Chapter 83

  ตอนที่ 83
"มาแล้วหรอ?"  เคนยิ้มให้น้องชายที่เดินหน้าเครียดตรงเข้ามาหาเขา
"พี่กลาง...."  ไจ่ไจ๋เรียกพี่ชายแล้วตั้งท่าจะสอบถามแต่เคนกลับพูดแทรกขึ้นมาก่อน
"พี่ล้อเล่นนิดเดียว ถึงกับตกใจขนาดนี้เชียว?"  ใบหน้าของไจ่ไจ๋ยังมีคราบน้ำตาให้เห็น เขาวิ่งออกมาจากบ้านด้วยความกระวนกระวายจนมาพบพี่ชายนั่งอยู่ที่สนามเด็กเล่น
"พี่กลาง นี่มันเกิดอะไรขึ้น?"  ไจ่ไจ๋ถามคาดคั้นพี่ชาย เคนแกล้งทำเป็นร่าเริง
"ก็บอกแล้วงัยว่าพี่ล้อเล่น เนียนมากใช่มั๊ยครั้งนี้?"  เคนยังตีหน้ายิ้มเพราะไม่อยากให้น้องเห็นว่าตอนนี้เขาอ่อนแอมากขนาดไหน น้องเล็กมองพี่ชายแล้วนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะเดินมานั่งลงข้างพี่ชาย
"มันไม่สนุกเลยนะครับ"  ไจ่ไจ๋เอ่ยเสียงเครียด ในตอนนั้นพ่อกับเจอร์รี่ก็วิ่งตามออกมาพอเห็นเคนอยู่ตรงนั้นเจอร์รี่ก็ทำท่าจะเข้าไปหาน้องแต่พ่อดึงตัวไว้ก่อน
"เจอร์รี่ ปล่อยน้องเถอะ"  พ่อบอกลูกชายคนโตเบาๆ เจอร์รี่มองหน้าพ่อน้ำตาคลอ
"เมื่อกี้ผมกับน้องทะเลาะกัน"  พ่อนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดกับเจอร์รี่เสียงเรียบ
"เราไปคุยกันที่อื่นเถอะ ตรงนี้ปล่อยให้ไจ่ไจ๋จัดการดีกว่า"  ว่าแล้วพ่อก็พาลูกชายคนโตเดินแยกออกไปอีกทางหนึ่ง
"พี่กลาง บอกผมได้มั๊ยว่าใครทำอะไรพี่"  ไจ่ไจ๋บีบมือพี่ชายแน่นแล้วก็รู้สึกว่ามือพี่ชายค่อนข้างเย็น
"ซีเรียสอะไรเนี่ย? พี่บอกแล้วว่าล้อเล่น"  เคนยังแกล้งทำเป็นร่าเริง
"พี่ไปเที่ยวกับเพื่อนจนเพลิน และนี่มันก็ดึกมากแล้วพี่เลยไม่กล้ากลับเข้าบ้านเพราะกลัวจะโดนพี่ใหญ่เล่นงานพี่เลยต้องเอานายออกมารับพี่เพื่อเป็นกันชนให้งัย"  เคนยังทำหน้ายิ้มแย้ม แต่ไจ่ไจ๋รู้ดีว่าเคนกำลังปกปิดอะไรบางอย่าง
"นายออกมาก็ดีแล้ว ดีมากเลย....."  เคนว่าแต่ไม่กล้าสบตาน้องตรงๆ
"งั้นเรากลับบ้านกัน"  ไจ่ไจ๋ว่าพร้อมกับดึงมือพี่ชายแต่เคนกลับขืนเอาไว้
"คิดอีกทีพี่ยังไม่เข้าบ้านดีกว่าเพราะถ้ากลับไปพร้อมนายพี่จะมีความผิดฐานทำให้นายต้องออกจากบ้านกลางดึกโดยไม่มีเหตุอันควร โดนเล่นงานหนักกว่าเดิมแน่"  ไจ่ไจ๋มองหน้าพี่ชายน้ำตาคลอ ทุกครั้งที่พี่ชายมีปัญหามักจะเอะอะโวยวายหรือไม่ก็เงียบไปเลย แต่ครั้งนี้กลับต่างออกไป
"นายกลับไปก่อนดีกว่า แล้วพี่จะหาทางกลับไปเอง"  เคนบอกพร้อมกับปล่อยมือน้องชาย
"ไม่ครับ ถ้าจะกลับเราก็ต้องกลับพร้อมกัน ถ้าพี่กลางไม่กลับผมก็ไม่กลับเหมือนกัน"  ไจ่ไจ๋พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"เฮ่อ! พี่ว่าจะแกล้งนายให้ตกใจเล่นเท่านั้น นายก็ดันมาเล่นบทซีเรียสเชียว"  เคนว่าแล้วก็ขยับตัวลุกขึ้น
"ไม่คุยด้วยแล้วดีกว่า นายกลับเข้าบ้านไปซะ พี่จะไปต่อพอดีมีนัดกับเพื่อน"  พูดจบเคนก็ทำท่าจะเดินไป แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงน้องชายร้องไห้
"พี่กลาง.....ผมไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับพี่ ไม่ต้องบอกผมก็ได้แต่ขอให้ผมได้อยู่กับพี่ได้มั๊ย?"  เคนก้มหน้าน้ำตาซึมเมื่อได้ยินคำพูดของน้อง
"ผมรับรองว่าผมจะนั่งเงียบๆ จะไม่พูดจะไม่ถามอะไรทั้งนั้น"  ไจ่ไจ๋พูดจบก็เดินไปยืนตรงหน้าพี่ชาย ร่างของเคนสั่นเล็กน้อยก่อนที่จะปล่อยให้น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ไหลออกมา
"ไจ่ไจ๋....อยู่กับพี่ก่อนนะ อย่าเพิ่งทิ้งพี่ไปไหน"  เคนดึงร่างน้องชายเข้ามากอด ตอนนี้เขาอยากมีใครซักคนที่สามารถจับต้องได้ ไจ่ไจ๋กอดพี่ชายตอบพลางร้องไห้สะอึกสะอื้นไปด้วย เขาไม่รู้ว่าพี่ชายเป็นอะไรแต่แน่ใจว่าต้องมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นกับพี่ชายแน่
"พี่ไม่อยากอยู่คนเดียว....พี่ไม่อยากอยู่....."  เสียงเคนพูดกลับไปกลับมาซ้ำๆกัน ไจ่ไจ๋ก็ได้แต่กอดพี่ชายแน่นเหมือนต้องการจะแบ่งรับความทุกข์ของพี่ชายมาได้บ้าง

- ที่ร้านกาแฟ -
"ลูกทะเลาะกับน้อง?"  พ่อถามลูกชายที่นั่งน้ำตาซึมอยู่ตรงหน้า เจอร์รี่พยักหน้ารับ
"เล่าให้พ่อฟังได้มั๊ย?"  พ่อถามต่ออีก เจอร์รี่มองหน้าพ่อเล็กน้อย
"ผมผิดเอง"  พูดตำหนิตัวเอง 
"ทุกอย่างกำลังไปได้ดีแล้วเชียว แต่ผมกลับทำให้....."  เจอร์รี่หยุดพูดเมื่อพ่อบีบมือเขาเบาๆ
"บอกพ่อสิลูกว่ามีเรื่องอะไร?"  พ่อพูดย้ำจริงจังแต่น้ำเสียงกลับอ่อนโยน
"ที่บริษัทกำลังมีปัญหาครับ"  เจอร์รี่ตัดสินใจเล่าให้พ่อฟัง
"พ่อรู้แล้ว แวนเนสกับไจ่ไจ๋เล่าให้พ่อฟังแล้ว"  พ่อพูดต่ออย่างไม่แปลกใจ
"เรื่องนี้ลูกอย่ากังวลไปเลย พ่อจะเข้าไปจัดการเอง"  พ่อว่าแล้วตบหลังมือลูกชายคล้ายจะปลอบโยน
"มันไม่ใช่แค่นั้นครับพ่อ"  เมื่อได้ยินเช่นนั้นพ่อก็เลิกคิ้ว เจอร์รี่นิ่งไปเพราะต้องการสงบสติอารมณ์
"ผมรู้ถึงความผิดปกติมาได้สักสองสามวันแล้ว ผมเลยต้องการสืบหาว่าใครเป็นคนทำ"  พ่อฟังลูกชายเล่าอย่างเงียบๆ
"ตอนนี้ผมรู้แล้ว"  คำพูดประโยคถัดมาทำให้พ่อแปลกใจ
"ใครกัน?"  พ่อถามกลับ
"อาเหลียนครับ"  คำตอบนั้นทำให้ผู้เป็นพ่อถอนหายใจ
"อันนี้พ่อก็ได้ยินมาจากน้องแล้ว"  พ่อพูดเบาๆ
"ไม่ครับ เพราะสิ่งที่ผมเสียใจมากกว่านั้นก็คือ อาเหลียนซัดทอดต่อไปว่าเสี้ยวเทียนเป็นคนบงการ"  เจอร์รี่พูดออกมาอย่างลำบาก 
"ไม่จริง! น้องไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นแน่!"  พ่อแย้งเสียงเข้ม
"ผมก็ไม่เชื่อ ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน"  เจอร์รี่ว่าแล้วได้แต่นั่งเอามือกุมขมับ
"ผมเรียกทุกคนที่เกี่ยวข้องมาสอบสวน ซึ่งทุกคนก็บอกตรงกันว่าน้องมีส่วนรู้เห็น"  พ่อมองหน้าลูกชายอย่างสับสน
"เมื่อกี้ผมเรียกน้องมาถาม แต่ผมก็ระงับอารมณ์ไม่อยู่เลยทะเลาะกัน"  พูดจบเจอร์รี่ก็ถอนหายใจสีหน้าเคร่งเครียด
"พ่อไม่เชื่อ ไม่เชื่อว่าเสี้ยวเทียนจะทำเรื่องแบบนี้"  พ่อย้ำคำหนักแน่น
"ผมควรจะทำยังงัย?"  เจอร์รี่ถามพ่อต่อด้วยสีหน้าเป็นทุกข์
"เรื่องที่บริษัทให้เป็นหน้าที่ของพ่อเถอะ"  พ่อว่าแล้วพยักหน้าให้ลูกชาย
"ผมจะเอาเอกสารทุกอย่างที่สืบได้มาให้พ่อดู รวมไปถึงสลิปการโอนเงิน......เข้าบัญชีของน้องด้วย....."  ประโยคหลังเจอร์รี่แทบไม่อยากพูดออกมาเลย
"มีจริงๆหรอลูก?"  พ่อถามย้ำ
"ครับ"  เจอร์รี่พยักหน้าตอบ พ่อมีสีหน้าหนักใจมากขึ้นกว่าเดิม
"มากมั๊ย?"  ถามต่ออีก เจอร์รี่ก็เพียงแต่พยักหน้า  
"ตั้งแต่เมื่อไหร่?"  พ่อถามต่ออีก
"ช่วงที่น้องทำโปรเจคก่อนจะลาออก"  เจอร์รี่ตอบเสียงแผ่ว
"ช่วงนั้นไม่ค่อยผิดสังเกตเพราะยังงัยการทำงานก็ต้องมีการเบิกจ่ายอยู่แล้ว แต่ระยะหลังๆมามีทุกเดือน และมากสุดก็ตอนต้นเดือนที่ผ่านมาหลังจากนั้นมีทุกอาทิตย์"  พ่อมีสีหน้าเครียดมากกว่าเดิม
"ถ้ามันเป็นแบบนั้นน้องจะเอาเงินไปทำอะไร?"  พ่อย้อนถามลูกชาย
"ผมก็ไม่รู้"  เจอร์รี่ส่ายหน้าอย่างจนใจ
"แต่เมื่อกี้ที่ได้คุยกับน้อง แววตาของน้องบอกผมว่าน้องไม่ได้โกหก"  พ่อพยักหน้าตามอย่างว่าง่าย
"แต่ผมก็ไม่รู้อยู่ดีว่ามันมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังงัย? ใครกันที่ใส่ร้ายเสี้ยวเทียนขนาดนี้"  พ่อถอนหายใจแล้วเอื้อมมือไปตบไหล่ลูกชาย
"เรื่องนี้ให้พ่อจัดการเองเถอะ ในเมื่อเขากล้าทำร้ายลูกของพ่อ พ่อก็จะให้ผลตอบแทนเขากลับอย่างสาสม"  พ่อพูดด้วยน้ำเสียงซีเรียส เจอร์รี่โล่งใจไปได้เล็กน้อยเมื่อได้บอกเล่าความอัดอั้นที่เขามีให้พ่อฟังแล้ว
"พ่อครับ....."  แล้วเจอร์รี่ก็เรียกพ่อเบาๆ
"ว่างัยลูก?"  พ่อเสียงอ่อนลงแล้วฝืนยิ้มให้ลูกชาย
"น้องคงเจ็บช้ำกับผมมากแล้ว ยังงัยพ่อก็ช่วย....."  เจอร์รี่พูดไม่ทันจบพ่อก็พูดแทรกมาก่อน
"กับพ่อก็คงไม่ต่างอะไรกันหรอก"  ได้ยินเช่นนั้นเจอร์รี่ก็ขมวดคิ้ว พ่อกลายเป็นฝ่ายก้มหน้าบ้าง
"ตอนเราไปเที่ยวกันนั้นสนุกมาก แต่ก็เพราะพ่อเองที่ทำพัง"  ยิ่งได้ยินเช่นนี้เจอร์รี่ก็ยิ่งแปลกใจ
"หมายความว่า....."  ถามพ่อต่อ
"พ่อบอกเรื่องบ้านอาเจียงกับน้องแล้ว แต่น้องโกรธ"  เจอร์รี่ฟังแล้วก็นิ่งไป
"น้องคงแค่ไม่พอใจมากกว่ามั้งครับ"  แย้งขึ้นอย่างไม่ค่อยแน่ใจ
"ไม่หรอกลูก พ่อทำให้น้องเจ็บปวดมามากแล้ว และครั้งนี้ก็เหมือนกัน"  พ่อว่าแล้วก็มีสีหน้าเศร้าลง
"พ่อล้มเหลวกับการเป็นพ่อคน ไม่เคยเข้าใจจิตใจของลูกเลย"  เจอร์รี่ได้ยินก็ตกใจ
"พ่อครับ! ทำไมถึงพูดแบบนี้"  พ่อยิ้มเยาะตัวเองเมื่อได้ยินลูกชายว่า
"ให้พ่อพูดเถอะ อย่างน้อยให้พ่อได้ตำหนิตัวเองบ้างพ่อจะได้รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย"  เจอร์รี่อึ้งไปเพราะไม่รู้ว่าน้องชายพูดอะไรกับพ่อบ้าง
"บางทีการมาชดเชยให้ตอนนี้มันคงสายเกินไปแล้ว เพราะในช่วงเวลาที่น้องต้องการพ่อมากที่สุดพ่อกลับปฎิเสธ"  เจอร์รี่ได้ฟังก็น้ำตาคลอ เขาสงสารทั้งพ่อและน้องชาย
"ความจริงพ่อเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมาก นึกถึงแต่ฐานะของตัวเองจนมองข้ามความรู้สึกของคนที่ตัวเองรัก"  พ่อพูดเสียงแผ่วลงไปเรื่อยๆ
"ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ พ่อจะไม่เลือกทางเดินนี้เลย"  จบคำพูดของพ่อก็ถูกแทนที่ด้วยความเงียบ สองพ่อลูกได้แต่นั่งจมกับความคิดของตัวเองต่อไป

- ตอนเช้า -
"ไจ่ไจ๋"  ฝ่ามือเย็นๆของแตะลงที่ใบหน้าพร้อมกับเสียงเรียกแผ่วเบาทำให้ไจ่ไจ๋สะดุ้งตื่น 
"เช้าแล้ว"  เคนส่งรอยยิ้มอบอุ่นให้น้องชาย ไจ่ไจ๋ยกมือขยี้ตาแล้วกระพริบตาถี่ๆเพื่อให้ชินกับแสง
"ขอโทษนะที่ทำให้นายต้องลำบากแทนที่จะได้นอนสบายๆบนเตียง"  เคนพูดต่ออีก
"พี่กลาง....พี่ไม่เป็นไรแล้วนะ"  ไจ่ไจ๋เอ่ยถามพี่ชายอย่างเป็นห่วง นึกตำหนิตัวเองที่เผลอหลับไปได้
"อืม....พี่ไม่เป็นไรหรอก"  เคนตอบแล้วลูบหัวน้องชายแผ่วเบา
"นายกลับบ้านไปเถอะ ป่านนี้ทุกคนคงเป็นห่วง"  คำพูดนั้นทำให้ไจ่ไจ๋นึกขึ้นมาได้ว่าการที่เขาออกมานั่งอยู่กับพี่ชายจนเช่นขนาดนี้คงทำให้คนทั้งบ้านนั่งไม่ติด
"พี่กลางก็เหมือนกัน"  ไจ่ไจ๋ย้อนแล้วกุมมือพี่ชายอย่างอ่อนโยน
"กลับบ้านกันนะครับ ไม่ต้องกลัวใคร ผมจะปกป้องพี่เอง"  เคนน้ำตาคลอด้วยความซาบซึ้งกับคำพูดของน้องชาย
"ขอบใจนะ แต่นายกลับไปก่อนเถอะ พี่ยังมีเรื่องที่ต้องทำ"  ไจ่ไจ๋เงยหน้ามองพี่ชายอย่างไม่เข้าใจ แน่นอนว่าเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย
"พี่ต้องหาหลักฐานเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง เพราะฉะนั้นเรื่องนี้พี่ต้องทำคนเดียว"  คำพูดของพี่ชายยิ่งทำให้ไจ่ไจ๋สงสัย
"พี่กลางพูดถึงเรื่องอะไรครับ? ใครกล่าวหาพี่กลางงั้นหรอ?"  ไจ่ไจ๋ย้อนถาม แต่เคนกลับยิ้มแล้วส่ายหน้า
"แล้วพี่จะบอกนายเมื่อพี่ทำสำเร็จแล้วนะ ไจ่ไจ๋....พี่รักนายมาก แล้วก็ขอบใจมากที่นายยังอยู่กับพี่เสมอ"  ไจ่ไจ๋โผเข้ากอดพี่ชาย เขาไม่ชอบเวลาที่พี่ชายพูดจาแปลกๆแบบนี้เลย
"ไม่ต้องห่วงนะ พี่ไม่ทิ้งนายไปไหนแน่"  เคนพูดปลอบใจด้วยพอจะรู้ว่าน้องคงตื่นตระหนกกับคำพูดของเขา
"พี่กลาง....สัญญานะ....."  ไจ่ไจ๋ย้ำคำ
"พี่สัญญา"  เคนรับคำอย่างไม่ลังเล
"ไป....พี่จะเดินไปส่งที่บ้าน"  ว่าแล้วเคนก็จูงมือน้องจนไปถึงหน้าบ้าน
"เข้าไปล้างหน้าล้างตาก่อนสิครับ"  ไจ่ไจ๋พูดเกลี้ยกล่อมพี่ชายแต่เคนยังยืนกรานหนักแน่นว่าจะไปทำธุระให้เสร็จก่อน
"บอกได้มั๊ยว่าพี่จะไปไหน?"  ไจ่ไจ๋ถามต่อแต่เคนก็ยังส่ายหน้าอยู่ดี
"เข้าบ้านเถอะ"  เคนว่าแล้วก็ดุนหลังน้องชายให้เดินเข้าบ้าน เขายืนมองจนแน่ใจว่าน้องเดินเข้าบ้านไปแล้วจริงๆจึงหันหลังกลับแล้วเดินจากไปเงียบๆ
"ไจ่ไจ๋!!!"  ทันทีที่ไจ่ไจ๋ก้าวขาเข้าบ้านเสียงร้องเรียกของทุกคนก็ดังประสานกันขึ้นมา
"พี่กลางหละลูก? พี่กลางไม่ได้กลับมาด้วยหรอ?"  แม่ละล่ำละลักถามลูกชายคนเล็ก
"พี่กลางเดินมาส่งแต่เขาไปแล้ว"  ไจ่ไจ๋ตอบแล้วมองสีหน้าเคร่งเครียดของสมาชิกทุกคน
"เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมพี่กลางก็ทำท่าทางแปลกๆแล้วทุกคนก็มีท่าทางไม่ต่างจากพี่กลางเลย"  ไจ่ไจ๋อยากรู้ความจริงทั้งหมด
"เรื่องนี้นายอย่าเพิ่งรู้เลย แล้วตกลงตอนนี้พี่กลางอยู่ที่ไหนกันแน่?"  เจอร์รี่ถามน้องต่ออย่างร้อนรน
"ผมไม่รู้ พี่กลางบอกจะไปทำธุระ"  ไจ่ไจ๋เองก็สับสน
"ธุระอะไร?"  ถามน้องต่ออีก
"ผมก็ไม่รู้พี่กลางไม่บอกอะไรผมเลย แต่....."  แล้วไจ่ไจ๋ก็คิดถึงคำพูดของเคนขึ้นมา
"ว่ายังงัยหละ?"  พ่อถามแทรกขึ้นมาบ้าง
"พี่กลางบอกว่าจะไปหาหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง แต่ผมไม่เข้าใจว่าพี่กลางไปทำอะไรมา"  จบคำพูดนั้นพ่อกับเจอร์รี่ก็มองหน้ากัน
"เสี้ยวเทียน! ทำไมถึงได้โง่แบบนี้!"  เจอร์รี่ว่าแล้วก็รีบคว้ากุญแจรถแล้ววิ่งออกจากบ้านไปทันที
"เจอร์รี่! รอพ่อด้วย!"  พ่อร้องบอกแล้ววิ่งตามไปด้วยอีกคน ปล่อยให้ไจ่ไจ๋ได้แต่ยืนงง
"แม่....พี่รอง.....บอกผมได้มั๊ยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?"  ไจ่ไจ๋หันมาคาดคั้นเอากับแม่และพี่ชายคนรอง 
"นายมานี่สิ พี่จะเล่าให้นายฟัง"  เมื่อเงียบกันไปครู่หนึ่งแวนเนสจึงตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้น้องฟัง

- ที่บ้านอาเหลียน -
"ติ๊งต่องๆๆๆๆ!!!!!"  เสียงกริ่งถูกกดรัวอย่างไร้มารยาท เพียงครู่เดียวบานประตูก็ถูกเปิดออก
"ชั้นนึกแล้วว่าต้องเป็นเธอ"  เจ้าของบ้านยิ้มเย็นชาในขณะที่เปิดประตูต้อนรับ
"เข้ามาสิ บ้านชั้นรกไปหน่อยคงไม่รังเกียจนะ"  เคนข่มอารมณ์โกรธไว้แล้วเดินตามเข้าไป
"อาทำแบบนี้ทำไม?"  เคนเอ่ยถามทันทีที่ประตูปิดลง
"ใจเย็นสิ เธอไม่คิดจะพักดื่มน้ำหน่อยหรอ?"  พูดด้วยท่าทีสบายๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"เอาหละ.....เสี้ยวเทียน.....เธอเป็นคนฉลาดทำไมเหตุผลง่ายๆเธอถึงเดาไม่ออกหละ?"  อาเหลียนถามกลับมา
"ที่ผมเดาไม่ออกเพราะไม่คิดว่าอาจะทำชั่วได้ถึงขนาดนี้"  เคนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
"เสียแรงที่ครอบครัวผมไว้ใจอามาก แต่อากลับมาทำร้ายเราแบบนี้"  อาเหลียนเหยียดริมฝีปากเล็กน้อย
"ไว้ใจงั้นหรอ?"  ทวนคำแล้วตวัดสายตามองหน้าเคน
"ชั้นจะบอกให้นะว่าทำไมชั้นถึงเลือกเธอ"  พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
"เพราะชั้นรู้ว่าเธอน่ะเป็นคนที่ในครอบครัวไม่เคยต้องการงัยหละ"  ได้ยินเช่นนั้นเคนถึงกับสะอึก
"พ่อเธอกลัวบริษัทล้มเลยต้องยกเธอให้คนอื่นเพื่อแลกกับกิจการ แค่นี้เธอมองไม่ออกหรอว่าระหว่างเงินกับลูกชายอย่างเธออะไรมันสำคัญมากกว่ากัน?"  เคนกำหมัดแน่นเมื่อถูกกระตุ้นอารมณ์ด้วยคำพูดที่เสียดแทงใจ
"เธอคงสงสัยว่าชั้นรู้เรื่องนี้ได้ยังงัย"  อาเหลียนว่าพลางมองหน้าเคนไปด้วย
"เพราะชั้นเป็นเพื่อนพ่อของเธอและยังเป็นเพื่อนอาเจียงของเธอด้วย"  เคนอึ้งไปเมื่อได้ยิน แม้เขาจะรู้ว่าอาเหลียนเป็นคนเก่าแก่ของบริษัทแต่ก็ไม่เคยรู้ว่าเคยเป็นเพื่อนกับพ่อมาก่อน
"เมื่อก่อนเราสามคนสนิทกันมาก แต่หลังจากที่ชั้นกับอาเจียงของเธอแยกตัวออกมาทำธุรกิจกันเองพ่อเธอกลับมองเราเป็นศัตรู"  เคนไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
"แน่นอนว่าชั้นทำธุรกิจกับอาเจียงของเธอมาตั้งแต่แรก แต่เขากลับเขียนพินัยกรรมยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้เธอแล้วยังยกบริษัทที่มันสมควรจะเป็นของชั้นครึ่งหนึ่งไปให้กับพ่อของเธอคนบริหารต่อเพียงคนเดียว"  อาเหลียนเริ่มมีอารมณ์เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ 
"ชั้นทนทุกข์ยากลำบากมากับเขาแต่เขากลับไม่เห็นหัวชั้นเลย! ถึงพ่อเธอจะยอมให้ชั้นทำงานอยู่ในตำแหน่งเดิมแต่ชีวิตการงานของชั้นก็ไม่ได้ก้าวหน้าขึ้นกว่าแต่ก่อนเลยซักนิด!"  อาเหลียนตะคอกใส่
"ในขณะที่พวกเธอมีบ้านหลังใหญ่ มีรถหรูๆขับ มีอาหารดีๆกิน ชั้นกลับไม่มีอะไรเลยแม้แต่ลูกสาวที่ป่วยชั้นยังไม่มีปัญญารักษาชีวิตเธอไว้ได้!"  เคนยืนมองคนตรงหน้าระบายอารมณ์อย่างบ้าคลั่งด้วยท่าทีที่สงบลง
"ลูกสาวชั้นตาย เมียชั้นหนีไปพร้อมกับทิ้งความทุกข์ใจให้ชั้นอย่างแสนสาหัส"  อาเหลียนพูดอย่างโกรธแค้น
"ชั้นทำกำไรให้บริษัทไม่รู้เดือนละเท่าไหร่แต่ชีวิตชั้นกลับไม่เหลืออะไรเลย เธอลองบอกชั้นซิว่าชั้นจะทนทำต่อไปทำไมกัน?"  เคนเปลี่ยนสายตาไปมองที่หน้าต่างเขายอมรับว่าเรื่องราวที่ได้ยินมานั้นมันไม่ยุติธรรมเลย
"ชั้นถึงอยากจะให้ครอบครัวเธอรับรู้ความเจ็บปวดของชั้นบ้างงัย แล้วเป็นยังงัย? พวกเขาเชื่อเธอมั๊ย?"  ประโยคสุดท้ายพูดเหมือนจะเยาะเย้ยเพราะดูจากสีหน้าท่าทางของเคนแล้วคงมีปัญหาไม่น้อย
"ลูกชายคนที่เขาสร้างปมด้อยไว้ให้การกลับเป็นคนลงมือยักยอกเงินบริษัท แบบนี้คงอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกสินะ"  พูดจี้ใจดำเคนเข้าให้อีก
"ถ้าอาคิดจะทำลายครอบครัวผม ผมบอกได้เลยว่าไม่สำเร็จ"  เคนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"งั้นหรอ? หลักฐานทุกอย่างผูกมัดตัวเธอแน่น ทั้งพยานบุคคลชั้นก็มี เธอจะแก้ตัวว่ายังงัย?"  อาเหลียนพูดเหมือนเยาะเย้ย
"เงินอาจจะซื้อคนบางคนได้ แต่ซื้อความไว้ใจไม่ได้หรอกครับ"  เคนพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ  
"แน่นอนว่าผมไม่มีข้อแก้ตัว"  เคนว่าแล้วเดินเข้าไปใกล้อาเหลียน
"แต่ผมอยากจะบอกอาอย่างนึง ที่ชีวิตอาล้มเหลวแบบนี้มันเป็นเพราะตัวของอาเองทั้งนั้น"  อาเหลียนได้ยินก็โกรธปราดเข้ามากระชากคอเสื้อเคน แต่แล้วก็ชะงักไป
"เสี้ยวเทียน.....ชั้นเคยชื่นชมเธอ....."  แล้วอาเหลียนก็เสียงอ่อนลงมือค่อยคลายออกจากคอเสื้อของเคน
"ความจริงชั้นเตรียมการทุกอย่างมานานแล้ว และทุกอย่างก็ดำเนินมาตามแผนอย่างดี"  เคนถอยตัวออกห่างจากอาเหลียนอย่างระแวดระวัง
"แต่มาผิดแผนในตอนสุดท้าย เพราะเธอรู้เร็วไปหน่อย"  เคนเม้มปากแน่น เขาไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้อีกแล้ว
"ชั้นกะว่าจะทำอีกครั้งเดียวแล้วลาออก ถึงตอนนั้นพ่อเธอคงไม่เอาคนอย่างเธอไว้"  ยิ่งได้ยินเคนยิ่มรู้สึกรังเกียจชายคนนี้มากขึ้น
"คนไร้หนทางอย่างเธอถ้าต้องถูกทิ้งเป็นครั้งที่สองคงทำใจได้ยากนะ แต่ชั้นก็ยินดีจะรับเธอเป็นลูกชายชั้นแทน"  เคนได้ยินก็ถอยหลังหนี
"ตลอดเวลาที่ผ่านมาชั้นดีกับเธอมั๊ย?"  อาเหลียนถามพร้อมกับเดินต้อนเคนอย่างช้าๆ
"ตอนที่เธอมาฝึกงานกับชั้น ชั้นเคยดุเคยตีเธอเหมือนอย่างที่พี่ชายเธอทำกับเธอหรือเปล่า?"  เคนเริ่มหวาดหวั่นกับคนตรงหน้าเพราะเขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้อารมณ์ของอาเหลียนเป็นอย่างไร
"เวลาที่เธอไม่เข้าใจงานแล้วไม่กล้าถามพี่ชายเพราะกลัวถูกดุก็เป็นชั้นไม่ใช่หรอที่คอยช่วยเหลือเธอ เวลาที่เธอโดนพี่ชายว่าหรือทำโทษก็เป็นชั้นไม่ใช่หรอที่คอยห้ามปราม"  อาเหลียนว่าพร้อมกับหยุดยืนห่างจากเคนเพียงไม่กี่เมตร
"ทำไมเธอถึงไม่แสดงความกตัญญูกับชั้นเหมือนอย่างที่เธอไม่เคยลืมอาเจียงบ้างหละ?"  คำพูดประโยคนั้นทำให้เคนโมโห
"อย่าเอาอาเจียงมาเปรียบเทียบกับคนอย่างคุณ!"  เคนตะคอกใส่หน้าผู้อาวุโสกว่า
"เพี๊ยะ!"  ฝ่ามือใหญ่ตวัดลงที่แก้มของเคนเต็มแรงทันทีที่จบประโยคนั้น จากนั้นเขาก็ถูกผลักอย่างแรงจนหลังกระแทกกับกำแพง
"ในเมื่อเรื่องราวมันกลับกลายเป็นแบบนี้ เราคงญาติดีกันต่อไปไม่ได้"  อาเหลียนว่าพร้อมกับยิ้มที่มุมปากในขณะที่มือข้างหนึ่งกระชากคอเสื้อเคนไว้
"จะทำอะไร?"  เคนเองก็ตกใจที่ถูกจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว อาเหลียนในตอนนี้มีแรงมากกว่าที่เขาคิดไว้หลายเท่า 
"สั่งสอนเด็กหัวรั้นอย่างเธอให้เข็ดหลาบงัย!"  ว่าพร้อมกับกระชากตัวเคนขึ้นมาแล้วผลักให้ล้มลงไปที่พื้น ในตอนนั้นเองสิ่งที่เคนพกพามาด้วยหวังว่าจะเก็บสิ่งที่ได้พูดคุยกันไว้เป็นหลักฐานเพื่อยืนยันว่าเขาไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆในการยักยอกเงินในบริษัทก็กระเด็นตกลงที่พื้นด้วย อาเหลียนมองไปที่เครื่องบันทึกเสียงนั้น เคนเองก็ตกใจที่จะถูกจับได้จึงใช้ช่วงที่อาเหลียนกำลังเผลอลุกขึ้นไปผลักอาเหลียนอย่างแรง
"โอ้ย!!"  เสียงร้องอย่างตกใจระคนเจ็บปวดดังขึ้นพร้อมกับร่างใหญ่ที่ล้มกลิ้งลงที่พื้น เคนรีบวิ่งไปหยิบเครื่องบันทึกเสียงขึ้นมาแล้วไม่รอช้าที่จะวิ่งหนีออกจากบ้านหลังนั้นทันที

- ที่บริษัท -
"อาเหลียนไปไหน?"  เจอร์รี่ถามหาอาเหลียนจากพนักงานคนอื่นๆ เขานึกว่าน้องชายจะมาพบอาเหลียนที่นี่แต่กลับผิดคาด
"ตั้งแต่เช้ายังไม่เห็นเลยครับ"  คำตอบนั้นทำให้เจอร์รี่เริ่มร้อนรน
"แล้วเสี้ยวเทียนมีเข้ามาหรือเปล่า?"  ถามถึงน้องชายอีกคน
"ไม่มีนะครับ"  ตอบด้วยสีหน้างงๆ  
"แล้วอาเหลียนโทรมาลาหรือเปล่า?"  ถามต่ออีก
"เปล่าครับ แต่ว่าเมื่อวาน....."  พนักงานคนนั้นทำท่าลังเล
"มีอะไรก็รีบพูดมาสิ!"  เจอร์รี่เสียงเข้มขึ้นตามลำดับ ทำให้พนักงานคนนั้นเกิดความกลัวเพราะปกติแล้วเจอร์รี่ไม่เคยดุพนักงานคนไหนเลย
"เจอร์รี่....พ่อเอง....."  พ่อที่เดินตามมาเห็นว่าลูกชายระงับอารมณ์ไม่ได้จึงเดินไปตบไหล่เบาๆ 
"ตกลงว่ามีเรื่องอะไร บอกกับชั้นมาให้หมดเถอะ"  แล้วพ่อก็หันไปคุยกับพนักงานคนนั้นแทน
"คือว่าเมื่อวานหัวหน้าเหลียนให้ผมพิมพ์ใบลาออกไว้ครับ บอกว่าวันนี้จะเข้ามาเก็บของ"  พ่อได้ยินก็มีสีหน้าครุ่นคิด
"เรื่องลาออกนี่คุณรู้ล่วงหน้าหรือเปล่า? เขาได้บอกคุณไว้ก่อนมั๊ย?"  ถามซักไซร้ต่ออีก
"ไม่ได้บอกเลยครับ เมื่อวานที่หัวหน้าบอกให้ผมพิมพ์ใบลาออกให้ยังนึกว่าเขาล้อเล่นเลย"  พนักงานคนนั้นตอบเสียงแผ่ว
"เอาหละ.....ขอบใจมาก ถ้าเขาติดต่อมาบอกว่าชั้นกำลังหาเขาอยู่แล้วกัน......"  พ่อว่าแล้วยิ้มให้พนักงานคนนั้น
"ส่วนเรื่องที่ลูกชายชั้นพูดกับเธอไม่ค่อยดีชั้นก็ขอโทษแทนลูกด้วยแล้วกัน แล้วจะตักเตือนเขาให้"  ได้ยินเช่นนั้นพนักงานคนนั้นก็รีบก้มหัวให้ทันที
"ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมผิดเองที่พูดจาอ้ำอึ้ง"  รีบปฏิเสธทันที เจอร์รี่เองก็ค่อยรู้ตัวจึงเอ่ยปากขอโทษออกมาเอง
"ผมขอโทษครับ พอดีผมอารมณ์ไม่ดีเลยเผลอมาใส่อารมณ์กับคุณอีก ขอโทษนะครับ"  พูดจบก้มหัวให้เล็กน้อย
"อย่าทำแบบนี้สิครับผู้จัดการ ผมไม่กล้ารับหรอก"  พนักงานคนนั้นพูดอย่างเกรงใจ เขาเองก็รู้สึกงุนงงกับเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นเหมือนกัน
"เอาเถอะ....ไม่ถือโทษโกรธเคืองอะไรก็ดีแล้ว เธอไปทำงานต่อเถอะ"  แล้วพ่อก็เป็นคนพูดตัดบท พนักงานคนดังกล่าวจึงเอ่ยลาแล้วกลับไปทันที
"เฮ่อ! ผมนี่แย่จัง!"  ทันทีที่อยู่กับพ่อเพียงลำพังเจอร์รี่ก็ตำหนิตัวเอง
"ใจเย็นๆแล้วค่อยๆคิดสิลูก ยิ่งใจร้อนทำอะไรก็ยิ่งดูติดขัดไปหมด"  พ่อเอ่ยเตือนลูกชายเรียบๆ
"ผมมั่นใจว่าน้องต้องมาหาอาเหลียนแน่ แต่ในเมื่อเป็นแบบนี้งั้นน้อง....."  เจอร์รี่คล้ายจะบ่นแต่แล้วก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
"พ่อครับ! เป็นไปได้หรือเปล่าว่าน้องจะไปหาอาเหลียนที่บ้าน?"  พ่อได้ยินดังนั้นก็มีท่าทางตกใจไม่แพ้กัน เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วเขากลัวว่าลูกชายจะได้รับอันตราย
"เป็นไปได้.....งั้นเรา......"  พ่อตั้งใจจะชวนลูกชายไปที่บ้านอาเหลียนแต่ประตูห้องก็ถูกเปิดออกเสียก่อน
"เสี้ยวเทียน!!!"  พ่อและเจอร์รี่เรียกชื่อเคนพร้อมกัน
"นายหายไปไหนมา? รู้หรือเปล่า......นี่หน้าไปโดนอะไรมา?......"  เจอร์รี่เดินเข้ามาหาน้องชายแต่เมื่อมองหน้าตาและสภาพของน้องชายชัดเจนแล้วก็เปลี่ยนคำถามทันที เคนเบือนหน้าหลบมือพี่ชายที่เอื้อมมาจะแตะ เจอร์รี่จึงชะงักไป
"เสี้ยวเทียน.....เกิดอะไรขึ้นหรอลูก?"  พ่อถามลูกชายขึ้นมาบ้าง เคนไม่ตอบแต่หยิบเครื่องบันทึกเสียงออกมาแล้วเดินไปวางที่โต๊ะทำงานของพี่ชาย
"ลูกไปบ้านอาเหลียนมาใช่มั๊ย?"  พ่อเดินมาขวางตรงหน้าลูกชายพร้อมกับตั้งคำถาม เคนเม้มปากเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าแทนคำตอบ
"ทำไมถึงโง่แบบนี้! ลูกรู้หรือเปล่าว่าทำอะไรลงไป ถ้าเกิดเขาทำร้ายลูกขึ้นมา......"  พ่อต่อว่าลูกชายออกมาแต่เคนกลับพูดแทรกขึ้นมาก่อน
"ผมเคยพบกับความเจ็บปวดที่สุดในชีวิตมาแล้ว ต่อให้ตอนนี้ถูกใครทำร้ายอีกผมก็ทนได้"  ทั้งน้ำเสียงและท่าทางเย็นชานั้นทำให้พ่อถึงกับสะอึก
"เสี้ยวเทียน! นายพูดอะไรออกมา! นี่พ่อนะ!"  เจอร์รี่บีบแขนน้องชายพร้อมกับต่อว่าไปด้วย เคนเปลี่ยนสายตามาทางพี่ชาย
"หลักฐานที่ชั้นมีอยู่ในนั้นทั้งหมด จะเชื่อหรือเปล่าก็สุดแล้วแต่นาย"  พูดจบก็ดึงมือพี่ชายออกแล้วหันไปทางพ่ออีกครั้ง
"ผมไปหละครับ"  พูดจบก็ก้มหัวให้พ่อเล็กน้อย
"เสี้ยวเทียน ลูกจะไปไหน?"  พ่อดึงแขนลูกชายไว้แล้วถามด้วยสีหน้ากังวล
"ผมจะกลับไปทำงานครับ ว่าจะไปเก็บของที่บ้านเสร็จแล้วคงไปเลย"  เคนตอบสีหน้าเศร้าลงเล็กน้อย
"ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องไปทำงานไม่ใช่หรอ? นี่ยังไม่ครบเดือนเลยนะเสี้ยวเทียน"  เจอร์รี่แย้งขึ้นมา
"ชั้นโทรบอกหัวหน้าแล้ว เขาบอกว่าไม่ขัดข้อง"  เคนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
"พ่อไปส่งนะ"  เมื่อเป็นอย่างนั้นพ่อก็ไม่อยากจะแย้งจึงเสนอตัวจะพาไปส่ง
"ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ได้ขึ้นเรือที่เดิม ต้องไปขึ้นที่อื่นเพราะเรือจะจอดรับนักท่องเที่ยว"  เคนปฏิเสธแล้วเอ่ยลาอีกครั้ง
"ผมไปนะครับ"  พูดจบก็หมุนตัวออกไปทันที ทิ้งให้พ่อและพี่ชายได้แต่มองหน้ากันไปมาอย่างหนักใจ



Create Date : 17 มิถุนายน 2557
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2558 14:40:53 น. 0 comments
Counter : 922 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 
 

loving_zai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




[Add loving_zai's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com