กัน-ชา ปอด หัวใจ (1) ปีที่ผ่านมา แม่ป่วย ต้องเข้าโรงพยาบาล 2 รอบ เรื่องเริ่มต้นมาจาก น้ำมันกัญชาอันโด่งดัง แม่พ่อ ซึ่งเข้าวัย สว แล้ว สนใจเรื่องนี้มาก เพราะจากข่าว จากคลิป ฟังดูคล้ายๆว่า กัญชาจะดีสำหรับหลายๆโรค แม่เองก็มีโรคประจำตัวที่ต้องกินยาทุกวันอยู่ประมาณหนึ่ง ประกอบด้วย กระเพาะอาหารขี้เกียจทำงาน ต้องกินยากระตุ้นให้ย่อยอาหารทุกมื้อ ประสาทตาแข็งต้องใช้ยาช่วยก่อนนอน เบาหวาน ความดัน อีกเบาๆ สองคนตายาย เขาแอบคุยกัน ไม่บอกลูก แอบหา น้ำมันกัญชามากิน ด้วยหวังว่า ถ้าได้ผล จะได้ลดยาลงไปบ้าง ได้มาจากที่ที่พ่อแม่คิดว่า เชื่อถือได้ มาได้ความทีหลังว่า ลองไปหลายมื้อ มื้อละหลายหยด ขอออกตัวก่อนว่า ไม่รู้และไม่แน่ใจว่า ที่แม่ได้มาและกินเข้าไปคือ น้ำมันกัญชา จริงๆหรือไม่ มันมาเป็นขวดใสๆ ไม่มีฉลาก ไม่มีเอกสารกำกับใดๆ เพราะฉะนั้น จะตีความว่า น้ำมันกัญชา ทำให้เป็น คงไม่ได้ เอาเป็นว่า หลังจากกิน สิ่งนั้น เข้าไป ไม่กี่วัน แม่ก็เริ่มมีไข้ เหนื่อย ตามมาด้วย กินอะไรไม่ค่อยลง แต่ไม่มีน้ำมูก ไม่ได ไม่จาม ผ่านไป 2-3 วัน ดูแม่เหนือยมากขึ้น ทั้งที่ไข้ก้ไม่ได้สูงมาก แต่เริ่มไม่ไว้ใจ เพราะ 2 ปีก่อน ก็เป็นไข้หวัดใหญ่ จึงตัดสินใจพาแม่ไปโรงพยาบาล เข้าใจง่ายๆว่า แม่ดูเพลีย คงเพราะขมปาก กินอะไรไม่ค่อยได้ ไปให้น้ำเกลือเสียหน่อย น่าจะดีขึ้น แต่ พอไปถึงโรงพยาบาล คุณหมอดูอาการแล้ว บอกว่า ปอดติดเชื้อ ให้นอนโรงพยาบาล ฟังดูไม่ค่อยดี แต่ดูอาการแม่ น้อกจากเหนื่อย ไม่ได้มีอาการอะไรอีก ก็เลย งงๆ อยู่โรงพยาบาลวันแรก หมอไม่ให้น้ำเกลือแบบที่เราคิดว่าหมอน่าจะให้ หมอบอกว่า คนไข้ยังกินเองได้ ให้กินอาหารเอง ดูๆก็ไม่น่ามีอะไร หมอแค่ขอดูอาการ ก็เลยกลับบ้าน ให้พ่อนอนเป็นเพื่อนแม่ วันที่สอง แม่งอแงมาก กินอาหารน้อยมาก เอาแต่บ่นว่า ไม่อร่อย เคี้ยวไม่ไหว เหนื่อย พี่สาวไปคุยกับหมอ ขอน้ำเกลือ หมอก็จัดมาให้ วันนี้ ไม่ไว้ใจ เลยมาเฝ้าเอง น้ำเกลือไหลช้ามาก น้ำเกลือขวดเดียว พยาบาลบอกว่า กว่าจะหมดน่าจะ 2 วัน ถามหมอว่า ทำไมให้ช้าแบบนี้ หมอบอกว่า จริงๆหมอไม่ได้อยากให้ แต่ญาติคนไข้ขอ ก็เลยให้แบบช้าๆ ถ้าให้แบบปกติ กลัวน้ำท่วมปอด เพราะดูหัวใจไม่ต่อยดี ส่วนเรื่องปอด กำลังเพาะเชื้อ รอผลตรวจ คุณหมอเจ้าของไข้ เป็นคุณหมออายุรกรรม แต่ไม่ได้ชำนาญโรคปอด คุณหมอสงสัยว่า ทำไมแม่ไม่ไอ ไม่มีเสมหะ ทั้งที่ฟังเสียงปอด ก็พอบอกได้ว่า มีอยู่แน่ๆ ซึ่งปกติร่างกายจะพยายามขับออกมาเอง แต่นี่ เหมือนร่างกายไม่มีปฏิกิริยา จะปล่อยให้หนองอยู่ในปอดอย่างนั้นก็ไม่ได้ เพราะอาการอักเสบจะไม่มีทางหาย ยาช่วยได้ไม่มาก หมอให้นักกายภาพนาช่วย เราะปอด นักกายภาพมาอยู่ด้วย 1 ชั่วโมง มาพร้อมกับเครื่องมือที่คุณนักกายภาพบอกว่า เอาไว้สั่นปอด เพื่อให้เสมหะที่อาจจะเกาะติดอยุ่กับเนื้อเยื้อแบบแน่นหนา คลายตัว ใช้ร่วมกับการเคาะปอด เหมือนเคาะปอดเด็กเล้กๆนั่นแหละ เพื่อให้คนไข้ไอเอาเสมหะออกมาได้ง่ายขึ้น แต่วันทั้งวัน แม่ก็ยังไม่ไอสักแอะ ไม่มีเสมหะออกมาจากร่างกายเลยแม้แต่น้อย วันที่สาม แม่ดูเหนื่อยๆเหมือนเดิม จนแม่เริ่มรำคาญหมอว่า มานอนอยู่ 2 วันแล้ว ไม่เห็นทำอะไร ให้ยาก็ไม่เห็นดีขึ้น ไม่ได้บ่นกับหมอ บ่นกับลูกนี่แหละ วันนี้ หมอเข้ามาบอกว่า ผลเพาะเชื้อออกมาแล้ว เป็นเชื้อที่ไม่รุนแรงอะไร ติดเชื่อเนื่องจากมีเศษอาหารตกไปในปอด พูดง่ายๆคือ พอตกไปในปอด ปอดมันย่อยไม่ได้ อาหารนั้นก็บูดเสีย เลยกลายเป็นเชื้อโรค ไม่ใช่เชื้อโรคแบบที่ติดปอดโดยตรง ยาที่ให้ไปก็ให้ผลดี แต่...ออกซิเจนในเลือดตกจนอยุ่ในเกณฑ์ไม่ดี อาจจะช็อกได้ ทีนี้เลยต้องนอนบนเตียงทั่งวัน เพราะต้องใส่สายออกซิเจนไว้ตลอดเวลา หมอขอเอกซเรย์ ปอด และ ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เพิ่ม แล้วจะให้หมอเฉพาะทางโรคปอดมาดูอีกที ไม่ใช่ไ่อยากให้ดูนะ แต่โรงพยาบาลเอกชนขนาดกลาง มีหมอเฉพาะทางโรคปอดแค่คนเดียว แล้วบังเอิญไปเมืองนอก จะมาทำงานวันพรุ่งนี้ เลยต้องรอ แม่งอแงเรื่องกินหนักกว่าเดิม และหมอไม่ให้น้ำเกลือแล้ว กว่าจะให้กินได้ ต้องทั้งขู่ ทั้งปลอบ คุณนักกายภาพ คนละคนกับเมื่อวาน มาช่วยเคาะปอด และ สอนวิธีไอ คือต้องแค่นให้ไออกมาให้ได้ ไม่อย่างนั้น เสมหะไม่ออกมา ยังไงก็ไม่หาย วันนี้คนเฝ้าเลยมีภารกิจเพิ่ม นอกจากจะต้องชวนกินน้ำเรื่อยๆ กินยาให้ครบ ยังต้องคอยบอกให้หายใจลึกๆ ยาวๆ เพื่อให้ออกชิเจนเข้าไปเยอะๆ เวลาพยาบาลมาวัด ค่าจะได้ปกติ แล้วยังต้อยเชียร์ให้พยายามไอบ่อยๆ ไอแรงๆ เสมหะจะได้ออก ไม่ง่ายเลย การหายใจยาวไม่ใช่เรื่องปกติ กว่าจะยอมทำได้ต้องพูดกันนาน แต่พอผลวัดออกมา ก็ยังไม่ได้ตามเกณฑ์ พยาบาลมาวัดที ต้องหายใจยาวอย่างนั้นเป็นนาทีสองนาทีกว่าออกซิจนจะถึงเกณฑ์ เป็นอย่าสงนี้วันละหลายรอบ ส่วนเสมหะ พยาบาลก็คอยมาถามว่ามีหรือยง เพราัะเขาจะเอาไปตรวจ วันที่สี่ หมอเฉพาะทางโรคปอดมาแล้ว อธิบายให้ฟังว่า โดยทั่วไป โอกาสที่อาหารจะตกลงไปในปอดมีน้อยมาก เพราะมันต้องผ่านหลอดลม ซึ่งโดยปกติ ถ้ามีสิ่งแปลกปลอมหลุดเข้าไป ร่างกายจะมีแฏิกิริยาตอบสนองทั่นทีด้วยการไอเพื่อขับเอาสิ่งนั้นออกไป แล้วหมอก็ขอตรวจคอ ใช้ไม้กดลิ้นแหย่เข้าไปในคอ อยู่ 2 ครั้ง แม่อ้าปากให้หมอตรวจนิ่งๆ โดยไม่มีอาการอะไร หมอไม่แน่ใจ ขอแหย่อีกที แม่ก็ยังนิ่งๆเหมือนเดิม หมอถามว่า แม่ไปกินอะไรมาหรือเปล่า ร่างกายมันถึงได้ไม่ตอบสนอง ปกติถ้าแหย่ไปขนาดนี้ ต้องมีอาการทำท่าจะอาเจียน แต่นี่ไม่มีเลย คือแบบว่า อวัยวะส่วนนั้นเหมือนโดนยาชา อะไรไปโดนก็ไม่รู้สัึก หมอยืนยันว่า เชื้อในปอดไม่มีปัญหา กินยาฆ่าเชื้อต่อให้ครบ ก็ไม่มีอะไรน่าห่าง แต่แม่ยังเหนื่อยๆ ออกซิเจนก็ยังต่ำกว่าเกณฑ์ ยังต้องอยู่โรงพยาบาลต่อ หมอเจ้าของไข้บอกว่า ผลตรวจหัวใจออกมาไม่ค่อยดี สิงนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เหนื่อย แต่แก้ไม่ใช่หมอเฉพาะทางโรคหัวใจ รอพบหมอวันพรุ่งนี้อีกที เก็บเสมหะไปตรวจได้แล้ว ผลตรวจออกมาไม่มีเชื้อร้ายแรงอะไร ใช้ยาตัวเดิมต่อไป วันที่ห้า แม่ดูดีขึ้น กินอาหารเองได้เยอะขึ้น เหมือนจะรู้รสมากขึ้น แต่ยังต้องใส่สายออกซิเจน พอไอเอาเสมหะออกมาได้ ผลตรวจในส่วนของปอดก็ได้ผลเป็นท่น่าพอใจ ส่วนหัวใจ คุณหมอเฉพาะทางเข้ามาบอกว่า ผลตรวจแบบนี้ สงสัยเส้นเลือดหัวใจจะตีบ ขอตรวจซ้ำอีกที แล้วจะติดต่ออาจารย์หมอมาดูให้อีกที ซึ่งถ้าจะต้องรักษาก็ต้องไปอีกโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือ แต่ตอนนี้ ยังกลับบ้านไม่ได้ จนกว่าปริมาณออกซิเจนในร่างกายจะอยู่ในเกณฑ์รับได้ ฟังแบบนี้ ใจที่พอจะดี ก็ตกไปอีก ทำท่าไม่อยากกินข้าว กินน้ำ ให้หายใจยาวๆ ก็เอาแต่จะถอนหายใจ จนคนเฝ้าเหนื่อย แต่จะทำท่าจิตตกตามก็ไม่ได้ ต้องแข็งแรง เหมือนเล่นบันไดงู ปีนขึ้นไป ถึงจุดนั้น ตลงมา ปีนอีก ตกลงมา ปีนใหม่ บอกตัวเองไว้ ห้ามเหนื่อย เรื่องยังอีกยาว เอาไว้เล่าต่อตอนหน้า มาตามอ่านกันด้วยนะ |
บทความทั้งหมด
|