ละคร สะท้อน เรา
ตอนเด็กๆ  สมัยนั้น  ทีวีมีแค่ ช่อง 3 5 7 9  บ้านอยุ่ต่างจังหวัด  รับได้แค่ ช่อง 3 กับ ช่อง 7
ตอนนั้น  ละครหลังข่าวมาตอน 3 ทุ่ม  4 ทุ่มมีละครฮ่องกง  ติดกันงอมแงมถึงขึ้นแอบย่องลงมาชั้นล่างเพือมาเปิดทีวีดูมืดๆ  บางคืนโดนจับได้เพราะแม่ลุกมาเข้าห้องน้ำ  โดนตี โดนด่า ว่ากันไป
แต่ละครตอนนั้น  คงไม่ประทับใจฉันเท่าไรหรอก  เพราะพยายามนึกทบทวนเท่าไหร่  ก็นึกไม่ออกว่า เป็นละครเรื่องไหน  ที่ทำให้ยอมเสี่ยงโดนแม่ดีแม่ว่า  หรือ เพราะตอนนั้น ไม่มีอะไรให้เลือกดู ก็เลยดูไปอย่างนั้นเอง

ตอนช่วง ม.ปลาย ทีวีเริ่มรับช่อง 5 ได้  ตอนนั้น Exact มีละครออกอากาศแล้ว  แนวละครถือว่าใหม่มาก  เพราะส่วนใหญ่  เขียนบทขึ้นใหม่  ไม่ได้เอานิยายมาทำละคร  ตอนนั้น  จำได้ว่า ชอบดูละครค่ายนี้มาก  เพราะเดาทางเรื่องไม่ค่อยจะถูก  แต่...ฉันก็จำรายละเอียดของละครที่ดูไม่ได้อยู่ดี  ตอนนั้น คงดูเพราะชอบความแปลกใหม่ ตามประสาวัยรุ่น  มากกว่าจะจริงจังกับเนื้อหาละมัง

ด้วยความที่เป็นคนชอบ อยู่กับเหย้า เฝ้ากับเรือน  ตกเย็นเลิกงาน กลับบ้าน  ก็ไม่อยากออกไปไท  ทอีก  ถ้าไม่ดูละคร  หรือฟังวิทยุ  ทางเลือกสุดท้าย คือ หลับ  ดังนั้น ฉันจึงดูละคร  ดูทุกช่อง  ทุกแนว  ตั้งแต่วันจันทร์ ยัน วันอาทิตย์  เรียกว่า เสพไม่เลือก  ดูอย่างนั้นอยู่นาน  จนเริ่มรู้สึกว่า ดูละครไม่สนุกเหมือนเดิม  ประสบการณ์มากเข้า ก็รุ้แล้วนี่  มันเป็นพระเอก  สู้กันเลือดท่วมขนาดไหน  มันก็ไม่ตายกลางเรื่องหรอก  ถ้าจะตาย  พระเอกต้องตายตอนจบ  ละครรักหวานๆ  มีคู่รักกิ๊กกั๊กกันหลายคู่  คู่สุดท้ายที่จะลงเอยกันก้ต้องเป็นคู่พระนาง  แล้วยังเพิ่มด้วยความรู้สึกไม่โอเคกับอารมณ์ตัวเอง  ที่ดูจะแปรปรวนไปตามอารมณ์ละคร  เริ่มรู้สึกว่า ควรจะดู เฉพาะที่ชอบ
ไม่ชอบเห็นเลือด  แนวบู๊ล้างผลาญ  ตัดไป
ไม่ชอบความรุนแรง แนวตบจูบ ตัดไป
ไม่ชอบแย่ง ไม่ว่า คิว คน หรือ ของ แนวแย่งสมบัติ แย่งผัวแย่งเมีย ตัดไป
ไม่ชอบตลกหยาบ แนวตลกตลาดบ้านๆ ตัดไป
ไม่ชอบโศกเศร้า แนวดราม่า ตัดไป
ไม่ถนัดแก้ปัญหาให้ใคร แนวสะท้อนสังคม ตัดไป
ไม่อยากเห็นเขาหวานกัน ฉันโสด ฉันอิจฉา แนวรักโรแมนติค ตัดไป
สุดท้าย  ฉันจึงเลิกดูละครไปโดยปริยาย  ที่ยังดูอยู่บ้าง  ก็ดูอย่างกระท่อนกระแท่น  ดูเอาพอให้รู้เรื่อง  ไม่ได้ตามติดทุกตอน  เริ่มด่ากัมื่อไหร่  กดรีโมทเปลี่ยนช่องได้เลย
ชีวิตจริงไม่ชอบด่าใคร  เลยไม่นึกอยากฟังใครด่ากัน

จนวันหนึ่ง  ได้เห็นสกระแสแรงมากๆ  ซีรี่ส์จบ  แต่เรื่องราวของพวกเค้ายังคงได้รับการพูดถึงในวงกว้าง  "ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น"  พอได้เริ่มดู  ก็รู้สึกทันที  นี่แหละที่ใช่  ชีวิตจริงยิ่งกว่าอะไร  ดูๆไป  ก็เหมือนได้ย้อนไปเข้าใจตัวเองในตอนนั้น  ตอนที่  รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่แล้ว ทำอะไรก็ได้  ทั้งที่จริงๆแล้ว ยังเป็นเด็กน้อยเหลือเกิน
ฉันไล่ดูจนหมดทุกตอน  ตั้งตารอติดตาม ซีซั่น 2 และ 3 แน่นอนว่า ฉันดูครบ
อายุขนาดนี้แล้ว  เริ่มชินกับการตัดสินใจอะไรภายใต้กรอบโน่นนี่  จนบางทีลืมไปว่า การตัดสินใจแบบที่ทำให้เรางงๆ  ไม่ใช่เขาร้าย  แค่ เขาเด็ก  ก็เท่านั้น

อีกเรื่องที่ทำให้ตั้งใจดูจนจบ คือ Side by Side พี่น้องลูกขนไก่  ซีรี่ส์ที่กวาดรางวัลมามากมาย  ว่าด้วยเรื่องของเด็กออทิสติกที่เป็นอัจฉริยะในกีฬาแบดมินตัน
ซีรี่ส์มี 8 ตอน  ดูทุกตอน ร้องไห้ทุกตอน
บทดี  นักแสดงดี  ทำให้น้ำตาไหล  ไม่ใช่เพราะรันทด  แต่องค์พวกเขาทำให้เรารู้สึกได้ถึง...
ความอิ่มเอม  ความรัก  ความคิดถึง  ความผิดพลาด  ความรู้สึกผิด  ความเสียสละ  ความโหยหา  ความอาทร  และ  Be myself I say  ไม่ว่าคุณจะอ่อนด้อยแค่ไหน  ถ้าคุณมุ่งมั่น  ทุกคนมีเส้นทางของตัวเองเสมอ
เป็นละครที่ดูแล้ว ร้องไห้หนักมาก  แต่ก็ทำให้ อิ่ม  มากๆด้วย

เรื่องต่อมา  คือ เรื่องที่ ต่อ ขอให้ดู  ต้องดูสดด้วยนะ  ให้กำลังใจคนทำงานเขาหน่อย
ธนภพ  พระเอกของเรื่อง หัวใจศิลา  ให้สัมภาษณ์ไว้หลายครั้ง
ตอนมาเริ่มดู  ละครออกอากาศไป 4-5 ตอนแล้ว  สนุก แปลก จนต้องกลับไปดูย้อนหลังตั้งแต่ตอนแรก  ที่สำคัญ ต่อหล่อมาก
ละครรีเมคแนวตลาดแบบนี้  เลี่ยงไม่ได้หรอกที่จะมีบทตบจูบ  แย่งชิง  แต่ถ้าข้ามๆไปเสียบ้าง  ละครเรื่องนี้ก็นับว่า ทำบทออกมาได้น่าสนใจ  ทันสมัย ไฮเทค
แอบไปดูเนื้อเรื่องของเก่า  เดาๆเอาว่าของใหม่จะประมาณไหน  ปรากฏว่า ผิดคาดไปหมด
เหมือนเขาเอาแค่โครงสร้างมาเท่านั้น  รายละเอียดข้างใน  แทบจะใหม่กิ๊ก
ที่ชอบที่สุดของเรื่อง  คือ  เรื่องเพศสัมพันธ์
ละครหลายเรื่อง มักบอกว่า  รักต้องนอน  จนกลายเป็นเป้าให้เขาว่าได้ว่า เป็นตัวอย่างไม่ดีให้แก่เด็ก
แต่  หัวใจศิลา  บอกว่า  รัก  ต้องทะนุถนอม  รักษา  ให้เกียรติ  อดทน รอ  ให้ถงเวลาที่เหมาะควร
เพศสัมพันธ์ง่ายๆ  มีได้  กับคนที่ไม่รัก  แค่นั้น

เลือดข้นคนจาง  ละครอีกเรื่องที่นอกจากจะเป็นที่พูดถึงมากถึงมากที่สุดแล้ว  ก็ยังเก็บรางวัลไปได้จากหลายเวที  ละครแนวแหวก  ที่ไม่มีความ "ตลาด" เลย  แต่ก็ดึงดูดให้ฉันตั้งใจดูจบ 18 ตอน
เป็นละครที่มีนักแสดงมากมาย  แต่ไม่มีพระเอก  ไม่มีนางเอก  ไม่มีตัวร้าย  ไม่มีตบจูบ  ไม่มีฉากจิ้นฟินจิกหมอน  ไม่มีซิกแพค  ไม่มีนมชมพูฃ
มีแต่ อาม่าผู้รักประเพณี  เด็กหนุ่มหัวร้อน  วัยรุ่นจอมตรรกะ  สาวน้อยผู้รักพ่อ  หนุ่มน้อยในวัยอันพลุ่งพล่าน กับฉากเขย่าในตำนาน  คนคู่ที่ไม่ได้รัก  คนรักที่ไม่ได้คู่  และ คุณประเสริฐ ผู้โดนฆ่า  จนไปที่มาของประโยคฮิตว่า ใครฆ่าประเสริฐ

เรื่องล่าสุดที่ตังใจว่า จะดูให้ครบไม่ให้ขาด  เพิ่งออกอากาศไปได้ 2 ตอน Dark Blue Kiss  จูบสุดท้ายเพื่อนายคนเดียว  ซีรี่ส์ภาคต่อจาก Kiss me again เรื่องราวแนววาย ของผู้ชายและความรัก
ไม่ได้ดูเพราะกรี๊ดคู่เอกของเรื่อง  แค่ว่า  อายุมาขนาดนี้แล้ว  เข้าใจได้ว่า สุดท้ายที่อยากได้  ไม่ใช่คือ เพศไหน  แต่คือ คนไหน ต่างหาก ที่จะเป็น คู่ชีวิต  เพราะความรัก  จะเพศไหน  ก็คือรัก
แน่นอนว่า รักแบบผู้ชายที่ออกจะ "ห่าม" อยู่ไม่น้อย  ทำให้ตื่นตาตื่นใจได้อยู่
แต่ที่ลึกไปกว่านั้นคือ  เรื่องนี้ไม่ใช่เทพนิยาย  ความรักในโลกจริง  มีเรื่องที่...คาดเดาได้ไปในทางร้ายรออยู่  จะใช้ชีวิตรักอยู่ใน Safe Zone ไปตลอดกาลก็เป็นไปไม่ได้  น่าสนใจว่า การเผชิญหน้ากับปัญหาแบบ แมนแมน ของตัวเอกในเรื่อง  จะเป็นอย่างไร  เป็นเรื่องที่ผู้หญิงอย่างฉัน จินตนาการไม่ออกเอาจริงๆ  มารอดูไปพร้อมๆกันก็ได้นะ

และถ้าว่าง  ลองย้อนนึกลับไปถึงละครที่อยู่ในใจคุณดูบ้าง  บางที  คุณอาจจะรู้จักตัวเองดีขึ้นก็ได้
 



Create Date : 20 ตุลาคม 2562
Last Update : 20 ตุลาคม 2562 14:33:58 น.
Counter : 1428 Pageviews.

0 comments
สงกรานต์หรรษา จันทราน็อคเทิร์น
(18 เม.ย. 2567 11:24:41 น.)
แพ้เนื้อจากการโดนเห็บกัด alpha-gal allergy สวยสุดซอย
(17 เม.ย. 2567 14:07:10 น.)
Day..10 โฮมสเตย์ริมน้ำ
(11 เม.ย. 2567 08:25:45 น.)
ถนนสายนี้มีตะพาบ กม.ที่ 349 "วันใดที่เธอ...." จันทราน็อคเทิร์น
(8 เม.ย. 2567 14:18:13 น.)
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Wallaya.BlogGang.com

วัลยา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]

บทความทั้งหมด