|
ชาติโน้น ชาตินี้ ชาติหน้า
ถ้าจะมีรางวัลอีกสาขาที่ผมอาจจะเหมาะควรจะได้ ก็คงเป็นสาขาการใช้ภาพประกอบจาก FWD mail ยอดเยี่ยม เอิก..
รูปนี้เช่นกัน ผมชอบ มันสวยดี แต่ไม่ทราบว่าต้นทางที่มาเป็นฝีมือใคร ที่แน่ๆ ไม่ใช่ผมถ่าย และก็ต้องคารวะเจ้าของไว้ ณ ที่นี้
มีผู้อ่านท่านนึงหลังไมค์ไปถามว่า.. ''สนใจเรื่องการกลับชาติมาเกิด'' เคยอ่านที่พระหลายรูปกล่าวถึงการเวียนว่ายตายเกิด โดยส่วนตัวยังไม่เชื่อร้อยเต็มแต่ก็คิดว่าอาจจะมีจริงเท่านั้น แล้วคุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับการกลับชาติมาเกิดคะ?ขอบคุณค่ะ
เรื่องคนเราเกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิดใหม่อีกจริงหรือไม่ เป็นหนึ่งในหัวข้อที่คนสนใจมากที่สุด เวลาคุยกันเรื่องศาสนา
ถ้าตอบคุณตรงๆ ผมเชื่อครับ เชื่อโดยการไตร่ตรองมาแล้วด้วย ตอบแบบกำปั้นทุบดิน..เพราะผมเชื่อในพระพุทธเจ้า ผมเชื่อว่าท่านไม่เคยพูดในสิ่งที่เกินจากความจริง
สองพันห้าร้อยกว่าปีก่อน ท่านบอกไว้ว่า ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์
สองพันห้าร้อยกว่าปีที่ผ่านมา มีปีไหนที่ความรัก ไม่ทำให้คนทุกข์เลย มีไหมครับ
ท่านบอกว่า สิ่งทั้งหลายที่เกิดขึ้น ย่อมดับไปเป็นธรรมดา ท่านบอกว่า สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นเพราะเหตุและปัจจัย เมื่อเหตุและปัจจัยดับ สิ่งนั้นย่อมดับไปด้วย
คุณอาจจะแย้งในใจว่า อันนั้นฟังดูปรัชญา ไม่น่าเกี่ยวนะคุณแอสตัน
งั้นผมพูดใหม่.. คุณเชื่อไหม ว่า.. พระพุทธเจ้าพูดเรื่องเซลส์ตั้งแต่สองพันห้าร้อยปีก่อน ตั้งแต่สมัยที่ยังไม่มีใครรู้จักกล้องจุลทรรศน์
ไปถามผู้รู้เรื่องพระไตรปิฎกดูนะครับ
พระพุทธเจ้าแจกแจงเรื่องโลก จักรวาล ได้ถูกต้อง ตั้งแต่ครั้งกระโน้น ตั้งแต่ยังไม่มีใครเคยออกไปนอกอวกาศ ตั้งแต่สมัยที่ฝรั่งยังเชื่อว่าโลกแบน
พระพุทธเจ้า เคยพูดถึงกำเนิดของชีวิต ว่าจะเริ่มมาจากเซลส์เล็กๆในครรภ์มารดา แล้วมีวิญญานมาจุติลงในเซลส์นั้น
สมัยนั้นก็เหมือนสมัยนี้แหละ.. ใครที่ไม่เชื่อในพระพุทธเจ้า ก็คงคิดว่าท่านโม้ เหมือนที่หลายคนในวันนี้ไม่เชื่อว่า ท่านมีญานทัศนะ เห็นอดีต ปัจจุบัน อนาคต
เคยมีน้องๆ แย้งผมว่า.. อ้าว.. ก็ท่านเป็นผู้สอนกาลามะสูตร ไม่ให้เชื่อเพียงเพราะเขาเป็นอาจารย์ แต่ให้ไตร่ตรองไคร่ครวญดูก่อนไง
งั้นมาไคร่ครวญกันอีกสักหน่อย.. อย่าเพิ่งเบื่อละกัน
ใครเคยอ่านงานของพี่ดังตฤณบ้างครับ ท่านผู้นี้เป็นผู้มีความสามารถในการอธิบายเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดได้ ชนิดหาใครเทียบยาก
ในหลายๆครั้ง หลายๆคราว ท่านอธิบายว่า .. ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาที่ตั้งบนความเชื่อ เรื่องของเหตุและผล
เราเชื่อว่า.. ทุกอย่างในโลกนี้เกิดขึ้นเพราะเหตุ ไม่เหตุใดก็เหตุหนึ่ง ถ้าไม่มีเหตุ จะไม่มีผลที่เราเห็น ไม่มีควันอะไรเกิดขึ้นเฉยๆ โดยไม่มีไฟ หรือที่มา
พุทธแท้ๆ เราไม่เชื่อเรื่องความบังเอิญนะครับ ต้องเชื่อแบบนี้เป็นหลักให้ตรงกันก่อน ..
แล้วเราลองมาสังเกตว่า .. ทำไมคนเราเกิดมามีชีวิตพิสดารต่างกันได้หลายหลาก
ทำไมบางคนเกิดมาโชคดีตั้งแต่เกิดจนตาย ขณะที่บางคนโชคร้ายตั้งแต่ลืมตา จนตายก็ยังไม่มีที่เผา ทำไมบางคน เกิดมาโคตรจน แต่ยิ่งแก่ยิ่งรวย บางคนเกิดมาโคตรรวย แต่ยิ่งแก่ ยิ่งจน
ทำไมบางคนผิวพรรณผุดผ่อง หรือหมองคล้ำ ต่างจากพี่น้อง บางคนพ่อแม่สูง ลูกเตี้ย บางคนพ่อแม่เตี้ย ลูกสูง
ทำไมบางคนโชคดีทุกอย่าง แต่โชคร้ายเรื่องสุขภาพ หรือคนรัก อย่างเพื่อนผมท่านนึง เกิดในตระกูลที่ดี มีสัมมาทิษฐิ ร่ำรวย บ้านใหญ่ยังกะวัง ไม่ต้องทำงานก็มีกินสุขสบายไปตลอดชาติ ตัวเองก็เป็นคนดี มีศีล มีธรรม มีน้ำใจ
แต่อยู่มาวันนึง ก็ป่วยเป็นโรคประหลาด มีอาการอ่อนเพลียโดยไม่รู้สาเหตุ ต้องนอนซม รักษายังไงก็ไม่หาย ไปหาหมอที่เก่งที่สุดในประเทศมาครบทุกโรงพยาบาลแล้ว ก็ไม่มีคำอธิบายถึงสาเหตุ
อะไรจำแนกชีวิตคนเราให้พิสดารได้ขนาดนั้น
จะบอกว่ามันเป็นเรื่องของ "ความบังเอิญ" ก็พูดได้ แต่ลองนึกดูดีๆเถอะ คนเรามันจะบังเอิญกันได้บ่อยขนาดไหน
คำตอบง่ายๆ แต่มีน้ำหนักชัดเจนกว่า ในทางพุทธ คือมันเป็น "กรรม"
ส่วนมากพูดว่า "กรรม" เราจะรู้สึกถึงความหมายในทางไม่ดี เวลาบอกว่าคนนั้น คนนี้โชคดี เราเรียกว่า "มีบุญ" เวลาบอกว่าคนนั้น คนนี้โชคร้าย เราเรียกว่า "มีกรรม"
ที่จริงแล้ว กรรม แปลว่า การกระทำ เฉยๆเลยครับ ทำเรื่องดี ก็เรียกว่าทำกรรมดี ทำเรื่องไม่ดี ก็เรียกว่าทำกรรมชั่ว
ถ้าเราเชื่อว่า ทุกอย่างเป็นผลมาจากเหตุ ก็ต้องเชื่อว่า การเกิดในตระกูลดี ก็เพราะมีกรรมดี เป็นเหตุที่ส่งเสริมเขาให้ได้ผลนั้น การเกิดในตระกูลไม่ดี ก็เพราะมีกรรมไม่ดี เป็นเหตุที่ส่งเสริมเขาให้ได้ผลนั้น
การเกิดมามีรูปร่างสมบูรณ์งดงาม ก็เพราะมีกรรมดีเป็นเหตุที่ส่งเสริมเขาให้ได้ผลนั้น
การเกิดมาไม่สมบูรณ์ ไม่งดงาม ก็เพราะมีกรรมไม่ดีเป็นเหตุที่ส่งเสริมเขาให้ได้ผลนั้น
ฉะนั้น ถ้าไม่มีชาติก่อน จะเอาเหตุที่ไหน มากำหนดชาติกำเนิดคนตั้งแต่ต้น
มาถึงตรงนี้..จะบอกว่า.. กรรม มี 2 ส่วนนะครับ ส่วนที่เป็นกรรมเก่า ทั้งจากชาติก่อนๆ และอดีตของชาตินี้ กับกรรมปัจจุบัน
อยากบอกว่า.. คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อเรื่องชาติที่แล้ว ชาติหน้าก็ได้ ถ้าคุณเชื่อเรื่องกรรม เชื่อว่าทำกรรมดี ให้ผลดี ทำกรรมชั่ว ให้ผลชั่ว แล้วคุณฝักไฝ่ในการทำความดี ละเว้นความชั่ว ก็เท่ากับคุณเดินบนทางที่ถูกต้องแล้ว
ธรรมชาติเขาทำให้เราลืมเรื่องเก่าจากอดีตชาติ ก็ดีแล้ว เพราะพระพุทธเจ้าท่านสอนให้เราอยู่กับปัจจุบัน เป็นสำคัญ
เพราะ.. ขึ้นชื่อว่า "อดีต" ไม่ว่าจะของชาติก่อนโน้น หรือชาตินี้ มันก็คืออดีต เราทำอะไรกับมันไม่ได้หรอก
เหมือนเมื่อวาน คุณเอารถไปเฉี่ยวเสาไฟฟ้าหน้าบ้าน อันนั้นเป็นความซุ่มซ่ามในอดีต ที่เราย้อนไปทำอะไรไม่ได้
หน้าที่เราปัจจุบัน คือดูแลแจ้งประกัน แล้วก็วางแผนเอารถไปทำสี ไม่ต้องโกรธตัวเอง ที่ซุ่มซ่าม เอาแค่มีสติรู้ว่าควรรีบทำอะไรต่อไป
ไม่ต้องฟูมฟาย รู้สึกหงอย เพราะทำรถสีถลอกมาแล้วห้าสิบรอย ไม่ต้องแม้กระทั่งไปกังวลว่า พรุ่งนี้ ฉันจะเฉี่ยวเสาไฟฟ้าต้นเดิมไหม แต่เอาเป็นว่า คราวหลังตั้งสติให้ดีทุกครั้ง เวลาอยู่หลังพวงมาลัย
ฉันใดฉันนั้น.. ชาติก่อนก็ช่างมัน ชาติหน้า ก็ช่างมัน อยู่กับชาตินี้ให้ดีที่สุด..พอแล้ว พระพุทธเจ้าใช้คำว่า จงอยู่ด้วยความไม่ประมาท คือให้เรามีสติ
ที่เราเห็นคนพูดว่าไป "ปฏิบัติธรรม" ไป "วิปัสสนา" ไป "ภาวนา" ฯลฯ ทั้งหมด ว่ากันโดยแก่นแท้แล้ว พูดเรื่องเดียวกัน คือการฝึกมีชีวิตอยู่ด้วยความมีสติ
พูดถึงตรงนี้ รับรองมีอีกหลายคนงง เพราะส่วนมากคิดว่า การปฏิบัติธรรม วิปัสสนา แปลว่านั่งสมาธิ
ส่วนมากเข้าใจว่า การปฏิบัติธรรมเป็นกิจกรรมที่ทำเฉพาะในวัด
ไว้บล็อคหน้า จะเล่าว่า.. ที่จริงแล้วมันเป็นยังไง
ขอไปเตรียมรายการบ่ายนี้ก่อนนะครับ
Create Date : 06 มกราคม 2550 |
Last Update : 8 มีนาคม 2554 0:07:54 น. |
|
28 comments
|
Counter : 1304 Pageviews. |
|
|
|
โดย: jengly IP: 125.24.153.143 วันที่: 6 มกราคม 2550 เวลา:11:53:32 น. |
|
|
|
โดย: run to me วันที่: 6 มกราคม 2550 เวลา:13:45:29 น. |
|
|
|
โดย: ดำรงเฮฮา วันที่: 6 มกราคม 2550 เวลา:17:39:02 น. |
|
|
|
โดย: อรุ IP: 58.9.30.89 วันที่: 6 มกราคม 2550 เวลา:17:55:26 น. |
|
|
|
โดย: law of nature (law of nature ) วันที่: 6 มกราคม 2550 เวลา:21:13:32 น. |
|
|
|
โดย: Tony KooN (tk_station ) วันที่: 6 มกราคม 2550 เวลา:23:02:06 น. |
|
|
|
โดย: มะลิ IP: 58.8.92.115 วันที่: 6 มกราคม 2550 เวลา:23:16:00 น. |
|
|
|
โดย: อุนากัณ วันที่: 7 มกราคม 2550 เวลา:0:02:45 น. |
|
|
|
โดย: อุนากัณ วันที่: 7 มกราคม 2550 เวลา:0:05:04 น. |
|
|
|
โดย: นักรักโลกมายา (นักรักโลกมายา ) วันที่: 7 มกราคม 2550 เวลา:1:33:09 น. |
|
|
|
โดย: NNN IP: 72.89.197.24 วันที่: 7 มกราคม 2550 เวลา:8:55:10 น. |
|
|
|
โดย: แจงเอง (jme ) วันที่: 7 มกราคม 2550 เวลา:10:39:32 น. |
|
|
|
โดย: aston27 วันที่: 8 มกราคม 2550 เวลา:8:49:16 น. |
|
|
|
โดย: ตี๋น้อย (Zantha ) วันที่: 8 มกราคม 2550 เวลา:11:54:18 น. |
|
|
|
โดย: Life's like that IP: 202.91.23.1 วันที่: 8 มกราคม 2550 เวลา:14:21:08 น. |
|
|
|
โดย: อรุ IP: 58.9.26.74 วันที่: 9 มกราคม 2550 เวลา:1:53:49 น. |
|
|
|
โดย: Mr.Thongthip Kanokhong IP: 124.122.156.116 วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:16:28 น. |
|
|
|
โดย: ยุ้ย IP: 115.67.28.249 วันที่: 5 มีนาคม 2554 เวลา:14:48:44 น. |
|
|
|
| |
|
|
เห็นด้วยค่ะ
ชาติหน้าช่างมัน เอาชาตินี้ไว้ก่อน
กลับมาแล้วค่ะ ไม่ได้เข้ามาหลายวัน
ความขี้เกียจเข้าสิง กับความเซ็งๆ หลายอย่าง
แต่เข้ามาแล้วก็ได้อะไรอ่าน ได้อะไรดีๆ กลับไปให้คิดเสมอ
ขอบคุณนะคะ
ปล.บล็อกแกงก์เขาเป็นอะไรเนี่ย log in แล้ว แต่โพสไม่ได้ ต้องโพสแบบไม่มี log -"-