เล่าเรื่อง โดนเด็กล้อว่า ตาบอด
สวัสดีค่ะ แฟนคลับที่น่าร้ากทุก ๆ ท่าน ช่วงนี้หนูใกล้จะสอบปลายภาคแล้ว ยู้ฮู ดีใจจุงเบย ใกล้จะขึ้นปี 4 แย้ว อีก 1 ปีก็จะฝึกสอนแล้ว ตื่นเต๊น เอาละค่ะ วันนี้หนูจะมาเล่าเรื่องใหม่ให้ฟัง แต่ ก่อนที่จะเล่า หนูได้เข้าไปทำการ ย้อนอดีต บล็อก ที่หนูเขียนทั้งหมดทั้งมวลจากเน็ต ( พอดีว่าลงจากเขามาได้แล้วน่ะนะคะ ) แล้วก็เข้าไปอ่านคอมเมนต์ และกำลังใจจากแฟนคลับทุกท่าน อยากทราบว่า แฟนคลับทุกท่านสบายดีกันบ้างหรือเปล่า หนูมีเรื่องเล่าตั้งเยอะเลย แล้วก็เฝ้ากำชับคุณพ่อให้รีบ ๆ ลงหน่อย อยากให้แฟนคลับอ่านไว ๆ แล้ววันนี้ 4 มีนาคม 57 หนูก็จะมาเล่าเรื่องใหม่ที่ได้ประสบมาค่ะ คือว่า เหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมานี่เอง หนูและพี่เจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่ในศูนย์การศึกษาพิเศษในมหาวิทยาลัย พากันเดินออกจากตึกการศึกษาพิเศษเพื่อไปรับลูกสาวของพี่ค่ะ ลูกสาวของพี่เจ้าหน้าที่ท่านนี้เรียนอยู่ชั้นอนุบาลในโรงเรียนสาธิต ซึ่งเป็นโรงเรียนสมัยประถมของหนู เมื่อเดินเข้าไปในโรงเรียนแล้ว ว้าว เปลี่ยนไปเยอะเลย หนูคิดในใจพลางรำลึกถึงอดีตสมัยที่ตนเองกำลังศึกษาอยู่ เมื่อไปถึงชั้นอนุบาล นักเรียนต่างเตรียมตัวกลับบ้าน โดยมีอาจารย์คอยประกบดูแล ขณะที่พี่เจ้าหน้าที่เข้าไปเซ็นชื่อรับลูกสาวกลับ หนูก็ยืนหน้าซีดลง ๆ ทำไมถึงหน้าซีดน่ะหรือคะ ก็เพราะหนูได้ยินคำล้อจากน้องอนุบาลทั้งหลายว่า ไอ้พี่ตาบอด ไอ้ตาบอด ๆ ๆ ความจริงหนูควรจะชินสิ ใช่ไหม แต่ความที่หนูไม่ได้โดนล้อมาหลายปีดีดัก แถมตอนที่โดนล้อบางครั้งจะเป็นเด็กคนเดียว ไม่ใช่เป็นฝูง ( ขออนุญาตใช้คำนี้นะคะ เพราะเด็กหลายคนมาก ) รุมล้อมเข้ามาล้อ และมีบางคนถามว่า ทำไมตาพี่เค้าถึงเป็นแบบนี้ครับ โชคดีที่พี่เจ้าหน้าที่ซึ่งเซ็นชื่อเสร็จแล้วมองเห็นเหตุการณ์เข้า จึงมาช่วยกู้สถานการณ์ว่า พี่เค้าตาเจ็บลูก น้องคนนั้นก็หยุดถาม และดูท่าทางจะเป็นเด็กที่เข้าใจอะไรง่าย และมารยาทดีมาก ๆ เสียด้วย เพราะดูดจาสุภาพและไม่ล้อ แล้วเมื่อเด็กซาลง ( หมายถึงเสียงล้อเริ่มซาลง ) หนูเลยเดินเข้าไปบอกอาจารย์ว่า ครูขา เมื่อกี้น้องเค้าล้อว่าหนูตาบอดค่ะ อาจารย์ตกใจ เลยบอกว่า เดี๋ยวครูจะสอนน้องให้นะลูก ที่หนูบอกอาจารย์ไปอย่างนั้น หนูไม่ได้ฟ้องให้อาจารย์เห็นใจหรอกนะคะ แต่หนูต้องการให้อาจารย์บอกน้องว่า ไม่ควรล้อผู้ที่พิการ เพื่ออนาคตของน้องค่ะ ไม่ได้มีจุดประสงค์จะฟ้องเพื่อเรียกร้องความสนใจเลย แต่ต้องการให้น้องเข้าใจและเรียนรู้ว่า สิ่งใดควรพูดหรือไม่ควรพูด เพื่ออนาคตของพวกเขาค่ะ หนูเข้าใจค่ะว่า เด็ก โดยเฉพาะเด็กอนุบาลด้วยแล้ว เห็นอะไรก็มักพูดตามใจคิด โดยไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมา หนูจึงไม่ถือโทษโกรธน้อง แต่ที่หน้าซีดเพราะไม่เคยโดนล้อแบบประชิดตัวหลายคนแบบนี้ อย่างดีก็แค่หนูเดินผ่านไปและมีน้องแค่ 1 คนตะโกนว่า ตาบอด ๆ เท่านั้นค่ะ นี่คือประสบการณ์ที่หนูอยากจะนำมาเล่าให้แฟนคลับที่น่ารักของหนูได้รับฟัง เมื่อหนูกลับถึงบ้าน หนูถามคุณพ่อว่า พ่อ ทำไมเวลาเราว่าตัวเองว่า ตาบอด เราไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย รู้สึกเฉย ๆ แต่เมื่อคนอื่นมาจี้ มาว่าเราว่า ตาบอด เรากลับสะดุ้ง พ่อตอบว่า ก็เหมือนกับเราเอามือตีตัวเองไง เมื่อเราตีเราก็รู้สึกเจ็บบ้าง เฉย ๆ บ้าง เพราะอยู่ที่ระดับการลงน้ำหนักมือ บางทีที่เราเฉย ๆ เราอาจจะตีเบา ๆ แต่ถ้าเราตีแรงเราก็จะรู้สึกเจ็บ แต่ที่ลูกรู้สึกเฉย ๆ เวลาลูกพูดถึงตัวเองด้วยคำว่า ตาบอด ก็เพราะลูกตีตัวเองอย่างเบา ๆ แต่ถ้ามีคนมาว่าเราว่า ไอ้ตาบอด แล้วลูกรู้สึกสะดุ้ง ก็เปรียบเหมือนกับว่า ลูกโดนคนอื่นตี จึงรู้สึกเจ็บ บางทีหนูอาจจะเขียนวกไปวนมานะคะ เพราะคุณพ่อเปรียบเทียบแบบนั้น และหนูก็เข้าใจแจ่มแจ้งแดงแจ๋ เท่านี้ก่อนนะคะ ไว้สอบปลายภาคเสร็จเมื่อไร หนูจะมาคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ทุกวันเลยค่ะ เพราะมหาวิทยาลัยเปิดอีกทีก็ 11 สิงหาคมโน่นแน่ะ ดีใจจังเยย วิกวี่ว ไปก่อนนะคะ จุ๊บ ๆ
Create Date : 05 มีนาคม 2557 |
Last Update : 5 มีนาคม 2557 14:17:47 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1448 Pageviews. |
|
|
พี่ชอบที่คุณพ่อของน้องเอ่ยเปรียบเปรยมากค่ะ คิดแล้วก็ประทับใจ อย่าว่าแต่คนตาบอดเลยค่ะ คนตาดีๆแบบพี่บางทีก็มีปมด้อยเหมือนกัน ที่ไม่อยากให้ใครมาพูดหรือทำอะไรให้กระทบจิตใจ มันก็รู้สึกแบบที่น้องรู้สึกจากการถูกล้อค่ะ พี่เข้าใจดีเลย
พี่ว่า น้องมีดีกว่าพี่ตรงจิตใจที่เข้มแข็งกว่าเยอะ
ถ้ามีโอกาสจะกลับมาเยี่ยมอีกนะคะ