ถ้าเห็น ก็มี โชคดีนะ
โชคร้ายที่สุดในชีวิต คือฉันเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมมาแต่กำเนิด  นั่นหมายถึง  ประสิทธิภาพการมองเห็นของฉันมันลดลงเรื่อยๆไปตามวันเวลาที่ผ่านไป
สิ่งนี้กลายเป็นปมด้อย  และเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจหลายเรื่องในชีวิตของฉัน
เป็นอย่างนี้  หยิ่งนักไม่ได้หรอก  เพราะต้องพึ่งพาคนอื่นอยู่มาก
อยู่กับสิ่งนี้นานๆเข้า  ฉันค่อยๆเรียนรู้ไปเองว่า ไม่มีประโยชน์ว่าทำไมต้องเป็นฉัน
ไม่ว่าขะชอบหรือไม่  ฉันก็ต้องอยู่กับสิ่งนี้ไปจนกว่าจะตายจากกันไป  ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่
เมื่อต้องอยู่ด้วยกันแล้ว  ฉันทำได้แค่ ยอมรับคว่ามจริง  ทำความเข้าใจกับความรู้สึกตัวเอง
ฝึกจิตตัวเองให้ปล่อยวางคำพูดดูถูก ด่าทอ  เพราะความไม่เข้าใจในความบกพร่องของตัวฉันจากคนอื่นๆ
พิจารณาไปแล้ว  ก็ต้องบอกว่า ฉีันโชคดี
โชคดีที่ มองเห็นข้างนอกน้อย ก็เลยจำต้องมองกลับเข้ามาเห็นข้างในตัวเองให้มาก  สิ่งหนึ่งที่เห็นชัดคือ อัตตา
เริ่มต้นจาก ลดการถือมั่นในความเสื่อมนี่ล่ะ
เคยรับไม่ได้  ฟูมฟาย  เพราะึคิดไปไกลว่า กว่าจะตาย คงทรมารหนักหนา  เพราะพึ่งพาอะไรตัวเองไมได้  จะกินจะอยู่อย่างไร
คิดจนเหนื่อย  สติก็กลับมาบอกตัวเองว่า วางได้แล้ว  ระหว่งทางชีวิตมีเรื่องให้ชื่นชมมากมาย  การมองไม่เห็นเท่าคนอื่นไม่ได้ทำให้สิ่งอื่นๆในตัวฉันด้อยลงไปด้วย
มอง แล้วเห็น  แล้วมั่นใจได้ด้วยว่า ฉันไม่ใช่คนโง่  และ ฉัน เป็นคนดี
ฉันมีความสุขบนความเสื่อมของตัวฉันเองได้แบบที่  ถ้าฉันปกติดี  ฉันอาจไม่เข้าใจ
ทุกวันนี้  ฉันโชว์หน้าสดไปทำงนทุกวัน  ไม่ใช่ว่าหน้าสวย  แต่เพราะมองเองไม่ชัด  จะแต่งหน้าก็เกรงว่าจะทำเลอะเทอะมากกว่า  ไม่แต่งหน้า  ก็ไม่ต้องซื้อเครื่องสำอางค์  ประหยัดเงินไปได้หลายบาท
และเพราะสายตาไม่ดี  ตอนนี้ก็ขับรถไม่ได้แล้ว  เลยไม่เคยเดือดร้อนอยากจะซื้อรถเป็นของตัวเอง  ไปไหนก็มีคนขับรถให้  ฟรีบ้าง เสียตังค์บ้าง ก็ว่ากันไป
เห็นมั้ยว่า เพราะความบกพร้องนี้  ทำให้กิเลสในตัวฉันเบาไปมาก  เมื่อแรกมันอาจต้องเบาเพราะสภาวะจำยอม  แต่ตอนนี้  อะไรที่เลาไป  คือ มาจากความเข้าใจส้วนๆ

ฉันทำงานบริษัทอยู่พักหนึ่ง  เคยมีปัญหาว่าเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งไม่ให้ความร่วมมือเอาเสียเลย  ฉันพยายามแก้ปัญหาในแบบของฉันหลายครั่้ง  แต่มันไม่เคยสำเร็จ  จนสุดท้าย  ฉันตัดสินใจใช้วิธีที่ไม่เคยคิดจะทำมาก่อนเลย คือ ฟ้องนาย
ช่างใจร้านเสียจริงนะ ตัวฉัน  เวลานั้นฉันมุ่งแต่ประโยชน์ของฉัน มั่นใจมากด้วยว่านายจะไปจัดการกับเขาอย่งที่ฉันต้องการ
แต่...
นายฟังฉันเล่าเรืองแบบนิ่้งๆ ไม่ซักไม่ถาม  ฟังจนฉันพูดจบ  ถามมาคำหนึ่งว่า
ทำแบบเดิมมาหลายครั้งแล้วใช่มั้ย
ฉันตอบสั้นๆ แบบ งงๆ ว่า ค่ะ
งั้นคุณก็ไปลองทำวิธีอื่นสิ
นายยิ้มน้อยๆให้ฉัน ฉันเห็นแววเมตตาเบาๆอยู่ในนั้น  แล้วนายก็บอกให้ฉันกลับไปทำงาน

แวบแรก  มันแย่มากในความรู้สึกฉันที่นายทำท่าเฉยๆกับเรื่องที่ฉันเห็นว่ามันใหญ่มาก
แวบต่อมา  เหมือนโดนต่อย  นายไม่ได้ด่า  แต่ว่า ฉันรู้ว่า สิ่งที่ฉันทำมันโง่มาก
และพอสติมา ภาพชัด  ฉันก็รู้สึกว่า ฉันโชคดีมากที่เจอนายที่ให้สติฉันด้วยคำพูดสั้น ง่าย
อย่างน้อยนายก็ให้เกียรติฉันแหละว่า สมองอย่างฉัน น่าจะคิดออก  แม้จะต้องมีคนบอกทางให้บ้างก็ตาม
ฉันไปคิดหาวิธิจัดการกับเขาใหม่  ไม่ได้โชคดีขนาดว่า ลองอันแรกแล้วได้  ต้องลองอยู่หลายวิธี  แต่ในที่สุด  ฉันก็หาทางทำงานกับคนคนนี้แบบสินติวิธีได้  ฉันไม่ต้องปวดหัวหนัก  และ ยังรักษามาตรฐาน ผลการประเมินผลการทำงานที่ เกรด เอ ได้อยู่

เมื่อก่อนตอนอายุน้อยๆกว่านี้  ฉันเคยเข้าใจว่า ตัวเองเป็นคนสภาพจิตใจดี  แข็งแรง  เจออะไรก็ไม่่เคยรู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่  เดี๋ยวมันก็แกได้
พออายุมาถึงปูนนี้  ต้องคิดใหม่ว่า ฉันโชคดีมากต่างหากเล่า  ที่ไม่เคยเจอเรื่องราวร้ายแรงอย่างทีี่คนอื่นเขาเจอกัน  ไม่เคยลำบากขัดสน เป็นหนี้เป็นสิน  เพราะเหตุเคราะห์ซ้ำกรรมซัด
เพราะถ้าเจอเข้าจริงๆ  ฉันอาจสิ้นใจไปเสียแล้วก็ได้

สุดท้ายนี้  เป็นความเชื่อส่วนตัว  ไม่มีอะไรมาพิสูจน์ได้ว่าจริงหรือไม่
ฉันว่า โชคดี เป็นสิ่้งที่หมดได้
ฉันว่า ทำบุญ ทำทาน แบ่งปัน มันทำให้โชคดีมีปริมาณเพิ่มขึ้น
ฉันไม่อยากให้โชคดีของฉันหมดไว
ฉันจึงตั้งใจ ทำบุญ ทำทาน แบ่งปัน ตามกำลังที่ทำแล้วไม่รู้สึกเดือดร้อน
คนเหล่านั้นได้  ฉันก็ได้
โชคดี



Create Date : 10 พฤษภาคม 2563
Last Update : 10 พฤษภาคม 2563 16:21:47 น.
Counter : 472 Pageviews.

0 comments
»FFF#94« "กินเพลินเกินห้ามใจ" ผัดหมี่เส้นจันท์ nonnoiGiwGiw
(16 เม.ย. 2567 15:00:28 น.)
เรื่องเล่าที่ไม่เกี่ยวกับวันสงกรานต์ tanjira
(13 เม.ย. 2567 16:10:32 น.)
ระยองฮิสั้น จันทราน็อคเทิร์น
(12 เม.ย. 2567 15:33:48 น.)
คุณปู่ผู้อยู่นิ่งไม่เป็น สวยสุดซอย
(11 เม.ย. 2567 15:42:02 น.)
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Wallaya.BlogGang.com

วัลยา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]

บทความทั้งหมด