Group Blog
 
All blogs
 
มีดคมๆ บล็อคเก่า เล่าเรื่องศีล ชาล้นถ้วย



ผู้รู้ท่านเคยเปรียบว่า .. มีดคมๆนี่มีประโยชน์ ใช้งานได้สารพัด
เอาไปเหลาไม้ชิ้นไหนให้คมเท่าไหร่ก็ได้ ยกเว้นที่เดียวที่เหลาไม่ได้ ..คือด้ามของตัวเอง

อิอิอิอิ

อันนั้นเขียนไว้เตือนใจตัวเองนะครับ เพราะสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นสัปดาห์ที่งานยุ่งมากนะครับ เยอะอย่างเดียวไม่พอ ยุ่งด้วย แถมยังยากอีก

ยากขนาดที่ผมเห็นว่า ผมยังเป็นคนธรรมด๊า ธรรมดา มีรักโลภ โกรธ หลง น้อยใจได้ เสียใจเป็น ยังวิ่งหาสุข แม้จะวิ่งหนีทุกข์น้อยลง

ส่วนที่ดีก็ไม่ใช่ไม่มีหรอกนะครับ เพียงแต่บางทีผมก็เป็นแบบนี้แหละ ชอบให้ค่ากับเรื่องร้ายๆมากกว่าเรื่องดีๆ

หนึ่งในเรื่องดีๆ คือน้องสาวท่านนึง เธออุตส่าห์มานั่งอ่านบล็อคของผมจนหมด แล้วคัดๆไปห้าหกบล็อค ที่เกี่ยวกับหนัง

แล้วเมล์มาขออนุญาตว่าจะเอาไปเสนอทีมงาน ถ้าผ่านก็จะได้เผยแพร่ในวารสารธรรมะออนไลน์ และแนบบล็อคที่เธอคัดมาแล้วให้ผมดู

ผมอ่านแล้วก็.. เออเว้ย.. เรามีบล็อคที่เขียนใช้ได้งี้เลยเหรอเนี่ย 5555

อนุโมทนานะคุณกลางชล ในความพยายามคั้นกะทิจากถังน้ำเปล่าของพี่

น้องคนนี้ ผมชอบแซวเธอว่า น่าจะเปลี่ยนชื่อเป็น "ฝั่งชล" เผื่อจะถึงฝั่งไวขึ้น 55555
เวลาชมว่าเธอเป็นพวกงามนอกงามใน เธอจะรีบถ่อมตัวเป็นการใหญ่

เวลาคุยกับเพื่อนๆบางคน ที่เขาสนใจสิ่งที่ผมเขียน แต่ไม่คิดจะมาปฏิบัติ
ผมจะรู้สึกได้ว่า เขาไม่ได้ใส่ใจพุทธศาสนา เพราะเขาไม่ศรัทธาพระ เขาไม่ชอบพิธีกรรม รูปแบบของศาสนาที่เป็นอยู่

อยากบอกว่า การทำบุญ สร้างกุศล ปฏิบัติธรรม เป็นเรื่องเฉพาะตัว มันเป็นคนละส่วนกับพิธีกรรม พระสงฆ์ หรือศรัทธานะครับ

การศึกษา ปฏิบัติธรรม เป็นเรื่องการเจริญสติ ปัญญา
ทำแล้วมีสติ มีความสุข มีทุกข์น้อย เพราะเข้าใจความจริงของทุกข์ มีปัญญาและปล่อยวางทุกข์ได้ในที่สุด

เรื่องไปวัด ทำสังฆทาน สร้างโบสถ์ สร้างพระ เป็นเรื่องของทานบารมี ทำแล้วอิ่มใจ ลดความตระหนี่ขี้งก จิตใจก็ได้ความสบายใจ

ไอ้เรื่องทำแล้วชาติหน้าจะรวย มันไกลไป ไม่ต้องไปสนใจมาก แม้ว่ามันจะจริงไม่จริง เอาเป็นว่า ทำแล้วก็มีผลดี ก็แล้วกัน

ยิ่งทำโดยไม่หวังผล จะยิ่งอานิสงส์มาก ไม่ใช่ทำบุญ 20 แล้วอธิษฐานขอให้ถูกหวยรางวัลที่ 1 อันนั้นโลภไปนะพี่นะ

เรื่องถือศีล ก็ส่วนถือศีล ถือแล้วเป็นคนจิตใจมั่นคง ไม่เหลาะแหละ ไม่โอนเอนเหมือนไม้หลักปักขี้เลน

ศีลเองจะช่วยรักษาจิตใจให้หนักแน่น ไม่ให้คลุกคลีกับความไม่เป็นมงคลทั้งหลาย จนเกิดความเคยชินในการทำบาป

เคยมีคนแปล "ศีล" ว่า สิ่งที่ทำให้เราอยู่ร่วมกันได้เป็นด้วยความปกติ และเป็นสุข

คนที่ทำบาปจนเคยชิน จะไม่ค่อยเห็นสิ่งที่ทำเป็นเรื่องใหญ่ และไม่รู้ตัวว่าสิ่งที่ทำมัน "ไม่ปกติ" เคยสังเกตไหมครับ

อย่างศีลข้อหนึ่ง เรื่องฆ่าสัตว์ ทารุณสัตว์ คุณว่าไอ้คนที่เห็นหมาแล้วชอบเอาไม้ไปไล่ตี หรือเห็นมดไม่ได้ เห็นแล้วต้องบี้ให้ตาย เป็นคนปกติหรือเปล่าล่ะ

หรือศ๊ลข้อสอง คนที่ขี้โกงขี้ขโมยจนเป็นนิสัย จากที่แรกๆเคยตะหงิดๆ ว่าจะทำดีไหม กลายเป็นโกงหรือขโมยโดยไม่รู้สึกผิด แล้วก็จะสร้างความเดือดร้อนให้ตัวเอง และคนรอบข้าง

ความปกติสุข ก็จะหายไป

ข้อสาม เรื่องการละเมิดสามี ภรรยา คนรักของคนอื่น รวมไปถึง ลูกสาว ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ วุฒิภาวะ ข้อนี้ไม่ต้องพูดถึง

ยิ่งบางคนตื่นเต้นที่ได้ยุ่งกะคนที่มีเจ้าของแล้ว ก็นับเป็นโรคจิตชนิดนึง ที่คนปกติที่มีสามัญสำนึก เขาไม่ทำกัน และคนที่ทำ ที่ยังมีความปกติอยู่ จะรู้สึกผิดอยู่เสมอ

ส่วนคนที่โกหกจนเคยปาก แรกๆ ก็คงลังเลอยู่ว่า จะโกหกดีไหม ถ้าคุณโกหกแล้วคุณยังรู้สึกผิด และไม่อยากทำ จงพยายามรักษาศีลข้อนี้ไว้

ไม่อย่างนั้นไปๆมาๆก็จะโกหกเก่ง ขาดความยับยั้งชั่งใจ ในการโกหก คิดว่าการโกหกเป็นเรื่องดีมีหลักการเสร็จสรรพ

คนที่กินเหล้าประจำ จำครั้งแรกที่กินได้ไหมครับ มันจะอยากหรือไม่อยาก ไม่รู้ล่ะ แต่มันจะมีความรู้สึกแว๊บนึงขึ้นมาว่า "จะดีไหม(วะ)นี่"

แรกๆ รุ่นพี่ หรือเพื่อนๆ อาจจะคะยั้นคะยอตั้งนานสองนาน กว่าจะยอมสักจิบ แล้วก็เขยิบเป็นอึก

ต่อๆมา ไม่ต้องมีใครเรียกแล้ว ชวนคนอื่นมาตั้งวงเองเลย

เขาถึงพูดว่า จริงๆแล้วเรามีศีล ไม่ใช่เพื่อให้เรารักษาศีล แต่เพื่อให้ศีลรักษาเราต่างหาก

ฉะนั้น จะศรัทธาศาสนาที่เป็นอยู่หรือไม่ ไม่เป็นไร ถ้าคิดว่ามีศีลแล้วชีวิตมันดี ก็ถือไปเถอะ แล้วจะค่อยๆเข้าใจไปเองว่าศาสนามันเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล

ถามว่า แล้วถ้าจะเริ่มภาวนาดูจิต ต้องมีศรัทธาไหม

ไม่จำเป็นนะครับ คือถ้ามี มันก็จะช่วยให้เราเรียนง่ายขึ้น เพราะเราเชื่อว่ามันเป็นสิ่งที่ดีกับชีวิตเรา แต่ไม่มีก็ไม่เป็นไร

พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้สถาปนาตนเป็นเทพอะไรให้ใครมากราบมาไหว้
มีแต่คนที่ฟังธรรมของท่านแล้วเข้าใจ ก็เกิดเลื่อมใส อยากกราบ อยากไหว้

สมัยท่านอยู่ ท่านก็ไม่เคยให้ใครสร้างพระพุทธรูปเพื่อกราบเช้าเย็น
มีแต่คนรุ่นหลังที่ศรัทธาในสิ่งที่ท่านสอน แล้วก็อยากมีพระพุทธรูปไว้ระลึกถึงคุณความดีของท่าน

มีหลายคนที่เริ่มเข้ามา ด้วยความอยากรู้ อยากลอง อยากพิสูจน์ แต่มาแบบอัตตาสูงปรี๊ด ว่าตัวเองเก่ง ตัวเองดี รู้มากแล้ว ท่องปริยัติได้เป็นเล่มๆก็มี

พวกนี้เรียนช้ากว่าชาวบ้านหน่อย .. จะว่าไปก็ไม่หน่อยล่ะ มากทีเดียว เพราะใจมันปิด เขาเรียกพวกชาล้นถ้วย

เป็นลูกศิษย์ที่อาจารย์ท่านได้ไป ก็เหนื่อย เพราะถ้าสอนไม่ตรงกับที่พวกนี้เชื่อ ก็จะต่อต้านในใจ บอกแนะอะไรก็ฟัง แต่ไม่เชื่อ เอะอะอะไร ก็จะให้พุทธเป็นวิทยาศาสตร์

เหมือนอาจารย์ จะรินชาใส่ถ้วยให้ ก็ไม่รับ เพราะถ้วยของตัวเอง มีชาเต็มปรี่แล้ว

ในบรรดาคนกลุ่มนี้ ก็มีอีตาแอสตันเมื่อสัก 6-7 ปีก่อน อยู่ด้วยแหละ

พูดแล้วก็อาย.. ไปดีกว่า ใกล้เวลาต้องจัดรายการแล้วครับ

สุขสันต์วันนี้นะครับ




Create Date : 28 เมษายน 2550
Last Update : 30 เมษายน 2550 23:00:54 น. 16 comments
Counter : 1349 Pageviews.

 
แวะมาทักทายวันหยุดค่ะ


โดย: เพียงแค่เหงา วันที่: 28 เมษายน 2550 เวลา:12:59:44 น.  

 
คุณสิงห์ผงาดคะ

พี่อ่านไปก้อฟังคุณจัดรายการไป

ให้ความสุขคนอื่นซ๊าขนาดนี้

ตอบกลับไปหาคุณเย๊อะๆน๊ะคะ


โดย: ฟ้าคงฯ คนเดียวกะ ฟ.ฟัน (ฟ้าคงสั่งมา ) วันที่: 28 เมษายน 2550 เวลา:13:39:35 น.  

 
อ่านเงียบๆ แล้วนำแง่คิดดี ๆ กลับไปใช้ค่ะ


โดย: ซออู้ วันที่: 28 เมษายน 2550 เวลา:13:49:32 น.  

 
ชอบเพลงจังค่ะ ขอชื่อเพลงด้วยได้มั้ยคะ
วันนี้ได้คุยกับเพื่อนเก่าคนหนึ่งที่เราบอกว่าเราอโหสิกรรมให้ค่ะ ก็คุยกันไปคุยกันมาเค้าพูดถึงสิ่งที่ครั้งหนึ่งมันทำให้เราโกรธเค้าเราเสียใจ วันนี้ก็เลยบอกเค้าไปว่าไม่อยากพูดคำว่าอโหสิกรรมอีกเป็นร้อยเป็นพันครั้ง เราหยุดแค่นี้ดีกว่า วันนี้ก็ร้องไห้นะคะ แล้วก็นึกถึงคุณแอ็สตัน เลยเข้ามาหาในบล็อค จากนั้นบนใบหน้าที่น้ำตากำลังแห้ง มันก็มีเสียงหัวเราะเบาๆแล้วก็รอยยิ้มค่ะ การไม่คิดร้ายกับใคร ไม่โกรธใคร คนที่ได้รับความสุขมันก็คือตัวเราเองจริงๆเลยนะคะ ที่บ่นๆมาไม่ค่อยเกี่ยวกับเรื่องศีลเท่าไหร่ ขอบคุณคุณแอ็สตันนะคะที่เปิดเพลงปลอบใจ พร้อมกับข้อคิดดีๆ


โดย: ยาเขียว วันที่: 28 เมษายน 2550 เวลา:15:22:45 น.  

 
พิมพ์มีดเป็นมืดค่ะ


โดย: ยาเขียว IP: 222.123.159.206 วันที่: 28 เมษายน 2550 เวลา:15:58:08 น.  

 
เห็นด้วยค่ะ ว่าเดี๋ยวนี้คนทำบาปจนชิน เห็นเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว

เรื่องชาล้นถ้วยเนี่ย คิดคล้ายๆกันเลยค่ะ
แต่เราเรียก น้ำล้นแก้ว แถมมีก้อนหินอยู่อีกครึ่งแก้วอีกต่างหาก


โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 28 เมษายน 2550 เวลา:21:37:28 น.  

 
จริงๆมีเรื่องที่ยังสับสนนิดหน่อย ที่อยากปรึกษาเกี่ยวกับหลักการปฏิบัติน่ะพี่เอ๊ด.....

แต่เดี๋ยวขออนุญาตเขียนไปถามทาง E-Mail นะครับ



โดย: Tony Koon (tk_station ) วันที่: 28 เมษายน 2550 เวลา:21:52:15 น.  

 
ฟังเพลงในเวลาเช่นนี้
รู้สึกเหมือนเดินอยู่ในเมืองศิลปะสักแห่งแถวๆ ยุโรป
หรือไม่ก็กำลังดูหนังภาพขาวดำอยู่
ไม่รู้อะไรพาไปให้คิดแบบนี้
ว่าจะคุยเรื่องเพลงอย่างเดียว
เช่นว่า ฟังเพลงดีๆ อารมณ์ดีๆ
แต่อดไม่ได้ขอซะหน่อย
ยังไงหนูก็เชื่อว่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมค่ะ
^^


โดย: I am just fine^^ วันที่: 29 เมษายน 2550 เวลา:1:11:06 น.  

 
สวัสดีครับทุกท่าน

กำลังเฝ้าสังเกตอยู่ว่า เขียนเรื่องธรรมะติดๆกันแล้วเรตติ้งตกหรือเปล่า 5555

พอได้นะ ท่าทาง ..

เพลงนี้ชื่อ On Moonlight Bay ผลงานของ Doris Day
ดีใจที่ชอบนะครับ

เพลงแบบนี้ฟังกลางคืนแล้วสบายใจชะมัดเลย

ยิ่งอายุมาก ยิ่งฟังเพลงเก่าลงๆ ทุกที นะผมนี่


โดย: aston27 วันที่: 29 เมษายน 2550 เวลา:10:31:33 น.  

 
สวัสดีค่ะ สุขสันต์วันอาทิตย์
.
.

มีดคม ๆ ใช้กับจัดการเนื้อและกระดูกยังไม่เหมือนกันเลยค่ะ
ใช้มีดไว้แล่ ใช้มีดไว้สับ ใช้มีดไว้หั่น .. บางคนเอามีดไว้ปาได้ด้วย
ไม่รู้นะคะ คิดเองค่ะ คิดว่าคนถือด้ามมีด ก็ต้องระมัดระวังที่จะใช้
ความคมของมีดไปทางไหน มากน้อยแค่ไหนด้วยเหมือนกัน
เหลาด้ามมีดไม่ได้ก็จริง แต่ที่เหลา หั่น ตัด สับ คมมีดลงไป
ล้วนแต่ใช้การตัดสิน ด้วยใจ ด้วยความคิด การกลั่นกรองบ้างละ


โดย: moodee IP: 124.120.228.190 วันที่: 29 เมษายน 2550 เวลา:13:38:50 น.  

 
ขอนอกเรื่องหน่อยนึงนะคะ... :)

เอ็มอ่านเรื่องศรัทธาที่พี่พูดถึงนิดหน่อยในวันนี้แล้วก็คิดต่อไปอ่ะนะคะว่า คนเรา ถ้ามีศรัทธามันก็ช่วยให้เรามีสิ่งยึดเหนี่ยวไม่ให้เคว้งหรือรู้สึกชีวิตว่างเปล่า...ถ้าโชคดี ศรัทธาในสิ่งที่ถูกที่ควร และมีการคำนึงถึงเหตุผลบนพื้นฐานของการเคารพผู้อื่นด้วยเนี่ย คนๆนั้นคงมีชีวิตที่ดีได้แน่ถึงแม้จะต้องเจอคลื่นลมแรงในชีวิต ...แต่คนที่ขาดศรัทธา หรือศรัทธาในสิ่งที่ผิด (รวมไปถึงศรัทธาในสิ่งที่ถูกแต่ขาดซึ่งความเคารพในหนทางผู้อื่น) นี่...ท่าทางชีวิตจะไม่สุขเพราะตนเองดิ้นหาทุกข์เข้าหาตัวไปจนถึงสร้างทุกข์ให้คนอื่นอีกต่างหาก

ขอโทษที่เข้ามาบ่นในบล็อกพี่นะคะ...เห็นสังคมปัจจุบันแล้วต้องทำใจหลายอย่างจัง

เอาล่ะค่ะ...ขอให้สัปดาห์ที่จะถึงนี้ พี่แอสตัน (กะทุกๆคน) มีความสุข จิตใจร่มเย็นนะคะ

ลิตเติ้ลทรี


โดย: Little Tree growing Plump IP: 125.24.31.80 วันที่: 29 เมษายน 2550 เวลา:22:26:04 น.  

 


เห็นด้วยค่ะ เวลาทำผิดคนเรามักรู้สึกตะขิดตะขวงใจ แต่หากยอมให้มีก้าวต่อไป จิตใจก็จะด้านชา เห็นเป็นเรื่องปกติ แล้วก็มีทุคติเป็นที่ไปเป็นเรื่องปกติเช่นกัน

ยินดีด้วยที่เรื่องราวดีๆจะได้เผยแพร่ในวารสารธรรมะค่ะ


โดย: Hobbit วันที่: 30 เมษายน 2550 เวลา:10:00:41 น.  

 
มาอ่านเรื่องราวดีๆ ก่อนกลับบ้านเจ้าค่ะ


และขอแสดงความยินดีกับพี่ด้วยนะคะ ที่เรื่องราวดีๆ
ที่เต็มไปด้วย คำสอนดีๆ จะได้รับการตีพิมพ์ลงใน
วารสารธรรมะ

เย็นนี้ขับรถกลับบ้านดีๆนะคะ ระวังถนนลื่นล่ะ
อย่าขับเร็วมากนักนะคะ เป็นห่วงเจ้าค่ะ



โดย: Kimi o ai X eru วันที่: 30 เมษายน 2550 เวลา:17:17:56 น.  

 
งานเขียนของพี่ที่คุณกลางชลจะเอาไป post ลงวารสารธรรมะออนไลน์ใช่ที่คุณดังตฤณทำรึเปล่าคะ เห็นข่าวแว้บๆ ในลานธรรมแต่ไม่ได้ดูรายละเอียด แต่ถึงจะใช่หรือไม่ใช่ยังไงก็ดีใจด้วยนะคะที่งานของพี่ได้เผยแพร่สู่สาธารณชนในวงกว้างขึ้น


โดย: kittykitten วันที่: 30 เมษายน 2550 เวลา:19:14:51 น.  

 
I could be one of "พวกชาล้นถ้วย".


โดย: Guiness Draft วันที่: 9 พฤษภาคม 2550 เวลา:7:52:55 น.  

 
หนูก็เป็นพวกชาล้นถ้วยค่ะตอนนี้


โดย: a r i t s u m e m o o n วันที่: 16 มิถุนายน 2550 เวลา:15:02:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

aston27
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 215 คน [?]




คนรู้ไม่คิด คนคิดไม่รู้
New Comments
Friends' blogs
[Add aston27's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.