ใช้ชีวิตที่ชอบ ชอบชีวิตที่ใช้
เคยรู้สึกว่าได้ใช้ชีวิตแบบที่ตัวเองชอบบ้างมั้ย
สำหรับฉัน  ได้ใช้ชีวิตที่ชอบที่สุด ก็ตอนเรียนมหาวิทยาลัย
ตอนนั้นไปเรียนที่อีกจังหวัดหนึ่ง  ห่างจากบ้านไปร้อยกว่ากิโล
เป็น 4 ปีที่ สบาย และ สนุก มาก
เป็นครั้งแรกที่ได้ใช้ชีวิตแบบที่ตัวเองชอบแบบเต็มที่  โดยไม่ต้องมีใครดูแลกำกับ
เปล่านะ  ฉันไม่ได้นอกลู่นอกทางอะไรหรอก  ก็แค่
ใช้หอพักเป็นที่เก็บของ อาบน้ำ  ส่วนที่นอน คือ บ้านเพื่อน
นั่งรถออกไปตลาดตอนสี่ทุ่มกว่าๆ ไปนั่งกินหอยทอด  แล้วกลับมานอนตอนเที่ยงคืน
ดูหนังอาทิตย์ละ 6 เรื่อง (ค่าตั๋วหนังตอนนั้นไม่ได้แพงเหมือนตอนนี้ ไม่ต้องตกใจ)
ในหนังร้อยเรื่องที่ดู  มีหนังโป๊รวมอยุ่ด้วย
ยืมหนังสือนิยายจากห้องสมุดมาอาทิตย์ละ 5 เล่ม อ่านทุกคืนยันตีหนึ่งตีสอง
หนังสือสอบ อ่านคืนก่อนสอบ  อ่านกันยันเช้า กินกาแฟแก้ว นมขวด ไปสอบ แล้วค่อยกลับมานอน
นอนดูดาว  ข้างๆเพื่อนที่กินเหล้า บนดาดฟ้าตึกเรียน
เลือกอยู่ชั้น 5 ของหอพักที่ไม่มีลิฟท์ เพราะ เป็นห้องที่มองเห็นทะเล
ทุกอย่างที่เล่ามาน้น  ถ้าอยู่บ้าน  ไม่มีทางได้ทำ  เพราะจะโดนแม่ด่าจนเสียจริตไปก่อน

อันที่จริง พอนึกย้อนกลับไป  ดูเหมือนว่า ตั้งแต่เด็กมาจนโต  ไม่เคยคิดว่า ชอบ หรือ ไม่ชอบ ชีวิตที่ใช้อยู่  ก็แค่รู้ว่า ชีวิตเราเป็นแบบนี้  ครอบครัวเป็นแบบนี้  มันก็เป็นทางที่ควรจะต้องไปแบบนี้
ได้มีช่วงชีวิตที่ได้ใช้ตามใจชอบ  ก็รู้สึกว่า ดี    หมดช่วงเวลานั้น  ก็รู้ว่า เรามีหน้าที่  ควรใช้ชีวิตในแบบที่พ่อแม่สบายใจด้วย  ไม่ใช่เราสบายใจคนเดียว

จนวันหนึ่ง เกิดรู้สึกขึ้นมาว่า ไม่ชอบชีวิตนี้เลย  ไม่ชอบมากมากด้วย
ชีวิตไม่มีอะไรให้ยึด
ใช้ชีวิตไปวันๆแบบในเนื้อเพลง IOU ท่อนที่ว่า
ทุกเช้าไม่อยากจะตื่น กลางคืนไม่อยากจะหลับ
ให้แต่ละวันมันผ่านไปเหมือนไฟที่ใกล้จะดับ
จากคนที่เกือบจะพัง ไม่เคยมีใครมารัก

เคยนึกสงสัยด้วยว่า ทำไมถึงยังตื่น  หลับแล้วน่าจะหลับไปเลย  ไม่ต้องตื่นอีกแล้ว

เคยอ่านหนังสือ ชื่อ ชุดประดาน้ำและผีเสื้อ มั้ย
ผู้เชียน เชียนเรื่องนี้ตอนที่นอนเป็นอัมพาต เขาเขียนหนังสือเล่นนี้โดยให้ผู้ช่วยขานตัวอักษรไล่ไปทีละตัว  แล้วเขาจะกะพริบตาซึ่งเป็นอวัยวะอย่างเดียวที่เขาขยับได้  เมื่อถึงตัวอักษรที่เขาต้องการ
หนังสือเล่นนี้ได้ชื่อนี้เพราะ  เขาเปรียบว่า ร่างกายที่ขยับไม่ได้นี้  ก็เหมือนชุดประดาน้ำที่อึดอัดรัดรึง
ส่วนผีเสื้อคือความคิด จิตวิญญาณ ที่ไม่มีอะไรมาควบคุมได้

ในช่วงไม่ชอบของชีวติ  ฉันก็แอบรู้สึกอยู่บ่อยๆว่า ฉันเองก็กำลังถูกขังอยู่ในชุดประดาน้ำ  ที่ฉันถอดมันไม่เป็น
และจิตวิญญาณฉันก็อ่อนแอจนบินไปไหนไม่ไหว
พูดแบบภาษาวัยรุ่นยุคนี้  ก็ต้องบอกว่า ฉันหมด passion ในการมีชีวิตไปแล้ว

บังเอิญ โชคดี  มีโอกาสได้รู้จักใครคนหนึ่ง  ซึ่งทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวา มีค่า มีความสำคัญ
ชีวิตไม่ได้ว่างๆ  มีอะไรๆให้รู้ ดู เห็น  ตื่นเต้น จิตตก ไปกับเขา
ทั้งที่เขาก็คงไม่ได้รู้อะไร  เพราะเขาเป็น Star ส่วนฉันมันแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง
แต่ความรักที่แันมีให้กับคนที่ไม่รู้จักฉัน  ที่มันมากจนฉันเองก็ไม่เข้าใจ  ทำให้ฉันเห็นอะไรบางอย่างที่ฉันไม่เคยรู้สึกถึงมันมาก่อน
มันมีชื่อว่า กำลังใจ
เขาบอกบ่อยๆว่า ทุกคนที่รักเขาเชียร์เขา ร้องเพลงไปกับเขา คือ กำลังใจของเขา
ฉันค้นพบด้วยตัวเองว่า ความสุขที่ได้จากการเห็นเขาสนุก ยิ้มแย้ม มีความสุข เป็นกำลังใจของฉัน
ฉันอยากมีความสุข  ก็ต้องทำให้เขามีความสุข
แล้วพอมีความสุขไปทุกวัน  ชุดประดาน้ำนั่น  มันก็คลายตัวไปเอง
เปล่าเลย  อื่นๆในชีวิตฉันไม่มีอะไรเปลี่ยนไป  ไม่ว่าจะเป็นผู้คนรอบข้าง หรือ สถานการณ์รอบตัว
ที่เปลี่ยนไปคือ ฉัน
พอจุดโฟกัสในชีวิตมันเปลี่ยน  ฉันก็เริ่มเห็นชีวิตตัวเองในมุมที่ต่างไป  ถอยตัวเองออกจากปัญหา  มองมันให้กว้างขีึ้น  พยายามเข้าไจ เหตุผล ทีี่มา ที่ไป  อะไรที่ทำแล้วไม่ได้  ก็วางเสียบ้าง  แบกไว้  ก็ไม่เคยได้อะไรนอกจากความเครียด

ไม่ได้ปุบปับก็ทำได้หรอก  ใช้เวลานานโข เป็นปีๆ  กว่าจะปรับทัศนคติ ปรับอารมณ์ตัวเองให้มาถึงจุดที่ฉันพูดได้ว่า ชอบชีวิตที่ใช้

เคยอ่านเรื่องสั้นเรื่องหนึ่ง  ขออภัย จำชื่อเรื่องและคนเขียนไม่ได้  เนื้อเรื่องประมาณว่า  ชายหนุ่มคนหนึ่ง  ไม่ชอบโลกที่เขาอยู่  มองจากโลก ดวงจันทร์สวยดี  เขาจึงตัดสินใจเดินทางไปดวงจันทร์
พอไปถึง  ส่ิงที่เขาพบคือ ตายายแก่ๆ  กระต่ายตัวน้อยตัวหนึ่ง  แผ่นดินแห้งแล้ง  และครกตำข้าวใบหนึ่ง
ไม่มีอะไรที่นั้น  สวยงามอย่างที่คิด
ชายหนุ่มถามตากับยายว่า ทำไมถึงยังอยู่ที่นี่    ทั้งที่มันไม่น่าอยู่
ตายายตอบว่า ตายายชอบที่นี่ ทำไป  ชอบที่ไหน ที่นั่นก็ดี

เข้าใจมั้ย
ปัญหาไม่ได้อยุ่ที่ เป็นอย่างไร
มันอยู่ที่ เรา รู้สึกอย่างไร

การได้ใช้ชีวิตเป็นเรื่องโชคดี  การพยายามจะมีชีวิตที่ชอบก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย
แต่ถ้ากำลังพยายามดิ้นรนสุดชีวิต  เพื่อไปให้ถึง
หรือกำลังหมดอาลัยตายอย่าก  เพราะมองไม่เห็นทางที่จะไปถึง
หมุนกลับมาพิจารณาชีวิตตัวเองให้ละเอียด
บางทีคุณจะเจอจุดที่คุณชอบชีวิตตอนน้อยุ่บ้างก็ได้
ชีวิต  ยังไงก็ต้องอยู่กับเรา จนกว่าจะตายจาก
เพราะฉะนั้นก็ ชอบเขาบ้างเถอะนะ  เขาจะได้มีกำลังใจ
 



Create Date : 02 ธันวาคม 2562
Last Update : 8 ธันวาคม 2562 15:06:31 น.
Counter : 1295 Pageviews.

0 comments
บ้านครูช่วงสโลว์บาร์ คาเฟ่แนววินเทจสวย ๆ ที่พัทลุง sawkitty
(1 ก.ค. 2568 15:37:59 น.)
อาหารพม่า ในวันที่"ฝนตก" peaceplay
(30 มิ.ย. 2568 10:22:50 น.)
อัพบล็อก เรื่อยเปื่อย multiple
(29 มิ.ย. 2568 09:23:39 น.)
ร้านพม่า กาบริเอล
(21 มิ.ย. 2568 17:08:56 น.)
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Wallaya.BlogGang.com

วัลยา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]

บทความทั้งหมด