Chapter 62

ตอนที่ 62

"ไจ่ไจ๋" แม่เรียกลูกชายคนเล็กที่กระโดดขึ้นเตียงอย่างหงุดหงิด

"ผมง่วงแล้วแม่ออกไปเถอะ" ไจ่ไจ๋พูดเสียงแข็งๆ

"พี่เขาล้อเล่นเอง โกรธพี่เขาหรอ?" แม่เดินมานั่งลงที่เตียงแล้วเอามือลูบหัวลูกชายอย่างแผ่วเบา

"ทำไมชอบเล่นอะไรไม่เข้าท่าแบบนี้เรื่อยเลย" ไจ่ไจ๋ถอนหายใจเฮือกก่อนจะบ่นกับแม่

"แต่แม่ก็ไม่เห็นว่ามันเป็นเรื่องร้ายแรงอะไรเลยนี่จ๊ะ ลูกหงุดหงิดอะไรเนี่ย?" แม่แย้งแต่ก็พอจะรู้ความรู้สึกของลูกชาย

"ก็....." ไจ่ไจ๋อ้าปากจะตอบแต่แล้วก็ทำหน้าจ๋อยลงไปถนัดตา

"ผมไม่อยากให้แม่มีน้องอีกนี่" แม่ยิ้มเมื่อได้ยินคำสารภาพของลูกชาย

"ทำไมหละ? ลูกไม่ชอบหรอเวลาที่มีใครซักคนถือเอาลูกเป็นแบบอย่าง เคารพลูกเชื่อฟังลูกแล้วก็คอยหาเรื่องสนุกๆมาเล่าให้ลูกหัวเราะได้ทุกวันน่ะ?" แม่ย้อนถามลูกชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่ไจ่ไจ๋ไม่ตอบเพียงขยับเข้าไปกอดแม่เท่านั้น

"เฮ่อ!" แม่ถอนหายใจออกมาเมื่อลูกชายยังทำตัวงอแงอยู่

"แม่อยากมีลูกสาวมั๊ย?" เงียบไปพักหนึ่งไจ่ไจ๋ก็เอ่ยถามแม่ขึ้นมา

"หืม? ว่างัยนะ?" แม่ย้อนถามกลับไปอย่างแปลกใจ

"ผมถามว่าแม่อยากมีลูกสาวหรือเปล่า? เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่จะชอบลูกสาวมากกว่าหนิ" ไจ่ไจ๋ขยายความให้ฟัง

"ไม่ว่าลูกชายหรือลูกสาวแม่ก็รักเหมือนกันทั้งนั้น จริงอยู่ว่าคนเพศเดียวกันอาจจะเข้าใจกันมากกว่าแต่ก็ไม่เสมอไปหรอกจ๊ะ บางทีลูกสาวอาจจะสนิทกับพ่อมากกว่าก็ได้นี่" แม่ตอบแล้วก้มหน้ามองลูกชายคนเล็ก

"นึกยังงัยถามแม่แบบนี้?" ไจ่ไจ๋ส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย

"ถึงแม่จะไม่มีลูกสาวแต่แม่ก็ดีใจที่ได้ลูกชายที่น่ารักทั้งสี่คนจ๊ะ" แม่ว่าพร้อมกับลูบหัวลูกชายไปด้วย

"แต่พี่ใหญ่กับพี่กลางเขาอยากได้น้องสาวนี่ ไม่รู้น้องสาวมีดีตรงไหนถึงอยากได้กันนัก" ประโยคหลังพูดด้วยน้ำเสียงงอนๆ

"ที่ลูกปึงปังขึ้นมาเพราะงอนพี่เขาสองคนใช่มั๊ย?" แม่จับจุดลูกชายถูกเพราะไจ่ไจ๋นิ่งไม่ตอบ

"ลูกก็รู้ว่าพี่เขาก็ชอบแหย่ลูกแบบนี้ แต่จริงๆแล้วพี่เขาก็คงไม่อยากได้น้องที่ไหนอีกแล้วเพราะน้องเล็กคนนี้ของพี่เขาน่ะน่ารักที่สุดในโลกแล้ว" แม่รีบพูดเอาใจลูกชายเป็นการใหญ่

"ไม่จริงอ่ะ ผมได้ยินพี่ๆเขาเปรยกันหลายครั้งแล้วว่าอยากได้น้องสาว" ไจ่ไจ๋ยังทำเสียงประชด

"แม่ก็บอกแล้วงัยว่าพี่เขาล้อเล่น" แม่พูดอย่างอ่อนใจกับความขี้งอนของเจ้าลูกชายตัวแสบ

"ดี! งั้นเดี๋ยวผมก็เอาบ้าง" ได้ยินเช่นนั้นแม่ก็เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ

"ลูกคิดจะทำอะไร?" ถามลูกชายอย่างไม่ค่อยไว้ใจเพราะกลัวว่าเจ้าตัวแสบคนนี้จะอาละวาดใส่พี่ชายอีก

"ก็ไม่ทำอะไร" ไจ่ไจ๋ตีหน้าขรึมตอบแม่ จนเมื่อเห็นผู้เป็นแม่ทำหน้าอ่อนใจก็แอบยิ้ม

"แค่ต่อไปนี้ผมจะไว้ผมยาว แล้วเดี๋ยวจะเข้าฟิตเนทเล่นกล้ามให้มีหน้าอกบึกบึนแต่แม่ต้องช่วยออกเงินเสริมหน้าอกให้ผมนะแล้วก็ซื้อชุดกระโปรงสวยๆให้ผมด้วย แค่นี้พี่เขาสองคนก็ได้น้องสาวสมใจแล้ว" สีหน้าของแม่กึ่งยิ้มกึ่งบึ้งเมื่อได้ยินลูกชายว่าเช่นนั้น

"เด็กคนนี้นี่! พูดจาไม่เขาท่าเลย!" แม่ว่าพร้อมกับตีเพี๊ยะที่แขนลูกชาย

"อ้าว! พี่เขาจะได้มีน้องสาวแล้วแม่ก็จะได้ลูกสาวด้วยงัย" ไจ่ไจ๋ทำหน้าซื่อพูดกับแม่

"จะทำให้แม่หัวใจวายหรืองัย?" แม่ว่าพร้อมกับค้อนใส่ลูกชาย ไจ่ไจ๋จึงหัวเราะออกมาได้

"ล้อเล่นครับ.....ผมน่ะเป็นผู้ชาย 100% แน่นอน" พูดยืนกรานด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

"จ๊ะ.....แต่จู่ๆอย่าลุกขึ้นมานุ่งกระโปรงแล้วกัน" แม่ว่าด้วยสีหน้ายิ้มๆ ไจ่ไจ๋จึงย่นจมูกใส่ ตอนนั้นพ่อก็เปิดประตูห้องเข้ามาพอดี

"นึกแล้วว่าแม่ต้องปลอบลูกจนหายงอนได้" เมื่อได้ยินเสียงพ่อไจ่ไจ๋ก็ทำท่างอนๆใส่

"พ่อขอโทษลูก" พ่อรีบขอโทษลูกชายทันที

"ก็ลูกน่ะอยากขี้งอนทำไม พ่อชอบแกล้งเด็กขี้งอนนี่นา" พ่อพูดต่อด้วยสีหน้ายิ้มๆ

"พ่อนี่! ทำไมทะเล้นแบบนี้!" แม่ต่อว่าพ่อเข้าให้ ไจ่ไจ๋ได้ยินก็ยิ้มๆ

"ผมไม่โกรธพ่อหรอกครับ" ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็ขยับเข้าไปกอดพ่อบ้าง

"นั่นสิ.....เพราะถ้าลูกโกรธพ่อลูกก็คงอดกินขนมอร่อยๆเพราะพ่อคงไม่ซื้อมาฝากแล้ว" พ่อว่าพร้อมกับจูบที่หน้าผากลูกชายอย่างหมั่นไส้

"ผมไม่เอาขนมแต่พ่ออยู่ที่นี่ถาวรเลยได้มั๊ย?" ไจ่ไจ๋ถามแหย่พ่อบ้าง

"ยังไม่ถึงเวลาลูก" คำตอบของพ่อทำให้ลูกชายหน้ามุ่ยลง

"แล้วเมื่อไหร่หละครับ? ผมรอจนจะแก่แล้วนะ" พูดเป็นเชิงโอดครวญ

"น้อยๆหน่อย! เราแก่แล้วพ่อแม่ไม่ต้องเป็นพ่อเฒ่าแม่เฒ่ากันเลยหรอ?" พ่อต่อว่าพร้อมกับบีบจมูกลูกชายไปด้วย

"ฮ่าๆๆๆ!!! พ่อแม่แก่ที่ไหน? พี่ใหญ่ยังดูแก่กว่าอีก" ไจ่ไจ๋พูดประจบบุพการีพร้อมกับแอบแขวะพี่ชายคนโตไปด้วย

"แหนะ! เราเองก็ชอบแกล้งพี่เขาเหมือนกันหนิ" แม่ต่อว่าลูกชายเข้าให้บ้าง

"เออพ่อ....แล้วเจอร์รี่กับเสี้ยวเทียนขึ้นนอนหรือยัง?" แม่หันไปถามพ่อบ้าง

"ยังหรอกมั้ง เพราะเมื่อกี้มีกรณีเกิดขึ้นอีกแต่พ่อปล่อยให้ลูกแก้กันเอง" พ่อตอบด้วยน้ำเสียงปนหัวเราะ

"ตายแล้ว! นี่เจ้าเจอร์รี่หาเรื่องน้องอีกใช่มั๊ย? แล้วทำไมพ่อไม่ช่วยเสี้ยวเทียนหละ? เดี๋ยวก็โดนเจ้าเจอร์รี่ตีตายหรอก!" แม่ทำหน้าตกใจพร้อมกับต่อว่าพ่อออกมาชุดใหญ่

"ใจเย็นๆแม่.....เจอร์รี่ไม่ได้หาเรื่องน้องหรอกแต่เสี้ยวเทียนทำให้เจอร์รี่มันงอนต่างหาก พ่อเลยปล่อยให้ง้อเอง" คำตอบของพ่อทำให้แม่ค่อยโล่งอกแต่ก็ยังไม่หายห่วง

"แต่อย่างน้อยพ่อก็น่าจะไกล่เกลี่ย เผื่อเจ้าเจอร์รี่เล่นตัวมากๆเดี๋ยวก็ได้ทะเลาะกันอีก" แม่บ่นอุบแต่ก็เชื่อว่าคงไม่เป็นแบบที่คิด

"ไม่ต้องห่วงหรอกแม่ เดี๋ยวนี้พี่กลางอ้อนเก่งจะตาย วันไหนพี่กลางเกิดอาการอยากอ้อนพี่ใหญ่ขึ้นมานะผมกับพี่รองตกกระป๋องทันทีเลย" ไจ่ไจ๋พูดแทรกขึ้นมาบ้าง

"ขนาดนั้นเชียว?" พ่อย้อนถามลูกชายยิ้มๆ

"ใช่.....พี่กลางเขาเรียนรู้เทคนิคมาจากผมเอง ผมถ่ายทอดให้พี่เขาโดยตรงเชียวนะ" ไจ่ไจ๋พูดอวดตัวในทันที

"ฟุ้งใหญ่เลยนะ!" พ่อว่าพร้อมกับขยี้หัวลูกชายอย่างเอ็นดู ไจ่ไจ๋หัวเราะเบาๆแล้วล้มตัวนอนลงที่หมอน

"คืนนี้พ่อแม่นอนที่นี่นะ" ได้ทีเอ่ยปากอ้อนต่อ

"อะไรกัน? โตจนป่านนี้ยังมาอ้อนให้พ่อแม่นอนด้วยอีกหรอ?" พ่อแซวลูกชายยิ้มๆ

"เดี๋ยวแฟนลูกรู้เข้าหละอายแย่เลย" ไจ่ไจ๋ได้ยินก็ย่นจมูก

"ก็อย่าให้รู้สิ" พูดจบก็ดึงมือพ่อกับแม่อย่างอ้อนๆ

"ว่างัยแม่? จะกล่อมเจ้าตัวเล็กของเราดีมั๊ยคืนนี้?" พ่อหันไปถามเป็นเชิงปรึกษา

"ต้องดูก่อนสิว่าลูกคนนี้ทำตัวน่ารักหรือเปล่า?" แม่ตอบพ่อยิ้มๆเช่นกัน

"ผมน่ะมีพ่อแม่ที่น่ารักซะขนาดนี้ แล้วผมจะไม่น่ารักได้ยังงัย?" คำหวานของลูกชายทำให้พ่อแม่ต่างพากันหัวเราะ

"ถ้าอยากให้นอนต้องมาหอมแก้มทีนึงก่อน" แม่ตั้งข้อต่อรองซึ่งไจ่ไจ๋ก็รีบลุกขึ้นมาหอมแก้มมารดาอย่างไม่มีอิดออด

"ขอพ่อด้วย" พ่อพูดแทรกขึ้นด้วยอีกคน ไจ่ไจ๋จึงขยับไปหอมแก้มพ่ออีกคน

"อืม....น่ารักจริงๆลูกเรา" พ่อว่าแล้วก็ล้มตัวนอนลงข้างที่เตียงของลูกชาย ไจ่ไจ๋เห็นก็ยิ้มดีใจแล้วรีบนอนลงข้างพ่อทันที

"หึๆๆๆ เด็กคนนี้หนิ....." แม่พึมพำเบาๆแล้วล้มตัวนอนลงข้างลูกชายด้วยเช่นกัน



- เช้าวันรุ่งขึ้น -

"ทำไมเดี๋ยวนี้ตื่นเช้ากว่าพี่ได้เนี่ย?" เคนเอ่ยทักน้องเล็กที่กำลังเทน้ำส้มใส่แก้วเปล่าตรงหน้า แต่ไจ่ไจ๋กลับไม่สนคำทักทายของพี่ชายเลย

"เฮอะ! ทำงอน!" เมื่อเห็นน้องไม่พูดอะไรโต้ตอบเคนก็ต่อว่าเข้าให้

"พี่ใหญ่หละจ๊ะเสี้ยวเทียน?" แม่เอ่ยถามเคนบ้าง

"ไปปลุกพี่รองครับ" เคนตอบแล้วยกแก้วน้ำส้มของน้องชายขึ้นมา

"ขอนะ" พูดจบก็ยกดื่มรวดเดียวหมด ไจ่ไจ๋ทำหน้างอใส่พี่ชาย

"ชื่นใจจัง ขออีกหน่อยได้เปล่า?" ว่าพลางยื่นแก้วเปล่าไปตรงหน้าน้องชาย แต่ไจ่ไจ๋กลับกระแทกขวดน้ำส้มลงตรงหน้าพี่ชายแล้วหันหลังหนี เคนจึงหันไปยิ้มแหยๆกับแม่

"หิวน่ะ" แม่บอกเคนโดยไม่ออกเสียงว่าที่น้องเล็กงอแงเพราะหิวข้าวนั่นเอง

"อ๋อ" เคนพยักหน้ารับรู้ก่อนจะแอบเบ้ปากใส่น้องชาย

"อรุณสวัสดิ์ครับแม่ เช้านี้มีอะไรกิน?" เสียงแวนเนสทักทายมาแต่ไกลจนเมื่อเข้ามาถึงก็กอดเอวแม่อย่างประจบ

"ข้าวต้มปลา ไปนั่งก่อนไป๊.....อย่ามาเกะกะ....." ตอบเสร็จก็ไล่ให้แวนเนสไปนั่งกับน้อง

"เป็นงัยบ้างไจ่ไจ๋? เรียนรู้อะไรที่บริษัทไปบ้าง?" แวนเนสนั่งลงแล้วก็เอ่ยถามน้องชายที่นั่งหน้าง้ำอยู่ข้างๆ เจอร์รี่ก็เดินตามเข้ามาเงียบๆ

"ไม่รู้! ไม่รู้อะไรทั้งนั้น!" ไจ่ไจ๋กระแทกเสียงกลับมาทำเอาพี่ชายถึงกับหน้าเหวอ

"หึๆๆๆ" เจอร์รี่กับเคนหันไปหัวเราะเพราะพอจะรู้ว่าส่วนนึงที่น้องอารมณ์ไม่ดีเพราะเมื่อวานโดนพวกเขาแกล้ง

"อะไรวะ.....พี่ถามดีๆนะ เออ! ไม่อยากคุยก็ไม่ต้องคุย" แวนเนสบ่นก่อนจะทำหน้างอนๆใส่น้องชายบ้าง

"ไจ่ไจ๋ เราน่ะหิวแล้วพาลไปทั่วเลยนะ แม่บอกว่าอีกเดี๋ยวก็เสร็จรออีกหน่อย" แม่หันไปต่อว่าลูกชายคนเล็กแต่ไจ่ไจ๋ยังคงทำหน้างอ

"แวนเนส อยากมีน้องสาวอีกซักคนมั๊ย?" เจอร์รี่เห็นน้องเล็กยิ่งงอนก็ยิ่งอยากแกล้ง

"หืม? น้องสาวหรอ?" แวนเนสทวนคำพี่ชายก่อนจะเหลือบมองไปทางน้องเล็กแล้วอมยิ้มเล็กน้อย

"ไม่อยากได้หรอก เพราะชั้นว่าตอนนี้น้องชายของชั้นเนี่ยก็ไม่ต่างอะไรกับน้องสาวเท่าไหร่ทั้งความน่ารักอ่อนหวานแถมยังขี้อ้อนแบบนี้อีกด้วย แค่นี้ชั้นก็ไม่ต้องการน้องสาวที่ไหนอีกแล้วหละ" คำตอบของแวนเนสทำให้ไจ่ไจ๋ยิ้มออกมาได้ในที่สุด

"พี่รองก็เป็นพี่ชายที่น่ารักมากที่สุดเหมือนกัน ผมรักพี่ที่สุดเลย" ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็ลุกเข้าไปกอดแวนเนส

"เฮ่อ! ตกกระป๋องเลยเรา.....ทำงัยดีเสี้ยวเทียน?" เจอร์รี่หันไปถามน้องชายคนกลางบ้าง

"ก็ดีเหมือนกันนะ เราจะได้ปลอดภัยจากการถูกเด็กบ้ามันงอนใส่บ่อยๆงัย" เคนว่ากระทบน้องชายไปด้วย

"แล้วนึกว่าอยากยุ่งด้วยหรืองัย ไปไกลๆเลย!" ไจ่ไจ๋แหวใส่พี่ชายทันที

"พูดเองนะ งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ไปหาที่สมัครเรียนดีกว่าไม่อยากรอเด็กงอแงบางคนแล้ว" เคนแกล้งพูดแหย่ น้องเล็กหน้างอหนักกว่าเก่า

"ไปสิ! ไปสมัครไกลๆเลย! ไปเมืองนอกเลยยิ่งดี! เรียนจบแล้วก็ไม่ต้องกลับมา! ไปหางานทำหาเมียแต่งแล้วก็อยู่เมืองนอกไปจนตายเลยนะ!" พูดจบก็เดินปึงๆออกไปทันที

"เฮ้ยยย.....โมโหอะไรอีกเนี่ย....." เคนมองตามน้องชายอย่างงงๆ

"ตายแน่งานนี้" แวนเนสเอนตัวมากระซิบซ้ำเติมเคน

"โน้น.....เจอร์รี่มันมองตาขวางใส่แล้ว" เคนเหลือบตามองพี่ใหญ่

"ไม่ต้องมาด่าชั้นเลยนายเริ่มแหย่มันก่อนนะ" พูดดักคอก่อนที่จะโดนพี่ชายต่อว่า

"แล้วใครใช้ให้นายไปแหย่มันแรงๆแบบนี้หละ? มันปึงปังออกไปแบบนั้นแล้วจะรับผิดชอบยังงัย?" ไม่วายต่อว่าน้องอีกจนได้

"เจอร์รี่ เสี้ยวเทียนยังไม่ได้ทำอะไรซักหน่อยเจ้าไจ่ไจ๋น่ะงี่เง่าเองคนที่ลูกควรว่าน่ะคือจ้าตัวดีนั่นแหละ" แม่เอ่ยปากช่วยเคนตามเคย

"หึๆๆๆ" เคนแอบหัวเราะเมื่อเห็นพี่ชายได้แต่อ้าปากค้าง

"เสี้ยวเทียนมาช่วยแม่ตักข้าวต้มปลาดีกว่าจ๊ะ แม่ทำเสร็จแล้ว....." เคนไม่รอช้ารีบลุกไปช่วยแม่ทันที

"ขอบคุณแม่มากนะครับ ไม่งั้นผมโดนพี่ใหญ่เฉือดคอแหงๆ" กระซิบกับแม่เบาๆแล้วหยิบชามมาตักข้าวต้มปลา

"หมั่นไส้จริงๆ! เอะอะอะไรก็เรียกหาแม่ตลอด!" เจอร์รี่เดินมาผลักหัวน้องชายคนกลางอย่างหมั่นไส้

"ลูกคนนี้หนิ! น้องตักข้าวอยู่ไม่เห็นหรืองัย?" แม่เอ็ดใส่เจอร์รี่อีก

"เฮ่อ! ทำอะไรก็ผิดตลอด....." เจอร์รี่บ่นอุบเบาๆก่อนจะค้อนใส่น้องชายแล้วเดินตามน้องเล็กออกไป

"ไม่ต้องงอนอีกคนหละ ไปหาทางพาน้องมากินข้าวด้วยจะได้รีบไปทำงานกันซักที" แม่พูดไล่หลังเจอร์รี่ไปด้วย

"คร้าบบบบ....." เจอร์รี่รับคำแม่กลับมาก่อนจะก้าวขาออกไปจากห้องครัว

"สงสัยตอนนี้คนที่อยากให้แม่กลับมาอยู่ด้วยมากที่สุดน่าจะเป็นเสี้ยวเทียนนะเนี่ย" แวนเนสพูดเปรยๆขึ้นมา

"ใช่! ชั้นอยากให้แม่กลับมาอยู่ด้วยที่สุดเลย" เคนตอบรับคำพี่ชายแบบไม่ต้องคิด แม่ได้ยินก็ยิ้มดีใจ

"แหม.....พูดแค่นี้ตำแหน่งลูกรักก็กลายเป็นของนายทันทีเลย" แวนเนสไม่วายพูดแซวแม่ด้วยอีกคน

"ลูกกับพี่ชายลูกนี่เป็นยังงัยนะ กระแนะกระแหนน้องไม่ได้หยุดเลย" แม่ต่อว่าแวนเนสเข้าให้บ้าง

"นั่นงัย แตะนิดโดนหน่อยเป็นเรื่องเลย" แวนเนสบ่นอุบก่อนจะหันไปทางเคน

"นายระวังตัวไว้เถอะ ถ้าพ่อแม่กลับไปเมื่อไหร่นายโดนคิดบัญชีย้อนหลังแถมดอกเบี้ยอีกบานแน่" พูดขู่น้องชายเข้าให้ด้วย

"นึกว่ากลัวหรอ? ก็ลองหาเรื่องชั้นดูสิคราวนี้ชั้นจะเก็บเสื้อผ้าไปอยู่กับพ่อแม่จริงๆด้วย" เคนย้อนคำพี่ชายอย่างเป็นต่อ

"เล่นแบบนี้เลยหรอไอ้อ้วน!" แวนเนสล็อกคอน้องชายพร้อมกับกัดฟันพูด

"นึกว่านายจะไปได้ง่ายๆหรืองัย? อย่างน้อยต้องฝ่าด่านอรหันต์ทั้งสามด่านก่อนแหละ" พูดตอบโต้กับน้องอีก

"ไม่เป็นไรเดี๋ยวชั้นก็จะจี้จุดพวกนายไว้แค่นี้ก็มีเวลาเหลือเฟือที่จะเก็บเสื้อผ้าและก็เดินทางไปสนามบิน" เคนพูดเล่นกับพี่ชายต่อ แม่มองลูกชายทั้งคู่แล้วก็อดที่จะอมยิ้มออกมาไม่ได้เพราะลูกชายนั้นยังเล่นกันเป็นเด็กๆอยู่

"คิดดีแล้วหรอที่จะจี้จุดชั้น? ชั้นน่ะมีวิธีคลายจุดนะ" แวนเนสพูดยิ้มๆ

"ไหนลองดูซิ!" เคนว่าแล้วก็เอานิ้วจิ้มหน้าผากพี่ชายแรงๆ

"อ้าวไอ้นี่! เล่นด้วยแล้วลามปามใหญ่เลยนะ!" แวนเนสโวยวายพร้อมกับผลักหัวน้องเป็นการเอาคืน

"ไม่เล่นแล้ว! ไปนั่งเฉยๆเลยไม่งั้นไม่ต้องกินข้าว!" เคนเอ็ดใส่พี่ชายกลับไปอีกเมื่อเห็นว่าพี่ชายทำท่าจะเล่นงานเขาต่อ ได้ยินเช่นนั้นแวนเนสก็ชะงักไป

"แม่.....ดูมันนะ ผมน่ะเป็นพี่แต่มันไม่เคยให้ความเคารพยำเกรงผมบ้างเลยดูมันพูดกับผมแต่ละคำอย่างกับเป็นเพื่อนเล่นกับมันอย่างนั้นแหละ" แวนเนสได้ทีหันไปฟ้องแม่ฉอดๆ

"อ้าว! แม่ก็ไม่เห็นว่าลูกจะทำตัวเป็นพี่ของน้องเลยนี่นา เห็นมีแต่เอะอะก่อกวนน้องตลอด" แม่พูดออกมาหน้าตาเฉยทำเอาแวนเนสอ้าปากค้าง ส่วนเคนหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นพี่ชายโดนแม่ว่าซะเอง

"ฮึ! อะไรๆก็เข้าข้างมันตลอด หมั่นไส้จริงๆ" แวนเนสบ่นอุบแต่ก็ไม่ได้ต่อความอะไรอีก ในตอนนั้นเจอร์รี่ก็พาน้องเล็กเข้ามาในครัว

"พ่อหายไปไหนแต่เช้าหละครับแม่?" เจอร์รี่ถามแม่ขึ้นมาเพราะไม่เห็นพ่อตั้งแต่เช้าแล้ว

"ไปหาเพื่อนจ๊ะ คงสังสรรกันตามประสาหนุ่มใหญ่หละ" แม่ตอบยิ้มๆแล้วมองเลยไปทางลูกชายคนเล็ก

"งัยเรา? หาหงิกหน้างอไม่เลิกเลยนะ มาเร็ว.....ข้าวต้มปลาเสร็จแล้ว....." ว่าแล้วก็จูงมือลูกชายคนเล็กมานั่งที่โต๊ะ

"มันงอนชั้นจริงหรอ?" เคนกระซิบถามพี่ชายคนโต

"แล้วเห็นว่ามันแกล้งหรืองัยหละ?" ตอบกลับน้องด้วยน้ำเสียงหมั่นไส้

"อะไรวะ ถามดีๆถ้าไม่อยากตอบก็ไม่ต้องพูดก็ได้" เมื่อโดนพี่ชายทำเสียงประชดเคนก็บ่นอุบก่อนจะถอนหายใจ

"เห็นหน้ามันแค่นี้ยังดูไม่ออกหรืองัย?" เจอร์รี่ต่อว่าน้องชายกลับไป

"ขอโทษทีนะที่ชั้นมันโง่ดูอะไรต่อมิอะไรเองไม่ออกถึงต้องถามให้นายรำคาญอยู่เรื่อย ต่อไปจะไม่ถามอะไรอีกแล้ว" เคนพูดประชดพี่ชายกลับไปเสร็จแล้วก็ไปนั่งกินข้าวเงียบๆ

"เอ่อ....." เจอร์รี่ทำหน้าแหยๆเพราะไม่คิดว่าน้องจะโมโหเรื่องแค่นี้ ส่วนแม่ที่มองอยู่ก็ทำหน้างอใส่เจอร์รี่

"กินข้าวเลยเร็วๆ เดี๋ยวไปทำงานสายทีนี้แม่จะให้พ่อลดตำแหน่งแล้วก็ตัดเงินเดือนซะเลย" แม่พูดตัดบทกับลูกชายคนโตด้วยน้ำเสียงดุๆแล้วพยักหน้าให้รีบกินข้าวเสียที



- ที่บริษัท -

"วันนี้พอแค่นี้แล้วกันไจ่ไจ๋ นายหัวไวเรียนรู้ได้เร็วกว่าที่พี่คิดซะอีก" เจอร์รี่เอ่ยชมน้องเล็กที่ดูเหมือนจะเข้าใจทุกอย่างที่เขาเพิ่งสอนให้

"ขอบคุณครับพี่ใหญ่ งั้นตอนนี้ผมก็จะทำอะไรก็ได้แล้วใช่มั๊ย?" ไจ่ไจ๋ยิ้มรับพร้อมกับถามพี่ชายกลับ

"อืม....จะทำอะไรก็ตามใจเลย" พี่ใหญ่พยักหน้าอนุญาต

"งั้นขอเล่นเกมส์นะ" ว่าแล้วน้องเล็กก็ขยับเก้าอี้มานั่งหน้าคอมพิวเตอร์ของพี่ชาย

"เสียบหูฟังแล้วกันนะเดี๋ยวเสียงจะรบกวนคนทำงาน" ว่าพร้อมกับพยักเพยิดไปทางเคนที่นั่งทำงานอยู่ไม่ไกลนัก น้องเล็กเบ้ปากเล็กน้อยแล้วก็หยิบหูฟังขึ้นมาเสียบก่อนจะเปิดเกมส์เล่นอย่างสบายอารมณ์

"ไหนดูซิ.....ทำไปถึงไหนแล้ว" เจอร์รี่เดินมาดูน้องชายอีกคนบ้าง เคนไม่ตอบว่าอะไรเพียงแต่ผลักแฟ้มไปตรงหน้าพี่ชาย

"พวกนี้เสร็จหมดแล้วหรอ?" หยิบขึ้นมาดูพร้อมกับเอ่ยถามน้องไปด้วย แต่เคนก็ไม่ได้ตอบเพียงแต่ก้มหน้าก้มตาเขียนแฟ้มต่อไป

"นี่.....ยังงอนชั้นอีกหรืองัย?" เมื่อเห็นน้องไม่พูดด้วยก็เอ่ยถามออกมาตรงๆ แต่เคนยังเขียนไม่หยุดมือจนกระทั่งเสร็จแล้วก็ยื่นไปให้พี่ชาย

"ชั้นทำงานของชั้นเสร็จแล้ว ออกไปข้างนอกได้หรือยัง?" เงยหน้าขึ้นมาถามพี่ชาย พี่ใหญ่มองหน้าน้องแต่ไม่ได้ตอบ

"โอเค ชั้นต้องอยู่จนกว่าจะถึงเวลาเลิกงาน เข้าใจแล้ว" ว่าแล้วเคนก็เอนตัวพิงที่เก้าอี้

"ชั้นยังไม่ทันพูดซักคำ" เจอร์รี่บ่นอุบเมื่อเห็นน้องพูดประชดเขาอีก

"ชั้นมันโง่หนิที่แปลความหมายจากท่าทางของนายผิดไป" คำพูดนั้นทำเอาพี่ชายถอนหายใจดังเฮือก จนขนาดน้องเล็กที่ใส่หูฟังอยู่ยังได้ยินจนต้องเงยหน้าขึ้นมามองพี่ชายทั้งคู่

"โอเคๆๆๆ.....ชั้นขอสงบศึก ไม่อยากทะเลาะด้วยแล้ว เลิกประชดซักที" พี่ใหญ่เป็นฝ่ายขอยุติเรื่องทั้งหมดเอง แต่เคนยังนั่งหน้ามุ่ย

"อยากไปไหนก็ไป....ชั้นไม่กักตัวนายไว้แล้ว......" พูดจบพี่ชายก็เป็นฝ่ายเก็บงานบนโต๊ะนั้นซะเอง

"ไปไหนก็ได้จริงๆนะ?" ถามหยั่งเชิงพี่ชายขึ้นมาอีก

"เออ!" ตอบน้องชายสั้นแล้วส่ายหน้าไปมาอย่างระอาใจ

"ขอบคุณครับ!" เคนยิ้มร่าโดยพลันก่อนจะเหล่ไปทางน้องชาย

"ใครอยากไปช้อปปิ้งก็ลุกขึ้นมา จะให้โอกาสนับหนึ่งถึงสามถ้าเกินกว่านั้นก็ไม่ต้องไป" เคนพูดขึ้นลอยๆเป็นการชวนน้องชายไปด้วย ไจ่ไจ๋ค้อนใส่พี่ชายแต่ยังทำเป็นนั่งนิ่ง

"ตามใจ! อยากนั่งจับเจ่าอยู่ในนี้จนถึงเย็นก็แล้วแต่นะ หนึ่ง.....สอง.....สะ....." เคนยังไม่ทันนับจบประโยคดีไจ่ไจ๋ก็รีบถอดหูฟังแล้ววิ่งมาหาพี่ชายทันที ทำให้พี่ใหญ่หัวเราะออกมาจนได้

"หายงอนมันแล้วหรอ?" พี่ใหญ่ถามพลางหัวเราะไปด้วย ไจ่ไจ๋ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วกอดแขนเคนเอาไว้

"ใครงอนใครหรอ? ไม่มีหนิ" คำตอบนั้นทำให้เคนอดที่จะยิ้มไม่ได้ เขาเอามือขยี้หัวน้องชายอย่างหมั่นไส้

"พอได้ผลประโยชน์พี่คนนี้จะมีความหมายขึ้นมาทันทีเลย" ไจ่ไจ๋กอดเอวพี่ชายแล้วส่ายหน้า

"ก็มีความหมายตลอดแหละแต่อยู่กับสถานการณ์ว่าตอนไหนจะมีความหมายมากหรือน้อย" พูดแหย่พี่ชายกลับไปเลยโดนเคนบีบปากเบาๆ

"จะไปช้อปปิ้งกันที่ไหนหละ?" พี่ใหญ่ถามแทรกขึ้นมา

"ก็คงไปเดินห้างแถวๆนี้แหละ จะเอาอะไรมั๊ย?" เคนตอบพี่ชายพร้อมกับถามต่อด้วย

"ไม่เอาหรอก เดี๋ยวเสร็จแล้วโทรหาพี่ใหญ่แล้วกันพี่จะได้ไปรับกลับบ้านพร้อมกัน" สั่งน้องชายเอาไว้แล้วหยิบเงินจำนวนหนึ่งให้น้อง

"เฮ้ย! ไม่เอา....ให้ชั้นทำไม?" เคนปฏิเสธแล้วดันมือพี่ชายออกไป

"เอาไว้ซื้อของให้น้อง" เจอร์รี่ว่าแล้วก็ยัดเงินใส่มือน้องชายอีก

"ชั้นก็มีเงินพอซื้อให้มัน นายเก็บไว้เถอะ" ปฏิเสธพี่ชายอีกครั้ง

"เฮ่อ! อะ....งั้นพี่ให้ไจ่ไจ๋ จะเอาอะไรก็เอาเงินนี่ซื้อเองไม่ต้องไปขอพี่กลาง รู้มั๊ย?" เจอร์รี่จึงเปลี่ยนไปส่งเงินให้ไจ่ไจ๋แทน

"ขอบคุณครับพี่ใหญ่ แต่ความจริงผมคงไม่ซื้ออะไรหรอก แค่กะไปเดินเล่นเฉยๆเอง" แม้จะว่าดังนั้นแต่น้องเล็กก็รับเงินจากพี่ชายมาเก็บไว้

"ไปกันได้แล้วไป พี่จะได้ทำงานได้ซักที" ว่าแล้วพี่ใหญ่ก็ไล่น้องชายทั้งคู่ให้ไปได้เพราะขืนน้องยังอยู่กันเขาเองก็ทำงานไม่ค่อยสะดวกเพราะต้องมัวคอยดูแลน้องทั้งคู่ด้วย

"ไปกันพี่กลาง....." ไจ่ไจ๋เป็นคนจูงมือพี่ชายออกไปจากห้อง

"เดี๋ยวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ" เคนบอกน้องชาย

"งั้นผมไปด้วย" ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็เดินตามพี่ชายไปด้วย

"คิดยังงัยอยากออกไปช้อปปิ้ง?" ไจ่ไจ๋ตั้งคำถามกับพี่ชาย

"ก็ไม่คิดยังงัยหรอก พี่แค่ขี้เกียจทำงานน่ะ" เคนตอบน้องยิ้มๆ

"แต่เมื่อก่อนที่พี่กลางทำงานที่นี่เห็นพี่กลับบ้านดึกดื่นทุกวันเลย" ไจ่ไจ๋แย้งพี่ชายขึ้นมาบ้าง

"ก็ตอนนั้นความจำเป็นมันบังคับแล้วอีกอย่างพี่มีห้องทำงานเป็นของตัวเองด้วยไม่ต้องมานั่งกับพี่ใหญ่ นายก็รู้หนิว่าเรื่องงานแล้วพี่ใหญ่เขาละเอียดแค่ไหน เดี๋ยวทำอะไรผิดก็โดนบ่นยาวพี่เลยขี้เกียจทำต่อแล้วงัย" เคนอธิบายให้น้องชายฟังยืดยาว

"แต่ก็ไม่เชิงว่าพี่ไม่ชอบงานแบบนี้หรอกนะ เพราะลักษณะงานมันก็ถือว่าโอเคเพียงแต่พี่ไม่ชอบทำงานที่มันต้องนั่งหลังขดหลงแข็งอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแบบนี้น่ะ" เคนเล่าให้น้องฟังต่อ

"แต่ผมว่าแบบนี้ก็สบายดีออกนะ ถึงเวลากินก็ได้กินเลิกงานเมื่อไหร่ก็กลับบ้าน" ไจ่ไจ๋พูดตามความคิดของตัวเอง

"ก็แล้วแต่คนด้วยแหละเพราะที่นี่คนรุ่นเดียวกับพ่อก็เยอะ แบบว่าอยู่มาตั้งแต่ตอนที่บริษัทเราเพิ่งเปิดใหม่ๆเลย ทนอยู่มาได้ตั้งเกือบยี่สิบปี" เคนตอบแล้วก็เดินไปทำธุระของตัวเองเสร็จแล้วก็มาล้างมือ ในตอนนั้นก็มีคนเปิดประตูห้องน้ำเข้ามาเคนจึงหยุดพูด

"อ้าว.....เสี้ยวเทียน วันนี้มาด้วยหรอ?" คนที่เปิดประตูเข้ามาเอ่ยทักทาย

"ครับ ไม่เจอกันนานนะครับอาเหลียน" เคนก้มหัวให้ผู้สูงวัยกว่า ไจ่ไจ๋จึงก้มหัวตามด้วย

"นี่ไจ่ไจ๋หรือเปล่า? โตเป็นหนุ่มแล้วนี่" หันไปทักทายไจ่ไจ๋ด้วย

"สวัสดีครับ" ไจ่ไจ๋ตอบไปตามมารยาท เคนจึงหันไปยิ้มให้น้อง

"ไจ่ไจ๋ อาเหลียนเป็นทีมทำงานของพ่อ อยู่ตั้งแต่ยุคบุกเบิกของบริษัทเราเลย" เคนแนะนำให้น้องรู้จัก

"อาเหลียนครับ ช่วงนี้ไจ่ไจ๋เขามาเรียนรู้งานที่บริษัทน่ะครับ ยังงัยวันหลังต้องให้อาช่วยแนะนำเขาด้วย" เคนพูดจบไจ่ไจ๋ก็ก้มหัวให้ผู้อาวุโสกว่าอย่างนอบน้อม

"ทำเป็นมากพิธีไป อาแก่แล้วคงช่วยอะไรไม่ได้มาก" ว่าแล้วก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี

"แล้วเธอหละเสี้ยวเทียน? ได้ข่าวไปทำงานบนเรือสำราญหรอ? เป็นยังงัยบ้าง?" ถามไถ่เรื่องงานกับเคนบ้าง

"ก็ดีครับ ถือว่าทำงานไปเที่ยวไป ช่วงนี้ได้หยุดพอดีพี่ใหญ่เลยลากตัวมาช่วยงานที่นี่" เคนตอบยิ้มๆ

"ก็ดีแล้ว" พูดจบก็พยักหน้าคล้ายจะเป็นการตัดบท

"งั้นผมไปก่อนนะครับ วันหลังว่างๆจะเข้าไปคุยด้วย" พูดจบก็ก้มหัวให้เล็กน้อยแล้วพาน้องชายออกจากห้องน้ำ

"อาเหลียนคนนี้เป็นผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ ช่วงที่พี่มาฝึกงานก็ได้อาคอยช่วยแนะนำเหมือนกัน" เคนเล่าให้น้องฟัง

"ถ้าวันไหนพี่ทำงานผิดพลาดบ่อยๆพี่ใหญ่จะหงุดหงิดมากแล้วพี่ก็จะโดนบ่นไม่หยุดเลย พี่ก็จะหาทางหลบออกไปหาอาเหลียนที่ห้องเขา" ไจ่ไจ๋ได้ยินก็หัวเราะ

"ทำไมไม่ไปหาพี่รองหละครับ?" ย้อนถามพี่ชายกลับไป

"ไปหามันพี่ใหญ่ก็ตามตัวเจอได้ไม่ยากน่ะสิ แต่ถ้าพี่ใหญ่ไปเจอพี่ที่ห้องอาเหลียนพี่ใหญ่ก็ไม่กล้าดุพี่หรอกเพราะพี่ใหญ่เขาเกรงใจอาเหลียนมากๆ" เคนขยายความให้น้องฟัง

"งั้นอาเหลียนก็เป็นเกราะกำบังให้พี่เวลาอยู่ที่ทำงานน่ะสิ" ไจ่ไจ๋พูดติดตลก เคนได้ยินก็หัวเราะแล้วกอดคอน้องชาย

"เออ! พี่ลืมมือถือไว้ในห้องน้ำ" เมื่อเคนตบที่กระเป๋ากางเกงก็นึกขึ้นได้

"รีบกลับไปเอาเลยพี่กลาง เดี๋ยวก็หายจนได้" ได้ยินดังนั้นน้องเล็กก็พูดเป็นเชิงบ่น เคนจึงรีบวิ่งกลับไปในห้องน้ำ เมื่อเข้าไปเขาเห็นโทรศัพท์ของเขายังวางอยู่หน้าเคาน์เตอร์ที่อ่างล้างหน้าและบนนั้นก็มีแฟ้มที่อาเหลียนถือเข้ามาด้วย

"ดีนะที่ยังไม่หาย" เคนพูดกับตัวเองเบาๆแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ในตอนนั้นเขาเห็นว่าแฟ้มที่วางอยู่มันเปียกน้ำจึงหยิบขึ้นมาเพื่อจะเปลี่ยนที่วางแต่เอกสารด้านในกลับหล่นออกมาก่อน ดังนั้นเคนจึงก้มลงหยิบเอกสารพวกนั้น

"ทำอะไรน่ะ?" เสียงอาเหลียนร้องถามพร้อมกับรีบก้มลงรวบเอกสารพวกนั้นตัดหน้าเคน

"ขอโทษครับ ผมลืมมือถือไว้เลยกลับเข้ามาเอาแล้วพอดีเห็นแฟ้มมันวางเปียกน้ำอยู่เลยจะเปลี่ยนที่วางให้น่ะครับ" เคนให้เหตุผลแต่ก็สงสัยกับท่าทีร้อนรนของอาเหลียน

"อ้อ....งั้นหรอ? อานึกว่าคนอื่นมายุ่งกับเอกสารน่ะ เป็นเธอเองน่ะเอง" อาเหลียนว่าพร้อมกับยิ้มให้เคน

"อาวางไปก็ไม่ทันดู ส่งมาให้อาเถอะเดี๋ยวอาเก็บเอง" เคนไม่ตอบว่าอะไรเพียงแต่ส่งแฟ้มนั้นให้

"ผมไปก่อนนะครับ" ว่าแล้วเคนก็เปิดประตูออกไป

"โทรศัพท์หายไปแล้วหรอพี่กลาง?" ไจ่ไจ๋ถามเมื่อเห็นพี่ชายหน้านิ่วคิ้วขมวดออกมา

"เปล่า" เคนว่าพร้อมกับชูโทรศัพท์ให้น้องชายดู

"ถ้างั้นทำไมทำหน้าแบบนั้นหละ?" ไจ่ไจ๋ถามพี่ชายต่อ เคนไม่ตอบว่าอะไรเพียงแต่กอดคอน้องแล้วพาเดินดุ่มๆออกจากบริษัทก่อนจะโบกแท๊กซี่แล้วบอกจุดหมายปลายทาง

"พี่กลาง เป็นอะไรไปน่ะ?" เมื่อเห็นพี่ชายยังมีสีหน้าครุ่นคิดน้องเล็กก็ถามขึ้นมาอีก

"ไม่รู้สิไจ่ไจ๋ พี่แค่คิดอะไรบางอย่าง" เคนตอบแล้วมองหน้าน้องชายอย่างลังเลเพราะไม่รู้ว่าจะเล่าให้น้องฟังดีหรือไม่

"คิดอะไรครับพี่กลาง?" น้องเล็กย้อนถามกลับไปด้วยความอยากรู้

"พี่คิดว่าอาเหลียนมีท่าทีแปลกๆ เมื่อกี้พี่กลับไปเอาโทรศัพท์แล้วเห็นแฟ้มที่อาเหลียนถือเข้าไปด้วยมันวางเปียกน้ำอยู่เลยจะเอาไปวางที่ใหม่ที่มันแห้งๆให้แต่พอดีเอกสารที่สอดอยู่ในนั้นมันหล่นออกมา อาเหลียนออกมาก็ทำท่ามีพิรุธแล้วก็รีบเก็บเอกสารพวกนั้นเอง" เคนตัดสินใจเล่าให้น้องฟัง

"พี่หมายความว่าเอกสารพวกนั้นมันมีอะไรผิดปกติหรอ?" น้องเล็กถามอย่างพอจะเดาออก

"ไม่แน่ใจ แต่ถ้าหากมันเป็นเอกสารเกี่ยวกับงานจริงก็ไม่เห็นจะเป็นไรถ้าพี่จะอ่านมันใช่มั๊ย?" เคนย้อนถามน้องชาย

"ก็ไม่แปลกถ้าพี่จะอ่าน แต่ถ้าเขาไม่อยากให้พี่อ่านก็แสดงว่ามันมีอะไรที่พี่ไม่ควรรู้งั้นสิ" จบคำพูดนั้นสองพี่น้องก็มองหน้ากัน

"พี่อาจจะคิดมากไปเองก็ได้ เพราะจู่ๆอาเหลียนเขาออกมาเห็นพี่ถือแฟ้มนั้นอยู่อาจจะโกรธเพราะนึกว่าพี่จะตรวจสอบเขาหละมั้ง" เคนพยายามคิดในแง่ดี

"พี่กลางครับถ้าอาเหลียนเขาคิดทำอะไรไม่ถูกต้องขึ้นมาจริงๆเราน่าจะกันไว้ดีกว่าแก้นะครับ" ไจ่ไจ๋เตือนให้พี่ชายคิดใหม่เพราะอย่างน้อยบริษัทนี้ก็เป็นของทุกคนในครอบครัวดังนั้นทุกคนจึงต้องมีหน้าที่ช่วยสอดส่องดูแลอยู่แล้ว

"พี่บอกว่าอาเหลียนเป็นผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อใช่มั๊ย? งั้นการจัดซื้อวัสดุภัณฑ์ทั้งหมดก็อยู่ที่การตัดสินใจของเขาคนเดียวใช่หรือเปล่า?" เคนหันไปมองหน้าน้อง

"เขาจัดการแต่ต้องให้พี่ใหญ่เซ็นอนุมัติร่วมด้วยถึงจะสามารถเบิกเงินไปซื้อได้" เคนตอบคำถามน้องชาย

"งั้นเรื่องนี้เราน่าจะลองถามพี่ใหญ่ดูนะ" น้องเล็กว่าแล้วมองหน้าพี่ชายเป็นเชิงปรึกษา

"บอกให้โดนด่าหรอ? อาเหลียนคนนี้เป็นคนที่พี่ใหญ่เคารพมากเลยนะ จู่ๆไปบอกว่าเราสงสัยว่าเขาจะทำอะไรไม่ชอบมาพากลโดยไม่มีหลักฐานมีหวังโดนด่าเปิง" เคนว่าพร้อมกับถอนหายใจ

"งั้นพี่ก็พอจะรู้เกี่ยวกับเรื่องการจัดซื้อไม่ใช่หรอ? พี่ก็ทำเป็นคุยเรื่องงานกับพี่ใหญ่แล้วเวลาที่อาเหลียนต้องให้พี่ใหญ่เซ็นอนุมัติพี่ก็ขอดูแฟ้มนั้นจากพี่ใหญ่สิครับ" ไจ่ไจ๋แนะนำ

"พี่ก็คิดแบบนั้นอยู่ แต่พี่ใหญ่ต้องสงสัยแน่ๆเพราะร้อยวันพันปีพี่ไม่ค่อยสนใจงานจัดซื้อเท่าไหร่แต่จู่ๆไปขอดูคงแปลกๆ" เคนว่าแล้วก็ทำหน้านึกขึ้นได้

"หรือเราจะบอกพ่อแม่ดี?" พูดจบเคนก็ส่ายหน้าซะเอง

"ไม่ได้อีกเหมือนกันเพราะอาเหลียนก็เป็นคนสนิทของพ่อ จู่ๆไปพูดแบบนี้พ่อคงเคืองตายเลย" ไจ่ไจ๋มองพี่ชายก่อนจะอมยิ้มนิดๆ

"พี่กลางนี่พูดเองตอบเองก็ได้แฮะ! ตกลงถามความเห็นผมหรือเปล่า?" เมื่อเห็นพี่ชายเริ่มเครียดๆไจ่ไจ๋ก็ถามแหย่เพราะไม่อยากให้พี่ชายคิดมาก

"แซวพี่หรอ!?" เคนผลักหัวน้องชายก่อนจะหัวเราะออกมา

"ยังงัยเขาก็เป็นผู้ใหญ่แถมทำงานกับพ่อมาตั้งนานคงไม่คิดทำอะไรแบบที่เราคิดหรอกมั้ง ช่างเถอะ! พี่อาจจะคิดมากไปเอง" เคนพูดตัดบทก่อนจะชี้ชวนน้องชายดูบรรยากาศข้างทางแทน



Create Date : 30 มีนาคม 2552
Last Update : 30 มีนาคม 2552 22:44:20 น. 0 comments
Counter : 1004 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 
 

loving_zai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




[Add loving_zai's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com