ความคิดเปลี่ยนชีวิต #81 ออกจากทุกข์ด้วยธรรม
ผมบวชเป็นพระ ที่วัดอัมพวันสิงห์บุรีช่วงปิดเทอมฤดูร้อนก่อนเรียนปี วิศวะ ปีสุดท้าย โดยใช้เวลาศึกษาธรรมะอยู่หนึ่งเดือนสำหรับยุคปัจจุบันอาจถือว่านานแล้วทักเทียบกับการบวชเจ็ดวันหรือ 15 วันของคนรุ่นใหม่แต่สำหรับการศึกษาทำมาแล้วถือว่าเป็นเวลาที่น้อยมาก

สิ่งที่ได้เรียนรู้มาก็คือธรรมะเป็นสิ่งที่พูดถึงความจริงของการใช้ชีวิตยิ่งถ้าเรารู้ธรรมะและเข้าใจมากเท่าไหร่เราก็จะทุกข์น้อยลงเท่านั้น และพี่วัก็เน้นสอนให้ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานโดยให้เดินจงกรมและนั่งสมาธิเป็นหลัก

หลังจากนั้นพอเรียนจบและเริ่มต้นทำงานผมก็เลิกสนใจธรรมะไปเลยมุ่งมั่นแต่เรื่องของการทำงานและความสำเร็จของตัวเองจนกระทั่งเมื่อได้เป็นผู้จัดการและมีทีมงานในระดับหนึ่งความเ เกรี้ยวกราด ความหยิ่งทนงตนและความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับผมโดยที่ไม่รู้ตัวจนกระทั่ง เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ผมเกิดมีความทุกข์อย่างแสนสาหัส

ในปีที่ 10 ของการทำงาน ผมถูกย้ายให้ไปช่วยหน่วยงานที่เป็นคู่อริกัน เพื่อทำโครงการใหม่โดยผู้บริหารคิดแบบองค์รวมว่าต้องการเปลี่ยนโลกทัศน์ผมและไปทำความรู้จักกับทีมงานที่จะถูกนำมารวมกับทีมงานของผมในอนาคตเนื่องจากผู้จัดการของหน่วยงานนั้นใกล้ถึงวัยเกษียณแล้วและตัวผมเองก็ถูกวางให้เป็นอนาคตของบริษัทด้วย

ดูแล้วก็แค่คล้ายเหมือนในหนังสือ Who moved my cheese เป็นหนังสือขายดีที่ว่าด้วยเรื่องของหนูที่เคยมีเนยกินอร่อยทุกวันแต่เมื่อถูกย้ายไปก็ทำให้หนูเกิดทุกข์และขวนขวายที่จะหาเนยก้อนใหม่มากินให้ได้

ฟังเรื่องแล้วก็ดูดีแต่เมื่อถึงตอนปฏิบัติไม่เป็นเช่นนั้นผมกลายเป็นคนที่ไม่มีอะไรทำเลยในโครงการเดินไปเดินมาในแต่ละวันเหมือนคนไร้ค่าลูกน้องที่เคยเคารพนับถือก็วางตัวกร่างและไม่ใส่ใจเราเหมือนอย่างที่เคย เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาแล้วกับหลากหลายผู้คนตามหลักโลกธรรม 8 มีลาภเสื่อมลาภมียศเสื่อมยศ มีสรรเสริญเปลี่ยนเป็นนินทา มีสุขกลายเป็นทุกข์ ซึ่งไม่เป็นที่ปรารถนาของใครเลย

ช่วงนั้นผมส่องหน้าตัวเองที่กระจกสังเกตได้เลยว่าดูเศร้าหมองมากและเป็นเหมือนคนทั่วไปที่ ฝต้องการ จะหาทางออกให้กับตัวเองบางคนก็หันเข้าหา ไสยศาสตร์หรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อแก้ปัญหาให้กับตัวเองแต่ผมเลือกที่จะเข้าหาธรรมะช่วงเวลานั้น ผมกลับมาอ่านหนังสือธรรมะฟังซีดีธรรมะอีกครั้งหนึ่ง

ผมเชื่อว่าทุกคนย่อมมีขาลงของชีวิตอย่างน้อยหนึ่งครั้งเสมอแต่อยู่ที่เราว่าจะเลือกลงอย่างไรลงโดยมีสติหรือพอถึงขาลงก็ฟูมฟายทำอะไรไม่ถูกจนเสียเรื่องไปทั้งหมด

ผมมีความเชื่อว่า...

"ทุกคนบนโลกนี้ไม่ว่าสวยหล่อรวยจน
ย่อมมีทุกข์อย่างน้อยหนึ่งอย่างเสมอ"

ความเข้าใจในสิ่งที่เปลี่ยนไป
ทำให้ผมเกิดความสุขขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ
เพียงแค่เราเข้าใจปัญหาและรู้จักปฏิบัติได้อย่างถูกวิธีก็ทำให้เราไม่จมอยู่กับปัญหาไม่ รู้สึกเป็นทุกข์ มากจนเกินไป

ช่วงนั้นแม้ว่างานจะไม่ดีในความรู้สึกของผม
แต่เรื่องอื่นในชีวิตก็ไม่ได้แย่ไปทั้งหมด
ผมยังมีครอบครัวที่น่ารักมีลูกชายที่เข้าเรียนในโรงเรียนที่เราคาดหวังไว้ได้ ตัวผมเองก็อยู่ในช่วงของการเรียนต่อปริญญาโทที่จุฬา กลับกลายเป็นเหมือนเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาสพอภาระของงานลดลงผมก็มีเวลามาใส่ใจในเนื้อหาของการเรียนมากขึ้น

ผมเรียนจบปริญญาโทรตามเวลาซึ่งเป็นเพียงครึ่งเดียวของนิสิตทั้งหมดในรุ่นนั้น แถมวิทยานิพนธ์ยังได้รับรางวัล ยอดเยี่ยม ติดดาวด้วย ย้อนกลับมาคิดว่าหากช่วงเวลานั้นงานของเราไม่ได้อยู่ในสภาพที่ทำให้ตัวเราว่างผมคงอาจจะเรียนไม่จบก็ได้

ทุกเหตุการณ์ในชีวิตมีสองด้านเสมอเหตุการณ์ที่เรารู้สึกว่าแย่อาจจะส่งผลด้านดีกับเหตุการณ์อื่นก็ได้เพราะผม

"เลือกออกจากทุกข์ด้วยธรรม"



Create Date : 14 กรกฎาคม 2560
Last Update : 14 กรกฎาคม 2560 8:18:25 น.
Counter : 526 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 2372514
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



กรกฏาคม 2560

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
15
16
17
18
20
21
22
23
24
28
29
30
 
 
All Blog