วิญญาณเฮี้ยน
วิญญาณ เฮี้ยน
ขนหัวลุก
ใบหนาด
"พวงแสด" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากผีเฝ้าสวนสมัยเด็กดิฉันอยู่แถวบางโพค่อนไปทางพระ ราม 6 ที่ปากซอยเพิ่งมีตึกแถวสร้างใหม่เปิดเป็นร้านค้าต่างๆ บ้านดิฉันอยู่ในซอยติดกับร้านกาแฟพอดี
ตอนนั้นในซอยเพิ่งมีบ้านไม่กี่สิบหลัง ปลูกห่างๆ กัน สุดทางมีสวนร่มครึ้ม ทางเดินแคบๆ พอเดินสวนกันได้เท่านั้น แต่มีคนเดินน้อยค่ะ นอกจากเช้ากับเย็นที่มีคนทำงานกับนักเรียนเดินเข้าออกหนาตา
ตรงหัวมุมมีเพิงเล็กๆ ของยายสาย ขายผลไม้เช่น กล้วยน้ำว้า มะละกอสุก ส้มเขียวหวาน ส้มโอ ส่วนมากก็เก็บมาจากสวนของแกนั่นแหละค่ะ
ตอน เย็นๆ จะมีข้าวต้มมัดและขนมกล้วย ขนมตาลที่เพิ่งนึ่งสุกใหม่ๆ ออกมาขายด้วย คนที่เพิ่งกลับจากทำงานแวะอุดหนุนกันหนาตา เพราะในซอยมีอยู่เจ้าเดียว
ยายสายเป็นคนร่างเล็ก ผมดัด ตัดผมสั้น นุ่งผ้าพื้นสีทึบ สวมเสื้อคอกระเช้าสีขาว นัยน์ตาดุ ชอบจ้องมองผู้คนแบบหน้านิ่วคิ้วขมวด เพราะหวาดระแวงว่าจะดอดเข้าไปในสวนเพื่อขโมยผลไม้ของแก
วันหนึ่ง พวกเราก็ต้องขนหัวลุกไปทั้งซอยเมื่อได้ข่าวว่ายายสายเป็นลมตายในสวนนั่นเอง!
หลังจากเผาศพแกแล้วเพิงขายผลไม้ก็เลิกราไปเพราะไม่มีคนทำขนมอร่อยๆ กับลูกหลานยายสายไม่กล้าเข้าไปเก็บผลไม้ในสวน โดยอ้างว่าเคยเข้าไปเก็บมะม่วงแล้ว เห็นยายสายเดินลับๆ ล่อๆ อยู่ที่นั่น...คอยเฝ้าระวัง คอยดูแลไม่ให้ใครเข้าไปลักขโมยเหมือนครั้งที่แกยังมีชีวิตอยู่
เพิงนั้นกลายเป็นเพิงร้าง บางวันมีหมาจรจัดขึ้นไปนอนเล่น แต่แล้วก็ต้องกระเด็นลงมาราวกับโดนถีบ ร้องเอ๋งๆ วิ่งหางจุกก้นออกจากซอยไปโดยไม่หันกลับมาอีก
บางคืนมีขี้เมาโซซัดโซเซเข้าไปนอนที่เพิงนั้น แต่ไม่ช้าก็หล่นตุ๊บลงดิน ร้องตะโกนโหวกโหวยดังลั่น ไปทั้งซอย...ผีหลอก! ผีหลอกโว้ย...ผียายสาย หลอกกู...
ต่อจากนั้นก็มีคนเห็นยายสายนั่งห้อยขาอยู่ที่เพิงตอนค่ำๆ หลายคน เล่นเอาวิ่งหนีเตลิดเปิดเปิงไปตามๆ กัน...ตอนกลางวันที่มีคนเดินในซอยน้อยอยู่แล้วก็ยิ่งน้อยลงไปอีก เพราะไม่จำเป็นจริงๆ ก็ไม่มีใครอยากจะเดินผ่านเพิงร้างนั่นหรอกค่ะ เพราะรู้สึกว่าบรรยากาศมันเย็นยะเยือกยังไงชอบกล
พวกเด็กๆ จอมแก่นที่ชอบไปลักขโมยของในสวนก็วิ่งหนีจนตกน้ำตกท่ามาหลายคนแล้ว เพราะโดนผียายหลอกเอาอย่างจังๆ แต่พวกนั้นก็ยังไม่เข็ดหลาบหรอกค่ะ
วันหนึ่ง พวกจอมซนเข้าไปซ้อมมือยิงมะม่วงที่อยู่สูงๆ ตรงหัวมุมใกล้เพิง ไม่ต้องกลัวว่าคนที่บ้านยายจะมองเห็น เพราะพวกลูกๆ หลานๆ แกดูเหมือนจะปล่อยให้เรือกสวนรกร้างไปเอง รอแต่เมื่อไหร่จะมีคนมาซื้อให้ราคางามๆ เท่านั้น
ขณะที่มะม่วงหล่นตุ๊บลงมา เสียงกระแอมเบาๆ ก็ดังขึ้น ทำให้เด็กพวกนั้นเหลียวซ้ายแลขวาลอกแลก แต่เมื่อไม่เห็นใครก็คิดว่าตัวเองหูแว่ว...คนหนึ่งปราดเข้าไปก้มลง เก็บมะม่วงทันที พอเงยหน้าขึ้นก็แทบจะขาดใจตาย บัดดล
...ยายสายยืนเท้าสะเอวจังก้า จ้องมองเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ แบบเดียวกับนัยน์ตาแข็งกร้าวดุดันของแกเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่!
"เฮ้ย! ยายสาย..." มะม่วงหล่นลงดินอีกครั้งเพราะคนถือมือไม้อ่อน คนอื่นๆ ก็มองเห็นภาพน่าสยองนั้นเช่นกัน วิ่งแตกฮือราวกับผึ้งแตกรังในพริบตา
คืนเกิดเหตุ พ่อแม่พาดิฉันไปดูหนังที่บางกระบือรอบบ่าย แล้วออกมาหาอะไรกินที่หน้าโรงหนัง แม่แวะซื้อของใช้นิดหน่อยแล้วพากันนั่งรถเมล์กลับบ้าน
เราเดินเข้าซอยกันมาเงียบๆ เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินอยู่ข้างหน้า ดิฉันรู้สึกคุ้นๆ แต่นึกไม่ออกว่าเป็นใคร แต่แกเดินคล้ายๆ ลอยไป...เวลาใกล้จะค่ำแล้วแต่แสงสว่างยังเหลืออยู่ ลมพัดวูบมาเย็นเฉียบ...ผู้หญิงคนนั้นเลี้ยวเข้าไปนั่งพักอยู่ที่เพิงร้างทัน ใด
"ยายสาย..." เสียงแม่ครางเบาๆ จับมือดิฉัน แน่น พอชะงักกึก...ร่างนั้นก็ขยับตัวหันหน้ามามอง...ม่านตาดิฉันพร่าพรายเมื่อจำ ได้ว่าเป็นใบหน้ายายสายชัดๆ ได้ยินเสียงพ่อแว่วๆ ว่า...ไปสู่ที่ชอบๆ เถอะยายสาย อย่าห่วงใยอะไรอีกเลย! แกหมดห่วงแล้ว...
ลมพัดมาวูบหนึ่ง ร่างนั้นค่อยๆ เลือนรางจางหายไป...แม้ว่าเวลาจะผ่านมา 30 ปีเศษแล้ว แต่ดิฉันยังจำภาพนั้นได้ติดหูติดตามาถึงทุกวันนี้ค่ะ!
//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREV4TURVMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdOUzB4TVE9PQ==