Ladakh 2019 - ไปร่วมกลุ่มเก็บเกี่ยวฯ ที่หมู่บ้าน Saboo Buckwheat เป็นหนึ่งในพืชที่เราไม่ค่อยคุ้นสักเท่าไหร่ว่ามันนำไปใช้แปรรูปเป็น อาหารประเภทใดบ้าง -- ตามประสาคนไม่ชอบแป้ง ทราบแค่ว่ามันถูกปลูกในพื้นที่ ราบสูงอย่างลาดักได้ แล้วก็ในช่วงเวลาที่เราอยู่ที่ที่นั่น ก็มีการจัดงานโปรโมทผล ผลิตและการแปรรูปที่มาจากธัญพืชชนิดนี้ ในชื่อ Buckwheat Festival ซึ่งได้เห็น จากใบประกาศตามจุดต่าง ๆ ทั่วไป ของกลุ่ม NGO ลาดัก-ญี่ปุ่น : Juley Ladakh ถึงเราจะยังป้วนเปี้ยนอยู่ในภูมิภาคนี้อยู่ก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ไปดูการจัดงานดังกล่าวตาม คำชวนของเพื่อนที่เป็นอาสาสมัครชาวต่างชาติส่งข่าวมาให้ล่วงหน้าก่อนที่เราจะวาง แผนออกไปอยู่นอกเลห์เป็นที่เรียบร้อย จนถึงเวลาที่ใกล้จะโบกมือลาลาดักสักที เราตอบรับคำชวนอีกครั้งกับการเดินทางไป ร่วมกิจกรรมเก็บเกี่ยวบัควีต ที่หมู่บ้านใกล้เลห์อย่าง Saboo คงป็นประสบการณ์เล็ก ๆ ที่น่าสนุกดีเหมือนกัน จากที่ได้ยินคำร่ำลือถึงธรรมเนียมท้องถิ่นระหว่างการทำงานใน นาจะมีการร้องเพลงระหว่างเก็บเกี่ยว ล้อมลงพูดคุยข้างกองฟาง รวมถึงเสิร์ฟ Chaang ให้ได้จิบ ![]() เมื่อถึงเวลาตามนัดหมาย กลุ่มคนที่จะอาสาไปร่วมงานนี้และเราแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม เพื่อแยกกันนั่งรถรับจ้างไปยังหมู่บ้าน Saboo หารกันแล้วก็จ่ายกันห้าสิบรูปี ที่นี่อยู่ห่าง จากเลห์ไปแค่ 8 กิโลเมตร และเดินลัดไปยังที่ตั้งของบ้านเล็ก ๆ หลังหนึ่งที่เข้าร่วม โครงการปลูกบัควีตที่อยู่ภายใต้การดูแลของ Juley Ladakh ที่ในปีนี้ (2019) ได้เริ่ม ทำการทดลองเพาะปลูกเพื่อศึกษาและเก็บข้อมูลครั้งแรก บนสภาพพื้นที่ที่ต่างกันใน เรื่อง โดยมีจำนวน 5 หมู่บ้านที่เข้าร่วมคือ Saboo, Sakti, Shey, Shara และ Gangles อาสาสมัครที่เข้ามาทำหน้าที่นี้จะมีหน้าที่จดข้อมูลรายละเอียดกัน ตั้งแต่ช่วงหว่านเมล็ด พันธุ์และเก็บเกี่ยว เพื่อวิเคราะห์การใช้น้ำ คุณภาพดิน สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ฯลฯ บ้านที่เข้าร่วมโครงการนี้ไม่รู้ว่ามีจำนวนเท่าไหร่ จำได้แค่ว่าที่หมู่บ้านนี้มีอาสาสมัครที่ มาจากบราซิลหนึ่งคนที่ประจำอยู่มานานถึงสามเดือนแล้ว กลุ่มที่มาสมทบเพื่อร่วมด้วย ช่วยกันภายหลังนี้ก็คละกันไปกับคนต่างชาติและจากองค์กรอื่นในเลห์ พวกขาจรอย่าง เราก็มีหลงมาเหมือนกันอีกหนึ่ง นับ ๆ ไปมีกันทั้งหมด 14 ราย บราซิล อเมริกา อินเดีย ออสเตรเลีย อังกฤษ ญี่ปุ่น และไทย .... มาเกือบครบทุกทวีป ยกเว้นแอฟริกา หลังทำความรู้จักโดยการล้อมวงดื่มชา กินจาปาตี ปาดแยมแอพริคอต รองท้องและเอา สัมภาระไปเก็บรวม ๆ กันในห้อง พวกเราก็ออกมายืนรอที่หน้าแปลงสาธิตที่มีช่อดอกบัควีต ออกดอกสะพรั่งพร้อมเก็บเกี่ยว มันดูเป็นพื้นที่เพาะปลูกที่ประหลาดดีในสายตาของเราจาก ที่คิดเอาไว้คงจะมีแปลงเกษตรที่เต็มไปด้วยต้นบัควีตล้วน ๆ ใช่มั้ยล่ะ แต่ว่าท่ามกลางดง ธัญพืชนี้กลับมาพืชชนิดอื่นขึ้นแทรกปะปนเต็มไปหมด ทั้งดาวเรือง ดาวกระจาย หญ้า และต้นอื่น ๆ ตามแต่ที่จะงอกแทรกไหว คุณซการ์มา ผู้เป็นแกนนำหลักของโครงการฯ เข้ามากล่าวแนะนำตัวเองให้ฟังโดยคร่าว เนื่องจากเหล่าผู้มาช่วงเก็บเกี่ยวนี้ก็มีบางคนที่เป็นหน้าใหม่และหน้าเก่าปน ๆ กัน จากนั้น ก็สาธิตการดึงต้นบัควีตให้ดู "ทุกคนแยกออกใช่มั้ย ต้นไหนหญ้า ต้นไหนบัควีต" เขาตรงไปยังพืชที่ออกช่อดอกสีชมพูก่ำ ๆ และกล่าวว่าหน้าตาแบบนี้แหละ บัควีต เมล็ดของมันจะอยู่ข้างในดอก พร้อมคว้าจับที่โคนแล้วดึงเด็ดขึ้นมาอย่างง่ายดาย "เรามีปัญหานิดหน่อยกับหญ้าและต้นอื่น ๆ ที่ขึ้นแทรก ดังนั้นใครจะถอนหญ้า ก็ถอนหรือใครจะเก็บแต่บัควีต ก็ทำแยกกันไปเลย" พื้นที่แปลงสาธิตนี้ก็ไม่ได้กว้างมหาศาลเท่าไหร่ คงช่วยกันไม่กี่ชั่วโมงก็เก็บกันได้จน แปลงนาโล่งโกร๋น พี่เดวิด โปรแกรมเมอร์ชาวออสซี่ ผู้รักกิจกรรมทำสวนและงานอาสา คงไม่มีใครอินได้ถึงขนาดนี้เท่าแก ได้พกเอาถุงมือสำหรับใส่ทำสวนและเคียวส่วนตัวที่ ซื้อหามาจากตลาดโมติในเลห์ นั่งเกี่ยวเก็บบัควีตไปคุยไปอย่างความสนุกสนาน นี่ยังไม่รู้เลยว่าเขาสามารถชักชวน อาดี้ เด็กหนุ่มจากดารัมซาลาที่ลองขึ้นมาเที่ยวไกล ถึงลาดัก มาลองทำอะไรแบบได้ยังไง สำหรับอาดี้ เขาเองก็มองว่านี่เป็นประสบการณ์ที่ แปลกดีเหมือนกัน...ก็คงเหมือนกับเราที่คิดว่าพอเอากลับไปเล่าให้ใครฟังถึงทริปเที่ยว ลาดักที่คนชอบร่ำลือถึงความน่าตื่นเต้น ว่ามีอยู่วันนึงได้ลองไปช่วยเขาลงแขกเก็บเกี่ยว ต้นบัควีคที่หมู่บ้านนอกเมือง...ฟังดูแล้วใครมันจะไปสนใจกัน คนหลายคนอาจคุยแลกเปลี่ยนกันเรื่อยไป ส่วนอีกกลุ่มที่เป็นเจ้าบ้านและชาวต่างชาติที่ คุ้นเคยกับวัฒนธรรมลาดัก พากันร้องเพลงโต้ตอบกันระหว่างนั้น มันเป็นการขึ้นต้นเสียงนำ และมีผู้ร้องรับตาม เหมือน echo ดูเหมือนว่าการทำสวนนี้ไม่มีความเงียบมาแทรกได้เลย นอกเหนือไปจากหญ้า บางครั้งก็เจอต้นตำแย ผักกาดเขียวน้อย แต่มีครั้งนึงที่บังเอิญมี ใครคนหนึ่งดึงถอนหัวไชเท้าป้อม ๆ ได้หนึ่งหัว "ยะฮู้! เย็นนี้มีอาหารแล้ว" และบางครั้งเราก็อดกลั้นขำไม่ได้ เมื่อได้ยินเสียงเรียกที่ดังจากสาวบราซิลอาสาสมัคร ที่มาอยู่กับครอบครัวนี้ กำลังทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านร่วมที่ดีในการอำนวยความสะดวกกับ แขกเหรื่อที่มาช่วยกันเก็บเกี่ยวผลผลิต "น้ำมาแล้ว มีใครเอาน้ำมั้ย?" พอหันไปตามทิศทางของเสียงก็พบว่ามันไม่ใช่น้ำที่เอามาบรรจุถังหรือคูลเลอร์เพื่อให้ ได้ไปรองใส่กระบอกน้ำดื่มกัน แต่เป็นน้ำที่พุ่งออกมาจากสายยางที่หน้าตามันคล้ายกับ สายยางดับเพลิง และน้ำที่ว่านี้เขาว่ามันมาจากแหล่งน้ำใต้ดิน ทีแรกก็ลังเลนะว่าอาจเป็น มุขตลกที่หยอกกัน แต่ก็มีคนไปรองน้ำมาดื่มกันจริง ๆ ซึ่งเราก็ต้องตามน้ำไป~ดื่มได้ก็ดื่ม ดื่มไม่ได้ก็ไม่ต้องดื่ม ผ่านไปสักพัก ดวงอาทิตย์เริ่มย้ายมาอยู่เกือบกลางหัวก็คงต้องถึงเวลานั่งพักหลบแดดกัน ชั่วครู่ หลังเจ้าของบ้านเรียกให้เข้าไปพักดื่มชาในที่ร่ม ๆ "ชาอะไรกัน ทำไมเป็นชา?" หนึ่งในกลุ่มคนลงงานอาสาฯ แกล้งทำเป็นโวยวายเสียงดัง "ไม่เอาชา เราอยากได้ชาง" ช่ายยย "ไม่มีชาง พวกเราก็จะไม่ทำต่อ" "แบบนี้ต้องสไตรค์" อันที่จริง พวกเราก็แกล้งโอยครวญไปงั้น มีเสียงกระซิบกระซาบบอกถึงเหตุผลให้ได้รู้ "คนบ้านนี้ พวกเขาแอนตี้แอลกอฮอล์" เพื่อจะได้เลิกหวังกับสิ่งที่จะนำมาเสิร์ฟต่อ จากนี้ ที่ยังไงมันจะไม่มีคิวของ'ชาง'แน่นอน! ![]() กิ่งบัควีตที่มีช่อดอกบนปลายยอด ถูกทยอยนำมาวางแผ่บนผ้าใบที่เตรียมไว้สำหรับตาก เป็นการชั่วคราว กรรมวิธีต่อจากนี้เราไม่รู้ว่าจะฝัดเอาเมล็ดมันออกมายังไง พอเมื่อเคลียร์ พื้นที่ในแปลงนาจนจบงานแล้วก็ปล่อยมันผึ่งลมแดดอย่างนั้น ส่วนพวกคนที่มาช่วยงานใน ครึ่งวันนี้ ก็ขึ้นไปกินข้าวกันบนบ้านโดยมีเจ้าของบ้านจัดเตรียมอาหารการกินให้ ได้ยินการแบ่งปันเรื่องอาหารการกิน ก็รู้สึกเอะใจเล็ก ๆ เมื่อพูดถึงสมัยก่อนที่มีการเพาะปลูก กันหลากหลายกว่านี้ เป็นเพราะการค้าขายภายนอกที่มากำหนดทำให้พวกพืชชนิดอื่นที่ไม่ เป็นที่ต้องการของตลาดสูญหายไป อาหารท้องถิ่นหลายอย่างในตอนนี้ก็เลยมีแค่ไม่กี่อย่าง ที่เป็นที่รู้จัก เอาเข้าจริง ๆ ก็ฟังดูไม่ต่างไปจากบ้านเราเช่นกัน ในอีกครึ่งวันรอบบ่าย จะมีอีกบ้านหนึ่งที่มาจองคิวเหล่าอาสาสมัครให้ไปช่วยเช่นกัน มีหลายคนที่จัดเตรียมข้าวของสำหรับมาค้างคืนนอกเมืองเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งพวกเขาดูพร้อม ที่จะลุยกันต่อหลังจากนี้ ส่วนอีกสามสี่รายรวมถึงเราเองก็ด้วย (ไม่นับรวมกับพวกที่จะเดินทาง ไปดูโครงการบัควีตต่อที่หมู่บ้านใน Shey) ก็ได้ติดรถคุณซการ์มาไปลงในตัวเมืองเพื่อต่อรถ ประจำทางไปยังเลห์ ![]() รอบนี้เราไม่ได้ถ่ายรูปไว้นะคะ มัวแต่ยุ่ง ๆ มือไม้ไม่ได้ว่างกันเลย ได้แต่ค้นดูรูปจากหมู่บ้านอื่น ๆ มาใช้วางประกอบแทน เพิ่งนึกออกว่าแปลงปลูกพืชมีดอกลักษณะเป็นสีขาว หรือไม่ก็มีสีอมชมพูที่เคยเห็นผ่าน ๆ มาก่อน ที่แท้ก็คือบัควีตนี่เอง -- ปล. ภาพนี้ถ่ายจากหมู่บ้าน Sakti
|
บทความทั้งหมด
|