Group Blog
 
All Blogs
 
เล่าปี่ (๘)

สามก๊กฉบับลายคราม

เล่าปี่...ผู้พนมมือถือดาบ

ตอนที่ ๘ นายทหารขายตัว

เล่าเซี่ยงชุน

ขณะเมื่อ บังทอง เสียชีวิตลงที่ช่องแคบลกห้องโห หน้าเมืองลกเสียนั้น ขงเบ้งดูดาวรู้ล่วงหน้าอยู่แล้ว ต่อมาอีกห้าหกวัน กวนเป๋ง ลูกเลี้ยงของ กวนอู จึงถือหนังสือของ เล่าปี่ กลับมาแจ้งข่าวแก่ขงเบ้งที่เมืองเกงจิ๋ว ขอให้ขงเบ้งช่วยไปคิดอ่าน
การสงครามต่อไป ขงเบ้งจึงให้กวนอูกับขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายพลเรือนสี่นาย ทหารเอกสี่นายอยู่รักษาเมืองเกงจิ๋ว พร้อมกับแนะนำว่าถ้า โจโฉ ยกทัพมาตีเมืองก็ให้ต่อสู้อย่างเต็มที่ แต่ทางด้าน ซุนกวน ให้ประนีประนอม คงเป็นพันธมิตรไว้ แล้วก็ให้ เตียวหุย คุมทหารหมื่นหนึ่งยกทัพเดินทางบก ผ่านเมืองปากุ๋นไปเมืองลกเสีย ให้ จูล่ง คุมทหารหมื่นหนึ่งไปทางเรือเป็นกองหน้า ตนเองคุมทหารหมื่นห้าพันเป็นกองหลวงของทัพเรือ ล่องไปตามลำแม่น้ำกิมกั๋ง บรรจบกันที่เมืองลกเสีย

ฝ่าย เงียมหงัน เจ้าเมืองปากุ๋นอายุล่วงเข้าวัยชราแล้ว แต่ก็ยังมีฝีมือเข้มแข็ง และมีกำลังมากสามารถควงง้าวใหญ่สู้ทหารได้หมื่นหนึ่ง เมื่อเตียวหุยยกทหารมาถึง ก็ไม่ยอมอ่อนน้อมด้วย แต่ก็ไม่ยกออกมารบ เตียวหุยเอาแต่โมโห ร้องด่าท้าทายกันไปมา พอยกทหารเข้าไปใกล้กำแพงเมือง ทหารในเมืองก็ยิงเกาทัณฑ์ต้านทาน แม้แต่เตียวหุยจะแกล้งให้ทหารทำเป็นนอนพักผ่อนหน้าเมือง เงียมหงันก็ไม่ยกออกมาโจมตี ล่อไปล่อมาอยู่จนถึงหกวัน เตียวหุยจึงทำอุบายปล่อยข่าวว่า จะยกทหารผ่านทางแคบ ริมซอกเขาเข้าตีเมืองปากุ๋น

เงียมหงันคิดว่าจะได้เปรียบ จึงเตรียมทหารไปซุ่ม คอยจับตัวเตียวหุย
ในตอนกลางคืน เตียวหุยให้ทหารแต่งตัวเหมือนตนเองขี่ม้านำไปก่อน แล้วคุมทหารตามมาภายหลัง เงียมหงันปล่อยให้เตียวหุยปลอมเดินผ่านไปไกล จนถึงท้ายขบวนเสบียงจึงออกจากที่ซุ่มเข้าโจมตี เตียวหุยมากับขบวนนี้ จึงเข้ารบปะทะกับเงียมหงัน ล่อกันได้สิบเพลงเงียมหงันฟันด้วยง้าว แต่เตียวหุยหนุ่มกว่าก็หลบทัน แล้วตลบม้ากลับมาคว้าตัวเงียมหงัน พลัดตกจากม้าด้วยกันทั้งคู่ ทหารของเตียวหุยก็เข้ามากลุ้มรุมจับตัวมัดไว้ได้ ทหารของเงียมหงันก็แตกตื่นหนีไป บ้างก็เข้ามอบตัวเป็นอันมาก

เตียวหุยก็เอาตัวเงียมหงัน มาพิจารณาโทษ เงียมหงันมิได้คำนับตาม ประเพณี เตียวหุยก็โกรธขบฟันข่มขู่ว่า

".....ตัวกูเป็นทหารเอกยกมาถึงนี่ เหตุใดจึงมิยอมคำนับ..."

เงียมหงันร้องตอบว่า

".....ตัวมึงเป็นคนหยาบช้า หาความสัตย์มิได้ กูจะคำนับนั้นหาต้องการไม่ ถึงมาทว่ามึงจับได้ก็ดี กูมิได้กลัวตาย แม้ศีรษะจะขาดออกก็มิขอคำนับเลย......"
เตียวหุยก็สั่งให้ทหารเอาตัวไปฆ่าเสีย เงียมหงันก็เย้ยหยันว่า

"....มึงจะฆ่ากูก็ฆ่าเถิด จะโกรธวุ่นวายไป ต้องการอันใด..."

เตียวหุยเห็นว่าข้าศึกที่มีอาวุโสสูงผู้นี้ มีใจยั่งยืนมั่นคง มิได้ย่อท้อต่อ
ความตาย ก็ชักนับถือน้ำใจ ระงับความโกรธเสีย แล้วแก้มัดออก พยุงตัวขึ้นนั่งบนเก้าอี้
แล้วตนเองก็คำนับขอโทษว่า

"....ข้าพเจ้ารู้อยู่ว่า ท่านผู้เฒ่าเป็นคน ดีมีอัชฌาสัยประกอบด้วยสติปัญญามาแต่ก่อน และตัวข้าพเจ้าเป็นผู้น้อยมิได้คารวะแก่ผู้ใหญ่ มากล่าวถ้อยคำหยาบช้าประมาททั้งนี้ มิควรแก่ตัวเลย ผิดหนักหนา ขอท่านได้อดโทษแก่ ข้าพเจ้าเถิด..."
เงียมหงันก็ซึ้งในความสุภาพของเตียวหุย ด้วยเคยได้ยินแต่คำเล่าลือ
ว่าเป็นคนหยาบช้าสามาลย์ มิได้รู้จักเด็กและผู้ใหญ่ แต่บัดนี้กลับกลายเป็นคนสุภาพรู้จักผิดชอบ จึงยอมคำนับอ่อนน้อมด้วยแต่โดยดี เตียวหุยก็ไต่ถามถึง เส้นทางที่จะไปยังเมืองลกเสีย เงียมหงันก็สนองคุณที่เตียวหุยให้ทานชีวิต ด้วยการคุมทหารเป็นกองหน้า พากองทัพของเตียวหุยผ่านด่าน ซึ่งนายด่านทั้งปวงก็อยู่ในบังคับบัญชาของ เงียมหงันทั้งสิ้น จึงไม่มีผู้ใดขัดขวางทั้งสี่สิบห้าตำบล เตียวหุยจึงเดินทัพมาถึงเมือง
ลกเสีย ด้วยความสะดวกสบายยิ่ง แม้กระบี่ก็มิได้ถอดออกจากฝัก เกาทัณฑ์ก็มิได้ขึ้นสายแต่ประการใด

ฝ่ายเล่าปี่ซึ่งรอกองหนุนจากขงเบ้งอยู่ ก็มิได้นิ่งเฉยกลับยกทหารเข้าตี
ค่ายของ เตียวหยิม ที่ขัดตาทัพอยู่นั้นแตกไปตอนกลางดึก เตียวหยิมต้องพาทหารหนีเข้าเมืองลกเสีย แล้วขึ้นเชิงเทินรบพุ่งต่อต้านไว้ เล่าปี่หักเข้าเมืองไม่ได้ก็ถอยมาตั้งหลักห่างเมืองประมาณสองร้อยเส้น อีกสองวันก็เข้าตีใหม่โดยให้ฮองตงกับ อุยเอี๋ยน เข้าตีด้านตะวันออก เล่าปี่เข้าตีด้านตะวันตก ระดมกันเข้าตีต่อเนื่อง ตั้งแต่สามโมงเช้า จนถึงบ่ายเลยเวลาข้าวต้มกลางวัน ทหารทั้งปวงก็อิดโรยลงมาก

เตียวหยิมจึงเกณฑ์ให้ชาวเมืองขึ้นรักษาเชิงเทินพร้อมด้วยก้อนศิลาเพื่อเอาไว้ทุ่มหัวข้าศึกที่จะปีนกำแพงขึ้นมา แล้วตนเองพาทหารเปิดประตูด้านทิศใต้ อ้อมไปรบกับเล่าปี่ และให้ ลุยต๋อง กับ งอหลัน คุมทหารยกออกทางประตูทิศเหนือ อ้อมไปรบ กับอุยเอี๋ยนและฮองตง พอเล่าปี่เห็นว่าเย็นแล้วจะเลิกทัพเข้าค่าย ก็เจอเตียวหยิมนำทหารเสฉวนเข้าตีโต้อย่างหนัก อุยเอี๋ยนกับฮองตงจะวกมาช่วยก็ถูก ลุยต๋องกับงอหลันสกัดไว้ ทั้งสองฝ่ายต่างรบพุ่งกันเป็นสามารถ

เล่าปี่เห็นทหารล้มตายลงมาก ดูท่าว่าจะเสียทีจึงขับม้าหนี เบี่ยงหลบเข้าทางน้อยไปตามลำพัง เตียวหยิมก็ไล่ตามกระชั้นเข้าไปทุกที พอดีเตียวหุยยกทัพมาถึง จึงเข้าช่วยแก้เอาเล่าปี่รอดได้ แล้วเข้าสู้กับเตียวหยิมได้สิบเพลง เงียมหงันก็เข้ามาช่วยเตียวหุยอีก เตียวหยิมจึงต้องถอยเข้าเมืองไป แล้วให้ทหารยิงเกาทัณฑ์สกัดกั้นอย่างหนัก จนเตียวหุยต้องเลิกรบ พาเงียมหงันเข้าไปหาเล่าปี่ในค่าย เล่าให้ฟังถึงความดีความชอบในการนำกองทัพของตน ผ่านด่านต่าง ๆ มาโดยเรียบร้อยไม่เหนื่อยยาก

เล่าปี่จึงขอบคุณที่ช่วยเหลือน้องชาย โดยถอดเกราะทองออกจากตัวให้
เงียมหงันเป็นรางวัลความชอบ พอดีลิ่วล้อมาบอกว่าอุยเอี๋ยนกับฮองตง กำลังถูกทหารฝ่ายเสฉวนไล่หนีไปทางตะวันออกกลัวจะเสียที จึงยกพลออกไปช่วยตีกระหนาบ จนจับตัวงอหลันกับลุยต๋องไว้ได้ ทหารเอกทั้งสองก็ไม่ได้แข็งข้อ กลับคำนับนบนอบขอเป็นข้าเล่าปี่เสียอีก ซึ่งเล่าปี่ก็รับเอาไว้ แล้วให้ตั้งค่ายล้อมเมืองลกเสียอยู่ทางด้านตะวันออกต่อไป

ภายในเมืองลกเสีย จึงเหลือแต่ เล่าชุน บุตรของ เล่าเจี้ยง กับสามทหารเอกคือ เตียวหยิม งออี้ และเล่ากุ๋ย ปรึกษากันแล้วก็มีหนังสือถึงเล่าเจี้ยงขอทหารกองหนุนมาเพิ่มอีก ระหว่างรอเตียวหยิมกับงออี้ ก็คุมทหารออกรบกับเตียวหุย พอได้ทีล้อมเตียวหุยไว้แล้ว ก็พอดีจูล่งยกทัพเรือมาถึง ช่วยแก้ให้หลุดไปได้อีก แล้วตีเตียวหยิมแตกทัพเข้าเมือง และจับงออี้เป็นเชลยไป งออี้ก็ยอมสามิภักดิ์กับเล่าปี่อีกคนหนึ่ง

ขงเบ้งซักถามเชลยแล้วก็รู้ว่าเตียวหยิมเป็นทหารเอกฝีมือเข้มแข็งของ
เสฉวน จึงคิดจะจัดการเสียก่อน ที่เหลือก็คงปราบได้ไม่ยาก จึงขี่เกวียนไปตรงประตู
เมืองด้านตะวันออกกับทหารประมาณสามสิบคน ล่อให้เตียวหยิมออกมา ขณะนั้นเตียวหยิมได้รับกองหนุนมาแล้วโดยมี โตเอ๋ง เป็นนายทหารคุมมา เห็นขงเบ้งมากับทหารหยิบมือเดียว ก็ยกทหารออกจากเมือง ขงเบ้งก็ทำเป็นกลัวทิ้งเกวียนแล้วขึ้นม้า พาทหารหนีข้ามสะพานกิ๋มงันเกียวโป๋ผ่านป่าไม้อ้อ ซึ่งอยู่ห่างจากสะพานประมาณหกสิบเส้น

เตียวหยิมกับโตเอ๋งก็คุมทหารไล่ตามมา จูล่งซึ่งซุ่มอยู่ใกล้ก็ออกมารื้อ
สะพานเสีย พอถึงป่าไม้อ้อเล่าปี่กับเงียมหงันก็ยกทหารเข้าตีกระหนาบทั้งสองฟาก อุยเอี๋ยนกับฮองตงก็ดักรออยู่ข้างหน้า จูล่งก็ตามติดมาข้างหลัง เตียวหยิมตกอยู่ กลางวงล้อมม่สามารถจะถอยกลับได้เพราะสะพานถูกรื้อเสียแล้ว เห็นเหลือกำลังที่จะต่อสู้ จึงพาทหารขับม้าหนีไปอีกทางหนึ่ง ก็เจอเตียวหุยสกัดปลายทาง ให้ทหารล้อมจับตัวเตียวหยิมจนได้ โตเอ๋งก็เลยหมดกำลังใจยอมมอบตัวต่อจูล่ง

พอมาถึงค่ายเล่าปี่ก็ยกโทษให้ตามเคย แต่เตียวหยิมผู้เดียวไม่ยอมแพ้ เล่าปี่ถามว่า บรรดาทหารในเมืองนี้ก็ยอมหมดสิ้นแล้ว ทำไมจึงมีใจกระด้างขัดแข็งนัก
เมื่อไม่อ่อนน้อมแล้วจะคิดประการใด เตียวหยิมมิได้กลัวความตาย ร้องตวาดว่า

"...ตัวเราเป็นชายชาติทหาร จะกลัวอันตรายกลับไปนบนอบเข้าด้วยผู้อื่น หวังจะรักษาชีวิตนั้น ก็มิควรแก่คนที่ซื่อต่อเจ้า อันเป็นชายชาติทหารใจเป็นสองนั้นมิต้องประเพณี ธรรมดาสตรีที่ดีมีมารยาท ก็มิอาจมีผัวให้เป็นสอง...."

แล้วก็ด่าเล่าปี่เป็นข้อหยาบช้าต่อไปขงเบ้งจึงให้เอาตัวไปประหารชีวิต
เสีย แต่เล่าปี่เอ็นดูว่าเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต จึงให้เอาศพไปฝังไว้ที่ต้นสะพานกิ๋มงันเกียว
โป๋ แล้วจารึกข้อความไว้ ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่คนทั้งปวงในภายหน้า
เช้าวันรุ่งขึ้น เล่าปี่ก็ให้เงียมหงันกับงออี้ คุมทหารไปถึงเชิงกำแพงเมืองลกเสีย ว่ากล่าวเกลี้ยกล่อมเล่าชุนและเล่ากุ๋ย ให้ยอมอ่อนน้อมแต่โดยดี เล่ากุ๋ยก็ด่าสวนลงมาเป็นคำหยาบช้าแทงใจดำ เงียมหงันโกรธจะพุ่งทวนขึ้นไปก็พอดี เตียวเอ๊ก
ผู้รักษาเมืองชิงตัดศรีษะเล่ากุ๋ยโยนลงมาให้ แล้วเปิดประตูเมือง ออกมารับกองทัพของ
เล่าปี่ ฝ่ายเล่าชุนก็เลยต้องพาทหารหนีกลับไปเมืองเสฉวน ทางประตูด้านตะวันออก

เมืองลกเสียก็ตกอยู่ในความยึดครองของเล่าปี่โดยสิ้นเชิง และได้ตัว
นายทหารเอกของข้าศึก เข้ามาสามิภักดิ์ด้วยถึงหกนาย คือ เงียมหงัน งอหลัน ลุยต๋อง
งออี้ โตเอ๋ง และเตียวเอ๊ก ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงไส้ศึกอีกสองนาย คือ เบ้งตัด กับหวดเจ้ง
ซึ่งไปเข้าพวกกับเล่าปี่ตั้งแต่ก่อนเกิดสงครามแล้ว

เมืองเสฉวนที่โชคร้าย มีเจ้าเมืองที่โง่งมงาย และทหารที่อ่อนแอคอย
แต่จะยอมแพ้อยู่ท่าเดียวแบบนี้ จะต้านทานเล่าปี่ผู้เป็นเชื้อพระวงศ์พเนจร ต่อไปได้อย่างไร ก็เป็นที่น่าสงสัยแก่ลิ่วล้อผู้เล่า ยิ่งนัก.

##########



Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2560
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2560 6:10:20 น. 0 comments
Counter : 550 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.