เดี๋ยวก็ด่า เดี๋ยวก็ไล่ ไม่เข้าใจ อะไรกันจ๊ะ
พอดีอาทิตย์นี้ นึกอะไรไม่ออก  เล่นไปเดินเล่นใน pantip.com  เผื่อจะเจอแรงบันดาลใจ
แวะไปเยี่ยมชม แท็ก ปัญหาชีวิต  เจอกระทู้คล้ายๆกันหลายอัน
ว่าด้วยปัญหาการโดนแม่ด่า  และ โดนแม่ไล่ออกจากบ้าน  ลองเข้าไปอ่าน รายละเอียดอ่าจแตกต่าง  แต่หลักใหญ่ใจความอันเดียวกันคือ เถียงแม่ แล้วแม่เหวี่ยงกลับ
ไม่ยักเจอปัญหาพ่อด่า พ่อไล่  ก็แปลกดี
หรือว่า ทุกบ้าน พ่อเป็นเบอร์ 2 กันหมด  ไม่มีสิทธิ์ไล่ใครออกจากบ้าน 555
ภารกิจนี้ มีแต่แม่เท่านั้นที่ทำได้

คิดไปคิดมา  ปัญหานี้มันน่าจะจัดเป็นปัญหาสุดคลาสสิค  เพราะถ้าดูจากประสบการณ์ตัวเอง  แม่ฉันอายุ 70 กว่าแล้ว  ก็เลี้ยงลูกมาด้วยการด่า การไล่  ไม่ผิดอะไรกับแม่สมัยนี้  ที่เจ้าของปัญหาส่วนใหญ่ อายุยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นตอนต้น
คำถามยอดฮิตที่เจอ คือ ทำไมแม่ต้องด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย เช่น Eเ-ี้ย
อ่านแวบแรกก็ขำๆ  ก็เห็นในซีรี่ส์วัยรุ่น เด็กเขาก็พูดคำนี้กันเป็นปกติ  บางสถานการณ์  ก็จัดเป็นแค่คำอุทาน  ไม่ใช่คำด่า  แล้วจะอะไรหนักหนากันเล่า เด็ก
แต่เอาเถอะ  เข้าใจว่า สำเนีบงการออกเสียงของเพื่อนกับแม่ คงจะต่างระดับกันอยุ่มาก 55
แต่ถ้าเป็นมุมจริงจัง  ในฐานะที่โดนแม่ด่าด้วยถ้อยคำผิดปกติมาเช่นกัน  คิดทบทวนไปดีๆ  คำพวกนี้  มักจะมาใน 2 สถานการณ์
1 คือ แม่เริ่มทนไม่ไหวกับการที่บอกสอนแล้วเราทำท่าไม่ยอททำตาม  แม้ว่าจะย้ำแล้วย้ำอีก  อันนี้เดานะ  แม่คงไม่รู้จะทำยังไงแล้ว  ก็เลยด่าแรงๆ  เผื่อจะฟัง มั้ง
2 คือ แม่กำลังรู้สึกเจ็บกับสถานการณ์ตรงนั้น  ไม่ว่าจะเพราะแม่กำลังเริ่มรู้สึกว่า สิ่งที่เราพูดมันดีและถูกต้องมากกว่า พูดง่ายๆก็คือ กำลัง่จะแพ้แล้ว  หรือท่าทีไม่ใยดีคำพูดของแม่  หรือ อะไรก็แล้วแต่  แม่จะด่าด้วยคำที่คาดได้ว่าคนถูกด่าจะต้องเจ็บไปด้วยกัน
แต่  ทั้งหมดที่ว่ามา  เชื่อมั้ย  มันไม่ได้ผ่านการคิดมาก่อนหรอก  มันเป็นสัญชาตญาณล้วนๆ
ฉันเชื่อว่าเป็นอย่างนั้นนะ  ฉันไม่เคยเป็นคนด่า  เคยแต่เป็นคนถูกด่า  ได้แค่พยายามทำความเข้าใจ จะได้ไม่ต้องโกรธ ไม่ต้องเจ็บกับคำร้ายๆที่แม่ไม่ได้ตั้งใจ
ซึ่งมันยากนะ  ฉันเข้าใจมันได้  ก็ตอนอายุล่วงมา 40 แล้ว  ไม่ใช่เด็กอายุ 14

คำถามยอดฮิตอันต่อมา คือ ทำไมต้องไล่ออกจากบ้าน  สำทับตามหลังด้วยว่า นี่บ้านGU
คำตอบง่ายๆที่หาได้จากแม่ตัวเอง คือ หม่ดความอดทน รำคาญ  และอีกคำตอบที่หาเจอเองคือ  กำลังจะเถียงสู้ไม่ได้ จำนนด้วยเหตุผล  สัญชาตญาณสั่งให้ดีดตัวเองออกจากพื่นที่ก่อนจะต้องระเบิดตัวเอง  ก็เลย ไล่ให้ไปให้หมด  ไล่เบาๆกลัวไม่ไปหรือไงไม่รู้  เลยไล่ให้ไปตายเสียเลย 
คนกำลังโมโห ไม่ค่อยได้ยินว่าตัวเองพูดอะไร  แม่มารู้สึกถึงเรื่องนี้  ตอนที่ลูกแม่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว  และฉันโดนพี่สาวตัวเอง ไล่ออกจากบ้านแทบทุกครั้งที่ทะเลาะกันรุ่นแรง
แม่ถามฉันว่า โอเคมั้ย  ก็คงเป็นห่วงนั่นแหละ
ฉันมองหน้าแม่  ถามกล้ับไปว่า  ตอนเด็กๆที่แม่ไล่พี่ออกจากบ้าน  แม่อยากให้มันไปจริงๆเหรอ
แม่น่ิงๆ ไม่ตอบอะไร  ฉันก็รู้แล้วว่าแม่คิดอะไร  ฉันพูดต่อว่า มันก็แค่ทำเหมือนแม่ไง  โมโหก็ไล่ให้ไปพ้นๆหน้า ก็แค่นั้น  ไม่ได้อยากให้ออกจากบ้านจริงๆ  ก็ถือว่าใช้กรรมที่แม่เคยไล่พี่ตอนเด็กๆ ก็แล้วกัน

ในฐานะคนถูกด่า ฉันเคยตะโกนทั่งน้ำตา  ว่าทำไมต้องด่าเหมือนฉันไปฆ่าใครตาย
คำตอบกลับมาคือ ทำไม กูอยากด่ากูก็ด่า  กูด่าแล้วกูก็หาย  มึงอยากเก็บคำด่ากูไปเอง เรื่องมึง
อารมณืตอนนั้น  หงายเงิบ ค่ะ  เจํบที่ถูกด่า ก็ผิดอีก
แต่พอสติกลับคืนมา  พิจารณาแบบคนเคยเรียนศาสนาพุทธ  เขาก็พูดถูกนะ
ฏันไม่ได้เลวร้าย ด้อยค่า ดังคำว่า จะเก็บให้เจ็บใจทำไม  คนด่ามันมาเจ็บร้อนกับเราด้วยที่ไหน
พอทะลุกรอบออกมาได้  ฉันก็เห็นคำด่าของเขา  หล่นกระจายอยู่แถวที่เขาด่านันแหละ  หันหลังให้เขาเสีย  คำด่ามันก็พ้นไป  ไม่ได้วิ่งตามกระโดดเกาะหลั้งมาด้วย สบายตัว สบายใจ

คำถามสุดท้ายที่อยากยกมาพูดถึงคือ ก็รู้ว่ารัก แต่ทำไมไม่ใช้วิธีอื่น  วิธีที่มันน่าเข้าใกล้ น่าทำตาม
ตอบตามประสบการณ์และการคิดวิเคราะห์  ได้คำตอบว่า นางทำไม่เป็น
สาเหตุมาจากแม่นาง ซึ่งก็คือยายของฉัน  ก็เลี้ยงนางมาแบบนี้  คนในสังคมรอบตัวก็เลี้ยงลูกโตมาด้วยวิธีทำนองเดียวกันนี้  พอนางมีลูก  นางก็มีแบบให้ทำตามอยู่เท่านี้
นางมีหลานชายคนเดียว  ลูกชายของพี่สาวฉัน  ซึ่งพี่สาวฉันซึ่งได้รับการเลี้ยงดูโดยนาง  ก็ปฏิบัตต่อลูกเช่นเดียวกับนาง  นางสงสารหลาน  ถามแม่หลาน คือ ลูกสาวตัวเองว่า ทำไมไม่กอดลูกบ้าง
ฉันหัวเราะ  ในขณะที่พี่สาวฉันนีั่งทำหน้าไม่ถูก  ฉันบอกนางว่า ให้นางกอดลูกสาวนางก่อนสิ  นางไม่เคยกอดลูก  แล้วจะให้ลูกไปกอดหลาน  มันทำเป็นที่ไหน  เรียกร้องมากไปนะ
ทั้งแม่ ทั้งพี่ฉัน  นั่งเงียบ  ไม่มีใครกอดกัน  และ ไม่มีใครพูดเรื่องกอดอีก

ถ้าคุณเป็นแม่ที่ทำแบบนี้อยู่เหมือนกัน  ฉันอยากบอกให้รู้ว่า ลูกทุกคน เจ็บมาก เวลาโดนพ่อแม่ด่า
โดนคนข้างนอกด่า 10 คน ก็ไม่เท่าพ่อแม่ด่าหนเดียว  ใครอื่นชื่นชมพันร้อย  ก็ไม่เหมือนพ่อแม่ชมแค่สักหนหนึ่ง  คำพูด  ท่าที  ของคุณ  มีผลกับใจเขามาก
อยากให้เขาดีอย่างใจ  แต่ถ้าใช้วิธีเดิม คำพูดแบบเดิมแล้วมันได้ผลเหมือนเดิมคือคุณโกรจจนลืมตัว  ด่าไม่ยั้งจนจำไม่ได้ว่าตัวเองด่าอะไรไปบ้าง  ก็ขอให้คิดหาวิธีใหม่  ลองใหม่  ถอดอัตตาออกเสียบ้าง  อย่าถือเอาแต่ว่าฉันเป็นแม่  ลูกเป็นสิ่งมีวิตที่เจ็บและตายได้นะคะ อย่าลืม

ส่วนลูกที่กำลังโดนด่า  และแม่ยังเป็นแม่คนเดิม  ก็ขอให้เราตั้งใจทำตัวเสียใหม่  กลับไปคิดดูหน่อยว่า ที่แม่โกรธจนด่ารุนแรง  เพราะเราพยายามพูด (ที่ผู้ใหญ่เขาเรียกว่าเถียงนั่นแหละ) หรือเปล่า  ดูหน้าแม่สักหน่อยก่อนมั้ย  ถ้าเขาไม่พร้อมฟัง  พยายามไปก็เหนื่อยเปล่า  ถอยออกมาเสียก่อน  อย่าอยู่ตรงนั้นจนถ้อยคำบาดใจมาถูกส่งมา  เราจะได้ไม่ต้องเจ็บ

ฉันถามเด็กไปหลายคนว่า กอดแม่ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ มีอยู่คนเดียวที่ตอบกลับมา และ คำตอบคือ 3 ปีที่แล้ว
อยากให้แม่อ่อนโยน  เราก็อ่อนโยนให้แม่เห็นก่อนมั้ย
อยากได้ต้องอย่าเอาแต่เรียกร้องอย่าวงเดยว  ต้องลงมือทำด้วย
เพื่อความสุขของเธอเอง และ คนที่เธอรัก และ รักเธอ

 



Create Date : 17 พฤษภาคม 2563
Last Update : 17 พฤษภาคม 2563 15:08:12 น.
Counter : 672 Pageviews.

0 comments
เติมให้ความมี เติมให้ความไม่มี ปัญญา Dh
(14 เม.ย. 2567 20:54:29 น.)
สุขสันต์วันปีใหม่ไทย ๒๕๖๗ haiku
(13 เม.ย. 2567 10:13:33 น.)
Day..10 โฮมสเตย์ริมน้ำ
(11 เม.ย. 2567 08:25:45 น.)
ถนนสายนี้มีตะพาบ ประจำหลักกิโลเมตรที่ 349 : วันใดที่เธอรู้สึกเหมือนไม่มีใคร โปรดมองมาทางนี้ ฯ The Kop Civil
(10 เม.ย. 2567 16:44:58 น.)
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Wallaya.BlogGang.com

วัลยา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]

บทความทั้งหมด