่แล้วยังเป็นพี่ชายที่แสนดีของน้องๆอีกนะเนี่ย" แม่รีบง้อลูกชายคนโตเต็มที่
"ฮึ! ผมก็เป็นได้แค่นี้แหละ อะไรที่ทำถูกใจก็รอดตัวไปอะไรที่ทำไม่ถูกใจก็โดนตำหนิ" เจอร์รี่ตัดพ้อแล้วหันหน้าหนีอย่างงอนๆ
"อ้าว.....ลูกเลยงอนเลย เห็นมั๊ยแม่น่ะว่าลูกมาก" พ่อแกล้งต่อว่าแม่
"โอ๋ๆๆๆ อย่างอนเลยนะจ๊ะ ลูกน่ะน่ารักและก็แสนดีที่สุดแล้วเจอร์รี่" แม่รีบขยับเข้าไปกอดแล้วโอ๋ลูกชายเป็นการใหญ่
"แม่ก็เหมือนกันครับ" เจอร์รี่ว่าแล้วหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่ พ่อมองสองแม่ลูกแล้วก็ได้แต่ยิ้มอย่างมีความสุข
"เหลืออีกคนนึงที่ลูกยังไม่ได้รายงานแม่นะ" แม่ว่าพร้อมกับโยกหัวลูกชายไปมาอย่างเอ็นดู
"ไจ่ไจ๋หรอครับ? พูดแล้วไม่รู้พ่อแม่จะเชื่อผมหรือเปล่า? เพราะว่าช่วงที่ผ่านมานี้น้องไม่ก่อเรื่องให้ผมปวดหัวเลย" เจอร์รี่เอ่ยชมน้องเล็กจากใจจริง
"อาจจะเป็นเพราะที่ผ่านมาน้องได้เจอะเจอกับเรื่องราวหลายๆอย่างเลยทำให้น้องโตขึ้น มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เวลาจะทำอะไรก็เริ่มคิดถึงคนอื่น ใส่ใจกับความรู้สึกนึกคิดของคนรอบข้าง รับฟังเหตุผลเวลาที่มีข้อขัดแย้งเกิดขึ้น กล้ายอมรับผิดในสิ่งที่ตัวเองทำและยอมปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น ผมภูมิใจใจตัวน้องมากเลยครับ" เจอร์รี่พูดถึงน้องเล็กพร้อมกับรอยยิ้ม
"อืม.....พ่อไม่สงสัยเลยว่าทำไมแวนเนสกับเสี้ยวเทียนถึงว่าลูกลำเอียงรักน้องไม่เท่ากัน" พ่ออดที่จะแซวลูกชายไม่ได้
"พ่อครับ ก็มันจริงนี่นา ผมไม่ได้เข้าข้างไจ่ไจ๋ซักหน่อยแต่น้องทำตัวดีจริงๆนี่" เจอร์รี่เถียงพ่อ
"แล้วการที่น้องไม่เชื่อฟังลูกเลยทำให้ได้แผลแบบนั้นหละจ๊ะ?" แม่แกล้งถามแหย่ลูกชายต่อบ้าง
"ถึงจะโตขึ้นแต่น้องก็ยังมีความเป็นเด็กอยู่นะครับ ก็เป็นธรรมดาที่น้องจะมีความดื้อรั้นแบบเด็กๆบ้าง แต่พ่อแม่ก็เห็นไม่ใช่หรอว่าน้องเองก็ยอมรับผิดแล้วก็สัญญาว่าจะไม่ดื้อกับผมอีกแล้วด้วย" เจอร์รี่แก้ตัวแทนน้องชายสุดที่รักขนานใหญ่ พ่อกับแม่จึงได้แต่สบตากันยิ้มๆ
"จ๊ะ....น้องชายคนเก่งของลูกน่ารักเสมอ....." แม่เออออไปกับลูกชายเพราะก็รู้สึกเหมือนกันที่ว่าไจ่ไจ๋มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ยังไม่ทันได้คุยกันต่อเสียงเอะอะโวยวายก็ดังขึ้น นั่นบ่งบอกได้ว่าความวุ่นวายกำลังจะกลับมาแล้ว
"ไจ่ไจ๋!! เอาเปรียบกันไปหน่อยหรือเปล่าวะ? จะให้แบกตลอดเลยหรืองัย?" เสียงเคนต่อว่าน้องชายดังแว่วเข้ามา
"ผมเจ็บแผล เดินไม่ได้ ช่วยน้องแค่นี้ไม่ได้หรืองัย?" เสียงไจ่ไจ๋ดังแทรกขึ้นตามมา พ่อแม่และเจอร์รี่หันไปทางต้นเสียงพร้อมกันแล้วก็เห็นว่าไจ่ไจ๋กำลังกอดรัดเคนเอาไว้เพื่อให้เคนแบกเขาเข้ามาในบ้าน
"ยังจะนั่งมองเฉยอีก! มาเอาน้องชายของนายไปสิ!" เคนโวยวายใส่พี่ชายคนโตที่ได้แต่นั่งหัวเราะ
"เดี๋ยวเถอะไอ้ตัวดี! กล้าสั่งชั้นหรอ?" เจอร์รี่เอ็ดใส่น้องเข้าให้ เคนเม้มปากอย่างเถียงไม่ได้ก่อนที่จะแกะแขนน้องที่โอบรอบคอเขาออกแล้วโยนน้องลงบนโซฟาอย่างแรง
"โอ้ย!" ไจ่ไจ๋ร้องแล้วเอามือคลำแผ่นหลังที่กระแทกลงบนโซฟาอย่างแรงโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
"เสี้ยวเทียน!! ทำไมทำน้องแรงๆแบบนี้!" เจอร์รี่ต่อว่าเคนแล้วรีบเดินเข้ามาดูน้องเล็ก
"ก็มันหนักนี่หว่า บอกให้ช่วยไม่ช่วยเอง" เคนเถียงพี่ชาย
"โอ้ย....เจ็บจังเลยพี่ใหญ่.....หลังหักหรือเปล่าก็ไม่รู้? โอ้ยยย....." แม้จะไม่ได้เจ็บมากแต่ไจ่ไจ๋ก็อ้อนพี่ชายเป็นการใหญ่ พ่อกับแม่พากันส่ายหน้ากับความเจ้าเล่ห์ของลูกชายคนเล็ก
"เสี้ยวเทียน! นายนี่นะ....." พี่ใหญ่หันมาจะเล่นงานน้องชายคนกลางแต่เคนก็ยกมือขึ้นโดยอัตโนมัติ
"สู้ชั้นหรอ!?" พี่ใหญ่ดุน้องเสียงเข้ม
"เปล่า" เคนปฏิเสธแต่ยังจับมือพี่ชายเอาไว้
"เปล่าหรอ!? กล้ามากนะ!! เอาใหญ่แล้ว!!" พี่ใหญ่ดึงมือน้องชายออกแล้วเงื้อนมือขึ้นจะตีแต่พ่อกับแม่ร้องห้ามเสียงหลง
"อย่าตีน้อง!" เคนใช้จังหวะที่พี่ชายชะงักรีบลุกหนีไปนั่งกับพ่อทันที
"ระวังตัวไว้เถอะ" เจอร์รี่ชี้หน้าเคนพร้อมกับพูดขู่ก่อนที่จะหันมาทางไจ่ไจ๋
"ไจ่ไจ๋เป็นอะไรมากหรือเปล่า? เจ็บตรงไหนบ้าง? บอกพี่ใหญ่ซิ" ถามน้องด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมกับใช้มือคลำแผ่นหลังน้องไปด้วย
"เจ็บหลังเนี่ย พี่กลางโยนลงมาซะแรงเชียว โอ้ย....เจ็บแผลด้วย......" ไจ่ไจ๋ได้ทีอ้อนพี่ชายต่อ
"โอ้ยยย.....หลังหักแล้วมั้งเนี่ย? แผลก็คงจะติดเชื้อหรือไม่ก็โดนบาดทะยักกินแน่ๆเลย ถ้าต้องถูกตัดขาจะทำยังงัยดี? ใครจะอุ้มใครจะดูแลใครจะเข็นรถเข็นให้หละเนี่ย?" เคนพูดกระแนะกระแหนน้องชายขึ้นมาอย่างหมั่นไส้ พ่อกับแม่หัวเราะไปกับคำพูดของเคน
"เสี้ยวเทียน! ไอ้ปากเสีย! แช่งน้องแบบนี้ได้ยังงัย?" เจอร์รี่หันมาทำตาเขียวใส่เคน
"ใครแช่ง? ไม่ได้แช่งเลยซักนิด" เคนลอยหน้าลอยตายียวนใส่พี่ชายเพราะรู้ว่าพี่ชายทำอะไรตัวเองไม่ได้
"ไอ้....." พี่ใหญ่ชี้หน้าน้องแต่พูดอะไรไม่ออกเลยได้แต่ส่งสายตาคาดโทษเอาไว้แต่เคนก็ไม่ได้สนใจ
"แล้วพี่รองหละจ๊ะเสี้ยวเทียน ไม่ได้กลับมาพร้อมกันหรอ?" แม่ถามลูกชายคนกลางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"พี่รองประชุมครับแม่ เลยให้ผมกับน้องนั่งแท็กซี่กลับมาก่อน เห็นบอกว่าพี่รองจะได้ถ่ายภาพยนตร์น่ะครับ เขาตื่นเต้นน่าดู" เคนเล่าให้แม่ฟังอย่างกระตือรือร้น
"แล้ววันนี้พี่รองก็ร้องเพลงผิดคีย์บ่อยมากเลย โดนโปรดิวเซอร์ดุตั้งหลายรอบแหนะ สงสัยมัวแต่ตื่นเต้นที่จะได้เล่นหนังใหญ่" พ่อกับแม่ฟังลูกชายเล่าอย่างใส่ใจ
"แล้วพี่เขาจะได้เล่นหนังเกี่ยวกับอะไรลูก?" พ่อถามต่ออีก
"เห็นบอกว่าได้เล่นเป็นนักมวยครับ พี่รองต้องฝึกชกมวยด้วย มีนางเอกเป็นคนเกาหลีด้วยแหละ ผมเคยเห็นหน้าแล้ว สวยมากเลย" ประโยคหลังเคนหลิ่วตาอย่างกะล่อน พ่อกับแม่พากันหัวเราะอย่างเอ็นดู
"พี่กลางขโมยซีนไปหมดเลยนะ ไม่เหลือให้ผมเล่ามั่งเลย" เสียงน้องเล็กพูดแทรกขึ้นมาอย่างงอนๆ เคนได้ยินก็หัวเราะ
"ก็เห็นนายยังอ้อนพี่ชายสุดที่รักอยู่นี่ พี่ก็เลยเล่าคนเดียวซะเลย" เคนพูดโต้ตอบน้องยิ้มๆ
"เออ....เจอร์รี่.....ชั้นมีเรื่องจะฟ้อง" เคนหันไปพูดกับพี่ใหญ่อย่างนึกขึ้นได้
"ฟ้องเรื่องอะไร?" ย้อนถามเสียงห้วนพร้อมกับค้อนใส่น้องชายไปด้วย
"วันนี้น้องชายสุดที่รักของนายไม่ยอมกินยาที่หมอให้มา แถมยังเอาแผลไปโดนน้ำอีกด้วย ตอนนี้บวมกว่าเมื่อวานอีก" ไจ่ไจ๋ได้ยินเคนฟ้องพี่ชายก็รีบแก้ตัวขึ้นมาทันที
"ไม่ใช่ไม่ยอมกินยานะครับ แต่ว่ายามันตกพื้นแล้วจะให้ผมกินเข้าไปได้ยังงัย?" ไจ่ไจ๋แก้ตัวพร้อมกับย้อนถามเคน
"พี่ไม่เห็นว่ามันตกพื้น แต่พี่เห็นนายดีดมันลงพื้น" เคนย้อนแล้วยักคิ้วให้น้อง เจอร์รี่ได้ยินดังนั้นก็ทำหน้าเข้มใส่น้องเล็ก
"ไจ่ไจ๋! ทำไมเกเรแบบนี้?" น้องเล็กก้มหน้าหลบตาพี่ชายทันที
"แล้วยังจะเอาแผลไปโดนน้ำอีก! อยากโดนตัดขาหรืองัย?" เอ็ดใส่น้องต่ออีก
"นั่นสิไจ่ไจ๋ ทำไมถึงไม่ระวังตัวเลย รู้ๆอยู่ว่าตัวเองเป็นแผลยังจะเล่นน้ำอีกหรอ?" แม่ต่อว่าลูกชายคนเล็กด้วยอีกคน
"แบบนี้พ่อจะไม่ให้ออกไปไหนจนกว่าแผลจะหายแล้วนะ ไม่รู้จักรักษาตัวเองเลย แบบนี้ใช้ไม่ได้เลยนะลูก" พ่อตำหนิไจ่ไจ๋ด้วยอีกคน
"ผมไม่ได้เล่นน้ำซักหน่อย แต่น้ำมันหกใส่ก็เท่านั้นเอง พี่กลางก็พูดเกินไป" ไจ่ไจ๋แก้ตัวแล้วต่อว่าเคนอีก
"พี่พูดเกินไปที่ไหน? พี่เตือนนายตั้งหลายรอบแล้วแต่นายก็เอาแต่เล่นเอาแต่คุยจนไม่ระวังน้ำมันถึงหกโดนแผล แล้วยังจะดื้อไม่ยอมไปล้างแผลอีกด้วย" เคนย้อนพร้อมกับฟ้องต่อ
"ไจ่ไจ๋! เรานี่น่าตีจริงๆเลย! พี่เขาเตือนแล้วทำไมไม่รู้จักฟัง? แล้วเป็นยังงัย? ชาตินี้แผลจะหายมั๊ย?" เจอร์รี่หันมาดุน้องเล็กอีก
"ผมก็ไปล้างแผลมาแล้วนะพี่ใหญ่ หมอยังบอกเลยว่าแผลเริ่มแห้งแล้ว" น้องเล็กแก้ต่างให้ตัวเองเสียงอ่อยๆ
"ถ้าพี่กับพี่รองไม่บังคับให้ไปนายก็ไม่ยอมไป ติดเล่นอยู่นั่นแหละ" เคนทำเสียงดุน้องชายด้วยอีกคน เมื่อถูกรุมตำหนิไจ่ไจ๋เลยได้แต่ก้มหน้านิ่ง
"น้องเล่นอะไรจ๊ะ?" แม่ถามเคน
"เล่นคีย์บอร์ดครับ เล่นก็ไม่เป็นเพลง กดเล่นไปเรื่อยจนคนอื่นเขาปวดหัวกันไปหมด พอมันหยุดเล่นได้เขาถอนหายใจโล่งอกไปตามๆกันเลย" เคนพูดติดตลกเพื่อให้บรรยากาศดีขึ้น แล้วก็ได้ผลเพราะคนอื่นๆพากันหัวเราะออกมาได้
"พอผมบอกจะพาน้องกลับก่อนคนอื่นเขามีสีหน้าดีใจกันสุดๆเลย คิดดูสิครับว่าไจ่ไจ๋เนี่ยน่ารักขนาดไหน?" คำพูดของเคนทำให้ไจ่ไจ๋เงยหน้าขึ้นมาค้อนใส่ เคนหัวเราะแล้วลุกเดินไปหาน้องก่อนที่จะเอื้อมมือขยี้หัวน้องชายอย่างเอ็นดู
"พูดเล่นน่ะครับ ใครๆก็พากันเอ็นดูไจ่ไจ๋กันหมด เขายังบอกเลยว่าวันหลังให้ไปอีกแต่ขออย่างเดียวอย่าเล่นคีย์บอร์ดเท่านั้นเอง" จบคำพูดของเคนเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
"พี่กลางอ่ะ! แซวอยู่ได้!" น้องเล็กต่อว่าพี่ชายด้วยสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง
"หึๆๆๆ" เคนหัวเราะในลำคอแล้วนั่งลงข้างน้อง
"ตกลงนายพาน้องไปทำแผลมาแล้วใช่มั๊ย?" เจอร์รี่ถามด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน
"อืม หมอบอกว่าแผลเริ่มแห้งแล้วหละ คาดว่าอีกสองสามวันแผลคงแห้งสนิท" เคนตอบคำถามพี่ชาย
"งั้นไปเอายามาให้น้องกินสิ กินข้าวกันมาแล้วใช่มั๊ย?" พี่ใหญ่พูดต่ออีก
"กินแล้ว น้องกินยาแล้วด้วย" เคนเงยหน้าขึ้นตอบพี่ชาย
"อ้าว.....น้องเอายาที่ไหนมากินหละ?" แม่ถามขึ้นมาบ้าง
"ผมซื้อที่ร้านขายยาให้น้องกินครับ" เคนตอบ
"แล้วมันปลอดภัยหรอ? นายดูดีหรือเปล่าว่าตัวยามันใช่อย่างเดียวกันกับที่หมอให้น้องมา?" เจอร์รี่ได้ยินดังนั้นก็ถามซักไซร้น้องชายต่ออีก เคนได้ยินก็ทำหน้าเมื่อย
"พี่ครับ ไจ่ไจ๋น่ะน้องชั้นเหมือนกันนะ อะไรที่มันเป็นอันตรายชั้นไม่ให้น้องกินหรอกน่า" คำตอบของเคนทำเอาพ่อแม่และไจ่ไจ๋ถึงกับอมยิ้ม
"ใครจะไปรู้ นายอิจฉาน้องอยู่แล้วนี่อาจคิดจะกำจัดน้องก็ได้" เจอร์รี่พูดแขวะน้องหน้าตาย
"ถ้าชั้นคิดจะกำจัดใครก็คงจะเป็นนายคนแรกแหละ" เคนพึมพำเบาๆแต่เจอร์รี่ก็ได้ยิน
"เสี้ยวเทียน!! ไอ้น้องบ้า!! คิดจะฆ่าชั้นหรอ?" ชี้หน้าน้องพร้อมกับโวยวาย เคนทำหน้าเหรอเพราะไม่คิดว่าพี่ชายจะได้ยิน
"พ่อแม่ฟังมันพูดนะ มันคิดจะฆ่าพี่มัน! ไม่น่าเลี้ยงให้มันโตมาขนาดนี้เลย!" เจอร์รี่โวยวายเป็นการใหญ่
"เจอร์รี่.....ก็ลูกแหย่น้องก่อนนี่ น้องก็เลยแหย่ลูกกลับก็เท่านั้นเอง" พ่อพูดด้วยน้ำเสียงปลอบประโลม
"ซวยแน่พี่กลาง พี่ใหญ่โวยวายใหญ่เลย" ไจ่ไจ๋ได้ทีกระซิบทำลายขวัญพี่ชาย เคนเห็นท่าทีเป็นเดือดเป็นร้อนของพี่ชายแล้วก็ได้แต่ทำหน้าแหยๆ
"ชั้นพูดเล่นเฉยๆ ไม่เคยคิดแบบนั้นเลยซักนิด" เคนแก้ตัวเป็นพัลวัน
"ถ้าไม่คิดนายไม่พูดหรอก" พี่ใหญ่สวนกลับ เคนอ้าปากค้างเพราะไม่นึกว่าพี่ชายจะเอาเรื่องเขา
"เจอร์รี่ ลูกก็ไปอะไรกับน้องนักหละ? น้องก็บอกแล้วว่าแค่ล้อเล่นเฉยๆ" แม่ช่วยลูกชายพูดอีกแรงแต่เจอร์รี่ยังทำหน้างอ
"ไปง้อสิพี่กลาง กอดเขาหน่อยหอมเขานิดนึง เดี๋ยวก็หาย" ไจ่ไจ๋แกล้งพี่ชายต่อเพราะรู้ว่าเจอร์รี่คงไม่ได้โกรธเคนจริงๆหรอก
"ต้องขนาดนั้นเลยหรอ?" เคนโอดครวญแต่ก็ลุกไปนั่งใกล้ๆพี่ชาย
"ขอโทษ....." พูดเบาๆพร้อมกับสะกิดแขนพี่ชาย ไจ่ไจ๋หันไปยักคิ้วกับพ่อแม่แล้วส่งสัญญาณให้รอดูต่อไป
"ไปไกลๆ!" พี่ใหญ่พูดเสียงห้วนแล้วเอาแขนหลบไม่ให้น้องสะกิด
"พี่ใหญ่.....โกรธจริงๆหรอ? ชั้นขอโทษที่เล่นแรงไปหน่อย ต่อไปชั้นจะไม่พูดอะไรแบบนี้ให้ได้ยินอีกแล้ว" เคนพูดเสียงอ่อยๆ เจอร์รี่ลอบยิ้มแต่ก็ยังแกล้งทำเป็นเฉย
"พี่ใหญ่ครับ ยกโทษให้ชั้นเถอะ" ว่าพลางขยับเข้าไปกอดพี่ชาย เจอร์รี่เหลือบตามองน้องชายที่เอาหัวซบอยู่ที่ไหล่ตัวเองยิ้มๆแต่พอน้องเงยหน้าขึ้นมามองก็แกล้งทำหน้าบึ้งอีก พ่อแม่และไจ่ไจ๋นั่งมองพลางกลั้นยิ้มเต็มที่
"อื้ม! หายโกรธนะครับพี่ใหญ่....." เคนตัดสินใจหอมแก้มพี่ชายตามคำแนะนำของน้อง เจอร์รี่เลยยิ้มออกมาได้ในที่สุด เขาโน้มหัวน้องชายเข้ามาใกล้แล้วหอมแก้มน้องเสียฟอดใหญ่
"อื้ม! หายโกรธก็ได้" เคนทำหน้างงๆเพราะไม่คิดว่าพี่ชายจะหายโกรธง่ายขนาดนี้ แต่เมื่อได้ยินเสียงพ่อแม่และน้องชายหัวเราะเขาก็รู้ทันทีว่าถูกแกล้งอีกแล้ว
"ชอบแกล้งกันเรื่อยเลย สนุกนักหรืองัย?" บ่นอุบอิบพลางก้มหน้าด้วยความเขิน
"สนุกสิ นานๆจะเห็นพี่กลางทำแบบนี้ซักที ฮ่าๆๆๆ!!!" ไจ่ไจ๋ว่าพลางหัวเราะร่วน
"กว่านายจะยอมหอมแก้มพี่ใหญ่แต่ละทีต้องใช้แผนหลอกล่อแบบนี้ทุกครั้ง" เจอร์รี่เองก็หัวเราะออกมาด้วยเช่นกัน เคนทำหน้ามุ่ยใส่พี่ชายทั้งรู้สึกเสียฟอร์มและก็อายด้วย
"เอาข้างนี้ด้วยซิ ขอเหมือนเมื่อกี้นี้น่ะ" เจอร์รี่ชี้แก้มตัวเองอีกข้างพร้อมกับพูดแหย่น้องอีก
"ไปไกลๆเลย จะไปอาบน้ำแล้ว" เคนเอามือดันหน้าพี่ชายออกแล้วลุกหนีขึ้นห้อง ไจ่ไจ๋เห็นท่าทางของเคนแล้วก็เอามือปิดปากหัวเราะไม่หยุด
"เจ้าตัวแสบ ป่วนเขาได้แล้วมีความสุขจริงนะ" แม่ย้ายมานั่งลงข้างๆลูกชายคนเล็กพร้อมกับหยิกแก้มลูกชายเบาๆ
"แหม....ก็พี่กลางอยากแกล้งผมก่อนนี่ ก็ต้องเอาคืนซักหน่อย ความจริงพี่ใหญ่น่าจะแกล้งโกรธพี่กลางให้นานกว่านี้จะได้เห็นพี่กลางอ้อนนานกว่านี้หน่อย" ไจ่ไจ๋ว่าพร้อมกับหันไปทางพี่ใหญ่
"ไม่ไหวหรอก ขืนทำงอนมันมากเดี๋ยวมันหมดความอดทนแล้วมาอาละวาดใส่พี่แทนจะทำยังงัยหละ?" เจอร์รี่ตอบน้องชายยิ้มๆเช่นกัน
"เราก็สนุกที่แกล้งน้องได้" พ่อดึงหูลูกชายคนโตอย่างหมั่นไส้
"โอ้ย.....พ่ออ่ะ...." เจอร์รี่ร้องครวญครางเบาๆแต่แล้วก็ขยับเข้าไปกอดพ่อ
"ก็ลูกพ่อน่ะมันน่าแกล้งดีมั๊ยหละ? เวลาที่ผมแกล้งน้องผมเห็นนะว่าพ่อก็แอบหัวเราะด้วยเหมือนกัน" เจอร์รี่ว่าพร้อมกับหรี่ตามองพ่ออย่างจับผิด
"ทำงัยได้ พ่อก็ชอบดูเวลาเสี้ยวเทียนอ้อนลูกเหมือนกันนี่นา" พ่อตอบรับพลางหัวเราะในลำคอ
"พ่อก็เป็นไปกับเขาด้วย ทำเอาลูกเขินจนไม่กล้านั่งคุยต่อเลย" แม่เอ่ยปากต่อว่าพ่อด้วย
"แม่อย่าพูดเลยครับ ผมก็เห็นแม่แอบหัวเราะพี่กลางเหมือนกัน" ไจ่ไจ๋พูดดักคอแม่ขึ้นมาด้วยอีกคน
"แม่เปล่าซักหน่อย" แม่รีบแก้ตัวทันที
"แต่แม่แค่มีความสุขที่เห็นลูกๆหยอกล้อเล่นกันก็เลยหัวเราะเท่านั้นเอง" จบคำแม่คนอื่นๆก็พากันหัวเราะออกมาด้วย หลังจากเสียงหัวเราะเงียบไปพักหนึ่งไจ่ไจ๋ก็ขยับเข้าไปกอดและเอาหัวซบลงกับอ้อมอกของแม่
"พรุ่งนี้จะกลับแล้วหรอ?" ถามเปรยขึ้นมาเบาๆ
"จ๊ะ เมื่อคืนเราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรอ? ว่าจะไม่มีการงอแงไม่มีการทำหน้าเศร้า" แม่ก้มหน้าลงมาพูดกับลูกชาย
"ก็ผมไม่อยากให้แม่ไปนี่นา มาทั้งทีอยู่แค่อาทิตย์เดียวเอง" ไจ่ไจ๋เริ่มจะโยเยเพราะยังไม่อยากให้แม่กลับไป
"พอพ่อแม่กลับไปแล้วอีกไม่กี่วันพี่กลางก็ต้องไปทำงานอีก ไหนพี่รองจะถ่ายหนังใหญ่อีก แบบนี้ก็ไม่มีใครอยู่บ้านกับผมน่ะสิ" น้องเล็กพูดเสียงอ่อยหน้าเศร้า
"พี่ใหญ่นี่งัยหละ? นายเอาพี่ไปไว้ไหน?" เจอร์รี่พูดแทรกขึ้นมาบ้าง
"พี่ใหญ่บางทีก็ทำงานกลับบ้านดึกอ่ะ ทิ้งผมอยู่กับแมวทุกที" ต่อว่าพี่ชายกลับไปบ้าง
"งั้นเอาอย่างงี้ พอนายเลยเรียนแล้วไปหาพี่ที่ทำงานสิ เราจะได้กลับบ้านพร้อมกัน" พี่ใหญ่ยื่นข้อเสนอ
"ไม่เอาหรอก ผมไปเห็นพี่ทำงานแล้วปวดหัวแทน ผมไปอยู่กับพี่จะพลอยทำให้พี่ไม่เป็นอันทำงานอีก" น้องเล็กว่าพลางส่ายหน้าดิก
"พ่อ....." ไจ่ไจ๋เรียกบิดาในขณะที่ยังซบหน้าอยู่ที่อ้อมอกของแม่
"ว่างัยลูก?" พ่อย้อนถามลูกชาย
"พ่อไม่คิดจะขายบริษัททิ้งแล้วกลับมาอยู่บ้านเราหรอ? ผมว่านะถ้าเราขายก็คงได้เงินเยอะพอดู แล้วเรามาทำร้านขายของเล็กๆกันดีกว่า ไม่ต้องเอาร้านใหญ่โตไม่ต้องมีสาขาไม่ต้องมีลูกจ้าง เราช่วยกันทำเองภายในครอบครัว มีกันตั้งหกคนคงพออยู่หรอก" คำพูดของไจ่ไจ๋ทำเอาพ่อกับแม่หันไปสบตากันโดยอัตโนมัติ
"ซักวันนึงลูก.....ซักวันนึงนะไจ่ไจ๋ อีกไม่นานนักหรอก พ่อแม่จะกลับมาอยู่ใกล้ๆลูก" พ่อให้คำมั่นกับลูกชาย ไจ่ไจ๋ได้ยินก็ผงกหัวขึ้นมา
"พ่อพูดจริงนะครับ" ถามย้ำพ่ออย่างต้องการคำสัญญา
"จริงสิลูก ธุรกิจน่ะไม่ใช่ว่าคิดจะเลิกแล้วก็เลิกได้ปุบปับนะ พ่อขอเวลาเคลียร์ทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อน แล้วพ่อกับแม่จะกลับมาแน่นอน" พ่อยิ้มแล้วย้ำคำให้ลูกชายมั่นใจ
"พ่อเองก็แก่แล้วคงไม่คิดจะทำงานไปจนตายหรอก บั้นปลายชีวิตพ่อเองก็ต้องการกลับมาอยู่กับลูกหลานนี่แหละ แต่อยู่ที่ว่าเมื่อถึงเวลานั้นแล้วลูกๆยังอยากให้พ่อกลับมาอยู่ด้วยหรือเปล่า?" พ่อว่าแล้วแกล้งถามลองใจลูกชาย
"อยากสิครับ" เจอร์รี่กับไจ่ไจ๋ตอบพ่อพร้อมกัน ได้ยินเพียงแค่นั้นพ่อก็อดที่จะยิ้มด้วยความปลื้มใจไม่ได้
"ถ้าพ่อแม่กลับมาผมจะไม่ยอมให้พ่อแม่ต้องทำงานหนักอีกแล้ว ผมจะทำงานเลี้ยงพ่อกับแม่เอง" ไจ่ไจ๋พูดกับบุพการีทั้งสองคนด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
"แล้วเลี้ยงพี่ด้วยหรือเปล่า?" เจอร์รี่ถามกระเซ้าน้องชายบ้าง
"แน่นอนสิครับ ผมจะเลี้ยงพ่อแม่แล้วก็พวกพี่ๆตลอดไปเลย" คำพูดของไจ่ไจ๋สร้างรอยยิ้มให้กับคนฟัง
"แน่นอนจ๊ะ ครอบครัวเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป" แม่ตอบรับคำลูกชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน



Create Date : 20 มีนาคม 2550
Last Update : 20 มีนาคม 2550 22:38:47 น. 0 comments
Counter : 1234 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 
 

loving_zai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




[Add loving_zai's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com