วิธีขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น




วิธีขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น




การขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น เป็นเรื่องที่พบเห็นกันได้ทั่วไป ทั้งในการทำงาน ในครอบครัว และในสังคม เป็นเรื่องซึ่งเกิดขึ้นเมื่อผู้หนึ่งขาดปัจจัยบางอย่างจึงขอให้ผู้อื่นช่วย เช่น เข็นรถคนเดียวไม่ไหวจึงขอแรงผู้อื่นช่วย ไม่มีเวลาอยู่รับโทรศัพท์จึงขอให้ผู้อื่นช่วยรับ หรือขาดเงินลงทุนจึงขอยืมจากเพื่อนสนิท

อาจกล่าวได้ว่า
1. เป็นเรื่องขอให้ผู้อื่นช่วยเมื่อเราไม่อาจทำสิ่งใดได้ หรือทำได้ แต่ทำช้า แต่ไม่มีคุณภาพ และอาจเป็นอันตราย การขอความช่วยเหลือจึงเข้าข่ายการพึ่งจมูกผู้อื่นหายใจ

2. ปัจจัยที่ต้องการขอให้ช่วยเหลือ เช่น เงินทอง ของใช้ กำลังกาย
กำลังใจ ความคิดเห็น คำแนะนำ ข้อมูล ความรู้

3. หลังจากได้รับความช่วยเหลือแล้วจะเกิดพันธะต่อกัน เช่น
มีหนี้เงินทอง มีหนี้น้ำใจที่ต้องชำระ

4. สร้างความใกล้ชิด การขอความช่วยเหลือเป็นเรื่องที่ทำกันสองต่อสอง ผู้อื่นไม่ได้มีส่วนร่วมด้วย ฉะนั้นหลังจากได้ขอความช่วยเหลือแล้ว
คู่กรณีจะมีความรู้สึกใกล้ชิดต่อกัน ไม่ว่าจะมองในด้านความสนิทสนม
หรือในด้านการดูหมิ่นดูแคลน



หากพิจารณากันให้ละเอียด การขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นจึงมีโอกาสเป็นได้ทั้งผลดีและผลเสียต่อผู้ที่ไปขอความช่วยเหลือ

ผลดี คือ ทำให้กิจกรรมดำเนินต่อไปได้ โดยไม่ต้องรอไปค้นคว้า หรือไม่ต้องรอไปจัดหาปัจจัยนั้นๆ และอาจจะได้ผลงานที่ออกมาดีกว่าที่ต้องการด้วย ถ้าผู้ที่ให้ความช่วยเหลือมีอำนาจ มีความสามารถสูง และเต็มใจให้ความช่วยเหลือ ยิ่งกว่านั้น ยังป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นหากทำคนเดียว มีกำลังใจทำงานโดยไม่ต้องทำงานเพียงคนเดียว สร้างความผูกพันสามัคคี และเป็นการทดสอบเครดิตความน่าเชื่อใจของบุคคลได้

ว่ากันว่านักธุรกิจบางคน ก่อนจะตัดสินใจร่วมติดต่อทางการค้ากับใคร
มักจะทดสอบเครดิตของผู้อื่น โดยการขอความช่วยเหลือ
หรือให้ความช่วยเหลือแล้วดูผลลัพธ์ที่จะตามมา

ผลเสีย คือ ทำให้ผู้อื่นรู้จุดอ่อนของเราว่าขาดปัจจัยอะไร เสียศักดิ์ศรีที่ต้องไปพึ่งจมูกผู้อื่น ติดค้างหนี้น้ำใจต่อผู้อื่น และอาจได้ผลงานออกมาต่ำเมื่อเทียบกับไปจ้างมืออาชีพทำ


ลองนึกดูซิครับ เมื่อแปลภาษาอังกฤษบางหน้าไม่ได้ การที่จะไปขอให้ผู้อื่นช่วยแปล กับการที่เราเปิดดิกชันนารีค่อยๆแปลเอง และการไปจ้างมืออาชีพช่วยแปล อย่างไหนจะดีกว่า


ฉะนั้น ก่อนจะไปขอความช่วยเหลือจากใคร เราจึงควรจะได้หยั่งถึงข้อดีและข้อเสียที่เราจะได้เสียก่อน ถ้าดูจะไม่คุ้มค่าก็อย่าไปขอความช่วยเหลือ ค่อยๆหาทางทำกิจกรรมนั้นด้วยตนเอง จะโดยการค้นคว้า
ค่อยๆทะยอยทำ หรืออาจโดยการจ้างมืออาชีพทำ

แต่ถ้าตกลงใจว่าจะขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นแน่นอน ก่อนจะไปขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น เพื่อไม่ให้เราเสียหน้าเสียศักดิ์ศรีมากนัก และเพื่อจะได้ผลงานออกมาดีมากด้วย ผมมีข้อเสนอ ดังนี้








WHOM ใครคือผู้ที่เราควรจะไปขอความช่วยเหลือ

1. ควรจะเป็นผู้ใกล้ชิดสนิทสนม เพราะจะพูดกันเข้าใจง่าย มองเราในแง่ดี และมักจะรู้ “ไส้” กันบ้างแล้ว เขาอาจเป็นญาติ เป็นเพื่อนสนิท หรือเป็นเพื่อนร่วมงานสนิท

2. ควรจะเป็นผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่า อาวุโสกว่า เพราะคนที่มีอาวุโสกว่า มักจะเห็นอกเห็นใจความไม่พร้อมของผู้น้อย มากกว่าการมองผู้น้อย
ในแง่ดูหมิ่น

3. ควรจะเป็นผู้ที่มีปัจจัยที่เราต้องการเหนือกว่าเรา เช่น แข็งแรงกว่า
สูงกว่า รู้ดีกว่า ชำนาญกว่า ถนัดกว่า หรือมีฐานะดีกว่า

4. ควรจะเป็นผู้ที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี ใจกว้าง ยินดีจะให้ความช่วยเหลือ
ผู้อื่นเป็นประจำอยู่แล้ว

5. ควรจะเป็นผู้ที่ถนอมน้ำใจคน รู้จักควบคุมเรื่องต่างๆ ไว้เป็นความลับ ไม่ปากพล่อย ปากโป้ง



ผู้อื่นที่เราจะไปขอความช่วยเหลือ อาจจะเป็นเพศใดก็ได้ อยู่ไกลก็ได้ โดยเราควรจะเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติครบทั้ง 5 ข้อดังกล่าวเสียก่อน แต่ถ้าไม่มี ก็เลือกผู้ที่มีคุณสมบัติครบ 4ข้อ หรือครบ 3ข้อ หรือครบ 2 ข้อแทน



WHAT อะไรบ้างที่เราควรจะไปขอความช่วยเหลือ

1. ควรจะเป็นสิ่งสำคัญซึ่งเราไม่มี หากขาดสิ่งนี้จะทำให้เราเสียหาย หรืองานผิดพลาด เช่น ยกของหนักคนเดียวไม่ได้ ทำงานสำคัญแต่ไม่แน่ใจว่าจะทำถูกต้องหรือไม่จึงขอให้เพื่อนช่วยตรวจทาน หรือขอให้เพื่อนช่วยทำงานแทนเมื่อต้องไปโรงพยาบาล

2. ควรจะเป็นสิ่งเร่งด่วนซึ่งจะต้องทำภายในเวลา หากทำช้าไปจะเสียหาย เช่น ไม่อาจทำรายงานคนเดียวเสร็จทันเวลา จึงขอให้ลูกน้องอยู่ช่วยทำต่อจนมืด ขอยืมใช้โทรศัพท์ของผู้อื่นเพราะมีเรื่องฉุกเฉินที่ต้องโทร.

3. ควรจะเป็นสิ่งที่ไม่มากเกินไป ไม่สกปรกเกินไป และไม่เป็นอันตรายเกินไป เช่น ไม่ควรขอยืมเงินจากเพื่อน 1,000 บาท ทั้งๆ ที่รู้ว่าเพื่อนมีเงินอยู่เพียง 1,100 บาท ไม่ควรจะขอร้องให้เพื่อนช่วยทำรายงานแทนหากรายงานนั้นจะต้องอ่านเอกสารประกอบ 5 เล่ม ไม่ควรจะขอร้องให้เพื่อนบ้านออกมาช่วยขนของหากข้างนอกฝนกำลังตก

4. ควรจะเป็นสิ่งที่ไม่ใช้เวลามากเกินไป การขอความช่วยเหลือโดยให้ผู้อื่นใช้เวลาทำงานนานเกินไปก็ไม่สมควรเช่นเดียวกัน เพราะจะทำให้ผู้อื่นไม่สามารถทำกิจกรรมของเขาตามปกติได้ เช่น ขอให้เพื่อนช่วยถือของรออยู่หน้าห้าง ส่วนเราเองเข้าไปเดินเลือกซื้อของอีกหลายอย่าง หรือขอให้เพื่อนช่วยถือหูโทรศัพท์คอยเสียงเรียก ขณะที่เราเดินไปที่ตึกอื่น

5. ควรจะเป็นสิ่งที่ผู้อื่นชอบทำอยู่แล้ว เช่น ขอให้เพื่อนซึ่งเป็น
นักกีฬาแบดช่วยสอนแบดมินตันให้ ขอให้เพื่อนบ้านที่เลือกผลไม้เก่งช่วยเลือกผลไม้ให้ขณะที่ไปเลือกซื้อผลไม้ด้วยกัน




WHEN เมื่อใดที่เราควรจะไปขอความช่วยเหลือ

1. เมื่อผู้อื่นว่าง ไม่มีธุระเร่งด่วน

2. เมื่อผู้อื่นกำลังจะทำกิจกรรมซึ่งเราต้องการขอความช่วยเหลืออยู่พอดี เช่น ขอให้เพื่อนช่วยส่งจดหมายให้ในขณะที่เขากำลังจะไปไปรษณีย์ ขอให้เพื่อนช่วยเหลาดินสอให้เมื่อเขากำลังเหลาดินสออยู่ หรือขอให้คนในลิฟท์ช่วยกดปุ่มลิฟท์รอเราเข้าไปด้วย

3. เมื่อผู้อื่นมีอารมณ์ดี เบิกบานแจ่มใส เช่น ช่วงเวลาที่เขารับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย ช่วงเวลาที่เขากำลังฮัมเพลง ช่วงเวลาที่เขาเพิ่งได้รับรางวัลหรือคำชมเชย หรือช่วงเวลาที่เขาแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย



Where ที่ไหนที่เราควรจะไปขอความช่วยเหลือ

1. ควรจะเป็นสถานที่ที่พูดได้สะดวก เช่น ไม่อยู่บนรถเมล์ ไม่อยู่ในลิฟท์ ไม่อยู่กลางแดดกลางฝน หรือไม่อยู่ต่อหน้าลูกค้า ถ้าจำเป็นจะต้องพูดคุยกันนานอาจเลือกนั่งคุยกันแทนการยืนคุย บางอย่างที่ขอความช่วยเหลือซึ่งต้องการให้เป็นความลับก็อาจเลือกสถานที่ที่ลับตาคน เช่น เป็นห้องส่วนตัว หรือเป็นที่บ้านของผู้ที่เราจะไปขอความช่วยเหลือ

2. ควรจะเป็นสถานที่ที่มีบรรยากาศสบายใจ เช่น รับประทานอาหารหรือทานกาแฟไปด้วย นั่งดูกีฬาไปด้วย หรือนั่งพักผ่อนหลังเล่นกอล์ฟ




HOW วิธีที่เราจะขอความช่วยเหลือ

1. ควรจะขอความช่วยเหลือด้วยตัวเราเอง การขอความช่วยเหลือโดยวิธีไหว้วานผู้อื่นให้ช่วยพูดแทนเราไม่ใช่วิธีที่ดี เพราะเป็นการไม่สร้างความใกล้ชิด ไม่ให้เกียรติต่อเขา และยังอาจพูดไม่ได้ละเอียดชัดเจนเหมือนเราพูดเอง นอกจากนั้นควรขอความช่วยเหลือโดยใช้ปากพูดโดยตรง ไม่ควรจะใช้โทรศัพท์หรือเขียนบันทึกส่งไป ยกเว้นหากไม่มีเวลาจนหลีกเลี่ยงไม่ได้แต่ก็ควรจะพูดหรือเขียนขออภัยผู้นั้นเสียก่อน

2. ควรจะสร้างบรรยากาศที่ดี เช่น มีหน้าตาแจ่มใส ไม่เครียด ไม่บึ้ง
แต่งกายเหมาะสมสะอาด สนทนาตามปกติอย่างจริงใจ ไม่ใช่แบบ
ดุดันคาดคั้น หรือร่ำไห้อ้อนวอน

3. ควรจะให้เกียรติผู้นั้น ไม่ควรจะใช้อำนาจบังคับ หรือถึงขั้นจัดหาของฝากมาให้ก่อนที่จะขอความช่วยเหลือ หรือการอ้างสิ่งล่อใจว่าจะมอบให้ถ้าเขาช่วยเหลือได้สำเร็จ เพราะจะคล้ายกับเป็นการดูหมิ่นดูแคลนเขา ถ้าเป็นแบบนี้ เราควรจะไปจ้างมืออาชีพทำแทนขอความช่วยเหลือจะดีกว่า

4. ควรจะพูดขอความช่วยเหลือให้เป็น เช่น ไม่ควรพูดว่ามีที่หวังที่จะได้รับความช่วยเหลือหลายแห่ง ไม่ควรพูดแบบว่าให้เขาตอบ “Yes” หรือ “No” ได้ทันที แต่พยายามให้เขาตอบ “Yes” ไว้ก่อน ส่วนเขาจะให้ความช่วยเหลือมากน้อยแค่ไหนจะได้ตกลงกันต่อไป ควรพูดสิ่งที่ต้องการขอให้ช่วยเหลือ ให้ชัดเจนไม่กำกวม

หากจะต้องพูดถึงเหตุผลที่ต้องขอความช่วยเหลือ ควรกล่าวถึงความสำคัญที่ต้องทำกิจกรรมนั้น และหากกิจกรรมนั้นไม่ได้รับความช่วยเหลือ จะมีผลเสียอย่างไรบ้าง

ควรขอความเห็นใจแทนการขอความสงสาร เพราะเราควรจะมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกับผู้ที่เราไปขอความช่วยเหลือ หากไม่ได้รับความช่วยเหลือก็อย่าไปโกรธเขา เขาอาจจะไม่มีปัจจัยหรือไม่มีเวลาก็ได้ และเรายังมีผู้อื่นที่อาจจะให้ความช่วยเหลือต่อเราได้

ควรจะพิจารณาเปอร์เซนต์ที่เขาจะให้ความช่วยเหลือ โดยสังเกตจากพฤติกรรมของเขาทั้งในด้านอากัปกิริยา สายตา คำพูด และน้ำเสียง ถ้าเขายังสนใจฟังยังคอยซักถาม แสดงว่ามีเปอร์เซนต์สูง แต่ถ้าพิจารณาแล้วเห็นว่ามีเปอร์เซนต์น้อย ก็ไม่ควรจะไปต้องตื้อเขา เพราะจะเป็นการทำให้เขาอึดอัดใจ ไม่ชอบเรา เราเองจะเสียเวลา เสียศักดิ์ศรี ควรจะนำเวลานั้นไปขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นจะดีกว่า

5. จากกันด้วยดี ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเขาจะเป็นเพราะด้วยสาเหตุใดก็ตาม ควรแยกจากกันด้วยบรรยากาศที่มีไมตรีอันดี ไม่จำเป็นจะต้องโกรธเขา

6. ขอบคุณ เมื่อได้รับความช่วยเหลือ

7. ควรตอบแทนโดยให้ความช่วยเหลือเขาเมื่อเขาต้องการ ทั้งนี้ควรกระทำด้วยความเต็มใจและให้เกียรติ แต่ถ้าเขาไม่ต้องการความช่วยเหลือตอบแทน เราอาจเป็นฝ่ายเสนอความมีไมตรีให้เขา เช่น ไปเยี่ยมเยียน ส่งการ์ด มอบของฝากให้ในกาลเทศะอันสมควร
ตามกำลังและฐานะของเรา


ควรคิดก่อนพูด....ควรคิดก่อนทำ เป็นเรื่องที่เราคุ้นเคย
ทำนองเดียวกัน......เราควรจะคิดก่อนจะไปขอความช่วยเหลือ
จากผู้อื่นด้วย


..…….ทั้ง WHOM WHAT WHEN WHERE และHOW ………




โดย yyswim


Create Date : 15 สิงหาคม 2548
Last Update : 15 สิงหาคม 2548 10:19:02 น. 28 comments
Counter : 15979 Pageviews.

 
ผมสนับสนุนหลักการนี้ครับ

แต่ไม่ว่าอย่างไร ต้องไม่ลืมกันนะครับว่า

ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน



โดย: Marvellous Boy วันที่: 15 สิงหาคม 2548 เวลา:11:11:05 น.  

 
/\\
l l
l l
สนับสนุนการช่วยตัวเอง..ใช่ป่าวครับ..น้อง 1 ..

เห็นด้วยทุกประการนะครับคุณสิน...แต่จริงๆแล้วผมว่านอกจาก Whom, What, When, Where, How แล้ว..มันควรจะมี Why ด้วยนะครับ..เพราะก่อนจะขอความช่วยเหลอจากใคร..น่าจะถามตัวเองให้แน่ใจเสียก่อนว่า..ทำไมเราจะต้องไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่น..จำเป็นมากน้อยแค่ไหน..

หวัดดีวันจันทร์ครับ..good day นะครับ


โดย: กุมภีน วันที่: 15 สิงหาคม 2548 เวลา:11:41:15 น.  

 
ช้าไปต๋อย อีกแล้วครับ คราวนี้ SECOND
คำว่า "รู้ใส้รู้พุง" ใส้ น่าจะเป็น สระไอไม้ม้วนนะ ถ้าจำผิดต้องขออภัยนะครับ
วันแม่ yy ได้กอดแม่กี่ครั้ง หอมๆ ดมๆมือแม่หรือเปล่า ผมนะจำกลิ่่นมือแม่ผมได้แม่นยำที่สุดเลยล่ะ
เคยได้ยินคำบาลีนี้มั๊ยครับ " รักขามะ อัตโน สาธุง "
ก่อนอื่นก็คือต้องช่วยตัวเองก่อน ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน แม่นแล้วครับ
เรื่องการขอความช่วยเหลือต้องดูความพร้อมและความเต็มใจของผู้ที่จะให้ความช่วยเหลือด้วย
บางคนปวรณาตัวที่อยากจะช่วยด้วยความเต็มใจ
แต่ความเกรงใจก็ยังเป็นคุณสมบัติของคนดีอยู่นั่นเองนะครับ ขอบคุณ YY อีกครั้ง



โดย: U2 IP: 61.90.184.250 วันที่: 15 สิงหาคม 2548 เวลา:11:56:40 น.  

 
เราต้องช่วยตัวเองก่อน ถึงไปขอให้คนอื่นช่วย


โดย: To feel happy วันที่: 15 สิงหาคม 2548 เวลา:13:18:26 น.  

 
มาพยักหน้าหงึกๆ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 15 สิงหาคม 2548 เวลา:13:36:47 น.  

 
...คู่กรณีจะมีความรู้สึกใกล้ชิดต่อกัน ไม่ว่าจะมองในด้านความสนิทสนม หรือในด้านการดูหมิ่นดูแคลน..

ว่าแต่..หาคนช่วยยาก หาคนมาให้ช่วยไม่ยากอ่ะ...ขนาดคนเคยช่วย ไปขอให้เขาช่วยบ้างก็ยาก..


โดย: suparatta วันที่: 15 สิงหาคม 2548 เวลา:14:09:52 น.  

 
เรื่องวิธีการขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น นับว่าเป็นดาบ 2 คมเลยนะ หากเราขอไปให้เค้าช่วยนี่ ซักวันหนึ่งคนที่เค้าเคยช่วยเรา หากเค้าขอกลับมาให้เราช่วยซักอย่าง ทั้งๆที่เรื่องนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องเท่าที่ควรรับรองได้ว่าเกิดอาการ น้ำท่วมปากแน่ หรือไม่ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก อันนี้เจอมากะตัวเองหลายครั้งแล้ว

ปล. ข้อความต่อไปนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมนะครับไม่ได้มีเจตนาจะพาดพิงถึงคนกลุมใดกลุ่มหนึ่งหรือสถาบันใดๆ..

เท่าที่ผมลองสังเกตุจาก เด็กฝึกงาน/พนักงานในที่ทำงานของผม ที่จบจากสถาบันที่ค่อนข้างจะมีความยากลำบากในการเรียน, การสอบเข้า มักจะมีความความอดทนในการแก้ปัญหา หรือการขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นมากกว่า สถาบันที่ไม่ค่อยเข้มงวดเรื่องที่กล่าวมาข้างต้น พนง.เหล่านั้นจะค่อนข้างช่วยเหลือตัวเองก่อนทุกครั้ง จนกว่าเค้าจะหมดหนทางแล้วจึงค่อยเดินเข้ามาขอคำปรึกษาก่อน แล้วกลับไปลองทำใหม่ ถ้าไม่ได้อีกเค้าจึงจะเข้ามาขอความช่วยเหลือ... เรื่องนี้มีผลต่อการที่จะมอบหมายงานให้ดูแลและฐานเงินเดือนมากเลยนะครับ


โดย: merf1970 วันที่: 15 สิงหาคม 2548 เวลา:17:14:55 น.  

 

นั่งเงียบๆๆๆค่ะ
แล้วคิดในใจ ม่ะบอกใครค่ะ
อิ .. อิ..





โดย: หนี่หนีหนี้ วันที่: 15 สิงหาคม 2548 เวลา:18:37:48 น.  

 
อย่างเรา มาย่องผ่าน แล้ว จากไป
โฮกกก โฮกกกก


โดย: เ ม ฆ ค รึ่ ง ฟ้ า วันที่: 15 สิงหาคม 2548 เวลา:23:29:04 น.  

 
ชอบทำอะไรเองมากกว่าครับ แต่ถ้าอะไรที่เหลือบ่ากว่าแรง คงต้องมีการต้องขอความช่วยเหลือกันบ้าง เพราะมนุษย์ยังไงก็ต้องพึ่งพาอาศัยกัน เพราะเราเป็นสัตว์สังคมนะ ว่ามั้ย


โดย: พ่อน้องโจ วันที่: 16 สิงหาคม 2548 เวลา:0:09:03 น.  

 
ปกติไม่ค่อยกล้าขอความช่วยเหลือจากใครอ่ะค่ะ
รู้สึกว่าเกรงใจมาก
ก็เลยจะทู่ซี้ทำเองก่อน ...
...
แต่บางทีมันก็จนปัญญาอ่ะนะ ..
...
เรื่องที่ขอความช่วยเหลือมากที่สุด....
....
ขอเพื่อนว่า...."เหนื่อยอ่ะ.. ช่วยฟังชั้นบ่นหน่อยได้ป่าว" ...


โดย: ซีบวก วันที่: 16 สิงหาคม 2548 เวลา:13:39:25 น.  

 
หวัดดีค่ะ...
ขอบคุณมากนะคะที่แวะไปเยี่ยม พอดีงานยุ่งมากเลยอ่ะค่ะ


โดย: ~nawo~ วันที่: 16 สิงหาคม 2548 เวลา:14:36:27 น.  

 
อิอิ เหมือนพิมพ์ไม่จบ
คือจะบอกว่า งานยุ่งมากเลยหายไปเลย ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้แวะมาเลยนะคะ


โดย: ~nawo~ วันที่: 16 สิงหาคม 2548 เวลา:14:38:59 น.  

 
มาเก็บเอาไว้เวลาต้องการคนช่วยอะ ขอบคุณๆ
รูปน่ารักจังเลย เพิ่งเคยเหงหมูอยู่ใต้ท้องเสือ


โดย: กีวี่สีฟ้า วันที่: 16 สิงหาคม 2548 เวลา:21:13:11 น.  

 
แหะๆ บทความเนื้อหาแน่นอีกละ

อะนะก่อนจะขอความช่วยเหลือผู้อื่นก็คงต้องพึ่งตัวเองก่อน ... สงสัยเราต้องจำข้อนี้ให้ได้ขึ้นใจ


โดย: ลองตอบ IP: 203.113.77.100 วันที่: 16 สิงหาคม 2548 เวลา:23:55:12 น.  

 
Thank you krab.


โดย: POL_US วันที่: 17 สิงหาคม 2548 เวลา:0:47:08 น.  

 
เป็นเคล็ดลับที่ดีมากเลยค่ะ
จะได้จำไว้เวลาต้องการขอความช่วยเหลือจากใคร


โดย: mda IP: 203.159.12.15 วันที่: 17 สิงหาคม 2548 เวลา:15:37:52 น.  

 
เมื่อครั้งเป็นละอ่อน เราก็จะได้แต่นั่งมองให้คนอื่นช่วยทำให้

ครั้นเมื่อใหญ่ขึ้น เราก็จะทำเองไม่ยอมให้คนอื่นช่วยทำให้

จวบจนเป็นพ่อเฒ่าแม่เฒ่า เราก็อยากให้คนอื่นมาช่วยทำให้อีก

เอ ! นี่มันเีืรื่องเีดียวกันหรือเปล่าครับ งง งง


โดย: หน่อไม้ดอง IP: 61.91.74.231 วันที่: 17 สิงหาคม 2548 เวลา:23:24:38 น.  

 
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ..


โดย: peppy_ant วันที่: 18 สิงหาคม 2548 เวลา:10:36:07 น.  

 




โดย: กีวี่สีฟ้า วันที่: 18 สิงหาคม 2548 เวลา:11:22:01 น.  

 
แวะมาอ่านอีก2รอบ อิอิ


โดย: กีวี่สีฟ้า วันที่: 18 สิงหาคม 2548 เวลา:11:29:16 น.  

 
โหลๆๆๆๆ เจ้าของบล็อกหายไปไหนเนี่ย


โดย: พ่อน้องโจ IP: 203.156.76.221 วันที่: 19 สิงหาคม 2548 เวลา:9:52:33 น.  

 

พ่อน้องโจ

ผมชะแว๊บไปทำงานที่ปราจีน 3 วันคับ เพิ่งกลับมาถึงบ้านตอน 6 โมงเย็น รีบนำเรื่องใหม่ลงBlogเสียก่อน เสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำ แล้วก็มาตอบเม้นต์ นี่แหละคับ ขอบคุณที่ถามหา และขอบคุณที่พ่อน้องโจเข้ามาเยี่ยม และเข้ามาเม้นต์บ่อยๆ ผมก็ช่วยตัวเองบ่อยคับ ….เรื่องงานคับ ไม่ใช่เรื่องนั้น

คุณmarvellous boy

หลักการ “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” ถูกแน่นอนคับ ผมเห็นด้วย

คุณกุมภีณ

y y ทำไมเราจะต้องไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่น..จำเป็นมากน้อยแค่ไหน….เพราะช่วยตัวเอง ก็อาจจะทำได้
ขอบคุณคุณกุมภีณที่มาเพิ่มข้อมูลให้

U2

การขอความช่วยเหลือต้องดูความพร้อมและความเต็มใจของผู้ที่จะให้ความช่วยเหลือด้วย
…..ใช่เลย อย่าไปขอตอนเขากำลังกลุ้มใจ หรือไม่สบาย ขอบคุณที่เข้ามาช่วยย้ำ

คุณTo Feel Happy

ผมก็ขอช่วยตัวเองให้ถึงที่สุดก่อน เหมือนกับคุณ

คุณสาวไกด์ใจซื่อ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านบ่อยๆ เด๋วจะไปเยี่ยม

สุภา

ขนาดคนเคยช่วย ไปขอให้เขาช่วยบ้างก็ยาก…..
ใครหนอ ไม่ช่วยเพื่อนเรา มา ผมขออาสาช่วยเต็มที่เอง จะให้ทำอะไรคับ

คุณmerf

ชอบคับ ที่บอกข้อมูลเพิ่มเติมของนักศึกษาบางสถาบันที่อดทนทำด้วยตนเองจนสุดความสามารถเสียก่อน ถ้าทำไม่ได้ จึงจะไปขอให้รุ่นพี่ช่วย และเรื่องน้ำท่วมปาก เมื่อเจอผู้ที่เคยช่วยเหลือเราขอให้เราช่วยกลับคืนบ้าง แต่ผมยังไม่เจอcaseหลังนี้แบบตรงๆคับ

คุณหนี่

คิดอะไร …ผมอยากรู้ อิ อิ

คุณเมฆครึ่งฟ้า

มาย่องผ่าน แล้วโฮกผ่านไป ดีครับ ทำให้รู้ว่าคุณเข้ามาเยี่ยม
ชอบรูปรอยเท้าเสือเคลื่อนไหวของคุณ น่ะ

คุณซีบวก (เมื่อไหร่ จะให้เรียกด๊อกเตอร์)
ฮากลิ้ง เรื่องที่คุณบอก เรื่องที่ขอความช่วยเหลือมากที่สุด........
ขอเพื่อนว่า....'เหนื่อยอ่ะ.. ช่วยฟังชั้นบ่นหน่อยได้ป่าว'

แล้วเพื่อนคุณซี ช่วยป่าวคับ คุณerr_or ช่วย…..หรือช่วยบ่นคับ ขอโทษที่ไปพาดพิงถึงคนอื่น

คุณnawo

ดีใจ ที่ได้ยินเสียง ขอให้สนุกกับงาน และขอให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นนะคับ

คุณกีวี่สีฟ้า

ขอบคุณที่คุณชอบ
Blogของคุณ มีของดีกว่าของผม เย๊อะ!!!

คุณลองตอบ

เข้ามาเยี่ยมบ่อยๆ ขอบคุณ
คำว่า พึ่งตนเอง ฟังแล้วดีกว่าคำว่า ช่วยตัวเอง เนาะ

คุณPOL_US

ขอบคุณเช่นกันคับ

หวัดดีคับคุณmda

เข้ามาบ่อยๆ ขอบคุณ
คุณไม่ค่อย Log in เนาะ ...สงสัยจะงานยุ่ง

หน่อไม้ดอง (คนนี้ เพื่อนพ้ม)
เอ่อ…ไม่ งง
วันนี้ มรึงพูดเรื่องสัจธรรม เชียวนามรึง
“….จวบจนเป็นพ่อเฒ่าแม่เฒ่า เราก็อยากให้คนอื่นมาช่วยทำให้..”
เฒ่าหัวงูเรยยยย มรึงเอ๋ย

คุณpeppy_ant

ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ใช่เลยคับ
ขอบคุณที่เข้ามาเดินเล่น











โดย: yyswim วันที่: 19 สิงหาคม 2548 เวลา:21:17:10 น.  

 
ถ้าเขาคนนั้นเป้นน้องและมีครอบครัวละ


โดย: jupiter IP: 58.10.168.21 วันที่: 2 กันยายน 2548 เวลา:2:16:08 น.  

 
ดีมาก


โดย: รัน IP: 222.123.162.98 วันที่: 9 ตุลาคม 2550 เวลา:9:36:45 น.  

 


โดย: รัน IP: 222.123.162.98 วันที่: 9 ตุลาคม 2550 เวลา:9:39:04 น.  

 
emoemoemoemoemoemoemoemoemoemo


โดย: รัน IP: 222.123.162.98 วันที่: 9 ตุลาคม 2550 เวลา:9:41:50 น.  

 
นุโดนหลอกมาทำงานที่เขมนนุอยากกลับบ้านมาก


โดย: ธิดารัตน์ IP: 36.37.179.78 วันที่: 18 พฤษภาคม 2565 เวลา:4:55:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

yyswim
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]





บล็อกสรรสาระนี้ จขบ.ไม่ได้เขียน-ไม่ได้ถ่ายภาพ-ไม่ได้อัพโหลดคลิปเอง หากแต่ทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการบล็อก เสาะหาเรื่องดีๆ รูปสวยๆ คลิปแปลกๆ มาไว้ในบล็อก


ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยม ขอเชิญชมหรืออ่านตามสบาย ไม่ต้องคอมเมนต์ก็ได้ จขบ.ชอบการเข้ามาเยี่ยม แบบกันเอง ง่ายๆ สบายๆ




เริ่มเขียนBlog เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2548


เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2550 เวลา 23.30 น.


เริ่มนับจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชม




Latest Blogs

New Comments
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2548
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
15 สิงหาคม 2548
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add yyswim's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.