|
เล่าปี่ (๙)
สามก๊กฉบับลายคราม เล่าปี่...ผู้พนมมือถือดาบ ตอนที่ ๙ เสฉวนเปลี่ยนนาย เล่าซี่ยงชุน
เมื่อเล่าปี่ตีเมืองลกเสียได้แล้ว ก็จะคืบต่อไปยังด่านกิมก๊ก ซึ่งเป็นด่านสุดท้ายที่จะเข้าถึงเมืองเสฉวน ขณะที่ขงเบ้งกำลังวางแผนการรบ หวดเจ้งชาวเสฉวนที่ภักดีอยู่กับเล่าปี่ ก็ขออาสาว่าจะทำหนังสือไปเกลี้ยกล่อมให้เล่าเจี้ยงเจ้าเมืองเสฉวน ยอมอ่อนน้อมแต่โดยดีจะได้ไม่เปลืองไพร่พล และเกิดความเดือดร้อนแก่อาณาประชาราษฎรทั้งปวง ขงเบ้งก็เห็นด้วยจึงรั้งรอการเคลื่อนทัพไว้ก่อน
ฝ่ายเล่าซุนบุตรชายของเล่าเจี้ยง ที่แตกหนีมาจากเมืองลกเสีย ก็กลับมาเล่าให้บิดาฟังถึงความพ่ายแพ้ และความอ่อนแอของนายทหารเสฉวน ที่ยอมเข้ามอบตัวต่อข้าศึกเป็นจำนวนมาก เล่าเจี้ยงก้เรียกที่ปรึกษามาประชุมขอคงวามเห็น ก็มีที่ปรึกษาคนหนึ่งเสนอให้ออกไปกวาดต้อนราษฎรทางเมืองปาเสฝ่ายตะวันตก ข้ามแม่น้ำไป๋ซุยมาอยู่รวมกันในเมืองเสฉวนให้หมด และเผาข้าวปลาอาหารที่ขนเอามาไม่ได้เสียให้สิ้น เมื่อเล่าปี่ยกทัพมาล้อมเมือง ฝ่ายเสฉวนก็จะมีเสบียงอาหารบริบูรณ์ เล่าปี่ล้อมอยู่ได้ไม่นานก็อดอยากต้องถอยกลับไปแน่ เล่าเจี้ยงก็สงสารราษฎร จึงว่า
.........ธรรมดาข้าศึกมาทำอันตราย ชอบจะป้องกันรักษาขอบขันธเสมาไว้ อย่าให้อาณาประชาราษฎรได้ความเดือดร้อน นี่ข้าศึกยกมายังมิทันที่จะได้รบพุ่งต้านทาน กลับไปขับต้อนอาณาประชาราษฎรให้พลัดจากถิ่นฐาน ได้ความระหกระเหินฉะนี้อีกเล่า เราไม่เห็นด้วย.........
ก็พอดีอุยอ๋วนขุนนางผู้ใหญ่ได้รับหนังสือของหวดเจ้ง จึงให้เล่าเจี้ยงฉีกออกอ่านได้ความว่า แต่แรกท่านมีใจรักเล่าปี่โดยสุจริต จึงใช้ให้ข้าพเจ้าคุมทหารออกมารับเล่าปี่เข้าเมืองเสฉวน เดี๋ยวนี้เกิดไปเชื่อคำยุยงของผู้อื่นจึงเกิดเป็นข้าศึกแก่กัน และบัดนี้เล่าปี่ก็ได้ทำการใหญ่ได้หัวเมืองทั้งปวงเป็นอันมากแล้ว สมควรจะยอมอ่อนน้อมต่อเล่าปี่เสีย อันตัวเล่าปี่นั้นเป็นคนสัตย์ซื่อ เห็นว่าจะไม่ทำอันตรายแก่ท่าน
เล่าเจี้ยงก็โกรธ ด่าว่าอ้ายคนขายเจ้า ปรารถนาจะเอาประโยชน์ใส่ตัว เสียแรงเลี้ยงมาหามีความกตัญญูไม่ จึงไล่คนถือหนังสือไปเสีย แล้วให้อุยหวนน้องภรรยาลิเหยียมคุมทหารสามหมื่น ออกไปรักาด่านเมืองกิมก๊กไว้ ตังโหที่ปรึกษาอีกคนหนึ่ง ก็เสนอให้มีหนังสือไปขอกองทัพเมืองฮันต๋งมาช่วย เล่าเจี้ยงก็ว่า เตียวฬ่อเจ้าเมืองฮันต๋งก็ไม่ถูกกันอยู่ที่ไหนเขาจะมาช่วย ตังโหจึงว่า
.......อันเมืองเสฉวนอุปมาเหมือนริมฝีปาก เมืองฮันต๋งดังฟัน ถ้าริมฝีปากแหว่งแล้วก็เห็นฟันด้วย ใกล้กว่าใกล้นัก......เตียวฬ่อก็คงคิดกลัวว่าข้าศึกจะไปถึงเมือง ดีร้ายจะยกทหารมาช่วยท่าน....... เล่าเจี้ยงได้ฟังอุปมาอันสมจริง ก็ตกลงแต่งหนังสือให้อุยก๋วนถือไปถึงเตียวฬ่อ ขอร้องให้ยกทหารมาช่วยป้องกันเล่าปี่ ถ้าสำเร็จแล้วจะยกหัวเมืองที่ขึ้นกับเสฉวนให้ยี่สิบหัวเมือง
เตียวฬ่อก็ยินดีจะช่วย แต่เงียมเภาที่ปรึกษาทัดทานว่าอย่าเพิ่งเชื่อ พอดีม้าเฉียว นักรบพเนจรลูกชายม้าเท้ง ที่เคยยกทัพไปรบพุ่งกับโจโฉ แก้แค้นแทนบิดาที่ถูกฆ่าตาย แต่กลับแตกพ่ายยับเยินจนไม่เหลือทหารแม้แต่คนเดียว ต้องพาม้าต้ายน้องชายและบังเต๊กที่ปรึกษาคนสนิท มาอาศัยอยู่กับ เตียวฬ่อนานแล้ว ยังไม่ได้แสดงฝีมือเลย จึงขออาสาคุมทหารไปรบกับเล่าปี่เอง
เตียวฬ่อก็จัดพลให้สองหมื่น ม้าเฉียวก็พาม้าต้ายออกไปตีด่านแฮบังก๋วนที่เล่าปี่ยึดอยู่ ปล่อยให้บังเต๊กซึ่งกำลังป่วยนอนอยู่ที่เมืองฮันต๋งเพียงคนเดียว
ข้างเล่าปี่เมื่อรู้ว่าเล่าเจี้ยงปฏิเสธที่จะออกมาอ่อนน้อม ก็เข้าตีด่านเมืองกิมก๊ก ลิเหยียมก็เสียทีแก่ขงเบ้งถูกล้อมอยู่ริมซอกเขา ต้องวางอาวุธถอดเกราะเข้ามาคำนับยอมแพ้ เล่าปี่ก็เลี้ยงดูเป็นอย่างดี ลิเหยียมจึงกลับมาเกลี้ยกล่อมอุยหวนให้เข้ามามอบตัวอีกคน แล้วก็เชื้อเชิญให้เล่าปี่เข้าไปในเมืองกิมก๊ก กลายเป็นพวกพ้องกันไปเสียอีกรายหนึ่ง
พอเล่าปี่รู้ข่าวว่าม้าเฉียวเข้าตีด่านแฮบังก๋วน ก็รีบยกทัพออกจากเมืองกิมก๊กไปช่วยลิ่วล้อทันที โดยให้อุยเอี๋ยนคุมทหารห้าร้อยเป็นกองหน้า เตียวหุยเป็นกองกลาง ตนเองเป็นกองหลัง และให้ขงเบ้งกับจูล่งตามไปเป็นกองหนุน
เมื่อเจอกับม้าต้ายก็ต้อนอุยเอี๋ยนเตลิดไปจนเจอเตียวหุย ถามชื่อแซ่กันแล้วก็ท้าให้ ม้าเฉียวออกมารบกัน เพราะต่างก็เป็นทหารเอกที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปไกล พอฟัดพอเหวี่ยงกัน
รุ่งขึ้นเช้าทั้งสองก็ได้ประฝีมือกัน ยกแรกถึงร้อยเพลงก็ไม่เพลี่ยงพล้ำแก่กัน พอหยุดพักกินข้าวต้มกลางวันแล้ว ก็ออกไปฟาดกันอีกร้อยเพลง จนเหนื่อยด้วยกันทั้งคู่ก็พักอีกรอบหนึ่ง พอพลบค่ำก็ให้ทหารจุดคบเพลิงสว่างดังกลางวันแล้วนายทหารเอกฝีมือดีชั้นมหากาฬทั้งคู่ ก็ดวลกันต่อไปจนถึงสองยามเศษ ก็ไม่แพ้ชนะกันอีก จึงต้องแยกกันไปนอน
แต่พอรุ่งเช้าขงเบ้งตามมาถึง ก็ห้ามเตียวหุยไม่ให้ออกไปรบอีก เพราะต่างก็มีฝีมือชั้นเยี่ยมขนาดนี้ ไม่ใครก็ใครต้องตายไปข้างหนึ่งแน่ น่าเสียดายฝีมือ ควรจะหาอุบายให้ม้าเฉียวกลับใจมาเข้าเป็นพวกด้วยจะดีกว่า
จากนั้นขงเบ้งก็ติดต่อกับเอียวสงที่ปรึกษาของเตียวฬ่อซึ่งเป็นคนโลภมาก ให้ช่วยเกลี้ยกล่อมเตียวฬ่อว่าถ้ายอมเป็นพวกด้วย ก็จะได้ช่วยกันรบกับเล่าเจี้ยง และจะช่วยเหลือให้ได้เป็นเจ้าในเมืองฮันต๋ง เพราะเล่าปี่เป็นเชื้อพระวงศ์ระดับอา จะเพ็ดทูลสิ่งใดก็ได้
เตียวฬ่อก็ชักจะเห่อเหิมตามลมปากของเอียวสง สั่งเรียกม้าเฉียวให้เลิกทัพกลับ แต่ม้าเฉียวกำลังรบมันอยู่ไม่ยอมกลับ เลยถูกเอียวสงสาดโคลนให้ว่า ม้าเฉียวคงจะแข็งข้อหันกลับมาตีเมืองฮันต๋งแน่ เพื่อรวบรวมกำลังทหารไปรบกับโจโฉคู่แค้นเก่า เตียวฬ่อจึงคาดโทษม้าเฉียวตามคำยุยงของเอียวสงเป็นสามข้อคือ
ข้อหนึ่งให้ม้าเฉียวเร่งตีกองทัพเล่าปี่ให้แตกโดยเร็ว ข้อสองให้เลยไปตีเมืองเสฉวนให้ได้ ข้อสุดท้ายถ้าเล่าเจี้ยงหนีออกจากเมืองเสฉวน ให้ติดตามตัดศ๊รษะมาให้ได้
ม้าเฉียวก็ปรึกษาน้องชายว่า เตียวฬ่อคงจะโกรธที่ขัดคำสั่งไม่ยอมเลิกทัพกลับ จึงคาดโทษให้ทำในสิ่งที่เกินความสามารถอย่างนี้ ขืนดื้อรบต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร เลิกทัพกลับไปเมืองฮันต๋งตามคำเตียวฬ่อจะดีกว่า แต่พอกลับมาจะเข้าเมือง ก็มีทหารของเตียวฬ่อมาตั้งขัดตาทัพอยู่ทั้งแปดด่านกลับไม่ได้ จะถอยก็กลัวจะขัดใจกับเตียวฬ่อผู้มีคุณ เลยไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ขณะนั้นลิอิ๋นที่ปรึกษาของเล่าเจี้ยง ซึ่งเคยห้ามไม่ให้เล่าเจี้ยงคบกับเล่าปี่ ได้กลับใจมาสมัครอยู่กับเล่าปี่อีกคน เล่าปี่สงสัยถามว่าเหตุใดจึงเปลี่ยนใจ ลิอิ๋นตอบว่า
ธรรมดานกแม้จะทำรังอาศัย ก็ให้ดูต้นไม้อันร่มชิดจึงจะได้อยู่เป็นสุข อนึ่งเกิดมาเป็นชายก็ให้พึงพิเคราะห์ดูเจ้านาย อันมีน้ำใจโอบอ้อมอารีจึงเข้าอยู่ด้วย จะได้มีความสุขสืบไป แลตัวข้าพเจ้าเป็นบ่าวกินข้าวแดงของเล่าเจี้ยง ข้าพเจ้าจึงห้ามตามสติปัญญา เพราะมีใจกตัญญู เมื่อเล่าเจี้ยงมิฟังคำแล้ว ข้าพเจ้าก็มีความน้อยใจ ครั้นจะอยู่ด้วยสืบไป ก็จะพลอยเป็นอันตรายด้วย เล่าปี่ถามว่าจะมาช่วยอะไรได้ ลิอิ๋นจึงขออาสาไปเกลี้ยกล่อมม้าเฉียว ให้ยอมมาอยู่กับเล่าปี่ให้จงได้
ลิอิ๋นก็เข้าไปหาม้าเฉียวถึงในกองทัพ ซึ่งม้าเฉียวก็รู้ทันว่า จะต้องมาเกลี้ยกล่อมแน่ จึงสั่งทหารไว้ว่าถ้าลิอิ๋นกำลังเจรจาอยู่ แล้วตนเองสั่งว่าลงมือ ก็ให้ช่วยกันจับลิอิ๋นไปฆ่าเสีย แล้วสับเนื้อให้ละเอียดอย่าให้กากลืนแค้น แล้วก็ให้นำตัวลิอิ๋นเข้ามาพบ
เมื่อม้าเฉียวถามว่ามาทำไม ลิอิ๋นก็ตอบอย่างใจเย็นว่า จะมาเกลี้ยกล่อมให้เป็นพวกเล่าปี่ ม้าเฉียวก็บอกว่า
ท่านจะเกลี้ยกล่อมประการใดจงว่าไปแต่ดี อันกระบี่ของเราซึ่งถืออยู่นี้พึ่งชำระใหม่ ถ้าท่านว่าไม่ชอบใจ เราก็จะเอากระบี่นี้ลองศีรษะท่าน
ลิอิ๋นก็มิได้ตกใจ คงหัวเราะแล้วตอบไปด้วยสำนวนอันคมคาย และละเอียดอ่อน เข้าซึ้งถึงจิตใจของม้าเฉียวนักรบผู้แข็งกระด้าง จนต้องยอมทิ้งกระบี่และขอคำแนะนำจากลิอิ๋น ว่าจะทำอย่างไรต่อไป เพราะข้างหน้าก็ติดข้างหลังก็ตันเช่นนี้
ลิอิ๋นก็สรุปว่า เมื่อครั้งกระโน้นม้าเท้งบิดาของม้าเฉียว ก็เคยได้ร่วมมือกับเล่าปี่ เพื่อกำจัดศัตรูราชสมบัติ แต่ท้าเท้งเสียท่าถูกโจโฉฆ่าตาย จนม้าเฉียวต้องตามมาล้างแค้นแต่ก็ยังไม่สำเร็จ ถ้าสมัครมาอยู่กับเล่าปี่เสีย เมื่อการที่คิดไว้เรียบร้อยลงเล่าปี่ได้เป็นใหญ่ ม้าเฉียวก็จะมีความสุขที่ได้แก้แค้นศัตรูตัวร้าย แล้วก็จะมีชื่อเสียงเป้นที่ปรากฏไปภายหน้าด้วย
ม้าเฉียวก็ยินยอมให้ลิอิ๋นพาไปสมัครอยู่กับเล่าปี่โดยดี เล่าปี่ก็รับไว้และให้นายทหารอยู่รักษาด่านแฮบังก๋วนไว้ ตนเองบกกลับไปเมืองกิมก๊ก
พอดีเล่าเจี้ยงให้เล่ายวนกับม้าหั้น ยกทหารมาตีเมืองกิมก๊ก จูล่งก็ขออาสาออกไปรบ เล่าปี่ก็อนุญาตและให้ทหารจัดโต๊ะเตรียมเลี้ยงฉลองชัยชนะ ทหารยังจัดโต๊ะไม่เสร็จ จูล่งก็หิ้วศีรษะเล่ายวนเข้ามาให้เล่าปี่ ม้าเฉียวจึงยำเกรงฝีมือจูล่งอยู่เป็นอันมาก และขออาสาไปเจรจากับเล่าเจี้ยงเอง
ฝ่ายเล่าเจี้ยงนั้น เมื่อกองทัพของตนที่ส่งไปเมืองกิมก๊กต้องแตกพ่ายมาอย่างรวดเร็วแล้ว ก็ปิดประตูเมืองรักษาเชิงเทินไว้มั่นคง ม้าเฉียวก็ยกทหารมาถึงกำแพงเมืองขอเจรจากับเล่าเจี้ยง พอเล่าเจี้ยงเยี่ยมหน้าออกไปบนเชิงเทิน ม้าเฉียวก็บอกทื่อไปว่า เดิมเป้นพวกเดียวกับท่าน คุมทหารมารบกับเล่าปี่เพื่อช่วยเหลือท่าน แต่เดี๋ยวนี้นายของตนเชื่อคนยุยงจะกลับก็ไม่ได้ จึงเปลี่ยนใจไปเป็นพวกเล่าปี่ และขอให้ท่านนบนอบยกเมืองเสฉวนให้เล่าปี่เสียโดยดี มิฉะนั้นตนจะเข้าตีเอาเมืองให้ได้
เล่าเจี้ยงก็ตกใจจนล้มสลบลง เพราะชื่อเสียงของม้าเฉียวก็โด่งดังไม่แพ้กวนอู เตียวหุย จูล่ง ทหารเอกของเล่าปี่ที่มีอยู่แล้ว จึงคิดสงสารราษฎรจะยอมยกเมืองให้เล่าปี่ ตั้งโหที่ปรึกษาซึ่งเคยแนะนำให้ไปขอทหารเตียวฬ่อมาช่วย ก็ยังคัดค้านเป็นครั้งสุดท้ายว่า ในเมืองเสฉวนนั้นมีทหารอยู่สามหมื่นเศษ ข้าวปลาอาหารก็บริบูรณ์ พอเลี้ยงคนได้ปีหนึ่ง ซึ่งจะยกเมืองให้เล่าปี่โดยง่ายนั้นไม่ควร
เล่าเจี้ยงก็ปรารภว่า บิดากับตนเองได้ครองเมืองเสฉวนมายี่สิบสามสิบปีแล้ว ไพร่บ้านพลเมืองก็ไม่ได้เดือดร้อน ตอนนี้มีศึกมาติดเมือง ต้องลำบากมาถึงสามปีแล้ว สงสารราษฎรจะทุกข์ยากต่อไปอีก จึงขอยอมอ่อนน้อมต่อเล่าปี่จะดีกว่า
แล้วจึงเอาตราประจำตำแหน่งเจ้าเมือง พร้อมด้วยสิ่งของเครื่องบรรณาการ ออกไปคำนับรับเล่าปี่เข้ามาในเมือง ประชาชนทั้งชายหญิงก็มีความยินดีกับเล่าปี่ จุดธูปเทียนบูชาไปตลอดทาง
เสร็จศึกแล้วขงเบ้งก็ออกความคิดว่า อันเล่าเจี้ยงนั้นมีความคิดน้อย และกำลังเสียใจ ถ้าให้อยู่ในเมืองเสฉวนต่อไป หากมีผู้ยุยงก็จะเกิดเรื่องยุ่ง เล่าปี่จึงตั้งให้เล่าเจี้ยงเป็น จิวหวุ่ยจงกุ๋น ไปกินเมืองกองอั๋น ซึ่งขึ้นกับเมืองลำกุ๋น ในแคว้นเกงจิ๋วของเล่าปี่ และให้ขนสมบัติพัสฐานเงินทองทรัพย์สินส่วนตัวไปด้วยทั้งหมด
เล่าเจี้ยงก็รับตราตั้งแล้วลาเล่าปี่ พาครอบครัวและสมัครพรรคพวก ออกจากเมือง เสฉวนไป ปล่อยให้เล่าปี่ตั้งตนเป็นใหญ่หนึ่งในสามก๊กได้สำเร็จ.
#########
Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2560 |
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2560 13:43:06 น. |
|
0 comments
|
Counter : 518 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|