Chapter 80

  ตอนที่ 80
"แน่ใจหรอครับว่าจะไปเที่ยวกันแค่สามสี่วัน แพ็คกระเป๋ากันอย่างกับจะไปซักปีนึง"  ไจ่ไจ๋บ่นอุบหลังจากช่วยพ่อแม่และเคนยกกระเป๋ามาใส่หลังรถ
"ต้องเตรียมพร้อมเสมอสิลูก เพื่อเกิดอะไรฉุกเฉินขึ้นมา ข้าวของที่เอาไปเกินมันดีกว่าขาดเป็นไหนๆ"  พ่ออธิบายให้ลูกชายคนเล็กฟัง
"ครับ รอบคอบกันแบบนี้ก็ดีแล้ว"  ไจ่ไจ๋ว่าแล้วหันไปทางพี่ชายคนกลาง
"ถ้าจะไปด้วยก็ยังทันนะไจ่ไจ๋"  เคนพูดกับน้องอีกครั้ง
"นั่นแหนะ! ยังไม่ทันจะพ้นเขตบ้านพี่กลางก็คิดถึงผมแล้วใช่หรือเปล่า?"  ไจ่ไจ๋แกล้งแหย่พี่ชาย
"ไอ้บ้า! ยังมีหน้ามาพูดเล่นอีก ไม่ไปก็ดีจะได้ไม่เปลือง"  เคนว่าแล้วก็ค้อนใส่เจ้าน้องชายตัวดี ไจ่ไจ๋หัวเราะแล้วกอดเอวพี่ชาย
"พี่กลางเที่ยวให้สนุกนะครับ มีอะไรก็พูดคุยกับพ่อแม่แบบเปิดอกไปเลย อุตส่าห์เปิดโอกาสให้แล้วนะเนี่ย"  เคนได้ยินก็ยิ้มแล้วขยี้หัวน้องชายเบาๆ
"ไจ่ไจ๋.....มีเรื่องนึงที่พี่ต้องไหว้วานนายหน่อย"  แล้วเคนก็ทำเสียงเป็นการเป็นงานขึ้นมา
"ไม่ต้องห่วงครับพี่กลาง เจ้าพีพีกับถางถางจะได้รับการดูแลอย่างดี ผมไม่กล้าทิ้งขว้างหรือเอามันไปฝากใครเลี้ยงอีกแล้ว"  ไจ่ไจ๋พูดแทรกขึ้นมาก่อน
"ไม่ใช่เรื่องแมว!"  เคนแย้งน้องชายก่อนจะมองไปรอบๆเมื่อไม่เห็นว่ามีใครอยู่ก็ก้มหน้าพูดกับน้องเบาๆ
"พี่หมายถึงเรื่องอาเหลียน"  เคนเฉลยแล้วกวาดตามองอย่างระวัง
"ความจริงพี่เองก็อยากสืบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต่ถ้าพี่ทำแบบนั้นพี่ใหญ่ต้องสงสัยแน่แล้วดีไม่ดีอาเหลียนอาจไหวตัวทันเพราะดูเหมือนระยะหลังเขาก็ค่อนข้างจะระวังพี่มากเหมือนกัน"  เคนอธิบายให้น้องฟังอย่างเป็นการเป็นงาน
"พี่กลางไม่ต้องห่วง ผมจะไปบริษัทกับพี่ใหญ่ทุกวันแล้วถ้ามีเอกสารอะไรที่อาเหลียนส่งมาให้พี่ใหญ่เซ็นผมจะแอบจดรายละเอียดเก็บไว้แล้วจะบอกให้พี่กลางรู้ทันทีเลย"  ไจ่ไจ๋รับคำอย่างหนักแน่น
"อืม.....ดีแล้ว.....นายต้องช่วยเป็นหูเป็นตาให้พี่ด้วย....."  เคนเอ่ยชมน้องชาย
"ยังงัยพี่จะโทรมาหาทุกวัน"  แล้วก็พูดตัดบทเมื่อเห็นพ่อแม่และพี่ชายอีกสองคนเดินมาที่รถพอดี
"เสี้ยวเทียน ยาพ่นยากินเอาไปหมดแล้วนะ"  เจอร์รี่ถามน้องชาย
"เอาไปแล้ว"  เคนตอบคำถามนั้น
"แล้วอย่าเกเรกับพ่อแม่ให้มากนักนะ ห้ามเอาแต่ใจด้วย พ่อแม่พูดอะไรก็ต้องเชื่อฟัง เข้าใจมั๊ย?"  สั่งกำชับน้องชายต่ออีก
"คร้าบบบ.....เข้าใจแจ่มแจ้งทุกอย่างเลยยยยย....."  เคนรับคำพี่ชายอย่างติดกวนเล็กน้อย
"เข้าใจแล้วทำตามที่สั่งด้วยนะ ไม่ใช่ว่าพอพ้นสายตาพี่ใหญ่แล้วเราก็ออกฤทธิ์เต็มที่"  พี่ใหญ่ว่าพร้อมกับหยิกแก้มน้องอย่างหมั่นไส้
"หึๆๆๆ"  เคนหัวเราะแล้วสวมกอดพี่ชาย
"ช่วงที่ชั้นไม่อยู่เอาไจ่ไจ๋ไปทำงานที่บริษัทแทนชั้นนะ"  เคนเงยหน้าแล้วบอกกับพี่ชาย
"เอาไปให้มันป่วนชั้นแทนนายหรอ?"  ย้อนถามน้องชายกลับยิ้มๆ
"ไม่หรอก มันช่วยงานนายได้แน่นอน ชั้นเทรนมันเรียบร้อยแล้ว"  เจอร์รี่ได้ยินก็หัวเราะ
"ไอ้ขี้คุย! กว่าพี่จะฝึกเราจนเป็นงานได้ใช้เวลาเป็นปี แล้วเราเก่งกาจขนาดไหนถึงได้ใช้เวลาแค่สองสามนาทีฝึกน้องจนเป็นงานได้น่ะ?"  ถามพร้อมกับบีบจมูกน้องอย่างเอ็นดู
"นั่นแหละ เอามันไปด้วย ชั้นกลัวว่ามันอยู่บ้านคนเดียวจะเหงา"  เคนย้ำคำพี่ชาย
"ก็ได้ๆๆ ชั้นไม่ทิ้งมันอยู่บ้านคนเดียวหรอก"  เจอร์รี่รับปากแล้วจูบเบาๆที่หน้าผากน้องชาย
"เที่ยวให้สนุกนะ"  ร่ำราเสร็จก็ปล่อยตัวน้อง จากนั้นสมาชิกทุกคนต่างก็ร่ำรากันแล้วเคนก็ขับรถพาพ่อกับแม่ออกไป
"หวังว่ากลับมาบรรยากาศระหว่างเจ้าเสี้ยวเทียนกับพ่อแม่คงดีขึ้นมากนะ"  เมื่อรถยนต์หายลับตาไปแล้วแวนเนสก็เปรยขึ้นมา
"ชั้นกลัวว่าจะดีขึ้นจนพ่อกับแม่ไม่กล้าว่าอะไรมันเลยน่ะสิ"  เจอร์รี่พูดเป็นเชิงบ่น 
"เอาน่าๆๆ!!! พวกพี่สองคนนี่ชอบนินทาพี่กลางลับหลังอยู่เรื่อย ผมว่าพี่กลางเขาก็รู้ขอบเขตหรอกว่าจะทำตัวกับพ่อแม่ยังงัย"  ไจ่ไจ๋ต่อว่าพี่ชายทั้งคู่เมื่อได้ยินพี่ชายทั้งสองคนนินทาพี่ชายสุดที่รักของเขา
"แตะไม่ได้เลยนะไอ้พี่ชายสุดรักสุดดวงใจของนายคนนี้น่ะ!"  แวนเนสต่อว่าน้องอย่างหมั่นไส้ 
"แหม.....ก็รักเหมือนกันทุกคนแหละครับ ปะ.....เราเข้าบ้านกันดีกว่า"  ว่าแล้วไจ่ไจ๋ก็ชวนพี่ชายทั้งคู่เข้าไปในบ้าน
"พรุ่งนี้ชั้นกลับดึกหน่อยนะ"  เมื่อเข้ามานั่งร่วมวงกันแวนเนสก็เอ่ยปากบอกพี่ชายเอาไว้ก่อน
"จะไปไหน?"  เจอร์รี่ย้อนถามต่อทันที
"ไม่ได้ไปไหนแต่งานคงดึกน่ะ เพราะตอนนี้ก็จะเร่งให้อัลบั้มอัดเสร็จเร็วๆ"  แวนเนสตอบ
"เห็นบอกว่าอัดเสร็จเกือบหมดแล้วไม่ใช่หรอพี่รอง?"  ไจ่ไจ๋ถามพี่ชายขึ้นมาบ้าง
"ก็ใช่ แต่มันก็ต้องไปเก็บงานที่ยังมีจุดบกพร่องบางอย่างอีกนิดหน่อย แต่ไม่น่าเกินสิ้นเดือนนี้หรอก"  แวนเนสตอบแล้วอธิบายให้น้องชายฟัง
"งั้นผมก็จะได้ฟังเพลงของพี่รองแล้วสิ"  ไจ่ไจ๋พูดอย่างดีใจ
"ก็ประมาณนั้นแหละ.....แต่บอกไว้ก่อนนะว่าพวกนายต้องอุดหนุนพี่ด้วยไม่ใช่มานั่งรอแต่ของฟรี"  แวนเนสพูดดักคอเอาไว้
"ไอ้ขี้งก! กับพี่กับน้องให้ฟรีแค่นี้ไม่ได้"  ไจ่ไจ๋ต่อว่าพี่ชายกลับไปแต่แล้วก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
"ผมซื้ออัลบั้มของพี่ก็ได้แต่ว่าพี่ต้องให้ค่านายหน้าผมด้วยนะเพราะเดี๋ยวผมจะไปโฆษณากึ่งบังคับให้เพื่อนๆทุกคนซื้อ"  คำพูดของน้องเล็กทำให้เจอร์รี่หัวเราะออกมาได้
"โหย! นายนั่นแหละงก! ช่วยพี่ชายแค่นี้ต้องมีค่าตอบแทน"  แวนเนสบ่นอุบ
"ก็นายอยากงกกับมันก่อนนี่"  เจอร์รี่เสริมพร้อมกับหัวเราะ
"เข้าข้างมันทันทีเชียว เฮ้อ! สุดท้ายชั้นก็เป็นหมาหัวเน่าอยู่ดี!"  แล้วแวนเนสก็แกล้งทำสีหน้าน้อยใจ
"ไอ้ลูกลิงเอ้ย!"  เจอร์รี่หมั่นไส้เลยผลักหัวน้องเข้าให้
"แต่ผมว่ามีอยู่ที่นึงที่พี่รองไม่มีวันกลายเป็นหมาหัวเน่าแน่ๆ"  ไจ่ไจ๋เอ่ยขึ้นมาพร้อมกับอมยิ้ม
"แน่นอน! พี่น่ะมีคนที่พี่รักและก็รักพี่อยู่เคียงข้างเสมอ"  แวนเนสหน้าระรื่นขึ้นมาทันทีเมื่อน้องชายเอ่ยถึงคนรักของเขา
"ขืนทำตัวงอแงมากๆซักวันกลอเรียเขาคงเบื่อนายเหมือนกันแหละ"  พี่ใหญ่แขวะเข้าให้บ้าง
"ไม่มีทาง! เพราะกลอเรียน่ะใจดีกว่าพวกนายเยอะ"  แวนเนสตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
"กลอเรียไม่เคยซ้ำเติมชั้นเวลาชั้นทำอะไรพลาด แต่นายอ่ะนอกจากด่าแล้วบางครั้งยังตีชั้นอีก ใจร้าย!"  แวนเนสต่อว่าพี่ชายฉอดๆ
"น้อยๆหน่อยไอ้ตัวดี! ถ้าสิ่งที่นายทำผิดทำพลาดมันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตชั้นเคยด่าเคยตีนายเมื่อไหร่กัน?"  พี่ใหญ่เองก็เถียงน้องกลับ
"โอ้ย! อย่าให้พูดเลย!"  แวนเนสทำเสียงสูง
"ไม่อยากคุยกับพวกนายแล้ว ชั้นไปหากลอเรียดีกว่า"  ว่าแล้วแวนเนสก็ขยับตัวลุกขึ้น
"แล้วอย่าชวนกลอเรียเขาเที่ยวจนดึกดื่นหละ เราเองก็เหมือนกันพรุ่งนี้ต้องทำงานนะ"  พี่ใหญ่ไม่วายสั่งกับชับน้องชาย
"รู้แล้วน่า! ไปนะ!"  แวนเนสตอบรับคำพี่ชายก่อนจะโบกมือลาพี่น้องทั้งคู่
"ฝากบอกพี่กลอเรียด้วยนะว่าผมคิดถึง"  ไจ่ไจ๋ส่งเสียงไล่หลังพี่ชายไป
"เออ! เดี๋ยวบอกให้!"  แวนเนสรับคำแล้วหายแว๊บออกไปทันที
"ไวอย่างกับลิง!"  เจอร์รี่ว่าพร้อมกับส่ายหน้าที่น้องชายทำอะไรปุ๊บปั๊บ
"พี่ใหญ่ครับ"  ไจ่ไจ๋เรียกพี่ชายแล้วเข้าตัวมานอนหนุนตักพี่ชาย
"ว่ายังงัย?"  เจอร์รี่ย้อนถามพร้อมกับลูกหัวน้องชายอย่างเอ็นดู
"พี่กลางไม่อยู่แล้วพี่ใหญ่ไม่ต้องมาบ่นผมแทนหละ"  เอ่ยแซวพี่ชายยิ้มๆ
"เดี๋ยวเถอะไอ้ตัวดี! ว่าพี่ขี้บ่นหรอ?"  พี่ใหญ่กัดฟันต่อว่าน้องพร้อมกับบีบจมูกน้องชายไปด้วย
"หึๆๆๆๆ"  ไจ่ไจ๋หัวเราะเบาๆแล้วเงียบไป
"ง่วงนอนหรอ?"  เมื่อเห็นน้องเงียบไปพี่ใหญ่ก็ถามขึ้นมา
"เปล่า"  ไจ่ไจ๋ส่ายหน้าเล็กน้อย
"งั้นก็คิดถึงพี่กลางหละสิ"  ถามอย่างพอจะเดาความรู้สึกของน้องชายได้
"แล้วพี่ใหญ่หละ?"  ไจ่ไจ๋ไม่ตอบแต่ย้อนถามพี่ชายกลับไป
"พี่ก็คิดถึงมันตลอดแหละ ไม่ใช่เฉพาะเจ้าพี่กลางหรอกตอนนี้พี่เองก็คิดถึงพี่รองของนายด้วย"  เจอร์รี่ตอบน้องไปตามตรง
"ถ้าพี่ใหญ่อยู่คนเดียวคงเหงาแย่"  ไจ่ไจ๋พูดยิ้มๆ
"งั้นสิ เพราะฉะนั้นนายห้ามหนีพี่ไปเที่ยวไหนอีกคนหละ"  จบคำพูดของพี่ใหญ่สองพี่น้องก็หัวเราะกันเบาๆ

- วันต่อมาที่บริษัท -
"เดี๋ยวพี่ใหญ่มีประชุม เอกสารในแฟ้มบนโต๊ะเราช่วยพิมพ์ให้พี่หน่อยแล้วกัน ถ้าทำเสร็จแล้วพี่ยังไม่ออกมาจะไปเดินเล่นข้างล่างก็ได้"  เจอร์รี่หันมาพูดกับน้องชายขณะที่สวมเสื้อสูทไปด้วย
"ได้ครับพี่ใหญ่ พี่ไม่ต้องห่วงผมหรอก แล้วเดี๋ยวงานตรงนี้ผมจัดการให้"  ไจ่ไจ๋ว่าพร้อมกับยิ้มให้พี่ชาย
"ขอบใจมาก พี่ไปก่อนนะ มีอะไรส่งข้อความมาได้"  สั่งกำชับน้องชายเสร็จก็โบกมือลา หลังจากพี่ชายออกไปแล้วไจ่ไจ๋ก็เดินมานั่งลงที่โต๊ะทำงานของพี่ชาย
"โต๊ะรกชะมัด!"  บ่นอุบเมื่อเห็นมีแต่เอกสารกองเต็มไปหมด
"ทำงานให้พี่ใหญ่ก่อนดีกว่า"  ว่าแล้วก็หยิบแฟ้มที่พี่ชายพูดถึงมาเปิดออกดูเพื่อพิมพ์งานให้พี่ชาย
"โอโห! ตัวเลขเต็มไปหมด แบบนี้งงตายเลย"  ไจ่ไจ๋บ่นงึมงำแต่ก็เปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมา แล้วลงมือช่วยพี่ชายทำงาน ในระหว่างนั้นเองเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
"อ้าว! เจอร์รี่ไม่อยู่หรอ?"  เสียงที่เอ่ยขึ้นมานั้นทำให้ไจ่ไจ๋ลุกขึ้นยืนแล้วก้มหัวให้ผู้มาเยือน
"สวัสดีครับอาเหลียน พี่ใหญ่ไม่อยู่ไปประชุมครับ"  ไจ่ไจ๋ตอบแล้วย้อนถาม
"อาเหลียนมีธุระอะไรกับพี่ใหญ่มั๊ยครับ? ผมจะส่งข้อความไปบอกให้"  คำเสนอนั้นทำให้อาเหลียนยิ้มเล็กน้อย
"ไม่เป็นไรหรอกหลายชาย อาแค่เอาเอกสารมาให้พี่ชายเธอเซ็นน่ะ พอดีว่ามีเคสด่วนนิดหน่อย"  อาเหลียนตอบ
"เดี๋ยวอามาใหม่แล้วกัน"  ว่าแล้วก็ทำท่าจะหมุนตัวออกไป
"เอ่อ.....อาเหลียนครับ.....ทิ้งเอกสารไว้ที่นี่ก็ได้ ถ้าพี่ใหญ่กลับมาแล้วเดี๋ยวผมจะบอกให้พี่ใหญ่เซ็นให้แล้วผมจะเอาไปให้อาเอง อาจะได้ไม่ต้องเดินไปเดินมาหลายรอบ"  ไจ่ไจ๋ร้องบอกขึ้นมาก่อน
"อืม....ไม่เป็นไรดีกว่า.....เดี๋ยวอามาใหม่ ขอบใจมากนะ"  อาเหลียนทำท่าครุ่นคิดก่อนตอบ
"ถ้างั้นถ้าพี่ใหญ่กลับมาผมจะบอกพี่ใหญ่ให้นะครับว่าอามีเคสด่วน"  ไจ่ไจ๋เองก็ไม่ได้เหนี่ยวรั้งไว้ อาเหลียนพยักหน้าแล้วหมุนตัวออกไป
"เอกสารสำคัญอะไรนักหนา? ทำไมเราถึงดูไม่ได้? ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลอย่างที่พี่กลางบอกแหงๆ"  หลังจากอาเหลียนออกไปแล้วไจ่ไจ๋ก็ตั้งข้อสังเกต 
"โทรบอกพี่กลางดีกว่า"  แล้วก็นึกถึงพี่ชายคนกลางขึ้นมาจึงหยิบโทรศัพท์กดหาเคน
"ว่างัยน้องรัก? คิดถึงพี่หละสิ"  เสียงเคนเอ่ยทักน้องชายอย่างร่าเริง
"แหม.....มีความสุขจังเลยนะครับ"  ไจ่ไจ๋ได้ยินเสียงพี่ชายแล้วก็พลอยยิ้มออก เขาชอบเวลาที่พี่ชายคนนี้อารมณ์ดีอย่างเป็นที่สุด
"แน่นอน ตกลงมีอะไรหรือเปล่า?"  แล้วเคนก็ถามน้องชายกลับมา
"อืม....ผมอยู่ที่บริษัทกับพี่ใหญ่"  ไจ่ไจ๋เกริ่นนำ เคนเงียบเสียงไปพักหนึ่งก่อนจะถามกลับมา
"มีอะไรผิดปกติมั๊ย?"  น้ำเสียงเป็นการเป็นงานขึ้นมา
"พ่อแม่อยู่ด้วยหรือเปล่าครับ?"  ไจ่ไจ๋ยังไม่ตอบแต่ย้อนถามพี่ชายกลับไป
"เปล่า พี่อยู่ในห้องพักโรงแรม พ่อแม่อยู่อีกห้องนึง"  เมื่อพี่ชายตอบกลับมาเช่นนั้นไจ่ไจ๋จึงเล่าเหตุการณ์เมื่อซักครู่ให้พี่ชายฟังอย่างละเอียด
"น่าสงสัยจริงๆแหละ เพราะถ้าปกติแล้วเป็นเอกสารอนุมัติเงินตามที่เสนออาเหลียนไม่จำเป็นต้องมาให้พี่ใหญ่เซ็นด้วยตัวเองก็ได้ ถึงต่อให้เป็นเคสด่วนจริงให้ลูกน้องคนไหนถือมาก็ได้"  เคนเริ่มวิเคราะห์หลังจากฟังที่น้องชายเล่าจบแล้ว
"นั่นสิ แล้วท่าทางของอาเหลียนเหมือนไม่อยากให้ผมรู้ด้วยว่าในเอกสารนั้นมีอะไร"  ไจ่ไจ๋พูดเสริม
"ความจริงถ้าอาเหลียนให้เอกสารนั้นกับนายไว้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาเพราะต่อให้เอกสารนั้นมีส่วนที่ผิดแปลกไปยังงัยนายเองก็คงดูไม่ออก แต่นี่เขากลับมีท่าทีระแวงนายไปด้วย พี่ว่า.....อาเหลียนเขาคงพอจะรู้เหมือนกันว่าเราสองคนก็จับตามองเขาอยู่"  เคนให้ความเห็น
"งั้นผมจะทำยังงัยดีหละครับ?"  ไจ่ไจ๋ถามพี่ชายกลับไป
"พี่ว่าตอนนี้นายคงยังทำอะไรไม่ได้หรอก เพราะถ้าอาเหลียนให้เอกสารนั้นกับพี่ใหญ่โดยตรงการที่นายจะไปขอดูจากพี่ใหญ่มันก็จะยังงัยอยู่"  เคนตอบน้องชายแล้วพูดต่อ
"พี่ว่าที่นายทำได้ตอนนี้ก็คือลองหาเอกสารบนโต๊ะของพี่ใหญ่ที่ส่งมาจากแผนกจัดซื้อหลายๆใบมาเทียบกันดูว่าราคาของสินค้าอย่างเดียวกันว่ามันตรงกันหรือคาดเคลื่อนกันมากแค่ไหน พี่ใหญ่เขามีเก็บใบก๊อปปี้อยู่ น่าจะอยู่ในลิ้นชักนะ"  เคนแนะนำน้องชาย
"แล้วก็ระวังๆหน่อย ถ้าพี่ใหญ่เข้ามาเห็นก็หาข้อแก้ตัวดีๆหละ"  ไจ่ไจ๋รับคำพี่ชายอย่างหนักแน่น
"ได้ครับ เดี๋ยวผมจะลองหาดู พี่ใหญ่ไปประชุมคงไม่กลับมาเร็วนักหรอก"  ว่าแล้วไจ่ไจ๋ก็ตัดบทพี่ชาย
"งั้นแค่นี้ก่อนนะพี่กลาง มีอะไรจะโทรไปใหม่"  พูดจบก็วางสาย แล้วหันมาเริ่มต้นค้นแฟ้มเอกสารของพี่ชายต่อ
"โอโห! มีแต่เอกสารเป็นฟ่อนเลยแล้วแบบนี้จะหาเจอมั๊ยเนี่ย?"  ไจ่ไจ๋บ่นเมื่อมองหาแล้วก็เจอแต่แฟ้มเรียงกันเป็นแถวยาว
"ในลิ้นชักหรอ?"  แล้วก็นึกถึงคำพูดของเคนจึงเปิดลิ้นชักของพี่ชายออกมาดู แต่เมื่อเปิดๆค้นๆแล้วก็ไม่เจอ
"หรือว่าพี่ใหญ่ไม่ได้เก็บไว้แถวนี้นะ"  ไจ่ไจ๋พึมพำอยู่คนเดียว แล้วใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่กว่าจะหาสิ่งที่ต้องการเจอ
"อยู่นี่เอง....เอกสารฝ่ายจัดซื้อ"  ไจ่ไจ๋ยิ้มออกเมื่อเจอแฟ้มดังกล่าวแล้ว เขายืนเปิดดูไปทีละแผ่น
"โห! ตั้งเก็บไว้ตั้งแต่ปีมะโว้เชียว.....ถ้าไปชั่งกิโลขายน่าจะได้หลายตังค์นะเนี่ย"  ไจ่ไจ๋พูดกับตัวเองแล้วหยิบโทรศัพท์กดหาไปเคนอีกครั้ง
"ว่างัย?"  เสียงเคนตอบกลับมา
"อยู่กับพ่อแม่หรือเปล่าครับ?"  ไจ่ไจ๋ถามเกริ่นออกไป เคนเงียบเสียงไปพักหนึ่งแต่ไจ่ไจ๋ก็ได้ยินเสียงเคนพูดแว่วๆ
"พ่อแม่ครับ เดี๋ยวผมไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวนะ"  จบคำนั้นเสียงเคนก็กลับมาชัดเจนอีกครั้ง
"หาเจอมั๊ย?"  เคนถามน้องชายต่อทันที
"เจอแล้ว แต่มันตั้งแต่ปีมะโว้โน้น ผมดูแล้วมันก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่นะ"  ไจ่ไจ๋รายงานให้พี่ชายรู้
"พี่ว่าเราต้องหาปีที่ใหม่กว่านี้หน่อย เอาซักห้าปีย้อนหลังก็น่าจะพอ"  เคนแนะนำน้องชาย
"งั้นเดี๋ยวผมจะลองหาดูแล้วกัน ห้องทำงานพี่ใหญ่เนี่ยเอกสารหนักเป็นตันเลย"  คำบ่นของน้องชายทำให้เคนหัวเราะออกมาได้
"ก็แบบนี้แหละ แต่นายน่ะรื้อออกมาแล้วเก็บเข้าที่ด้วยนะ พี่ใหญ่ของนายน่ะเนี๊ยบเรื่องการจัดเรียงเอกสารมาก ใครไปแตะของเขาหน่อยเดียวก็รู้แล้ว"  ไม่วายสั่งกำชับน้องชายต่อ
"หวาย.....ผมลืมไปแล้วด้วยสิว่าหยิบออกมาจากไหน? ตายหละหว่า....."  ไจ่ไจ๋ได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
"พี่กลางอ่ะ....ไม่บอกผมแต่แรก ไม่งั้นก็จะได้จำไว้"  แล้วก็ต่อว่าพี่ชายเข้าให้ และก็ได้ยินเสียงเคนหัวเราะอีก
"บ้า! ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก เพราะถ้าเป็นายเป็นคนไปรื้อ พี่ใหญ่เขาไม่ว่าหรอก นายก็อ้างไปว่าอยากดูโน้นดูนี่ สำหรับนายเขาเห็นดีเห็นงามหมดแหละ"  เคนพูดมาตามสาย
"อ้าว.....นี่ประชดอีกแล้วหรอเนี่ย?"  แล้วไจ่ไจ๋ก็เปลี่ยนมาแซวพี่ชายแทนเพราะฟังดูคำพูดของเคนเหมือนจะประชดพี่ชาย
"ประชดอะไรเล่า! ไม่คุยด้วยแล้ว พี่กำลังจะไปกินข้าวเที่ยงกับพ่อแม่ แล้วนายหละกินอะไรหรือยัง?"  ถามน้องชายกลับมาอีก
"จะเที่ยงแล้วหรอ?......หาเอกสารซะเพลินเลย ผมยังไม่ได้กินหรอก รอพี่ใหญ่ประชุมเสร็จโน้น"  ไจ่ไจ๋ตอบ
"ถ้าหิวก็ไปหาอะไรรองท้องก่อนนะ เดี๋ยวจะปวดท้อง"  เคนไม่วายเป็นห่วงน้องชาย
"ครับ พี่กลางไปกินข้าวเถอะ ไว้มีอะไรจะโทรหาอีก"  แล้วไจ่ไจ๋ก็ตัดบทให้พี่ชายไปกินข้าว ส่วนตัวเองก็ค้นหาเอกสารต่อไปแล้วก็เจอในที่สุด
"อยู่นี่เอง เมื่อห้าปีที่ผ่านมา"  ไจ่ไจ๋พูดกับตัวเองอย่างดีใจแล้วพลิกแฟ้มเปิดขึ้นมาซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เจอร์รี่เปิดประตูเข้ามาพอดี
"นี่แหนะ! มาเล่นซนอะไรกับเอกสารของพี่ใหญ่?"  เจอร์รี่ตีก้นน้องเบาๆพร้อมกับเอ่ยถาม
"อุ๊ย!"  ไจ่ไจ๋อุทานออกมาอย่างตกใจ แต่ก็หาแก้ตัวได้ทันที
"ไม่ได้เล่นซักหน่อย พอดีเมื่อครู่ใหญ่ๆที่ผ่านมาอาเหลียนเข้ามาหาพี่ใหญ่บอกจะให้เซ็นอะไรซักอย่าง ผมจำชื่อเอกสารไม่ได้เลยจะมาหาว่ามันคือเอกสารอะไร"  ไจ่ไจ๋แก้ตัว
"แล้วรู้หรือยัง?"  เจอร์รี่ถามน้องชายต่อยิ้มๆ
"รู้แล้ว เป็นใบอนุมัติการสั่งซื้อสินค้า อาเหลียนบอกว่าเป็นเคสด่วนด้วย"  ไจ่ไจ๋รายงานให้พี่ชายรู้
"เคสด่วนหรอ? งั้นเดี๋ยวพี่ไปหาอาเหลียนเอง เออ.....นายก็ไปด้วยกันเดี๋ยวลงไปกินข้าวกันเลย"  ว่าแล้วเจอร์รี่ก็จัดการปิดแฟ้มในมือน้องชายแล้วจูงมือน้องออกจากห้องไป โดยที่ไจ่ไจ๋เหลียวมองแฟ้มที่เขาเพิ่งค้นเจออย่างเสียดาย
"เห็นไจ่ไจ๋บอกว่าอาไปหาผมที่ห้อง ขอโทษด้วยนะครับพอดีติดประชุม"  หลังจากเคาะประตูห้องแล้วเจอร์รี่ก็เอ่ยทักทายอาเหลียนอย่างสุภาพ
"อาว่ากำลังจะแวะไปอีกรอบพอดี"  อาเหลียนทักเจอร์รี่กลับมาพยักหน้าให้นั่ง
"อะ....รบกวนเธอหน่อย พอดีเคสนี้ลูกค้าเร่งเรามาก"  อาเหลียนว่าแล้วก็ยื่นเอกสารให้เจอร์รี่ ไจ่ไจ๋จึงพลอยชะโงกหน้ามองรายละเอียดในเอกสารด้วย
"เป็นงานแล้วสิ"  แล้วเสียงอาเหลียนก็ดังขึ้นมาอีกทำให้ไจ่ไจ๋ต้องเปลี่ยนสายตาไปทางต้นเสียง
"ผมหรอครับ?"  ไจ่ไจ๋ย้อนถามพร้อมกับชี้หน้าตัวเอง ในตอนนั้นเจอร์รี่ก็ยื่นเอกสารคืนให้อาเหลียน
"ก็เธอนั่นแหละ"  อาเหลียนยิ้มเล็กน้อย
"ไม่หรอกครับ ผมแค่มาดูพี่ใหญ่ทำงาน"  ไจ่ไจ๋ตอบพร้อมกับยิ้มแหยๆ
"มาป่วนมากกว่าครับ เมื่อกี้ผมออกไปประชุมแป๊บเดียวกลับมารื้อเอกสารผมซะเละเลย"  เจอร์รี่แกล้งเผาน้องชาย
"ผมป่วนที่ไหนหละ? ผมกำลังช่วยพี่ใหญ่ต่างหาก"  ไจ่ไจ๋แย้ง
"ช่วยให้ยุ่งกว่าเดิมสิ"  เจอร์รี่แหย่น้องชายต่อ
"พี่ใหญ่อ่ะ!"  ไจ่ไจ๋ทำหน้ามุ่ยใส่พี่ชาย ทำให้เจอร์รี่กับอาเหลียนหัวเราะออกมาพร้อมกัน
"เจอร์รี่ ต่อไปต้องระวังหน่อยนะเพราะดูท่าแล้วน้องชายเธอจะต้องเก่งกาจมากแน่นอน"  เจอร์รี่ยิ้มรับคำนั้น
"เป็นอย่างอาว่าก็ดีครับ ผมจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก"  เจอร์รี่ว่าแล้วก็ถามตัดบท
"อาเหลียนทานข้าวหรือยังครับ? ผมกำลังจะไปทานข้าวกันยังงัยอาก็ไปด้วยกันนะ"  เอ่ยชวนผู้อาวุโสกว่า
"ตามสบายเถอะ อาขอเคลียร์เคสนี้ก่อน ไว้วันหลังแล้วกัน"  อาเหลียนปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม
"อาก็พักทานข้าวด้วยนะครับ ระวังจะเป็นโรคกระเพาะ"  เจอร์รี่แสดงความห่วงใย
"รู้แล้ว ขอบใจมาก"  อาเหลียนว่าพร้อมกับพยักหน้า เจอร์รี่จึงเอ่ยลาแล้วพาน้องเล็กลุกออกมา
"พี่ใหญ่...."  เมื่อมานั่งที่ร้านอาหารแล้วไจ่ไจ๋ก็เป็นฝ่ายชวนคุย
"ว่างัย?"  พี่ใหญ่มองหน้าน้องชายพร้อมกับเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
"ทำไมเวลาพี่ใหญ่เซ็นเอกสารถึงไม่ยอมอ่านก่อนหละ?"  คำถามของน้องชายทำให้เจอร์รี่ขมวดคิ้วหนักกว่าเก่า
"ก็พี่ใหญ่สอนผมเองไม่ใช่หรอว่าก่อนจะเซ็นอะไรให้ใครต้องอ่านเอกสารให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อน"  ไจ่ไจ๋ตีหน้าซื่อพูดต่อไปอย่างแนบเนียบทำให้เจอร์รี่ยิ้มแบบขำๆ
"ใช่.....พี่สอนนายแบบนั้น แต่ว่าวิธีปฏิบัติจริงมันจะทำแบบนั้นไม่ได้ทั้งหมดหรอก"  เจอร์รี่ตอบแล้วเริ่มอธิบายให้น้องชายฟัง
"อย่างเอกสารต่างๆในบริษัทที่พี่ใหญ่เซ็นนั่นน่ะมันก็มาจากฝ่ายต่างๆที่มีการตรวจสอบมาแล้ว ถ้าพี่ต้องมานั่งอ่านทุกตัวอักษรวันๆพี่คงไม่ต้องทำอะไรกันพอดีเพราะวันนึงพี่ต้องเซ็นเอกสารไม่รู้ตั้งกี่สิบฉบับ"  ไจ่ไจ๋เอามือเท้าคางแล้วมองพี่ชาย
"ตรวจสอบแล้วก็ใช่ว่าจะไม่ผิดพลาดนี่นา"  แย้งพี่ชายออกมา
"ผิดพลาดมันก็มี แต่โดยหลักๆแล้วพี่จะอ่านดูคร่าวๆแล้วก็จะมีสำเนาก๊อปปี้ไว้เสมอ ถ้าอันไหนมีปัญหาพี่ก็สามารถเอามาตรวจสอบได้"  เจอร์รี่อธิบายให้น้องฟังต่อ
"แต่ส่วนใหญ่ที่ผิดก็มักจะเป็นที่การพิมพ์ผิดหรือตกหล่นมากกว่า ถ้ามันไม่ใช่สาระสำคัญอะไรพี่ก็ปล่อยเลยตามเลยได้ เมื่อก่อนมีเจ้าพี่รองกับพี่กลางคอยช่วยแต่เดี๋ยวนี้พี่ทำคนเดียวถ้ามานั่งตรวจขนาดนั้นก็คงไม่ไหวเหมือนกัน"  ไจ่ไจ๋พยักหน้าหงึกๆทั้งที่เขาอยากจะถามมากกว่านี้แต่ก็กลัวพี่ชายสงสัย
"แล้ววันนี้ประชุมอะไรหรอ?"  เปลี่ยนเรื่องถามพี่ชาย
"อืม.....ก็ประชุมเป็นปกติทุกสิ้นเดือนน่ะ มาสรุปผลงานรายได้รายรับรายจ่ายของแต่ละแผนกกัน"  เจอร์รี่ตอบ ในขณะนั้นพนักงานก็เอาอาหารมาเสริฟพอดี
"แล้วอาเหลียนไม่ต้องเข้าประชุมหรอ?"  ไจ่ไจ๋ถามต่ออีก
"ไม่จำเป็นหรอก แค่ส่งตัวแทนมารายงานก็พอแล้ว"  เจอร์รี่ตอบแล้วยิ้มเล็กน้อย
"พี่ไม่รู้เลยนะว่านายเองก็สนใจเรื่องการงานของบริษัทเหมือนกัน"  ไจ่ไจ๋ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มแหยๆ
"ก็.....รู้ไว้ก็ดี....."  พูดอย่างเขินๆ
"ดีแล้ว ยังงัยก็ถือว่าเป็นกิจการของครอบครัว"  เจอร์รี่ยิ้มเมื่อได้ยินคำตอบของน้องชาย
"มา.....กินข้าวกันได้แล้ว มาชวนพี่ใหญ่คุยเรื่องงานอยู่ได้ ไม่เครียดบ้างหรืองัย?"  ว่าแล้วก็ตัดบทด้วยการชวนน้องกินข้าว

- ที่บ้าน -
"จ๊ะเอ๋! ยังไม่นอนอีกหรอ?"  แวนเนสที่เพิ่งกลับเข้ามาในบ้านย่องไปข้างหลังพี่ชายแล้วใช้มือทั้งสองข้างจี้เอวพี่ชายเบาๆ
"ไอ้ลูกลิง! เล่นอะไรไม่เข้าเรื่อง!"  เจอร์รี่สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์มาดุน้องชาย
"ว่าแล้วต้องโดนด่า"  แวนเนสบ่นอุบอิบ 
"บ่นอะไร?"  เจอร์รี่หรี่ตามองน้องชายพร้อมกับถาม
"เปล่าซักหน่อย"  แวนเนสลอยหน้าลอยตาตอบ 
"แล้วทำไมถึงกลับมาดึกดื่นขนาดนี้?"  ถามน้องต่ออีก
"อ้าว.....ก็บอกแล้วงัยว่าทำงาน"  แวนเนสแย้ง เจอร์รี่หมุนเก้าอี้มาทางน้องชาย
"แน่ใจนะว่าทำงานอย่างเดียว?"  ย้อนถามน้องชายกลับไป
"ก็ใช่น่ะสิ"  แวนเนสตอบแล้วทำหน้ามุ่ยใส่พี่ชาย
"ดึกป่านนี้แล้วยังมีแรงมาจับผิดชั้นอีกหรอ?"  ถามพี่ชายกึ่งประชดแต่ก็ทรุดตัวคุกเข่าลงที่พื้นแล้วขยับเข้าไปกอดเอวพี่ชาย เจอร์รี่ยิ้มกับลูกอ้อนของน้องพร้อมกับเอามือลูบหัวแวนเนสอย่างเอ็นดู
"แล้วนายยังมีแรงมากวนพี่ใหญ่อีกหรอ?"  ถามน้องชายกลับไปบ้าง แวนเนสเงยหน้ามองพี่ชายแล้วเอาหน้าซบลงที่ตักของพี่ชายโดยไม่ตอบอะไร
"จะมาอ้อนเอาอะไรฮึ?"  ตั้งคำถามดักคอน้องไว้ก่อน
"เปล่าซักหน่อย"  แวนเนสปฏิเสธแล้วเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง
"วันนี้ชั้นเหนื่อยจัง"  บ่นกับพี่ชายด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ
"เหนื่อยแล้วงอแงกับเสี่ยวจือด้วยใช่มั๊ย?"  ย้อนถามน้องชายอย่างรู้ทัน
"ก็.....ไม่ขนาดนั้น......"  แวนเนสปฏิเสธแบบไม่เต็มเสียง
"งั้นทำไมเสี่ยวจือถึงไม่มาส่งนายหละ?"  คำถามนั้นทำเอาแวนเนสอึ้งไป
"นายรู้ได้ยังงัย?"  ย้อนถามพี่ชายกลับไปอย่างงงๆ
"เสียงรถของเสี่ยวจือชั้นจำได้แน่นอน แต่วันนี้ตอนนายกลับมาชั้นไม่ได้ยินเสียงรถเลย"  แวนเนสมองพี่ชายก่อนจะมีสีหน้าสลดลงเล็กน้อย
"ความจริงก็มีเรื่องเถียงกันนิดหน่อย"  แล้วแวนเนสก็สารภาพกับพี่ชาย
"อยากเล่าให้ชั้นฟังมั๊ย?"  เจอร์รี่ถามน้องกลับไปแบบไม่บังคับ แวนเนสนิ่งไปสีหน้าครุ่นคิด
"วันนี้เหนื่อยมากแล้ว ไปอาบน้ำอาบท่าแล้วเข้านอนซะ"  เมื่อเห็นน้องลังเลเจอร์รี่ก็ไม่อยากเซ้าซี้
"วันนี้ก็มีการเก็บงานที่เหลือกัน แต่ชั้นฟังแล้วยังรู้สึกว่ามีบางท่อนที่ชั้นยังร้องได้ไม่ดี แต่คนอื่นๆเห็นว่ามันดีแล้ว เสี่ยวจือก็เห็นด้วยอย่างนั้น"  แวนเนสตัดสินใจเล่าให้พี่ชายฟัง
"ชั้นขอแก้ไขท่อนนั้นใหม่ แต่คนอื่นไม่เห็นด้วย เหนื่อยเรื่องงานชั้นทนได้แต่เหนื่อยเรื่องคนนี่มันจนใจจริงๆ"  พูดจบถอนหายใจเบาๆ
"แวนเนส ถ้าจะว่าไปนายเองก็ยังใหม่กับการทำงานเพลง ประสบการณ์ก็ยังไม่มี ความรู้ในด้านนี้ก็คงยังไม่ชำนาญเท่ากับมืออาชีพหรอกนะ"  เจอร์รี่อธิบายให้น้องชายฟัง
"แต่พี่ไม่ได้หมายความว่าความคิดเห็นของนายผิดหรอกนะ นายเป็นคนเบื้องหน้าผลงานที่ออกมานายก็ต้องเป็นคนรับคำติชมก่อนใคร เพราะฉะนั้นการที่นายแสดงความคิดเห็นแบบนั้นออกมามันเป็นสิทธิของนายที่สามารถทำได้"  แวนเนสฟังในสิ่งที่พี่ชายพูด
"แต่การทำงาน เราต้องเคารพความเห็นของคนส่วนใหญ่ แย้งได้แต่อย่างแข็งข้อกับเขาเพราะไม่อย่างนั้นแล้วการทำงานมันก็จะไม่มีความสุขทั้งสองฝ่าย"  แวนเนสพยักหน้ารับกับคำสอนของพี่ชาย
"นายออกไปทำงานตั้งแต่เช้าจนมืดมันเป็นธรรมดาแหละที่จะต้องล้ากันบ้าง พอมีเรื่องอะไรไม่ถูกใจก็พาลจะมีเรื่องกันได้ง่ายๆด้วย คนอื่นก็เหมือนกันนั่นแหละ นายต้องเอาใจเขามาใส่ใจเราด้วย"  อธิบายกับน้องด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
"อืม.....ชั้นเข้าใจแล้ว"  แวนเนสค่อยยิ้มออกเมื่อได้ยินเหตุผลที่พี่ชายบอก
"ดีมาก งั้นบอกพี่ใหญมาซิว่าอาละวาดอะไรกับเสี่ยวจือ?"  ถามน้องชายต่ออีก แวนเนสทำหน้าเจื่อนๆ
"เสี่ยวจือโทรมาฟ้องนายหรอ?"  ย้อนถามพี่ชายเสียงอ่อยเพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เขาต้องโดนพี่ชายทำโทษแน่
"เปล่า แต่จากท่าทางของนายชั้นว่านายคงอาละวาดใส่เสี่ยวจือไม่น้อยเลย"  เจอร์รี่ตอบแล้วมองหน้าน้องชายอย่างต้องการคำตอบ แวนเนสเงียบไปครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจจะเล่าให้พี่ชายฟัง   
"ชั้นโมโหที่เสี่ยวจือคนที่ชั้นไว้ใจมากที่สุดยังไม่เห็นด้วยกับชั้น เลยต่อว่าเสี่ยวจือไปว่าเขาจะรู้อะไรว่าชั้นทำงานทุ่มเทแค่ไหนเพราะวันๆเขาก็แค่คอยช่วยนิดๆหน่อยๆ เหนื่อยก็พักได้ง่วงก็งีบซะ แล้วพอใครบอกอะไรก็เชื่อไปกับเขาหมดไม่ได้เห็นจริงว่าอะไรดีไม่ดียังงัย"  เจอร์รี่ได้ยินดังนั้นก็ได้แต่ส่ายหน้า
"ทำไมถึงได้โมโหร้ายอย่างนี้ เป็นคำพูดที่ชั้นไม่คิดว่าจะได้ยินจากนายเลยนะ"  พี่ใหญ่ปรับสีหน้าให้ดูจริงจังขึ้น แวนเนสก้มหน้านิ่งเพระรู้ว่าตัวเองทำไม่ถูก
"สัญญากับพี่ได้มั๊ยว่าจะไม่มีครั้งต่อไป"  แล้วก็เอ่ยถามน้องอย่างเป็นการเป็นงาน
"ไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว ชั้นสัญญา"  แวนเนสรับคำพี่ชายอย่างมั่นใจ
"ถ้าผิดสัญญาข้อนี้พี่ใหญ่จะทำโทษนะ"  พี่ใหญ่ย้ำคำ
"ครับ"  แวนเนสยอมรับแต่โดยดี
"เอาหละ.....ไม่ต้องคิดมากแล้ว และพรุ่งนี้คงรู้นะว่าต้องทำยังงัย?"  เมื่อเห็นน้องสลดลงพี่ใหญ่ก็ปรับน้ำเสียงให้นุ่มนวลขึ้น
"อืม.....ขอบคุณมากนะ"  แวนเนสว่าแล้วก็เอ่ยขอบคุณพี่ชาย
"ไปพักผ่อนซะไป"  แล้วก็เอ่ยไล่น้องชาย
"แล้วนายหละ?"  ถามพี่ชายกลับไปบ้าง
"อีกซักพัก"  เจอร์รี่ตอบแล้วหมุนเก้าอี้กลับไปทางหน้าจอคอมพิวเตอร์อีกครั้ง
"กำไรมันเยอะจนตาลายเลยหรอ?"  ถามสร้างบรรยากาศขึ้นมา
"ถ้าเป็นแบบนั้นชั้นคงไม่อยู่จนดึกป่านนี้หรอก"  เจอร์รี่ตอบแล้วถอนหายใจเบาๆ
"ทำไม? ขาดทุนหรอ?"  แวนเนสเลิกเล่นทันที
"ไม่หรอก ไม่ถึงกับขาดทุนเพียงแต่ห้าหกเดือนที่ผ่านมากำไรมันน้อยลงอย่างต่อเนื่องแล้วดูท่าเดือนนี้ก็คงเหมือนกัน"  พี่ใหญ่บอกกับน้องโดยไม่ปิดบัง
"ทำไมเป็นแบบนั้นหละ? ยอดขายน้อยลงหรอ? หรือว่าลูกค้าสั่งของน้อยลง?"  แวนเนสถามไถ่พี่ชายต่อ
"ถ้าเหตุผลมันเพราะยอดขายน้อยหรือลูกค้าสั่งของน้อยเหมือนที่นายว่าชั้นก็จะไม่ปวดหัวขนาดนี้เลย แต่นี่เท่าที่ดูในรายงานยอดขายที่รายงานมาบางเดือนเท่าเดิมและบางเดือนมากขึ้นด้วยซ้ำ มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้น่ะสิ"  แวนเนสขยับตัวเข้ามาดูรายงานตรงหน้าจอคอมพิวเตอร์
"ถ้าเป็นอย่างที่นายบอกจริง งั้นมันเกิดจากอะไรหละ? หรือว่ามีใครยักยอกเงินบริษัท?"  แวนเนสตั้งข้อสังเกต
"นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ชั้นจะใช้มันเป็นเหตุผลในการตอบคำถามเรื่องนี้"  เจอร์รี่ว่าเช่นนั้นแต่จริงๆแล้วก็คิดเหมือนกับน้องชาย
"ตรวจสอบได้มั๊ย?"  แวนเนสถามพี่ชายต่อ
"ยังไม่ได้"  ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยๆ
"ลองปรึกษาพ่อแม่ดูนะ ชั้นว่ามันชักจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลซะแล้ว"  แวนเนสแนะนำพี่ชาย
"อืม.....รอให้พ่อแม่กลับมาก่อน ตอนนี้ไม่อยากเอาเรื่องปวดหัวไปให้อีก"  เจอร์รี่รับคำแล้วยิ้มให้น้อง
"พี่ใหญ่บอกให้เราไปนอนไม่ใช่หรอ? ยังไม่ไปอีกเดี๋ยวตีซะเลย"  แล้วก็เปลี่ยนน้ำเสียงให้ร่าเริงขึ้นเพราะไม่อยากให้น้องเครียดไปด้วย
"นายก็ต้องพักผ่อนเหมือนกันนะ อย่าไปเครียดกับมันมาก"  แวนเนสพูดทิ้งท้ายแล้วเข้าไปหอมแก้มพี่ชายเบาๆ
"กู๊ดไนท์ครับ"  แวนเนสบอกลาไปนอน
"ครับ"  พี่ใหญ่รับคำน้องแล้วจูบเบาๆที่หน้าผากน้องชายจากนั้นก็มองจนน้องเดินหายขึ้นชั้นบนไปก่อนจะก็กลับมานั่งอยู่กับจอคอมพิวเตอร์ตามเดิม



Create Date : 17 มิถุนายน 2557
Last Update : 28 ธันวาคม 2557 20:44:41 น. 0 comments
Counter : 1141 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 
 

loving_zai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




[Add loving_zai's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com