รับวิญญาณ
รับวิญญาณ

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"เฟิร์น" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อพบกับคืนรับวิญญาณ

คุณๆ เชื่อเรื่องผีไหมคะ? ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม วันนี้ดิฉันมีเรื่องผีและเรื่องจิตวิญญาณมาเล่าสู่กันฟัง ส่วนจะแปลกประหลาดและน่ากลัวแค่ไหนก็สุดแท้แต่จะพิจารณาเถิดค่ะ

สมัยเด็กดิฉันอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรหลังสถานีขนส่งหมอชิต ซอยนี้มีหลายเลี้ยว จะไปออกซอยยาสูบหรือซอยร่วมศิริมิตรก็ได้ หรือจะไปออกซอยสุทธิสาร 15 ก็ได้ บ้านเรือนและผู้คนยังไม่คับคั่งเหมือนสมัยนี้ บ้านใกล้ๆ กันจะรู้จักกันแทบทั้งนั้น

บ้านติดกับดิฉันคือบ้านป้าเดือน อายุไล่ๆ กับยายดิฉันคือ 75-76 ปี แม่เรียกว่าป้าเดือน พวกเราก็เลยพลอยเรียกป้าเดือนไปด้วยตั้งแต่ยังเด็กแล้ว สังเกตว่าได้ยินพวกเราเรียกแบบนี้ทีไร ป้าเดือนจะยิ้มละไม ดูพออกพอใจมากๆ เลย

ป้าเดือนเป็นคนร่างเล็ก บอบบาง ตัดผมสั้นดูขาวโพลนเหมือนสำลี ยายเคยชมว่า

"พี่เดือนผมขาวสวยน่าอิจฉาจริงๆ ฉันเองใจไม่ถึงพี่เดือน ต้องย้อมเป็นประจำ"

สามีป้าเดือนเสียชีวิตไปสิบกว่าปีแล้วด้วยโรคหัวใจ ป้าเดือนอยู่กับลูกๆ หลานๆ หลายคน ตัวเองเป็นครูเก่าได้รับบำนาญทุกเดือน ขากลับจะมีขนมและผลไม้มาฝากพวกหลานๆ และเด็กข้างบ้านอย่างดิฉันกับพี่น้องเป็นประจำ

เมื่อดิฉันเรียน ม.ปลาย ป้าเดือนก็ไม่ต้องไปรับบำนาญแล้ว แกบอกว่าสมัยนี้เขาโอนเงินเข้าบัญชีเลย ต้องการใช้ก็ไปเบิกแบงก์เอา...แต่ป้าเดือนไม่ลืมขนมแสนอร่อยของพวกเด็กๆ หรอกค่ะ

ดิฉันกับเพื่อนๆ ที่เคยไปวิ่งเล่นบ้านป้าเดือน ไปมาหาสู่กันเป็นประจำตั้งแต่เด็กจนรุ่นสาว ก็ยังไปหาป้าเดือนตอนเย็นๆ หรือไม่ก็วันเสาร์วันอาทิตย์อยู่เสมอ

ป้าเดือนมีเก้าอี้ตัวโปรดอยู่ที่เฉลียงร่มรื่น มีทั้งกระดังงา, การะเวก, สายน้ำผึ้งที่เลื้อยขึ้นตามค้าง สระบัวเล็กๆ ก็มีค่ะ...พวกเรามักจะมีปัญหาเรื่องการเรียน ทั้งการสอบไล่และสอบเอ็นท์ บางคนก็ผิดหวังทำหน้าเศร้ามาหาป้าเดือน บางคนเงียบๆ เฉยๆ แต่บางคนหน้าตาซึมเซา เอ่ยปากว่าจะทำยังไงดี เมื่อชีวิตมันไม่เป็นไปอย่างที่คิดเลย!

ป้าแจ่มถอนใจก่อนจะพึมพำปลอบโยน

"เราก็ต้องมีสติ อดทน เพื่อจะฝ่าฟันมันไปน่ะซีจ๊ะ ถึงชีวิตจะผิดหวัง หม่นหมองแค่ไหน เราก็ต้องต่อสู้ต่อไป...ตายเมื่อไหร่ก็เป็นว่าได้หยุดพักเมื่อนั้น"

ลักษมี-เพื่อนรุ่นพี่ถามว่า ตอนนี้ป้าเดือนมีความหวังอะไรในชีวิตบ้างคะ?

คนอื่นๆ เงียบไปหมด แต่ก็อยากรู้คำตอบตรงกัน ป้าเดือนถอนใจอีกครั้ง นัยน์ตาสีน้ำข้าวเหม่อลอย เหมือนกับกำลังมองหาบางสิ่งบางอย่างที่ไม่มีตัวตน ก่อนจะหันมาฝืนยิ้ม

"ป้ารอว่าเมื่อไหร่จะได้พบคนที่ป้ารักเสียที! ไม่ว่าพ่อแม่ ญาติๆ สามีกับลูกชายคนโตของป้าที่ตายจากไปตั้งแต่เด็กๆ ป้าไม่เชื่อเรื่องนรกสวรรค์ แต่ป้าเชื่อว่าโลกหน้ามีจริง ใครอยากไปที่ไหนก็จะได้ไปที่นั่น! คืนก่อนลูกชายป้าก็มาหา..."

ขณะนั้นราวห้าโมงเย็น อากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน ลมพัดวูบจนยอดไม้ไหวซ่า เล่นเอาพวกเราเหลียวซ้ายแลขวา เสียงเยือกเย็นของป้าเดือนก็ดังวู่หวิวราวกับคละเคล้ามากับสายลม

"เขา บอกว่ามารอรับแม่....เวลาของแม่เหลือน้อยลงทุกทีแล้ว! พ่อกับตายายก็จะมารับแม่ด้วย...พวกเราจะได้อยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง! พวกเพื่อนๆ ของแม่อีกหลายคนก็จะมารับเหมือนกัน...ไปด้วยกันเถอะ แม่...เราจะได้มีความสุขเหมือนวันเก่าๆ ไงล่ะ!"

"ต๊ายตาย!" ลักษมียกมือทาบอก ทำตาโต "น่ากลัวจังค่ะ"

ดิฉันกลืนน้ำลาย ขนลุกซ่าไปทั้งตัว ยิ่งมองดูนัยน์ตาอมสุขของป้าเดือนยิ่งหนาวสันหลังบอกไม่ถูก...เป็นนัยน์ ตาที่พร้อมจะอำลาโลกนี้ไปสู่โลกหน้า ด้วยความสุขและความหวังเต็มเปี่ยม...

วันต่อๆ มา ป้าเดือนดูสดชื่นแจ่มใส มองพวกเราด้วยเววตายั่วเย้าและเอ็นดู

"จวนจะได้เวลาของป้าแล้วละ อย่าไปคิดอะไรมากเลยหนู เมื่อคืนสามีป้าก็มาหา พ่อแม่พี่น้อง เพื่อนฝูงอีกหลายคน...เกิดมาแล้วก็ตาย! ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าหรอก อย่าคิดว่ากฎเกณฑ์ของชีวิตเป็นเรื่องเศร้า คิดเสียว่าความตายก็เหมือนการนอนหลับตลอดกาล หรือความตายเป็นเพียงฉากผ่านของชีวิต เป็นความฝันที่ไม่มีวันสิ้นสุดของคนเราเท่านั้นเอง..."

จนกระทั่งคืนนั้นเอง!

เสียงหัวเราะเริงร่าดังมากระทบหูจนดิฉันสะดุ้งตื่น อากาศยามดึกในฤดูหนาวเย็นเฉียบ เหมือนมีอะไรดลใจให้ลุกไปดูที่หน้าต่าง ตรงกับหน้าบ้านป้าเดือนพอดี

หญิงชายกลุ่มใหญ่ที่ดิฉันไม่เคย รู้จักมาก่อน กำลังยืนพูดคุยปนหัวเราะกันอยู่ที่ระเบียง...ป้าเดือนแต่งตัวเรียบร้อยเดิน ออกมาหา ผมสีเงินยวงเป็นประกายอยู่ในแสงจันทร์...แล้วทั้งหมดก็ค่อยๆ เลือนรางจางหายไปจากม่านน้ำตาของดิฉันเอง!

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREl5TURFMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdNUzB5TWc9PQ==



Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2553 14:56:12 น.
Counter : 545 Pageviews.

0 comment
ผีหลังวัด
ผีหลังวัด

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"จ่าท้วม" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากหลังวัดประดู่ธรรมาธิปัตย์

ผม เป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีๆ สางๆ เท่าไหร่ คิดว่าคนตายแล้วก็แล้วกันไป ถูกเผาถูกฝังไปแล้วไม่น่าจะมีฤทธิ์อะไร คนเป็นๆ เสียอีกที่น่ากลัวกว่าเป็นไหนๆ หลายคนก็หลอกหลอนเก่งกาจกว่าภูตผีด้วยซ้ำ คนเราส่วนมากกลัวความมืดนะครับ แต่คิดว่าตัวเองกลัวผี!

สังเกตว่า ตอนกลางวันเราจะไม่กลัวผีเลย แต่พอตกกลางคืนอยู่คนเดียวก็มีอาการหวาดระแวง เหลียวซ้ายแลขวา เพราะไม่รู้ว่ามีอะไรซุ่มซ่อนอยู่ในความมืด คนหรือผีกันแน่...

ส่วนมากก็ย่อมคิดว่าเป็นผีดุ วิญญาณสยองไว้ก่อน

สมัยวัยรุ่น ผมได้พบกับเรื่องแปลกประหลาด ไม่รู้ว่าประสาทหลอนไปเองหรือถูกผีหลอกกันแน่?

ขณะ นั้นผมอยู่ในบ้านสวนหลังวัดประดู่ธรรมาธิปัตย์ เชิงสะพานพิบูลสงครามค่อนไปทางสี่แยกบางโพ หน้าวัดเพิ่งมีตึกแถวสร้างใหม่หลังป้ายรถเมล์ ร้านริมสุดคือร้านเจ๊ป้อมเปิดทั้งด้านหน้าและด้านข้างที่ติดกับทางเข้าวัด ลาบร้านนี้ขายดิบขายดีจนเจ๊ป้อมต้องทำไว้เป็นกะละมัง ไหนจะมีส้มตำกับเนื้อย่างน้ำตกอีกล่ะ

ตกเย็นมีคอเหล้านั่งเต็มร้านไปจนถึงสองสามทุ่ม คนมาช้าต้องซื้อลาบใส่ถุงไปกินที่บ้าน

วัด ประดู่ฯ สมัยนั้นจะก็เฉพาะหน้าซอย ตอนเย็นๆ มีหนุ่มสาวเดินหาของกินกันคึ่กๆ จนถึงตรอกโอ่ง ตรงข้ามตรอกบันไดหิน แต่ในซอยเข้าวัดค่อนข้างแคบ ยามค่ำคืนจะเปล่าเปลี่ยวเอาการ

มีบ้าน เรือนทางขวามือ ส่วนทางซ้ายเป็นเมรุเผาศพตั้งเด่น ถัดไปมีศาลาเล็กๆ เก่าแก่ติดๆ คูน้ำ อันเป็นทางเข้าสวนที่มีบ้านช่องปลูกอยู่ห่างๆ กัน คนชำนาญทางสามารถเดินเลาะลัดสวนไปทะลุสะพานสูง บางซื่อได้อย่างง่ายดาย

ตอน นั้นผมเพิ่งเรียนจบ ได้ทำงานที่กรมชลประทานแถวศรีย่าน เพื่อนฝูงมากหน้าหลายตาขึ้น ตกเย็นก็มักแวะร้านเหล้าประสาชายโสด ที่หน้ากรมบ้าง หน้าโรงหนังบางกระบือบ้าง บางคืนก็มาแวะต่อที่ร้านเจ๊ป้อม...ตบท้ายด้วยข้าวเหนียวจิ้มลาบก็สบายท้อง แล้วครับ

ขากลับตอนปิดร้านมักมีคนในซอยที่รู้จักกันเดินไปด้วย เสียอย่างเดียวที่บ้านพวกนั้นถึงก่อน แต่ผมต้องเข้าสวนไปอีกหน่อย

ที่ศาลาเล็กหลังวัดจะเห็นตาเตียนนั่งสูบยาแดงวาบๆ แทบทุกคืน!

ถ้า คนแปลกถิ่นอาจจะนึกว่าผีหลอก แต่ผมรู้จักแกสิบกว่าปีแล้ว ตาเตียนอยู่ในสวนเหมือนกัน แต่พอลูกเต้าโตขึ้นแกก็ได้พักผ่อน...เขาลือกันว่าแกชอบดอดเข้าไปสูบกัญชาใน สวนเปลี่ยวเป็นประจำ บางคนก็ว่าแกเล่นของ ร้อนวิชาจนอยู่บ้านไม่ติด ตกค่ำต้องออกมานั่งสูบยา คุยกับผีๆ สางๆ เรื่อยเปื่อยเป็นประจำ

ตาเตียนถูกชะตากับผม ชอบทักทายชวนพูดชวนคุย แถมเล่าเรื่องผีให้ฟัง

"เมื่อตะกี้ตาหมาดแกลงจากเมรุ เดินมาส่งเอ็งถึงนี่เลยโว้ย"

"แหม! นังแตนมันคงชอบเอ็งมากซีนะ ข้าเห็นเดินกระแซะไหล่เอ็งมาถึงนี่แน่ะ หน็อย! พอเห็นข้าคงอายเลยเดินกลับหลุม"

แก ชอบพูดแบบนี้แหละครับ ว่าผีเดินมาส่งผม...ตอนแรกก็อดหัวเราะไม่ได้ แต่ตอนหลังสังเกตว่าพอเดินผ่านเมรุหมาจะหอนทุกครั้ง พอหันไปดูก็เห็นเงาวูบๆ วาบๆ ก่อนจะหายไป...กระทั่งถึงคืนสยองขวัญ!

คืน นั้นผมเดินเข้าซอยเปลี่ยวมาตามเคย อากาศปลายปีหนาวจัดจนขนลุกซ่า พิษเหล้าจางหาย...เสียงหมาหอนเยือกเย็นจนผมหันไปมองเมรุที่โดดเด่นอยู่ใต้ แสงดาว ก่อนจะชะงักกึก มองภาพนั้นแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง

...ร่าง ผอมกะหร่องของตาเตียน ผมขาวโพลน นุ่งกางเกงขาก๊วยตัวเดียว มีผ้าขาวม้าพาดไหล่เดินเข้ามาหา ยิ้มเหงือกแดงบอกว่า...คืนนี้ข้าจะไปส่งเอ็งแทนพวกนั้นนะโว้ย!

ว่า แล้วแกก็ออกเดินนำหน้า ผมเดินตามต้อยๆ ตาลายจนเห็นตาเตียนเดินเหมือนลอย ผ่านศาลาเงียบเชียบเข้าไปในสวน ยอดไม้สะบัดใบซู่ซ่าราวกับป่าเปลี่ยว...จนกระทั่งถึงบ้านผมเรียบร้อย

"ข้าส่งเอ็งแค่นี้ละโว้ย เดี๋ยวจะกลับไปสูบยาซะหน่อย" แกบอกแล้วหันกลับ ผ่านผมวูบวาบไปดื้อๆ พอหันไปมองก็ไม่เห็นแกเสียแล้ว

รุ่ง ขึ้นถึงได้รู้ข่าวว่าตาเตียนหัวใจวายตายคาบ้องกัญชาตั้งแต่เย็นวาน ตอนนี้ศพอยู่ที่วัด...ถึงจะซาบซึ้งว่าแกห่วงใยผมแค่ไหน แต่ไม่กล้ากลับบ้านดึกๆ อีกต่อไป เพราะกลัวจะเห็นแกเดินยิ้มแป้นเข้ามาหาน่ะซีครับ...บรื๋อส์!

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREl4TURFMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdNUzB5TVE9PQ==



Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2553 14:40:35 น.
Counter : 647 Pageviews.

0 comment
เจ้าของเขาหวง
เจ้าของเขาหวง

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"ไผ่" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากรถเข็นคนพิการ 5 เรื่องความงกต้องยกให้คุณนายนัดดา หรือ "ป้าดา" ของดิฉันค่ะ!

ที่ พูดนี่ก็ด้วยความรักใคร่หรอกนะคะ เพราะป้าดาแกน่ารัก และมีน้ำใจกว้างขวางราวกับแม่น้ำ ชอบแจกของให้ญาติสนิทมิตรสหาย ขณะเดียวกันก็ขี้งกด้วย แปลกจริงๆ

และนี่คือที่มาของขนหัวลุกเรื่องนี้

ป้า ดาอายุหกสิบกว่าแล้ว ยังแคล่วคล่องว่องไว มีมาดคุณนายเต็มขั้น วันๆ ชอบออกจากบ้านไปเยี่ยมเพื่อนฝูง ไปงานเลี้ยง งานสวด งานเผาแทบไม่ได้หยุดหย่อน ในกระเป๋าถือใบเขื่องของเธอจะมีสิ่งละอันพันละน้อยไว้แจกลูกหลาน หรือแจกเพื่อนฝูง

ของพวกนี้ไม่ใช่อื่นไกล เป็นของชำร่วยจากงานต่างๆ ที่เธอไปนั่นแหละ!

เวลา เขาแจกของชำร่วยกัน คนอย่างเราๆ จะหยิบมาคนละชิ้นละอัน แต่ป้าดาจะกางมือคว้าเป็นกอบเป็นกำพร้อมรอยยิ้ม บอกว่าเอาไปเผื่อเพื่อนๆ ที่ไม่ได้มาร่วมงาน

นิสัยที่น่าตีอีกอย่างก็คือ ราวๆ ยี่สิบเมตรก่อนจะถึงบ้าน จะมีทางสามแพร่ง มีกองขยะที่ชาวบ้านนำมาทิ้ง ป้าดานั่งรถผ่านทีไร ถ้าเห็นอะไรก็ตามที่เธอคิดว่า "ยังมีประโยชน์" เธอก็จะใช้ให้น้าหมาน-คนขับรถลงไปเก็บมากองไว้หลังบ้านเรา อย่างเช่นเศษผ้าที่ร้านตัดเย็บในซอยขนมาทิ้ง กับพวกทีวีและคอมพิวเตอร์พังๆ เป็นต้น

วันหนึ่ง ขณะนั่งรถผ่านกองขยะป้าดาก็ตาลุกโพลง ร้องให้น้าหมานรีบจอดรถ

สิ่ง ที่ปรากฏเด่นชัดคือ รถเข็นหรือรถนั่งของคนพิการสีฟ้าอ่อน เป็นรถนั่งแบบมีล้อใหญ่แบบที่เราเห็นในโรงพยาบาลทั่วไป ไม่มีอะไรวิลิศมาหราเลย! มันดูกลางเก่ากลางใหม่ ใครนะช่างเอามาทิ้งได้ลงคอ ป้าดารีบให้น้าหมานยกกลับบ้าน

แหม! พวกซาเล้งรู้เข้าคงแค้นน่าดูที่ป้าดาไวกว่า!

ใจ ฉันเสียววูบตั้งแต่เห็นรถนั่งคันนี้ คนในบ้านก็ไม่สบายใจ เพราะไม่รู้ว่ามันมีประวัติเป็นมาอย่างไรกันแน่? เจ้าของเดิมของมันหายเจ็บหายป่วย หรือตายแล้วก็ไม่รู้?

น้องขวัญข้าว -หลานสาววัยสามขวบของฉันไม่กล้าเข้าใกล้รถคันนี้เลย มันถูกวางไว้ที่โรงรถข้างเรือนคนรับใช้ มันพับเก็บไม่ได้ค่ะ กลไกบางอย่างของมันเสีย แต่นอกนั้นใช้ได้ ป้าดาบอกว่า "ยังมีประโยชน์" เป็นอันว่ารถเข็นยังตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่อย่างนั้น

กิจกรรมหนึ่งที่ฉันชอบทำเป็นประจำ คือการไล่ถ่ายรูปน้องขวัญข้าวผู้แสนซนและน่ารักน่าเอ็นดูไม่แพ้หลินปิง!

มีอยู่คราวหนึ่งที่เราถ่ายรูปกันโดยมีโรงรถเป็นแบ๊ก

กราวด์ พอเอาภาพมาดูมันน่าขนลุก เพราะมีเงาจางๆ คล้ายคนแก่นั่งอยู่ในรถเข็นคันนั้น! พวกเราฮือฮากัน แต่ป้าดาบอกว่าเป็นเงาหลอกตาเท่านั้นเอง

และแล้วป้าดาก็ถึงคราว เคราะห์ เธอเดินตกท่อในบ้านนี่แหละ ข้อเท้าบวม เคล็ดขัดยอกอย่างแรง หมอบอกว่าเอ็นฉีก ไม่ถึงกับกระดูกหัก แต่ก็ทำให้ป้าดาเดินลำบาก...ป้าดาเจ็บแต่ก็มีอย่างหนึ่งที่ทำให้เธอดีใจ เอ...รึฉันจะเรียกว่าได้ใจดีนะ เพราะความเจ็บครั้งนี้ทำให้ป้าดามีโอกาสได้ใช้รถนั่งให้น้าหมานเข็นไปเข็น มารอบบ้าน

"เห็นมั้ย บอกแล้วว่ายังมีประโยชน์...อุ๊บ!"

พูด ยังไม่ทันขาดคำ ป้าดาของฉันก็มีอันหน้าคะมำลงมาจากรถนั่ง ท่ามกลางสายตาคนเกือบทั้งบ้านที่พากันตกตะลึงตาค้าง ดูลักษณะแล้ว นี่ไม่ใช่การตกธรรมดา เพราะป้าดาเธอนั่งของเธอดีๆ น้าหมานก็อยู่ห่างออกไป แต่ป้าดารู้สึกเหมือนมีใครมาผลักอย่างแรง พวกเราก็เห็นคล้ายๆ อย่างนั้น

ความรู้สึกว่าถูกผลักมันชัดเจนมาก จนป้าดารู้สึกสยองขึ้นมาทันที...

เธอมองเก้าอี้อย่างแหยงๆ ทำหน้าเจื่อนๆ บอกว่าไม่นั่งแล้วละ!

คืน นั้นป้าดาฝันร้ายค่ะ มีผู้ชายแก่ๆ หน้าดุ มายืนชี้หน้าด่าป้าดาว่าไปเอาของเขามาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต! ผีมีจริงรึเปล่าก็ไม่รู้งานนี้? แต่จากการประมวลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายๆ อย่างป้าดาก็คิดจะสละเก้าอี้

"เอาไปถวายวัด!" เธอทำเสียงเฉียบขาด

"อ้าว? ทำไมล่ะคะ" ฉันทำหน้าซื่อถาม "มันยังมีประโยชน์ไม่ใช่หรือคะ?"

"มีน่ะมีอยู่" ป้าดาเน้นเสียงตอบ "แต่ไม่ใช่สำหรับป้า"

ตอน นี้เก้าอี้รถเข็นระเห็จไปอยู่วัดใกล้บ้านเรียบร้อยแล้ว ซึ่งประโยชน์ของมันก็แล้วแต่เจ้าอาวาสท่านจะเห็นควร และถ้าเจ้าของมันหวงจริง ป่านนี้เขาก็คงได้บุญและให้อภัยป้าดาที่งกหยิบฉวยมันมาใช้

แหม! จะว่าป้าดาก็ไม่ถูกนะ เธอเห็นเป็นของทิ้งแล้วนี่นา! ฉันละสงสารป้าดาจริงๆ ค่ะ โถ...ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ด้วยเล้ย!

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREl3TURFMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdNUzB5TUE9PQ==



Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2553 14:39:34 น.
Counter : 563 Pageviews.

0 comment
วิญญาณยังอยู่
วิญญาณยังอยู่

ขนลุกหัว

ใบหนาด



"คนนอกวัด" เล่าเรื่องขนหัวลุกเมื่อประสบกับวิญญาณกลางวันแสกๆ

"แสกอีสานส่องแสงทุกแห่งหน

แสงธรรมดลคนดีทั้งอีสาน

อีสานสืบวัฒนธรรมสืบตำนาน

สืบสายธารแห่งศักดิ์ศรีอีสานไทย"

บทกวีจากนิตยสาร "แสงอีสาน" ของมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตอีสาน ขอนแก่น ฉบับประจำเดือนธันวาคม 2546-กุมภาพันธ์ 2547

จาก นิตยสารเล่มเดียวกันนี้ มีพระธรรมเทศนาของพระเดชพระคุณ พระเทพวรคุณแห่งวัดป่าแสงอรุณ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเจ้าคณะภาค 9 (ธรรมยุต) ว่าด้วยเรื่อง "อบรมจิตใจให้ดี มีสุขทุกที่"

ที่น่าสนใจเป็นพิเศษก็คือการเล่าเรื่องเกี่ยวกับกายและจิต ผีมีจริงหรือไม่? ตายแล้วไปไหน?

ท่านเจ้าคุณเทศนาในตอนหนึ่งว่า

"...สิ่ง ที่เห็นอยู่เมื่อคนเราตายไปแล้วไม่ใช่หยุด ไม่ใช่หยุดอยู่แค่ว่าตายแล้วจะพ้นทุกข์ หากคนคนนั้นยังมีกิเลสตัณหา ยังมีกรรมดีกรรมชั่วอยู่ ก็ต้องเป็นไปตามกรรมของแต่ละคน ไม่ใช่ตายแล้วก็ตายไป

"คนที่ฆ่าตัวตาย คนที่ทำอะไรสารพัด คิดว่าการตายเป็นการสิ้นสุดแห่งการรับกรรมดีกรรมชั่วในชาตินี้ชาติเดียวเท่า นั้น ชาติหน้าไม่มี จึงทำอะไรผิดๆ ตามที่เราเห็นกัน เป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง"

ท่านเจ้าคุณเทพวรคุณได้ยกตัวอย่างให้อุบาสกอุบาสิกา สดับตรับฟังถึงสองเรื่องด้วยกัน ดังนี้

ที่ บ้านหนองโก บ้านตะเกียง พ่อสุนทรเล่าให้ฟังว่า คนไปขายเสื่อขายสาด เกิดเคราะห์หามยามร้ายรถไปคว่ำที่โคราชตอนเที่ยง คือลูกเขยพาแม่ยายไปขายเสื่อกับหมู่คณะราว 6-7 คน เมื่อพ่อสุนทรกลับจากนามากินข้าวเที่ยงที่บ้าน เห็นคนตายคือยายข้างบ้านกันเดินขึ้นไปบนบ้าน จึงถามเมียว่า เอ๊ะ! เห็นยายไปขายเสื่อขึ้นไปบนบ้าน ทำไมกลับมาเร็วนักเล่า?

แต่เมียยอกว่า ไม่ใช่ เขายังไม่กลับมากันเลย จะเห็นกันได้ยังไง?

ส่วนพ่อสุนทรก็ยืนยันว่าตนไม่ได้ตาฝาด เพราะเพิ่งเห็นยายแกเดินขึ้นบ้านไปเมื่อตะกี้นี้เอง!

ฝ่าย เมียกลับยืนยันว่าผัวตาฝาดไปเอง ด้วยความไม่แน่ใจทั้งคู่จึงชวนกันวิ่งขึ้นไปบนบ้าน เปิดหน้าต่างออกมองหาแต่ไม่เจอะเจอใครเลย เกิดสังหรณ์ใจว่าคงจะมีอะไรร้ายๆ เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ครั้นถึงเวลา 5 โมงเย็น ลูกเขยเขากลับมา บอกว่าแม่ยายตายตั้งแต่ตอนเที่ยงวันนี้แล้ว รถคว่ำตายคนเดียว!

สอง ผัวเมียรู้ข่าวแน่ชัดก็ตกตะลึงตัวชา ได้แต่หันมองสบตา ไม่เข้าใจว่ากลางวันแสกๆ เหตุใดผู้ตายจึงปรากฏกายกลับมาบ้านได้ในเวลานั้น เห็นเป็นรูปร่างปกติเดินขึ้นไปบนบ้านได้เล่าหนอ?

อีกเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นที่บ้านหัวนาคำ

พ่อ ใหญ่พันธ์เล่าว่า ญาติป่วยหนักอยู่ที่อำเภอโกสุมพิสัย ขณะนั้นพ่อใหญ่พันธ์ขับรถมอเตอร์ไซค์เข้าไปในบ้าน ได้พบกับญาติที่ป่วยอยู่นั้น...รายนี้ไม่ธรรมดา เนื่องจากได้พูดคุยทักทายกันด้วย ญาติผู้นั้นบอกว่ามีธุระจะไปที่อื่น ขอฝากลูกหลานให้ช่วยดูแลด้วย เขาจะไปในวันที่ 15-16 นี้เอง

พูดคุยกันแล้วก็เดินเข้าบ้านหายลับไป

พ่อ ใหญ่พันธ์เอารถไปจอดไว้แล้วจึงคุยกับเมียว่า พี่น้องเรามาจากโกสุมฯ เขามาทำไม เมียบอกว่าไม่มีใครมา พ่อใหญ่พันธ์ร้องว่า ไม่มีได้ยังไง เมื่อสักครู่ได้คุยกันก่อนเข้ามาในบ้าน...ว่าแล้วจึงวิ่งตามเข้าไปดูในบ้าน แต่ไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียว

พ่อใหญ่พันธ์จึงบอกว่าผิดปกติเสียแล้ว จะต้องเดินทางไปโกสุมฯ แล้วจัดเตรียมข้าวของเพื่อเดินทางวันรุ่งขึ้น เพราะคิดว่าคงเกิดเหตุร้ายแน่นอน

ครั้นรุ่งเช้านำกระเป๋าขึ้นรถ ได้แวะซื้ออาหารที่อำเภอเชียงยืน มีคนรู้จักเล่าให้ฟังว่า ญาติที่บ้านหัวนาคำเมื่อคืนนี้ตายแล้ว พ่อใหญ่พันธ์รีบขับรถมอเตอร์ไซค์ไปจนถึงอำเภอโกสุมฯ ถึงบ้านญาติเห็นเขาจัดตั้งศพกำลังประดับประดาอยู่

เป็นไปได้ยังไง คนตายแล้วยังพูดได้ ไม่ใช่เห็นแต่รูปร่างเท่านั้น...ขนลุกหัวครับ!

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREU1TURFMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdNUzB4T1E9PQ==



Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2553 14:38:36 น.
Counter : 506 Pageviews.

0 comment
เขย่าขวัญ
เขย่าขวัญ

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"แจง" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อไปบวชชีพราหมณ์

ว่ากันว่า เคราะห์ร้ายไม่ได้มาครั้งเดียว ถ้าใครมีความทุกข์เรื่องอะไรอยู่ก็ตาม ขอให้ทำใจไว้ได้เลยว่า จะมีความทุกข์เรื่องอื่นๆ ตามมาอีกเป็นระลอกคลื่น...ความทุกข์ใหม่จะทับถมความทุกข์เก่าให้เพิ่มเติม ขึ้นอีกหลายเท่านัก

ดิฉันเองก่อนนั้นก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้นัก จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ฟองสบู่แตกเมื่อปี 2540 เศรษฐกิจดิ่งเหวเหมือนไม่มีวันจะเงยหัว นักธุรกิจกับนักลงทุนจ่อปืนที่ขมับตัวเองแล้วลั่นไก หลายๆ คนก็โดดตึกฆ่าตัวตาย อีกไม่น้อยที่หมดอาลัยตายอยากในชีวิตตัวเองโดยสิ้นเชิง

ขนาดแบงก์กับไฟแนนซ์เจ๊งกราวรูด โดนปิดกิจการไปนับไม่ถ้วน พวกแมลงเม่าล้วนแต่ด่าวดิ้นสิ้นใจไปตามๆ กัน

บ้านเดิมของดิฉันอยู่ทางภาคเหนือ โดนคนร้ายบุกปล้น ทุบตีพ่อแม่ผู้ชราปางตาย อีกไม่ช้าไม่นาน บ้านนั้นก็เกิดไฟไหม้ พ่อแม่พิการโดนไฟคลอกตายคาบ้าน

คู่หมั้นดิฉันประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เสียชีวิตคาที่!

...ต่อไปจะมีอะไรร้ายๆ เกิดขึ้นอีกหนอ?

บอกตรงๆ ว่าประสบความทุกข์จนชาชิน ความรู้สึกตายด้านไปหมด ดิฉันอาจจะถูกเลย์ออฟเหมือนเพื่อนๆ ก็ได้ หรือไม่ก็จำใจต้องเออร์ลี่รีไทร์ก่อนจะถูกปลด แต่ด้วยความทุกข์จนหมดกะจิตกะใจ ทำให้ไม่อยากต่อสู้ขัดขวางกับโชคชะตาอีกแล้ว ปล่อยไปตามดวงละกัน

อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อะไรจะเป็นก็ต้องเป็น...คิดมากไปก็เท่านั้น

ดูเหมือนว่า ต่อให้เราดิ้นรนแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ต้องมาลงเอยที่อนาคตอันถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว!

ช่วงนั้นเอง ดิฉันได้หยุดพักร้อน เลยตัดสินใจไปบวชชีพราหมณ์กับเพื่อนอีก 2 คนที่วัด....จังหวัดเพชรบุรี

แม้ว่าจะไม่ถึงกับบวชชี แต่คิดว่าคล้ายๆ กัน จะแตกต่างเพียงเราไม่ได้โกนหัวเท่านั้น เพราะครบ 7 วันต้องสึกออกมาทำงานนี่คะ...ถ้าไม่โดนบริษัทปลดออกเสียก่อนน่ะ

นึกถึงคำที่ค่อนแคะพวกบวชชีแล้วน่าขำ แต่อารมณ์ตอนนั้นขำไม่ออกหรอกค่ะ

"อกหัก, หลักลอย, คอยงาน, สังขารเสื่อม, เลื่อมใสศาสนา"

ตัวเองไม่ได้เป็นหนึ่งในนั้นแน่นอน แต่เพราะอยากหาความสงบสุขให้จิตใจที่หดหู่เศร้าหมองมากกว่า บรรยากาศตามเชิงเขาปลอดโปร่ง โล่งสบายด้วยสายลมพัดโกรกตลอดเวลา ต้นไม้ใหญ่น้อยร่มครึ้ม ลั่นทมที่ขึ้นตามซอกหินดูงดงาม ออกดอกสะพรั่งทั้งสีเหลืองและชมพู...ยิ่งชนิดต้นใหญ่ดอกสีขาวซ้อนกันเหมือน กุหลาบดอกโตๆ น่าประทับตาประทับใจมากที่สุด

ทั้งสวยทั้งหอมจนคิดว่ากลับบ้าน (เช่า) ต้องปลูกลั่นทมให้ได้ ไม่กลัวความทุกข์ระทมตามที่เขาเชื่อกันหรอกค่ะ...ชีวิตจะมีอะไรระทมยิ่งกว่า นี้ก็ให้มันรู้ไป!

คืนแรกของการบวชชีพราหมณ์ ดิฉันก็ต้องประสบกับเหตุการณ์ขนหัวลุกค่ะ

คืนนั้นเดือนหงายกระจ่าง ดิฉันนอนร่วมกับเพื่อนๆ ราว 3 ทุ่มก็ผลัดกันออกไปทำธุระส่วนตัวที่ห้องน้ำ ซึ่งอยู่ค่อนข้างห่างจากที่พัก ดิฉันเองเป็นคนสุดท้าย

...ถึงแม้จะมีไฟฟ้า แต่บรรยากาศก็เงียบเชียบชวนให้วังเวงใจ ได้ยินเสียงลมพัดวู่หวิวกับยอดไม้และโขดหิน บางครั้งก็ฟังเหมือนเสียงใครกำลังสะอึกสะอื้นดังแว่วมาตามลม...

ทันใดนั้น เสียงกระแอมกระไอก็ดังขึ้นด้านนอก เล่นเอาดิฉันสะดุ้ง เงยหน้าขึ้นมองที่ช่องลม แต่ก็ไม่เห็นอะไรเลย ตอนแรกคิดว่าหูแว่วไปเอง แต่แล้วก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ดิฉันหลุดปากออกไปว่า...รอเดี๋ยว! ก่อนจะรีบลุกขึ้น แต่ส้วมซึมที่ไม่คุ้นเคยทำให้ลุกได้เชื่องช้า เสียงตบประตูแรงๆ ก็ทำให้ฉุกใจวาบ...

อะไรกัน? ตอนที่ดิฉันเดินลัดเลาะมาตามแผ่นหินจนถึงหน้าห้องน้ำก็ไม่เห็นใครเลยสักคน มองดูก็เห็นแต่ต้นไม้โปร่งๆ ชัดเจนอยู่ในแสงจันทร์ เพิ่งจะนั่งยองลงเท่านั้นเกิดมีเสียงกระแอมกับเสียงเคาะประตูมาจากไหนกัน?

อาจจะเป็นเพราะความหมดอาลัยตายอยากในชีวิต ประสบแต่เคราะห์กรรมร้ายๆ มาจนตายด้าน ทำให้ไม่ค่อยหวั่นกลัวอะไรง่ายๆ ตัดสินใจลุกไปถอดกลอนเปิดประตูออกไป...แต่มองไม่เห็นใครเลยแม้แต่คนเดียว!

รอบๆ กายคล้ายเป็นป่าเปลี่ยว เงียบเชียบและเยือกเย็น เสียงแมลงกลางคืนระงมกับสายลมพัดวู่หวิวอยู่ในราตรี ดิฉันเดินกลับที่พักช้าๆ เริ่มจะเข้าใจอะไรขึ้นมา...

เมื่อเล่า ให้เพื่อนๆ ฟัง ทั้งสองก็บอกว่าไม่พบกับเหตุการณ์เขย่าขวัญ ดิฉันคิดว่าคงจะเป็นการทักทายหรือล่ำลาจากบางสิ่งบางอย่าง...จากนั้นมาก็ไม่ ประสบกับเคราะห์กรรมอะไรอีกจนถึงทุกวันนี้ แต่เมื่อย้อนคิดถึงคืนนั้นแล้วอดขนหัวลุกไม่ได้ค่ะ!

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREU0TURFMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdNUzB4T0E9PQ==



Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2553 14:36:16 น.
Counter : 763 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  

iamZEON
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 111 คน [?]



ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ ^^/

ข่าวสารการ์ตูนญี่ปุ่น
กับเกี่ยวข้องอย่างภาพยนตร์-เพลง
รายชื่อการ์ตูนออกใหม่-งานหนังสือ
เรื่องทั่วๆไปทั้งในและนอกประเทศก็มีบ้าง
New Comments
Group Blog
All Blog
MY VIP Friend