|
วันของทุกข์ ทุกข์มีไว้รู้ ไม่ได้มีไว้แบก
วันนี้เห็นทุกข์รายรอบตัวไปหมด ตั้งแต่เช้าจรดเย็น
เริ่มต้นจากทุกข์ของผมเอง มีประชุมสิบโมง แต่ความจำอันเป็นอนิจจังดันมาอนิจจังตอนเช้า กว่าจะไปถึงที่ทำงานก็สิบโมงครึ่ง.. อันนี้ทุกข์เพราะรู้สึกผิดไปหนึ่งยก
ยกสอง.. บริษัท อันหมายถึงเจ้าของบริษัทที่ผมทำงาน ที่เรียกภาษาราชการว่านายจ้าง เรียกภาษาชาวบ้านว่าเจ้านาย เขากลุ้มใจเพราะฝ่ายขายมีทัศนคติลบ
เอะอะอะไรก็ขายไม่ได้ๆ ตลาดไม่ดี แต่ไม่เคยดิ้นรนหาช่องทางใหม่ๆ ช่องทางที่มีคนเปิดให้ก็ไม่ขยันวิ่งเข้า ของเก่า ก็บ่นว่าขายยาก หาของใหม่มาให้ ก็ขายไม่เป็นอีก
อันนี้ก็ทุกข์กันตั้งแต่ เจ้าของบริษัท ยันผู้บริหารระดับกลางๆอย่างผม เจ้านายก็เตรียมทุกข์ เพราะไม่อยากไล่ฝ่ายขายออก แต่ก็เห็นแววขาดทุนอยู่รำไร
ส่วนผมก็ทุกข์เพราะสะกิดบอกกันมาตั้งนานแล้ว ก็ไม่มีใครตื่นเต้น จนผมต้องเขียนอีเมล์ถึงประธานบริษัท ถึงได้ลุกลี้ลุกลนกันเหมือนไฟลนก้น
ยกสาม.. น้องที่ทำงาน มาลาออกคนนึง เพราะว่าทนเสียความมั่นใจในภาษาอังกฤษของตัวเองไม่ได้ หลังจากเธอมั่นใจว่า ภาษาเธอดี เธอเขียนอีเมล์ติดต่อต่างประเทศได้ แต่ลูกพี่เธอไม่ส่งเสริม ปิดกั้นความสามารถ เธอเลยส่งอีเมล์ที่เธอร่างไว้แล้วโดนยิงตก มาให้ผมพิสูจน์
ปรากฏว่า เธอตกหลักภาษาจริงๆ ผมก็ต้องบอกเธอไปตามตรง ว่าถ้ายังใช้ IT HAVE จะไปว่าลูกพี่เธอมีอคติก็ไม่ได้นะ
ปรากฏว่า วันนี้เธอมาลาออก แล้วให้เหตุผลว่า เธอเสียเซ้ว (self น่ะ แต่เธอพูดงี้)
อะไรจะอ่อนไหวกันได้ขนาดนั้นนะ คนเรา .. ท่าทางจะทุกข์น่าดู
ต่อมา ยกสี่.. เลขา ท่านประธาน เมล์มาอ้อมแอ้มๆ ขอโทษแทนฝ่ายกฏหมาย เพราะวันก่อนฝ่ายกฏหมายมาเร่งรัด ขอให้ผมช่วยติดต่อขอเอกสารมอบอำนาจอย่างนึงจากเมืองนอก ผมเมล์ไปเรียบร้อย ทางโน้นก็ตอบมาแบบงงๆ แล้ว FWD กันใหญ่โต
สรุปว่า จริงๆ เขาส่งมาให้นานแล้ว แต่ฝ่ายกฏหมายเราดูไม่ดีเอง หยิบเอกสารผิดปึก
ผมก็ต้องอ้อมแอ้ม ไปขอโทษขอโพยทางอเมริกาเขา .. แหงะ.. ทุกข์เต็มๆ
อะไรอีกล่ะ.. ยกห้า..ไปทานข้างกลางวันกับฝ่ายผลิตภัณฑ์ และเลขาท่านประธาน ก็ต้องรับรู้เรื่อง "ที่ไม่ควรพูดถึง" อีก
ทานข้าวทั้งที ทุกข์อีกแล้ว
ตกบ่าย มีคนมาปรึกษาว่า..พี่เคยเหงามั้ย เวลาพี่เหงา พี่อกหัก พี่ทำไง.. ยกหกเริ่มแล้วครับท่านผู้ชม
ก็แนะนำกันไปตามประสาคนพอ "รู้ทุกข์" และรู้ว่าไม่ควรเกลียดทุกข์ อย่างผม
โอ... ทุกข์ของคนอื่น เรื่องรักๆ นี่อมตะนิรันดร์กาลจริงๆ
ผมบอกว่า .. เวลาไม่มีแฟน มันก็เหงา แต่ไม่ทุกข์มากไปกว่าเหงา คือเหงามันก็แค่เหงา แต่ถ้าเราไปเกลียดความเหงา มันจะทุกข์ เพราะเกลียด
เหมือนคุณเกลียดใครสักคนน่ะ คุณสุขหรือทุกข์ล่ะ
ผมยกตัวอย่างว่า เหมือนมีจิ้งจกอยู่ในบ้าน ถ้าคนที่เกลียดจิ้งจกเข้ากระดูก มีแค่ตัวเดียวก็แทบคลั่งแล้ว
แต่ถ้าคนที่เฉยๆกับจิ้งจก มีสักสิบตัว เขาก็เฉยๆ แต่ถามว่าจิ้งจกหายไปมั้ย .. ไม่รู้ ไม่สนนี่
.. ความเหงาก็เหมือนอารมณ์อย่างนึง มันมาได้ มันก็ไปได้.. จะไปอะไรกับมัน มันจะเหงา ห้ามมันได้ไหม ไม่ได้ เออ.. งั้นก็ไม่ต้องวิ่งหนีมัน วิ่งหนีไปก็เหนื่อย เพราะมันก็ไม่หายไปไหนหรอก
แต่ถ้ามีสติรู้ตัว เราจะไม่ทุกข์ ทั้งๆที่เหงา ก็ไม่ทุกข์ร้อน เพราะเราไม่เกลียดมัน
เหงา จะอยู่ หรือจะหายไป ก็เรื่องของเหงามัน เราไม่เกี่ยว จะเกี่ยวก็ตอนเข้าไปแบก ไปเกลียดมัน ไปยึดมันไว้ ว่ามันเป็นของๆเรา
แปลกมั้ย ไม่ชอบมันหรอกนะ แต่ชอบยึดว่ามันเป็นของๆเรา
ส่วนเรื่องอกหัก.. ผมแนะนำให้ไปสวดมนต์ แผ่เมตตาบ่อยๆ และรู้จักปล่อยวางให้เป็น ถ้าไม่ปล่อย ไม่วาง ก็จะเป็นเหมือนลิงกำถั่ว
ทำงานต่อถึงเย็น.. นึกว่าหมดยกหก จะสบาย.. เจอน้องอีกคน มาบ่นเรื่องโดนคนว่าลับหลัง น้องเขาทุกข์ เพราะเขารู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม
ผมเลยแนะนำว่า.. คนนินทาน่ะ ก็เหมือนเราไปนั่งกินข้าว แล้วมีคนโต๊ะข้างๆตดใส่ ถ้ากลั้นหายใจทีเดียว ก็ผ่านไปแล้ว
คนตดแล้ว ก็แล้วกัน เขาสบายท้องเขาแล้ว แต่ไอ้คนอื่นก็ไม่ควรไปไล่สูดกลิ่นเหม็น แล้วก็ทุกข์ เปล่าๆ
คนพูดจาซี๊ซั้วให้ร้ายคนอื่น สำนวนนิยายจีนกำลังภายในเขาเรียก "ผายลมเจ้า!"
จะไปเอาสาระอะไรกับลมที่เขาผาย จะไปวิเคราะห์วิตกอกร้อนอะไรว่าทำไมมันถึงได้เหม็นนัก
แล้วก็มาหารับประทานกับนิทานเรื่องลิงกำถั่วอีก ผมบอกว่า.. จะเอาความสุขทั้งชีวิตไปโยนทิ้งเพราะถั่วกำเดียวหรือไง
(ใครไม่เคยรู้เรื่องลิงกำถั่ว บอกนะครับ.. จะเล่าให้ฟัง )
ที่จริงตอนกลับบ้านก็เจอทุกข์ อีกสองเรื่อง แต่พอแล้วล่ะ เดี๋ยวคุณจะมาช่วยผมแบกโดยไม่จำเป็น
เพราะที่เล่ามานี่.. ผมก็มีหลงไป เผลอไป ไหลไปกับอารมณ์บ้างเหมือนกัน
แต่พอรู้ตัว ก็ตื่นขึ้น ดีขึ้น ทุกข์ก็คลายตัว
ผมพบว่า คนเราจะสติรั่ว มากที่สุด ง่ายที่สุด ตอนที่พูด ยิ่งพูดด้วยอารมณ์มาก ก็จะเผลอได้มาก
ทุกข์กายนี่ จะดูเมื่อไหร่ ก็เห็นนะครับ แต่ทุกข์ใจนี่.. ถ้าไม่สังเกต อาจจะโดนมันต้อนหน้าต้อนหลังเอาง่ายๆ
คนเราที่จริงทุกข์อยู่แทบจะตลอดเวลานะครับ เพราะจิตเรามันจะแอบวิ่งไปทำงานหาความสุข หนีทุกข์ตลอดเวลา (โดยห้ามไม่ได้อีกเหมือนกัน เพราะมันเป็นธรรมชาติ)
ที่จริงพระท่านว่า จิตมันอยู่เฉยๆก็ทุกข์ของมันตลอดเวลา อยู่แล้ว แต่อันนั้นผมยังปัญญาน้อย ผมยังไม่เห็น ยังเห็นว่า มันสุขมั่ง ทุกข์มั่ง
อาจารย์ผมท่านว่า ไม่เป็นไร ก็เห็น ก็รู้ไปเท่าที่รู้ได้ ก็ดีแล้ว
มีคนถามบ่อยๆว่า.. รู้สึกตัวเนี่ย รู้สึกไปทำไม รู้สึกแล้วไง?
ตอบว่า.. ฝึกรู้ไว้บ่อยๆ แล้วสติตัวจริงๆ ที่ไม่ใช่แบบที่เราฝึกตามรู้อยู่ตอนนี้ หรือที่คิดเอา (แล้วคิดว่ารู้) มันจะเกิดเองครับ
สติตัวจริง ต้องเกิดโดยอัตโนมัตินะครับ คิดเอาก็ไม่ได้ ตั้งใจให้เกิดก็ไม่ได้ แต่ฝึกเอาได้
เหมือนจะพูดอังกฤษเก่งๆ ก็ต้องหัดพูดบ่อยๆ อ่านเยอะๆ ไอ้ประเภทถือพจนานุกรมไปเล่มนึง พูดไปก็เปิดหาไป แบบนั้น เขาไม่เรียกว่า "พูดเป็น"
เมื่อสติเกิดเองโดยอัตโนมัติได้บ่อยๆ ปัญญา ก็จะเกิด ปัญญาที่ว่า ก็มาจากการเห็นความจริงของกาย ของใจ ว่า.. มันไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์ มันบังคับไม่ได้ มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไปทั้งนั้น
เหมือนคุณเห็นเฉลยเบื้องหลังมายากล ยังไงยังงั้นเลย
ปัญญา ที่ได้ เป็นปัญญา ขั้นละเอียด ใช้ขัดเกลากิเลสได้ กิเลสน้อยลง ทุกข์ก็ลดลง น้อยลงๆ
อธิบายได้ว่า.. พอมีปัญญาเห็นความจริงมากๆเข้า เห็นว่า ไม่มีอะไรเป็นของเรา ไม่มีอะไรเที่ยง ไม่มีอะไรที่บังคับได้สักอย่าง
ความยึดมั่นถือมั่นมันก็น้อยลง ทุกข์จึงน้อยถอยตามไปด้วย
ถึงที่สุดแห่งทุกข์เมื่อไหร่ จุดหมายก็อยู่ตรงนั้นแหละครับ
ขอให้ทุกท่านที่ตั้งใจไว้ .. ได้พบสุขแห่งนิพพานในอนาคตกาลด้วยกันทุกท่านทุกคนนะครับ
ราตรีสวัสดิ์คร้าบ
Create Date : 01 มิถุนายน 2549 |
Last Update : 2 มิถุนายน 2549 16:21:22 น. |
|
13 comments
|
Counter : 1140 Pageviews. |
|
|
|
โดย: still IP: 58.8.188.14 วันที่: 1 มิถุนายน 2549 เวลา:23:52:59 น. |
|
|
|
โดย: paperwing (paper wing ) วันที่: 2 มิถุนายน 2549 เวลา:0:00:01 น. |
|
|
|
โดย: Tinglish วันที่: 2 มิถุนายน 2549 เวลา:7:12:58 น. |
|
|
|
โดย: Tinglish วันที่: 2 มิถุนายน 2549 เวลา:7:15:23 น. |
|
|
|
โดย: แมลงปอ IP: 133.92.115.204 วันที่: 2 มิถุนายน 2549 เวลา:7:53:19 น. |
|
|
|
โดย: นิกกี้ (NFC) IP: 203.144.190.9 วันที่: 2 มิถุนายน 2549 เวลา:8:40:17 น. |
|
|
|
โดย: L IP: 203.118.80.179 วันที่: 2 มิถุนายน 2549 เวลา:23:48:06 น. |
|
|
|
โดย: aston27 วันที่: 3 มิถุนายน 2549 เวลา:0:21:37 น. |
|
|
|
โดย: ชีวิตก็เป็นเช่นนั้นแหละ IP: 58.64.105.85 วันที่: 3 มิถุนายน 2549 เวลา:23:16:14 น. |
|
|
|
โดย: aston27 วันที่: 5 มิถุนายน 2549 เวลา:22:21:11 น. |
|
|
|
| |
|
|