Group Blog
 
All blogs
 
ความสุขของกะทะ



(รูปจากไดอารี่เพื่อนคนนึง ที่เจ้าตัวคงไม่หวง)

ไม่ได้จะมาล้อเลียนหนังสือระดับซีไรท์หรอกนะครับ

แค่นั่งฟังซีดีหลวงอาสอนเรื่องความสุขแบบโลกๆ ตอนขับรถไปทำงาน แล้วรู้สึกอย่างนั้น

รู้สึกว่าตัวเองเป็นกะทะ

กะทะ อย่างที่ทราบว่า มันเป็นอุปกรณ์สำคัญในการทำครัว
แต่เวลามันจะโดนใช้งานที หรือพูดหรูๆ ก็ว่า จะได้สัมผัสของอร่อย
มันเป็นต้องจับตั้งบนไฟให้ร้อนซะก่อน

แถมยังได้เกลือกกลั้วกับอาหารอร่อยๆชั่วประเดี๋ยวประด๋าว
ทั้งๆที่ อุตส่าห์ทนร้อนอยู่ตั้งนานสองนาน

ผมเห็นตัวเองเป็นแบบนั้นเหมือนกับมนุษย์ทั่วๆไป
มีชีวิตแบบกะทะ ที่สุขอะไร ก็ได้แค่ชั่วประเดี๋ยวประด๋าว ไม่จีรังยั่งยืน

ลองนึกย้อนไปเล่นๆก็ได้ว่า ครั้งหลังสุดที่คุณมีความสุขสุดๆ คือเมื่อไหร่
แล้วความสุขนั้นมันยืนยาวได้กี่ปี กี่เดือน กี่สัปดาห์ กี่ชั่วโมง กี่นาที

แถมก่อนจะสุข ก็มักจะต้องโดนเผาด้วยกิเลส ด้วยความอยากเสียก่อน
อยากได้ อยากดี อยากมี อยากดู อยากเห็น อยากเป็น

อันนี้เผลอๆบางที จะเห็นหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ
อย่างไปชอบสาวสวยคนนึง ยังไม่ต้องรู้จักหรอก แค่อยากพูดด้วย ก็ทุกข์แล้ว
แต่เวลาทุกข์ตอนไปชอบเขานี่ มันมองข้ามตัวทุกข์ไปง่ายๆซะงั้น

แล้วในชีวิตจริง เรื่องแบบนี้ มันก็ทุกข์กันได้ตลอดทั้งกระบวนการ
อยากรู้จัก ก็ทุกข์ เพราะไม่รู้เขาจะยินดีไหม
อยากคุยด้วย ก็ไม่รู้เขาจะอยากคุยด้วยไหม
พอรู้จักมักคุ้นแล้ว ก็อยากได้เบอร์ อยากให้เขาชอบ อยากให้เขาดีกับเรา
อยากให้เขาเห็นหัวเรา อยากให้เขารัก อยากเป็นแฟน

เป็นแฟนแล้ว ก็อยากให้รักมากขึ้น อยากให้รักแบบนี้ไปนานๆ รักเราคนเดียว ไม่แบ่งให้ใคร
พอรักกันไปสักระยะ ก็อยากให้เขาเห็นเราสำคัญที่สุด อยากแต่งงาน อยากมีบ้าน
อยากรวย อยากมีลูก อยากไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด

บางคนป่วยหนักใกล้จะตาย ก็ยังอยากตายให้พ้นๆ
น่าสงสารสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า มนุษย์ จังนะครับ

น่าขำที่คิดว่า เรามีชีวิตเพื่อวิ่งไล่ความสุข
มีสุขแล้วก็อยากรักษาให้มันคงทนถาวร แต่ไม่ทันได้นึกว่า
ความสุขที่ถาวรในโลก มันไม่เคยมี

เหมือนกะทะ ที่เริ่มต้นก็ได้ลิ้มรสแค่น้ำมัน แล้วค่อยๆไล่ไปกระเทียม หมู ผัก ซอส น้ำปลา
หรือจะไข่ดาว ไข่เจียว ไข่เยี่ยวม้า ข้าวผัด ผัดกระเพรา อะไร ก็ชั่วประเดี๋ยวประด๋าว

แต่สุดท้าย ก็ได้แค่คลุกเคล้าชั่วครู่ยาม ไม่เคยได้อยู่กับอาหารจานไหนได้นานๆ

พูดปลอบใจคุณหน่อยก็ได้ เดี๋ยวจะเข้าใจว่าผมมองโลกในแง่ร้าย
ความไม่จีรัง ยั่งยืน มันไม่เลือกเกิดกับความสุขอย่างเดียวหรอกครับ

ธรรมชาติ ไม่ได้แยกว่า อะไรคือสุขหรือทุกข์ ดีหรือแย่
ทุกอย่างในธรรมชาติมันยุติธรรมเสมอ คือมันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปเสมอกัน

สุขก็อยู่ไม่นานฉันใด ทุกข์ก็อยู่ไม่นานฉันนั้น

ที่เรารู้สึกว่าความสุขมันสั้น ความทุกข์มันยาว
ก็เพราะเวลาสุข แทนที่เราจะอยู่กับมันอย่างเป็นกลาง
เป็นกลาง ด้วยสติ ด้วยปัญญา ว่าสุขมันก็มาชั่วครู่ยาม เดี๋ยวมันก็ไป
เรามักจะพลาดไป "อยาก" ให้มันคงทน อยู่นานๆ

แล้วหลักง่ายๆก็คือ.. คนเรา"อยาก" เมื่อไหร่ ก็ทุกข์เมื่อนั้น
สุขจึงแสนสั้น ด้วยประการฉะนี้

ส่วนทุกข์มันยืดยาว ก็เพราะเวลามีทุกข์ เราก็ไม่เป็นกลางกับมัน
เรามักจะพลาดไป "อยาก" ให้มันหมด มันหดหายไปไวไว

แล้วหลักง่ายๆก็คือ.. คนเรา"อยาก" เมื่อไหร่ ก็ทุกข์เมื่อนั้น
จากเดิมที่ทุกข์อยู่เป็นทุนเดิม ก็ทุกข์ซ้ำ ทุกข์ซ้อน เข้าไปเรื่อยๆ
ทุกข์จึงมักจะยืดยาว ด้วยประการฉะนี้

บางคนอาจจะนึกเถียงในใจว่า กะทะ มันไม่มีหัวใจย่ะคุณแอสตัน
ก็จริงนะครับ เพียงแต่ผมไม่ได้มองในมุมนั้น

ผมมองในมุมที่เรามีส่วนคล้ายกะทะ เรื่องการได้สัมผัสอะไร ก็ชั่วครั้งคราว
ต่างกันหน่อย ที่เราคิดเป็น พูดได้ มีหัวใจ เท่านั้นเอง

อ้อ.. ว่าแต่ กะทะแอสตัน มันเขียนบล็อคได้ด้วยครับ








Create Date : 27 กันยายน 2550
Last Update : 3 ตุลาคม 2550 8:25:23 น. 26 comments
Counter : 2336 Pageviews.

 
ผัดข้าวทานตอนดึกเหมือนกันนะคะ...


เกือบตีสองเชียว


โดย: Nankipooh (My_Sanctuary ) วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:8:50:17 น.  

 
ขอสงวนความเห็นเกี่ยวกับ ความอยาก ของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคนนะครับ
แต่ขอหยิบมุมที่เกี่ยวข้องกับ กะทะ มาทักทายคุณแอสตันดีกว่า
สนองตัณหา ความอยาก ของปากลิ้นและกระเพาะอาหาร
(ตามธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน)
ท่าทางคุณแอสตัน ชอบทำกับข้าวเหมือนกันนะเนี่ย


โดย: กุมภีน วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:9:26:56 น.  

 
กะทะไม่รู้ร้อนรู้หนาว แต่คนนี่รู้สึกจังนะคะ

เอ กะทะนี่น้องชายกะทิหรือเปล่าคะ สงสัยจะญาติห่างๆมากกว่า เพราะรูปข้างบนนั่นเป็นกะทะสัญชาติฝรั่ง





โดย: SevenDaffodils วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:11:18:48 น.  

 
พี่กำลังจะไปเป็น กะทะ ที่พัทยาพรุ่งนี้อีกแล้วค่ะ

ชอบจั้งเที่ยวจิ๊ง ตังค์อยู่ครบ


คุณเอ็ดเป็นเทปันยากิไปซ๊ะแล๊ว5555555555


โดย: แหม๋ว ณ.โอเซกิ :) (ฟ้าคงสั่งมา ) วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:11:55:32 น.  

 
มุมมองจากกะทะอีกใบ

ถ้าเป็นกะทะที่แท้จริงแล้ว คงจะรู้หน้าที่ของตน คือ เป็นภาชนะ อาหารแบบไหนๆก็ รู้แค่ อ้อ ไฟร้อนแล้ว อาหารมาแล้ว ปรุงเสร็จแล้ว อาหารไปแล้ว น้ำมาล้างแล้ว สะอาดแล้ว หมดหน้าที่ให้ใส่ ทำไปๆ จนกว่าจะหมดอายุใช้งาน



โดย: woodchippath วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:12:49:29 น.  

 
เอากระทะมาเปรียบเทียบนี่มันตรงจริงๆด้วยนะครับ
คุณแอสตันเปรียบเทียบได้เห็นภาพมากๆเลย นับถือๆครับ
เพราะรูปทรงของกระทะ ด้านที่โดนไฟเผามันจะโค้งออก แต่ด้านที่รับรสชาดอาหารมันจะโค้งเข้ามาเพื่ออุ้มความสุขไว้ เหมือนนิสัยของคนเลยจริงๆด้วยครับ





โดย: อะไรคือสิ่งหายาก แต่ไม่มีค่า วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:14:07:41 น.  

 
จขบ.เรียกความสุขของกะทะ หนูเลยคิดเล่นๆ ถึงความทุกข์ของกระโถน
คนมักจะบ้วนหรือเอาของไม่ดีใส่กระโถน
แต่ยังไงซะ พอกระโถนเต็ม หรืออาจจะไม่ต้องเต็มก็ได้
ก็ต้องเอาน้ำมาล้างกระโถนให้สะอาดอยู่ดี
แบบนี้ก็เหมือนกัน ของไม่ดี ของสกปรก มาอยู่กับกระโถนไม่นานหรอก
ก็อย่างที่พี่ว่าสุขมาอยู่กับกะทะแล้วก็ไป
ทุกข์มาเที่ยวในกระโถนเดี๋ยวทุกข์ก็ไปเหมือนกัน
^^


โดย: I am just fine^^ วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:15:26:56 น.  

 
ขอบคุณนะคะ กะทะแอสตัน ที่เขียนอะไรดีๆให้อ่าน
วันนี้ผ่านทั้งทุกข์และสุข แต่ยังมีสติอยู่ค่ะ


โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 27 กันยายน 2550 เวลา:23:29:20 น.  

 
ตกใจหัวข้อก่อนเลยค่ะ "ความสุขของกะทะ"emo
แต่ดูรูปแล้วดันเห็นเหมือนกระชอน
..
เลยนึกถึงคนอ่อนไหวไวต่อความรู้สึก
ความสุขของเค้าน่าจะเหมือนกระชอน
..
"ความสุขของกระชอน" ช่างน่าเศร้าที่มันแสนสั้น
ซะยิ่งกว่า "ความสุขของกะทะ" เป็นไหนๆนะคะ
..
..
emo


โดย: azamiya วันที่: 28 กันยายน 2550 เวลา:23:45:57 น.  

 
azamiya ที่จริงตรงที่มันน่าเศร้า ไม่ใช่เพราะมันแสนสั้นหรอกครับ

แต่มันน่าเศร้าตรงที่ บางคนใช้เวลาทั้งชีวิต
เพื่อวิ่งไล่ตามความสุขพวกนี้

เพราะมันจะยาว จะสั้น มันคือความจริง มันเป็นธรรมชาติ
เมื่อมันเป็นของมันอย่างนั้น คนที่รับได้ ก็รู้สึกเฉยๆ
ไม่ได้ยินดี ไม่ได้ยินร้าย ไม่ได้สุขหรือเศร้า ที่มันแสนสั้น

คนที่ไม่เข้าใจ รับไม่ได้ นั่นแหละ ถึงจะรู้สึกว่ามันน่าเศร้า

HoneyLemonSoda ขอบคุณที่ยังมาอ่านเรื่องเชยๆของผมอยู่นะครับ

I am just fine^^ เปรียบเทียบได้ดีเลย แอม ^^

ให้สิบเต็มสิบ

อะไรคือสิ่งหายาก แต่ไม่มีค่า << คุณตี๋ช่างสังเกตมากกว่าผมอีก

แบบนี้น่าจะภาวนาได้เก่งและไวครับ
คอยสังเกตการเคลื่อนไหวความเป็นไปของจิตไว้บ่อยๆนะครับ

woodchippath << ชื่อคุณแปลกดีครับ มีความหมายว่ายังไง บอกได้ไหมครับ

เกี่ยวอะไรกับ "ทางเดิน" หรือเปล่าครับ

ที่คุณพูดมาก็ถูกต้อง ดีแล้วครับ

ฟ้าคงสั่งมา << ไหนบอกจะไปเที่ยวไงพี่ เข้าไปดูบล็อคเห็นบ่นว่าต้องทำงาน

SevenDaffodils ผมพูดเรื่องกะทะ คุณแป๋วพูดเรื่องดอกไม้ในครัว

แต่ผมดันไปนึกถึงแต่เรื่องอาหาร ไม่ได้ใส่ใจเรื่องดอกไม้คุณแป๋วเล้ย 5555

กุมภีน อย่างที่ไปตอบในบล็อคอาจารย์แหละ

ผมชอบทำ แต่ขี้เกียจ เพราะมันใช้เวลากับแรงเยอะ
อยู่คนเดียว ทำแล้วกินเอง ไม่สนุกอ่ะ อาจารย์

อ่อ.. อีกอย่าง.. ทำแล้วต้องเก็บกวาดเยอะ
แถวบ้านผมมีหนูเยอะ เพราะมีร้านขายอาหารแยะ
ทั้งราดหน้า ขาหมู ต้มเลือดหมู ก๋วยจั๊บ ข้าวแกง สารพัด

เอาพวกเศษอาหารใส่ถังขยะไว้นี่อันตราย

แต่จะทิ้งเลยก็ลำบาก เพราะแถวนี้เขาไม่มีถังขยะ
ต้องใส่ถุงไปวางที่จุดนัดพบเป็นเวลา ตังแต่ ทุ่มนึง ถึงสัก 4 ทุ่ม

ก่อนนั้นไม่ได้ เลยจากนั้น ก็ไม่ได้อีก

ฮะๆๆๆ ขี้บ่นวุ้ยเรา


โดย: aston27 วันที่: 30 กันยายน 2550 เวลา:10:00:35 น.  

 


Have a nice Sunday na kaaa


โดย: bongboeaw วันที่: 30 กันยายน 2550 เวลา:12:44:43 น.  

 
อ่า ความสุขของกะทะ
นอกจากนี้ยังมี ความสุขของกะทิ
และ ความสุขของกะเทย
รอให้พี่เขียนถึงอยู่ครับ


โดย: getterTu วันที่: 30 กันยายน 2550 เวลา:16:31:55 น.  

 
เข้าใจเปรียบเปรยนะพี่ ความสุขของกะทะ

Content นี้น่าเอาไปแต่งเป็นเพลงได้สักเพลงนึงเลยนะครับ เผื่อจะดังสูสีกับก้อนหินก้อนนั้นของน้องโรส


โดย: Tony KooN (tk_station ) วันที่: 30 กันยายน 2550 เวลา:22:39:10 น.  

 



หนี่ฯ อยากรู้จัง
ใช้กะทะแบบไหนดี
ถึงมีความสุขแบบจีรัง และยังยืนค่ะ

พี่ฝันดีน๊า .. หนี่ฯ แอบบ กระซิบค่ะ
ว่าแต่ .. พี่ได้ยินไหมเอ่ย อิอิ


โดย: หนี่หนีหนี้ (แพรวขวัญ ) วันที่: 30 กันยายน 2550 เวลา:23:25:13 น.  

 
สิ่งที่แว่บเข้ามาในความคิด
"ยัยกาทะเอ๋ย เรากำลังปล่อยให้ชีวิตของเราเป็นเหมือนชื่อตัวเองอยู่รึเปล่านะ"

ขอบคุณ พี่กะทะแอสตัน ที่ชี้มุมมองใหม่ให้น้องกาทะคนนี้นะคะ
ไม่เคยคิดเลยว่า ชื่อที่ได้ยินคนเรียกตัวเองทุกวันก็สามารถมีสัจธรรมซ่อนอยู่ได้
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ก็จะขอเก็บไว้เป็นอีกหนึ่งสัญญาณ คอยเตือนสติตนเองนะคะ
และน้องกาทะคนนี้ จะพยายามเป็นกะทะที่ตื่นรู้อยู่เสมอค่ะ


โดย: กาทะน้อยของน้องหมูแดง วันที่: 30 กันยายน 2550 เวลา:23:28:52 น.  

 
ขอบคุณที่แวะไปทักทายที่บ้านค่ะ

เกี่ยวกับชื่อล๊อกอินนี้ อธิบายในบล๊อก(แต่ลบทิ้งไปแล้ว) หมายถึง แนวคิดทางเดินเกล็ดไม้ที่ไปเจอในป่าในไร่ เค้าเอาเกล็ดไม้ปูทางในฤดูผนหรือเวลาหิมะตก ที่ดินจะเละแฉะ ต้องเอามาเติมบ่อยๆ คอยดูแลไม่ให้ทางหาย เวลาเดินย่ำลงไปมันนุ่มๆ ไม่มีเสียงรบกวนสัตว์หรือผู้ต้องการความสงบแถวนั้น แต่ถ้าไม่ได้ใช้โรยบนทางเดิน เกล็ดไม้ก็เป็นขี้เลื่อยดีๆนี่เองค่ะ


โดย: woodchippath วันที่: 1 ตุลาคม 2550 เวลา:4:42:48 น.  

 
เรื่องของคุณแอสตันไม่เชยหรอกค่ะ
ยังแวะมาอ่านเรื่อยๆ
เพื่อเตือนสติตัวเอง


โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 1 ตุลาคม 2550 เวลา:13:48:03 น.  

 
คุณแนนกิ << ขอบคุณที่มาเยี่ยมครับ


bongboeaw << Have a nice everyday na krubbbb


getterTu << หาเรื่องซะแล้วมั้ยล่ะ อ่ะอ่ะอ่ะ เขียนให้ก็ได้ แต่รอให้ตู่เป็นกะเทยก่อนนะ พี่จะได้ไปสัมภาษณ์


Tony KooN << โอว.. โทนี่ คูณ เล่นของสูง
เพลงนั้นระดับ พี่ดี้ นิติพงษ์ แต่งเชียวนะครับ
พี่คงต้องเขียนเพลงอีกสิบห้า ยี่สิบปี ถึงจะเขียนได้ดีขนาดนั้น


หนี่หนีหนี้ << โอ.. นานๆ คุณน้องจะแวะมาสร้างความฮือฮา

หนี่ฯ เล่นแอบกระซิบ พี่ไม่ค่อยได้ยินหรอกจ้า พี่แก่แล้ว หูตึงงงงงงง

ว่าแต่ไอ้สุขแบบจีรัง ยั่งยืนนี่เห็นจะไม่มีหรอกนา
น้องหนี่ฯ ลองกะทะตราจระเข้ กุมภีน สิจ๊ะ อาจจะสุขสมหวัง ได้สักหกสิบปี อิอิอิ


กาทะน้อยฯ << อนุโมทนาจ้า
ว่าแต่ อยากตื่นรู้อยู่เสมอ ก็รู้ว่า "อยาก" นะครับ



woodchippath << ขอบคุณที่อุตส่าห์ อธิบายครับ


คุณหันหนีมะนาวโซดา << ดีใจที่บล็อคผมเป็นยาช่วยเตือนสติได้ครับ


โดย: aston27 วันที่: 1 ตุลาคม 2550 เวลา:18:17:29 น.  

 
เป็นคนขี้เบื่อค่ะ ก็เลยรู้สึกว่าจะทุกข์ได้ตลอดเวลา จริงๆ แล้วมันอยู่ที่ใจเราน่ะค่ะ รู้นะว่าต้องทำไงถึงไม่เบื่อ ไม่ทุกข์

แต่ไม่รู้เป็นไร ทำใจไม่ได้สักที

ไม่มีไรค่ะ แค่แวะเข้ามาเยี่ยมครั้งแรก ก็เลยฝากข้อความไว้ค่ะ


โดย: นั่งมอร์มาต่อเมล์ วันที่: 2 ตุลาคม 2550 เวลา:18:07:55 น.  

 


โดย: azamiya วันที่: 2 ตุลาคม 2550 เวลา:21:47:06 น.  

 
คุณ นั่งมอร์มาต่อเมล์ ครับ

"รู้นะว่าต้องทำไงถึงไม่เบื่อ ไม่ทุกข์
แต่ไม่รู้เป็นไร ทำใจไม่ได้สักที "

ความรู้ที่คุณสังเกตเห็นนี่ สำคัญมากเลยนะ

เพราะมันคือความจริงหนึ่งในสามลักษณะสำคัญของจิต

ภาษาเป็นทางการเขาเรียก ไตรลักษณ์
เรียกละเอียดๆ ให้ยากอีกหน่อย คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

ตอนนี้คุณเห็นไอ้ตัวอนัตตาแล้ว ว่ามันเป็นของมันอย่างนั้นเอง เราบังคับมันไม่ได้หรอก

บังคับไม่ได้ ทั้งๆที่รู้สึกว่า มันคือ"ตัวตนของเรา" นี่แหละ

ถ้าสังเกตบ่อยๆ เนืองๆ เรื่อยๆ คุณจะเห็นด้วยว่า
มันมีลักษณะเป็นอนิจจังด้วย คือไม่เที่ยง ไม่คงที่ ไม่คงทนถาวร

ถึงจะเบื่อ ก็เป็นๆ หายๆ ไม่ใช่เบื่อ 24 ชั่วโมงเหมือน 7-11

แล้วคุณก็อาจจะเห็นด้วยว่า ที่มันไม่เที่ยง ก็เพราะมันทนอยู๋ในสภาพเดิมไม่ได้ ที่เรียกโก้ๆว่า "ทุกขัง"

เห็นครบ 3 ข้อ บ่อยๆ จิตก็จะมี "ปัญญา" เห็นเองว่า ตัวตนแท้ๆของตัวเองเป็นยังไง บังคับได้ไหม คงที่หรือเปลี่ยนแปลงไป เป็นสุข หรือเป็นทุกข์

ถ้าสะสมปัญญาจากตัวนี้เยอะมากๆเข้า คุณจะเข้าใจสิ่งที่พระพุทธเจ้าบอกว่า

ปัญญา มันมี 3 ระดับ คือ ฟังเอา คิดเอา แล้วก็ปัญญาจากการเจริญสติ

ไอ้ 2 ตัวแรก ได้จากอ่านตำรามาแล้วคิดจนเข้าใจ แต่ช่วยแก้ทุกข์ไม่ได้
เพราะสมองมันคิดได้ แต่จิตมันไม่ยอมรับ

ก็บอกแล้ว เราบังคับมันได้ที่ไหนล่ะ

แต่ถ้าเจริญสติ รู้สึกตัว เห็นความจริงบ่อยๆ ว่าจิตมันเป็นไตรลักษณ์นะ
ก็จะเห็นเองว่า ความเบื่อ ก็เป็นแค่อารมณ์ๆหนึ่ง
ผ่านมา ผ่านไป ไม่มีสาระอะไรใหญ่โต

แล้วจิตจะดีวันดีคืน โดยไม่ต้อง "ทำ" อะไรสักอย่างเดียว

ลองดูสิครับ


โดย: aston27 วันที่: 2 ตุลาคม 2550 เวลา:22:00:32 น.  

 
ขอบคุณคำแนะนำค่ะ เข้ามาอ่านเมื่อ 2 วันก่อนที่ทำงาน แต่ล็อคอินไม่ได้ก็เลยไม่ได้เข้ามาตอบค่ะ

จะเอาคำแนะนำของคุณ aston27 ไปลองดูค่ะ แต่จะทำได้หรือเปล่ายังไม่รู้ ก่อนอื่นต้องขอเอาไปอ่านดูสักหลายๆ รอบให้เข้าใจก่อน (จำไม่ได้หรอกค่ะ ความจำสั้นไปหน่อย)

ขอบคุณมากๆ ค่ะ


โดย: นั่งมอร์มาต่อเมล์ วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:20:44:47 น.  

 
บางคนอยู่ๆ ไม่รู้นึกยังไง คลิกมาอ่านบล็อคนี้ ได้อ่านในสิ่งที่อยากอ่านบ้าง ไม่อยากบ้าง
ผมเรียกว่า กรรมจัดสรรครับ เราคงเคยทำบุญทำกรรมอะไรร่วมกันมาก่อนแหละ

อ่านแล้วคิดดี เข้าใจ ก็ดีไป อ่านแล้วคิดไม่ดี ไม่เข้าใจ ก็ช่วยไม่ได้

หวัดดีค่ะ มินตามเข้ามาเที่ยวจาก blog หนี ค่ะ
แรก ๆ ก็ว่าจะอ่านที่มัน up date ที่สุด
แต่ไป ๆ มา ๆ อ่านเกือบทุกเรื่องเลย
ก็ได้ข้อคิดกลับไปเยอะเหมือนกัน
ทั้ง ๆ ที่ บางเรื่อง ก็คิดแบบนี้อยู่แล้วเหมือนกันค่ะ..,มีความสุขกับทุก ๆ วัน นะคะ


โดย: มิน (มินทิวา ) วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:9:44:42 น.  

 
เป็นการเปรียบที่เห็นภาพชัดเจนดีค่ะ อืม.. คิดได้ไงเนี่ย..

แต่คิดอีกมุมนึงกระทะมันก็คงมีความสุขเหมือนกันนะคะ ที่ได้ทำตามหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุดแล้ว


โดย: mint_candy วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:15:47:16 น.  

 
โห่.. นึกว่าจะเขียนถึงความสุขของกะทิ
ตอนนี้กำลังทำเป็นหนังนะคะพี่เอ็ด
ทำโดยรุ่นน้องของพี่เอ็ดเอง รหัส 38
อย่าลืมไปดูนะคะพี่


โดย: (my name is) luka วันที่: 17 เมษายน 2551 เวลา:13:11:31 น.  

 
อ่านแล้วนึึกถึงภาพนึงตอนขับรถผ่านไปแถวสามย่าน เห็นเด็กข้างถนนอายุประมาณ 7 ขวบ อุ้มน้องตัวเล็กๆอายุซัก 3 ขวบขึ้นขี่หัวดับเพลิงแดงๆข้างถนน แล้วคนพี่ก็จูงมาคนน้องก็ทำท่าควบม้า ท่าทางมีความสุขจนเราอิจฉา ความสุขของเด็กช่างหาได้ง่ายเหลือเกิน ในขณะที่ผู้ใหญ่อย่างเราหากันยากเย็น

จะว่าไปถ้ากะทะไม่เลือกว่าความสุขจะต้องเป็นแค่ของอร่อยหลังปรุงรสแล้วกะทะจะเป็นอุปกรณ์ครัวที่ได้สัมผัสทุกรสอาหารเลยเหมือนกันนะคะ


โดย: IcyRose วันที่: 30 กันยายน 2551 เวลา:1:17:27 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

aston27
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 215 คน [?]




คนรู้ไม่คิด คนคิดไม่รู้
New Comments
Friends' blogs
[Add aston27's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.