นอน
ผู้แต่ง: ศักดิ์ชัย ลัคนาวิเชียร สำนักพิมพ์: แพรวสำนักพิมพ์ พิมพ์ครั้งแรก มีนาคม 2549 ราคา 155 บาท
งานวรรณกรรมสร้างสรรค์แหวกแนว... นอน ... ยาถอนพิษของสังคมที่ทำงานมากเกินไป คือการตระหนักถึงคุณค่าของการนอน
* * * * * * *
หยิบเล่มนี้มาลองอ่านในร้านแล้ววางเสียทุกทีไป เพราะมันแหวกแนวไปหน่อย จนได้ยืมเล่มนี้จากโครงการ Lend it Forward ของคุณ unwell ถึงได้อ่านเสียที ขอขอบคุณมาไว้ตรงนี้ด้วยค่ะ
เป็นเล่มที่อ่าน/ย่อยยาก ไม่ชวนอ่านยาวเท่าไหร่ เพราะจขบ. ไม่ถูกจริตกับแนวเสียดสีเสียด้วย โดยเฉพาะเมื่อจงใจให้ตัวละครทำอะไรสุดโต่งผิดมนุษย์มนา เช่น ลงไปคุกเข่าคลาน เห่าหอนอย่างสุนัข นอนทั้งวันไม่กินไม่คุยกับใคร
พล็อตคือพระเอกชื่อ เคแอลเอ ลุกขึ้นมาขบถสังคม (โดนไล่ออกจากงานนั่นแหละ) โชคบันดาลให้เขาได้พบกับนักธุรกิจใหญ่ชื่อบีบีซี ซึ่งกลายเป็นผู้อุปถัมภ์ให้เขาพบลัทธิแห่งการนอน เกิดเป็นเรื่องเป็นราวต่อเนื่องไปอีก เมื่อมีคนมานับถือ เลียนแบบ จนเขากลายเป็นตัวก่อกวนในสายตารัฐบาล
ตัวละครในเรื่องจะเป็นชื่อย่อแทบทั้งนั้น เคแอลเอ, บีบีซี, เอบีซี, เจบีซี, ไอเอ็มเอฟ ฯลฯ มีตัวละครหญิงและจอห์น เลนน่อนกับดอนกิโฮเต้เท่านั้นที่ใช้ชื่อปกติ ตัวละครส่วนใหญ่จะไม่มีพัฒนาการ บ้าเงินยังไงก็บ้าเงินยังงั้น บ้างานก็บ้างานจนจบ มีเคแอลเอคนเดียวที่ (คล้ายจะ) มีพัฒนาการบ้าง
เนื้อเรื่องก็โอเค มีอะไรให้ตามอ่านไปเรื่อย ๆ แต่ถูกใจโลกจำลองในเรื่องมากกว่า เพราะถึงจะรู้ว่าเป็นโลกสมมติ มันก็สะท้อนให้เห็นทิศทางที่อาจจะกลายเป็นอนาคตของเราได้ง่าย ๆ (บางจุดนี่เป็นไปแล้ว)
เช่น
การทำงาน: ระบบสังคมในเรื่อง ประชาชนจะไม่หลับไม่นอน แข่งกันทำงานเหมือนหุ่นยนต์เพื่อรักษาตำแหน่งงาน เพื่อสร้างผลผลิตให้ชาติได้ทัดเทียมกับชาติอื่น และเพื่อให้ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีประโยชน์ต่อสังคม ทำงานเก็บเงินมาจ่ายค่าตู้นอน พร้อมหวังจะได้นอนตามธรรมชาติยามแก่ แต่พอแก่ กลับต้องเอาเงินมารักษาร่างกายที่ทรุดโทรมจากการโหมทำงาน
การพักผ่อน: คนจะไม่นอนถ้าไม่จำเป็น และกิน 'ยาขยัน' เพื่อที่จะได้ไม่ต้องนอน เวลาจะนอนก็ไปนอนในตู้นอน (โปรดนึกภาพตู้ขนาดโลงศพเรียงเป็นล็อคเกอร์แบบที่เคยมีในญี่ปุ่น--ไม่รู้เดี๋ยวนี้ยังมีไหม) การนอนหลับโดยไม่ใช้ยาวันละ 8 ชั่วโมงคือสิ่งที่ทุกคนฝันใฝ่..แต่ไม่ทำ
ครอบครัว: สามีภรรยาไม่ค่อยใกล้ชิดสนิทสนมกัน อย่างมากก็นัดเจอกันที่ตู้นอนถ้าว่างทั้งคู่ จุดที่ขำมากคือตู้นอนจะมีเครื่องช่วยระบายความใคร่ให้ผู้ชายด้วย
ปฏิสัมพัทธ์ในสังคม: คนไม่ค่อยพูดกันกันซึ่ง ๆ หน้าจนแทบออกเสียงพูดกันไม่ได้แล้ว ไม่สนใจกัน สะดุ้งตกใจแม้แต่กับคำสบถเล็กน้อย ส่วนใหญ่ คนจะพูดคุยกันผ่านเว็บบอร์ด ถกกันตามหัวข้อที่สนใจ ใครที่ไม่มีงาน ไม่มีเงินถือเป็นคนไม่มีประโยชน์ ไม่มีใครคบด้วย
ปัญหาสังคม: 'ยาขยัน' กลายเป็นสิ่งเสพติดทั้งสำหรับคนวัยทำงานและเด็กนักเรียน สิ่งเสพติดนำไปสู่ปัญหาเด็กใจแตก อาชญากรรม บวกกับปัญหาเดิม ๆ เช่น มลพิษ ขยะล้นเมือง ความยากจน ฯลฯ
การแทรกซึมทางวัฒนธรรม: ในเรื่อง รัฐบาลจะแยกพวกนักต่อต้านสังคมไปไว้ในเขตหนึ่ง ปล่อยให้เป็นชนกลุ่มอิสระอะไรไป แล้ววางนโยบายบ่อนทำลายด้วยการตัดถนน (ชื่อสวยหรูว่าถนนประชาธิปไตย) เข้าไปในชุมชนที่เคยอยู่กันแบบเศรษฐกิจพอเพียง เป็นเหตุให้ชาวบ้านเลิกเข้าวัด หันมาติดจอทีวี ติดเหล้าเคล้าอบายมุข ธรรมชาติกลายเป็นบ้านปูน แหล่งความบันเทิง พร้อมกับค่านิยมใฝ่หาความศิวิไลซ์ของเด็กรุ่นใหม่
ยังมีจุดย่อยที่เสียดสีสังคมได้อย่างเจ็บแสบอีกแทบทั้งเรื่อง (ถึงขนาดที่จขบ. อ่าน ๆ แล้วต้องวางค้างไว้ก่อน ไม่งั้นจะสลดหดหู่กับสังคมเกินไป) สรุปว่าเล่มนี้ การเดินเรื่องไม่มีอะไรพิเศษ--ออกจะเป็นแนวจงใจและพยายามแอนตี้สังคมมากไปด้วยซ้ำ แต่ต้องยอมรับว่าเปรียบเทียบเสียดสีได้จั๋งหนับจริง ๆ ค่ะ
Create Date : 14 กันยายน 2549 |
Last Update : 14 กันยายน 2549 10:43:15 น. |
|
16 comments
|
Counter : 1303 Pageviews. |
|
|
|
ตอนนี้ไม่พร้อมอ่านค่ะ
อ่านได้แต่ต้องเป็นบางอารมณ์ง่ะ
แต่ท่าทางน่าสนใจนะนี่