กลับบ้าน
กลับ บ้าน

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"ศกุนตลา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกในคืนสวดศพ

เชื่อกันว่าเมื่อใครตายที่ไหนวิญญาณก็จะสิงสู่วนเวียนอยู่ที่นั่น จนกว่าจะมีโอกาสได้ผุดได้เกิด อันเป็นที่มาของคำว่า โค้งมรณะ, ถนนผีสิง, ชายหาดกินคน, โรงแรมผีดุ เป็นต้น

แต่หลายๆ คนก็เชื่อว่าเมื่อตายครบ 3 วัน 7 วัน วิญญาณจะกลับบ้านเพื่อเยี่ยมญาติ กับเพื่อ "เก็บรอยตีน" จะได้ลืมอดีตหมดสิ้นเมื่อถึงคราวไปเกิดใหม่

ดิฉันได้ประสบกับ เรื่องน่ากลัวเมื่อเร็วๆ นี้เอง แต่แปลกประหลาดยิ่งกว่าเรื่องวิญญาณสิงสู่อยู่กับที่ตาย กับเรื่องผีที่กลับบ้านเพื่อเยี่ยมญาติเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อตายครบ 3 วัน 7 วัน รวมทั้งเรื่องเก็บรอยตีนตัวเองอีกด้วย!

ดิฉันเป็นคนซอยระนอง ที่มีถนนสายใหญ่ด้านหน้าคือพระราม 5 มีบ้านเรือนและตึกรามคับคั่งผู้คนแน่นหนา ไม่ได้เปล่าเปลี่ยวหรือมีอะไรน่ากลัว...จนกระทั่งมีหญิงชราอายุ 70 เศษชื่อป้าจันทร์ได้เสียชีวิตอย่างสงบที่โรงพยาบาล

คิดว่าโรคชรานะคะ แม้ลูกหลานที่อยู่บ้านใกล้ๆ กันจะเล่าว่าความดันเลือดสูง เบาหวานและน้ำท่วมปอดก็ตาม

คนเราก็เหมือนเครื่องใช้ไม้สอยที่เก่าแก่เข้าก็ต้องซ่อมแซมกัน ระยะแรกก็นานๆ ครั้ง ต่อมาก็ต้องซ่อมแซมบ่อยครั้งเข้าทุกที ไม่ว่าพัดลม, ทีวี, ตู้เย็น หรือเครื่องปรับอากาศ...ในที่สุดก็ลงเอยด้วยการซ่อมไม่ไหว คือ พัง...จนต้องทิ้งไป ถ้าไม่อยากเก็บให้รกบ้าน

หรือไม่ก็เหมือนผลไม้ที่สุกงอมเต็มที วันหนึ่งก็ต้องร่วงหล่นไปเองตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ จริงไหมคะ?

พวกเราที่เป็นเพื่อนบ้านและรู้จักมักคุ้นก็ไปฟังสวด อภิธรรม มีกำหนด 3 คืนก่อนทำฌาปนกิจ

คืนแรกก็เกิดเรื่องขนหัวลุกแล้วค่ะ!

ป้าจันทร์เลี้ยงสุนัขพันทางไว้ 3-4 ตัว ส่วนมากจะเลี้ยงไว้ตั้งแต่ตัวเล็กๆ แทบทั้งนั้น

พวกมันรักใคร่และคอยเคล้าเคลียแทบทั้งวัน แม้แต่ตอนที่แกนอนเจ็บอยู่...กลางคืนพวกมันนอนนอกบ้าน แต่กลางวันป้าจันทร์จะออกมานอนแซ่วที่เตียงไม้ชั้นล่าง บรรดาเจ้าเล็บงามก็คอยพัวพันอยู่ไม่ห่าง ใครเข้าไปเยี่ยมมักจะโดนมันเห่า จนป้าจันทร์ต้องดุให้มันเข้าไปหมอบอยู่ใต้เตียง

เพื่อนมนุษย์ ชนิดแรกนี่เป็นสุนัขจริงๆ ค่ะ แถมยังรักเจ้าของ ภักดีต่อมือที่ให้ข้าวให้น้ำ...ผิดกว่ามนุษย์เนรคุณเป็นไหนๆ

น่าสังเกตที่ป้าจันทร์จะรักแต่หมาที่แกเลี้ยงไว้เท่านั้น ส่วนหมาบ้านอื่นและหมาจรจัดที่ก็วิ่งไปมาอยู่หน้าบ้าน ป้าจันทร์จะไม่ถูกชะตาเอาเสียเลย เห็นเข้าเป็นต้องไล่ตะเพิด ไม่ยอมให้เข้าประตูรั้ว หมาของแกก็ไม่ยอมให้ออกไปเล่นนอกบ้านเด็ดขาด

บางครั้งมันฉวยโอกาสเล็ดลอดออกไปได้ ป้าจันทร์รู้เข้าก็จะรีบออกไปเรียกเข้าบ้านทันที

คืนนั้นราวทุ่มเศษ พวกเราฟังสวดเสร็จก็กลับบ้าน...เสียงหมาเห่าเบาๆ มาจากประตูรั้วบ้านป้าจันทร์ พอหันไปดูก็เห็นหมาของแกรุมเห่าพวกเราอย่างทักทาย ตะกุยตะกายประตูรั้ว...ราวกับพวกมันเห็นป้าจันทร์กำลังกลับบ้านไม่มีผิด!

ดิฉันกับเพื่อนบ้านที่ไปฟังสวดศพมาด้วยกัน หันมองสบตากันโดยไม่ได้ตั้งใจ บางคนถึงกับกลืนน้ำลาย เหลียวซ้ายแลขวา หน้าตาไม่ค่อยเสบยกันทั้งนั้นแหละค่ะ ไม่ต้องพูดก็รู้ว่าพวกเราคิดตรงกันทุกคน...

พอดีมีเสียงหมาเห่าขรมมาจากหน้าบ้านถัดไป...

ฝูงหมาจรจัดราว 5-6 ตัวกำลังเห่าพลางถอยพลาง ย่อขา หางตก บ่งบอกว่าหวาดกลัวอะไรบางอย่าง...ท่าทางของพวกมันทั้งโกรธทั้งกลัว เหมือนตอนที่ป้าจันทร์ออกมาขับไล่พวกมันไม่ผิดเลย!

ถ้าไม่ใช่ วิญญาณที่กลับบ้านแล้วจะเป็นอะไรล่ะคะ?

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREF5TURjMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdOeTB3TWc9PQ==



Create Date : 04 กรกฎาคม 2553
Last Update : 4 กรกฎาคม 2553 12:33:12 น.
Counter : 513 Pageviews.

0 comment
ถ้ำนรก
ถ้ำ นรก

ขนหัวลุก

ใบหนาด



ธง ทองแดง เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากเขาใหญ่

ผมเป็นคนมวกเหล็ก สมัยก่อนได้ชื่อว่าเป็นดงพญาไฟ เพราะไข้ป่า หรือไข้มาลาเรียร้ายกาจนัก ผู้คนไม่ล้มตายก็หน้า เหลืองตัวเหลือง เพราะพิษไข้ไปตามๆ กัน ขนาดเปลี่ยนชื่อเป็น "ดงพญาเย็น" จะได้เย็นสมชื่อก็ยังไม่วาย สมัยนั้นน่ะ

ไม่ ว่าหินลับ ทับกวาง ผาเสด็จ ปากช่อง ล้วนแต่เป็นดงไข้ป่าทั้งนั้นแหละครับ เล่ากันว่าสมัยก่อนใครจะผ่านดงพญาเย็นนี่ต้องเอาหม้อใหม่คล้องคอมาด้วย...จะ ได้เอาไว้ใส่กระดูก ตัวเองส่งให้ญาติไง!

ตอนผมเด็กๆ มีถนนมิตรภาพตัดผ่าน ทำให้การคมนาคมระหว่างอีสานกับกรุงเทพฯ สะดวกง่ายดายขึ้น ยาสมัยใหม่มีมาพร้อมกับความเจริญ ไข้ป่าก็ค่อยๆ หายไป

เรื่อง ผีๆ สางๆ มีมากมายชนิดเล่ากัน 3 วัน 3 คืนยังไม่จบ จริงๆ เอ้า!

สมัย ก่อนก็ต้องประเภทเจ้าป่าเจ้าเขา ผีโขมด ผีไพร นางไม้ไปยันเสือสมิง! พวกพรานเล่ากันว่าเห็นเสือก็ยิงโป้ง มัน ร้องดังๆ ว่าโอ๊ย...! แล้วเผ่นอ้าวหายไป พอตามรอยเลือดจน ถึงกระท่อมผุพังก็เห็นผู้ชายโดนยิงเลือดสาด นอนตายอยู่ในกระท่อมนั่นเอง

บาง คนไปซุ่มโป่งนั่งห้างดักยิงสัตว์ใหญ่ตอนกลางคืน ได้ ยินเสียงหวานๆ ร้องเรียกพี่จ๋า...อ้าว? มองลงไปเห็นสาวชาวดงแสนสวยยืนเด่นอยู่ในแสงจันทร์ กวักมือเรียกหยอยๆ พลาง ยิ้มหวาน ถึงกับไต่ต้นไม้ลงไปหา เพื่อนห้ามยังไงก็ไม่ยอมฟัง

นรก! สาวสวยกลายเป็นเสือโคร่งร้องโฮก...ขย้ำคอคนชะตา ขาดไปเป็นเหยื่อทันใด เล่นเอาเพื่อนบนห้างมืออ่อนตีนอ่อน เกือบหล่นตุ้บลงไปเป็นเหยื่อเจ้าป่าซะอีกคน!

เมื่อผีป่าซาไปก็มีผี ตามถนนหนทางออกอาละวาด เห็นเดิน เทิ่งๆ กันมาหลายคน หัวแบะ หน้าเละ แขนขาขาด เลือดแดงเถือกเต็มตัว เล่นเอาร้องจ้าหาแม่...เผ่นหนีชนิดแหกป่าแหกดงมานับไม่ถ้วนราย

ไหนจะ ผีที่เขาใหญ่กับน้ำตกเหวสุวัตอีกล่ะ!

ส่วนมากตายเพราะรถชน รถคว่ำ รถตกเหว...สารพัดผีตาย โหง! บางคนเล่าว่าขับรถขึ้นไปดีๆ เห็นช้างยืนขวางหน้าก็หยุด รอ...ที่ไหนได้ล่ะจู่ๆ ช้างก็กลายเป็นผีหัวขาดไปดื้อๆ ไม่มือไม้สั่นจนขับรถตกเหวตายก็ว่าเป็นบุญกุศลเหลือหลายแล้ว

ผมเองก็ เคยเจอเรื่องขนหัวลุก ระหว่างทางที่จะขึ้นไปเที่ยวเขาใหญ่นี่เอง!

ตอนกลาง วันแสกๆ ที่พวกเราอัดเข้าไปในรถกระบะลุงชุ่มเกือบสิบคน เพิ่งจะเลี้ยวจากถนนมิตรภาพไปได้ราว 6-7 กิโลเมตร สมัยนั้นยังไม่มีแดรี่โฮมมาตั้งร้านที่ปากทางเหมือนสมัยนี้ รถรานักท่องเที่ยวก็ยังไม่หนาตานัก

รถกำลังไต่ขึ้นเนินพอดี จู่ๆ เครื่องยนต์ก็ดับไปดื้อๆ

ลุงชุ่มแก้แล้วแก้อีกก็ไร้ผล ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารถเสียเพราะอะไร? พวกเราเลยลงมาเดินเล่นแถวนั้น เสียงลมพัดหวีดหวิวตามยอดไม้เปล่าเปลี่ยว ฟังแล้ววังเวงใจบอกไม่ถูก

มอง ไปทางขวามือ ข้าวกำลังตกรวงเหลืองอร่ามอยู่ในแสงแดด ทิวเขาสลับซับซ้อนลิบๆ เบื้องหน้าคือเขาใหญ่ จุดหมายปลายทางของเรานั่นเอง นานๆ จะมีรถแล่นผ่านไปมาซักคัน...ผมมองไปทางซ้ายมือก็เห็นปากถ้ำสูงท่วมหัวอยู่บน เนินเขาสูงชัน

"ลุงๆ เราขึ้นไปเที่ยวที่ถ้ำนั่นได้มั้ยลุง? น่าสนุกดีนะ"

ลุงชุ่มมองตามแล้วแค่นหัวเราะ บอกว่าแกเคยตะกายขึ้นไปกับเพื่อนๆ สมัยหนุ่มมาแล้ว...ในถ้ำมีพระพุทธรูป มีกระดูกผีเกลื่อนกลาด แถมมีผีจริงๆ จนเผ่นกันกระเจิง

"เอ็งอยากไปก็ ได้ แต่ต้องบุกป่าปีนเขาตั้งสองวันเชียวนะ กว่าจะถึงน่ะ เห็นว่าใกล้ๆ ยังงั้นเถอะ มันหลอกตาโว้ย"

พวกผู้ใหญ่ร้องอือออไปตามๆ กัน ไม่รู้ว่าลุงชุ่มพูดจริงหรือ โกหก ผมแหงนหน้าคอตั้งบ่าด้วยความสนอกสนใจ ถามว่าผีที่ถ้ำมันหลอกยังไง?

"ไอ้พวกกองกระดูกมันลุกโงนเงนขึ้นมาน่ะ ซี ยังกะมีใครชักรอกงั้นแหละ! แต่ปากมันอ้าปะหงับๆ ตากลวงโบ๋แดงจ้า ...โธ่! ใครจะไม่เผ่นหนีจนหวิดตกเหวตายล่ะวะ"

ขาดคำแสงแดดก็เลือนหายไปใน กลุ่มเมฆหนาทึบ ลมพัดวูบมาเย็นเฉียบจนขนลุกซ่า ผมกลืนน้ำลายยากเย็น จ้องมองไปที่ปากถ้ำดูดำมืด เร้นลับน่าสยอง...คุณพระช่วย! ร่างขาวๆ ก้าวออกมายืนเด่นอยู่ที่ปากถ้ำ...ร่างของโครงกระดูกมนุษย์!

ผมพูด ไม่ออกได้แต่ชี้มือไปที่นั่น ทุกคนหันขวับ ลุงชุ่มด่าลั่น วิ่งอ้าวไปขึ้นรถสตาร์ตกระหึ่ม ทุกคนโจนพรึ่บไปอัดกันตามเดิม...นึกถึงเรื่องนี้แล้วขนหัวลุกทุกทีครับ

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREF4TURjMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdOeTB3TVE9PQ==



Create Date : 04 กรกฎาคม 2553
Last Update : 4 กรกฎาคม 2553 12:32:07 น.
Counter : 766 Pageviews.

0 comment
วิญญาณในภาพถ่าย
วิญญาณ ในภาพถ่าย

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"ไปรผดา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกของรูปภาพสาวสวยจากกองขยะ

ตอนนี้ดิฉัน กำลังขนลุกกับรูปถ่ายขาวดำของหญิงสาวแสนสวยในกรอบกระจก ที่คุณลุงดิฉันเก็บขึ้นมาจากกองขยะใกล้บ้าน!

ทุกเช้า...เช้ามืดนะคะ! ขอย้ำให้คุณๆ เห็นภาพพจน์ คุณลุงจะเดินออกกำลังกายรับอรุณถึงตลาด ถือโอกาสใส่บาตรแล้วเดินกลับ สวนกับผู้คนที่เร่งรีบออกไปทำงาน

ตอนนี้ละค่ะ ที่ท่านจะต้องเดินผ่านที่ทิ้งขยะประจำซอย ทางกทม.เขาเอาถังขยะใบมหึมาทั้ง 4-5 ใบมาวางเรียงให้แต่ก็ยังไม่พอใส่ขยะ ไม่รู้ว่าอะไรมาทิ้งกันนักหนา

กองขยะนี้เป็นขุมทรัพย์ของหลายๆ คนนะคะ อย่างพวกเก็บของเก่าและคุณลุงของดิฉันนี่แหละ ดูท่าทางสนุกเหมือนเด็กเล่นขุดหาสมบัติไม่มีผิด ท่านมีมิตรจิตรมิตรใจกับคนเก็บขยะมาก มักจะเก็บหนังสือพิมพ์เก่าๆ และเศษไม้ไว้ให้พวกเขาเอาไปขายกัน

บางครั้ง พวกนั้นจะช่วยยกฟูกอันหนักๆ หนาๆ เข้ามาให้ และช่วยกันเช็ดอย่างดี คุณป้าเห็นเข้าจะโวยวาย "โฮ้ย! เอาเข้ามาทำไม ที่นอนคนนอนตายหรือเปล่าก็ไม่รู้"

จากนั้น คุณป้าก็ออกคำสั่งเด็ดขาดให้เอาไปทิ้งที่เก่าเดี๋ยวนี้!

เรารู้ ว่าคุณลุงเก็บของจากกองขยะติดมือเข้าบ้านทุกเช้า ส่วนมากจะเป็นเศษผ้า เพราะในซอยมีโรงงานเย็บผ้าด้วย ผ้าพวกนี้ใช้ประโยชน์ได้ อย่างน้อยก็เป็นผ้าขี้ริ้วไว้เช็ดถูชิงช้าหน้าบ้านและโต๊ะหินข้างสนาม ใช้เสร็จก็ทิ้งได้เพราะเปื้อนฝุ่นและเปื้อนขี้นก

เศษผ้าพวกนี้เขาเอามาทิ้งให้เราใช้อย่างเหลือเฟือทุกวันเชียวละ

คืนหนึ่งราวๆ ตี 2 หมาบ้านเรา 4-5 ตัวพากันเห่าหอนผิดปกติจนสามีกับลูกลุกขึ้นไปเดินด้อมๆ มองๆ ภายในบ้าน เพราะเกือบแน่ใจว่ามีโจรผู้ร้ายปีนรั้วเข้ามา...แต่ถ้ามันเข้ามาแล้วหมาเห่า ขนาดนี้ มันก็คงไม่มีแก่ใจจะขโมยอะไรอีกแล้วค่ะ

ทว่าเกือบชั่วโมงผ่านไปมันก็ยังเห่ากันไม่เลิก บางทีก็ครวญคราง บางตัวก็โก่งคอหอนโหยหวน...เยือกเย็นเข้าไปถึงหัวใจ!

ลูกๆ ดิฉันเป็นสาววัยรุ่นทั้งคู่ เดินเข้ามาในห้องและกระซิบอย่างตื่นเต้นว่าเห็นคนนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ ดิฉันกับสามีตกใจ เดินไปแอบดูที่หน้าต่างห้องนอนลูก

นั่นไง! จริงด้วยซิคะ มีผู้หญิงนั่งอยู่ที่นั่นและหันหน้ามาทางเรา ผมดัดฟูยาวประบ่า เธอเอามือทั้งสองข้างเกยคาง...หมาก็เห่าอยู่รอบๆ ตัวเธอ!

ใครน่ะ? ในบ้านเราไม่มีผู้หญิงลักษณะนี้แน่นอน...ดิฉันงง ขณะเดียวก็ขนลุกซ่าขึ้นมาเฉยๆ และแล้ว ร่างของเธอก็เลือนหายไปในความมืด มันเหมือนกับพวกเราตาฝาดไปเองงั้นแหละ ลูกๆ ยังมึน ถามว่า...เอ๊ะ! หรือเราเห็นเงาไม้เป็นผู้หญิงกันแน่?

ดิฉันตอบไม่ถูก ใจหนึ่งก็คิดว่าผีหลอก แต่มาหลอกทำไมล่ะ? จะว่าเป็นผีบ้านผีเรือนก็แหม...ดัดผมซะสวยเชียว!

รุ่งขึ้น เมื่อส่งลูกๆ ไปโรงเรียนแล้ว ดิฉันก็เดินผ่านบริเวณนั้น ในใจคิดถึงเงาร่างที่เห็นเมื่อกลางดึก สงสัยจริงๆ ว่าอะไร? มาได้ไง?

ทันใดนั้น ดิฉันก็ได้คำตอบ!

ไม่ยากเลยค่ะที่จะไขปริศนา เพียงแค่ปรายตาไปตรงชั้นที่วางกะละมังซักผ้าใกล้ๆ กับโต๊ะหินนั่นแหละ ดิฉันเห็นกรอบรูปกว้างราวหนึ่งฟุต ยาวสักฟุตครึ่ง เป็นกรอบไม้ติดกระจกใส...

ภายใต้กรอบเป็นภาพขาวดำของหญิงคนหนึ่งสวยมาก เธอคงถ่ายรูปนี้ที่ร้านถ่ายรูป และตั้งท่าอย่างดี...เป็นท่าที่เธอเบือนหน้ามาอมยิ้มข้ามไหล่ ใบหน้าหวานละมุนแบบน้องนางบ้านนา อายุไม่น่าจะเกิน 20 ปี ตาโตและใส่ขนตาปลอม ผมดัดฟูยาวประบ่า

ไม่ต้องสงสัยเลย เธอคือผู้ที่มานั่งเกยคางตรงโต๊ะหินตัวนี้เมื่อคืนแน่ๆ และกรอบรูปนี่...เห็นแล้วทำให้นึกถึงรูปตั้งหน้าศพ!

ดิฉันรีบขึ้นไปหาคุณลุง ถามว่าเก็บรูปนี้มาใช่ไหม? ท่านยิ้มแล้วเอานิ้วชี้แตะปาก...อย่าเอ็ดไป เดี๋ยวป้ารู้! แหม...เห็นรูปสาวสวยละหยิบเข้าบ้านปุ๊บเลย...ดิฉันว่าญาติพี่น้องเขายังเอา รูปมาโยนทิ้ง นี่แปลว่าผู้หญิงคนนี้ต้องไม่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้แล้ว เผลอๆ เธอคงเป็นผี และผีดุด้วย! ดุซะจนญาติขยาด ไม่อาจจะเอารูปเก็บไว้ในบ้านได้

ดูซิคะ...ที่ซอกมุมกรอบรูปน่ะมีผงขี้เถ้าจากรูป และมีรอยน้ำตาเทียนอีกด้วย! มันแหลว่าอะไรคะ? คุณลุงหุบยิ้ม ตามองสาวสวยอย่างแสนเสียดาย ดิฉันเลยเล่าว่า เมื่อคืนน่ะเห็นเธอมานั่งอยู่ตรงนี้ ถ้ายังขืนเอาไว้คืนนี้เธอไปนั่งบนเตียงคุณลุงแน่!

เท่านั้นแหละ คุณลุงเรียกเด็กให้เอารูปใส่ถุงไปทิ้งขยะตามเดิม...ขนลุกค่ะ!

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPRE13TURZMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdOaTB6TUE9PQ==



Create Date : 04 กรกฎาคม 2553
Last Update : 4 กรกฎาคม 2553 12:31:40 น.
Counter : 641 Pageviews.

0 comment
เพิงผีสิง
เพิง ผีสิง

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"คนซอย 5" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกในคืนฝนถล่มกรุงเทพฯ

เขาว่าคนที่โดนผีหลอก มักจะอยู่ในที่เปลี่ยวๆ คนเดียว แต่ผมเคยเจอะเจอกับภาพสุดสยอง น่าขนลุกขนพอง ทั้งๆ ที่อยู่ริมถนน มีผู้คนไม่ใช่น้อยๆ ด้วยซ้ำ...เหตุเกิดในคืนฝนตกใหญ่ ถล่มกรุงเทพฯ จนน้ำท่วมแทบทั้งเมืองเมื่อราวสี่ปีก่อนนี่เอง!

ปีนั้นฝนตกหนัก เหลือเชื่อ จังหวัดใกล้ๆ อย่างอยุธยา อ่างทอง ปทุมธานี นนทบุรี มีทั้งโดนน้ำท่วมบ้าน ทั้งขาดอาหารและเจ็บไข้ได้ป่วยสารพัดอย่าง

ยิ่ง แถวพระรามหก บางอ้อ บางพลัด ชาวบ้านที่อยู่ริมน้ำต้องเดือดร้อนมากกว่าคนที่อยู่ชั้นในๆ เพราะต้องหนีน้ำขึ้นไปอยู่ชั้นสอง ข้าวของที่ขนหนีน้ำไม่ทันก็เสียหายป่นปี้ ไหนจะมีสัตว์ร้ายที่มาตามน้ำเช่น งู ตะขาบ ขบกัดเอาอีกต่างหาก

โจร ผู้ร้ายชักอาละวาดเพราะเดือดร้อนจนหน้ามืดบ้าง เพราะสันดานโจรบ้าง

อ้าว? ภูตผีปีศาจก็พลอยโห่ร้องผสมโรงออกมารังแกผู้คนเป็นว่าเล่น...ที่ซอยร่วมศิริ มิตร หรือวิภาวดี 3 ถือว่าอยู่ในตัวเมืองแท้ๆ ยังไม่วายเกิดเรื่องสยองขวัญในคืนฝนตกเหมือนฟ้ารั่ว แทบจะถล่มกรุงเทพฯ ให้กลายเป็นเมืองบาดาลไปโดยพลัน!

เย็นนั้นผมเดินทอดน่องออกจากบ้านไป ดูตลาดนัดขนาดย่อมที่สี่แยก เชื่อมระหว่างหมู่บ้านสองแห่ง ขายอาหารสด แห้ง ผลไม้ เสื้อผ้าและเครื่องสำอาง บรรดาลูกค้าก็คนในละแวกนั้นแหละครับ

มา จากซอย 3 บ้าง ซอย 5 บ้าง มีพนักงานจากโรงงานของเล่นขนาดใหญ่ ซื้อของไปแกล้มเหล้า พวกปลาเผา หัวหมู หอยแครง หอยแมลงภู่ลวก ส้มตำ น้ำตก ลาบและซุบหน่อไม้ขายดีมาก ข้าวเหนียวกับหมูปิ้ง ปีกไก่ปิ้ง แม้แต่โรตีก็ขายดีเช่นกัน

ตรงหัวมุมสี่แยกไปซอย 3 มีเพิงเล็กๆ ใต้ร่มไผ่เป็นวินมอเตอร์ไซค์ แผงขายหวยบนดิน และที่นั่งเล่นนอนเล่น รวมทั้งเป็นที่ตั้งวงเหล้าในตอนเย็นๆ ค่ำๆ อีกด้วย

เกิดมาผมก็เพิ่ง เคยเห็นเพิงพักแปลกประหลาดที่สุดตรงนี้เอง!

เป็นไม้กระดานที่ปูบนยาง รถยนต์เก่าๆ ซ้อนกัน มียอดไผ่โน้มลงมาคลุมหลังคาสังกะสีขึ้นสนิมอีกที ทางด้านที่จะไปซอย 3 หมาดุจนคนกลัวหมาไม่กล้าเดินผ่าน

จู่ๆ ฝนก็เทโครมลงมา ผู้คนแตกฮือ พ่อค้าแม่ค้าเก็บของกันจ้าละหวั่น ผมวิ่งไปตั้งหลักที่ร้านสะดวกซื้อตรงสี่แยก ตอนแรกคิดว่าฝนไล่ช้าง แต่ไม่ใช่หรอกแฮะ มันกระหน่ำเกือบชั่วโมงแน่ะ ผู้คนหายเกือบหมด แสงไฟดูเยือกเย็น น้ำท่วมถนนเกือบถึงเข่า

ผมไม่อยากลุยน้ำกลับ บ้านเลยสั่งเบียร์มาดื่ม มองดูพวกวินมอเตอร์ไซค์เข้าไปหลบฝนในเพิง 2-3 คน รอให้น้ำลด แต่ไม่ช้าฝนที่ซาไปหน่อยก็กระหน่ำลงมาอีก

คราวนี้มี เสียงตะโกนกันว่ากลับบ้านดีกว่า...มีคนว่าไปใกล้ๆ แถวจตุจักรหรือสะพานควาย ถ้าไปทางลาดพร้าวหรือวิภาวดีไม่มีใครยอมไป ไม่ว่าจะให้ค่าจ้างเท่าไหร่ก็ตาม...รถเสียเพราะน้ำเข้าเครื่องไม่คุ้มกัน ครับ!

พวกเขาบอกว่าฝนตกหนักแบบนี้หาเงินได้สี่ห้าร้อยบาทในเวลาไม่ นาน พี่คำขับรถลุยน้ำไปส่งผู้หญิงที่ปากซอย 3 ในราคาที่ปกติ 10 บาท แต่คราวนี้ได้ถึง 50 บาท...แกบอกว่าที่วิภาวดีรถไม่ขยับเลย ไม่รู้ว่าผู้หญิงนั่นจะหารถไปต่อได้ยังไง?

ผมชวนดื่มเบียร์ด้วย กัน พี่คำยกมือท่วมหัว ซดเบียร์แล้ววางแก้วบนลังน้ำแข็งหน้าร้าน ลุยน้ำออกไปคุยกับลุงยาม อพาร์ตเมนต์ที่กลางถนน ลุงยามใจแข็งครับ ไม่ยอมดื่มเบียร์เลย อ้างว่าไม่เหมาะเพราะเป็นเวลาทำงาน

พี่คำเดิน เข้ามาเติมเบียร์ มองไปทางเพิงที่เห็นชัดอยู่ในแสงไฟเยือกเย็น ร้องว่า...ไอ้ม้งกับไอ้สาคงรถเสียละมั้ง? นั่งจับเจ่าเป็นลิงติดเกาะกันอยู่สองคน! ผมมองตามแล้วหัวเราะ พี่คำเมาจนตาฝาดแล้วเรอะ? แค่เบียร์สองแก้วเอง เพราะที่นั่นไม่มีใครซักคน! แถมยังเห็นว่าใครเป็นใครอีกแน่ะ...แกขยี้ตาแล้วจ้องมอง ก่อนสะบัดหน้างุนงง

"มี ซีคุณ! ไม่ใช่ไอ้ม้งไอ้สาหรอก ใครไม่รู้ นั่นไง..." แกชี้มือยืนยัน ผมกับลุงยามก็มองตาม เอ๊ะ! เห็นใครนั่งกอดเข่าก้มหน้าชัดเจนอยู่ในแสงไฟจริงๆ ด้วย!

"ใคร หว่า..." ผมพึมพำ แทบไม่ขาดคำ ร่างนั้นก็โดดลงมาจากเพิง ยืดตัวขึ้นยืนตรง...แสงไฟส่องให้เห็นชัดเจนว่ามันไม่มีหัว! เราร้องเฮ้ยๆๆ ขณะที่ร่างนั้นเดินผ่านร้านที่เปิดไฟสว่าง หมาฝูงใหญ่เห่าขรมก่อนจะหอนโหยหวน เยือกเย็นเข้าไปถึงหัวใจ

พี่คำ กระโจนขึ้นจากถนนเจิ่งน้ำมาหาลุงยาม ผมเผ่นลงน้ำวิ่งโครมครามจนน้ำกระจายกลับบ้าน...นึกๆ แล้วเจ็บใจ ทีคนไปหลับนอนมาเป็นปีๆ ไม่รู้จักหลอก ดันเกิดจะมาเฮี้ยนเอาตอนคืนฝนตกหนักนี่เอง...น่ารื้อเพิงทิ้งชะมัดเลยครับ!

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREk1TURZMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdOaTB5T1E9PQ==



Create Date : 04 กรกฎาคม 2553
Last Update : 4 กรกฎาคม 2553 12:31:11 น.
Counter : 669 Pageviews.

0 comment
วิญญาณ เจ้าที่
วิญญาณ เจ้าที่

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"แจ้ว" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากเรือนหอน้องสาว ดิฉันไม่ใช่คนกลัวผี เพราะไม่เชื่อว่าผีมีจริง จนกระทั่งโดน ดีเข้ากับตัวเองอย่างจังๆ ไม่หัวใจวายตายก็ถือว่าโชคดีแล้วค่ะ

สาเหตุมาจากญาติชื่อนกเพิ่งแต่ง งาน และดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ที่เรือนหอหลังงามย่านพุทธมณฑล แต่วิมานของคู่บ่าวสาวก็ล่มสลายเมื่อเวลาผ่านไปเพียง 3 วัน

คืน นั้นดิฉันจำได้ กลางดึกของวันเสาร์ กำลังดูทีวีเพลินๆ ก็มีเสียงบีบแตรลั่น...เสียงรถของนกแน่ๆ บ้านพ่อแม่นก หรือนัยหนึ่งคือคุณลุงคุณป้าของดิฉันที่อยู่บ้านติดๆ กัน เสียงพูดจาเอะอะทำให้ดิฉันลงไปดู

ปรากฏว่านกกับสามีกำลังเล่า เรื่องอะไรสักอย่างให้พ่อแม่เธอฟัง...นกตื่นเต้นตกใจ หน้าซีดปากสั่น บอกว่าโดนผีหลอกมาน่ะ!

ดิฉันหัวเราะเพราะไม่เชื่อเรื่องผี...สรุปว่า นกเป็นห่วงบ้านแต่ไม่กล้าไปอยู่ ดิฉันรับอาสาไปนอนเฝ้าบ้านให้! ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ยังอยู่ที่นั่นครบครัน

สายๆ วันอาทิตย์ นกกับสามีก็ขับรถนำหน้ารถดิฉันไปที่บ้านนั้นเพื่อขนเสื้อผ้าออกมา เธอเป็นห่วงว่าดิฉันจะอยู่คนเดียวได้หรือ? ดิฉันตอบว่าได้สิ...ผีจะไม่หลอกคนที่ไม่กลัวผี จริงมั้ย?

เมื่อทั้ง คู่กลับไป ดิฉันรู้สึกสบายๆ ยามบ่ายนั้นแสงแดดเจิดจ้า ดิฉันเปิดแอร์และเอาเครื่องดูดฝุ่นมาทำความสะอาดบ้าน

คู่แต่งงานคู่ ใหม่นี้ จ้างคนมาทำความสะอาดแบบเช้ามาเย็นกลับ เฉพาะวันจันทร์ พุธ ศุกร์ เท่านั้น ดิฉันจึงครองบ้านอย่างเสรี ดูดฝุ่นไปก็เปิดเครื่องเสียงซะลั่นบ้าน

ขณะดูดฝุ่นเพลินๆ ไฟก็ดับ เครื่องเสียงและเครื่องดูดฝุ่น รวมทั้งแอร์หยุดทำงานไปชั่วขณะ สรรพสิ่งเงียบกริบลงฉับพลัน ดิฉันชะงักงันไม่ถึงอึดใจไฟก็มา...เครื่องไฟฟ้าทุกอย่างกระตุกเล็กน้อยเพื่อ เดินเครื่อง ก่อนทำงานของมันต่อไป

ตกใจนิดๆ แต่ไม่คิดอะไรมาก...นี่หรือเปล่านะ ปรากฏการณ์ผีหลอกที่นกกลัว? ไฟอาจจะดับๆ ติดๆ ทำให้เธอผู้ขวัญอ่อนผวา แต่ไม่ใช่เราแน่!

ค่ำนั้นดิฉันจัดการ ทำอาหารฝรั่งกินเอง...สเต๊กเนื้อสันกับสลัดผัก แต่เอ๊ะ! ไม่ได้ทอดปลาเค็มสักหน่อย ทำไมมีกลิ่นเหมือนปลาเค็มไหม้ๆ เหม็นอบอวล...มันคลุ้งอยู่ในบ้านจนต้องเปิดหน้าต่างประตูโล่งโจ้ง แถมเปิดพัดลมไล่กลิ่น

เมื่อมาดูทีวี จังหวะหนึ่งที่หันไปขยับหมอนอิง มีเงาดำๆ ผ่านจากด้านซ้ายไปด้านขวาเหมือนมีใครเดินผ่านดวงไฟที่เปิดอยู่ทำให้เกิดเงา ขึ้น

ดิฉันหันขวับ ไม่ได้คิดว่าเป็นผีหรอกค่ะ แต่เมื่อหันไปก็ไม่เห็นใคร ในที่สุดก็เดินดูรอบบ้านรวมทั้งชั้นบน ว่าเราอยู่ลำพังจริงๆ เมื่อแน่ใจแล้วก็ล็อกกลอนประตูทุกด้าน บ้านนี้มีหลายห้องซะด้วย...นึกว่าถ้าเลี้ยงหมาเล็กๆ ไว้เป็นเพื่อนก็คงจะดี

ไฟ ดับอีกแล้วค่ะ!!

ดิฉันกำลังยืนคว้างอยู่กลางห้อง ตามืดบอดไป 2-3 วินาทีก็ชินกับความมืด และแล้วไฟก็ติด สว่างจ้า...มันกะพริบๆ ทุกดวงในบ้าน ทำให้บรรยากาศน่าสะพรึงกลัว...หลังจากกะพริบวูบๆ วาบๆ อยู่พักหนึ่งมันก็เปล่งแสงสว่างจ้า...

...จ้าขึ้น จ้าขึ้นจนน่ากลัวว่าหลอดจะระเบิด แต่แล้วก็หรี่ลงสู่ระดับปกติ

เสียง น้ำในครัวเปิดซ่า! เดินไปดูก็เห็นมันเปิดอยู่จริงๆ ค่ะ สงสัยก๊อกหลวม แต่พอทดลองเปิดมันก็ดีนี่คะ ดิฉันเปิดปิด ลองใหม่อีกที มันก็ปกติดีทุกอย่างเลย...

ไฟดับวูบขณะที่ยังจับก๊อกอยู่ ดิฉันกลั้นใจรอ...เดี๋ยวมันก็คงติด! แต่ไม่ติดค่ะ ไฟดับคราวนี้นานเหมือนกัน ดิฉันเช็ดมือกับผ้าขนหนูที่แขวนไว้ข้างๆ น้ำจากก๊อกทำเอาเปียกไปหมด...ทันใดนั้น ดิฉันรู้สึกว่ามีอะไรแกว่งอยู่ใกล้ๆ หัวไหล่ พอหันไปดูก็เห็นภาพนั้นเต็มตา...ภาพที่ทำให้หวิดช็อกคาที่!

สิ่ง ที่เขี่ยอยู่แถวไหล่ มันเป็นเท้าคนค่ะ! เท้าที่ลอยอยู่ในอากาศทั้งสองข้าง ดูซีดขาวจนน่ากลัว...มองไล่ขึ้นไปเป็นขา มันกำลังแกว่งไปมาน่าสยดสยองสิ้นดี

นี่ มันขาคนผูกคอตายชัดๆ นี่นา!!

ไม่ต้องรออะไรแล้ว ดิฉันเผ่นออกจากบ้านได้ยังไงไม่รู้ วิ่งไปบ้านข้างๆ ร้องเรียกให้เขาช่วย ผู้คนตกอกตกใจกันใหญ่ แต่ก็รีบมาช่วยเหลือ เป็นเพื่อนไปหยิบกุญแจรถในบ้าน และปลอบขวัญให้หายตกใจอยู่ตั้งนาน กว่าดิฉันจะขับรถกลับบ้านตัวเองได้

ว่า กันว่าเป็นวิญญาณเจ้าที่...แต่ดิฉันเชื่อเรื่องผีเต็มร้อยแล้วละค่ะ!

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREk0TURZMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdOaTB5T0E9PQ==



Create Date : 04 กรกฎาคม 2553
Last Update : 4 กรกฎาคม 2553 12:30:44 น.
Counter : 664 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  

iamZEON
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 111 คน [?]



ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ ^^/

ข่าวสารการ์ตูนญี่ปุ่น
กับเกี่ยวข้องอย่างภาพยนตร์-เพลง
รายชื่อการ์ตูนออกใหม่-งานหนังสือ
เรื่องทั่วๆไปทั้งในและนอกประเทศก็มีบ้าง
New Comments
Group Blog
All Blog
MY VIP Friend