มันไม่ใช่งานของข้า





มันไม่ใช่งานของข้า




This is a story about four people named Everybody, Somebody, Anybody and Nobody.

นี่เป็นเรื่องของคน 4 คน…..ที่มีชื่อว่า “ทุกๆคน” “บางคน”
“ใครก็ได้” และ”ไม่มีใครเลย”



There was an important job to be done and Everybody was sure that Somebody would do it, Anybody could have done it,
but Nobody did it.

มีงานสำคัญอยู่งานหนึ่งที่จะต้องทำให้สำเร็จ
และ”ทุกๆคน” ก็เชื่อมั่นว่า ”บางคน” น่าจะทำงานนั้น.....
“ใครก็ได้” ควรจะทำงานนั้น….แต่”ไม่มีใครเลย”ทำงานนั้น



Somebody got angry about that because it was Everybody’s job. Everybody thought Anybody could do it, but Nobody realised that Everybody wouldn’t do it.

“บางคน” รู้สึกโกรธที่เกิดเรื่องเช่นนี้ เพราะว่านี่เป็นงานของ”ทุกๆคน” “ทุกๆคน” คิดว่า ”ใครก็ได้” ควรจะทำงานนี้สักคนหนึ่ง
แต่ ”ไม่มีใครเลย” คิดว่า ”ทุกๆคน” จะไม่ยอมทำงานนี้



It ended up that Everybody blamed Somebody when Nobody did what Anybody could have.

ท้ายที่สุด ”ทุกๆคน” ต่างก็ตำหนิ ”บางคน” ที่ ”ไม่มีใครเลย”
ช่วยทำงานนี้ ทั้งๆที่ ”ใครก็ได้” สักคนหนึ่งควรจะได้ทำงานนี้




โดย yyswim


Create Date : 10 กันยายน 2548
Last Update : 10 กันยายน 2548 22:40:39 น. 14 comments
Counter : 757 Pageviews.

 

จากประสบการณ์ของเพื่อนๆ

ใครเคยเจอเหตุการณ์คล้ายๆแบบนี้บ้าง?

คนๆนั้นเป็นใคร…..เป็นลูกน้อง หรือเพื่อนในแผนก หรือเพื่อนในต่างแผนก หรือหัวหน้า หรือพี่ๆน้องๆในครอบครัว หรือคนทำงานในหน่วยราชการ

ลองแชร์และเล่าประสบการณ์ให้ฟังกันบ้าง…



โดย: yyswim วันที่: 10 กันยายน 2548 เวลา:22:42:53 น.  

 
ลองใช้เงินจ้าง ให้ค่าตอบแทนสูง.......


โดย: suparatta วันที่: 10 กันยายน 2548 เวลา:23:34:18 น.  

 
ตอน ม.4
มีการแข่งต่อ จิ๊กซอว์
ผมและเพื่อนอีก3คน ต่อได้เร็วที่สุด เวลาไม่ถึงนาทีเลย
เสร็จแล้ว
ทั้งอาจารย์ และนักเรียนคนอื่นยัง งง งง ว่ามันเสร็จได้ไง
ผมและเพื่อนสามคน
คิดว่า การทำงานเป็นทีมเวิร์กน่าจะเกิดความสำเร็จมากที่สุดครับ
ไม่มีใครเหนื่อย หรือทำงานมากกว่าใคร
ทุกคนทำเพื่อผลของงาน
และชื่นชมผลสำเร็จพร้อมกับเพื่อน
ถ้าทำงาน แมมิตรถภาพต่อเพื่อนร่วมงานด้วยกัน
หนัก เบา น้อย มาก
ไม่สำคัญเท่ามิตรภาพเลย
นั่นแหละความสุขที่สุดครับ


โดย: เ ม ฆ ค รึ่ ง ฟ้ า วันที่: 11 กันยายน 2548 เวลา:0:29:05 น.  

 
อ่านแล้วงง ๆ อยู่นิดหน่อย
แต่คิดว่าเรื่องทั้งหมดน่าจะเกิดจากตรงที่
Nobody realised that Everybody wouldn’t do it
มั้งคะ....


โดย: Hello_Hello วันที่: 11 กันยายน 2548 เวลา:1:49:21 น.  

 
หวัดดีครับ..

ผมว่านะ...บางงาน..ถ้าช่วยๆกันทำได้ก็ทำเถอะครับ..คนทำงาน..จรงิ..ทำได้ทุกหน้าที่แหละครับ..

แต่บางงาน..ก็ต้องดูตาม้าตาเรือหน่อยล่ะครับ..

ป.ลงไว้จัดการไฟล์รูปงานเสวนากับการลงพื้นที่ป้อมฯ เสร็จแล้วคงได้เอามาเล่าและเอาภาพบรรยากาศมาให้ดูนะครับ..


โดย: กุมภีน วันที่: 11 กันยายน 2548 เวลา:9:41:44 น.  

 
มันเป็นเรื่องของความรับผิดชอบ และการเสียสละควบคู่กันไป ต่างจิตต่างใจ


โดย: zpondz วันที่: 11 กันยายน 2548 เวลา:16:21:04 น.  

 
เขาเรียกพื้นที่สีเทา ไม่รู้ว่าใครรับผิดชอบ


โดย: ultraman seven วันที่: 11 กันยายน 2548 เวลา:20:20:59 น.  

 

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่10กันยายน ราว8โมงเช้า

ตอนนั้นคุณหมออนุญาตให้คุณแม่ของสิน ย้ายออกจากห้องCCU ไปอยู่ที่ห้องพิเศษเดี่ยวได้แล้ว (ครอบครัวของสินได้จ้างผู้ช่วยพยาบาลมาช่วยเฝ้าคุณแม่ร่วมกับน้องสาวในเวลากลางคืน เริ่มเวลา18-06น. ไม่ได้จ้างมาเฝ้าในเวลากลางวัน เพราะเห็นว่ามีพยาบาลประจำวอร์ดอยู่แล้ว และจะมีญาติมาเยี่ยมทุกวัน)

คุณหมอให้คุณแม่ทานโจ๊ก มาได้3วัน ท่อสายต่างๆก็ทยอยนำออกหลายเส้น จะเหลือก็เพียงสายให้ยาขยายหลอดลม เส้นนี้อยู่ที่ข้อมือ สายออกซิเยนอยู่ที่จมูก และสายท่อปัสสาวะเพราะแม่อ่อนเพลียเกินไปที่จะลุกขึ้นปัสสาวะเองและหมอก็ต้องการจะวัดจำนวนปัสสาวะต่อวันด้วย

ทีนี้พอทานโจ๊กได้ แต่คุณแม่ยังไม่ยอมขับถ่าย คุณหมอก็เลยให้ยาระบาย

เช้าวันเสาร์พอคุณแม่ทานโจ๊กอิ่ม ต่อด้วยลองกองอีกราว6ลูก คุณแม่ก็บอกน้องสาวกับสินซึ่งตอนนั้นอยู่กันเพียงสองคนว่า อยากจะขับถ่าย เราทั้งสองคนก็ทำไม่เป็น

น้องสาวจึงเดินออกไปบอกพยาบาลที่วอร์ดห้องพิเศษ ซึ่งมีพยาบาลนั่งอยู่สองคน
พยาบาลบอกว่าญาติผู้ป่วยต้องทำเอง
น้องสาวขอร้องพยาบาลว่า “ช่วยเหลือให้หน่อยได้ไหมคะ เพราะญาติทำไม่เป็นจริงๆ”
พยาบาลแกดุ แกบอกว่าปกติญาติจะต้องทำเอง แล้วแกก็ทำหน้าบึ้งไม่พูดอะไรอีก สักพักก็หันไปหมุนโทรศัพท์อย่างเสียไม่ได้ แล้วพูดอะไรออกไปในโทรศัพท์ แต่ไม่ได้หันมาพูดกับน้องสาวของสิน
น้องสาวของสินก็เลยเดินกลับมาที่ห้อง แล้วก็มาช่วยกันกับสินพยายามจะอุ้มคุณแม่ให้ลุกขึ้นจากเตียง เพื่อจะช่วยกันพยุงให้เดินไปขับถ่ายที่ห้องน้ำ ทั้งๆที่ที่ตัวคุณแม่ก็มีสายอยู่3เส้น

คุณแม่ยังไม่ทันได้เดินออกไปจากเตียง ผู้ช่วยพยาบาลคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าบึ้ง ไม่ยิ้มเลย เธอห้ามเสียงดังว่าตอนที่มีสายหลายเส้นอย่างนี้ ห้ามเดิน จะต้องนอนถ่ายบนเตียง สินก็เลยเดินออกมาจากห้อง มายืนรออยู่ข้างนอก ปล่อยให้น้องสาวช่วยเหลืออยู่กับผู้ช่วยพยาบาลผู้นั้น

นี่เป็นเหตุการณ์หนึ่งครับ



โดย: สิน (yyswim ) วันที่: 11 กันยายน 2548 เวลา:23:51:48 น.  

 

อีกเหตุการณ์หนึ่ง

วันนั้นเป็นตอนเย็น ฝนเพิ่งจะเริ่มตกพรำๆ สินขับรถบนถนนวิภาวดีฝั่งขาออก รถขับชะลอตัวอยู่ เคลื่อนบ้างหยุดบ้าง ไม่ทราบว่าเป็นเพราะว่าข้างหน้า รถติดอะไร

สินมองไปที่ถนนวิภาวดีฝั่งขาเข้า บริเวณบนฟุตบาท ผู้คนต่างรีบวิ่งหนีฝนกันจ้าละหวั่นเพื่อที่จะหาที่หลบฝน เรียกว่าตัวใครตัวมันกันล่ะ…

ทันใดนั้นคุณป้าคนหนึ่ง ซึ่งอายุคงจะราวๆสัก50ปี รูปร่างอ้วน แกก็หกล้ม แกเอาหัวเข่าทั้งสองข้างครูดลงกับพื้น มือทั้งสองก็ครูดไปด้านหน้าลงกับพื้นเช่นกัน กระเป๋าถือของแกหลุดจากมือ อาจจะเป็นเพราะแกอ้วนน้ำหนักมาก หรืออาจจะเป็นเพราะว่าแกหกล้มแล้วหัวเข่าแกบาดเจ็บจนลุกขึ้นเองไม่ได้ แกก็เลยอยู่ในท่าคลานแบบนั้นอยู่นานทีเดียว ไม่ยอมลุกขึ้นสักที

ทรงผม ใบหน้า และเสื้อผ้าของแกทุกอย่างตอนนั้นเปียกฝนหมด แต่คนแล้วคนเล่าของผู้คนก็วิ่งผ่านแกไป ไม่มีใครสนใจใยดีแกเลย มีบ้างบางคนที่ก้มลงมองแกนิดหน่อย แล้วก็รีบวิ่งไปหาที่หลบฝน ไม่มีใครสักคนเลยที่มีน้ำใจจะช่วยเหลือ

สินเองอยากที่จะไปช่วย แต่เพราะขับอยู่ฝั่งตรงกันข้าม และรถที่ขับก็ต้องค่อยๆเคลื่อนตามรถคันหน้า ที่ขับเคลื่อนๆหยุดๆ ก็เลยไปช่วยแกไม่ได้
และสุดท้ายสินก็ไม่ทราบว่ามีใครช่วยแกบ้าง



โดย: สิน (yyswim ) วันที่: 11 กันยายน 2548 เวลา:23:52:56 น.  

 


และนี่ก็อีกเหตุการณ์หนึ่งครับ

เป็นบ่ายวันอาทิตย์ ที่สินกับโต้งนัดกันไปดูคอนเสิร์ตแกรมมี่ที่อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี โดยต่างคนต่างไป ไปเจอกันที่นั่น

บ่ายของวันนั้นทุกถนนที่มุ่งไปสู่เมืองทองธานี รถติดมากติดทุกถนนเพราะมีงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจัดขึ้นพอดี

ตามกำหนดการในบัตร คอนเสิร์ตจะเริ่มเล่นเวลาบ่าย2โมง สินพยายามหาทางลัดก็แล้ว เบี่ยงขับลงบริเวณขอบถนน(ขับตามคันหน้า)ก็แล้ว พยายามหาทางทุกวิถีทางเพื่อจะไปให้ทันคอนเสิร์ต

ตอนนั้นโต้งไปถึงอิมแพคแล้วและมีการสื่อสารทางมือถือกันเป็นระยะว่าขอให้รีบไป โชคดีที่สินไปถึงอิมแพคตอนบ่าย2โมงพอดี พอดับเครื่องเสร็จก็รีบวิ่งซิ วิ่งไปท่ามกลางแดดร้อนตอนบ่ายสองเพราะที่จอดรถอยู่ซะไกล

ไปถึงอิมแพคด้วยเหงื่อโชกเต็มหลัง แล้วก็ยังหาโต้งไม่เจออีกเพราะคนมาก ปรากฏว่าวันนั้นคอนเสิร์ตเลื่อนเวลาแสดง คงจะเพราะรอผู้ชมและแขกวีไอพีมั้ง คอนเสิร์ตเริ่มแสดงจริงก็ราวบ่าย3 โมง15 นาที การแสดงวันนั้นถือว่าดี น่าพอใจทีเดียว

เลิกงานออกมาซิ เจอปัญหาเลย เพราะสินเปิดไฟหน้ารถเอาไว้ตอนขับรถลงไปบนขอบถนน พอขับไปถึงอิมแพค เพราะความรีบและเพราะแดดร้อนทำให้ไม่รู้ว่าเปิดไฟหน้าเอาไว้ ก็เลยไม่ได้ปิดไฟหน้ารถ
…..ซวยเลย ไฟแบตหมด สตาร์ทรถไม่ติด

เจอหนุ่มผ่านมาคนหนึ่งก็ขอแรงเขา ให้ช่วยเข็นรถ เขาก็ช่วยเข็นรถให้ แล้วเขายังช่วยไปบอกเพื่อนเขาอีกสามคนมาช่วยกันเข็นรถให้อีก ปรากฏว่ารถไม่ยอมกระตุก เพื่อนเขาจึงไปนำสายไฟท้ายรถของเขามาเชื่อมแบตของเขามาเข้าแบตของสิน แต่รถก็ยังไม่ติด สินกับโต้งเกรงใจเขามาก บอกขอบคุณเขาและบอกไม่เป็นไร เดี๋ยวจะหาทางออกเอง

สินโทร.ไปที่ จส.100 สายติดแต่ไม่มีคนรับ โต้งโทร.ไปที่ สวพ.91 สายติดมีคนรับสาย โต้งได้พูดออกวิทยุสวพ.91 เพื่อขอความช่วยเหลือ

รถหลายคันวิ่งผ่านรถของสินไป จนตอนนี้บริเวณที่ที่จอดรถเอาไว้โล่งทีเดียว ทั้งๆที่สินก็เปิดกระโปรงหน้ารถ เปิดกระโปรงหลังรถ และเปิดประตูทั้ง4บานเอาไว้ เผื่อว่าใครๆ….อาจจะเป็นรถแถวๆนั้นและรถที่ได้ยินสวพ.91กระจายเสียงออกไป อาจจะได้เข้ามาช่วย

มีรถเก๋งไม่ใหม่นักคันหนึ่ง ขับช้าๆเข้ามาถาม สินก็บอกว่า เปิดไฟหน้ารถทิ้งเอาไว้ราว5ชั่วโมง ทำให้สตาร์ทรถไม่ติด เขาบอกว่าเขาจะช่วย เขานำสายไฟเส้นใหญ่ทีเดียวจากท้ายรถของเขามาเชื่อมไฟจากแบตของเขา เข้ามาที่แบตของสิน พอสินสตาร์ทรถ รถติดเลย
“โอ ….คุณครับ ขอบคุณมากครับ”

สินถามชื่อเขา เขาบอกว่า เขาชื่อทศพล เขาเข้ามาเพราะบังเอิญขับผ่านมา เขาไม่ได้ทราบเรื่องจากสวพ.91 หรอก สินอ่านเลขกท.รถของเขา แล้วจำไว้

เขาถามสินว่า บ้านอยู่ไกลไหม เขาเตือนว่าอย่าเพิ่งรีบดับเครื่องเมื่อกลับถึงบ้าน ควรรออีกสักครึ่งชั่วโมงเพื่อให้ไฟเข้าในหม้อแบตมากๆ จะได้สตาร์ทรถติดง่ายในเช้าวันรุ่งขึ้น

โต้งรายงานการได้รับความช่วยเหลือไปให้ สวพ.91ทราบอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้โต้งได้เอ่ยชื่อคุณทศพลผู้ใจดี และกท.รถของเขาออกไปด้วยครับ




โดย: สิน (yyswim ) วันที่: 11 กันยายน 2548 เวลา:23:53:58 น.  

 
คนที่ทำงานก็จะทำไม่หยุดหย่อน
คนที่เกี่ยงงานก็จะเกี่ยงตะพึดตะพือ
มันเป็นกมลนิสัยอันถาวรครับ...
เคยเีรียกมาเตือนจะดีขึ้นระยะหนึ่งแล้วกลับมาเกี่ยงงานเหมือนเดิมอะไรๆก็ไม่ใช่งานของกู ไม่ใช่หน้าที่ของกู
ปวดกบาล ปวดกะโหลก กะไอ้คนพวกนี้มากๆ
พี่ท่านช่วยบอกวิธีหน่อยเถอะ
อย่าบอกนะว่าให้ทำใจ


โดย: U2 IP: 61.90.184.202 วันที่: 12 กันยายน 2548 เวลา:15:55:16 น.  

 
เป็นเรื่องที่เขียนได้ประทับใจจริงจริงค่ะ

เรื่องราวในชีวิตมักจะถูกกำหนดด้วยคำว่า
"ใครสักคน" หรือ "ใครก็ได้" น่าจะทำ
ก็เลยทำให้ "ทุกคน" นิ่งเฉย

แต่เนื่องจาก ไม่มี "ใครคนนั้น" บทสรุปจึงไม่มีอะไรเลย

คุณสิน เขียนได้เยี่ยมมากค่ะ


โดย: MDA วันที่: 12 กันยายน 2548 เวลา:16:12:41 น.  

 
ถ้าไม่แปลให้ ผมแย่แน่ๆ ฮ่ะๆๆ


โดย: ศรเมฆา ฟ้าแว๊บๆ วันที่: 12 กันยายน 2548 เวลา:17:51:24 น.  

 

ผมขอคารวะทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมบ้านและช่วยเม้นต์ไว้นะครับ

ทั้ง สุภา….คุณเมฆครึ่งฟ้า…..คุณHello……กุมภีณ……คุณzpondz……คุณUltraman…….โต้งU2……คุณMDA……..และ แม่ลูกต่าว



โดย: สิน (yyswim ) วันที่: 13 กันยายน 2548 เวลา:10:55:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

yyswim
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]





บล็อกสรรสาระนี้ จขบ.ไม่ได้เขียน-ไม่ได้ถ่ายภาพ-ไม่ได้อัพโหลดคลิปเอง หากแต่ทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการบล็อก เสาะหาเรื่องดีๆ รูปสวยๆ คลิปแปลกๆ มาไว้ในบล็อก


ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยม ขอเชิญชมหรืออ่านตามสบาย ไม่ต้องคอมเมนต์ก็ได้ จขบ.ชอบการเข้ามาเยี่ยม แบบกันเอง ง่ายๆ สบายๆ




เริ่มเขียนBlog เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2548


เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2550 เวลา 23.30 น.


เริ่มนับจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชม




Latest Blogs

New Comments
Group Blog
 
<<
กันยายน 2548
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
10 กันยายน 2548
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add yyswim's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.