Chapter 103
ตอนที่ 103 "อะฮึ่ม!" เจอร์รี่ส่งเสียงกระแอมดังๆเมื่อเห็นว่าเจ้าน้องชายคนเล็กของเขาเพิ่งกลับมาถึงบ้านแต่ทำท่าจะเดินเลยเขาไปโดยไม่ทักทาย ไจ่ไจ๋เองก็รู้ว่าพี่ชายต้องการให้เขาทักแต่เนื่องด้วยเมื่อเช้าเขาได้ก่อวีรกรรมไว้ก่อนออกจากบ้านจึงทำให้เขาคิดว่าแกล้งทำเป็นไม่สนใจแล้วหนีขึ้นห้องนอนน่าจะดีกว่า "ไจ่ไจ๋!!" เมื่อเห็นว่าน้องไม่สนใจเจอร์รี่จึงเอ่ยเรียกเสียงเข้มเล็กน้อย "อ้าว! พี่ใหญ่....ขอโทษทีผมไม่ทันเห็น...." เมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้เจ้าน้องเล็กก็เริ่มใช้เล่ห์เหลี่ยม แต่ดูเหมือนพี่ชายจะไม่หลงกลง่ายๆ "มานี่ซิไอ้ตัวแสบ" พี่ใหญ่กระดิกนิ้วเรียกเจ้าน้องชายสุดที่รัก ไจ่ไจ๋จึงต้องหมุนตัวกลับมาอย่างขัดไม่ได้ "วันนี้พี่ใหญ่กลับบ้านเร็วจังเลยเนอะ" ทำน้ำเสียงสดใสทักพี่ชายพร้อมกับหอมแก้มฟอดใหญ่ "ไม่ต้องมาอ้อน" เจอร์รี่ทำเสียงดุ ส่วนไจ่ไจ๋ได้แต่ตีหน้าซื่อ "ผมอ้อนซะทีไหนก็พี่ใหญ่เรียกผมมาเองนี่ครับ" พูดจบก็ถือโอกาสนั่งตักพี่ชายเอาดื้อๆ "เราเนี่ยนะ....." เมื่อเจ้าน้องเล็กมาไม้นี้เจอร์รี่ก็อดที่จะหลุดยิ้มออกมาไม่ได้ เขากอดรัดเจ้าน้องชายตัวแสบเอาไว้แล้วหอมแก้มน้องกลับแรงๆ "อื้ม! ทำข้อสอบได้มั๊ยวันนี้?" เขาถามน้องแต่แล้วก็นึกขึ้นมาได้จึงเปลี่ยนคำถามใหม่ "ไม่ใช่สิ พี่ต้องถามว่าวันนี้เราเข้าสอบทันเวลาหรือเปล่าต่างหาก" ไจ่ไจ๋ได้ยินก็ย่นจมูกแล้ววาดแขนข้างหนึ่งกอดคอพี่ชายโดยที่ยังไม่ยอมลุกจากตักของพี่ชาย "ระดับไจ่ไจ๋ซะอย่างมีหรือที่จะซิ่งรถไปไม่ทัน" พูดอวดตัวเองยังไม่ทันขาดคำก็โดนพี่ชายหยิกเข้าที่บั้นเอว "โอ้ย!!!" ร้องลั่นพร้อมกับรีบเด้งตัวลุกจากตักของพี่ชายทันที "เดี๋ยวจะตีให้ขาหักเชียว!" เจอร์รี่ชี้หน้าน้องพร้อมกับพูดขู่ ไจ่ไจ๋ยิ้มแหยๆให้พี่ชาย "พูดเล่นน่าพี่ใหญ่.....เวลาเช้าๆรถเยอะจะตายใครจะไปกล้าซิ่ง" ไจ่ไจ๋แก้ตัว "แต่ถ้าเป็นตอนถนนโล่งๆก็ว่าไปอย่าง" ไม่วายแอบพึมพำกับตัวเองเบาๆอีกด้วย "ว่าอะไรนะ!" พี่ใหญ่ถามย้ำเพราะได้ยินไม่ชัด "เปล่า!" ไจ่ไจ๋ปฏิเสธเสียงสูงแล้วมานั่งลงข้างๆพร้อมกับกอดแขนพี่ชายอย่างประจบ "ผมรู้ว่าพี่ใหญ่เป็นห่วงผมมากเพราะฉะนั้นผมไม่มีทางทำให้พี่ใหญ่ต้องเป็นกังวลหรอก" เจอร์รี่เอามือเขกหัวน้องเบาๆอย่างไม่อยากจะเชื่อ "น่าเชื่อตายหละ! อย่างเราน่ะหรอจะไม่มีทางทำให้พี่กังวล รู้มั๊ยทุกวันนี้พี่กังวลเรื่องอะไรเกี่ยวกับนายบ้าง ไหนจะเรื่อง......" เมื่อเห็นว่าพี่ชายเริ่มตั้งท่าจะบ่นไจ่ไจ๋จึงเอามือปิดปากพี่ชายเสียก่อนที่พี่ชายจะทันได้พูดจบ "ผมเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ หิวข้าวจังเลย มีอะไรให้กินมั๊ยครับ?" เปลี่ยนเรื่องถามพี่ชายเอาดื้อๆ "มี! แต่พอกินเสร็จแล้วมาให้พี่ชำระความกับเรื่องเมื่อเช้าหน่อยนะ" ไจ่ไจ๋ได้ยินก็หน้าเจื่อนลงทันตาเห็นเพราะอุตส่าห์หลอกล่อพี่ชายให้นอกเรื่องมาตั้งนานนึกว่าพี่ชายจะลืมไปแล้ว แต่ที่ไหนได้กลับจำได้แม่นซะอีก "แล้วพี่กลางหละ?" เปลี่ยนไปถามถึงพี่ชายคนโปรด เจอร์รี่ชักสีหน้าเล็กน้อยก่อนจะผงกหัวไปทางบันไดแทนคำตอบ "ไปชวนพี่กลางลงมากินขนมดีกว่า" ไจ่ไจ๋พูดจบก็แจ้นไปหาพี่ชายสุดที่รักทันที ปล่อยให้พี่ใหญ่ได้แต่เบ้ปากใส่ลับหลัง "พี่กลางครับ!!! ผมกลับมาแล้ว! ลงไปกินขนมกัน!" ไจ่ไจ๋เคาะประตูร้องเรียกพี่ชายอย่างร่าเริง "เอะอะเสียงดังไปได้!" ซักพักประตูห้องก็ถูกเปิดออกพร้อมกับเสียงบ่นของเจ้าของห้อง "ไปกินขนมกัน" ไจ่ไจ๋ยิ้มแฉ่งพร้อมกับชักชวนพี่ชาย "พี่ยังไม่อยากกิน" เคนตอบแล้วมีท่าทีชั่งใจก่อนจะบอกให้น้องเข้ามาคุยกับเขาก่อน "เข้ามาคุยกันก่อน" น้องเล็กเห็นท่าทางของพี่ชายก็แปลกใจแต่ก็เดินเข้าไปในห้องนอนของพี่ชายแต่โดนดี "วันนี้ทำข้อสอบได้มั๊ย?" เคนเริ่มต้นถามน้องชาย "ก็โอเคครับ" ไจ่ไจ๋ตอบแบบสบายๆ เคนจึงยิ้มออกมาได้ "จะได้เห็นตัว A บนรายงานผลการเรียนของนายมั๊ยเนี่ย?" เคนแกล้งแซวน้อง "โหย....แค่ B ก็ดีใจแล้วหละครับ อันที่จริงวันนี้ทำข้อสอบได้นะแต่ทำไม่ทันไปข้อนึง หายไปเป็นสิบคะแนนเลย" น้องเล็กบอกพี่ชายตามตรง "อ้าว! ไปไม่ทันหรอ?" เคนอุทาน "ทันแต่ว่าเข้าห้องสอบได้ในนาทีสุดท้ายพอดี ก้าวเข้าห้องปุ๊บเสียงอ๊อดหมดเวลาเข้าห้องสอบก็ดังพอดี" น้องเล็กตอบพลางทำหน้าแหยๆ "ไม่ได้บอกพี่ใหญ่เรื่องนี้ใช่มั๊ย?" เคนย้อนถามน้อง "บอกก็ตายน่ะสิ เมื่อกี้กลับมาถึงก็โดนบ่นเลยหนีมาหาพี่กลางดีกว่า" ไจ่ไจ๋ตอบพร้อมกับย่นจมูก "มันบ่นนายเรื่องอะไร?" เคนย้อนถาม "ก็เรื่องเมื่อเช้าที่ผมตื่นสายนั่นแหละ" ไจ่ไจ๋ตอบแล้วเลิกคิ้วเล็กน้อย "ว่าแต่ทำไมวันนี้พี่กลางถึงได้หมกตัวอยู่ในห้องหละ?" ถามพี่ชายต่ออย่างแปลกใจเล็กน้อยเพราะปกติหากเคนอยู่บ้าน ในช่วงเวลาเช่นนี้น่าจะอยู่ข้างล่างทำโน้นทำนี่มากกว่าที่จะมานั่งๆนอนๆอยู่ในห้องเฉยๆ "เบื่อหน้าคน" เคนตอบพร้อมกับยักไหล่ "ใครครับ? พี่ชิงชิงใช่เปล่า?" เจ้าน้องเล็กถามพร้อมกับเดาคำตอบ "เปล่า! เบื่อไอ้พี่ใหญ่ต่างหาก เมื่อเช้าหลังจากนายออกไปเกิดอะไรขึ้นอีกรู้หรือเปล่า?" เคนว่าแล้วก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้น้องชายฟัง "พี่กลางไม่ต้องห่วง ยังงัยผมก็อยู่ข้างพี่" ไจ่ไจ๋พูดเสียงหนักแน่นหลังจากที่ได้ยินพี่ชายเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าให้ฟัง "ขอบใจมาก" เคนเอ่ยขอบคุณน้องชายแต่ในใจลึกๆก็ยังรู้สึกไม่ค่อยสบายใจอยู่ "พี่รองก็เปลี่ยนข้างไปซะได้นะ! นี่ผมว่าพี่กลางยังไว้หน้าพี่ชิงชิงมากนะเนี่ย หากผมอยู่ด้วยจะพูดให้พี่ชิงชิงรีบเก็บของออกจากบ้านไปไม่ทันเลยเชียว" ไจ่ไจ๋ยังบ่นกระปอดกระแปดต่อไปอีก "แต่...." เคนยังมีท่าทีลังเลแล้วมองไปที่ไม้เรียวที่เขาถือติดมือกลับมาวางอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือในห้องด้วยพลางคิดว่าหากพี่ชายตีเขาไปให้จบๆเรื่องไปซะตั้งแต่เมื่อเช้าป่านนี้เขาคงนอนหลับสบายไปแล้ว ไม่ต้องมานั่งตรึกตรองกับสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไปเช่นนี้ "พี่ใหญ่ก็แปลกคน! น้องตัวเองมีไม่เคยเข้าข้าง! เอาแต่หาเรื่องอยู่ได้ ผู้ใหญ่เขายังพูดจาไม่ไว้หน้าเราเลยแล้วทำไมยังต้องคอยเกรงอกเกรงใจอยู่ได้ บ้านก็บ้านเราแท้ๆเลย!" ไจ่ไจ๋ยังบ่นไม่หยุดโดยที่เคนไม่ได้สนใจฟังนัก "ไม่ไปอ่านหนังสือหรืองัย? ยังมีสอบอีกไม่ใช่หรอ?" เคนเปลี่ยนเรื่องถามน้องชาย "มีครับ แต่ไม่อ่านแล้วหละ อ่านมากๆเดี๋ยวโง่!" เจ้าน้องเล็กตอบหน้าตาเฉย ทำให้เคนหัวเราะออกมาได้ "มีด้วยหรอวะอ่านหนังสือมากๆแล้วโง่!" เขาย้อยนถามน้องพลางหัวเราะไปด้วย "อ้าว.....ถ้าคนเรามัวแต่เรียนรู้ทฤษฎีโดยไม่เคยปฏิบัติแล้วมันจะเกิดประโยชน์อะไรหละครับ? ลงมือปฏิบัติไม่ได้มันก็โง่นั่นแหละ!" น้องเล็กตอบเหมือนจะดีแต่สุดท้ายก็ฟังดูแปร่งๆ "เออพี่กลาง แล้วนี่พี่ชิงชิงยังมีหน้าอยู่ต่ออีกหรอเนี่ย? เป็นผมนะไปถึงไหนต่อไหนแล้ว" น้องเล็กถามต่อแต่ไม่วายแอบจิกกัดบุคคลที่พาดพิงถึงด้วย "ไม่รู้สิ" เคนตอบสั้นๆพร้อมกับยักไหล่ "ยังอยู่แน่ๆเพราะกลับมาผมยังเห็นรองเท้าของพี่ชิงชิงถอดอยู่หน้าบ้านเลย เฮ่อ! โทรไปเลียบๆเคียงๆให้แม่ฟังดีกว่าว่าคนของแม่น่ะทำพวกเราป่วนกันขนาดไหน" ไจ่ไจ๋ยังไม่ยอมหยุดบ่น "นายว่าพี่พูดแรงเกินไปมั๊ย?" เคนไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่น้องบ่นมากนักแต่เขากลับถามความเห็นของน้องชาย "ไม่หรอกพี่กลาง พี่ชิงชิงเองก็ไม่ได้สะดุ้งสะเทือนอะไรไม่ใช่หรอ? อย่าคิดมากเลย" น้องเล็กตอบพร้อมกับปลอบใจพี่ชาย เคนสบตากับน้องแล้วถอนหายใจเบาๆก่อนจะพยักหน้า "นั่นสิ จะคิดมากทำไม" เคนว่าแล้วก็กอดคอน้องชาย "ลงไปหาอะไรกินกันดีกว่า พี่ก็รู้สึกหิวเหมือนกัน" พูดจบสองพี่น้องก็พากันเดินลงไปยังชั้นล่างของบ้าน
- เวลาอาหารเย็น - "มีใครรู้สึกเหมือนชั้นมั๊ยว่ากับข้าวมื้อนี้มันจืดชืดผิดปกติ" แวนเนสเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมาอย่างอดรนทนไม่ได้กับบรรยากาศเงียบเหงาบนโต๊ะอาหารทั้งที่พี่น้องทุกคนก็อยู่กันครบแต่กลับไม่มีใครพูดคุยอะไรกันเลย "เอาน้ำปลาหรือซีอิ๊วมาปรุงรสเพิ่มมั๊ยครับ?" ไจ่ไจ๋เงยหน้าถามพี่ชายซื่อๆเพราะนึกว่าพี่ชายตำหนิเรื่องรสชาติของอาหารจริงๆ "เฮ่อ!" แวนเนสถึงกับถอนใจเฮือกกับความซื่อบื้อของน้องชายคนเล็ก "บ่นแล้วก็ไม่เอามาปรุงใหม่แล้วจะถอนหายใจทำไม" ไจ่ไจ๋บ่นอุบอิบกับตัวเองเมื่อเห็นท่าทางของพี่ชายแต่ก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานของตัวเองต่อ แวนเนสทำหน้าเซ็งๆก่อนมองไปทางเจอร์รี่กับเคนที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ "ชั้นอิ่มแล้ว" แวนเนสเอ่ยขึ้นแล้วรวบช้อนส้อม คราวนี้เจอร์รี่จึงเงยหน้าขึ้นมาสบตากับน้อง "กินให้หมด" พี่ใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงดุๆ "กินไม่ลง" แวนเนสตวัดเสียงเล็กน้อย "กินไม่ลงก็ต้องกิน!" พูดย้ำอีกครั้งแล้วมองน้องชายด้วยสายตาบังคับ แวนเนสถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ก่อนจะตักข้าวเข้าปากอย่างไม่เต็มใจ ในตอนนั้นเคนก็ตักข้าวคำสุดท้ายใส่ปากแล้วกลืนลงคอก่อนจะดื่มน้ำตาม "เดี๋ยวชั้นจะออกไปข้างนอก นัดกับอันโดไว้" เคนเอ่ยขึ้นลอยๆโดยไม่ได้เจาะจงว่าจะพูดกับใคร "อ้าวพี่กลาง! จะหนีผมไปเที่ยวอีกแล้วหรอ?" ไจ่ไจ๋โอดครวญขึ้นมาคนแรก "หนีที่ไหนเล่า! ถ้าหนีไม่มานั่งบอกอยู่นี่หรอก" เคนว่าแล้วก็เหลือบตาไปทางพี่ใหญ่ที่ไม่ได้มีท่าทีว่าจะสนใจเขาซักเท่าไหร่ "นัดกันที่ไหน?" แวนเนสถามแทรกขึ้นมา "ชั้นจะไปหามันที่บ้านแล้วคงออกไปที่ไหนกันซักแห่ง" เคนตอบแล้วลุกเอาจานไปเก็บ "คงกลับดึกหรือไม่แน่อาจจะไม่กลับเลย" พูดจบก็เดินออกไปทันทีโดยไม่รอให้ใครได้พูดอะไรต่ออีก "เชื่อมั๊ยว่าลองมันพูดแบบนี้แล้วมันต้องไม่กลับแหงๆ" แวนเนสถามลอยๆเพื่อทำลายบรรยากาศอีกครั้ง "แหงอยู่แล้ว ใครจะอยากอยู่บ้านที่มีบรรยากาศไม่ดีแบบนี้หละ?" ไจ่ไจ๋ว่าแล้วก็ลุกเอาจานไปเก็บแล้วเดินออกไปด้วยอีกคน "อ้าว! เป็นงั้นไป" แวนเนสบ่นอุบพร้อมกับมองตามหลังน้องชาย และเมื่อหันกลับมาก็เห็นพี่ชายจ้องเขาอยู่ "ทำไมวันนี้นายเงียบจัง" แวนเนสถามพี่ชาย "ขี้เกียจพูด" เจอร์รี่ตอบห้วนๆ แวนเนสกรอกตาไปมาอย่างเซ็งๆ "ไหนนายบอกจะปล่อยให้น้องตัดสินใจกับการกระทำของตัวเองงัย แล้วทำไมต้องทำเฉยกับมันด้วย" แวนเนสถามเข้าเรื่องเพราะรู้ว่าที่พี่ชายเงียบไปนั้นเพราะยังติดไม่พอใจเคนเรื่องเมื่อเช้านี้อยู่ "แล้วจะให้ชั้นทำงัย? ยิ้มร่าแล้วบอกว่าสิ่งที่มันกำลังทำอยู่ถูกต้องแล้วน่ะหรอ?" เจอร์รี่ย้อนถามอย่างมีอารมณ์เล็กน้อย "ไม่ใช่.....แต่นายก็ไม่เห็นจะต้องทำปั้นปึงกับมันแบบนี้นี่น่า คนที่อยู่ตรงกลางลำบากใจนะ" แวนเนสโอดครวญ "แล้วนายเห็นว่าไอ้น้องชายตัวดีของนายมันจะสำนึกอะไรขึ้นมาบ้างมั๊ย? วันนี้ชั้นหยุดงานอยู่บ้านทั้งวันยังไม่เห็นมันเยี่ยมหน้าลงมาคุยอะไรกับชั้นบ้างเลย" เจอร์รี่กระแทกเสียงใส่แวนเนส "นายก็เป็นซะอย่างงี้แล้วมันจะกล้าเข้ามาหานายมั๊ยหละ?" แวนเนสพูดอย่างอ่อนอกอ่อนใจกับความแข็งข้อของพี่ชายและน้องชายทั้งคู่ "เชื่อชั้นเถอะว่าเสี้ยวเทียนมันกำลังคิดทบทวนถึงสิ่งที่มันได้ทำลงไปอยู่แน่ๆ น้องมันไม่ใช่คนไม่รู้จักคิดและถ้าหากมันคิดว่ามันทำผิดจริงชั้นว่ามันกล้าที่จะเดินเข้าไปเอ่ยคำขอโทษกับพี่ชิงชิงอยู่แล้ว" พูดปกป้องน้องชาย "ชั้นจะคอยดูไอ้น้องชายคนดีของนาย!" เจอร์รี่เบ้ปากทั้งที่ใจจริงเขาก็เชื่ออย่างที่แวนเนสพูด "ว่าแต่นายไปเอาวิธีนี้มาจากไหน?" แวนเนสเปลี่ยนเรื่องถามพี่ชาย "วิธีอะไร?" พี่ใหญ่ทำหน้างงๆ "ก็ไอ้ที่ให้มันเก็บไม้เรียวไว้ หากคิดได้เมื่อไหร่ค่อยเอามาให้นายงัย" แวนเนสตอบแล้วรอฟังคำอธิบายจากพี่ชาย "ไม่ได้เอามาจากไหนหรอก ชั้นคิดขึ้นมาเอง มีปัญหาอะไร?" เจอร์รี่ตอบเป็นเชิงหาเรื่องน้อง "เปล่า!!" แวนเนสตอบเสียงสูง "แค่อยากรู้ว่านายไม่กลัวว่ามันจะเอาไปหักทิ้งหมดหรอ?" ถามพี่ชายอย่างติดตลก "ไม่กลัวหรอก เพราะวันนี้ชั้นว่างๆเลยนั่งเหลาไม้เรียวไว้อีกเป็นโหล มันหักทิ้งได้ก็หักไปชั้นมีเตรียมไว้อีกหลายอัน" พี่ใหญ่ตอบแล้วเปลี่ยนสายตาไปที่ข้าวในจานของน้องชาย "ยังคิดอยู่เลยว่าใครจะเป็นผู้โชคดีได้ฉลองไม้เรียวอันใหม่ ซึ่งตอนนี้ชั้นเริ่มเห็นลางๆแล้วว่าใครจะโดนก่อนเพื่อน" พูดจบก็ชี้ไปที่จานข้าวน้องที่ยังพร่องลงไปไม่ถึงครึ่ง "ชั้นกินหมดอยู่แล้วน่า" แวนเนสรีบบอกแล้วตักข้าวกินต่ออย่างรวดเร็วเพราะไม่อยากเป็นผู้โชคดีในการฉลองไม้เรียวอันใหม่ของพี่ชาย
- เวลาต่อมา - "ยังไม่นอนอีกหรอ?" เสียงทักนั้นทำให้เจอร์รี่ที่ยืนชะเง้อคอมองรถแท๊กซี่ที่ขับผ่านไปสะดุ้งเล็กน้อย เขามองไปทางต้นเสียงก่อนจะส่งยิ้มให้ "พี่ชิงชิงเองหรอ? ผมตกใจหมด" เจอร์รี่ตอบแล้วหมุนตัวหันมาทางคู่สนทนาที่นั่งอยู่ที่ชิงช้า "แล้วพี่ชิงชิงหละครับทำไมยังไม่นอน?" ถามกลับไปบ้าง พี่ชิงชิงยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับส่ายหน้า "พี่ยังไม่ง่วงน่ะ" เธอตอบแล้วเอียงคอเล็กน้อย "เธอมารอเสี้ยวเทียนอยู่ใช่มั๊ย?" ถามออกไปตรงๆ "เปล่าซักหน่อย ทำไมผมต้องมารอเจ้าเด็กเกเรคนนั้นด้วย" เจอร์รี่ปฏิเสธทั้งที่จริงๆแล้วเขามารอเคนตามที่พี่ชิงชิงว่านั่นแหละ "ที่ต้องมารอเพราะเธอเป็นห่วงความรู้สึกของน้องน่ะสิ" พี่ชิงชิงให้คำตอบ ทำเอาเจอร์รี่ต้องเกาหัวแก้เก้อ "พี่รู้นะว่าเธอรักน้องมาก เมื่อรักมากเธอเลยคาดหวังจะให้เขาเป็นในแบบที่เธอต้องการโดยเธออาจจะลืมไปว่าน้องๆก็มีเหตุผลของตัวเองในการกระทำสิ่งต่างๆก็ได้" พี่ชิงชิงพูดเป็นเชิงเตือนสติ "ผมถามจริงๆนะครับว่าพี่โกรธเสี้ยวเทียนหรือเปล่าที่เขาพูดแบบนั้นกับพี่?" เจอร์รี่มีท่าทีอึกอักเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจถามตรงๆ "ถ้าพี่บอกว่าไม่โกรธเธอจะเชื่อมั๊ย?" พี่ชิงชิงย้อนถาม เจอร์รี่จึงได้แต่เงียบ "พี่อยากจะตำหนิที่เธอตีเสี้ยวเทียนซะขนาดนั้น" แล้วพี่ชิงชิงก็ต่อว่าเจอร์รี่ออกมาตรงๆ "แต่ที่ผมตีเขาก็เพราะว่าเขาพูดจาไม่เหมาะสมกับพี่นะครับ" เจอร์รี่แก้ตัว "เหมาะหรือเปล่าเธอเอาอะไรตัดสิน?" พี่ชิงชิงย้อนถามกลับมาอีก ทำเอาเจอร์รี่อึ้งไป "เธอน่าจะยอมรับได้แล้วนะว่าน้องชายของเธอสามคนโตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว ไอ้เรื่องเอะอะก็ดุเอะอะก็ตีเนี่ยพี่ว่ามันไม่เหมาะเท่าไหร่แล้วนะ" พี่ชิงชิงพูดเตือนออกมาตรงๆ "ปีนี้เสี้ยวเทียนอายุเท่าไหร่แล้ว" เจอร์รี่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามนั้น "ยี่สิบหกครับ" เขาตอบแต่ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะเข้าใจ "คนอายุยี่สิบหกกับการลงโทษด้วยไม้เรียว เธอว่ามันไม่ตลกไปหน่อยหรอ?" เจอร์รี่อึ้งไปกับคำถามนั้น "อันที่จริงพี่ไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายเรื่องภายในครอบครัวของเธอ แต่พี่อยากเตือนเพื่อให้เธอลองคิดทบทวนดูอีกครั้ง" พี่ชิงชิงพูดต่อแล้วสบตากับเจอร์รี่ "หากเธอไม่ยอมให้น้องโต น้องก็จะไม่ยอมโตเหมือนกัน" พูดจบก็บีบไหล่เจอร์รี่เบาๆ "ถ้าเสี้ยวเทียนกลับมาพี่อยากให้เธอพูดจากับน้องดีๆ อย่าไปต่อว่าต่อขานอะไรเขาอีก แล้วที่สำคัญอย่าไปบังคับให้เขาทำในสิ่งที่เขาไม่อยากทำ" เจอร์รี่มองหน้าพี่ชิงชิงก่อนจะถอนหายใจเบาๆ "ผมรับปากว่าจะไม่บังคับเขาอีก" เจอร์รี่ตอบรับ "งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ" พูดจบก็หมุนตัวเดินเข้าบ้านไป พี่ชิงชิงมองตามเจอร์รี่แล้วถอนหายใจออกมาเช่นกัน ต่อมาอีกครู่ใหญ่ๆ เคนก็กลับมาถึงบ้าน "กลับมาแล้วหรอ?" พี่ชิงชิงเอ่ยทักเมื่อเห็นเคนทำท่าจะเดินเลยเข้าไปในบ้าน เคนได้ยินก็ชะงักก่อนจะพยักหน้ารับ "พรุ่งนี้เช้าพี่จะไปแล้วนะ" พี่ชิงชิงพูดต่อ เคนได้ยินดังนั้นก็หมุนตัวกลับมาแล้วนั่งลงที่ชิงช้าข้างๆพี่ชิงชิง "พักที่นี่ต่อจนกว่าบ้านพี่จะเรียบร้อยเถอะครับ เพราะมันก็เหลืออีกไม่กี่วันเอง" เคนพูดด้วยความจริงใจ วันนี้เขาออกไปข้างนอกพร้อมกับคิดทบทวนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็รู้สึกได้ว่าตัวเองก็อารมณ์ร้อนเกินไปจริงๆ "ไม่เป็นไรหรอก พี่ไม่อยากทำให้พวกเธอต้องลำบากใจ" พี่ชิงชิงว่าพร้อมกับยิ้มให้เคน "ขอโทษทีที่ทำให้เธอต้องเจ็บตัว พี่ต่อว่าพี่ใหญ่ของเธอไปเรียบร้อยแล้ว" พูดจบก็เงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยท่าทีผ่อนคลาย เคนเหลือบตามองพี่ชิงชิงแล้วเปลี่ยนสายตามองไปบนท้องฟ้าเช่นกัน "คืนนี้พระจันทร์สวยดีนะ" พี่ชิงชิงชวนคุย "อืม...." เคนตอบรับในลำคอ "ทุกครั้งที่พี่ไม่สบายใจพี่จะออกมานั่งมองท้องฟ้า" พี่ชิงชิงว่าโดยไม่ได้หันมามองคู่สนทนา แต่เคนอดไม่ได้ที่จะต้องละสายตามามองคนพูด "ตอนพี่อายุได้สิบขวบพ่อแม่ของพี่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตพร้อมกัน พี่กับน้องชายเลยต้องไปอยู่กับป้าที่เป็นพี่สาวของแม่" พี่ชิงชิงเล่าเรื่องของตัวเองให้เคนฟัง "ป้าของพี่เป็นสาวโสดไม่ได้แต่งงานและไม่ชอบเด็ก เวลาพี่กับน้องชายทำอะไรไม่ถูกใจมักจะโดนดุโดนตีอยู่บ่อยๆ" เล่ามาถึงตรงนี้พี่ชิงชิงก็เงียบไป "ผมไม่รู้ว่าพี่ชิงชิงก็มีน้องชายด้วย" เคนว่าคล้ายจะถาม "ไม่มีใครรู้หรอก เพราะพี่ไม่เคยบอกใคร" พี่ชิงชิงพูดยิ้มๆ "และที่ไม่บอกก็เพราะว่าตอนนี้พี่ไม่มีเขาแล้ว" เคนได้ยินก็อึ้งไปเพราะพอจะเดาความหมายนั้นได้ "ก็อย่างที่บอกว่าป้าของพี่ไม่ชอบเด็กและการที่พี่กับน้องชายต้องไปอาศัยเขาอยู่ก็เหมือนกับเป็นภาระให้เขา น้องชายพี่เป็นเด็กที่สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงนัก เวลาป่วยไข้ป้าพี่ก็เลยไม่สนใจปล่อยให้พี่ดูแลน้องเองตามมีตามเกิด....." พี่ชิงชิงพูดมาถึงตรงนี้ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ "พี่เองก็ไม่รู้ว่าน้องชายจะเป็นโรคร้ายแรง เวลาเจ็บป่วยก็ได้แต่ไปหาซื้อยาถูกๆตามร้านขายยามาให้กิน จนเมื่ออาการทรุดหนักเลยขอร้องให้ป้าช่วยพาน้องไปโรงพยาบาล แต่พอไปถึงก็ไม่ทันการแล้ว" เคนได้ยินเช่นนี้ก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก เขาไม่รู้เลยว่าภายใต้บุคคลิกที่มั่นใจในตัวเองอย่างพี่ชิงชิงจะเคยผ่านเรื่องราวที่เจ็บปวดมาในอดีต "หมอบอกว่าน้องชายพี่เป็นมะเร็งในเม็ดเลือดขาว หากมาตรวจตั้งแต่เริ่มมีอาการก็จะมีหนทางรักษาได้ ตอนนั้นพี่โกรธทั้งตัวเองโกรธทั้งป้าที่ไม่เคยฉุกคิดเลยว่าน้องชายจะเป็นโรคร้ายแรงแบบนี้ หลังจากน้องตายไปพี่ก็ทะเลากับป้าจนสุดท้ายก็ต้องย้ายออกมาจากบ้านป้าและหางานทำเพื่อเลี้ยงตัวเอง" พี่ชิงชิงเล่ามาถึงตรงนี้ก็เปลี่ยนสายตามาทางเคน "ตอนนั้นที่ออกมาจากบ้านป้าพี่อายุประมาณสิบห้าสิบหก ก็ต้องทำงานสารพัดอย่างเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด และก็นับว่าโชคดีที่วันนึงพี่ได้เจอกับพ่อแม่ของเธอ...." เคนสบตากับพี่ชิงชิงแต่ไม่ได้พูดอะไร "ตอนนั้นพี่ทำงานที่ร้านอาหาร พ่อแม่เธอมากินข้าวที่ร้านพอดี วันนั้นพี่ทำงานผิดพลาดหลายอย่างเพราะไม่ค่อยได้พักผ่อนจนโดนเจ้าของร้านดุด่าแบบไม่ไว้หน้าแล้วก็ไล่พี่ออกทันที บอกตามตรงว่าตอนนั้นพี่เคว้งไปหมดเพราะงานที่ร้านนั้นเขาให้ที่อยู่ที่กินพร้อม มันก็เท่ากับว่าพี่ไม่มีที่ไปเลย" เคนนิ่งอึ้งเมื่อได้รับรู้ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่ชิงชิง "ตอนที่พี่เก็บของแล้วเดินออกมาแม่ของเธอก็เดินเข้ามาหาพี่แล้วถามพี่ว่าอยากได้งานหรือเปล่า ตอนนั้นมันเป็นความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูกเลยจริงๆ พี่จำได้ว่าพี่ร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่อายแล้วขอบคุณแม่ของเธอเป็นร้อยครั้ง และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้พี่มาเป็นพี่เลี้ยงของเจอร์รี่กับแวนเนส" พี่ชิงชิงยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย "ตอนแรกพี่เกร็งมากเพราะบ้านเธอค่อนข้างมีฐานะน่าจะเลี้ยงลูกแบบตามใจ พี่กังวลสารพัดจนคิดว่าตัวเองคงทำงานนี้ไม่ได้แน่ แต่หลังจากคุยกันแล้วพ่อแม่เธอบอกกับพี่ว่าพวกเขาให้อำนาจพี่เต็มที่ในการเลี้ยงดูเจอร์รี่กับแวนเนส หากทำผิดก็ให้พี่ทำโทษได้เลย" พี่ชิงชิงเล่าต่อ "แต่ก็นับเป็นโชคดีของพี่อีกเพราะทั้งเจอร์รี่กับแวนเนสก็ดูจะเกรงใจพี่พอสมควร เลยไม่ทำให้พี่หนักใจเท่าไหร่" พอเล่าจบชิงชิงก็เงียบไป "งั้นทำไมพี่ถึงไปแต่งงานแล้วอยู่ที่เมืองนอกได้หละครับ" เคนที่ปกติแล้วไม่ค่อยอยากเสวนากับพี่ชิงชิงเท่าไหร่นักแต่เมื่อได้รู้ปูมหลังของพี่ชิงชิงแล้วก็อดที่จะถามไม่ได้ "ในระหว่างที่พี่เป็นพี่เลี้ยงของพี่ชายเธอพี่ก็เรียนภาคค่ำไปด้วย พอเรียนจบแล้วพี่ก็เลยสอบชิงทุนไปเรียนต่อแล้วก็ได้ทุนไปเรียนต่อในที่สุด" พี่ชิงชิงตอบอย่างไม่ปิดบัง "โห! พี่ชิงชิงเก่งจังเลย" เคนชมออกมาจากใจจริง "ไม่หรอก ต้องขอบคุณพ่อแม่เธอด้วยที่พวกเขาเองก็สนับสนุนพี่ทุกอย่าง อันที่จริงพี่ไม่ใช่คนเรียนเก่งแต่พี่แค่อยากรู้ในสิ่งที่พี่ไม่เคยรู้ การเรียนเลยไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อสำหรับพี่แต่มันเป็นการเปิดให้ตัวเองได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน" เคนรับฟังสิ่งที่พี่ชิงชิงพูดอย่างทึ่งๆ "แต่ตอนที่ไปเรียนต่อมันก็ไม่ใช่ว่าจะสบายหรอกนะ เพราะพี่ต้องทำงานไปด้วย ไปอยู่ที่โน้นพี่ก็ต้องทำงานสารพัดอย่างเหมือนกัน แต่ระหว่างนั้นพี่ก็เอาเงินฝากเขาบัญชีของที่นี่ทุกเดือน จนพี่เรียนจบก็กลับมาที่นี่แล้วใช้เงินเก็บนั้นซื้อบ้านไว้เป็นที่ซุกหัวนอน" พี่ชิงชิงเล่าต่ออีก "ตอนอยู่ที่โน้นพี่ก็ได้เจอกับสามีที่เพิ่งเลิกกันไป ตอนเริ่มคบกันเขาดีกับพี่ทุกอย่างทำให้พี่รู้สึกมีความสุขมาก จนเมื่อเขาขอแต่งงานพี่เลยรับปากอย่างไม่ลังเล เพราะตลอดชีวิตของพี่ก็ต้องสู้ด้วยตัวเองมาตลอด การที่มีคนมาปกป้องดูแลและให้ความอบอุ่นนั้นเป็นเรื่องที่พี่โหยหามาทั้งชีวิตเลย" เล่ามาถึงตรงนี้สีหน้าของพี่ชิงชิงก็หมองลง "หลังจากแต่งงานกันพี่ก็มีความสุขดี แต่พอมาระยะหลังเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปทำให้พี่เป็นทุกข์มาก พี่เลยสืบหาสาเหตุที่ทำให้เขาห่างเหินจนในที่สุดพี่ก็จับได้ว่าเขามีคนอื่น ตอนนั้นพี่ขอเลิกกับเขา แต่เขาไม่ยอมและทำร้ายร่างกายพี่ ตอนนั้นพี่มืดมนไปหมดถึงกับเคยไปแจ้งความเรื่องที่ถูกทำร้ายร่างกายแต่ตำรวจของที่โน้นก็ไม่ค่อยสนใจกับคนเอเชียอย่างเราเท่าไหร่ ทำให้พี่ต้องหนีออกมาและย้ายไปอยู่เมืองอื่น" เคนได้ยินเช่นนี้ก็อึ้งไปเลย เขารู้สึกผิดกับพี่ชิงชิงเป็นอย่างมากที่เคยดูถูกพี่ชิงชิงไว้ว่าที่ต้องเลิกกับสามีก็เป็นเพราะนิสัยที่แข็งกร้าวของพี่ชิงชิงเอง "ช่วงนั้นพี่เปลี่ยนที่ทำงานเป็นว่าเล่น ทำแต่ละที่ไม่ถึงเดือนก็ออกเพราะสภาพจิตใจของพี่ย่ำแย่มากจริงๆ แต่ในที่สุดพี่ก็คิดได้และลุกขึ้นสู้อีกครั้งนึง พี่เดินทางกลับไปฟ้องร้องอดีตสามีของพี่ฐานที่เขาทำร้ายร่างกายและเรียกค่าเสียหายจำนวนนึง และก็นับว่าพี่ยังโชคดีเพราะสุดท้ายศาลก็ตัดสินให้พี่ชนะคดี" พี่ชิงชิงพูดจบก็ยิ้มให้เคน "แต่ไม่ใช่ว่าผลออกมาอย่างนั้นจะทำให้พี่สะใจหรอกนะ ในใจของพี่ก็ยังรู้สึกเจ็บและก็ยังรักเขาอยู่ เพราะผู้หญิงน่ะร้อยทั้งร้อยที่ตกลงแต่งงานกับผู้ชายหากไม่ได้มีความรักให้หมดหัวใจก็คงไม่ยอมแต่งงานด้วยหรอก และพี่ก็เชื่อว่าคงไม่มีผู้หญิงคนไหนที่แต่งงานแล้วอยากจะหย่าหรอก โดยเฉพาะกับพี่ที่แทบไม่เคยสัมผัสกับคำว่าครอบครัวแล้วมันทรมานจนบรรยายไม่ถูกเลย" พูดจบพี่ชิงชิงก็ถอนหายใจยาว "พี่กลาง!" เสียงไจ่ไจ๋ดังแทรกขึ้นมาทำให้การสนทนาของพี่ชิงชิงและเคนเป็นอันต้องชะงักไป "อยู่ใกล้แค่นี้จะตะโกนทำไม!" เคนเอ็ดน้องชายแล้วลุกเดินเข้าไปหา "ตอนผมโทรหาพี่พี่บอกผมว่าถึงหน้าปากซอยบ้านแล้ว ผมก็รอตั้งนานยังไม่เห็นพี่กลับมาซักทีก็เป็นห่วงน่ะสิ!" ไจ่ไจ๋แหวใส่อย่างหงุดหงิดแล้วมองเลยไปทางพี่ชิงชิง "เออๆๆๆ ขอโทษที....." เคนได้ยินดังนั้นก็ขอโทษน้องเป็นเชิงตัดบทไม่ให้น้องบ่นต่อ "ไปๆๆๆ เข้าบ้านก่อนดีกว่า" แล้วเคนก็ดุนหลังน้องชายให้เข้าไปในบ้าน แต่ก็หันมามองทางพี่ชิงชิงด้วย "พี่อยากนั่งตรงนี้ต่ออีกซักหน่อย" พี่ชิงชิงบอกแล้วยิ้มพลางพยักหน้าให้เคนเข้าบ้านไปก่อน ดังนั้นเคนจึงเดินตามน้องชายเข้าบ้าน "พี่กลางเป็นอะไรน่ะ!" เมื่อเข้ามาในบ้านได้ไจ่ไจ๋ก็โวยใส่พี่ชายทันที "อะไรของนายวะ!" เคนเอ็ดใส่น้องกลับไป "ก็จู่ๆทำไมถึงไปนั่งคุยกับพี่ชิงชิง! เขาเป็นศัตรูของเรานะ!" ไจ่ไจ๋บอกพร้อมกับเต้นยิกๆ "จะบ้าหรอ! ทำเป็นเด็กเล็กๆไปได้! ศัตรูอะไรที่ไหนกัน!" เคนเอ็ดใส่น้องเล็กอีกครั้ง "เมื่อเช้าพี่รองก็เปลี่ยนข้างไปคนนึงแล้ว มาตอนนี้พี่กลางก็เป็นไปอีกคน พี่ชิงชิงคนนี้ชักจะไม่ธรรมดาแล้วมั้งเนี่ย!" ไจ่ไจ๋เริ่มหงุดหงิด "ไจ่ไจ๋.....เราคงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วหละ พี่ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า นายเองก็น่าจะไปสงบสติอารมณ์ซะบ้าง" พูดจบเคนทำท่าจะเดินขึ้นห้องไป "พี่กลาง! ตลอดมาผมก็เข้าข้างพี่ทุกอย่าง ไม่นึกเลยว่าพี่จะตอบแทนผมแบบนี้!" ไจ่ไจ๋พูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง "นายบ้าไปแล้วหรอไจ่ไจ๋! มีเหตุผลหน่อยได้มั๊ย?" เคนต่อว่าน้องชายอย่างเอือมระอา "แล้วพี่กลางบอกเหตุผลมาหน่อยซิว่าทำไมถึงต้องไปนั่งขลุกกับพี่ชิงชิงแบบนั้น! โดนวางยาไปอีกคนแล้วหรืองัย!" น้องเล็กโมโหจนพาลใส่พี่ชายเอาเสียดื้อๆ "ไจ่ไจ๋! ชักจะเกเรใหญ่แล้วนะ! อยากโดนตีหรืองัย!" เคนทำเสียงดุใส่น้อง "ก็เอาสิ! พี่จะตีผมเพราะผู้หญิงคนนั้นก็เอาเลย! ให้มันรู้กันไปว่าพี่ชายแท้ๆของผมเห็นผู้หญิงดีกว่าน้อง!" ไจ่ไจ๋พูดจบก็มองหน้าพี่ชายอย่างท้าทาย เคนมองหน้าเจ้าน้องชายจอมเกเรแล้วเดินเข้าไปหาก่อนจะจับน้องหันหลังแล้วใช้มือตีก้นน้องไปสองทีเป็นการสั่งสอน "พี่กลาง!" ไจ่ไจ๋ร้องครางอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าพี่ชายจะตีเขาจริงๆ แม้จะไม่ได้เจ็บอะไรมากมายแต่กลับทำให้ไจ่ไจ๋ถึงกับน้ำตาร่วงด้วยความน้อยใจพี่ชาย "วันนี้นายเกเรกับพี่มากเลยนะไจ่ไจ๋ ถ้าไม่อยากให้พี่โกรธก็อย่าทำแบบนี้อีก" เคนต่อว่าน้องชายแต่ก็อดที่จะใจอ่อนไม่ได้เมื่อเห็นน้ำตาของน้องชาย "ผมรอพี่มาทั้งวัน แต่พอกลับมาพี่กลางก็เอาแต่ดุผม" น้องเล็กว่าพร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้น เคนถอนหายใจแล้วดึงน้องมากอด "แล้วพี่ดุนายเพราะอะไร?" เคนถามพร้อมกับเอามือเช็ดน้ำตาให้น้อง "เพราะนายไม่ยอมฟังอะไรเลยใช่มั๊ย? เป็นอะไรน่ะ? ทำไมวันนี้ถึงดูหงุดหงิดจัง?" เคนก้มหน้าถามน้องต่อแต่ไจ่ไจ๋ไม่ตอบกลับกอดแล้วซุกหน้าลงกับอกพี่ชาย "เฮ่อ! ก็เพราะเรามันดื้อแบบนี้พี่ถึงต้องตีเอาบ้างน่ะสิ เงียบได้แล้ว....." เคนว่าพร้อมกับลูบหลังให้น้องชายไปด้วย "พรุ่งนี้มีสอบอีกมั๊ย?" เคนถามน้องด้วยน้ำเสียงอ่อนลง "พรุ่งนี้ไม่มี มีวันมะรืน" ไจ่ไจ๋ตอบ "งั้นไปอ่านหนังสือเถอะ คืนนี้คงอ่านได้ดึกหน่อยเพราะพรุ่งนี้ไม่ได้ไปไหน" เคนว่าก่อนจะพูดเอาใจน้องอีก "แล้วสอบเสร็จเมื่อไหร่พี่จะพาไปเที่ยว" พูดจบเคนก็เอามือตบแก้มน้องเบาๆ "จริงนะพี่กลาง" ไจ่ไจ๋ได้ยินเช่นนั้นก็หูผึ่งรีบถามย้ำพี่ชายทั้งที่น้ำตายังไม่ทันจะแห้งดี "อืม....พี่เคยหลอกนายหรอ?" เคนตอบพร้อมกับย้อนถาม ซึ่งไจ่ไจ๋ก็ส่ายหน้าแทนคำตอบ เคนยิ้มเล็กน้อยแล้วหอมแก้มเจ้าน้องชายตัวแสบด้วยด้วยความหมั่นไส้ ไจ่ไจ๋เอามือโอบรอบลำคอพี่ชายอย่างประจบ "พี่กลางรักผมมั๊ย?" ถามพี่ชายกลับไป "จะรักดีหรือเปล่าน้อ?" เคนแกล้งรำพันออกมา "ต้องรักสิ" ไจ่ไจ๋โอดครวญ ทำให้เคนหัวเราะออกมาได้ "ในเมื่อนายเองก็รู้ดีอยู่แล้วจะมาถามทำไมอีก" เคนว่าพร้อมกับบีบจมูกน้องไปด้วย "ผมแค่อยากฟังเพื่อความแน่ใจ" ตอบพร้อมกับจ้องหน้าพี่ชาย "เออ! รักก็รัก!" เคนว่าแล้วก็ส่ายหน้ายิ้มๆกับความไม่รู้จักโตของน้องชาย "ไม่เอาแล้ว พี่เหนียวตัวมากเลยอยากอาบน้ำจะแย่" ว่าพร้อมกับจับมือเจ้าน้องชายตัวดีที่นัวเนียเขาอยู่ออก "นายก็ไปอ่านหนังสือได้แล้ว" ไจ่ไจ๋ไม่ตอบว่าอะไรยอมปล่อยให้พี่ชายลุกไปแต่โดยดี "เดี๋ยวผมส่งเมลสรุปย่อเรื่องที่จะสอบไปให้เพื่อนก่อนแล้วจะขึ้นไปอ่านหนังสือต่อ" ไจ่ไจ๋บอกกับพี่ชาย "อืม....แล้วอย่าแชทเพลินนะ" เคนว่าพร้อมกับเดินมาขยี้หัวน้องก่อนจะเดินขึ้นห้องตัวเองไป "ฮึ! มาอยู่ไม่กี่วันทำเอาคนอื่นป่วนไปได้ซะขนาดนี้! เดี๋ยวคอยดูเถอะ!" หลังจากเคนออกไปแล้วไจ่ไจ๋ก็พึมพำออกมาเบาๆพร้อมกับคิดแผนการบางอย่างได้ในหัว
Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2560 |
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2560 21:13:37 น. |
|
11 comments
|
Counter : 2779 Pageviews. |
|
|
วันนี้ลงอัพเดทตอนใหม่ให้แล้วค่ะ
ขออภัยที่หายไปนานเพราะภารกิจที่ต้องทำเยอะมากค่ะ
ไม่ค่อยมีเวลามานั่งแก้ไขไฟล์เท่าไหร่
ขอบคุณทุกท่านที่ยังรอคอยนะคะ
อ่านให้สนุกค่ะ