Group Blog
 
All blogs
 
เรียนธรรมะ จาก Johnny Walker




ครูบาอาจารย์ผมท่านเคยพูดหลายครั้ง ว่า..
พระพุทธเจ้าให้ธรรมะกับพุทธบริษัททั้ง 4 ไม่ได้ให้เฉพาะพระนะ

ผมมาขยายความต่อได้ว่า.. เมื่อธรรมะเป็นของหุ้นส่วนทั้ง 4
ธรรมะจึงไม่ได้มีอยู่เฉพาะที่วัด ไม่ได้อยู่เฉพาะห้องพระ
ไม่ได้มีเฉพาะวันพระ ไม่ได้มีเฉพาะเวลาบวชชีพราหมณ์
หรือเฉพาะตอนนั่งสมาธิ เดินจงกรม สวดมนต์

ธรรมะมันอยู่ต่อหน้าต่อตาเราทุกคนอยู่ทุกลมหายใจนี่แหละ

ที่จริง ถ้าจิตมันมีฉันทะ ความยินดีในการเรียนรู้
แค่ดูทีวีก็ยังเจริญสติภาวนาได้เลยนะ

ยกตัวอย่าง .. กลับมาบ้าน ผมอยากดูทีวี ก็รู้ว่าอยาก
อ่ะ.. รู้แล้ว มันยังอยาก ก็ให้มันดู มือขยับไปหยิบรีโมทกดเปิดทีวี
ก็รู้การเคลื่อนไหวของมือ แขน และจิตที่อยากกด นิ้วที่กด

พอภาพในจอปรากฏผมก็นั่งดูไป เห็นจิตมันส่งออกไปอยู่ที่จอ
พอเห็นปุ๊บจิตดวงนั้นดับ ผมก็เห็นว่ามันมีความรู้สึกตัว
จิตก็ตั้งมั่นอยู่กับกายใจตัวเอง

แว๊บบบบเดียว มันพุ่งออกไปที่ทีวีอีก ผมก็ตามไปรู้มัน
จิตที่เกิดที่ตา ก็ดับที่ตา จิตดวงใหม่ มาเกิดที่ใจเราแว๊บนึง
แล้วก็ดับ ไปมีจิตดวงใหม่เกิดที่ตาอีก สลับไปสลับมา

นั่งดูทีวีสิบนาที ได้ปฏิบัติไปด้วย ผลคือ ดูรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง
เพราะไม่ได้ดูให้รู้เรื่อง แต่จะดูเพื่อปฏิบัติ

อันนี้ ไม่ได้แนะนำว่าควรเอาไปเป็นเยี่ยงอย่าง
เพราะจริตความชอบของจิตแต่ละคนไม่เหมือนกัน

ผมเป็นพวกฟุ้งซ่าน ให้ผมไปปลีกวิเวกนั่งเงียบๆนานๆ พาลจะฟุ้งซ่านมากกว่าเดิม
ต้องให้มีผัสสะ สิ่งเร้ามากระทบบ้าง แล้วปฏิบัติจากตรงนั้นแหละครับ

แล้ว Johnny Walker เกี่ยวอะไรกับธรรมะเหรอ.. คุณแอสตั้น

เมื่อคืน ผมเห็นโฆษณา Black Label ตัวหลังสุด
ที่เป็นนายแบบเป็นมนุษย์หุ่นยนต์ (แอนดรอย์ด) ออกมาพูดทำนองว่า

..ผมอาจจะสมบูรณ์แบบ แต่ถ้าเลือกได้ ผมอยากเป็นมนุษย์
เพราะอยากรับรู้ความรู้สึกได้ เข้าถึงอารมณ์ ต่างๆ รวมทั้งความรัก

ผมฟังแล้วนึกไปถึง เมื่อสักสองปีก่อน
ครูบาอาจารย์ผม ท่านเคยเมตตาเตือนผมว่า
ผมยังติดสมถะนะ ติดความสงบ ชอบประคองจิตให้นิ่งๆ

ท่านบอกว่า ถ้าผมทำแบบนี้เก่งๆ ตายไปก็จะได้ไปเป็นพรหม
ไม่ใช่พรหมธรรมดานะ พรหมลูกฟัก เสียด้วย (อย่าถามนะ ว่าต่างจากพรหมธรรมดายังไง ผมไม่รู้หรอก)

การเป็นพรหมนี่มองแบบโลกๆ เป็นสิ่งที่แจ๋วมากเลยนะครับ
คือชีวิตมีแต่ความเย็น สงบ สุข ปราศจากทุกข์ยากลำบากใดๆ

อันนี้ผมยกเว้นพระพรหมองค์ที่ถูกอัญเชิญให้มาโปรดสัตว์โลก
แถวสี่แยกหน้าโรงแรม ริมถนน หน้าออฟฟิสต่างๆนะ

แต่พรหมก็มีวาระของพรหม
เหมือนตำแหน่งนายกฯ ตำแหน่งผู้ว่าฯ อะไรทั้งหลายนี่แหละ

จะอยู่นานกี่กัลป์ชาติ หมดบุญ หมดวาระ
ก็ต้องลงมาเวียนว่ายตายเกิด ลุ้นนับหนึ่งใหม่

มองกันดีๆ ชีวิตของพรหม ที่จัดว่า "สมบูรณ์แบบ"
ก็ไม่ต่างจากมนุษย์หุ่นยนต์นั่นหรอก

อายุขัยอาจจะยาวนาน แข็งแรง ไม่มีความป่วยไข้
ว่องไว ฉลาด มีพลัง อิทธิฤทธิ์มากมาย

แต่สู้มนุษย์ไม่ได้ ตรงที่ท่านไม่มีอารมณ์ ความรู้สึก
ท่านไม่มีทุกข์ น่ะ ว่ากันง่ายๆ

ไม่มีทุกข์ ก็ไม่มีฉันทะจะปฏิบัติ เพราะไม่เห็นความจำเป็น
ไม่ได้ปฏิบัติ ก็ไม่เดินหน้าไปไหน ติดอยู่กับความสุขแบบพรหมนั่นแหละ

ใครอยากเป็นพรหม ไม่ยากครับ ทำสมถะ นั่งสมาธิเก่งๆ ลึกๆ
เวลามีอารมณ์ มีกิเลส โลภะ โทสะ โมหะ ก็เอาสมาธิข่มไว้ กดไว้

ก็จะได้เป็นคนดีเหมือนพรหมในร่างมนุษย์
แต่ไม่ได้ปัญญานะ เพราะเราปฏิเสธความจริง

ความจริงที่ว่า จิตมันเป็นสิ่งที่ไม่คงทนถาวร
มันต้องเปลี่ยนไปเรื่อยๆ และเราบังคับมันไม่ได้

การปฏิเสธความจริง ก็เท่ากับปฏิเสธธรรมะ
เพราะธรรมะ คือธรรมชาติ ธรรมชาติคือความจริง

เท่าที่ฟังครูบาอาจารย์ตรวจการบ้านลูกศิษย์มาหลายปี
นักปฏิบัติหลายท่านไปพลาดติดอยู่ตรงนี้แหละ

ติดกับความอยากดี อยากสงบ อยากนิ่ง อยากบรรลุ
อยากเห็นธรรม แต่ไม่ค่อยรู้ทันความอยาก

จิตจึงเกิดการประคับประคอง ไม่ให้หลง ไม่ให้เผลอ
ไม่ให้คิดเรื่องไม่ดี ไม่ให้โกรธ ไม่ให้อิจฉา ไม่ให้หงุดหงิด

ประคองแล้วดีไหม ดีแบบสมถะครับ เป็นคนดีที่เก็บกดเก่ง เพราะกลัวตัวเองไม่ดี
แต่ลืมไปว่า พระพุทธเจ้าท่านให้การบ้านไว้ แถมเฉลยคำตอบให้เสร็จสรรพว่า

ตัวท่าน ไม่มี ตัวเรา ไม่มี สิ่งที่เป็นตัวตน จริงๆไม่เคยมีอยู่
มีแต่ความยึดมั่นถือมั่น ว่ามีตัวมีตน บุคคล เรา เขา
เพราะความไม่รู้ ความเข้าใจผิด มันบังตาเราอยู่

ถ้าเห็นแจ้งว่าตัวเราไม่มี แล้วจะเอาดีไปให้ใคร
จิตมันก็จะปล่อย จะวาง ของมันเอง ไม่ใช่เพราะเราอยาก

คำตอบรู้แล้ว ให้หาวิธีพิสูจน์เอาเอง ท่านรับรองได้ว่าจริง
แต่เรายังพิสูจน์ไม่ได้ชัดแจ้ง จิตมันก็ยังไม่ยอมรับ
มันเลยยังรักตัวเอง เพราะคิดว่า ตัวเองมีอยู่นั่นแหละ

ผมนั่งอมยิ้ม ตอนนึกเรื่องนี้ เพราะเคยมีพระรูปนึง ท่านเปรียบว่า
คนที่ชอบติดสมถะ เพราะกลัวจิตไม่ดี เลยเพ่งเอาไว้ จะได้ไม่เผลอ
ก็เหมือนคนจะเดินข้ามสะพานไม้กระดานแผ่นเดียว มีไม้ไผ่เป็นราวสะพานให้จับ

พอกลัวตก ก็เลยจับราวสะพานแน่นไม่ยอมปล่อย
ถ้าไม่ยอมปล่อย ก็เดินข้ามไปไม่ได้หรอก ติดอยู่ตรงนั้นแหละ

พูดถึงตรงนี้ จะไม่ให้บอกว่า Black Label สอนธรรมะเราได้ยังไง
ในเมื่อสโลแกนเขาก็ปิดท้ายตัวเบ้อเร่อ ว่า..




"KEEP WALKING"








เอากะพี่จอห์นนี่เขาสิ




Create Date : 31 ตุลาคม 2550
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2550 8:36:31 น. 36 comments
Counter : 3348 Pageviews.

 
เหะๆ พี่จอห์นนี่เด็ดจริงๆ ค่ะกับคำนี้

"คนดีที่เก็บกดเก่ง เพราะกลัวตัวเองไม่ดี" สุดยอดดด


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 31 ตุลาคม 2550 เวลา:23:46:41 น.  

 
เดือนที่แล้วไปเที่ยวภูสอยดาวมาค่ะ เดินขึ้นเดินลง
ไม่สิ ต้องเรียกว่าปีนขึ้นไต่ลงเขาประมาณสี่ห้าลูก
ระหว่างทางมีอยู่ครั้งต้องเดินข้ามลำธารกว้างประมาณสักแปดเก้าเมตรได้มั้งคะ
ไม่มีสะพานไม้แผ่นเดียว แต่มีต้นไม้หนึ่งต้นพาดไว้
ต้นไม่ใหญ่ค่ะ ลำต้นกลมๆ อีกต่างหากแถมไม่มีราวให้เกาะ
แค่เห็นหนูก็ร้องโอยแล้วค่ะ
เพราะแบกเต็นท์หนึ่งหลังบวกกับกระเป๋ากล้องและกระติกน้ำ
จะข้ามไปยังไงไหวล่ะเนี่ย
สูดลมหายใจหนึ่งเฮือกค่ะ แล้วก็ค่อยๆ ประคองตัวเดินไป
ถึงครึ่งทางหนูก็ทำท่าว่าจะล้มมิล้มแหล่ มีแววตกน้ำมากๆ เลยค่ะ
พี่คนนึงเดินนำไปแล้ว หันมาเห็นเราท่าไม่ดีก็เลยเดินกลับลงมาจะยื่นมือให้เราเกาะ
แต่ตอนนั้นขามันสั่น ใจมันหวิวๆ เลยไล่ให้พี่เขากลับไป บ
อกว่าขอบคุณนะคะ แต่ถ้าหนูกระดุกกระดิกตอนนี้ได้ตกน้ำไปด้วยกันแหงๆ
ขอแค่ตั้งสติ เรียกกำลังใจห้าวิ
แค่นั้นจริงๆ ค่ะแล้วก็เดินต่อ ข้ามมาได้โดยไม่เปียก
ที่เดินเหนื่อยแสนเหนื่อยน่ะหนูลืมไปหมดแล้ว
แต่กลับจำช่วงเสี้ยววินาทีตรงนั้นได้
หนูว่านะคะถึงตกน้ำไป ยังไงก็ต้องหาทางไปให้ถึงฝั่งอยู่ดี
แต่คราวนี้ได้เปลี่ยนเป็น Keep swimming แหงๆ
^^


โดย: am^^ IP: 58.8.124.159 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2550 เวลา:10:12:33 น.  

 
เหมือนรู้เลย คุณแอสตัน
ว่าอาทิตย์นี้เราบอกตัวเองว่า Keep Walking อยู่ตลอดเวลา

รู้ตัวมั่ง ไม่รู้ตัวมั่ง
เวลารู้ตัว ก็รู้ตัวว่าทุกข์
รู้ตัวว่าอยากให้หายทุกข์เร็วๆ
ก็เลยกลายเป็นทุกข์มากขึ้นไปอีกซะงั้น

แต่วันนี้พออ่านถึงพรหมลูกฟักก็แอบอมยิ้ม
เคยได้ยินคุณยายพูดตอนเด็กๆ นานมากแล้ว
เคยถามคุณยาย
ดูเหมือนจะเป็นลักษณะที่สงบเย็นแบบไม่ยินดียินร้ายใดๆ
ไม่เคยได้ยินใครพูดถึงมานานแสนนาน
พอได้ยินก็เลยอดยิ้มไม่ได้


โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 1 พฤศจิกายน 2550 เวลา:15:16:14 น.  

 
อ่านแล้วคิดถึงNIKE

Just do it.


โดย: Q.NUH วันที่: 1 พฤศจิกายน 2550 เวลา:16:37:28 น.  

 
5555+++
ไม่มีไรจะพูดค่ะ..
keep doing..++++


โดย: มิน (มินทิวา ) วันที่: 1 พฤศจิกายน 2550 เวลา:17:44:51 น.  

 
..
นั่งมองแช่อยู่หลายนาที
เข้าใจว่าตาพยายามอ่านข้อความ
ส่งความหมายผ่านไปยังสมอง
..
..
แต่ไม่มีอะไรเข้าหัวเลยล่ะค่ะตอนนี้
เหม่อ รู้ว่าเหม่อ
..
..
แล้วจะกลับมาอีกค่ะ


โดย: azamiya วันที่: 1 พฤศจิกายน 2550 เวลา:23:19:04 น.  

 
อืม มีเรื่องให้ฉุกคิดอีกแล้ว

สงสัยว่าตัวเองจะเป็นแบบนี้ ตอนที่คอยตามจิต คอยรู้ตัวเอง
ก็รู้สึกดี ชอบสมถะ ชอบสงบ ชอบให้ตัวเองใจเย็นๆ อืม
แต่ก็ไม่ได้ทันสังเกตว่านั่นก็เป็นความอยากตัวหนึ่ง
มิน่า พี่ aston ถึงบอกว่า อยากดี อยากตื่นรู้ ก็ให้รู้ว่าอยากด้วยนะ

ไม่เคยคิดเลยค่ะว่า นั่นถือว่าเป็นการปฏิเสธความจริงด้วย
เหมือนแสงสว่างแว่บขึ้นมาเลย ขอบคุณนะคะที่ชี้แนะ

ส่วนเรื่องโฆษณาตัวนี้ แพนรู้สึกชอบตั้งแต่ตอนที่ออกมาแรกๆแล้ว เห็นมีโฆษณาบนป้ายริมทางด่วนด้วย ป้ายใหญ่มากๆค่ะ ข้อความบนป้ายก็โดนใจดีเหมือนกัน ^-^


โดย: กาทะน้อยของน้องหมูแดง วันที่: 2 พฤศจิกายน 2550 เวลา:2:18:19 น.  

 
ตอนนี้ก็พยายาม keep walking อยู่ค่ะพี่
ทุกข์ให้รู้ว่าทุกข์ แต่ไม่ต้องไปทุกข์กับมัน


โดย: นักรักโลกมายา วันที่: 2 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:55:06 น.  

 
ชอบโฆษณาของ Johnny Walker ทุกตัวเลยค่ะพี่ ให้ข้อคิดดีๆทุกครั้งเลย

Keep Walking


โดย: Professional วันที่: 2 พฤศจิกายน 2550 เวลา:14:19:50 น.  

 
เอ้า...ดื่ม


โดย: ฟ้าคงสั่งมา วันที่: 2 พฤศจิกายน 2550 เวลา:14:21:49 น.  

 
สวัสดีค่ะ

"KEEP SMILING"



โดย: Lin IP: 58.8.169.22 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2550 เวลา:15:52:14 น.  

 
"Keep reading" สำหรับ blog นี้ค่ะ

ส่วนตัวยังแยกไม่ค่อยออกระหว่างวิปัสสนากับสมถะ แต่ก็คิดว่าไม่ต้อง"คิด" เพราะมันจะกลายเป็นการปรุงแต่งเอา แต่ให้"รู้" ตามที่คุณ aston เคยบอกอยู่บ่อยๆ (เข้าใจถูกไหมคะเนี่ย)


โดย: sunny IP: 203.150.233.178 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2550 เวลา:18:40:53 น.  

 
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาครับ

คุณ Sunny << เข้าใจถูกแล้วครับ ถ้าคิด ถ้าไปเพ่งจ้อง ไปบังคับ แทรกแซงจิต อันนั้นจะเป็นสมถะทันที

วิปัสสนาเรารู้ตามความเป็นจริง เท่าที่รู้ได้ ณ ปัจจุบันครับ

เช่นตอนที่คุณถามว่า "ใช่มั้ยคะ" ถ้าคุณ sunny สงสัย แล้วสัมผัสได้ในความรู้สึกสงสัยนั้น ถือว่าคุณได้เจริญสติ เป็นการปฏิบัติวิปัสสนาขึ้นมาครั้งนึงแล้วครับ

จากนี้ ก็ขยันๆสังเกตความเปลี่ยนแปลงของจิตบ่อยๆ
จะลืมไปชั่วโมงนึง ก็ไม่เป็นไร นึกขึ้นได้ ก็รู้สึกตัวว่าหลง แล้วจิต ณ ปัจจุบันเป็นยังไง คอยรู้สึกไป เรื่อยๆครับ

แพนด้ามหาภัย << โอ.. อาการนี้เป็นกันเยอะพอๆกะหวัดหน้าฝนปนหนาวนะ

แอม << ถูกต้อง ยังไงก็ต้องหาทางข้ามไปให้ได้อยู่แล้ว ทำไมจะต้องห่วงว่าจะเปียกมั้ย จะตกมั้ย

ค่อยๆหัดทรงตัวให้ได้ คือคอยรู้สึกตัวนี่แหละ แล้วใจกล้าๆปล่อยมือ ออกเดินไปซะ ไว้เซค่อยจับราวใหม่

HoneyLemonSoda << อยากรู้มั้ย ว่าทำไมทุกข์มากขึ้น

อยากรู้ ดูตัว อยากรู้ในจิตก่อนสิ แล้วจะบอก

เพราะเราไม่ได้รู้มัน ด้วยความเป็นกลางไง
เรามีโทสะ คือความไม่ชอบใจที่มีความทุกข์

แล้วเราไม่เห็นมัน ไม่เห็นว่าจิตไม่ได้เป็นกลาง
ขนาดเข้าไปรู้ความอยากหายทุกข์ ก็ยังจงใจรู้ด้วยความไม่ชอบมัน อยากให้มันหาย

กิเลส มันก็ต่อยอดกันไปเรื่อยๆ อย่างนั้น

Q.NUH << แจ๋วมาก

คุณมิน << ดูอย่างเดียวนะ อย่า DO ที่แปลว่าทำ

เวลาบอกว่าให้ปฏิบัติธรรม เรามักเข้าใจผิดว่าคือการ "ทำ" อะไรสักอย่าง

ที่จริง "ปฏิบัติ" แปลว่าการรู้เฉพาะหน้า หรือรู้เฉพาะปัจจุบันนี่แหละ

ปฏิบัติธรรม จึงควรจะหมายถึง รู้ธรรมที่เกิดขึ้นเฉพาะในปัจจุบัน

จะเรียกกิริยาว่า "ดู" "สังเกต" "รู้สึก" ก็ได้นะครับ ตราบที่ไม่สร้าง ไม่ปรุง ไม่แต่ง อะไรมากเกินกว่าการ "รู้"

azamiya << เหม่อ รู้ว่าเหม่อ ดีแล้ว
แต่จะให้ดี ต้องสังเกตต่อด้วยว่า มันอยากให้เข้าหัวไหม

และเมื่อไม่เข้าหัว จิตมันยินดี หรือยินร้ายอย่างไร ก็รู้

เห็นว่าเหม่อ แล้วท้อ หรือฮึกเหิม ก็รู้

อะไรก็ได้นะ ที่เป็นความจริง เท่าที่เห็นได้ รู้ได้

มองแล้วมองไม่ออก ยังปฏิบัติได้เลย
มัวๆ รู้ว่ามัวๆ ฟุ้งซ่าน รู้ว่าฟุ้งซ่าน
ไม่เห็นอะไร รู้ว่าไม่เห็น อยากเห็น รู้ว่าอยากเห็น

บอกแล้วว่า อะไรก็ได้ หลงก็ได้ ขอให้ตามรู้ทันไวไวนั่นแหละ

กาทะน้อยของน้องหมูแดง << ที่จริงสมถะ ที่ประกอบด้วยความรู้สึกตัวนี่ดีมากนะครับ

เช่นชอบนั่งสมาธิ รู้ว่าชอบ อยากนั่ง รู้ว่าอยาก
นั่งแล้วสบายใจ รู้ว่าสบายใจ จิตไหลไปอยู่ที่ลม รู้ว่าจิตเป็นอย่างนั้น

จิตไปทำอะไร ก็รู้สึกตัว จิตคิด จิตปรุงแต่ง จิตฟุ้งยังไง ก็รู้มันไป เท่าที่รู้ได้ หลงไปก็รู้ให้ไวๆ

นั่งไปแล้วเมื่อย รู้ว่าเมื่อย อยากขยับเปลี่ยนท่า รู้ว่าอยาก เวลาขยับ ก็รู้สึกตัว ขยับแล้วสบายขึ้น รู้ว่าสบาย

นักรักโลกมายา << ดีแล้ว รี พี่ดีใจด้วย
คือถ้าเข้าใจได้ว่า ทุกข์ไม่ใช่ตัวเรานะ ไม่ใช่จิตเราด้วย

แต่ทุกข์ เป็นสิ่งแปลกปลอม เป็นผลจากการที่จิตเราเข้าไปยึด ไปแบกอะไรไว้อย่างหนึ่ง เท่านั้น

สำหรับคนที่เข้าใจแล้ว ทุกข์ ถึงมีค่าไม่ต่างจากสุข คือมันแสดงไตรลักษณ์ให้เราดู ได้เสมอกัน

มันเกิดแล้วมันก็ดับเสมอกัน

Professional << หมอเริ่มเดินหรือยังล่ะ

ฟ้าคงสั่งมา << ดื่มได้ แต่บล็อคนี้มีแต่น้ำผลไม้ น้ำผักนะพี่

คุณ Lin สวัสดีครับ


โดย: aston27 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2550 เวลา:22:45:00 น.  

 

ขอบคุณนะคะ


โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 3 พฤศจิกายน 2550 เวลา:11:35:08 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะ

เข้า blog พี่ เหมือนเข้าคอร์สเรียนธรรมะ มีวิทยากรคอยตอบปัญหาให้ด้วย ดีจังค่ะ

ป.ล. ยกเลิก "blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก" แล้วใช่ไหมคะ ขอสนับสนุนค่ะ เพราะว่าไม่ได้เป็นสมาชิก แต่บางทีก็มีคำถามอยากจะถาม แล้วเม้นไม่ได้


โดย: sunny IP: 203.150.233.178 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2550 เวลา:15:10:09 น.  

 

ขอให้วันนี้อารมณ์สดใสนะค่ะ


โดย: โสมรัศมี วันที่: 4 พฤศจิกายน 2550 เวลา:11:01:52 น.  

 
แวะมาอ่านค่ะ


โดย: mikajue วันที่: 4 พฤศจิกายน 2550 เวลา:20:12:09 น.  

 
คุณ Sunny << ยังอาจจะยกเว้นเป็นบางกรณีครับ

มันไม่มีอะไรที่ถาวร และ "ตลอดไป โดยสิ้นเชิง" หรอกนะครับ เว้นแต่สิ่งที่ดับไปแล้ว

emo

คุณพี่โสมรัศมี คุณ mikajue สวัสดีครับ


โดย: aston27 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2550 เวลา:7:31:45 น.  

 
อ่านแล้วโดนจี้ใจดำ เพราะเจริญสติแล้วยังลืมตัววกเข้าหาสมถะอยู่บ่อยๆ ค่ะ แต่ยังพออุ่นใจเพราะอย่างน้อยก็ยังรับมือได้ด้วยการรู้ว่าเพ่ง ถ้าเป็นแต่ก่อนสงสัยไปไม่เป็นเลย


โดย: Hobbit วันที่: 5 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:04:31 น.  

 
ช่วงนี้รู้ตัวว่าอยาก...
อยากจะตะโกนดังๆ
อยากปลดปล่อยความคิดไร้สาระของตัวเองมากๆ เลย
...แต่ยังเหมือนเดิม ก็ได้แต่บอกว่า
มันคือจิตนะ
คุณ aston บอกว่าจิตมันไม่ใช่ของเรานะ
แค่คอยดูมัน...ไปก่อนแล้วกันนะ


emo

...ขอถามนอกเรื่องหน่อยดิค๊ะ
รายการวิทยุของคุณ ปีหน้าจะยังอยู่ที่เดิมหรือเปล่าคะ

สุขสันต์วันเริ่มสัปดาห์ค่ะ



โดย: myouzhny วันที่: 5 พฤศจิกายน 2550 เวลา:13:17:37 น.  

 
ชอบโฆษณาตัวนี้เหมือนกันครับ นานๆจะได้ข้อคิดจากโฆษณาสักที


โดย: tpipe วันที่: 5 พฤศจิกายน 2550 เวลา:15:16:21 น.  

 
555555++++
มินว่าแล้ว...55555+++
ตอนเม็นท์ก็คิดแค่ว่า
ก็จงปฏิบัติ(ธรรม) กันต่อไป
แต่ลืมไปว่า ถ้าใช้คำนี้
ในภาษาอังกฤษมันอาจติดเรท
ได้เหมือนกัน..5555++++
พอฉุกคิดขึ้นมา มือมันกด submit
ไปแล้วอ่ะจิ...ไม่อาวค่ะ..
จิตเราต้องไม่ฟุ้งซ่าน..55555+++
Beautiful Monday จ้า...


โดย: มิน (มินทิวา ) วันที่: 5 พฤศจิกายน 2550 เวลา:18:33:37 น.  

 
อ่านจบแล้วพอเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง เลยไม่รู้ว่าจะ Comment อะไรดี

ส่งยิ้มให้แทนแล้วกันครับ อิอิอิ



โดย: Tony KooN (tk_station ) วันที่: 6 พฤศจิกายน 2550 เวลา:0:05:24 น.  

 
..
เกือบงง รู้ว่าเกือบ
รู้ว่าแค่เกือบงงค่ะ
..
..
ขอบคุณนะคะพี่


โดย: azamiya วันที่: 6 พฤศจิกายน 2550 เวลา:22:17:41 น.  

 
"keep reading"


โดย: a r i t s u m e m o o n วันที่: 7 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:22:11 น.  

 
แวะมาทักทายนะครับ ดีจังเลย


โดย: โจราคาเฟ่ วันที่: 7 พฤศจิกายน 2550 เวลา:16:40:27 น.  

 
โอ้โห คนแวะมาหน้านี้สี่ร้อยกว่า
พี่เอ๊ดไม่ต้องตกใจ
หนูคนเดียวก็สามร้อยแล้ว
555 ล้อเล่นๆ
เข้ามาฟังพลงค่า
^^


โดย: am^^ IP: 58.8.121.90 วันที่: 9 พฤศจิกายน 2550 เวลา:10:42:12 น.  

 
ขอบคุณนะคะ น้ำใจไมตรีเมื่อคืน

พี่เลยได้เรื่องอัพบล๊อคซ๊ะเลยค่ะ


โดย: พี่แหม๋ว (ฟ้าคงสั่งมา ) วันที่: 9 พฤศจิกายน 2550 เวลา:13:14:28 น.  

 
รับทราบค่ะ
จะห้ามเม้น หรือให้เม้น ก็ยังคง keep reading ต่อไป ตราบที่ยังมีคนเขียนให้อ่าน
blog page นี้มีคน view 400 กว่าๆแล้วจริงๆด้วย emo


โดย: sunny IP: 203.150.233.178 วันที่: 10 พฤศจิกายน 2550 เวลา:21:13:01 น.  

 
แล้ว อีโมตัวนี้เนี่ย --->
(ก่อนจะขึ้นเพลงอ่ะค่ะ)
...
หมายถึง อยากดื่มด้วยรึเปล่าอ่ะคะ
...
...
สำหรับเรื่องบางเรื่อง นอกจากจะ Keep Walking แล้ว
ก็ยังต้อง Keep งงงing กันต่อไป

ปล. Keep งงงing <--- คำนี้ไม่ได้เขียนผิดนะคะ
แอบจำจากคำที่เพื่อนเคยเอามา
เล่นมุขหน้าห้อง วิชา ภาษาอังกฤษ สมัยป.ตรี อ่ะค่ะ


โดย: Serendipity_t วันที่: 10 พฤศจิกายน 2550 เวลา:23:30:09 น.  

 
หวัดดีวันจันทร์ ค่ะ
เข้ามาทักทาย
เดี๋ยวนี้มินติดคลื่น 99.5 ซะแล้ว
แต่ยังไม่ได้ฟังช่วงที่คุณแอสตันจัด
ซักกะที..ชอบทุก ดีเจ เลยค่ะ
โดยเฉพาะคุณวิโรจน์ ..5555++
Beautiful Monday ค่า


โดย: มิน (มินทิวา ) วันที่: 12 พฤศจิกายน 2550 เวลา:9:26:19 น.  

 
แวะมาอ่านค่ะ (หลังจากที่พี่บอกมาตั้งอาทิตย์ก่าแว้ว อิอิ) อ่านจบอมยิ้ม แหมมันโดน


โดย: รัตน์ IP: 61.90.159.2 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2550 เวลา:17:03:55 น.  

 
ชอบตรงที่บอกว่า จับราวสะพานแน่นไม่ยอมปล่อย
ถ้าไม่ยอมปล่อย ก็เดินข้ามไปไม่ได้หรอก..

keep walking


โดย: ming IP: 202.90.123.141 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:10:35:04 น.  

 
สาธุ สาธุ : )



... บุญรักษาครับ : )


โดย: ผ่านมา : ) IP: 58.8.73.220 วันที่: 13 มกราคม 2551 เวลา:12:57:02 น.  

 
ขอบคุณนะคะ
เพราะเราไม่ได้รู้มัน ด้วยความเป็นกลางไง
เรามีโทสะ คือความไม่ชอบใจที่มีความทุกข์

แล้วเราไม่เห็นมัน ไม่เห็นว่าจิตไม่ได้เป็นกลาง
ขนาดเข้าไปรู้ความอยากหายทุกข์ ก็ยังจงใจรู้ด้วยความไม่ชอบมัน อยากให้มันหาย

กิเลส มันก็ต่อยอดกันไปเรื่อยๆ อย่างนั้น






โดย: O IP: 203.170.177.194 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2551 เวลา:17:24:13 น.  

 
สวัสดีครับคุณ แอสตัน ยินดีในธรรมน่ะครับ

ผมได้อุดหนุนหนังสือ ธนาคารความสุข ของท่านมา

อ่านแล้วได้ข้อคิดหลายๆ อย่าง

ธรรมย่อมรักษา ผู้ประพฤติธรรม ครับผม

//www.kammatan.com


โดย: golfreeze IP: 116.68.146.74 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:17:58:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

aston27
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 215 คน [?]




คนรู้ไม่คิด คนคิดไม่รู้
New Comments
Friends' blogs
[Add aston27's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.