ศพลอยน้ำ
ศพ ลอยน้ำ

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"อำพันทอง" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อไปงมกุ้งที่ปากคลอง

ผมเป็นคนสามพราน นครปฐมนี่เอง สมัยวัยรุ่นมีเพื่อนสนิทชื่อไอ้แกละ นิสัยซุกซนแก่นแก้วทั้งคู่ ไปไหนไปกัน เฮไหนเฮนั่น อยากรู้อยากเห็นไปสารพัดอย่าง ใครอย่าห้ามซะให้ยาก เข้าตำรา "ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ" จนไปเจอดีเข้าเต็มเปา

นั่นคือโดนผีหลอกจนหวิด จับไข้หัวโกร๋นน่ะซีครับ!

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตอนปลายปี เรานัดแนะกันไปงมกุ้งที่ปากคลองวัดหอมเกร็ด พุทธมณฑลสาย 7 ตำบลหอมเกร็ด อำเภอสามพราน บ้านเกิดผมแท้ๆ ไม่ได้ทำซ่าข้ามถิ่นเป็นเสือข้ามห้วยซะที่ไหน

เรา เคยดำน้ำจับกุ้งกันมาหลายครั้งแล้ว คืนเกิดเหตุนัดพบกันตอนสองทุ่มเศษอุปกรณ์คือไฟฉายกับตะกร้าที่มีฝาปิดมิดชิด นึกกระหยิ่มที่จะได้ชิมเนื้อหวานๆ ของกุ้งก้ามกรามที่มีอยู่ชุกชุม

อากาศ ในฤดูหนาวเยือกเย็นดีแท้ แต่ยามนี้แหละครับที่กุ้งจะชุมมากที่สุด

ริม แม่น้ำท่าจีนมีต้นไม้ใหญ่น้อยร่มครึ้มอยู่ในแสงจันทร์ ลมพัดจนยอดไม้ไหวซ่า ส่งคลื่นลูกเล็กๆ เข้าหาฝั่ง บรรยากาศชวนให้วังเวงใจบอกไม่ถูก ถ้าใครขวัญอ่อน หรือไม่เคยย่างกรายมาก่อน มีหวังใจเต้นระทึกได้ง่ายๆ แต่เราน่ะคนท้องถิ่นนะครับ ชาชินจนไม่กลัวแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือค่ำคืนเปล่าเปลี่ยวแบบนี้ก็เถอะเอ้า!

...น้ำ เย็นเฉียบเชียว ยิ่งดำลงไปถึงพื้นดินข้างล่างยิ่งเย็นจัดจนหนาวไปทั้งตัว

ไม่ สนใจอะไรนอกจากกุ้งตัวโตๆ เท่านั้น โอ้โฮ! พอล้วงมือเข้าไปในซอกหินครั้งแรกก็จับกุ้งได้ทันใด แถมยังเกาะกันอยู่นิ่งๆ เห็นตาแดงๆ ตั้ง 4-5 ตัวแน่ะ

รีบดีดตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ ไอ้แกละโผล่ขึ้นมาก่อนพลางอวดว่า "ข้าดำครั้งเดียวได้ตั้ง 2 ตัวเลยว่ะ กุ้งก้ามกราม ตัวใหญ่ซะด้วยซี"

แน่ละซี! ไม่ใช่กุ้งนางนี่จะได้ตัวเล็กๆ ผมรีบเอากุ้งใส่ตะกร้าที่ปิดฝาแช่น้ำผูกเชือกไว้ที่ต้นไม้ริมฝั่ง ก่อนจะรีบดำลงไปใหม่...เผลอๆ คืนนี้มีหวังได้กุ้งเต็มตะกร้าแน่ๆ

เอ๊ะ! ทำไมน้ำถึงได้เย็นเฉียบยิ่งกว่าเดิมก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่ร่างกายน่าจะปรับตัวได้แล้วนะ? ขณะที่กำลังล้วงมือเข้าไปในซอกหิน พลันขาข้างหนึ่งก็ถูกกระตุกพรวด...ไอ้แกละเล่นพิเรนทร์เข้าแล้วซี เล่นเอาใจหายวูบไปเลย

พอจับกุ้งได้ก็โผล่ขึ้นมาสูดอากาศเข้าปอด แต่ไอ้แกละยังไม่โผล่ขึ้นมา ผมเอากุ้งใส่ตะกร้าตามเคยแล้วกลั้นใจดำลงไปใหม่...โผล่ขึ้นมาคราวนี้พบไอ้ แกละเข้าพอดี

"เฮ้ย! เมื่อกี้ดึงขาข้าทำไม?" ผมต่อว่า แต่เพื่อนเถียงลั่น

"เปล่าดึงนะ! น้ำมันคงหมุนวนละมั้ง ข้ายังถูกดึงขาเลย"

เอ๊ะ! ยังไงแน่? เลยนัดกันว่าจะลงงมคนละ 2 ครั้งก่อนกลับ...แต่ครั้งสุดท้ายนี่เราเกิดโผล่โพล่งขึ้นมาพร้อมกัน ไอ้แกละเอามือลูบหน้า แล้วชี้มืออีกข้างมาทางผม เบิกตากว้างร้องว่า...เฮ้ย! อะไรอยู่ข้างหลังเอ็งน่ะ? เล่นเอาผมต้องหันขวับไปดูทันที

คุณพระ ช่วย! ในแสงจันทร์เยือกเย็นนั้น ปรากฏร่างศพลอยน้ำอืดราวกับถังน้ำมันขนาด 200 ลิตรอยู่ใกล้ๆ ตัว ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งจนผมตกใจร้องเอิ๊บ! ปล่อยกุ้งหลุดมือแล้วรีบว่ายน้ำเข้าฝั่ง ไอ้แกละว่ายตามมาติดๆ คว้าตะกร้าใส่บ่าแล้วก็หันไปมองทำหน้าตางงๆ

"ศพลอยน้ำตั้งแต่เมื่อ ไหร่วะ อ้าว? เฮ้ยๆๆ ทำไมมันหมุนได้ล่ะ?"

ผมจ้องมองให้ถนัดตา ใจเต้นแรงเมื่อเห็นศพหมุนได้จริงๆ ทั้งที่บริเวณนั้นไม่ใช่วังน้ำวน เพราะมีระลอกคลื่นซัดเข้าฝั่งตลอดเวลา ไอ้แกละถึงกับครางอ๋อย

"มัน ชักยังไงๆ อยู่นะเว้ย...หรือจะเป็นผีตายลอยน้ำมา!"

ให้ตายเถอะ! ผมตัวสั่นสะท้าน ทั้งหนาวทั้งกลัวผีเพราะคิดตรงกับเพื่อน...เราเผ่นพรึ่บพร้อมๆ กันเหมือน นักวิ่งออกเส้นสตาร์ต ยังดีที่ไม่ลืมเอาตะกร้ากุ้งไปด้วย

รุ่งเช้า เราไปเตร่อยู่แถวหน้าวัดหอมเกร็ด เพื่อจะดูศพลอยน้ำให้รู้แน่ชัดเพราะยังไงๆ ศพก็ต้องลอยเข้าคลองให้สัปเหร่อเห็นเก็บไปไว้ที่ศาลาวัดแน่ๆ แต่ปรากฏว่าผิดคาด ไม่มีใครรู้เห็นเรื่องศพลอยน้ำแม้แต่คนเดียว

"งั้น เมื่อคืนเราก็เจอผีกันน่ะซี!" ไอ้แกละหน้าซีดเสียงสั่นเครือราวคนไข้หนัก ผมได้แต่พยักหน้ากลืนน้ำลาย...เราเลยเลิกงมกุ้งกันตั้งแต่นั้นมา! บรื๋อออ....

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREl4TURVMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdOUzB5TVE9PQ==



Create Date : 06 มิถุนายน 2553
Last Update : 6 มิถุนายน 2553 12:49:57 น.
Counter : 727 Pageviews.

0 comment
ปีศาจคะนอง
ปีศาจ คะนอง

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"แอ้" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากหอพัก

พ่อแม่เคยเตือนฉันแล้วว่าอย่าไปเช่าห้องอยู่คนเดียว ทางที่ดีคือพักอยู่บ้านญาติดีกว่า อย่างน้อยก็มีผู้ใหญ่คอยดูแล คอยตักเตือนถ้าเห็นอะไรไม่ชอบมาพากลขึ้นน่ะ

อันที่จริงบ้านน้า สาวฉันก็อยู่ที่สะพานใหม่ ใกล้ๆ กับสถานศึกษานะ น้าอิ๋วก็ใจดี ลูกๆ ก็น่ารัก เสียแต่น้าเขยนี่ซีคะ รูปหล่อปากหวานชอบพูดจาเจ๊าะแจ๊ะทำนองหมาหยอกห่านอยู่ร่ำไป นัยน์ตาที่มองก็เหมือนตางู ยิ่งตอนดื่มเหล้าด้วยแล้วนัยน์ตายังกะมีมือมาแตะต้องลูบคลำเนื้อตัวงั้นแหละ ค่ะ

นึกถึงแล้วขนลุกขนชันไปหมด ตัดสินใจว่าไปอยู่หอดีกว่า เดี๋ยวฉันซวย!

โชคดีที่ได้ห้องติดๆ กับจุ๋มเพื่อนซี้ ปากจัดราวกับอมตำแย ใครเผลอเป็นโดนกัด...ถัดไปก็คือเสริมศักดิ์ หวานแหววแต๋วจ๋าที่ตัวสูงใหญ่เหมือนหมี น้ำหนักคงไม่ต่ำกว่า 80 ก.ก. พวกเราล้วนอยู่คนเดียวเพราะชอบไปรเวซี่มากๆ แต่ก็ไปมาหาสู่กันบ่อยๆ

ตอนเย็นวันนั้นก็เช่นกัน!

จุ๋มซื้อซาลาเปาหมูแดงมากินกันในห้องฉัน โทร.เรียกเสริมศักดิ์มาร่วมวงปรากฏว่าเพิ่งจะกลับหอ ผลักประตูเดินเลื้อยเหมือนงูเขียวเข้ามา พร้อมกับฝรั่งดอง มะกอก มะยม กับองุ่นดองถุงใหญ่ จุ๋มถามว่าแพ้ท้องหรือไง? เพื่อนเราก็ทำตาลอยแบบเคลิ้มฝันทันที

"จวนแล้ว เชื่อมั้ยตัวเอง ฉันไปเจอสุดหล่อที่หน้าหอเมื่อตะกี้! โหย...เห็นแล้วเสียววาบ เข่าอ่อน แต่...ตัวแข็งทื่อไปหมด ผู้ชายอะไรมันจะหล่อลากดินซะ! ทอลล์ดาร์กแอนด์แฮนซั่มซะไม่มี...เค้าถามว่าชมพู่ซื้อของกินไปฝากใครเยอะ แยะ? ว้าย...ตายแล้วเสียงเอ๊กโค่ฟังแล้วเปรี้ยวปากเปรี้ยวลิ้น..."

"อยากกินหญ้าปั่นมั้ยนังบ้า? เดี๋ยวจะทำให้กิน" จุ๋มเลิกคิ้วขัดคอ เล่นเอาเสริมศักดิ์ค้อนขวับๆ

"หล่อนเอาไว้ยัดทานเองเถอะย่ะ ฉันอยากหม่ำซาลาเปามากกว่า"

"กินมากๆ นะเสริม แกยิ่งซูบๆ อยู่"

"ฮ้า? อย่างฉันน่ะเรอะซูบ..."

"ฮื่อ! ซูบกว่าช้างหน่อยน่ะ"

"นังบ้า! ปากไม่มีหูรูด เดี๋ยวเอาซาลาเปายัดปากเลย! แต่ฉันยัดปากตัวเองดีกว่า...นึกถึงสุดหล่อคนนั้นแล้วใจมันวิ้วหวิว"

ขณะที่เรากำลังเย้าแหย่กันเพลินๆ เสียงร้องเอะอะก็ดังมาจากหน้าห้อง พอเปิดประตูไปดูก็ได้ข่าวว่านักศึกษาห้องชั้นล่างโดนรถเบรกแตกพุ่งเข้าชนตาย ใกล้ๆ รถเข็นขายผลไม้ดอง...อาการสาหัสทั้งคู่

เสริมศักดิ์เผ่นนำหน้าพวกเราลงไปดู รถตำรวจกับมูลนิธิเพิ่งมา...ท้องฟ้ายามเย็นดูร่มครึ้ม ร่างคนเคราะห์ร้ายทั้งสองนอนจมกองเลือดแน่นิ่ง รถเข็นพังยับเยิน เสริมศักดิ์ผวาเข้าไปดูใกล้ๆแล้วต้องผงะหน้า เข่าอ่อนจนทรุดลงนั่งกับพื้นซีเมนต์ หลุดปากเสียงสั่น...คนที่เพิ่งคุยกับฉันน่ะเอง!

ร่างทั้งสองถูกหามร่องแร่งไปขึ้นรถ...เท่าที่เห็นน่ะคิดว่าเขาคงหมดลมหายใจ ไปแล้วทั้งคู่ ฉันกับจุ๋มช่วยกันประคองเพื่อนกลับขึ้นห้อง

คืนนั้นทั้งจุ๋มกับเสริมศักดิ์ต้องอาศัยนอนในห้องฉัน ขอร้องให้เปิดไฟห้องน้ำไว้ด้วย อากาศที่เคยเย็นสบายก็กลับหนาวยะเยือกผิดปกติ จุ๋มนอนห่มผ้าหันหน้ามาหาฉันตลอดเวลา อดด่าเพื่อนไม่ได้ว่ากระแดะออกไปซื้อของกินแท้ๆ ถึงมีเรื่องกลัวผี...เสริมศักดิ์ได้แต่พลิกไปพลิกมาบนพื้นปลายเตียง สลับกับการท่องคาถางึมๆ งำๆ ตลอด

ราวห้าทุ่มเศษ ขณะที่เรากำลังเคลิ้มๆ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ แต่เราสะดุ้งตื่นกันทุกคน จุ๋มร้องถามว่าใคร? คำตอบคือเสียงถอนหายใจเหน็ดเหนื่อยยืดยาว...

"อย่าเปิดนะแก" เสริมศักดิ์ครางกระเส่า "เขามาหาฉันแหงๆ เลย"

จุ๋มด่าเผ็ดๆ เสียงต่างๆ เงียบไป ทุกสิ่งตกอยู่ในความเงียบเชียบน่าใจหาย...ฉันกำลังจะเคลิ้มหลับต่อก็พอดีได้ ยินเสียงเสริมศักดิ์กรีดร้องลั่นห้องจนต้องลุกพรวดขึ้นนั่ง

คุณพระช่วย! แสงไฟจากห้องน้ำส่องให้เห็นร่างสูงตระหง่าน ใบหน้าแหลกยับชุ่มด้วยเลือดสดๆ เสียงจุ๋มร้องกรี๊ดๆ อยู่ใกล้หูจนกระทั่งความรู้สึกของฉันดับวูบไป

ถึงจะรักเพื่อนแค่ ไหนก็ไม่ยอมให้เสริมศักดิ์มานอนด้วยอีกแล้วค่ะ! บรื๋อออ...

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREl3TURVMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdOUzB5TUE9PQ==



Create Date : 06 มิถุนายน 2553
Last Update : 6 มิถุนายน 2553 12:49:31 น.
Counter : 641 Pageviews.

0 comment
เพื่อนเมืองผี
เพื่อน เมืองผี

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"หนุ่ม M" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากตรอกซุง

สมัยหนุ่มผมอยู่บางรัก ขึ้นชื่อลือชานักเรื่องอาหารการกินสารพัด ไม่ว่าข้าวขาหมูตรอกซุง,ก๋วยเตี๋ยวแคะ, เป็ดย่างร้านประจักษ์ หรืออาหารแปลกๆ ที่หากินยากอย่าง "เหงาหยกหวานต่าน" คือราดหน้าใส่ไข่ตรอกซุงที่ทะลุไปออกสาทรนั่นปะไร

เสน่ห์สุดยอดสำหรับเด็กๆ ในย่านนั้นกลับไม่ใช่เรื่องของกินหรอกครับ แต่กลับเป็น "ลุงหวัง" ยอดนักเล่านิทานประจำตัวบลไปซะฉิบ!

ลุงหวังมีพรสวรรค์ในการเล่าเรื่อง ไม่ว่าเรื่องบู๊หรือเรื่องชีวิต คือเกี่ยวกับหนุ่มสาวรักกัน แอบพลอดรักกัน ไปยันเรื่องเมียหลวงเมียน้อย ผัวเจ้าชู้สะบัด พวกขี้เมาที่มีวิธีพลิกแพลงหาเหล้ากินอย่างแนบเนียน...ใครฟังรับรองว่าขำ กลิ้งไปตามๆ กัน

โดยเฉพาะเรื่องผีนี่ลุงหวังถนัดที่สุด!

ตอนเย็นๆ โรงเรียนเลิก พวกเรากลับบ้านหาอะไรกินรองท้องแล้วออกไปโดดน้ำคลองสาทรมั่ง เล่นหยอดหลุมทอยกองมั่ง...ลงท้ายก็ไปรุมล้อมลุงหวังอายุ 50 เศษ ผอมกงโก้ ผมขาว นุ่งโสร่งเก่าๆ สวมเสื้อยืดสีขาวแก่นั่งซดน้ำชาอยู่บนบาทวิถีหน้าบ้าน...ขอร้องให้แกเล่า เรื่องผีให้ฟัง

ตะละเรื่องล้วนแต่น่าขนลุกขนชันทั้งนั้น ผมยังจำได้แม่นยำถึงป่านนี้

ตรองซุงนี่ผีดุที่สุด! มีอาซิ้มหลังตลาดเป็นวัณโรคอาการหนัก สมัยนั้นเรียกฝีในท้อง ไอเป็นเลือดทีละครึ่งกระโถน ทนไม่ไหวเลยผูกคอตายไป...ถัดมาไม่กี่วัน ชาวบ้านก็แทบนอนไม่หลับ เพราะตกลางคืนมีเสียงไอโขลกๆ จากห้องแกเป็นประจำ

เจ้าจุกลูกยายพึงขายขนมครกชอบไปโดดน้ำในคลองสาทร จมน้ำตายกลายเป็นผีเฝ้าคลอง แต่เจ้าจุกดันผ่านมาวิ่งปร๋อยันหัวซอยท้ายซอย เนื้อตัวเปียกโชกเชียว...ใครเห็นเข้าก็วิ่งหนีกันกระเจิงทุกคนไป

ตาล้วนขี้เมาเคยเป็นยามในตลาด แต่แกเมาเสียจนโดดไล่ออก ตาล้วนเลยเมาหนักกว่าเก่า...ค่ำหนึ่งแกเดินเลือดโชกเข้าซอยมา ใครๆ เข้ารุมล้อมกันยกใหญ่ ตาล้วนบอกว่าโดนรถเมล์เฉี่ยวเอา แกร้องด่าคนขับเสียงแหบแห้ง แต่มันบึ่งหนีไปจนได้

พอแกซมซานลับตาไปก็มีคนวิ่งมาบอกข่าว ว่าตาล้วนโดนรถเมล์ชนที่หน้าตลอดบางรัก ตูมเดียวตายคาที่...ตอนนี้ศพอยู่โรงพยาบาล!

ผีแกดุขนาดตายปุ๊บ วิญญาณก็ผลุนผลันมาหลอกหลอนชาวบ้านปั๊บ!!

เรื่องไหนก็ไม่เด็ดเท่ากับชาวบ้านร้านตลาดไปทำบุญ ทอดผ้าป่าสามัคคีที่จังหวัดกาญจนบุรี

ขาไปก็ราบรื่นชื่นบานดีหรอก แต่ตอนขากลับเกิดอุบัติเหตุรถพุ่งตกถนนไปชนต้นไม้พังยับเยิน ตายคาที่ 3 คน ไปตายที่โรงพยาบาลอีก 2 คน นอกนั้นก็หัวแตก ขาหัก แขนเดาะ ถลอกปอกเปิกไปตามๆ กัน

ที่ว่าเด็ดมากก็เพราะหลังจากเสร็จงานศพไปแค่วันเดียว ก็มีคนเห็นผู้ตายทั้ง 5 ยกโขยงกันเดินพาเหรดเข้าตรอกซุงมาน่ะซีครับ!

"ข้าเห็นกะตาทีเดียว" ลุงหวังเล่า ดูนัยน์ตาแกแล้วเชื่อเลยว่าแกกลัวจริงๆ "ตอนนั้นข้าตั้งวงเหล้ากับเพื่อนอยู่ที่นี่แหละ ราวสามทุ่มได้...หมาหอนโจ๋วขึ้นมาก่อน แล้วอะไรๆ มันก็เงียบไปหมด ข้าหันไปทางปากซอยก็เห็นเงาะตะคุ่มๆ เดินเข้ามาเป็นกลุ่ม ใครกันวะ? เพื่อนถาม ข้าชักเอะใจชอบกลเพราะดูมันเหมือนกับไม่ใช่เดิน แต่ลอยมาน่ะซี"

"แล้วเพื่อนลุงหวังเห็นหรือเปล่า?" ผมถาม

"อ๊ะ! เห็นซีวะ มันป้องหน้ามองใต้แสงไฟรุบหรู่ ข้าบอกเสียงสั่นๆ ว่าไม่ต้องสงสัยหรอก...ที่เขาตายเมืองกาญจน์ทั้ง 5 คนนั่นแหละ ยกโขยงเข้ามาทั้งหมดเลย! เพื่อนบอกไม่เชื่อ แต่เสียงสั่นชอบกล...แล้วมันก็ร้องไห้น้ำตาไหลพรากๆ เหมือนเผาเต่า"

ไม่ต้องบอกก็รู้ครับว่ากลัวผีจนร้องไห้ อีกคนยกมือไหว้ปลกๆ ส่วนลุงหวังยอมรับว่าอยากวิ่งเหมือนกัน แต่ขามันแข็งจนยกไม่ขึ้น...แล้วร่างทั้ง 5 ก็จางหายไป...

อีกราว 6-7 ปีต่อมา พวกเรากลายเป็นวัยรุ่น ลุงหวังก็หัวใจวายตายอย่างสงบ คือเข้านอนแล้วไม่ตื่นอีกเลย...กลายเป็นผีให้พวกเราอกสั่นขวัญหายไปตามๆ กัน

มีเพื่อนรุ่นพี่ชื่อเฮียไฮ้ได้เห็นภาพประหลาดที่สุด คือลุงหวังนั่งเล่าเรื่องผีให้เด็กๆ ฟัง มีตัวเองนั่งร่วมวงอยู่ด้วย...หลังจากเล่าเรื่องนี้ให้พวกเราฟังได้ 2-3 วันเฮียไฮ้ก็ไปมีเรื่องกับนักเลงยานนาวา ถูกแทงเลือดตกในไปตายที่โรงพยาบาล!

ไม่รู้ว่าลุงหวังแกมาเตือน หรือมาเอาไปเป็นเพื่อนในเมืองผีนะครับ?"

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREU1TURVMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdOUzB4T1E9PQ==



Create Date : 06 มิถุนายน 2553
Last Update : 6 มิถุนายน 2553 12:49:06 น.
Counter : 560 Pageviews.

0 comment
ห่วงลูก
ห่วง ลูก

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"ฟิน" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากเมืองสองแคว

เรื่องผีๆ สางๆ หรือวิญญาณจะมีจริงหรือไม่ หนูเคยสงสัยมาตั้งนานแล้วค่ะ เพราะเกิดมายังไม่เคยโดนผีหลอกซักครั้งเดียว แต่แล้วในที่สุดหนูก็ได้คำตอบอันแสนจะน่าอกสั่นขวัญหาย จนหนูคิดว่าตัวเองคงขาดใจตายไปแล้วน่ะซีคะ

บ้านเกิดเมืองนอนที่หนูอาศัยมาจนทุกวันนี้ก็คือพิษณุโลก หรือเมืองสองแควแต่เดิม มีหลวงพ่อพระพุทธชินราชเป็นมิ่งขวัญของพวกเราและคนไทยทั้งชาติค่ะ

สาเหตุ ของเรื่องน่าขนลุกเกิดขึ้นที่บ้านติดๆ กันนั่นเอง!

คุณยายแฉล้มเป็นม่ายมาเกือบสิบปี มีลูกชายกับลูกสะใภ้ชื่อพิชัยกับนัยนา เพิ่งจะมีหลานย่าคนแรกเป็นผู้หญิงน่ารักมากๆ ผิวขาว ผมหยิก แก้มยุ้ย ชื่อน้องอุ้ย อายุราวขวบเศษ พ่อแม่รักเหมือนดวงตาดวงใจ ส่วนคุณยายแฉล้มน่ะถึงกับหลงหลานสาว ไม่ยอมให้ใครคว้าไปอุ้มเล่นง่ายๆ หรอกค่ะ ยกเว้นหนูกับแม่ที่สนิทสนมกันมานานแล้ว

เรื่องเศร้าเกิดขึ้นเมื่อตอนสงกรานต์ที่ผ่านมาเมื่อปีก่อนนี่เองค่ะ...

หนูลืมเล่าไปว่าพี่นัยนาเป็นคนเชียงราย มาเป็นข้าราชการที่นี่และได้พบรักกับพี่พิชัยที่เมืองสองแคว จนกระทั่งแต่งงานอยู่กินด้วยกันและมีน้องอุ้ยผู้แสนจะน่ารักคนนี้

พี่นัยนามักชวนสามีไปรดน้ำดำหัวพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ที่เชียงรายทุกปี ไม่นับยามมีโอกาสอื่นๆ ที่วันหยุดยาวอีกด้วย มาระยะหลังนี่แหละที่ไม่ได้ไปเพราะห่วงน้องอุ้ย พ่อแม่และญาติๆ ของเธอก็ลงมาเยี่ยม แหม! เห่อหลานไม่แพ้กันหรอกค่ะ

เคยออกปากทีเล่นทีจริงว่าจะขอน้องอุ้ยไปเลี้ยงให้ที่โน่น แต่คุณยายแฉล้มรีบขวางทันที พ่อแม่น้องอุ้ยก็ไม่ยอม รับปากว่าอีกหน่อยโตกว่านี้จะพาขึ้นไปเยี่ยมบ่อยๆ

มาปีนี้เห็นว่าลูกหย่านมแล้วก็เลยขอไปกับสามีเพื่อเยี่ยมพ่อแม่อย่างที่เคย ทำมาแบบปีก่อนๆ บอกว่าไปค้างคืนเดียวก็จะรีบกลับเพราะคิดถึงน้องอุ้ยเหมือนกัน ระยะทางก็ไม่ถึงกับไกลเกินไป

พี่นัยนาคงห่วงลูกจริงๆ เพราะถึงกับมาฝากฝังกับแม่หนูให้ช่วยดูแลลูกอีกคน...ขนาดซื้อข้าวมันไก่ตอน จากร้านพังกี่มาฝากบ้านเรา เพราะรู้ว่าแม่ชอบกินเป็นพิเศษ

ที่ หนูว่าเป็นเรื่องเศร้าก็เพราะสองผัวเมียเกิดอุบัติเหตุรถชนกันตอนบึ่งกลับ ใกล้จะถึงบ้านอยู่แล้ว ...พี่นัยนาตายคาที่ พี่พิชัยบาดเจ็บสาหัส คุณยายแฉล้มรู้ข่าวก็กอดหลานร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ อุ้มน้องอุ้ยไปเยี่ยมลูกชายที่โรงพยาบาล...

พ่อแม่พี่นัยนาก็มารับศพลูกสาวไปบำเพ็ญกุศลที่เชียงราย แม่พร่ำแต่ว่าทำใจไม่ได้! ส่วนพ่อบอกว่ามีโอกาสจะลงมาหาหลานอุ้ยที่นี่ให้ได้

เพื่อนบ้านก็ ทยอยกันไปเยี่ยม พี่พิชัยยังมีสติกับเบลอเป็นพักๆ สลับกัน...คุณยายแฉล้มกลับมาเล่าหน้าซีดหน้าเซียวว่าลูกชายถามถึงเมียบ่อยๆ ว่าหายไปไหน? ต้องบอกไปว่านอนรักษาตัวอยู่ที่นี่ แต่พี่พิชัยกลับบอกว่าพี่นัยนาไม่ได้เป็นอะไรมาก เมื่อสักครู่ยังมาเยี่ยมถึงเตียงเขานี่นา!

หนูเองได้ยินแล้วยังขนลุกซ่าไปทั้งตัวเลยค่ะ

แม่สงสารคุณยายแฉล้มก็เข้าไปเป็นเพื่อนพูดคุยให้หายเหงา กลับมาเล่าว่าในบ้านนั้นเย็นยะเยือกชอบกล มองดูรูปถ่ายของพ่อแม่น้องอุ้ยก็เห็นพี่นัยนาน้ำตาไหล จ้องมองอย่างวิงวอนคล้ายจะเอ่ยปากฝากฝังให้ช่วยดูแลลูกน้อยของเธอตามที่เคย ขอร้องเอาไว้

น้องอุ้ยก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากกับใครที่มองไม่เห็น สองมือไขว่คว้า ส่งเสียงอ้อๆ แอ้ๆ ประสาเด็กหัดพูด...แม่มาแย้ว...แม่มาแย้ว! เล่นเอาแม่หนูเข่าอ่อน หูอื้อ ตาลายไปเลย

คืนหนึ่ง หนูก็ประสบกับภาพน่าสยดสยองพองขนโดยไม่นึกไม่ฝัน!

คืนนั้นหนูเคลิ้มหลับไปไม่นานก็สะดุ้งตื่นเพราะเสียงหมาเห่าหอนไปทั้งซอย โดยเฉพาะแถวหน้าบ้าน กำลังจะพลิกตัวนอนต่อเพราะรู้สึกหวาดๆ ก็พอดีได้กลิ่นหอมกรุ่นที่คุ้นเคย...หันขวับไปทางประตูโดยไม่ตั้งใจ

คุณพระช่วย! ในแสงเลือนรางจากโคมถนน พี่นัยนายืนสะอึกสะอื้นอยู่ข้างเตียง มีเสียงวู่หวิวดังออกมาว่า...เฟินจ๋า...พี่ฝากลูกด้วย ช่วยดูแลน้องอุ้ยให้พี่ด้วยนะ...

น้ำตาหนูไหลพรากอาบหน้า เนื้อตัวแข็งทื่อเหมือนกลายเป็นหิน ได้แต่นึกอยู่ว่า...ค่ะๆ หนูรับปาก...หนูกลัวแล้ว! ร่างของพี่นัยนาจึงค่อยๆ เลือนรางจางหายไป ท่ามกลางเสียงหมาหอนโหยหวนไม่หยุดหย่อน...

นึกถึงแล้วหนูยังขน หัวลุกมาถึงทุกวันนี้เลยค่ะ

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREU0TURVMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdOUzB4T0E9PQ==



Create Date : 06 มิถุนายน 2553
Last Update : 6 มิถุนายน 2553 12:48:24 น.
Counter : 577 Pageviews.

0 comment
ลูกค้าขาประจำ
ลูกค้า ขาประจำ

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"วิทย์" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากตลาดนัดริมทางรถไฟ

ถึงผมจะเป็นคนตจว.เพิ่ง เข้ากรุงเทพฯ เพื่อทำมาหากินได้ไม่กี่ปี แต่เรื่องผีๆ สางๆ นี่ผมไม่ค่อยเชื่อและไม่กลัวด้วย จนกระทั่งผมไปเจอดีเข้าจังๆ กับตัวเองที่ตลาดนัดริมทางรถไฟใกล้ๆ กับสถานีสามเสนเมื่อตอนต้นเดือนนี่เอง!

ผมเป็นพ่อค้าข้าวโพดปิ้งที่ตลาดนัดนั่นแหละครับ

โธ่! ใจจริงผมก็อยากทำงานบริษัทมีระดับ แต่งตัวดี หน้าตาผ่องใส ไม่ต้องตากแดดตากลม แถมกรำถ่านไฟร้อนระอุจนหน้าดำคร่ำเครียดแบบนี้ แต่อย่างว่าละ หนุ่มอีสานจบ ม.4 เข้ามาทำงานเมืองกรุง เก็บเงินเก็บทองส่งไปให้พ่อแม่และน้องนุ่งได้เรียนหนังสือ มันก็ต้องแต่งตัวมอซอ เหงื่อไหลไคลย้อยยังงี้ละคุณ

ผมเช่าห้องอยู่กับเพื่อนจังหวัดเดียวกันแถวบางซื่อ ต้องไป ซื้อข้าวโพดที่ตลาดไทโน่นแน่ะ เขาว่าเป็นข้าวโพดพันธุ์ผสม "ไฮบริกซ์" เนื้อหวานอร่อยจากสระบุรี ลูกค้ากำลังนิยม ปิ้งทั้งเปลือกเพื่ออมน้ำชุ่มฉ่ำ ใครมาซื้อก็ปอกเปลือกใส่ถุงให้ทันใด

ตอนแรกๆ รับมากิโลฯ ละ 10 บาทเท่านั้นเองครับ แต่ตอนนี้ปาเข้าไปกิโลฯ ละ 18 บาทแล้ว เอามาปิ้งขายฝักละ 13 บาท 2 ฝัก 25 บาท...วันไหนขายได้ 100 กิโลฯ ขึ้นไป ก็พอจะมีกำรี้กำไรสี่ซ้าห้าร้อยบาท...พอคุ้มค่าเหนื่อยละกัน

อ้อ! ผมไม่ได้ขายข้าวโพดปิ้งที่เดียวนะครับ เพราะที่นั่นติดตลาดนัดอาทิตย์ละแค่สองวัน คืออังคารกับศุกร์เท่านั้น ไม่งั้นคงไม่มีเงินพอส่งทางบ้านแน่ๆ แต่เปลี่ยนทำเลไปตามตลาดนัดต่างๆ แทบทุกวันก็ว่าได้...เพียงแต่มาเจอะเจอเรื่องขนหัวลุกเข้าที่ตลาดนัดย่าน นั้น ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับกรมสวัสดิการทหารบกพอดี

ชีวิตพ่อค้าเร่ นี่คิดอีกทีก็สนุกเหมือนกัน เพราะได้รู้จักกับเพื่อนฝูงพ่อค้าแม่ค้าด้วยกัน พอตลาดวายก็มีน้ำจิตน้ำใจแบ่งปันสินค้าให้กันและกัน ผัดถุงแกงถุง หมูปิ้ง ไส้กรอกอีสาน ขนมไทยๆ อย่างถั่วดำสาคูเปียก กล้วยบวชชี ฟักทองแกงบวดฯลฯ ถึงเราจะจนเงินก็ไม่จนน้ำใจหรอกครับ

ไหนจะรู้จักลูกค้าทุกเพศทุกวัยอีกต่างหาก!

ตั้งแต่เอ๊าะๆ ที่มากับแฟน คลอเคลียกันน่าอิจฉา หรือกิ๊วก๊าวมากับเพื่อนๆ กลุ่มใหญ่ จนถึงรุ่นน้าคุณป้า คุณอาคุณลุง โดยเฉพาะลูกค้าขาประจำที่มักจะซื้อครั้งละ 4 ฝัก 50 บาท ชมว่าข้าวโพดปิ้งผมอร่อยถูกปากกว่าที่ปอกเปลือกปิ้งตั้งพะเรอ

พูดถึงลูกค้าขาประจำที่ผมคุ้นหน้ามาหลายเดือนแล้วก็คือคุณลุงที่อยู่ในกรม ทหาร อายุราว 60 ปีแล้วคงใกล้เกษียณเต็มที รูปร่างผอมสูง ผมขาวตัดเกรียน นุ่งกางเกงขาสั้น สีขี้ม้า สวมเสื้อป่านคอกลม เดินลากรองเท้าแตะช้าๆ ท่าทางมีสง่าเหมือนพระยาน้อยชมตลาด...มองนั่นมองนี่เพลิดเพลินอย่างสบาย อารมณ์

บางวันแวะซื้อปลาเล็กปลาน้อยที่เขาทอดใส่ถุงขาย บางวันก็ซื้อขนมถุง...แต่ที่แน่ๆ ต้องแวะมาซื้อข้าวโพดปิ้งผมเป็นประจำ!

พอเราคุ้นเคยกัน คุณลุงก็เล่าว่าหลานชายหลานสาวชอบกินข้าวโพดปิ้งมาก เคยรบเร้าจะมาด้วย แต่แม่แกไม่ยอมเพราะต้องข้ามถนนเข้ามา กลัวว่ารถราจะเฉี่ยวเอา...แล้วคุณลุงก็อวยชัยให้พรผม ขอให้ขายดีๆ มีกำไรเยอะๆ นะ จนผมต้องยกมือไหว้พลางขอบพระคุณอย่างจริงใจ

วันเกิดเหตุฝนฟ้าครึ้มมาตั้งแต่บ่าย พวกเราก็ภาวนาว่าขอให้พระพิรุณอย่าได้โปรยปรายลงมาเลย ไม่งั้นลูกค้าหายจ้อย พลอยทำให้พวกเราทุนหายกำไรหดไปด้วย

ราวห้าโมงเย็น ฝนยังไม่ตก พระยาน้อยของผมก็เดินช้าๆ มาแต่ไกล ผมรีบคัดข้าวโพดฝักงามๆ ที่ปิ้งแล้วออกมาตระเตรียมฉีกเปลือก 4 ฝัก...และก็ไม่ผิดหวังเมื่อคุณลุงเดินยิ้มเข้ามาหา พยักหน้าบอกว่าใส่ถุงมาเลยหลานชาย...

คราวนี้แกส่งแบงก์ร้อยให้ ผมจะล้วงหยิบเงินทอนแต่คุณลุงยกมือห้าม บอกว่าไม่ต้องทอนหรอกหลานชาย ขอบใจนะ...ผมยกมือไหว้งงๆ แกเดินหายลับไปในกลุ่มคน เกือบจะพร้อมๆ กับหญิงวัยเกือบกลางคนจูงมือเด็กหญิงกับเด็กชายเดินตรงเข้ามา

"เอ้า! ข้าวโพดเจ้านี้ใช่ไหมที่ลูกอยากกินนัก? ทีหลังแม่จะมาซื้อแทนปู่ให้...เดี๋ยวเก็บไปกินที่วัดตอนพระสวดศพปู่แล้วกัน"

ผมเย็นวาบไปตามสันหลัง...ได้ความว่าคุณลุงขาประจำคนนั้นหัวใจวายตายมา สองวันแล้ว วิญญาณแกยังอุตส่าห์มาร่ำลาผมจนได้...ขนหัวลุกซีครับ!...บรื๋อออ...

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREUzTURVMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdOUzB4Tnc9PQ==



Create Date : 06 มิถุนายน 2553
Last Update : 6 มิถุนายน 2553 12:47:56 น.
Counter : 572 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  

iamZEON
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 111 คน [?]



ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ ^^/

ข่าวสารการ์ตูนญี่ปุ่น
กับเกี่ยวข้องอย่างภาพยนตร์-เพลง
รายชื่อการ์ตูนออกใหม่-งานหนังสือ
เรื่องทั่วๆไปทั้งในและนอกประเทศก็มีบ้าง
New Comments
Group Blog
All Blog
MY VIP Friend