วิญญาณร้องไห้
วิญญาณ ร้องไห้

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"พุดกรอง" เล่าประสบการณ์สยองจากบางขุนนนท์

ดิฉันไม่เชื่อเรื่องผีค่ะ เพราะคิดว่าผีคือคนที่ตายไปแล้ว จะช่วยตัวเองยังไม่ได้ ต้องอาศัยญาติมิตรให้ช่วยทำศพ ไม่ว่าเผาหรือฝัง ตายแล้วก็ตายเลย ส่วนวิญญาณจะมีจริงหรือไม่ ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่มีใครทราบแน่ชัด

แต่ แล้วคนที่ไม่กลัวผีอย่างดิฉันก็ต้องประสบกับเหตุการณ์น่าขนหัวลุกที่สุด

สมัยสาวๆ ดิฉันอยู่แถวบางขุนนนท์นี่เอง เพื่อนบ้านที่สนิทกันมากคือป้าล้อมวัยราวหกสิบปีปลาย แกมีลูกหลานหลายคนอยู่บ้านเดียวกัน แต่ตอนกลางวันต้องอยู่คนเดียวเพราะลูกๆ ไปทำงานกันหมด หลานก็ไปเรียนหนังสือทุกคน

ดิฉันชอบไปคุยกับป้า ล้อมเวลาแกอยู่คนเดียว ฟังเรื่องผีๆ สางๆ ที่แกเล่าให้ฟังจนเพลิดเพลิน น่าสนุกมากกว่าน่ากลัวค่ะ

สงกรานต์ปีนั้น ลูกหลานไปเที่ยวต่างจังหวัดกันหมด ป้าล้อมต้องเฝ้าบ้าน ดิฉันซื้อขนมไทยๆ อย่างขนมใส่ไส้ ขนมด้วง ขนมหน้านวลไปฝาก ป้าล้อมพร่ำขอบอกขอบใจไม่หยุดปาก ลูบหน้าลูบหลัง กินขนมอย่างเอร็ดอร่อย แกชอบขนมหน้านวลเป็นพิเศษ เพราะอ่อนนุ่ม เคี้ยวง่ายสำหรับคนแก่

ที่ระเบียงบ้านใต้ร่มไม้ ยามเย็น ป้าล้อมก็เล่าเรื่องภูตผีต่างๆ ให้ฟังตามเคย!

"เมื่อคืนเห็นเด็กผมจุกไปหาของกินในครัว ป้าก็บอกกินเถอะ กินให้อิ่ม ไม่ว่าหรอก มันยังหันมายกมือไหว้ป้าเลย...อ้อ! เมื่อเช้าก็มีตาแก่มาเมียงๆมองๆ อยู่หน้าบ้าน ป้าเลยเอาข้าวเอากับใส่กระทงใบตองไปให้กิน"

"แล้วป้าเห็นเขากินหรือเปล่าคะ?"

"อ๋อ! เห็นซี แกกินจนเกลี้ยงเลย บางคืนก็มีใครต่อใครมาเข้าฝันร้องห่มร้องไห้ บอกว่าอดอยากเหลือเกิน รุ่งขึ้นป้าก็ใส่บาตรอุทิศส่วนกุศลไปให้เขา บางวันก็เอาของกินใส่กระทงไปวางหน้าบ้าน จุดธูปเรียกให้เขามากิน...เขาก็มากัน มาตามควันธูปควันเทียนนั่นแหละ ป้าเห็นแล้วชื่นใจ"

"ตอนกลางวันป้าก็เห็นพวกเขาด้วยหรือคะ?"

"ไม่ว่ากลางคืนหรือกลางวันป้าก็เห็นทั้งนั้น ก็เขายังไม่ถึงคราวไปผุดไปเกิดนี่นา! พวกญาติก็ลืมทำบุญให้ ที่ไร้ญาติขาดมิตรก็มี หิวโหยกันท้องกิ่วน่าสงสารเชียว อ้าว..." ป้าล้อมยกมือป้องหน้าไปที่ต้นหว้าข้างรั้ว ดิฉันมองตามแต่ไม่เห็นอะไรเลย

"โถ แม่ชื่น...อายุเพิ่งจะเบญจเพส อกหักถึงกับผูกคอตายที่ต้นมะขามฝั่งโน้น พ่อแม่เขาโกรธนักเพราะท้องไม่มีพ่อ พอตายเขาก็สมน้ำหน้าไปตามๆ กัน หาว่าทำให้พ่อแม่เสียชื่อ ไม่คิดมั่งเลยว่ามันจะทุกข์โศกแค่ไหน...ตายไปแล้วยังร้องห่มร้องไห้แทบน้ำตา เป็นสายเลือด"

แม้จะคิดว่าเป็นเรื่องเล่าสนุกๆ แต่ดิฉันก็ต้องกลืนน้ำลายอย่างลืมตัว

"พี่ชื่นแกเข้ามาหาป้าถึงนี่หรือคะ?"

"ฮื่อ..." ป้าล้อมพยักหน้าแล้วถอนใจ ทอดตามองไปที่ต้นหว้าตามเดิม "อย่าร้องห่มร้องไห้เลยวะ ชื่นเอ๋ย! นึกว่าเป็นเวรกรรมของเอ็งที่พ่อแม่ใจดำ ถ้าเหงาก็มาหาข้า มาคุยกัน ถ้าหิวก็บอกข้าจะได้หาของกินให้...ความทุกข์โศกของเอ็งชาตินี้น่ะหมดแล้ว อย่าห่วงใยอะไรไปเลย"

ดิฉันอดขนลุกซู่ไม่ได้ ปากคอแห้งผาก เสียงป้าล้อมก็ดังขึ้นอีก

"เออ...เหนื่อยนักจะนั่งเล่นนอนเล่นก่อนก็ได้ ไม่รู้จะไปไหนก็มาหาข้า มาอยู่กับข้า โถ...ข้าน่ะเห็นเอ็งมาแต่เล็กแต่น้อย ไม่ซ้ำเติมเอ็งหรอกชื่นเอ๊ย! คนเรามันผิดพลาดกันได้ สี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง...สองตีนโด่เด่มันก็ต้องเซกันมั่งละน่า"

ดิฉัน รู้สึกเฉยๆ มากกว่าจะกลัว ป้าล้อมคงเหงาเพราะอยู่คนเดียว ก็เลยสร้างเพื่อนคนนั้นคนนี้ขึ้นมาแบบเด็กๆ เขาว่าคนเรายิ่งแก่ตัวก็ยิ่งเหมือนเด็กไม่ใช่หรือคะ?

ใกล้ค่ำ ดิฉันลากลับ ป้าล้อมพยักหน้าก่อนจะหันไปทางต้นหว้าอีกครั้ง

"ชื่นเอ๊ย! ไปส่งหลานสาวข้าหน่อยเถอะวะ หมู่นี้แข้งขาข้าไม่ค่อยดี อ้อ! ไปส่งให้ถึงบ้านเลยนะ"

เมื่อกลับถึงบ้าน แม่ถามว่าใครมาส่ง? ดิฉันบอกว่ากลับคนเดียว แม่ส่ายหน้าบอกว่า...ผู้หญิงท้องอ่อนๆ ที่เพิ่งกลับไปน่ะแม่คุ้นหน้า แต่นึกไม่ออกว่าเป็นใคร? ดิฉันตอบว่าคงจะเป็นพี่ชื่นละมั้ง?

แม่หน้าซีดเหมือนจะเป็นลม ไม่รู้จะกลัวคนตายไปทำไม...จริงมั้ยคะ?

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREE0TURRMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdOQzB3T0E9PQ==



Create Date : 25 เมษายน 2553
Last Update : 25 เมษายน 2553 12:58:05 น.
Counter : 610 Pageviews.

0 comment
เมืองสวรรค์?
เมือง สวรรค์?

คอลัมน์ ขนหัวลุก



"เด็กราม" เล่าเรื่องขนหัวลุกจากซากตึกผีสิง

ผมเป็นเด็กต่างจังหวัดมาเรียนหนังสือต่อในกรุงเทพฯ เช่าห้องพักอยู่กับเพื่อนย่านรามคำแหง ตึกรามบ้านช่องมากมายแออัด รถรามักจะติดเป็นแพเกือบตลอดวัน

ผู้คนมีทุกระดับชั้น ปะปนกันแยกไม่ออกว่าคนไหนดี-ชั่ว? สุจริตชนหรือโจรผู้ร้าย? การป้องกันตัวเองไว้ก่อนเป็นวิธีดีที่สุด

ที่ร้ายกาจน่ากลัวมากๆ คือพวกขี้ยา!

พวกเงินหนาเล่นยาอี ยาไอซ์ หรือโคเคนไม่ค่อยสร้างปัญหาให้คนอื่นเท่าไร เปิดห้องหรูเสพยามั่วเซ็กซ์กันค่อนข้างมิดชิด ยกเว้นพวกซ่าที่ชอบเปิดเพลงดังแสบแก้วหู เพื่อนข้างห้องมักจะโทร.ไปแจ้งตำรวจให้มาซิวไปทั้งโขยง

พวกที่เล่นผง ขาว เสพยาบ้ากับพวกเด็กๆ ดมกาวน่ากลัวมาก มักจะไปหลบมุมตามตึกร้างบ้านร้าง หรือไม่ก็ซากตึกแถวที่รื้อทิ้งไว้ครึ่งๆ กลางๆ มีมากมายเกือบทุกซอยก็ว่าได้ กลายเป็นที่ทิ้งขยะหมักหมม กับเป็นมุมมืดหรือสวรรค์ของพวกขี้ยาไปเลย

อ้อ! สวรรค์ของหนุ่มสาวที่คิดสั้น อาศัยเป็นวิมานชั่ว คราวเข้าไปพลอดรักกันด้วย ยามซวยผู้ชายก็โดนฆ่าทิ้ง ผู้หญิงถูกกลุ้มรุมข่มขืนเพราะความชะล่าใจไม่เข้าเรื่อง

ขยะเกลื่อน กลาด ทั้งหนังสือพิมพ์ ถุงพลาสติก ถุงยางอนามัย กระป๋องเบียร์ ขวดเหล้า กระป๋องทินเนอร์ 3k และเศษอาหาร...บางคืนผมเดินผ่านได้ยินเสียงพูดคุยพึมพำ กลิ่นเหม็นเอียนๆ ลอยมากระทบจมูกก็มี

ในมุมกลับคือเป็นนรกของพลเมือง ดี!

พวกผู้หญิงสาวๆ ที่ต้องเดินผ่านตอนกลางคืนโดนลวนลาม โดนจี้ โดนทำร้าย รวมทั้งโดนลากไปข่มขืนในมุมลี้ลับน่ากลัวของซากตึกที่คนนอกมองเข้าไปไม่เห็น

เมื่อ มีคนตายเพราะโด๊ปยาเกินขนาด ถูกฆ่าชิงทรัพย์ โดนข่มขืนฆ่าปิดปาก เรื่องผีดุก็ชักจะร่ำลือกันหนาหู ล้วนแต่ฟังแล้วน่าขนลุกขนพองจริงๆ ครับ...

หนุ่ม เดินเข้าซอยมาก็เห็นสาวสายเดี่ยว หุ่นเซ็กซี่ ผมยาวสยาย เดินบิดสะโพกงอนงามเข้าไปในซากตึก แถมทิ้งหางตาฉับ...เกิดความสงสัยว่าเธออุตริเข้าไปทำไม? หรือจะให้ท่าแบบล่อไอ้เข้ละมั้ง? เลยเดินตามก้นต้อยๆ เข้าไป

ลมเย็นๆ พัดวูบ สาวเจ้าหันขวับมายิ้มหวาน แต่ปากกว้าง ตั้งคืบ แถมดำปี๋อีกต่างหาก เล่นเอาหนุ่มร้องจ๊าก หงายหลังล้มตึง พอลุกขึ้นได้ก็เผ่นกระเจิง สติแตกทันใด

นักศึกษาสาวกลับหอพักมาสามคน คิดว่าคงจะไม่มีอะไรหรอกน่า แต่พอผ่านซากตึกนั่นก็เห็นเด็กชายวัยรุ่นเดินโซเซออกมา ตอนแรกก็คิดว่าคงจะเป็นพวกเด็กเมายา หรือดมกาวมาจนเกิดอาการ "เหวอ"

คุณ พระช่วย! เลือดสดๆ แดงฉานเต็มอก ร่างโงนเงนไปมา พวกสาวๆ ร้อง แต่ว่าเด็กโดนแทง! ทำท่าจะวิ่งเข้าไปช่วยเหลือ แต่เด็กอุบาทว์นั่นกลับหายวับไปกับตา!

"ว้าย! ผีหลอกแล้ว! ช่วยด้วย...."

เสียงแผดจ้าเข้าใส่กันจนต่างคนต่างตกใจ ร้องเหมือนคนบ้าจี้ วิ่งเตลิดเปิดเปิงจนล้มลุกคลุกคลานไปตามๆ กัน..สบถสาบานว่าจะไม่ยอมเดินผ่านซอยนี้ตอนค่ำคืนอีกต่อไป ยอมเสียเงินค่ามอเตอร์ไซค์รับจ้างยังดีกว่าหัวใจล่มสลายเพราะโดนผีหลอกเอา จังๆ

ขนาดพวกวัยรุ่นที่ดอดเข้าไปดมกาวยังไม่วายเจอดีเลยครับ!

ขณะ ที่เวียนเทียนสูดสารพิษจากถุงพลาสติกเข้าปอดจนเกิดอาการ "เหวอ" หมดทุกคน บ้างก็ขุดหาสมบัติ บ้างก็หาทางปีนป่ายไขว่คว้าดวงจันทร์ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้อยู่ใกล้ๆ หันไปดูก็เห็นเด็กชายตัวผอมๆ นั่งฟุบหน้าอยู่กับผนังตึกผุพัง

"เฮ้ย! มาร้องไห้ทำไมที่นี่วะ...อยากดมกาวกะพวกกูหรือไง?"

ถามแล้วเข้าไป เขย่าตัว เด็กเจ้ากรรมหันขวับมาตาแดงจ้าพลางคำราม...แว่!! เล่นเอาแตกฮือเหมือนผึ้งแตกรัง วิ่งชนกันล้มลุกคลุกคลาน หัวร้างข้างแตกไปตามๆ กัน

ตั้งแต่นั้นพวกเด็กดมกาวก็หาทำเลใหม่ ไปยึดเอาใต้สะพานลอยมั่วสุมกันสูดสารนรกต่อไป ได้โอกาสก็ตีชิงวิ่งราวคนเคราะห์ร้ายจนบาดเจ็บล้มตายเป็นประจำ

เขา ว่ากรุงเทพฯ คือเมืองสวรรค์ แต่ถ้าคุณไม่ระวังอาจจะกลายเป็นเมืองนรกไปได้ง่ายๆ ทั้งภูตผีและโจรผู้ร้ายเต็มบ้านเต็มเมือง คอยจ้องเล่นงานคุณอยู่ตลอดเวลา...เราเตือนคุณแล้ว!

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hOekEzTURRMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdOQzB3Tnc9PQ==



Create Date : 25 เมษายน 2553
Last Update : 25 เมษายน 2553 12:57:41 น.
Counter : 563 Pageviews.

0 comment
ฟื้นครั้งที่สอง
ฟื้น ครั้งที่สอง

ขนหัว ลุก

ใบหนาด



"ลูกน้ำ" เล่าเรื่องขนหัว ลุกจากคนที่ยมทูตไม่ต้องการ

คุณยายดิฉันเล่าเรื่องแปลกประหลาดให้ ฟังว่า สมัยเด็กเคยอยู่เรือนแพที่อยุธยา มีเพื่อนชื่อฟื้นอยู่แพติดกัน ดูเหมือนพระตั้งชื่อให้ พวกเด็กๆ ชาวแพชอบเล่นน้ำกันทุกคน และว่ายน้ำเก่งพอๆ กับปลาก็ว่าได้

เย็นหนึ่ง ขณะที่เล่นว่ายน้ำแข่งกันอยู่ดีๆ ฟื้นก็เกิดเป็นตะคริวขึ้นมาดื้อๆ ผลุบๆ โผล่ๆ จนมีใครร้องเอะอะวี้ดว้าย พวกรุ่นพี่ที่เล่นน้ำกันเป็นกลุ่มก็อยู่ไกลเกินไปที่จะมาช่วยเหลือได้ทัน เสียงใครกระโดดน้ำตูมใหญ่ลงไปช่วย ฟื้นก็จมหายไปใต้น้ำแล้วค่ะ

ผู้ คนมามุงดูกันบนตลิ่ง คนช่วยดำน้ำงมหาอยู่พักใหญ่ถึงได้ตัวขึ้นมา แต่ฟื้นก็ดูท่าว่าสำลักน้ำตายแล้ว!

พ่อแม่เขามาอุ้มลูกพาดตัก ร้องไห้เสียงดังระงม ฟื้นหน้าซีดขาว ปากเขียว ไม่ลืมตา เขาเขย่าตัวแรงๆ และร้องเรียกชื่อดังลั่น สักครู่ฟื้นก็สำลักน้ำพรวดออกมา ไอเป็นการใหญ่ เสียงแม่เขาร้องไห้ดังกว่าครั้งแรกอีกค่ะ

ฟื้นกลับฟื้นขึ้นจากความ ตายเหลือเชื่อ ทุกคนบอกว่าฟื้นตายแล้วทั้งนั้นเลย

วันรุ่งขึ้น พ่อแม่พาฟื้นไปหาพระ ท่านก็ให้กินน้ำมนต์ ผูกข้อมือรับขวัญให้...ใครๆ ก็พูดกันว่าถ้าพระท่านไม่ตั้งชื่อว่าฟื้น ป่านนี้คงตายไปโดยไม่ฟื้นอย่างนี้แน่ๆ

เวลาผ่านไปราวสิบปี เรื่องตายแล้วฟื้นทำท่าว่าจะลืมเลือนกันไปแล้ว...

เมื่อฟื้นเติบโตจน รุ่นหนุ่ม ฟื้นก็ต้องตายอีกครั้ง!

คราวนี้คงไม่มีโอกาสฟื้นอย่าง ครั้งแรกอีกแล้ว เพราะฟื้นไปหาผู้หญิงคนรักในละแวกใกล้ๆ กัน ขากลับตกบันไดลงมาตาย...ตอนแรกคนนึกว่าคอหัก แต่ก็ไม่ใช่ ยกเว้นแต่มีรอยช้ำที่ท้ายทอย แสดงว่าตกลงมาหัวฟาดพื้นอย่างแรง

ศพ ฟื้นเข้าไปนอนในโลงที่วัดสองคืนแล้ว กำหนดว่าสวด 3 คืนเผา แม่ของฟื้นร้องไห้น้ำตาเป็นเผาเต่าเพราะมีลูกชายคนเดียว ส่วนพ่อไปกราบพระที่ตั้งชื่อให้ฟื้น ท่านก็นิ่งเฉยคล้ายจะปลงอนิจจัง

เมื่อ พระสวดอภิธรรมแล้วก็กลับไป เหลืออยู่แต่ญาติมิตรเป็นเพื่อนศพไม่กี่คน...คืนนั้นอากาศค่อนข้างเยือกเย็น เสียงหมาเห่าหอนโหยหวนแทบไม่ขาดระยะจนน่าวังเวงใจ หลายคนบอกว่าได้ยินแล้วเล่นเอาขนลุก บางคนก็บอกว่าจะขอตัวกลับก่อน

ทัน ใดนั้น เสียงแปลกประหลาดก็ดังขึ้น...จากเบาๆ แล้วยิ่งดังแรงขึ้นทุกที

"ก๊อกๆๆ" มันดังมาจากโลงศพของฟื้นนั่นเอง!!

ทุกคนตกตะลึง มองสบตากันลอกแลก บางคนทำท่าจะลุกขึ้นวิ่ง บางคนสีหน้าเหยเกคล้ายจะร้องไห้ เสียงเคาะโลงยิ่งดังแรงขึ้น...ตามด้วยเสียงครวญครางน่าขนหัวลุก

"โอย... ช่วยด้วย! เจ็บเหลือเกิน...ช่วยด้วย! โอย..."

คราวนี้พ่อแม่ของฟื้น ผวาไปที่โลง แม่ร้องว่าลูกฉันยังไม่ตาย! พ่อก็ตะโกนว่า ใครมาช่วยกันที...ไอ้ฟื้นมันฟื้นแล้ว! ทุกคนได้สติก็ช่วยกันงัดฝาโลงออก...เสียงตะปูครูดเนื้อไม้ดังบาดหูและบาดใจ ไม่ใช่เล่นๆ ก่อนจะเปิดเอี๊ยดออก...บางคนยังทำหน้าหวาดๆ คล้ายกับพร้อมจะวิ่งหนีได้ทุกเมื่อ

สิ่งอัศจรรย์เกิดขึ้นจริงๆ เมื่อทุกคนได้เห็นกับตาว่าฟื้นกลับฟื้นจากความตายขึ้นมาได้อีกครั้ง!

เมื่อ ช่วยกันอุ้มออกจากโลง แก้ชุดตราสังห่อศพออก ฟื้นก็ร้องขอน้ำกิน มีคนจะไปตามหมอ แต่ฟื้นส่ายหน้า บอกว่าเพลียและอยากกินแต่น้ำ...จำได้ว่าลงบันไดมาดีๆ แล้ววูบหายไปเฉยๆ มารู้สึกตัวอีกทีก็นอนอยู่ในโลงแคบๆ แทบกระดิกไม่ได้ ต้องใช้ศอกกระทุ้งข้างโลงจนมีคนได้ยินเสียง

เรื่องนี้มีคนโจษขาน กันมาก ที่คนตายแล้วกลับฟื้นขึ้นมาทั้งสองครั้งอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้

แต่ สิ่งที่น่าแปลกประหลาดยิ่งกว่านั้น คือเวลาไล่เลี่ยกับที่ฟื้นเคาะโลง มีชายคนหนึ่งที่ติดพันผู้หญิงคนเดียวกับฟื้น และไม่เคยมาฟังสวดศพเลย...คืนนั้นไปกินเหล้ากับเพื่อนจนเมามาย ขากลับ เมื่อขึ้นบันไดบ้านก็พลัดตกลงมาคอหักตายคาที่

เหตุการณ์ทั้งสองจะ เกี่ยวกันอย่างไรหรือไม่? คุณยายก็บอกว่าจนปัญญา...ขอฝากให้ท่านผู้อ่านพิจารณาเอาเองนะคะ!

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREEyTURRMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdOQzB3Tmc9PQ==



Create Date : 25 เมษายน 2553
Last Update : 25 เมษายน 2553 12:57:15 น.
Counter : 589 Pageviews.

0 comment
วิญญาณพยาบาท
วิญญาณ พยาบาท

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"สมุทร" เล่าเรื่องขนหัวลุกจากพระประแดง

เหตุการณ์สยองขวัญนี้เกิดขึ้นเมื่อ 3-4 ปีมาแล้ว แต่ยังติดหูติดตาและฝังแน่นอยู่ในความทรงจำไม่มีวันลืมลงเลย

ผมกับเพื่อนชื่อบอยอยู่บ้านใกล้ๆ กันแถวท่าเรือพระประแดง ตอนกลางวันกับหัวค่ำคึกคักด้วยผู้คนพลุกพล่าน มีทั้งคนทำงานและนักเรียนนักศึกษา คนต่างถิ่นก็มาทำงานแถวนั้นมากหน้าหลายตา ทั้งโรงงาน ทั้งพวกก่อสร้าง รวมทั้งพวกเร่ร่อนรับจ้าง ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ดูแล้วค่อนข้างน่ากลัวเอาการ

พวกผู้หญิงซีครับน่าเป็นห่วง มีทั้งพนักงานกับนักศึกษาสาวๆ ที่ต้องเดินกลับมาที่ท่าเรือตอนค่ำๆ เป็นประจำ

นอกจากนั้น ยังมีพวกพม่ากับเขมร ทั้งมีครอบครัวแล้ว ทั้งคนโสด ตกเย็นก็ตั้งวงเหล้า พูดคุยกันด้วยภาษาที่เราไม่เข้าใจ หัวเราะเฮฮาดังลั่น ผมกลับจากทำงานพร้อมกับบอย ผ่านมาเห็นเขาตั้งวงกันก็หันไปมองโดยไม่ตั้งใจ

พวกนั้นหยุดหัวเราะ หน้าดำ นัยน์ตาขาวๆ จ้องเขม็งเหมือนตาเสือหรือผีร้าย แววตาบางคู่เยาะเย้ยหรือคาดคะเนอะไรบางอย่าง จนเราต้องรีบเดินกลับบ้านทันที

คืนหนึ่งก็เกิดเหตุสยดสยองขึ้นโดยไม่คาดฝัน!

ผมกับบอยเลิกงานก็มีเพื่อนชวนแวะร้านหมูกระทะที่ตลาด...ราวสี่ทุ่มเรานั่งรถ สองแถวมาจนสุดทาง แล้วเดินเข้าบ้านที่แยกจากถนนซอยค่อนข้างเปลี่ยว...ทันใดนั้นก็ต้องยืนตะลึง เมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงหวีดร้องมาจากดงไม้ข้างทาง

"ช่วยด้วย! อย่านะ...ปล่อย..."

เสียงหัวเราะกับเสียงคำรามบ้าคลั่งกลบเสียงหวีดร้อง เราย่องไปดูก็เจอชายกลุ่มหนึ่งกำลังกลุ้มรุมกันขืนใจหญิงสาว ผู้หนึ่งในอาการเมามัน!

ม่านตาผมพร่าพรายไปหมด มองเห็นหน้าตาไม่ถนัดทั้งผู้หญิงที่นอนสะบัดหน้าไปมา ผู้ชาย 2-3 คนกำลังยืนบังอยู่ บางคนก็คุกเข่ากดไหล่เธอไว้ แต่เสียงร้องกับเสียงคำราม เสียงหอบหายใจฟืดฟาด เหมือนเสียงที่ดังก้องมาจากนรกอเวจีก็ปานกัน!

บอยกระซิบว่าเอาไงดี? ผมบอกว่าเข้าไปช่วยดีไหม? แต่เพื่อนบอกว่าเรามีแค่สองคนมันไม่กลัวหรอก เผลอๆ ยังอาจจะโดนฆ่าปิดปากด้วยซ้ำ

เสียงพูดหอบๆ ดังรัวเร็วและแปร่งหู ทำให้เรารู้ว่าชายโฉดกลุ่มนั้นคือคนงานต่างแดน!

ในที่สุดเราก็โผเผกลับบ้าน ยอมรับว่าใจไม่ถึงพอที่จะเข้าไปขัดขวาง...คืนนั้นผมนอนหลับๆ ตื่นๆ หูแว่วแต่เสียงหวีดร้องโหยหวน ฝันร้ายน่าสยองแทบทั้งคืน

รุ่งขึ้นก็พบศพหญิงเคราะห์ร้ายที่ถูกข่มขืนฆ่าอย่างทารุณ โดนไม้กระหน่ำตีจนหน้าตาแหลกยับ กะโหลกแตก ไม้เปื้อนเลือดทิ้งอยู่ไม่ไกลนัก แต่ยังไม่พบร่องรอยของฆาตกร...เราปิดปากเงียบเพราะจำหน้าใครไม่ได้เลย

ราวสองอาทิตย์ต่อมา หนุ่มวัยรุ่นชาวพม่าก็ถูกแทงตายคาที่ในจุดเดียวกับที่เกิดเหตุข่มขืนฆ่า คดีนี้ยังมืดมนตามเคย...แต่น่าสังเกตว่าอาวุธสังหารที่ยังเสียบอกอยู่นั้น เป็นของผู้ตายเอง!

อีก 2-3 วันต่อมาก็มีคนงานพม่านั่งมอเตอร์ไซค์มารถคว่ำตายที่นั่นอีกแล้ว...คราวนี้ มีเสียงร่ำลือว่า คนทั้งสองอาจจะเป็นฆาตกรข่มขืนฆ่านั่นเอง

เหตุการณ์ที่น่าสยดสยองสุดๆ เกิดขึ้นในคืนต่อมา!

ชาวบ้านได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากห้องเช่าพวกพม่า ตามด้วยเสียงโอดโอยโหยหวน เมื่อพากันออกไปดูก็เห็นร่างหนุ่มฉกรรจ์ 3 คนที่เช่าห้องอยู่ด้วยกันชั้นบน กระโดดหน้าต่างลงมาตายคาที่ 2 คน ส่วนอีกคนร่อแร่เต็มที

นั่นคือมีเลือดทะลึกจากปากและจมูก นัยน์ตาเหลือกลาน ชี้ไม้ชี้มือไปที่หน้าต่าง อ้าปากพะงาบๆ คล้ายจะบอกกล่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น...แต่ยังไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำ เดียวก็สิ้นใจตาย

นัยน์ตาเบิกค้างเหมือนกำลังจ้องเขม็งไปที่หน้าต่างชั้นบน...

ชาว บ้านหลายคนยืนยันตรงกันว่า เมื่อเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นร่างดำๆ ของผู้หญิงผมยาวก้มหน้าลงมามองนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหายลับไป...ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีเหตุการณ์น่าขนหัวลุก เกิดขึ้นอีกเลย!

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREExTURRMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdOQzB3TlE9PQ==



Create Date : 25 เมษายน 2553
Last Update : 25 เมษายน 2553 12:56:47 น.
Counter : 727 Pageviews.

0 comment
วิญญาณ เพรียก
วิญญาณ เพรียก

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"หนูนก" เล่าประสบการณ์สยองเมื่อไปเก็บเห็ด

บ้านหนูอยู่ ต.น้ำหนาว อ.น้ำหนาว จ.เพชร บูรณ์ ครูบอกว่าสมัย จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี จังหวัดเราเกือบจะได้เป็นเมืองหลวงแทนกรุงเทพฯ แล้วล่ะค่ะ แต่สภาฯ เขาไม่ยอมเสียก่อน จอมพล ป.เลยต้องลาออก

ที่บ้านหนูมีเรือกสวนไร่นา จากบ้านติ้วมีถนนสูงลิ่ว ราดยางเรียบไปยันศรีจันทร์ พวกเราทั้งปลูกมะขาม กล้วย ยาสูบ พอถึงหน้าฝนพวกหนูเด็กๆ อายุราวสิบกว่าขวบก็จะเข้าป่าหาเห็ดกันสนุกไปเป็นประจำ

ป่าโปร่งไม่ มีอะไรน่ากลัว เราเข้าป่ากันทั้งผู้หญิงผู้ชาย ถ้าผู้ใหญ่ก็จะไปหาพืชไร่ สมุนไพร ขุดหน่อไม้ พวกหนูก็อยู่ใกล้ๆ เพื่อหาเห็ดต่างๆ มีทั้งสีขาว สีแดง สีเหลืองเอามากินมาขาย ได้เงินปีละหลายพันบาทให้พ่อแม่ไว้ใช้จ่าย ดีกว่าวิ่งเล่นเสียเวลาโดยใช่ที่

เห็ดตุ๊กตา เห็ดมันปู เห็ดสำลี...วันไหนเจอเห็ดโคนก็ถือว่าโชคดีแล้วค่ะ!

ที่น้ำหนาวมีสาว วัยรุ่นชื่อพี่แตง ขาวสวย พูดจาอ่อนหวานน่ารัก นิสัยดีมากๆ มีผู้ชายมารุมรักหลายคน แต่พี่เขาเฉยๆ ค่ะ สนใจแต่จะเป็นคนนำกลุ่มพวกรุ่นน้องๆ คอยแนะนำแกมสั่งสอนพวกเราตั้งแต่แรก ให้รู้จักและสังเกตว่าเห็ดไหนมีพิษ เห็ดไหนกินได้ จะหาเห็ดอะไรที่ไหน

คือ เห็ดบางอย่างก็จะขึ้นรวมกลุ่มกัน แต่บางอย่างก็กระจายทั่วไป มีทั้งชอบขึ้นใกล้ๆ กอไผ่กับตามริมน้ำ...รู้แล้วก็เก็บเห็ดใส่ตะกร้ากันเพลินเลย

อ้อ! พี่แตงจะสอนให้เราหาตามใต้ใบไม้ที่ทับถมกันด้วยค่ะ บอกว่าอย่ารื้อกระจุยกระจายเพราะจะทำให้เชื้อเห็ดตาย มันต้องการที่ร่มชื้นสำหรับงอกงามต่อไป ให้ใช้ไม้ค่อยๆ เขี่ยดู พบแล้วก็เก็บใส่ตะกร้าได้ทันที

พี่เขาสอนเราทำนองว่า...กินน้ำไว้ เผื่อแล้งไงคะ!

อาหารของพวกเราคือแกงเห็ด ลาบเห็ด ล้อมวงกันจิ้มข้าวเหนียวแสนจะสุขที่สุด เพราะอร่อยและอิ่มด้วยค่ะ หลังจากที่เราขายเห็ดให้แม่ค้าที่เขามารับซื้อแล้ว

วันอาทิตย์นั้น เราออกจากบ้านตอนเช้าไปพบกันในป่าโปร่ง เพราะฤดูฝนเราเก็บเห็ดทุกวัน...จนกระทั่งสายๆ ก็ไม่เห็นพี่แตง ถามใครก็ไม่มีใครเห็น บางคนก็บอกเห็นหลังไวๆ เท่านั้น

เอ๊ะ! พี่เขาหายไปไหนนะ?

พวกเราร้องวู้ๆ ตะโกนเรียกชื่อ เสียงในป่าโปร่งคล้ายจะหายไปในความเย็นชื้น ลมพัดวู่หวิวไปตามยอดไม้ พวกเราชักเอะใจก็เข้ามารวมกลุ่มกัน...พี่แตงไม่เคยหายไปแบบนี้มาก่อนนี่นา

ท้อง ฟ้าร่มครึ้มไม่มีแสงแดดเลย อากาศเยือกเย็นน่าใจหายชอบกล...ตัดสินใจตะโกนเรียกชื่ออีกครั้ง ได้ยินเสียงขานรับว่า...พี่อยู่นี่ๆๆ

เสียงถอนหายใจเฮือก พวกเราสบตากันยิ้มออกมาได้ พยักพเยิดไปทางที่ได้ยินเสียงพี่แตงใกล้ชายน้ำ มีต้นอ้อกอหญ้าขึ้นรกครึ้ม บางคนเหลียวซ้ายแลขวาบ่นพึมพำว่า...พี่เค้าอยู่ไหนวะ? สงสัยจะชวนเราเล่นซ่อนหาละมั้ง?

"นั่นไง! พี่แตง..." ใครคนหนึ่งร้องลั่น ชี้มือไปที่ริมตลิ่ง เราหันขวับไปมองก็เห็นท่อนขาและร่างปริ่มๆ น้ำของพี่แตง พากันวิ่งเข้าไปดู...พอเห็นภาพนั้นเต็มตา ก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน บางคนร้องกรี๊ดๆ ด้วยความตกใจสุดขีด

คุณพระช่วย! ร่างพี่แตงนอนหงายเปลือยเปล่าแช่น้ำ แขนขากางออก...นัยน์ตาเหลือกลานบ่งบอกว่าเจ็บปวดสุดขีดก่อนจะสิ้นใจ!

เด็ก ผู้ชายชวนกันวิ่งตื๋อเข้าหมู่บ้านไปบอกผู้ใหญ่ ส่วนหนูกับเพื่อนๆ ยืนตัวแข็ง บางคนก็ร้องไห้...เราพอจะรู้แล้วว่าพี่แตงพบกับชะตากรรมโหดเหี้ยมสุดขีดแค่ ไหน

จริงดังคาด เมื่อพวกผู้ใหญ่มาถึง แม่พี่แตงเป็นลมล้มพับ พ่อเข้าไปกอดศพลูกสาวร้องไห้ใจจะขาด...พี่แตงถูกไอ้คนบ้ากามใจร้ายข่มขืน แล้วบีบคอจนตายคาที่

พี่เขาออกมาหาเห็ดก่อนเรา คนร้ายมันคงซุ่มรอทีอยู่แล้ว พี่แตงต่อสู้ขัดขืนมันจึงเล่นงานถึงชีวิต...เสียงที่เราได้ยินคือเสียงจาก วิญญาณพี่แตงให้เราไปพบศพเธอ

เจ้าประคู้น! ขอให้วิญญาณของพี่แตงจงไปลากตัวไอ้คนใจร้ายมารับโทษของมันให้สาสมเร็วๆ นะคะ ...ตอนนี้พวกหนูขอหยุดพักเก็บเห็ดไปซักระยะหนึ่งก่อนค่ะ!

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREF5TURRMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdOQzB3TWc9PQ==



Create Date : 25 เมษายน 2553
Last Update : 25 เมษายน 2553 12:54:12 น.
Counter : 1018 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  

iamZEON
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 111 คน [?]



ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ ^^/

ข่าวสารการ์ตูนญี่ปุ่น
กับเกี่ยวข้องอย่างภาพยนตร์-เพลง
รายชื่อการ์ตูนออกใหม่-งานหนังสือ
เรื่องทั่วๆไปทั้งในและนอกประเทศก็มีบ้าง
New Comments
Group Blog
All Blog
MY VIP Friend