ถนนสายนี้กลับบ้าน


 

"ในโอกาสหนึ่งที่ได้กลับไปรวมญาติอีกครั้งใต้แสงจันทร์ที่บ้านสวน
บรรยากาศเก่าเก่าในวัยเยาว์ถูกจำลองไว้ตรงนั้น..คิดถึงพ่อจับใจ..
พ่อเป็นต้นฉบับและถ่ายทอดสายเลือดอนุรักษ์ธรรมชาติ
ให้แก่ลูกเล็กเล็กของพ่อ ตราบจนเติบใหญ่..
ฉันไม่เคยลืมภาพที่ระเบียงบ้านยามดึกในคืนแสงจันทร์ส่องสว่าง
ลานกว้างกว้างจะเป็นที่ชุมนุมของลูกเล็กๆทั้งหกของพ่อ
ผลัดกันเล่านิทานที่ฟังมาบ้าง เล่าเรื่องจากโรงเรียนบ้าง ขัดแย้งกันบ้าง แซววาทีกัน..
และทะเลาะกันเสียงดังลั่นๆจนพ่อต้องขู่ว่า ถ้าเสียงดังจะให้เข้าบ้านนอน
จริงจริงนะ..ฉันนึกไม่ออกเลยว่าพ่อเคยดุพวกเราไหม  เวลาดุพ่อจะทำหน้าอย่างไร..
ภาพติดตาคือภาพพ่อล้อเลียนเขี้ยวเล็กๆที่มุมปากฉันเวลาหัวเราะเสียงดังดัง
ซึ่งก้อจะหยุดอาการเซ่อซ่าร่าเริงของฉันได้ทุกครั้ง
เมื่อพวกเราต่างเติบโตแยกย้ายกันไปเรียนไกลไกล
ฉันก้อเพิ่งรู้เพิ่งเข้าใจความรู้สึกของพ่อในวันนี้.. วันที่ฉันไม่มีใคร
รุ้ว่าพ่อแสนจะห่วงลูกกำพร้าเล็กเล็กของพ่อ แต่พ่อไม่เคยแสดงออก ไม่ปริปาก.. 
ในท่ามกลางแสงจันทร์ทอสว่างราวกับกลางวัน
พ่อนั่งเงียบเงียบบนเก้าอี้โยกหนุนแขนตัวเองต่างหมอน..
ตอนนั้นฉันไม่รู้ว่าพ่อคิดอะไร..จนวันเวลาล่วงผ่าน..
นิสัยสอดรู้สอดเห็นพาฉันไปเจอบันทึกเก่าเก่าของพ่อ
บันทึกเก่าเก่านั้น..เก่าจนกระดาษจับสีเหลืองและไม่อัพเดท
แต่ฉันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกทั้งมวลของพ่อ
ฉันไม่ลืมหน้ากลางที่มีริบบิ้นสีจางจางคั่นอยู่
ตัวอักษรเล็กเล็กหัวหางชัดเจนของพ่อกระจ่างอยู่ในใจ
และนั่นคือบันทึกของพ่อหลังจากแม่ "ไปสวรรค์" หลายปี..
คนเก่าเก่าเล่าให้ฟังว่า พ่อกับแม่รักกันนักหนา ร่วมชีวิตกันเพียง13 ปี
 แล้วสัจจธรรมชีวิตก้อพรากแม่จากไป ..วางหกชีวิตเล็กเล็กไว้กับพ่อเพียงคนเดียว
คนเดียวจริงจริง พวกเรารู้ว่าพ่อเป็นพ่อหม้ายเนื้อหอม รูปหล่อ
มีสาวแก่แม่ม่าย แวะเวียนมาให้พวกเราวิพากษ์วิจารณ์กันมันส์
เอ๊อ.อ..ไม่ใช่..แวะเวียนกันมาทำความรู้จักกับพวกเรา !!
แต่รอไปเถอะ ข้ออ้างของพ่อ. "..รอให้ลูกโตก่อน.."
เหอออ..ก้อลูกของพ่อไม่เคยโตเลยใน"อาณาจักร" ของเรา
คุณน้าเคยเปรยเปรยเย้าพวกเราว่าลูกหกคนนี้ พ่อรักใครที่สุดนะ?
ฉันได้ตอบไปแล้วด้วยใจทั้งหมด. " พ่อจะรักใครก้อช่าง ฉันรักพ่อที่สุด"
ในวัยเด็กฉันค่อนข้างจะขี้แย แต่ไม่เคยร้องไห้เพราะพ่อเลย
นอกจากวันสุดท้ายที่ใกล้ชิดพ่อที่สุด .. วันเก็บอัฐิ..
"ใครได้ฟันกรามของพ่อเก็บไว้แสดงว่าเป็นลูกที่พ่อรักมากที่สุด"
เสียงตัวแสบข้างๆอธิษฐาน น้ำตาฉันร่วงเผาะ จนรู้สึกว่ามันดังก้องไปทั้งใจ
ถึงแม้จะรู้แล้วจากเสียงพี่ใหญ่เอ็ด " เห็นแล้วซี..ถึงอฐิษฐาน "
หากเป็นวัยเด็กคงได้ต่อปากต่อคำกันอีกนาน
แต่ที่ทำคือเช็ดน้ำตาแล้วเถียงในใจ.."..ในชีวิต..ฉันภูมิใจแล้วที่ได้มี
โอกาสบอกว่า"รักพ่อ" ในยามที่ท่านยังมีชีวิตอยู่.."


นวนิยายเรื่องยาวเหยียดของฉันด้วยความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวล
มันยังคงค้างคาไว้อย่างนั้น ไม่มีตอนจบ นวนิยายที่ยังไม่ถึงตอนจบ
ก็ตัวละครทุกตัวยังคงโลดเต้นอยู่บนถนนชีวิต ต่างไปเพียง แป้งนมและ "พ่อ"
พ่อ บรมครู ของลูกลูก บรมครูสร้างหลักสูตรด้วยชีวิตและจิตวิญญานครูอย่างแท้จริง
"วันครู" ผ่านมาบรรจบอีกเป็นรอบที่ 28 ของชีวิตการเป็นครู
ฉันกำลังระลึกถึงเส้นทางสายครูอีกครั้ง..ครู ประสบการณ์ตรงสำเร็จรูป
ที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจสรุปได้ว่าเป็นวิถีทางที่ดี - เลว - ถูก -ผิด ที่สุดในสายทางที่มองต่างมุม
เทศกาลโยกย้ายมาอีกระลอก เจ้ากรมข่าวลือกระฉอกข่าวฉันได้ย้ายมาเขย่าเก้าอี้
ปกติก็ไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้วมันจะพลิกคว่ำเอาง่ายๆน่ะเก้าอี้ฉัน
ไม่รู้อะไรกันหนักหนา นโยบายครูคืนถิ่นซ่อนเร้นอยู่หลืบไหนแล้ว

ในทุกปีใหม่ของเราพี่น้องจะสนุกสนานกันมาก
พี่ใหญ่พี่รองและน้องเล็กจะพากันไปหอบฟางจากทุ่งนาข้างบ้าน
พ่อเตรียมปิ๊บและพื้นที่สำหรับโชว์ฝีมือ ปีใหม่ปีนี้ไม่มีพ่อแต่ยังมีไก่อบฟางให้กิน
แต่ปีหน้าปีไหนจะยังมีฟางอบไก่อีกหรือเปล่า
ฉันจะได้กินไก่อบฟางอีกใช่ไหม ฉันกลัวไฟไหม้ฟาง จริงจริงนะ
หลังจากการประเมินโรงเรียนดีใกล้บ้านผ่านพ้นไป
ได้เวลาล้างสมองกลตัวใหม่ที่แสนจะบอบบาง นั่นไม่ได้ นี่ไม่รับ
ฉันไม่เอาไว้แล้ว ส่งเมล์บอกคนสุดทาง กว่าจะได้พบก็เกือบถอดใจ
"งานเยอะ" เธอบอก ฉันรู้.. งานของเธอมากจนลืมฉันได้ทั้งชีวิต
แต่หากย้อนเวลากลับได้ฉันก็จะไม่เปลี่ยนเส้นทางของเธอ


ฉันนึกถึงคนที่ทิ้งเวลาส่วนหนึ่งไปกับงาน จนลืมแม้กระทั่งตัวเอง
คนบางคนมุ่งเดินไปข้างหน้่าบุกเบิกอนาคต..กว่าจะคิดได้
หันกลับมามองเบื้องหลังอีกทีก็เหลือแต่ความว่างเปล่า
"จดทะเบียนกับใครหรือยัง"ฉันถามดุ่ยๆ เธอทำเสียงดุ "จะให้จดกับใคร"
ก็คนมากมายรอบข้างเธอนั่นเล่า ฉันเห็นหลายคนเป็นหน้าเดิม หลายคนไม่ซ้ำหน้า
ฉันรู้ว่าในสังคมปัจจุบัน ผู้ชายมีทางเลือกมากมาย ความเสื่อมโทรมของสังคมครอบครัว
ขับเคลื่อนให้เด็กสาวรุ่นใหม่บางกลุ่ม พลีตัวเป็นเครื่องเล่นแลกเงิน แลกความสะดวกสบาย
แต่ฉันรู้เธอไม่มีวันใช้ทางเลือกนี้.. เด็กดี ถนนของเธอไม่ใช่เส้นทางนี้
เธอ..คนของสังคมเล็กๆในเมืองใหญ่ที่ขยายกว้างขึ้นจนไม่ว่าเรื่องราวใดก็กลายเป็นของธรรมดา
รู้แก่ใจดี..เธอมีโลกของเธอ เธอมีข้อจำกัดของเธอ ฉันมีข้อจำกัดของฉัน..

"ภาษีคนโสดแพง เราจดทะเบียนกันไหม" ฉันโยนหินถามทาง เมื่อเธอบอกภาษีของฉันสูงผิดปกติ
เธอหน้าแดงไปถึงใบหู ฉันพูดผิดเหรอ ไม่ได้ขอแต่งงานสักหน่อย..แปลกแห่ะ..
แทงใจดำล่ะซิ นะ.. โอกาสของเธอมีมากมาย ก็อายุเริ่มต้นที่ห้าสิบงัย..เราต่างคนต่างเริ่มต้นใช่มั้ย
เธออ้อมแอ้ม "เดี๋ยวก็น้ำท่วมโลกแล้ว" โห..ไม่มีความมั่นคงในชีวิตเลยนะ..
ยังอยากแหย่ต่อ (นานๆมีคนซื่อหลวมตัวมาสักที)
"น้ำท่วมโลก ก็ได้เวลาเที่ยวรอบโลกเลยซี"
"จะได้มีเพิ่อนลอยเรือรอบโลกงัย..กาละมังคนละใบ"
เธอไม่รับมุข ก้มหน้างุดซ่อมโปรแกรมที่ฉันยำไว้เละ
"ถึงตอนนั้นมันก็เปลี่ยนไปหมดแล้ว" อ้าว..เธอจริงจังกว่าฉันเสียอีก
อยากให้มีความจริงใจสม่ำเสมอตลอดไป

วันที่เธอขอบคุณที่ฉันจุดประกายให้เธอบินขึ้นสูงฉันตอบว่าเธอดีด้วยตัวของเธอเอง
ความดีในข้อนี้เป็นคุณสมบัติข้อหนึ่งที่ผู้ชายไทยพึงมี
อ่านบทสัมภาษณ์คนดังคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในวงการธุรกิจ
ถึงพนักงานที่จงรักภักดีกับบริษัท ทำงานกันเต็มศักยภาพ และได้ทั้งพระเดชพระคุณ
เจ้าของบริษัทเลือกเฟ้นพนักงานด้วยตัวเองคัดสรรจากจิตสาธารณพิ้นฐาน
ความกตัญญูรู้คุณ เป็นเครื่องบ่งบอกว่าคนกลุ่มนี้จะไม่ทำเรื่องเลวร้าย
คนรักครอบครัวเป็นคนจิตใจสวยงาม เธอจิตใจสวยงาม


เธอนั่งฟังฉันเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้เหมือนวันเก่า
นานๆเมื่อรู้ว่าฉันอำหรือเวอร์ไปก็จะแย้งสักครั้ง
ขอบใจที่ยังมีความห่วงใยกัน ได้รู้ได้เห็นว่าเธอสบายดีก็พอใจแล้ว
ระหว่างเรายังมีความรู้สึกดีให้แก่กันเสมอ " มีความสุขกับการทำงานก็ดีแล้ว"
น้อยใจอยู่นิดเดียว เธอไม่ขอโทษฉันสักคำที่ปล่อยให้หลงทางอยู่นานเหลือเกิน
นานจนไม่ทันรถไฟขบวนสุดท้ายที่เคลื่อนจากไป
ทิ้งรางคู่ขนานที่ไม่มีวันมาบรรจบกันไว้เบื้องหลัง
แต่ไม่เป็นไรนะ ที่ขอบฟ้าดวงตาวันดวงเดิมยังมีอยู่ให้เห็น..
ทุกชีวิตยังดำเนินต่อไป..ฉันก็ยังคงเป็นฉันคนเดิม..
ดอกนางแย้มส่งกลิ่นอ่อนมาไกลจัง
เหมือนซ่อนรอยเศร้าไว้กับกลีบละเอียดที่ซ้อนแน่น
ฤดูการย้ายมาถึงอีกครั้ง กลิ่นหอมของถนนเปียกฝนหลงฤดูโชยรวยริน
กลับเข้าบ้านแต่ละครั้งเหมือนใครผูกรั้งฉันไว้ด้วยเวทย์มนต์ของจินตนาการ

พื้นที่สวยงามที่ฉันเตรียมทำวิมานใสไว้มองพระอาทิตย์ดวงโตขึ้นยามเช้า
ฉันเล็งไว้ทุกวันตรงเสาสวยเหมือนหอไอเฟลนั่นท้องฟ้าสีชมพูเป็นฉากให้พระอาทิตย์ชักรถ
ฉันจะเนรมิตซุ้มไม้เลื้อยหลากสีสรรกลิ่นหอมขจรขจายยามค่ำ ..ราชาวดี
มีมุมส่วนตัวใต้ระเบียงโปร่งได้ชมพระอาทิตย์ตกหลังแนวเขาสีน้ำเงินกับฝูงนกสีขาวต้นฤดูหนาว
ฉันวางมุมขีดเขียนไว้ที่โน่นที่นี่ ที่ริมสระน้ำเล็กๆมีบัวบานสพรั่งดอก ที่ซุ้มกระดังงา
ทางเดินเล็กเชื่อมบ้านของพ่อ ฉันจะวางไม้สวยทุกต้นด้วยตัวเอง
ถึงเวลานับถอยหลังแล้ว ถึงเวลาฉันคืนถิ่น การเดินทางเริ่มต้น
ฉันจะให้การเดินทางเป็นลมหายใจและสายตา
เธอคนดีของฉันคนนั้น คนที่ยังเห็นเป็นเงาของกันและกัน
เธอยินดีจะไปเที่ยวรอบโลกกับฉันไหม ?
นะ..ฉันจะเตรียมกาละมังยางไว้ให้เธอ..



Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 28 สิงหาคม 2554 10:33:57 น.
Counter : 862 Pageviews.

0 comments
:: ชีวิตคือการพบเจอและการเลือก :: กะว่าก๋า
(19 ก.ค. 2567 05:09:21 น.)
Là ci darem la mano from Don Giovanni by Wolfgang Amadeus Mozart ปรศุราม
(17 ก.ค. 2567 11:43:41 น.)
เวลาที่หายไป - บทที่ 41 ดอยสะเก็ด
(16 ก.ค. 2567 17:54:30 น.)
เรื่อง รัก ลึก อุ่น (Omega Verse) - บทที่ 48 วัลยา
(15 ก.ค. 2567 11:56:47 น.)

Peakroong.BlogGang.com

Peakroong
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]

บทความทั้งหมด