iamZEON Blog : Comics , Anime และอีกสารพัดเรื่อง
|
||||
ศาลผีสิง
ศาล ผีสิง
ขนหัวลุก ใบหนาด "ปานใจ" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อปีศาจเข้าสิงศาลพระภูมิ ดิฉันเคยฟังพวก ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าเรื่องผี คุยเรื่องภูตผีปีศาจมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วค่ะ นอกจากความน่ากลัวแล้วยังได้ความรู้ว่า ภูตผีปีศาจก็เหมือนผู้คนทั่วไปอยู่อย่างหนึ่ง...คือมีทั้งดีและชั่วปะปนกัน โดยเฉพาะพวกสัมภเวสี-ผีเร่ร่อน หรือวิญญาณที่แสวงแดนเกิด นอกจากจะหิวโหย ร้องขอส่วนบุญจากญาติมิตรบ้าง จากผู้อื่นบ้าง บางครั้งก็ถือโอกาสสวมรอยแทนผู้อื่นอย่างหน้าตาเฉย ยกตัวอย่าง ง่ายๆ ก็คือพระภูมิเจ้าที่นั่นแหละค่ะ! เมื่อมีการตั้งศาลพระภูมิประจำบ้าน หรือบริษัทห้างร้านก็ตาม จะมีผู้รู้ทางไสยศาสตร์มาทำพิธีตั้งศาล เซ่นสรวงด้วยเครื่องบัตรพลี เพื่อให้วิญญาณชั้นสูงเช่น เจ้าที่เจ้าทาง เทพาอารักษ์มาสิงสู่ แต่บังเอิญมีวิญญาณร้ายผ่านมาพอดี ถือโอกาสสวมรอยเข้าไปกินเครื่องเซ่นจนอิ่มหนำสำราญ แล้วยึดเอาศาลนั้นเป็นที่อยู่อย่างหน้าตาเฉย วิญญาณชั้นดีหมดโอกาส เพราะมาถึงต่อเมื่อสายเกินไปเสียแล้ว! เมื่อภูตพเนจรเข้าสิงสู่ศาลเรียบร้อย ในระยะแรกๆ ก็ไม่มีอะไร เนื่องจากมีที่อยู่ที่กินแสนผาสุก มีคนนำเครื่องเซ่นมาให้กินทุกวัน ไม่ต้องร่อนเร่หากินตามแบบ "ผีไม่มีศาล" เหมือนครั้งก่อนอีกต่อไป แต่คนชั่วหรือวิญญาณร้ายมีอุปนิสัยคล้ายๆ กัน คือชอบกลั่นแกล้ง รังแกให้ผู้อื่นเดือดร้อน แม้ว่าผู้นั้นจะมีบุญคุณ ให้ที่อยู่ที่กินก็ไม่ละเว้น ท่านผู้ใหญ่ที่เล่าเรื่องนี้ให้ข้อสังเกตว่า ถ้าบ้านเรือนใดมีศาลพระภูมิเจ้าที่กระทำพิธีเซ่นสรวงอย่างถูกต้อง ผู้คนในบ้านเรือนนั้นๆ มีแต่ความสุขความเจริญ ก็แสดงว่ามีวิญญาณระดับดีมาสิงสู่ คอยคุ้มครอง ปกป้องดูแลทั้งบ้านช่องและผู้คนให้อยู่เย็นเป็นสุข ส่วนจะมากน้อยก็ถือว่าตามอัตภาพ ตรงกันข้าม ถ้าบ้านเรือนใดตั้งศาลพระภูมิแล้ว มิช้ามินานก็เกิดความเดือดร้อนวุ่นวาย มีปัญหาต่างๆ นานาน่าปวดหัวเกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน ขนาดถึงกับคนในบ้านบาดเจ็บล้มตายก็มี...ขอให้ตั้งข้อสังเกตที่ศาลพระภูมิ ก่อนอื่น! แม้ว่าโชคเคราะห์ย่อมเกิดกับมนุษย์โดยกะทันหัน ไม่มีใครบอกได้ว่าเมื่อใดจะมีโชคดี-เคราะห์ร้าย อุบัติขึ้นก็ตาม แต่ถ้าเกิดขึ้นอย่างร้ายแรงและติดๆ กันแล้วก็ให้สันนิษฐานว่า อาจจะเนื่องมาจากศาลพระภูมิก็ได้... นั่นคือ โดนวิญญาณร้ายที่สิงสู่อยู่เนรคุณ หรือไม่ก็เกเรเกตุงตามนิสัยเดิม! เมื่อแรกดิฉันก็ยอมรับว่าเชื่อครึ่ง-ไม่เชื่อครึ่ง จนกระทั่งได้ประสบกับเรื่องขนหัวลุกด้วยตัวเองที่ชุมนุมแห่งหนึ่งในย่าน สะพานควายเมื่อสิบกว่าปีมาแล้ว บ้านเรือนละแวกนั้นค่อนข้างแออัดยัดเยียด ผู้คนส่วนใหญ่มีอาชีพค้าขาย ทั้งในตลาดบ้าง หาบเร่แผงลอยบ้าง รวมทั้งช่างไม้ช่างปูนไปถึงเอาแรงงานเข้าแลก ส่วนหนึ่งเป็นพนักงานบริษัทและรัฐวิสาหกิจ มีครอบครัวใหม่มาเช่าบ้านอยู่ชื่อพี่สันต์กับพี่เพ็ญ มีลูกชายหญิงสองคนกำลังเข้าวัยรุ่นทั้งคู่...เรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นตั้งแต่เขาตั้งศาลพระภูมิแล้วค่ะ ไม่ใช่ว่าศาลเก่าไม่มีนะคะ แต่ผุพังจนล้มไปนานแล้ว คนเช่ารายก่อนๆ ก็ไม่สนใจ แต่รายนี้ไปซื้อศาลสวยๆ คล้ายโบสถ์จำลองจากสวนจตุจักรมาพร้อมกับคนทำพิธีตั้งศาล เขามีหัวหมู เหล้า มะพร้าวอ่อน ขนมนมเนยกับดอกไม้สวยๆ จุดธูปเทียนเซ่นไหว้ มีเด็กๆ มุงดูหลายคน จู่ๆ ฟ้าก็มืดครึ้ม ลมพัดอู้ๆ ฟังเหมือนเสียงใครกำลังหัวเราะอย่างเบิกบานใจ จนหลายๆ คนขนลุกขนพองไปตามๆ กัน! หลังจากนั้นไม่นาน ครอบครัวนี้ก็มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันตลอด ลูกชายติดยา ลูกสาวกลายเป็นเด็กใจแตก ลงท้ายด้วยการโดนข่มขืนฆ่า พ่อหันเข้าหาเหล้า เมาหัวราน้ำจนถูกไล่ออกจากงาน แม่ก็บ่นบ้านัยน์ตาขุ่นขวางเหมือนคนวิกลจริต วันสุดท้าย เกิดไฟไหม้บ้านตอนดึก เพลิงนรกลุกลามจากบ้านช่องแถวนั้นวอดวายไปหลายหลัง บ้านต้นเพลิงตายหมดค่ะ...ตอนที่ขนของหนีไฟอลหม่าน เราได้ยินเสียงหัวเราะเย้ยหยันมาเข้าหู... ดังมาจากศาลพระภูมิ ที่มีไฟลุกท่วมน่ะซีคะ! //www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREU0TURZMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdOaTB4T0E9PQ== ตุ๊กตาคู่
ตุ๊กตา คู่
ขนหัวลุก ใบหนาด "ทยิดา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อเห็นยมทูตมารับวิญญาณ ดิฉันเป็นเด็ก กำพร้าพ่อ เราสองแม่ลูกต้องอาศัยอยู่กับญาติชื่อคุณยายสมร..เพราะสาเหตุนี้เองค่ะที่ ดิฉันได้พบกับเรื่องน่าขนลุกขนพองที่สุดในชีวิต! คุณยายสมรเป็น คนอ้วนดำ ตัวใหญ่ ปากร้าย เจ้าระเบียบ เอาแต่ใจตัวเอง ชอบระบายอารมณ์กับเรา ถึงแม้จะมีฐานะร่ำรวย ลูกเต้าหลายคนก็จริง แต่ทุกคนเมื่อแต่งงานแล้วก็แยกบ้านกันไปหมด เพราะทนปากคุณแม่ไม่ไหว สาเหตุ หนึ่งอาจจะมาจากความเป็นคนขี้โรคของคุณยายก็ได้ค่ะ ทั้งเบาหวาน ไตพิการ ความดันสูงและโรคหัวใจ.. ก่อนตายได้เดือนเศษก็เป็นงูสวัดค่ะ ดูๆ ก็น่าสงสารเพราะไข้ขึ้นสูง ปวดและอ่อนเพลียจนลุกไม่ได้เลย จนต้องหอบหิ้วกันไปโรงพยาบาล ดิฉันเป็นคนอยู่เฝ้าไข้เพราะเป็นช่วง มหาวิทยาลัยปิดเทอมใหญ่..ไม่ได้คิดเลยว่าจะตาย กลับคิดว่าอีกราวอาทิตย์เดียวก็หาย กลับบ้านได้ เมื่อไปอยู่โรง พยาบาลราว 3-4 วัน คุณยายสมรก็ดูค่อยยังชั่วขึ้น พูดได้แม้จะอ่อนระโหยโรยแรง แต่ตอนหลังๆ ชักเพ้อเจ้อพิกล บางทีก็พูดกับใครที่มองไม่เห็น.. ดิฉันก็กลัวซิคะ แหม! อยู่โรงพยาบาลนี่นา เล่นพูดกับอะไรไม่รู้ที่มาอยู่รอบๆ เตียง! สายตาคุณยายก็มักมองตาม สิ่งที่ดิฉันมองไม่เห็น บางครั้งก็ยิ้มหรือหัวเราะเบาๆ เหมือนดูเด็กๆ วิ่งซนอยู่ พลบค่ำวันหนึ่ง ดิฉันอ่านหนังสือให้คุณยายฟัง ขณะอ่าน หางตาก็เห็นเงาแว่บๆ เหมือนใครเดินผ่านไป ดิฉันเงยหน้ามองทันทีแต่ไม่เห็นใครสักคน..เราคงตาฝาด! แต่แล้วเงานั้นก็ปรากฏอยู่เรื่อยๆ ให้เห็นจากหางตาเท่านั้น ถ้าหันไปมองตรงๆ ก็ไม่มีอะไร สิ่งที่น่ากลัวคือ อยู่ดีๆ คุณยายถามว่าเห็นตุ๊กตา 2 ตัวที่มานั่งปลายเตียงนั่นมั้ย? แหม! ดิฉันแทบจะกลับบ้านทันทีเลยค่ะ คงเข้าใจนะคะว่ามันหลอนน่าดู คนยิ่งกลัวผี และนี่ก็เป็นโรงพยาบาลด้วยนะ! ถึงจะกลัวแค่ไหนก็ต้องทนอยู่ให้ได้ ตอนดึกๆ คุณยายหลับสนิทไปแล้วดิฉันยังไม่กล้าหลับตา เป็นแบบนี้มา 2-3 คืนแล้วค่ะ พอง่วงมากก็ผล็อยหลับไปเอง คืนนั้น พอเคลิ้มๆ ดิฉันก็เห็นเด็กผมจุก 2 คน ท่าทางเป็นเด็กผู้ชาย นุ่งโจงกระเบนสีแดง มีสังวาลพาดอยู่ช่วงบนของลำตัวเปลือยเปล่า เด็กทั้งสองวิ่งเล่นรอบเตียงที่คุณยายหลับอยู่..ดิฉันผวาสะดุ้งตื่น ยังแว่วเสียงเด็กหัวเราะเต็มหูแล้วจางหายไป เอ..ท่าจะฝันไปเองละ มั้ง? ความกลัวคงออกฤทธิ์ ผสมกับคำว่า "ตุ๊กตา 2 ตัว" ที่คุณยายสมรพูดเลยเก็บไปฝัน รุ่งขึ้น คุณยายมีไข้ต่ำๆ แต่ตาลอย หน้าเหลืองนวล ดูสวยเชียวทั้งๆ ที่เป็นคนอ้วนดำ ไม่น่าเชื่อเลยค่ะ! ดิฉันชมว่าคุณยายสวย..พอแม่มาเยี่ยม แม่ก็แอบกระซิบว่าเฝ้าคุณยายให้ดีนะ แม่สังหรณ์ใจยังไงไม่รู้! พอตกกลางคืน แม่ต้องกลับไปดูบ้าน ดิฉันเฝ้าไข้คุณยายตามเดิม อีกแล้วค่ะ! พอนั่งเพลินๆ ก็จะเห็นอะไรแว่บหนึ่งทางหางตา คราวนี้ดิฉันเห็นสีแดงๆ มันทำให้นึกถึงร่างเล็กๆ ที่นุ่งโจงกระเบนแดง..ทันใดนั้น คุณยายสมรก็พูดขึ้นว่า "มารับแล้วเรอะจ๊ะ..เอาล่ะ! จะไปเดี๋ยวนี้ละนะ" แล้วก็เงียบเสียงไป ดิฉันเห็นคุณยายเหม่อมองเพดาน นึกว่าท่านเพ้อก็เลยจับแขนเขย่าเบาๆ เสียงแหบแห้งสั่นเครือก็ดังขึ้น..ตุ๊กตา 2 ตัวนั่นมารับยาย! เห็นมั้ย? "อะไร นะคะ?" ดิฉันได้ยินเสียงตัวเองเหมือนคนใกล้จะร้องไห้เต็มที..มือเท้าเย็นเฉียบไปหมด แต่คุณยายสมรกลับยิ้มละไม "เด็กหัวจุกโจงกระเบนแดงน่ะ น่ารักมาก..." คำพูดเบาๆ แต่กลับสดใสเหลือเชื่อ มันสั่นประสาทดิฉันสุดขีดจริงๆ ค่ะ ..ราวสองชั่วโมงต่อมา คุณยายก็อาการทรุดไม่รู้สึกตัว หมอและพยาบาลวิ่งกันวุ่น แต่ก็หมดหวัง ชีวิตดิ้นรนที่จะออกจากร่างกายทรุดโทรมบอบช้ำ ใกล้จะหมดสภาพเต็มทีแล้ว..จนสำเร็จ! ดิฉันต้องรีบโทรศัพท์ตามลูกๆ ของท่านมาดูใจ.. คุณยายสมรสิ้นลมหายใจคืนนั้น..เมื่อดิฉันเล่า เรื่องตุ๊กตา 2 ตัว หรือเด็กหัวจุก 2 คน ที่เราเห็นเหมือนๆ กัน ใครๆ ที่ได้ฟังเรื่องนี้ล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า..นั่นคือยมทูต..น่าขนหัวลุก จังเลยนะคะ! //www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPVEUzTURZMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdOaTB4Tnc9PQ== สามแยกสยอง
สาม แยกสยอง
ขนหัวลุก ใบหนาด "เด็กปัญจะ" เล่าเรื่องขนหัวลุกจากซากรถผีสิง ถ้าท่านมาจากสี่แยกสะพานควายไปทาง ลาดพร้าว ผ่านวัดไผ่ตันไปหน่อยก็จะถึงสามแยกที่เลี้ยวซ้ายไปตลาด อ.ต.ก. เลยไปอีกหน่อยก็คือพหลโยธิน ซอย 18 ติดกับกรมขนส่งทางบก...ซอยนี้ไปออกสุทธิสาร ซอย 15 ได้ หรือจะเลยไปออกวิภาวดีฯ 3 ก็ได้ ไม่ต้องเลี้ยวไปไหนให้เสียเวลา เพราะตรงกลางเกาะใต้ทางด่วนรถไฟฟ้านั่นมีป้อมตำรวจจราจรโดดเด่นเป็นสง่า ให้บรรดาตีนผีกับสิงห์มอเตอร์ไซค์ยำเกรง เรื่องขนหัวลุกเกิดขึ้นที่ นั่นแหละ! เมื่อประมาณกลางเดือนธันวาคม 2549 จู่ๆ ก็มีซากรถยนต์พังยับเยินแบบหักกลาง โผล่ขึ้นมาประดิษฐานใกล้ๆ ป้อมตำรวจ...ไม่ว่าใครๆ มองเห็นเข้าก็ต้องชะงักกึกหันกลับไปมองซ้ำเพราะมันน่ากลัว น่าสยดสยองใจเต็มที ถามว่า อุบัติเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นที่ไหน? กับรถพังแทบเป็นเศษเหล็กแบบนี้ ไม่ว่าคนขับหรือคนที่นั่งมาด้วยจะรอดชีวิตหรือเปล่าหนอ? เหตุเกิด ขึ้นที่ถนนวิภาวดีรังสิต ก.ม.11 ใกล้ๆ นี่เอง! ผลคือ ตายคาที่ 2 บาดเจ็บสาหัสไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีก 2 คน ว่าแต่ตำรวจอุตริลากมาตั้งโดดเด่นอยู่ที่นั่นเพราะอะไร? คำตอบ คือ เพื่อเตือนใจพวกเมาแล้วขับ, ชอบซิ่ง, ชอบ ฝ่าฝืนกฎจราจร จะได้ฉุกคิดว่า ถ้าคึกคะนองหรือประมาท อาจจะพบจุดจบแบบรถคันนั้นก็ได้...หรือใครอยากจะไปอยู่ป่าช้าก่อนอายุขัยอัน สมควรก็ตามใจ เหนือซากรถยังมีเครื่องหมายโดดเด่นบนป้ายสีขาว ที่ตำรวจทำไว้ให้ฉุกคิด !!!-??? ชาวบ้านร้านช่องในละแวกนั้น มองเห็นแล้วมักเกิดอาการครั่นเนื้อครั่นตัว...ว่าจะไม่มองก็อดเผลอหันไปมอง ไม่ได้ ราวกับมีอะไรมาดึงดูดสายตาโดยไม่ได้ตั้งใจเลย! คนที่อยู่ใน ซอย 18 ปกติก็ไม่อยากกลับบ้านกลางค่ำกลางคืนอยู่แล้ว...ไหนจะหวาดระแวงเจ้าพ่อโพธิ์ ที่ยืนทะมึน อยู่กลางซอย เบียดเสียดกับกำแพงรั้วกรมขนส่ง...จะเฮี้ยนแค่ไหนก็ขนาดไม่กล้าโค่นต้นโพธิ์ ทิ้งเพื่อสร้างกำแพง ก็แล้วกัน ไหนจะโผล่ออกมาเจอซากรถที่รู้ๆ อยู่ว่า คร่าชีวิตมนุษย์ ไปถึง 4 คนเมื่อไม่ช้าไม่นานมานี่เอง...ไม่อยากเสียค่ามอเตอร์ไซค์เข้าซอย 10 บาท ก็ต้องตัดใจควักเงินโดยดี ถือคติว่า...เสียเงินดีกว่าโดนผีหลอก! วัน แรกๆ ที่มีซากรถน่าสะพรึงกลัวมาประดิษฐานอยู่ที่นั่น มีคนเห็นแสงไฟกะพริบวูบวาบ พอจ้องมองอีกทีก็หายไปแล้ว คนแถววัดไผ่ ตันเล่าว่าขับรถกลับบ้านตอนดึกๆ หันไปมองก็เห็นร่างดำๆ รุมล้อมอยู่รอบรถ ตำรวจจราจรอุบเงียบอยู่ในป้อม...ร่างเหล่านั้นหันมามองพลางโบกไม้โบก มือ เล่นเอาขนหัวลุกตั้ง มือไม้สั่นจนแทบจะขับรถกลับบ้าน ไม่ไหว คนแถว ข้างโรงแรม 24 ก็บอกว่าเคยผ่านมาตอนดึก ได้ยินเสียงแตรรถกดถี่เร็ว นึกว่าโดนคันหลังบีบแตรไล่ มองทางกระจกหลังก็ไม่มี พอเสียงแตรดังขึ้นอีกทีก็นึกขึ้นได้...สะดุ้งโหยง เย็นวาบไปทั้งตัวบัดดล! มัน ดังมาจากรถผีสิงคันนั้นน่ะซี! เขาบีบแตรทักทายหรือเตือนสติด้วยความหวังดี...อย่ารีบร้อนไปตายเหมือนพวกเขา เลย ยกมือไหว้ แตะเบรก...เล่าไม่อายว่าเกือบจะร้องไห้โฮ! ทำไม วิญญาณทั้ง 4 จึงเฮี้ยนจัดขนาดนั้นล่ะ? เมื่อนำซากรถมาไว้ที่นั่นได้ ไม่นาน มีตำรวจประจำป้อมนายหนึ่ง นึกขลังอะไรขึ้นมาก็ไม่ทราบ ได้จุดธูป 1 ดอกปักไว้ที่หน้าซากรถ พลางบอกกล่าวเสียงดังฟังชัดว่า "ถ้าหิวก็ไปหาอะไรกินที่วัดไผ่ตันนะ! กินอิ่มแล้วก็ขอให้กลับมาอยู่ที่นี่ตามเดิม...ไอ้พวกตีนผีตีนปีศาจมันจะได้ ยำเกรงเสียที!" เท่านั้นแหละได้เรื่อง!! เชื่อว่าวิญญาณทั้ง 4 ถูกจุดธูปเรียกร้อง ไม่อาจบ่ายเบี่ยงได้เพราะควันธูปที่อวลกรุ่นสะกดไว้ จึงได้สิงสู่อยู่ที่ซากรถน่าสยดสยองตั้งแต่นั้นมา เวลาผ่านไปราว 3-4 เดือน รถผีสิงคันนั้นก็ถูกย้ายจาก หน้าป้อมตำรวจไปแล้ว ท่ามกลางความโล่งอกโล่งใจของผู้คนละแวกนั้น...เหลือแต่เรื่องขนหัวลุกเล่า สู่กันฟัง! //www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREUyTURZMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdOaTB4Tmc9PQ== คำสาปนรก
คำ สาปนรก
ขนหัวลุก ใบหนาด "ซัน" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อวิญญาณเรียกหา สมัยหนุ่มๆ ผมอยู่ยานนาวา มีเพื่อนสนิทคนหนึ่งชื่อโหน่ง เป็นลูกคนรวยเรียนจบพาณิชย์ก็ได้งานทำแถวบางรัก แต่ไม่นานก็เปลี่ยนงานใหม่ไปแถว สี่พระยา ตลาดน้อย หัวลำโพง แต่ก็อยู่ไม่ ยืดซักแห่งเดียว..มันบอกผมว่ามีแต่คนโง่ๆทั้งนั้น! อาศัยที่พ่อแม่ฐานะดี แถมมีลูกชายคนเดียว เจ้าโหน่งจึงไม่เดือดร้อนเงินทอง มักจะเที่ยว กิน เล่น ไปวันๆ ตามใจชอบ วันหนึ่งไปมีเรื่องที่บ้านใหม่ (เกือบถึงถนนตก) เขม่นกันในร้านเหล้า เจ้าโหน่งโดนเจ้าถิ่นรุมสกรัม ทั้งประเคนด้วยไม้หน้าสามจนสลบเหมือด ต้องไปนอนโรงพยาบาลสิบกว่าวันถึงจะกลับบ้านได้ ตั้งแต่นั้นมา เจ้าโหน่งก็เปลี่ยนนิสัยเหมือนเป็นคนละคน! เคยชอบเที่ยวเตร่ สนุกสนานเฮฮาก็กลับนิ่งเงียบ ไม่ค่อยชอบออกจากบ้าน ร่างกายผอมซูบลง นัยน์ตาเลื่อนลอยไม่จับคน บางทีก็พยักหน้าหงึกๆ กับใครไม่ทราบ บางทีก็พูดพึมพำ หัวเราะหัวใคร่อยู่คนเดียว จนชาวบ้านนึกว่าสติไม่ดีเพราะโดนตีหัวคราวนั้น ผมเป็นเพื่อนสนิทที่ไปมาหาสู่บ่อยๆ ต้องยืนยันว่าเจ้าโหน่งไม่ได้บ้าๆ บอๆ พูดคุยกันรู้เรื่อง ถามไถ่อะไรก็จำได้ พ่อแม่มันก็ชอบให้ผมไปบ้านเขา ลูกชายจะได้พูดคุยยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่งั้นมักจะหมกตัวเงียบอยู่ในห้องคนเดียว ไม่ช้าผมก็ต้องขนหัวลุกเพราะเจ้าโหน่งนี่เอง! ตอนบ่ายวันนั้นเรานั่งคุยกันที่โต๊ะหินหน้าบ้าน มีต้นมะม่วงกับชมพู่ร่มครึ้ม เจ้าโหน่งมองไปที่รั้วไม้ระแนง แล้วถามว่าเห็นใครไหม? ผมบอกว่าจะเห็นได้ยังไงรั้วมันบัง "ไม่ใช่นอกบ้าน..ที่ใต้ต้นมะม่วงริมรั้วข้างในต่างหากล่ะ! ผู้ชายตัวดำๆ ล่ำเตี้ยน่ะ มันกำลังมองเราอยู่ด้วย" ผมส่ายหน้า ยืนยันว่าไม่เห็นใครเลย เจ้าโหน่งก็ถอนใจยาว "มันชื่อสิงห์ ตามข้ามาจากโรงพยาบาลแน่ะ!" "คิดไปเองมั้ง? ไม่ก็ตาฝาด.." "เปล่า ไอ้สิงห์ตามข้ามาจริงๆ มันโดนสิบล้อทับตายคาที่ ก่อนข้าจะกลับบ้าน 2-3 วันเท่านั้น..มันมาขออยู่ด้วย! นั่นไง..มันกำลังยิ้มฟันขาวกับเอ็งแน่ะ" ผมขนลุกซ่า ทั้งที่เป็นกลางวันแสกๆ ก็เถอะเอ้า! ตอนแรกคิดว่าเพื่อนเป็นบ้าไปแล้ว แต่คำพูดต่อมาของมันทำให้ผมเสียวสันหลังมากกว่าเดิม "ข้ารู้ว่าเอ็งไม่เห็น ใครๆ ก็ไม่เห็น มีแต่ข้าคนเดียวที่เห็นถนัด" เจ้าโหน่งถอนใจยืดยาวอีกครั้ง นัยน์ตาที่จมลึกอยู่ในเบ้าราวจะขยายใหญ่ยิ่งกว่าเดิม "ไม่ใช่ไอ้สิงห์คนเดียวนะ..นั่น! ตาปลอดกับลุงฉ่ำ ยายเขียวกับป้าแสง! ยืนมองเราอยู่ที่หน้าต่างประตูนั่นไง!" "ไอ้โหน่ง.." ผมคราง ปากคอแห้งผากไปถนัด "เอ็งจะเห็นได้ยังไงวะ..ก็พวกนั้นตายหมดแล้วนี่หว่า" "อ้าว? ไอ้เด่นเดินมาอีกคนแล้ว ที่มันตกน้ำตายตอนต้นปีน่ะ" ผมตัวแข็งลิ้นแข็งไปหมดจนพูดอะไรไม่ออก จ้องมองแทบตาถลนไปยังประตูรั้วก็ไม่เห็นใครที่เจ้าโหน่งเอ่ยชื่อมา..ไอ้เด่น วัยสิบขวบที่ตกน้ำตายก็ไม่เห็น! คุณพระคุณเจ้า! ผมเห็นเจ้าโหน่งยิ้มกว้างขึ้น กวักมืออย่างอารมณ์ดี "มาซีวะไอ้เด่น อยากคุยกันก็เข้ามา" มันพูดเสียง ดังก่อนจะพยักหน้าช้าๆ "เออ! งั้นก็แล้วไป" แล้วหัน มายิ้มกับผม "ไอ้เด่นมันบอกว่าวันหลัง มันรู้ว่าเอ็งกลัวมัน" เจ้าโหน่งทั้งเห็นผี ได้ยินเสียงผีด้วยหรือเนี่ย? ตอนแรกคิดว่ามันหยอกล้อผมเล่นตามประสาเพื่อนฝูง แต่วันต่อๆ มามันก็ชี้ให้ดูมะม่วงหน้าบ้านต้นนั้น..บอกว่ามีผู้หญิงที่ไหนไม่รู้นั่ง อยู่บนนั้น..ผีผูกคอตาย! "สงสัยจะตายมานานแล้ว พ่อแม่ก็ไม่ยอมเล่าให้ฟัง ตอนกลางคืนข้าเห็นแกห้อยโตงเตง กวักมือเรียกข้าไป อยู่ด้วย พอตอนกลางวันก็นั่งร้องไห้อยู่บนกิ่งใหญ่นั่นไง" ถึงจะมองไม่เห็นอะไรเลยแต่ผมก็ขนลุกซ่า..กลับบ้านไปถามพ่อ ได้ความว่าญาติข้างแม่เจ้าโหน่งมาอาศัยอยู่ ไม่นานก็ผูกคอตายมาสิบกว่าปีแล้ว..สาเหตุจากท้องไม่มีพ่อ ผมแน่ ใจว่าเพื่อนไม่ได้บ้า แต่เกิดมีญาณวิเศษหรือพรสวรรค์หลังจากโดนตีจนสลบ..คิดว่าจะห่างๆ ไปสักพักก่อน แต่อีกไม่กี่วันต่อมาเจ้าโหน่งก็ผูกคอตายที่ต้นมะม่วงริมรั้วนั่นเอง..ผีผูก คอเรียกเพื่อนผมไปอยู่ด้วยกันได้สำเร็จแล้ว! //www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREUxTURZMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdOaTB4TlE9PQ== คุณยายนวล
คุณ ยายนวล
ขนหัวลุก ใบหนาด "ปิ่นทอง" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากเทเวศร์ ซอย 1 ตั้งแต่เด็กๆ มาแล้วที่ดิฉันได้ฟังเรื่องผีมากมายนับไม่ถ้วน บางเรื่องก็ชวนให้ฉุกคิดค่ะ เช่นคนที่ขับรถชนคนตายแล้วบึ่งหนี วันดีคืนดีก็ได้กลิ่นศพในรถ หรือเห็นใครมานั่งตัวแข็งทื่ออยู่ที่เบาะหลัง...วิญญาณอาฆาตติดตามทวงหนี้ ชีวิตจนตกใจขับรถพุ่งออกนอกถนนไปเลย ยิ่งคนที่ฆ่าเขาตายยิ่งน่าขน ลุกนะคะ! ลองนึกดูซิ ถึงจะรอดตัวจากมือกฎหมายไปได้ แต่เขาจะต้องนึกถึงหน้าตาของคนที่ตัวฆ่าอยู่ตลอด นัยน์ตาที่เจ็บปวด โกรธเกรี้ยว ติดตามจ้องมองอย่างไม่ลดละ ไม่ว่าตื่นหรือหลับ...ถ้าเกิดมาโผล่ที่หน้าต่างหรือเคาะประตูเรียก มองเห็นเต็มตาจะตกใจปานใด วันดีคืนดีอาจจะนอนรออยู่บนเตียงก็ ได้...สยองค่ะ! ดิฉันเองเคยพบผีมาแล้ว แต่ก็ไม่เหมือนกับเรื่องผีที่เคยฟังมาเลย ขอยืนยันว่าเป็นประสบการณ์ที่แปลกประหลาดที่สุดในชีวิตก็แล้วกัน สมัย เด็กๆ ดิฉันอยู่เทเวศร์ ซอย 1 กับป้าขวัญ พี่สาวของพ่อ ตอนเช้าๆ จะตื่นพร้อมป้าไปใส่บาตรที่หน้าบ้านเป็นประจำ พระจากวัดนรนาถจะเดินอุ้มบาตรช้าๆ เข้าซอยมา ชาวบ้านก็ตั้งโต๊ะวางของ ใส่บาตรบ้าง ถือขันข้าวและถุงแกงหรือผัดบ้าง ถ้าใส่บาตรพระรูปเดียว ป้า ขวัญต้องตั้งโต๊ะเพราะใส่บาตรพระวันละ 3 รูป คุณยายนวลบ้านเยื้องกันจะใส่บาตรพระรูปเดียว ส่วนมากมักจะเป็นหลวงตาชื่น จนคนแถวนั้นพูดกันล้อๆ ว่าเป็นพระขาประจำ พอหลวงตาชื่นรับบาตร จากคุณยายนวลแล้ว จึงข้ามถนนมาทางบ้านเรา คุณยายนวลอายุราว 70 ปี รูปร่างแบบบาง ผมสีขาวเกล้ามวยไว้เรียบร้อย สวมเสื้อแพรแขนสั้นสีอ่อน นุ่งซิ่นสีเข้ม หน้าตาผ่องใสใจดี ใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่กับลูกหลานอย่างมีความสุข คุณยายจะยิ้มให้ดิฉันทุกเช้า บางวันรอพระก็ทักทายกับป้าขวัญ วันหนึ่งก็ได้ข่าวร้าย คุณยายนวลเป็นลมหมดสติในบ้าน ลูกหลานรีบนำส่งวชิรพยาบาล แต่พอไปถึงคุณยายก็สิ้นใจอย่างสงบ "คุณยายนวลเป็นคนดี" ป้าขวัญบอกดิฉันเสียงเศร้าๆ วันไปฟังสวดศพที่วัดมกุฏฯ "ทำแต่บุญกุศลมาตลอดชีวิต ป้าคิดว่าแกต้องไปสู่สุคติแน่นอน" "ไป สวรรค์ใช่ไหมคะ?" ดิฉันเอียงคอถาม ป้าขวัญก็พยักหน้ายิ้มๆ แทนคำตอบ...ดิฉันมองไปที่รูปถ่ายคุณยายนวลที่ตั้งอยู่หน้าโลง ดูเหมือนนัยน์ตาคู่นั้นจะจ้องมองดิฉันตลอดเวลา ปากบางๆ ติดรอยยิ้มก็ดูจะกว้างขวางขึ้นกว่าเดิม น่าแปลกที่ดิฉันไม่รู้สึก กลัวแม้แต่นิดเดียว...อาจจะเป็นเพราะเราพบกัน ยิ้มให้กันแทบทุกเช้าก็เป็นได้นะคะ วันรุ่งขึ้น เราสองคนป้าหลานก็ออกไปใส่บาตรตามเคย! ดิฉันมองไปที่บ้านคุณยายนวล ด้วยความเคยชิน เห็นแต่ประตูปิดเงียบ ไม่มีร่างเล็กบางของคุณยายมายืนอุ้มขันเงินรอใส่บาตร บางทีก็ส่งยิ้มมาให้ดิฉันอีกแล้ว... หลวงตาชื่นเดินนำหน้าพระรูป อื่นๆ เข้าซอยมา ท่าม กลางแสงแดดอบอุ่นของยามเช้า ป้าขวัญขยับตัว ดิฉันก็ยืนข้างๆ อย่างเตรียมพร้อม...ก่อนจะย่นคิ้วประหลาดใจ ภาพ ที่เห็นคือหลวงตาชื่นยืนเปิดฝาบาตร ก้มหน้านิดๆ อยู่หน้าบ้านคุณยายนวลนั่นเอง...ดิฉันสะกดแขนป้าขวัญ แต่โดนดุเสียงแหบเครือว่า...เงียบนะ! หลวงตาชื่นข้ามถนนมาที่ บ้านเราแล้ว...ป้าขวัญตักข้าวใส่บาตรด้วยมือสั่นนิดๆ ดิฉันใส่ถุงผัดพริกขิงและขนมถ้วยฟู เสียงป้าขวัญสั่นเครือถามว่า...หลวงตาแวะรับบาตรที่บ้านคุณยายนวลด้วยหรือ คะ? "เจริญพร ถูกแล้วโยม" หลวงตาตอบเสียงอ่อนโยน "อีกสองวันก็จะเผา คุณโยมนวลแล้วใช่ไหม? เจริญพร..." หลวงตาชื่นออกเดินโปรดสัตว์ต่อไป ดิฉันได้ยินเสียงป้าขวัญครางเบาๆ อยู่ในคอ มองเห็นร่างแบบบางของคุณยายนวลยืนอยู่ที่นั่น หลิ่วตายิ้มให้ดิฉันนิดๆ คล้ายจะยั่วเย้า ก่อนจะหมุนตัวกลับเดินช้าๆ หายลับไป... ขอให้ ขึ้นสวรรค์เร็วๆ นะคะ คุณยาย! //www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREUwTURZMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdOaTB4TkE9PQ== |
iamZEON
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 111 คน [?] ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ ^^/ ข่าวสารการ์ตูนญี่ปุ่น กับเกี่ยวข้องอย่างภาพยนตร์-เพลง รายชื่อการ์ตูนออกใหม่-งานหนังสือ เรื่องทั่วๆไปทั้งในและนอกประเทศก็มีบ้าง
Group Blog
All Blog
Friends Blog
Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |