ถึงตาพิการ แต่ใจยังสู้
บทความ เรื่อง ตาพิการแต่ใจยังสู้
ฉันชื่อ นางสาว นุ่นนิจ ถาวรรัตน์ ชื่อเล่น โรส (Rose) เกิดเมื่อวันพุธ ที่ 29 พฤษภาคม พุทธศักราช 2534 ณ โรงพยาบาลราชวิถี กรุงเทพมหานคร สาเหตุที่ฉันตาพิการ เพราะ เมื่อตอนที่แม่ตั้งท้อง แม่เป็นโรคครรภ์เป็นพิษ ซึ่งหมายถึง ท้องบวม เมื่อถึง 7 เดือน แม่เริ่มทนไม่ไหวแล้ว แพทย์จึงผ่าตัด แล้วฉันก็คลอดออกมา น้ำหนักของฉันหนักเพียง 9 ขีดเท่านั้น เมื่อฉันคลอดออกมาแล้ว แพทย์ก็นำฉันเข้าตู้อบที่ห้อง ICU อยู่เดือนครึ่ง ดังนั้น เส้นประสาทตาของฉันจึงถูกทำลายไปหนึ่งข้าง ทำให้ตาข้างขวาของฉันบอดสนิท แต่ตาข้างซ้ายยังพอมองเห็นอยู่บ้างเลือนราง แยกสีได้
ขณะนี้ ฉันอายุ 15 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ณ โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัยสมบูรณ์กุลกันยา อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ในวันจันทร์ ถึงวันศุกร์ ฉันพักอาศัยอยู่ที่โรงเรียนการศึกษาคนตาบอดธรรมสากลหาดใหญ่ ซึ่งมีนักเรียนประมาณ 40 คน มีทั้งเด็กเตรียมความพร้อมและเด็กเรียนร่วมกับคนปกติ ซึ่งฉันก็เป็นคนหนึ่งที่เป็นนักเรียนเรียนร่วม ทุก ๆ คนอาจสงสัยว่า ฉันเรียนหนังสือกับเด็กปกติได้อย่างไร ฉันอ่านและเขียนอักษรเบรลล์ เมื่อฉันอายุได้ 7 ขวบ ฉันได้ไปเรียนอักษรเบรลล์กับอาจารย์ ณัฐกานต์ ปิมป้อ และเมื่อฉันอายุได้ 8 ปี ฉันก็เริ่มเข้าเรียนกับเด็กปกติเป็นครั้งแรกที่โรงเรียนค่ายเสนาณรงค์วิทยา อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
เมื่อฉันเรียนกับเพื่อน ๆ เพื่อนจะบอกตัวหนังสือหรือข้อความที่ครูเขียนบนกระดานดำ แล้วฉันก็เขียนอักษรเบรลล์ แล้วเมื่อกลับมาถึงที่พัก ฉันก็นำมาพิมพ์เป็นภาษาปกติส่งครู
ชีวิตของฉันนั้นมีทั้งความสุขและความทุกข์คละเคล้ากันไป แต่ฉันคิดว่า ตนเองโชคดีที่มีครอบครัวดี เข้าใจลูก ให้ความรักความอบอุ่นแก่ลูกอย่างเพียงพอ
ครอบครัวของฉันมีกัน 5 คน ดังนี้ 1. พ่อ ชื่อ นาย ทวีศักดิ์ ถาวรรัตน์ 2. แม่ ชื่อ นาง ดวงตา ถาวรรัตน์ 3 ฉัน ชื่อ นางสาว นุ่นนิจ ถาวรรัตน์ 4 น้องสาว ชื่อ เด็กหญิง รินจิต ถาวรรัตน์ 5 คุณตา ชื่อ นาย สว่าง เทพจิตร
ปัจจุบันบ้านของฉันอยู่ที่ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา อยู่ใกล้กับ แหลมสมิหลา แต่อยู่เลยสระบัวมาไม่มากนัก ฉันอาศัยอยู่กับครอบครัวเฉพาะวันเสาร์ และวันเสาร์เท่านั้น
ชีวิตในโรงเรียนเรียนร่วม เป็นชีวิตที่ดี เพราะ ฉันได้รู้จักเพื่อน ๆ ที่มีสายตาปกติหลายคน แต่สิ่งที่ทำให้ฉันทุกข์ใจ คือ มีเพื่อนแกล้ง เช่น หยิก ด่าพ่อล่อแม่ ด่าว่าไม่มีปัญญา ไอ้บอด เป็นต้น แต่ฉันก็คิดว่า คำด่าว่าเหล่านี้ เป็นคำที่ไม่น่าฟัง แต่ฉันก็ให้อภัยและไม่ถือโทษโกรธขึ้ง เพราะฉันคิดว่า คนตาปกติคงจะพูดเพราะสนุกปากเท่านั้น
ชีวิตในหอพัก ฉันก็มีความสุข เพราะ ได้อยู่กับรุ่นพี่ เพื่อน ๆ และรุ่นน้องเตรียมความพร้อมที่ตาพิการด้วยกัน ต่างเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน แต่ก็มีบ้างบางครั้งที่ทะเลาะเบาะแว้งกัน เพียงเพราะต่างฝ่ายต่างก็เหนื่อยจากการไปเรียนหนังสือ
ชีวิตในบ้าน ฉันก็มีความสุขมาก ๆ เพราะเมื่อฉันกลับมาจากหอพัก ฉันจะมีเรื่องกลุ้มใจหรือไม่สบายใจมาเล่าให้พ่อและแม่ฟังเป็นบางครั้ง พ่อแม่ก็จะปลอบใจ และให้กำลังใจฉัน ฉันรู้สึกมีความสุขมากเมื่อได้พูดระบายความทุกข์ออกมา แม่จะคอยปลอบโยนฉันให้คลายทุกข์โดยการพูดปลอบใจ และใส่มุขตลกขำขันลงไปในบทสนทนาด้วย ทำให้ฉันรู้สึกสนุกสนานและเหมือนกับยกภูเขาออกจากอก
แม่ของฉันเป็นคนใจดี อบอุ่น เพราะท่านทำงานที่โรงพยาบาลสงขลา ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ส่วนพ่ออยู่ที่บ้าน คอยรับส่งน้องสาวไปโรงเรียนและดูแลคุณตา ซึ่งอายุ 90 ปีแล้ว แต่ยังแข็งแรงและตลกขบขันไม่แพ้แม่
ส่วนน้องสาวของฉันกำลังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ณ โรงเรียนเทศบาล 4 ( บ้านแหลมทราย ) ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ บ้าน น้องสาวของฉันเป็นเด็กที่น่ารัก อ่อนหวาน ขี้เล่น บางคราวก็ทำให้ฉันหัวเราะได้ ยิ้มได้ สนุกสนานเฮฮาไปตามประสาเด็ก
ฉันรักคุณพ่อ คุณแม่ น้องสาว และพ่อเฒ่า ( คุณตา ) ของฉันมาก ๆ เพราะทั้ง 4 คนได้นำความสุขมามอบให้ฉันอย่างมากมาย
ถึงฉันจะตาพิการ แต่จิตใจฉันก็เปี่ยมไปด้วยความสุข และพร้อมที่จะต่อสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ ที่ขวางกั้นอยู่ข้างหน้า คติในใจของฉันคือ ฉันมีมีดอยู่ในหัวใจ 2 เล่ม เล่มหนึ่งเป็นด้านที่ชำรุดทรุดโทรม ซึ่งหมายถึงวันที่ฉันร้องไห้ และมีความทุกข์ใจมาก ๆ มีดเล่มที่สอง คือ มีดที่ใหม่เอี่ยมอ่องและคมกริบ ซึ่งหมายถึง วันที่ฉันมีร้อยยิ้ม และพร้อมที่จะต่อสู้กับความทุกข์หรือปัญหาต่าง ๆ
ฉันมีกำลังใจอย่างมากมายมหาศาล เพราะมีพ่อแม่ น้อง และคุณตาอยู่รอบข้าง ยามฉันมีความทุกข์ ฉันก็จะนึกถึงพวกเขาเหล่านี้เสมอเมื่อฉันอยู่ที่หอพัก
ฉันมีแรงบันดาลใจที่จะพิมพ์บทความบทนี้ จากแม่ เพราะ แม่เห็นว่าฉันมีความสามารถทางด้านภาษาไทย ซึ่งฉันก็ชอบมันจริง ๆ เพราะภาษาไทยเป็นวิชาที่เรียนง่าย เข้าใจง่าย และสนุกสนาน ฉันวาดฝันไว้ว่า เมื่อฉันเรียนจบจากโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัยสมบูรณ์กุลกันยาแล้ว ฉันจะไปต่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย และเมื่อจบแล้ว ฉันจะไปต่อที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ฉันตั้งใจจะเรียนคณะศิลปะศาสตร์ เอกภาษาไทย เพราะฉันอยากจะประกอบอาชีพครูสอนนักเรียนตาพิการ เพราะฉันอยากให้เด็กที่ตาพิการในประเทศไทยมีคุณภาพเท่าเทียมกับเด็กตาปกติ สาเหตุที่ฉันตั้งใจจะเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั้น เพราะ พ่อและแม่ของฉันก็จบจากที่นั่น ฉันอยากจะรักษาสถาบันเก่าของพ่อและแม่เอาไว้
ฉันเคยท้อบ้างในบางครั้งว่า ทำไมฉันถึงต้องเกิดมาตาพิการด้วย แต่เมื่อฉันได้อ่านผลงานของผู้พิการรายอื่น ๆ ฉันก็มีกำลังใจที่จะต่อสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ บทความนี้ฉันจัดพิมพ์ขึ้นจากความรู้สึกของฉันเอง เพราะ ฉันอยากจะให้ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานที่พิการทั้งหลายได้อ่าน เพราะ ถึงแม้เราจะตาพิการก็จริง แต่จิตใจของเรายังมีความแรงกล้า และมีความปกติดีอยู่ เมื่อท่านทั้ง หลายได้อ่านบทความนี้จบแล้ว ถ้าท่านชอบหรืออยากจะทราบข้อมูลของฉันเพิ่มเติมก็เขียนจดหมายตอบมาได้นะคะ ที่อยู่ของฉันนั้น ฉันจะพิมพ์ไว้ข้างล่างนี้ค่ะ ก่อนที่ทุก ๆ ท่านจะได้ทราบถึงที่อยู่ของฉัน ขอให้อ่านบทกลอนต่อไปนี้ก่อนนะคะ
คนพิการใช่ว่าจะไร้ค่า บอดแค่ตาแต่ใจยังมีหวัง พร้อมจะสู้ฟันฝ่าไม่เซซัง ไปจนถึง ฝั่งฝันที่ตั้งไว้ ถึงแม้จะตาบอดมองไม่เห็น แต่ไม่นึกลำเค็ญในโชคลาภ ไม่เคยคิดว่าเราโดนคำสาป แต่คิดว่าโชคลาภนี้ดีจริง ขอให้เพื่อนที่พิการทั้งหลาย อย่าใจหายและคิดว่าไร้ค่า จงสู้ต่อและอย่าท้อในชะตา คนเรานั้นมีค่าทุกคนเอย
( พิมพ์โดย น.ส. นุ่นนิจ ถาวรรัตน์ )
ขอเป็นกำลังใจแก่ผู้พิการทุก ๆ คนค่ะ ที่อยู่ของฉัน บ้านเลขที่ 10/12 ถนนชลเจริญ ซอย 1 ต. บ่อยาง อ. เมือง จ. สงขลา 90000 โทรศัพท์ 074 321195
Create Date : 28 ตุลาคม 2549 |
|
8 comments |
Last Update : 28 ตุลาคม 2549 11:12:11 น. |
Counter : 1177 Pageviews. |
|
|
|
ไม่รู้ว่าตอนนี้น้องเค้าเข้าธรรมศาสตร์ได้รึยัง
ยังไง TULA ยินดีต้อนรับเสมอ...