:::อุ่นใจไว้บ่มรัก:::




ตัวขาวอ้วนกลมที่นึกจะมาก็มา จะไปก็ไปนั่นไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับภารกิจของฉันสักนิด เพราะระยะหลังเธอไม่ค่อยสนใจกับงานในโน้ตบุ้คหรือ PC ของฉันสักเท่าไหร่ ไม่ต้องห่วงว่าจะมาทำให้งานส่วนใดส่วนหนึ่งต้องได้ซ่อม หลายครั้งที่เธอผ่านประตูเข้ามา อ่านคำบนบอร์ดเสียงดังแล้ววิ่งออกไปหรือเข้ามาเล่าเรื่องที่เพื่อนๆฟังไม่เข้าใจ เป็นเหตุการณ์ปกติ เพียงแต่คอยระวังเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นได้ ต้องคอยเตือนให้เพื่อนๆระวังตัว เหมือนในวันหนึ่งที่เธอเดินเข้ามาตะโกน Lion..แล้วกระโดดตะครุบเพื่อนจนร่วงเก้าอี้ลงไปกลิ้งกับพื้น แต่ฉันมองว่าการเชื่อมโยงความคิดของเธอดีขึ้น หรือไม่ใช่เรื่องน่ายินดี ก็เธออ่านหนังสือนิทานมาจากห้องสมุด และอยากสื่อสารกับคนอื่นๆ ในวัยสิบขวบเธอเริ่มสื่อสารกับเพื่อนๆบ้างแล้ว..
....

หลายวันที่ออกไปอยู่นอกพื้นที่เดิมเดิมพบอะไรแปลกใหม่มากมายในสิ่งแวดล้อมแตกต่าง คนกลุ่มเดิมในต่างสถานที่ หลากหลายบรรยากาศ เช้าวันหนึ่งลืมตามองฝ่าไปเบื้องนอกเห็นเจ้าชายอรุณกับหมอกสีขาวเหนือทิวเขายาวสองเฉดสีทาบแนวระนาบตึกสูงต่ำจรดสายตาตาวันวันนั้นสีส้มสดตัดกับเมฆขาวเหมือนรอเวลาฉันลืมตามอง

อีกเช้าวันหนึ่งในเวลาใกล้เคียงแต่ต่างสถานที่ฉันตื่นมาพบนางฟ้าแห่งราตรีใช่ .. ฉันพบดวงจันทร์ดวงโตสีเหลืองสดเหนือเทือกเขาทมึนกับดงไม้เขียวในเช้าตรู่ดาวประกายพฤกษ์ตอนค่อนแจ้งเหมือนจะโรยตัวมาเรี่ยดิน กลิ่นพระเพื่อนพระแพงไหมที่สัมผัส หรือเข้าไปอยู่ในแมนสรวงจริงๆ

ชีวิตเคลื่อนไหวเร็วสูงอย่างนี้เคยใฝ่ฝันมาแสนนาน ปรารถนาจากก้นบึ้งของหัวใจเลย "สะพายกล้องท่องเที่ยว" ตั้งใจว่าในสิ่งที่บรรทึกจะถูกถ่ายทอดด้วยลีลาอักษรแบบฉบับของตัวเองสักวัน ก็ฉันอยากเป็นคอลัมนิสต์ในมุมสารคดีไงเล่า แต่วันนี้ยังไม่ใช่ ...ด้วยภาวะหนักอึ้งอย่างนี้ ฉันทำได้แค่รับนโยบายพร้อมขยายผล

กลับเข้าที่ทำงานในเช้ารุ่งขึ้นเหมือนยังมีกลิ่นเยื่อไม้ใบบางติดมามองหาเจ้าชายตัวน้อยที่เคยมาแวดเวียน พบแต่ความว่างเปล่าเธอไม่มาดูการ์ตูนเหมือนเคยหรืองอนที่ฉันหายไปหลายวันไม่เป็นไร ฉันง้อเธอได้ ให้เป็นคนเดียวในชีวิตเลยนะฉันส่งสายตามองหาจนพบเธอนอนเหยียดยาวอยู่บนโต๊ะใต้พัดลม สอบถามคนดูแลบอก "อารมณ์ไม่ดี" เป็นอะไรไปเล่า

ทั้งๆที่รู้เธอไม่ชอบอยู่กลางกลุ่มคนจำนวนมาก ทำไมต้องบังคับเธอกันนัก
สังเกตได้เสมอ เธอไม่ชอบเสียงดัง ห้องเรียนไหนใช้ไมโครโฟน เธอจะไม่เข้าไปเลยแต่กลับชอบฟังบทอาขยานและบทขับเสภาหรือเพลงเย็นๆ รู้ว่าเธอชอบห้องภาษาไทยของพี่ป.ปลาย ปกติถ้าฉันอยู่เธอจะเข้าไปเปิดดูการ์ตูนและร้องเพลงตามหรือบางครั้งก็ร้องนำแล้วแต่อารมณ์ วันหนึ่งที่แกล้งถอดปลั๊กไฟสำรองตัวที่เธอไม่คุ้นเคย เธอเปิดการ์ตูนดูไม่ได้ก็มองฉันอย่างสงสัย สักครู่เดียวอย่างเงียบงัน ..หันไปดูอีกทีเธอก็มีปืนดินน้ำมันในมือสองกระบอกและเล็งมาที่ฉันอืมม์ .. อยากไม่ให้ดูดีนัก จะยิงให้ตายเลย .. เอางั้นเลยนะ ..

ฉันชวนเธอลงมาปั้นดินน้ำมัน เพราะไม่อยากให้เธอจมอยู่กับอารมณ์ร้ายนาน
เธอยอมลงมาจากโต๊ะและนั่งเรียบร้อยหยิบดินน้ำมันในถุงออกมา เห็นว่าเธอมีสีเขียวก้อนใหญ่สีเดียว "ไม่ชอบสีเหลือง" คนเลี้ยงบอก ฉันไปค้นหาดินน้ำมันในหลืบตู้โชคดีได้สีแดง สีชมพู สีเขียวแก่ เขียวอ่อน เมื่อกลับไปอีกครั้งเธอกำลังลงมือปั้น "ปืน" กระบอกที่หนึ่ง เตรียมจะยิงฉันอีกหรือเปล่า อยากมาวุ่นวายนัก ..

ฉันใช้สีแดงและสีชมพูปั้นเป็นกลีบดอก ใช้สีเขียวทำก้านใบ เก็งใจไม่ถูกว่าเธอจะสนใจไหม หรือจะลุกเดินหนีไปตามอารมณ์ แต่เห็นเธอเก็บปืนรวมเข้าก้อนเดิม และนั่งมองเงียบๆ ฉันปั้นไปพร้อม พูด flower ..one flower ..two flowers..เมื่อเริ่มปั้นก้านใบสีเขียวแก่ ใบไม้สีเขียวอ่อน เธอเริ่มขยับตัว จังหวะสองโมงเช้าเธอลุกขึ้นยืนเคารพธงชาติ ฉันใจเต้นรอลุ้นเธอจะนั่งลงหรือจะเดินจากไป เห็นเธอนั่งลงและหยิบดินน้ำมันสีเขียวอ่อนของฉันไปปั้นเส้นยาวยาว

ดอกไม้ ใบไม้ไม่สามารถตั้งอยู่ได้ เพราะเธอปั่นเส้นยาวๆนั่นจนโต๊ะสั่นไปหมด ฉันจับมันวางกับกระดาษขาว แต่งก้านใบเป็นลำต้นใส่ผีเสื้อและแมลงปอเหมือนที่เคยวาด คราวนี้ลองร้องเพลงเบาๆด้วย เพลงของใครไม่รู้ เคยฟังมานานมาก แต่คงดีกว่าให้ฉันขับเสภาหรืออ่านอาขยานอย่างที่เธอชอบ "ดอกไม้ทุกดอกสวย หากเธอรักฉันด้วยคงสุขขี ฉันรักเธอคนดี เหมือนดอกไม้ทุกดอกบาน ..Cha ..la..la..la..la..la Cha la..la..la..la..la " ร้องวนไปมาอยู่สักสามรอบ คนเลี้ยงเด็กนั่งยิ้ม .. แต่ฉันไม่เขินหรอก ..เห็นเธอตั้งอกตั้งใจปั้นตัวยาวยาวได้หลายตัว ฉันใจชื้น

ฉันปั้นหญ้าสีเขียวพร้อมพูด Grass เอางูของเธอมาขดๆ วางใต้กอหญ้าพูด Snake เธอหยิบดินน้ำมันของเธอมาปั้นเป็นก้อนกลมวางต่องูแล้วพูด snail จริงด้วย ! ฉันลืมหอยทากไปอีกอย่าง รู้สึกอึ้งไปเล็กๆ ฉันชี้ดอกไม้ ถามว่าแล้วนี่อะไร เธอไม่ตอบ ฉันถามใหม่ What's this? เธอตอบ flower ชัดเจน เมื่อชี้ที่อื่น งู ผีเสื้อ และกอหญ้า เธอตอบเป็นภาษาอังกฤษได้หมดทุกคำ ฉันครูภาษาอังกฤษน้ำตากลบเลย

ได้เวลานักเรียนเข้าแถวทำกิจกรรมหน้าเสาธง เป็นช่วงเวลาที่เธอต้องอยู่ตามลำพังอีกแล้วเพราะเธอไม่ชอบอยู่กับคนมากมาย ฉันเดินจากมาคนเลี้ยงบอกขอบคุณคุณครูก่อน เธอพูด "สวัสดีครับ" คนเลี้ยงดุ "ขอบคุณครับสิ" "ขอบคุณครับ" แล้วทุบคนเลี้ยงไปหนึ่งที หลายคนบอกยิ่งโตจะยิ่งอารมณ์ร้าย ฉันใจแป้วจะช่วยเธอได้อย่างไรหนอ ฉันจะช่วยเธอได้ไหมหนอ ? เดินมาสักสามก้าวได้ยินเสียง งึมงัมไล่หลัง Cha La La La...โห ... ใครก็ได้ช่วยที ... หัวใจฉันพองคับอก .. เหมือนฉันจะติดปีกฉันกำลังจะลอยได้แล้ว เธอแบ่งเอาก๊าซลอยตัวนี้ไปบ้างไหม นะฉันแบ่งให้เธอ


ฉันพบเธอครั้งแรกในวัยสี่ขวบ ตัวขาวๆแก้มป่องยุ้ยมีไรเขียวสองข้างแก้มตั้งแต่เด็กภาพเดียวที่ฉันพบเสมอ คือเธอนั่งปั้นดินน้ำมันคนเดียว คล้ายกับว่าเธออยู่ในโลกส้วนตัวของเธอเอง สังเกตว่าในทุกครั้งเมืองตุ๊กตาของเธอละเอียดละออ มีแม้แต่จานดาวเทียมและเสาโทรทัศน์ในกองรบ เธอไม่ลืมแม้แต่ดาบปลายปืนอันจิ๋วของหน่วยจู่โจม ไม่ลืมแม้รถหุ้มเกราะและสายพานรถเหล็ก

เวทนาที่เธอเฉยเมยไม่สบตา ไม่มีแม้มีปฏิกิริยาโต้ตอบอะไรกับใคร เดินเขย่งปลายเท้าเกาะแขนคนเลี้ยง ฉันพยายามมาพบปะพูดคุยด้วยบ่อยๆแต่เธอไม่ยอมคุยนอกจากยกมือไหว้กล่าวสวัสดีครับ โดยไม่สบตาก่อนกลับบ้านจะมาแวะหน้าห้องฉันเสมอ ดูภาพธงนานาชาติที่บอร์ด และ "บอกชื่อได้หมด"

วันนี้ในวัยสิบขวบเธอเติบโตขึ้นในระดับปกติ การเดินโดยเขย่งปลายเท้าหายไป ฉันพบเธอเดินได้เต็มฝ่าเท้าและโดยลำพังไม่ต้องเกาะแขนคนดูแล เคยรู้มาว่าเป็นคนที่ดูแลเท่านั้นที่เธอจะเข้ามาหา แม้คนอื่นที่พยายามจะเล่นหรือคนในครอบครัวเดียวกันเธอจะไม่สนใจเลย ฉันเป็นคนเดียวมั้ย..คนนอกบ้านที่เธอเดินเข้ามาหา และทักทาย"สวัสดีครับ"พร้อมเงยหน้ายิ้มและสบตา รอยยิ้มนั้นน่ารักเหลือเกิน ..เหมือนดอกไม้สีขาวกลิ่นหอมผลิบานจากภูผาสีเทา จริงจริงนะ

วันนี้เธอมาโรงเรียนแต่เช้าทุกวันและใช้เวลาในรั้วโรงเรียนมากขึ้น ดีใจที่เลือกเดินเข้ามาหาฉัน แม้จะมีปฏิกิริยาในเรื่องที่จะโต้ตอบกับคนรอบข้างน้อย แต่เธอกลับยิ้มกับฉันและสนใจสิ่งล่อใจทุกอย่างที่ฉันทดลองอย่างไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่เธอไม่เคยปฏิเสธในสิ่งที่ฉันยื่นเสนอ เพียงแต่ต้องหาจังหวะดีดีให้สำหรับเธอ เราเหมือนกำลังเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เธอรับสัมผัสของฉันได้ ที่สำคัญที่สุดเธอรู้ว่าเมื่อไหร่ควรหรือไม่ควรทำอะไร !

สิ่งที่เธอชอบมากที่สุดก็มุมการ์ตูนดิสนี่ ที่เปิดเล่นซ้ำซากด้วยตัวเอง แต่ก็ยังอุตส่าห์หยุดความต้องการบังคับตัวเองได้เมื่อหมดเวลา คนเลี้ยงบอกเมื่อไหร่ที่ฉันไม่อยู่ติดอบรมสัมนา เธอจะวนเวียนอยู่หน้าห้องพึมพำ "ยังไม่มา"

ในวันหนึ่งที่ฉันว่างจากการสอน ห้องทำงานปลอดคนเธอเดินเข้ามาหาตามลำพังฉันทดลองส่งหนังสือการ์ตูนให้ เธอสั่นหัวแต่ตามองเป็งที่กล่องสีในมือ ฉันยื่นกล่องสีส่งให้เธอไม่รับแต่เปลี่ยนสายตาไปมองที่แผ่นกระดาษฉันหยิบกระดาษเปล่าวางให้ตรงหน้าเธอมองเฉยๆฉันยังไม่หมดมุกแต่ไม่มีเวลาแล้ว งานตรงหน้ายังอีกหลายอย่างฉันเดินกลับมาที่นั่งเริ่มทำงานที่ทิ้งค้างปล่อยให้เธออยู่กับดินน้ำมัน

ชำเลืองดูเห็นเธอวาดสีลงไปบนกระดาษขาวอย่างไม่มีรูปทรง ม้วนกลมไปในทิศทางเดียวกันฉันรู้สึกเวทนาเลยไปทรุดตัวลงนั่งข้างๆหยิบกระดาษมาอีกสองแผ่น วาดดอกไม้ลายเส้นหลากสีลงไป เธอดึงกระดาษจากมือฉันไประบายสีต่อเลือกสีระบายในขอบสีเสมอกัน ไม่เว้นแม้ใบไม้ ผีเสื้อ แมลงปอกับประโยคงึมงำเบาเบานั้น "สนุกจังเลย" จากวันนั้นฉันทุ่มเทให้เธอหมดใจ..

ความเชื่อมโยงของเธอดีกว่าเด็กปกติในวัยเดียวกัน เพราะเธอสามารถทำได้โดยไม่ต้องบอก วันนี้ฉันกำลังให้เธอซึมซับประสบการณ์จากธรรมชาติ จากสวนดอกไม้ซ้ำกันหลายครั้งอย่างไม่เบื่อหน่าย ฉันจะลองเปลี่ยนไปลงทะเลดูบ้าง แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ ไม่เป็นไร ฉันมีเวลาให้เธอเหลือเฟือ"พรุ่งนี้" มีให้เธอเสมอ อยากให้เธอเบ่งบานเป็นดอกไม้สีขาวมีกลิ่นหอมที่ผุดบานบนภูผาตลอดไป

ยังมีออทิสติคอีกมากมาย ที่โน่นที่นี่ พวกเขาสบายกันดีไหม ?
มีใครเอาใจใส่เขาเหล่านั้นจริงจังหรือเปล่า ?
คนใกล้ชิดสนใจและเอาใจใส่ดูแลเขาอย่างใกล้ชิดเหมือนเธอคนนี้ไหม ?

เข้าใจดีว่าถ้าในครอบครัวใดมีออทิสติค หากได้รับเอาใจใส่แก้ไขและรักษาเขาให้ถูกทางก็จะช่วยเขาได้มาก แต่ถ้าเราปล่อยไป ยอมรับความจริงตรงนี้ไม่ได้ ไม่ได้นำเข้ามาสู่กระบวนการรักษาเราอาจจะเสียโอกาสในการพัฒนาเขา เพราะการรักษาในทางยานั้นยังเป็นเพียงการรักษาตามอาการ การช่วยเหลือเด็กกลุ่มนี้ต้องอาศัยการกระตุ้นพัฒนาการด้วยการวางแผน

การปรับพฤติกรรมอย่างเต็มรูปแบบพ่อแม่ต้องมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาค่อย ๆ ปรับและแก้พัฒนาการ ทำให้สมองส่วนที่มีความบกพร่องของเขา มีโอกาสในการพัฒนาและก้าวหน้าขึ้นมาบ้าง เพราะสมองของเด็กเล็กนั้นยังมีโอกาสอีกมากที่จะพัฒนา

ฉันเชื่อว่าครอบครัวที่ยอมรับในปัญหา แล้วก็เข้ามาช่วยในการกระตุ้นพัฒนาการเด็ก จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เด็กมีความก้าวหน้าขึ้นมาเป็นอย่างดี อาการของออทิสติคเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเรื้อรัง ต้องการการดูแลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็คงต้องอาศัยคนใกล้ชิดที่ให้กำลังใจซึ่งกันและกันด้วย

จริง ๆ แล้วเด็กออทิสติคหลาย ๆ คนนั้นมีพัฒนาการที่ดี และการที่เขาได้มีโอกาสในการเรียนร่วมกับเด็กปกติ จะช่วยให้เขามีพัฒนาการที่ก้าวหน้าต่อไปในวันข้างหน้าเป็นอย่างดี ฉันมั่นใจว่าคุณครูที่ดูแลเด็กที่เป็นออทิสติคควรจัดการศึกษาให้กับเขาได้อย่างเหมาะสม ให้เด็กได้อยู่ในโลกของความเป็นจริงที่ต้องพบกับคนหลายๆ รูปแบบ ฉันหวังให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าใจว่าเด็กออทิสติคเป็นอย่างไร

ฉันหวังให้ทุกความรับผิดชอบได้ให้โอกาส ให้การช่วยเหลือเด็กออทิสติค
ให้เขาได้มีโอกาสที่จะก้าวหน้าต่อไปในสังคม สังคมจะได้ไม่มองเห็นแต่ภูผาสีเทาสังคมจะได้ชื่นใจกับดอกไม้สีขาวที่ผลิบานส่งกลิ่นหอมบนภูผา

ฉันอยากให้ใครๆได้เห็นดอกไม้สีขาวผลิบานบนภูผาสีเทาส่งกลิ่นหอมอวลใจ
อย่าปล่อยให้ภูผาสีเทารกเรื้ออีกต่อไปเลย ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหนภูผาสีเทาต้องไม่รกร้าง ในรัศมีเมตตากรุณาอันกว้างใหญ่ มีเด็กๆที่น่าสงสารอย่างนี้อยู่อีกมากมาย รักเขาให้มากมากเถอะนะ ความเมตตาที่แฝงอยู่ในทุกคนจะสร้างโลกให้สวยงาม เรามาสร้างโลกนี้ให้สวยงาม แล้วเราจะพบว่าโลกของเราสวยงามจริงๆในทุกมุมมอง

นะ..วันนี้เราช่วยกันปลูกดอกไม้สีขาวกลิ่นหอมบนภูผาสีเทา ให้ดอกไม้สีขาวบนภูผาสีเทาส่งกลิ่นหอมกำจายไปถึงดวงใจทุกดวง




Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2554 12:18:12 น.
Counter : 770 Pageviews.

0 comments
15/04/67 สมาชิกหมายเลข 4675166
(15 เม.ย. 2567 09:46:52 น.)
ep 4 ขับรถบนถนนเริ่มจะประมาท โอพีย์
(10 เม.ย. 2567 05:03:14 น.)
ถนนสายนี้มีตะพาบ ประจำหลักกิโลเมตรที่ 349 : วันใดที่เธอรู้สึกเหมือนไม่มีใคร โปรดมองมาทางนี้ ฯ The Kop Civil
(10 เม.ย. 2567 16:44:58 น.)
"วันใดที่เธอรู้สึกเหมือนไม่มีใคร โปรดมองมาทางนี้ เธอจะเห็นใครคนหนึ่งที่รอเธอ" คนผ่านทางมาเจอ
(10 เม.ย. 2567 23:49:39 น.)

Peakroong.BlogGang.com

Peakroong
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]

บทความทั้งหมด