สองแม่ลูก
สอง แม่ลูก

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"อนงค์" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากคลองผีสิง

เอ่ยถึงคลองบางระมาด ย่านตลิ่งชัน เมื่อ 20-30 ปีก่อน แทบจะไม่มีใครรู้จักก็ได้ค่ะ แต่มาถึงสมัยนี้บ้านเมืองเจริญขึ้นผิดตา คลองลัดมะยมที่อยู่ใกล้ๆ กันก็ถึงกับติดตลาดนัดเสาร์อาทิตย์ มีของกินของใช้ ไม้ประดับ รวมทั้งผลหมากรากไม้สดๆ จากสวนมาวางขายในสนนราคาย่อมเยา ลูกค้าส่วนใหญ่ขับรถขับรามาจากต่างถิ่นกันทั้งนั้น

พวกผู้ใหญ่ ท่านเล่าว่าชุมชนใหญ่อย่างวัดจำปา ตลิ่งชันนี่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้ว ถือว่าเป็นชุมชนใหญ่ จากวัดโพธิ์เดินไปทุ่งนากลางทุ่งจะเห็นเจดีย์ศรีประวัติ จังหวัดนนทบุรี หรือถ้าขึ้นต้นตาลก็จะมองเห็นภูเขาทองและสนามหลวงได้ชัดเจนทีเดียว

สมัย เด็กๆ ครอบครัวดิฉันก็อยู่ข้างคลองบางระมาดนั่นละค่ะ ไหนจะใช้อาบกิน ทำสวน และอาศัยในการล่องเรือเดินทางเพราะไม่มีถนนตัดผ่านละลานตาเช่นทุกวันนี้

หน้า น้ำพวกเด็กๆ จะสนุกสนานกับการเล่นน้ำจนตัวดำเป็นเหนี่ยง ดำผุดดำว่าย เล่นไล่จับ หมาเน่าลอยน้ำ แข่งกันดำอึดดำทน หรือไม่ก็ข้ามฟากไปถึงตลิ่งโน้นที่มีแต่พงอ้อกอหญ้ารกทึบ ที่ใต้ต้นหว้าริมตลิ่งมีเปลญวนทำด้วยผ้าขาวม้าเก่าๆ ตอนบ่ายถึงเย็นมีเจ้าของเปลคือน้าชื่นกับลูกชายวัย 2-3 ขวบชื่อน้องชัยมานั่งๆ นอนๆ ไกวเปลเล่นเป็นประจำ ทั้งรับลมเย็นๆ กับดูพวกเด็กๆ เล่นน้ำกันอย่างมีความสุข

น้องชัยเคยดิ้นรนจะไปดูพวก เราเล่นน้ำ ส่งเสียงหัวเราะร่าเริง ดังก้องไปในอากาศ...แต่แม่จะคว้าตัวขึ้นมาบนเปลจนได้

น้าชื่นใช้ เชือกผูกโคนต้นไม้แล้วเหนี่ยวให้เปลแกว่งไกวตามใจชอบ พวกเด็กๆ อยากจะไปขอเล่นมั่งก็ไม่ได้ เพราะน้าชื่นกับลูกชายไม่ยอมลงจากเปลจนกว่าจะกลับ

เย็นหนึ่งก็เกิด เหตุร้ายขึ้น!

ขณะที่พวกเราเล่นแข่งว่ายน้ำข้ามฟากกัน เสียงตูม! ก็ดังมาแต่ไม่น่าสนใจเท่ากับเสียงร้องกรี๊ดสุดเสียง...พอหันขวับไปมองก็เห็น น้าชื่นกระโดดน้ำลงมา เรียกหาลูกชายที่กำลังผลุบๆ โผล่ๆ เล่นเอาพวกเราใจหายไปตามๆ กัน ร้องแต่ว่า...น้องชัยตกน้ำๆๆ

ร่าง เล็กๆ นั่นทะลึ่งพรวดขึ้นมาหูตาเหลือกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะจมหายไป

พวก เรา 3-4 คนรีบว่ายเข้าไปหา น้าชื่นดำน้ำลงไปแล้วหายไปอีกคน ดิฉันใจเต้นตูมๆ ไม่รู้จะช่วยอะไรได้ ขณะนั้นเอง ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งได้ยินเสียงร้องก็วิ่งเข้ามาดู บ้างกระโดดน้ำลงมาช่วย...แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็สายเกินไป!

ต่างคนต่าง งมหาสองแม่ลูกอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง จึงได้พบศพของน้าชื่นกับน้องชัยจมอยู่ก้นคลอง...

น้าเอิบผู้สูญเสีย ลูกและเมียไปพร้อมๆ กัน บอกกับเพื่อนบ้านด้วยเสียงสะอื้นว่าไม่อาจจะทนอยู่ที่นั่นได้อีกต่อไป... หลังจากทำศพลูกเมียแล้วก็อพยพไปอยู่ที่อื่น

วิญญาณอันเจ็บปวดและทน ทุกข์ทรมานของสองแม่ลูกก็กลับมา!

แม้ว่าจะไม่มีเจ้าของเปลญวนอีก ต่อไป แต่ไม่มีใครกล้าไปนั่งๆ นอนๆ เล่นที่เปลนั้นเลย ได้แต่เมียงมองอย่างหวาดๆ บางครั้งก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นเปลว่างเปล่านั้นแกว่งไกวไปมาช้าๆ ทั้งที่ไม่มีสายลมพัดมาเลยแม้แต่น้อยนิด

หนักเข้าก็ไม่มีใครกล้า เฉียดกรายไปใกล้เปลนั่นเลย เวลาจะลงน้ำก็กระเถิบห่างออกไป...มีเสียงเล่าลือว่ามีคนเห็นน้าชื่นกับน้อง ชัยนั่งตัวแข็งทื่ออยู่ในเปล เล่นเอาต้องวิ่งเตลิดเปิดเปิงไปตามๆ กัน

จน กระทั่งวันหนึ่ง...วันที่จะติดตาตรึงใจพวกเราไปจนชั่วชีวิตสลาย!

วัน นั้นราวห้าโมงเย็น เราลงไปเล่นน้ำกันอย่างสนุก สนานประสาเด็ก ลืมเรื่องผีๆ สางๆ ไปชั่วขณะ แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน แสงแดดจางหายแต่แสงสว่างยังหลงเหลืออยู่ ใครบางคนกำลังแหงนหน้ามองขึ้นไปบนตลิ่งอันเป็นที่ตั้งของเปลญวน

สาย ตาทุกคู่มองไปเป็นตาเดียวกัน...คุณพระช่วย! น้าชื่นกับลูกชายกำลังนั่งอยู่ในเปลญวนที่แกว่งไกวไปมาช้าๆ ราวกับยังมีชีวิตอยู่

เสียงแผดร้องแสบแก้วหู พวกเราแตกฮือไปคนละทางสองทาง ต่างตะเกียกตะกายป่ายปีนขึ้นฝั่ง ครั้นหันไปเห็นภาพอุบาทว์นั้นก็ร้องวี้ดว้าย หล่นตูมลงน้ำไปอีก...กว่าจะขึ้นได้หมดก็ทุลักทุเลเต็มที บางคนร้องไห้โฮๆ เหมือนคนสติแตกไปแล้ว

ตั้งแต่นั้นมาเราไม่กล้าไปเล่นน้ำในคลองอีก เลย จนกระทั่งเปลผ้าขาวม้านั้นเปื่อยขาดไปตามกาลเวลา... วิญญาณของสองแม่ลูกก็คงจะพลอยไปผุดไปเกิดแล้วล่ะค่ะ!

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREEzTURZMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdOaTB3Tnc9PQ==



Create Date : 13 มิถุนายน 2553
Last Update : 13 มิถุนายน 2553 11:55:04 น.
Counter : 576 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

iamZEON
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 111 คน [?]



ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ ^^/

ข่าวสารการ์ตูนญี่ปุ่น
กับเกี่ยวข้องอย่างภาพยนตร์-เพลง
รายชื่อการ์ตูนออกใหม่-งานหนังสือ
เรื่องทั่วๆไปทั้งในและนอกประเทศก็มีบ้าง
New Comments
Group Blog
All Blog
MY VIP Friend